12 กุมภาพันธ์ 2553 22:43 น.
มารแมงมุม
นกเอ๋ยนกขมิ้นบินแหวกฟ้า
เพลงภาษาแสนงามหวามแหละหวาน
ครูจารจดถ้อยคำร่ำตำนาน
ได้ขับขานบรรเลงเพลงกว่าพัน
นกขมิ้นเหลืองอ่อนจะนอนไหน
คำถามในวันวารยังสานฝัน
นกขมิ้นสัญจรตอนกลางวัน
พอค่ำนั้นนอนไหนไม่รู้เลย
หรือจะต้องนอนหนาวในคราวค่ำ
ยินเสียงร่ำโหยไห้โอ้ใจเอ๋ย
ค่ำคืนยังเดียวดายหายชื่นเชย
ลมรำเพยยิ่งหนาวร้าววิญญา
รอนแรมมาหลงทางกลางคืนนี้
รอคนดีมาโอบกอดสอดเสน่หา
นอนไม่หลับร้าวรอนสัญจรมา
ขวัญผวาจะนอนได้อย่างไรกัน
แต่คืนนี้นกขมิ้นบินขึ้นฟ้า
เยือนนภาห่มห้วงสรวงสวรรค์
สิ้นสุดการพเนจรแรมรอนพลัน
พระพายผันอุ่นไอหมอกหอมดอกขจร
ครูจะอยู่เป็นสุขสนุกสนาน
สิ้นตำนาน นกขมิ้น สิ้นคำสอน
ยินเสียงร่ำคำบอกตอกอาวรณ์
อกรอนรอนน้ำตารินสิ้นแล้วครู
นกขมิ้นบินจรนอนแนบฟ้า
พยงค์ มุกดา เสพสวรรค์อันงามหรู
สลัวเย็นน้ำฟ้าฉ่ำน้ำตาพรู
ก้มกราบครูคนเพลงด้วยเพลงลา
29 มกราคม 2553 09:53 น.
มารแมงมุม
มิกล้าคิดกล้าหวังกลัวพลั้งผิด
มีชีวิตผ่านไปในวันหนึ่ง
มีเรื่องงานรับผิดชอบกรอบคำนึง
มิหวังพึ่งพาใครใจแข็งแรง
เหนื่อยก็นอนผ่อนพักสักหนึ่งตื่น
เพื่อยิ้มชื่นจากฝันอันปรุงแต่ง
มีหัวเราะมีน้ำตาราคาแพง
คุณค่าแห่งศักดิ์ศรีที่มีพอ
กับคำพูด ไม่มีใคร ใครสักคน
ทอดเงาตนบนทางเท้าโศกเศร้าต่อ
ยิ้มเหงาเหงาเดียวดายไร้วันรอ
ไม่ร้องขอให้เขาหยามประณามใจ
รับผิดชอบตัวเองเก่งไว้นะ
สู้เพื่อจะเติมฝันวันยิ่งใหญ่
กับภาระหน้าที่ยังมีใจ
แต่กับ ใคร ใจละลายหายมืดมน
เพราะเคยคิดเคยหวังแล้วพังครืน
ทั้งที่ตื่นมิได้หลับจึงสับสน
ยกสองแขนมาสอดกอดอกตน
แม้บางคนไม่กอดยังรอดตาย
มิใช่อยู่ไปวันวันฉันยังอยู่
ยังต้องสู้ห้ามแพ้แม้เบื่อหน่าย
บนเส้นทางสายเปลี่ยวและเดียวดาย
เก็บน้ำลายปาดน้ำตากล้านะเธอ
กับก้าวที่อ่อนล้าแม้กล้าหาญ
จะทะยานไปข้างหน้ากล้าเสมอ
แม้จะไม่มีใครให้พบเจอ
แม้จะเพ้อก็รู้อยู่ใน จริง
30 ตุลาคม 2552 08:45 น.
มารแมงมุม
สุดท้ายไอฝนพ้นผ่าน
วันวารผ่านไปใจหาย
หนาวแรกแหวกฟ้าท้าทาย
จบปลายฝนแล้วแก้วตา
ไม่มีปุยฝ้ายทายทัก
ต้นรักข้างเรือนเบือนหน้า
ลมแล้งในหนาวร้าวลา
จูบฟ้าสั่งดินสิ้นกัน
วูบแรกลมหนาวคราวเยือน
ก็เหมือนวิโยคโศกศัลย์
หนาวลมห่มผ้าคว้าพลัน
ผ้านั้นไม่อุ่นคุ้นเคย
คิดถึงเนื้อนุ่มรุ่มร้อน
จากจรพร้อมฝนหม่นระเหย
ที่เคยเริงรื่นชื่นเชย
ละเลยจากไกลไร้ตน
กอดอกฟกช้ำร่ำไห้
ร่ำไรครางครวญป่วนป่น
หนาวใจไร้ใจในคน
หมองหม่นลมหนาวผ่าวมา
กระทงใบตองรองรับ
ประดับดอกไม้ไห้หา
แต้มด้วยรอยช้ำน้ำตา
ลอยมหาชเลเห่ครวญ
รอฝนวนกลับนับหนึ่ง
ซาบซึ้งเก็บไว้ไห้หวน
หนาวเนื้อหนาวใจรัญจวน
หนาวนวล...ยวนสวาทขาดลอย
23 มิถุนายน 2552 11:40 น.
