20 ธันวาคม 2548 00:38 น.
มาลียา
๐มิตรมิ่งขวัญ
ไยเจ้าโศกจาบัลย์ไร้วันสุข
แววตาสร้อยทุรายรนดังปนทุกข์
คราวกระแสยุคพัดถมให้จมลวง
๐เมื่อเพลาเคลื่อนคล้อยมีร้อยเรื่อง
เจ้าจักเปรื่องหรือเขลาใต้เงาสรวง
เจ้าจักช้ำหรือชื่นตื้นเต็มทรวง
หรือถามทวงความหมายที่สายไป
๐ในกาลโลกโตรกผาธารารื่น
ทุ่งพนาหมื่นอื่นแสนแม้นไศล
ล้วนผันผกตกสลายกลับกลายไกล
เช่นครรไลในวัฎฎะวาระระทม
๐มิสายดอกมิ่งมิตรคิดจะสรวล
จุ่งแย้มยวลกับบุปผาให้สาสม
ลืมลึกร้าวหนาวร้อนซ่อนใจจม
จุ่งยิ้มหลายกับสายลมที่พรมม่าน
๐ในเรียวโค้งขอบขุ่นฟ้านภาผืน
กระจ่างแขดื่นหาวดาษดาวผสาน
มิเพียงหนึ่งโดดเดี่ยวเทียวท้อกาล
พรากทุกข์ผ่านสู่อรุณรุ่งของพรุ่งนี้ ฯ
12 ธันวาคม 2548 08:05 น.
มาลียา
๐หอมละไมไออุ่นละมุนฝัน
ผูกพันรอยเคียงเพียงไหวหวาม
โพ้นขอบโค้งนภาพร่าแสงคราม
ดังนิยามค่าอาทรอาวรณ์ทรวง
๐หอมคำนึงถึงดาวที่พราวพร่าง
สุกกระจ่างกลางดึกหนาวลึกล่วง
เด่นท่ามแนวแพรวนัยน์ไสวดวง
หัวใจร่วงลาหล่นหม่นเคลื่อนคลาย
๐เก็บเดือนงามในหัวใจใครคนหนึ่ง
แนบคำนึงซึ้งซ่านหวานความหมาย
หวงแหนอ้อมห้อมกอดที่ทอดกาย
ฤๅวางวายสายสัมผัสที่ชัดเจน
๐เก็บพันธะผนึกแน่นฝากแทนรัก
ทวนประจักษ์ทุกถ้อยแม้นร้อยเร้น
โยงใยเยื่อเงื่อนเหงาเท่าจำเป็น
ด้วยเหมือนเช่นเห็นหัวใจอันไหวเอน ฯ