16 มีนาคม 2549 02:56 น.
มือ ไหม้พาย
-๑-
ครั้งหนึ่งมีต้นไม้
ชื่อ สมชาย นีละไพจิตร
กอบเกื้อเพื่ออุทิศ
ทั้งชีวิตแก่แผ่นดิน.
-๒-
ต้นยางมีรอยพรุน
จากกระสุนจนแหว่งวิ่น
กิ่งก้านก็พังภินท์
น้ำยางรินเป็นน้ำตา.
ศาลเตี้ยจึงถูกตั้ง
มีแต่คลั่งมีแต่ฆ่า
คน รังแกคนเรื่อยมา
ก็รู้ว่าไม่ใช่ คน.
ความตายถูกปกปิด
ไร้ความผิดไร้เหตุผล
นักฆ่า ผยองจน-
คิดว่าตนคือผู้ชนะ.
-๓-
เขาจึงลุกขึ้นสู้
ด้วยความรู้ด้วยสัจจะ
สู้อย่างอารยะ
เพื่อปลดแอกสู่อิสรา.
ซับเลือดรอยแผลนี้
ซับน้ำที่เปื้อนดวงหน้า
เขี่ยผงที่เข้าตา
ให้เห็นตาดวงสีดำ.
ผ่านแดดมากี่หน
กี่สายฝนกระหน่ำซ้ำ
พายุอยุติธรรม
มิอาจย่ำเหยียบหัวใจ.
สันติภาพแห่งหญ้าแพรก
ก็จะแตกเป็นไม้ใหญ่
ดอกไม้จะบานใส
นั่น ดาหวันจะขึ้นแล้ว.
-๔-
เมฆทมิฬยังกินฟ้า
ใบสั่งฆ่าว่อนทั้งแถว
ชีวิตแขวนบนแนว
ไว้ระหว่าง อยู่หรือตาย.
รันทดและอดสู
เมื่อกฎหมู่เหนือกฎหมาย
คดีอุ้มทนายสมชาย
คือข่าวร้ายในแผ่นดิน.
คำถามไร้คำตอบ
จึงบอบช้ำไม่สุดสิ้น
ใบไม้ที่ร่วงริน
จึงเรี่ยหล่นไร้ร่องรอย.
ยิ่งหายิ่งไม่เห็น
ความเป็นธรรมอันถดถอย
ภาครัฐหลับตาผล็อย
ปล่อยความผิดมาพึ่งพา.
ต้นหญ้าต่างร้องไห้
มวลดอกไม้ต่างร้องว่า
ชีวิตของชาวประชา
มันไร้ค่าหรืออย่างไร.
แผ่นดินที่เคยสุข
ก็อาบทุกข์ลุกเป็นไฟ
ลาญรุมสุมกลางใจ
จึงหมองไหม้ทุกข์ทรมาน.
กี่รักละลายเรื่อ
กี่ความเชื่อถูกแผดผลาญ
แต่บางใจจะทัดทาน
มาร้าวรานเพื่อมวลชน.
-๕-
ลมหายใจไม่คงที่
แต่ความดีสิคงทน
ความโศกจะสร้างคน
ให้เติบตนทางความคิด.
วันนี้มีต้นไม้
ชื่อ สมชาย นีละไพจิตร
ที่ยังมีชีวิต
ณ อ้อมจิตของแผ่นดิน.
...........................
แด่...สมชาย นีละไพจิตร
๑๒ มีนาคม : ๒ ปีการหายไปของทนายสมชาย
5 มีนาคม 2549 20:00 น.
มือ ไหม้พาย
บนฟ้านั้นมีลม
อันขื่นขมและขื่นคาว
หม่นเมฆวิเวกหนาว
กลบทั้งดาวทั้งแสงเดือน.
เจ้านกพิราบขาว
จำทนกร้าว -พายุเถื่อน
แต่เสียงหัวใจเตือน
นักข่าวต้อง เล่าความจริง
อำนาจเงินนั้นฤา
มิอาจซื้อได้ทุกสิ่ง
ให้ขายจรรยาบรรณทิ้ง
แม้ต้องตายก็ไม่ยอม.
ความจริงอาจไม่สวย
ดั่งดอกไม้ที่หวานหอม
แต่ความจริงจะรายล้อม
เป็น"ดาว" เรืองลำเลียงทาง.
และแล้วเกียรติยศ
จะปรากฏทุกก้าวย่าง
มุ่งมั่นอย่าลาร้าง
ประดับนาม นักข่าวไทย
--------------------------
๕ มีนาคม : วันนักข่าว
ขอเป็นกำลังใจแด่...นักข่าวและสื่อมวลชนเพื่อประชาชน