มารแมงมุม
ไกลเกินฝันชั่วนิรันดร์
ความจริงมีอยู่รู้แจ้ง
ดุจแสงตะวันวันใหม่
แต่กับชีพฉันฝันไป
แสนไกลเกินเอื้อมเอือมระอา
จึงยอมพร้อมรับสดับรู้
กึ่งอยู่ในฝันรำพันหา
ไกลเกินกระวีกระวาดยาตรา
ไขว่คว้าแค่เงา...เหงาทรวง
คนนอก...นอกใจ...ไร้ค่า
เหว่ว้าบางหนปนเป็นห่วง
โทษใครเค้าทำย้ำลวง
ติดบ่วงบอบช้ำไร้คำลา
ถามใจอย่างงงงงสงสารไหม
บอกว่าไม่ย้ำคำสมน้ำหน้า
เธอเล่นเธอเลือกเธอมายา
ฉันบ้าเต้นต่อพอเพียง
ฉันหยุดคืนสู่ฉันวันนี้
ในที่ของฉันมันไร้เสียง
แค่กรวดทรายระคายจิตคิดลำเอียง
หัวใจเที่ยงตรงพอขอคืนใจ
ตื่นจากความฝันวันนี้
ฉันมีความงามความยิ่งใหญ่
ใช่หลง...เชื่อมั่นฝันไป
คือใคร...ฉันหรือคือคนจริง
โกรธไหมไม่โกรธไม่โทษถือ
เกลียดหรือ...ไม่เกลียดเธอยังเย่อหยิ่ง
คำอภัย สะกดยากจากใจจริง
กรวดน้ำทิ้งพร้อมเขียนฟ้า อย่าสุขเลย
24 พฤษภาคม 2552 22:38 น.
มารแมงมุม
น้องเขียน "รำพึงรักข้างวงเหล้า"
ตัวเองไม่ชอบเมา
เลยเขียนรำพันครวญข้างขวดเป๊ปซี่
เป๊ปซี่ตั้งร่ำร้อง... ชวนเชิญ
โดดเดี่ยวก็ยังเพลิน... เพื่อนแท้
ดื่มและดื่มจงเจริญ เอ้าดื่ม
พรวดพุ่งเกินจะแก้ แย่แล้วน้ำตาลสูง
ครึ่งลิตรดื่มเพื่อแก้ กระหาย
ลิตรหนึ่งแพร้วแพรวพราย... สุขล้ำ
สองลิตรเพิ่มแทบวาย นะแม่
จึงลดด้วยชอกช้ำ เลิกแล้วนะสหาย
ตระกองกอดขวดเป๊ปซี่เพื่อชีวิต
เติมโลหิตเติมพลังคลังสมอง
คีย์บอร์ดเริ่มจารจรดบทวรรคทอง
ให้เราท่องดงอักษรมิอ่อนแรง
อันหัวใจเหมือนไยแพรมิแพ้พ่าย
ยิ้มเธอคล้ายละอองโสมส่องแสง
เป็นความหวังพลังใจได้แสดง
ฉันก็แจ้งนับจากนั้นถึงวันนี้
ให้เธอเป็นดวงจันทร์ฝันเช้าค่ำ
ยังดื่มด่ำเงียบงันไม่หันหนี
แต่รุ่งเช้าจันทร์ไม่ฉายไม่ไยดี
ที่ยังมีคือตะวันฝันรอนรอน
จากวันนั้นจวบวันนี้หลายปีนัก
ยังตระหนักปักใจไม่ถอดถอน
แกล้มรักด้วยเป๊ปซี่ดีทุกตอน
แม้ก่อนนอนดื่มเป๊ปซี่พร้อมมีเธอ
แต่วันนี้เป๊ปซี่ลาน้ำตาริน
ใจฉันสิ้นรักจางห่างละเหนอ
สิ้นดวงจันทร์ไม่ถวิลสิ้นละเมอ
ฉันพบเจอทางใหม่แม้มัวมน
จะคว่ำแก้วกรวดน้ำค่ำคืนนี้
ร่ำราตรีดื่มดาวแกล้มคาวฝน
เคยงดงามความรักจักเตือนตน
กระซิบบ่นตะกายฝาค่อนราตรี