6 ตุลาคม 2549 20:26 น.
มาลียา
ลมเพียงไหวไหว
หากทว่าหัวใจฉันพลันเหน็บหนาว
ประกายดาวพร่าแต่ว่านัยน์ตาพราว
ฉันจะกล่าวคำคิดถึงสักครึ่งใจ ฯ
ดึกดื่นคืนดาวดับฉันนับเดือน
ความรักหวั่นเหมือนใบไม้ไหว
ท่ามกระแสลมผ่าน-ใครผ่านไป
เหลือเพียงความหวามไหวให้คำนึง ฯ
20 ธันวาคม 2548 00:38 น.
มาลียา
๐มิตรมิ่งขวัญ
ไยเจ้าโศกจาบัลย์ไร้วันสุข
แววตาสร้อยทุรายรนดังปนทุกข์
คราวกระแสยุคพัดถมให้จมลวง
๐เมื่อเพลาเคลื่อนคล้อยมีร้อยเรื่อง
เจ้าจักเปรื่องหรือเขลาใต้เงาสรวง
เจ้าจักช้ำหรือชื่นตื้นเต็มทรวง
หรือถามทวงความหมายที่สายไป
๐ในกาลโลกโตรกผาธารารื่น
ทุ่งพนาหมื่นอื่นแสนแม้นไศล
ล้วนผันผกตกสลายกลับกลายไกล
เช่นครรไลในวัฎฎะวาระระทม
๐มิสายดอกมิ่งมิตรคิดจะสรวล
จุ่งแย้มยวลกับบุปผาให้สาสม
ลืมลึกร้าวหนาวร้อนซ่อนใจจม
จุ่งยิ้มหลายกับสายลมที่พรมม่าน
๐ในเรียวโค้งขอบขุ่นฟ้านภาผืน
กระจ่างแขดื่นหาวดาษดาวผสาน
มิเพียงหนึ่งโดดเดี่ยวเทียวท้อกาล
พรากทุกข์ผ่านสู่อรุณรุ่งของพรุ่งนี้ ฯ
12 ธันวาคม 2548 08:05 น.
มาลียา
๐หอมละไมไออุ่นละมุนฝัน
ผูกพันรอยเคียงเพียงไหวหวาม
โพ้นขอบโค้งนภาพร่าแสงคราม
ดังนิยามค่าอาทรอาวรณ์ทรวง
๐หอมคำนึงถึงดาวที่พราวพร่าง
สุกกระจ่างกลางดึกหนาวลึกล่วง
เด่นท่ามแนวแพรวนัยน์ไสวดวง
หัวใจร่วงลาหล่นหม่นเคลื่อนคลาย
๐เก็บเดือนงามในหัวใจใครคนหนึ่ง
แนบคำนึงซึ้งซ่านหวานความหมาย
หวงแหนอ้อมห้อมกอดที่ทอดกาย
ฤๅวางวายสายสัมผัสที่ชัดเจน
๐เก็บพันธะผนึกแน่นฝากแทนรัก
ทวนประจักษ์ทุกถ้อยแม้นร้อยเร้น
โยงใยเยื่อเงื่อนเหงาเท่าจำเป็น
ด้วยเหมือนเช่นเห็นหัวใจอันไหวเอน ฯ
14 พฤศจิกายน 2548 06:41 น.
มาลียา
๐ดึกปลอบเมื่อดาวลางอันร้างเดือน
ใจเลื่อนเคลื่อนเหงาเข้าเงาหม่น
ราตรีนี้คล้ายทุรายและทุรน
พะว้าพะวงวนจนวุ่นภวังค์ฝัน
๐อารมณ์หวั่นรายเรียงขึ้นเคียงหมอน
ข่มตานอนย้อนคะนึงถึงบุหลัน
ค่ำคืนหนึ่งซึ้งซ่านม่านแสงจันทร์
แล้วลับพลันเลือนลายกับสายสุรีย์
๐อาวรณ์เป็นนิตย์ให้คิดถึง
ห่วงหาจึงเรียกร่ำพร่ำรัศมี
ใช่ห่มผ้าหนาวจักหายคลายฤดี
ก็หนาวใจทวีท้นจนล้นทรวง
๐อ่อนไหวกับสายหมอกที่หยอกหญ้า
ตื้นเต็มกับอุราที่หนักหน่วง
ยากแท้แค่คำน้อยถ้อยแทนดวง
หนอเมื่อใดจักทวงถามซึ่งความในฯ
22 กันยายน 2548 05:48 น.
มาลียา
๐เวิ้งมหาสมุทรห้วง......อัมพร
จากโขดหินสิงขร..........ฝั่งพ้น
เกลียวคลื่นระลอกตอน..ระเริงหาด
จังหวะอารมณ์ล้น..........ดื่มร้างละมุนละไม ฯ
๐ท่ามกระแสเกรี้ยวกราด....ผายืน
ตระหง่านฝ่ากระแสครืน...ครึกคร้าม
ถาดโถมกระแทกฝืน........วิบากบท
จักหลบฤๅจักห้าม..............หยุดได้ทำไฉน ฯ
๐พฤกษาพันธุ์เพียบด้วย......ดำรง
หน้าที่หลักคือคง..............เติบกล้า
สุดสายแห่งเผ่าพงศ์........เพียรสืบ
แม้นสุดนภาลัยหล้า.........ร่มรื้นเสมอยล ฯ
๐รำเพยผ่านแผ่วพลิ้ว.....เรือนเย็น
ลมหอบระเหยเป็น...........ธาตุร้อน
สุรีย์สาดแสงเห็น..............สัจจะ
อันโลกมิยอกย้อน.............โลกนั้นหนใด ฯ
๐จันทรมาสอร่ามเรื้อง.......แรมรอน
คล้อยเคลื่อนจากนิวรณ์.....จักรโพ้น
มาฉายเฉิดสุนทร..............คืนสงัด
แล้วดิ่งจมฟากกระโน้น......ฟากสิ้นสุธาธาร ฯ
๐ความสุขฤๅทุกข์ท้น......เพียงใจ
เร่ล่องคือครรไล.............ชีพแท้
กวีหนึ่งปิติใน.................กวิบท
จึ่งสุขเกษมแม้...............สละสิ้นศิวิไลซ์ ฯ