30 มิถุนายน 2548 15:01 น.
มือ ไหม้พาย
แน่ะ! เรามาดูนก
ซึ่งมิได้โผนผกอยู่บนฟ้า
ทำรังอาศัยในสภา
ด้วยตราผู้แทนประชาชน.
เหล่านกพวกนี้ต่างมีเสียง
แต่เถียง-พูดไปก็ไร้ผล
ใครบ่น...จะต้อนขับให้อับจน
เหมือนคนไร้คำไร้สำเนียง.
นกบางตัวอยากร้องให้ก้องโลก
ประกาศคำระส่ำโศกจนสุดเสียง
ดีกว่าอยู่แต่ในกรงตรงระเบียง
ที่จะเลี้ยงจะทิ้งขว้างก็ช่างมัน.
ใช่หรือไม่...นั่นคือเสียงการต่อสู้
ของผู้ที่ประชาฝากฝัน
นกตัวนี้กล้าขืนฝืนอธรรม์
ซึ่งบีบคั้นระหว่าง อยู่หรือตาย.
------------------
และแล้วความจริงจึงปรากฎ
เสียงร้องแห่งขบฎหมดความหมาย
นกที่ร้องตัวนั้นช่างน่าอาย
มันร้องเพราะ'กระหาย'ตำแหน่งมัน.
พวกนกเหล่านี้ไม่มีเสียง
และไม่อยู่ข้างเคียงประชาฉันท์
อยู่เพื่อยึดเหนี่ยวพวกเดียวกัน
ทุจริตคอรัปชั่นเป็นครอบครัว.
แล้วเราจะอยู่กันอย่างไร
เมื่อแผ่นดินยากไร้-ไฟสลัว
เห็นยักษ์เห็นมารเดินกันทั่ว
ก็เพราะมัวสงบปากสงบคำ.
เหล่านกพวกนี้มีสนตะพาย
แม้มิใช่วัวควายข้างโคลนคร่ำ
มิใช่นกของประชา-ประชาธรรม
มิเคยบินหลุดจากถ้าแห่งมายา.
------------------
แน่ะ! เรามาดูนก
ซึ่งมิได้โผนผกอยู่บนฟ้า
ทำรังอาศัยในสภา
ด้วยตราผู้แทนประชาชนฯ.
- - - - - - - - - - -
แด่...ส.ส.บางท่าน
อันเนื่องมาจากความชำรุดทางการเมือง.
26 มิถุนายน 2548 22:31 น.
มือ ไหม้พาย
วันนั้นฝันร้ายได้มาถึง
เพลงเศร้าอื้ออึงรำพึงเสียง
ร่ำร้องก้องไปไร้สำเนียง
ยินเพียงเสียงคลื่นสะอื้นดัง.
แม่จ๋า...พ่อจ๋า...อยู่ไหน
มองไป มองไป ไร้ความหวัง
ลูกเอ๋ย...อยู่ไหน ใจแม่คลั่ง
หรือเราอยู่คนละฝั่งละฟากฟ้า.
แม่คะ...ทำไมพ่อยังไม่กลับ
พ่อครับ...เมื่อไรน้องเลิกซ่อนหา
ลูกเอย...ไยเจ้ายังไม่มา
กลับเถิดหนา...แม่จวนจะขาดใจ.
พี่จ๋า...วันนี้ฝนตกหนัก
เพิงพัก ของเราจะพังไหม
หลังคารั่วเปียกเราไม่เท่าไร
แต่เหน็บหนาวหัวใจ...ใครช่วยกัน?.
ผ่านมาแล้วครึ่งปีที่เศร้าโศก
น้ำตาแห่งโลกเคยโศกศัลย์
น้ำใจยื่นมาสารพัน
วันนี้มันสิ้นแล้วหรือไร.
กี่ศพที่รอการกลับบ้าน
พ่อแม่ลูกหลานรอบ้านใหม่
น้ำตายังมิเหือดมิแห้งไป
หรืออาจไม่มีวันเป็นเหมือนเดิม.
ไม่รู้พรุ่งนี้เป็นเช่นไร
จะอยู่หรือตาย...ทุกข์พอกันฯ.
-----------------------------
6 เดือน แห่งคราบน้ำตา-ทซึนามิ.
-แต่น้ำตายังไม่แห้ง-
19 มิถุนายน 2548 16:47 น.
มือ ไหม้พาย
เธอคือดอกไม้
แย้มกลีบผลิใบในวัยหวาน
แต่แผ่นดินมืดหม่นอนธการ
เธอจึงต้องผลิบานเพื่อสังคม.
ดอกไม้ดอกนี้
เติบโตตามวิถีที่เหมาะสม
ด้วยน้ำเลี้ยงอุดมการณ์อันอุดม
ด้วยแดดลมแห่งประชาธิปไตย.
สองมืออันบอบบาง
กรำถางทางธรรม์อันยิ่งใหญ่
ปลดแอกป่าเถื่อนเพื่อเป็นไท
สร้างหวังครั้งใหม่ให้แผ่นดิน.
มือเปล่าจะสู้กระสุนปืน
จะหยัดยืนเด่นท้าภูผาหิน
เมื่อหมู่เมฆหมอกหม่นทมิฬ
จึงกู่ร้องให้โลกยินเสียงประชา.
เธอปลุกทุกเพื่อนพ้อง
เพื่อร่ำร้องเสียงเพลงแห่งคนกล้า
อาจมีแผล รอยเลือดและน้ำตา
ก็จะแลกชีวาเพื่อประชาชน.
เพื่อสันติภาพและเสรี
วันนี้ยังก้าวย่างกลางสายฝน
มือยังกำเหงื่อชื้นยังฝืนทน
กลั่นกมลเป็นต้นธารอันเรื่อริน.
ดอกไม้ดอกนี้มิโรยร้าง
แสงสว่างแห่งอธิปไตยยังไม่สิ้น
แม้ถูกรั้งขังไว้ในบางถิ่น
ใจจะบินเพื่อจะชนะชัย.
อองซาน ซูจี
วีรสตรีแห่งสมัย
คือดอกไม้แห่งประชาธิปไตย
ที่ผลิบานกลางใจของมวลชนฯ.
---------------------------------
60 ปี อองซาน ซูจี
ดอกไม้แห่งประชาธิปไตย.