29 เมษายน 2550 21:41 น.
มัสลิน
รู้บ้างไหม เงาคนท้อ รอที่นี่
ตำแหน่งที่ อาจไม่มี ใครมองเห็น
เหงาเงียบงัน ท่ามกลางฝัน อันเยือกเย็น
ได้แต่เป็น ผู้มองเห็น เพียงฝ่ายเดียว
ต้องตัดใจ ไม่เข้าใกล้ ไปกว่านี้
ด้วยรู้ดี เขาไม่แคร์ ไม่แลเหลียว
ยอมร้าวนัก ที่แอบรัก เขาข้างเดียว
เหมือนเปล่าเปลี่ยว ไหวหวั่นหา ทุกนาที
คงทำได้ เพียงแอบจ้อง มองเงียบเงียบ
ร้าวเย็นเยียบ มือสั่นเทา เหงาเหลือที่
แม้เจ็บปวด ใจแทบพัง ก็ยังดี
เหตุเพราะมี เขาซ่อนไว้ ภายในใจ
ทนหม่นหมอง ไร้สิทธิ์ปอง หมายครองคู่
แต่รับรู้ ว่าเขาอยู่ ไม่ไปไหน
ดีกว่าก้าว ออกข้างนอก บอกความนัย
อาจทำให้ เขาหนีไป ไกลสุดตา
หากต้องฝืน ยืนไต่ฝัน จนวันพรุ่ง
จะหมายมุ่ง แอบรักเขา เฝ้าโหยหา
ขอแค่สิทธิ์ เก็บเอาไว้ ในสายตา
แม้เขาไม่รู้ว่า ..............ฉันคือใคร?
23 เมษายน 2550 23:44 น.
มัสลิน
๑...ค่ำคืนหม่นจันทร์หมองคนร้องไห้
ดาวเห็นใจกระซิบว่าอย่าเพิ่งเหงา
ลมสงสารพัดลูบไล้กายแผ่วเบา
ช่วยบรรเทาความทุกข์ท้อที่ก่อตัว
ภูเขาสูงจูงป่าไพรคล้ายมาปลอบ
กองไฟมอบโชนเชื้อให้ไม่สลัว
ผ้าห่มฟ้าคลี่แผ่มาอย่าหวาดกลัว
เรไรรัวเสียงปลอบขวัญเพิ่งผ่านไป
แผ่นดินอุ่นโอบประคองทั้งสองแขน
คล้ายสื่อแทนถึงแรงรักไม่ผลักไส
ราตรีหม่นเหมือนยืดยาวกว่าคราวใด
น้ำใสใสจากดวงตารินช้าลง
ค่อยค่อยดับความหมองหยุดร้องไห้
พร้อมทำใจเลิกติดตามความลุ่มหลง
ผ่านราตรีพรุ่งนี้เช้าถึงคราวปลง
ความมั่นคง......ในสิ่งใดไม่จีรัง...๑
22 เมษายน 2550 22:35 น.
มัสลิน
๑ เมื่อราตรีหรี่ตาทั้งหล้าโลก
สีดำโศกคลุมคร่ำนำวิถี
แสงใดเล่าเทียบเท่าแสงราตรี
ฉายเปล่งสีม่านดำยามค่ำคืน
ทั่วทุกทิศพิศไปคล้ายกันหมด
แสนสลดหม่นหมองต้องแข็งขืน
สื่อความหมายบอบช้ำคนกล้ำกลืน
ใครบ้างยืนอยู่ได้ใต้ราตรี
ฉันเป็นดาวดวงหนึ่งซึ่งอับแสง
อีกอ่อนแรงไม่ชัดรัศมี
มิคิดกล้าฝ่าฟ้ามาราวี
เป็นดาวที่หลงทางยังห่างไกล
แต่อยากช่วยให้โลกหายโศกเศร้า
หากมัวเฝ้าทุกข์ท้อรอไม่ไหว
จึงเข้าหากลุ่มดาวสกาวไกล
เพื่อทำให้ส่องสว่างทั้งกลางคืน
ขอเพียงแค่กลุ่มดาวราวล้านแสง
เปล่งมาแบ่งความโศกที่โลกฝืน
ส่อให้เห็นความตั้งใจในจุดยืน
โลกเหมือนตื่นทุกเวลาแม้ราตรี๑
20 เมษายน 2550 21:17 น.
มัสลิน
เริ่มรับรู้ เรื่องราว รุ่มร้าวเหน็บ
จนใจเจ็บ จับจิต ยังคิดถึง
เหงาโหยหา ห่างเหิน เกินฉุดดึง
ติดตราตรึง ตอกตำ ย้ำร่องรอย
รักโรยร่วง ร้างรา พาซึมเศร้า
รุกรุมเร้า ร้อนรน ทนเหงาหงอย
เกาะกุมเกี่ยว เก็บกาย เหนื่อยหน่ายคอย
ริ้วร่องรอย ระริก จ้วงจิกใจ
แม้เมียงมอง มุ่งมั่น วันแผล-ลบ
ใจเจียนจบ จดจ่อ ท้อแค่ไหน
คร่ำครวญคล้าย เคว้งคว้าง กลางพงไพร
แปรเปลี่ยนไป ปวดปร่า ตั้งตารอ
เย็นยะเยือก ยิ่งย้ำ ล่วงล้ำจิต
ครวญครุ่นคิด เคยเคียง เพียงอยากขอ
พบเพื่อพราก พร่ำเพ้อ กับเธอพอ
เข็ดขลาดขอ แขวนขวัญ วันเป็นไท.
19 เมษายน 2550 16:18 น.
มัสลิน
ตามอารมณ์จมหายจากปลายฟ้า
ก่อนเก็บมากรองกานท์เขียนงานศิลป์
คำเคยคุ้นใช้ทุกยามความเคยชิน
แต่กลับสิ้นสมองตันลงทันใด
ครั้นครุ่นคิดอักษรตอนสัมผัส
คล้ายติดขัดขุ่นข้องไม่ผ่องใส
ขาดความงามตามวิถีกวีไทย
สิ้นปัจจัยทางอารมณ์สะสมมา
คงเพราะร้างห่างเหินเกินกู่กลับ
ทุกสิ่งสรรพผ่านพ้นเกินค้นหา
ความปราดเปรื่องนิดเดียวเกินเยียวยา
อักษราทุกบรรทัดขาดขัดเกลา
เถอะ...ถ้าถอยท้อแท้มีแต่ล้า
ต้องตั้งตาพากเพียรเรียนดับเหงา
หากแม้ใครมีความรู้เอ็นดูเรา
โปรดมาเฝ้าชี้ทางก่อนคว้างไกล