30 เมษายน 2552 23:37 น.
ม่านดอย
ปฏิบัติธรรมพุทธหยุดเจ็ดวัน
ละโลกอันวุ่นวายใจสับสน
น้อมรับพระรัตนตรัยใส่กมล
ละตัวตนตัดกิเลศเหตุทุกข์ตรม
รักษาศีลแปดข้อไม่ย้อหย่อน
ก่อนเข้านอนตื่นตอนเข้าเราสุขสม
ทำวัตรเข้าวัตรเย็นเพ่งอารมณ์
มือพนมก้มกราบอาบอิ่มใจ
อนุโมทนาสาธุทุกทุกท่าน
ดลบันดาลได้ส่วนบุญกุศลใส
ที่ขะเจ้าตั้งจิตกิจธรรมใด
แผ่เมตตาไปให้ได้นิพพาน
ครบเจ็ดวันเมื่อไหร่ใจสดชื่น
จะหวลคืนบ้านกลอนอ้อนขับขาน
ด้วยหทัยใฝ่ศิลป์จินตการ
สร้างวิมานเลิศรสบทกวี
ขอพักปฏิบัติธรรมก่อนนะเจ้า แล้วจะกลับมาเขียนกลอนต่อเจ้า
30 เมษายน 2552 01:39 น.
ม่านดอย
ดาริกาดาษดื่นคืนเดือนดับ
นอนไม่หลับขยับกายร่ายอักษร
อักษราวาจาว่าด้วยกลอน
มาเว้าวอนออดอ้อนก่อนนิทรา
เอื้อมมือเปิดฟังเพลงบรรเลงแผ่ว
เสียงหวานแว่วไพเราะเพราะหนักหนา
เนื้อความนัยสัพยอกบอกกานดา
หลับเถิดหนาคนดีพี่กล่อมนอน
เพลงดึกเอยดึกแล้วแก้วตาพี่
โถคนดีเปลี่ยวกมลทนกอดหมอน
เจ้านวลน้องจงนิทราอย่าอาวรณ์
เพียงบังอรฝันถึงบ้างยามห่างกัน
นี่ก็ดึกแล้วหนอพอก่อนหนา
ถึงเวลาพักผ่อนนอนหลับฝัน
เพื่อเก็บแรงกายใจไว้ฝ่าฟัน
รุ่งอีกวันกับงานสานต่อไป
29 เมษายน 2552 00:59 น.
ม่านดอย
งามการะไรใยม่านเมฆเฉกสวรรค์
แสงนวลจันทร์ยามค่ำคืนรื่นหรรษา
มองดวงดาวพราวระยับงามจับตา
กลางพนาฟ้าโพยมโฉมราตรี
แว่วเสียงซอคลอเคล้าเหงาลมผ่าน
ริมลำธารไหลรินถิ่นสุขี
โฉมสอางค์ร่างระหงส์ทรงโสภี
เหล่านารีแวกว่ายในสายชล
อากาศร้อนนอนไม่หลับสดับเสียง
หวานสำเนียงน้องนางกลางเวหน
กระเซ้ากันยามเล่นน้ำฉ่ำกมล
อยากยินยลรูปลักษณ์พักตร์คนงาม
ตลึงแลแม่เนื้อนวลชวนใจหวั่น
ผ่องผิวพรรณงามนักจักใคร่ถาม
เป็นเทพีถิ่นใดเล่าเจ้านงราม
จึงได้งามจับจิตน่าชิดชม
28 เมษายน 2552 01:38 น.
ม่านดอย
แว่วเพลงหวานหอมหวลใครครวญหนอ
ดนตรีคลอเพราะพริ้วหวิวหวั้นไหว
เสียงหวานเศร้าเย้ายวนป่วนฤทัย
ยืนปล่อยใจเคลิ้มฝันใต้จันทรา
อยากฝากคำรักวอนอ้อนไปถึง
คนที่ซึ่งอยู่แสนไกลปลายเวหา
ว่าคนอยู่ป่าดงส่งกลอนมา
ข้ามฟากฟ้าไปหายอดยาใจ
คนไกลจ๋ารู้ไหมว่าขะเจ้าเหงา
ไม่มีเงาคนเคยปลื้มลืมไฉน
เป็นอะหยังทำเมินเหินห่างไป
ร้ายเหลือใจไม่เมตตาขะเจ้าเลย
คนึงหาน้ำตาปลิ่มริมสองแก้ม
เดือนข้างแรมคล้อยต่ำช้ำอกเอ๋ย
คิดถึงวันก่อนเก่าสองเราเคย
ไยทำเฉยเย็นชาน่าน้อยใจ
หรือว่าชังน้ำหน้าขะเจ้าแล้ว
ไม่เหลือแววลึกซึ้งจึงผลักไส
ทำทุกอย่างเพื่อทิ้งห่างไปไกล
ต้องจำใจลืมทุกสิ่งแล้วหญิงเอย
26 เมษายน 2552 23:11 น.
ม่านดอย
สุริยาลาลับไปปลายสิงขร
สายลมวอนจูบพลิ้วทิวทุ่งฝัน
เสียงขลุ่ยครวญหวนไห้ใกล้สายัณห์
ถ้อยจำนรรยังซึ้งตรึงทรวงใน
เดินทอดน่องตามคันนาน้ำตาร่วง
มองดูรวงข้าวเขียวเป็นเกลียวไหว
เหมือนความรักของเราเริ่มแกว่งไกว
เหตุไฉนไยเล่าเขาหมางเมิน
หยุดพักพิงอิงกายใต้ตาลเดี่ยว
หัวใจเปลี่ยวยิ่งนักรักห่างเหิน
ถึงเวลารักแตกแยกทางเดิน
เจ็บเหลือเกินเดินอ้างว้างทางมืดมน
ร้อยเสน่หาภาษาใจฝากไปถึง
ครวญคนึงถึงคนไกลปลายเวหน
พร่ำภาวนาขอรักทวนหวลบัดดล
ดังต้องมนต์รักเรียกหายอดยาใจ