30 ธันวาคม 2551 02:51 น.
มัทนา
มองช่องว่างระหว่างวัยใช่ว่ากว้าง
ต่างเส้นทางเราร่วมเดินเผชิญฝัน
ต่างหัวใจแต่ “แรงใจ”ไม่ต่างกัน
มีรางวัลคือเส้นชัยอยู่ปลายทาง
เส้นทางฝันฉันสรรค์สร้างอย่างเงียบเงียบ
ค่อยละเลียบเดินไปไม่เคยห่าง
แม้เหนื่อยหนักพักหน่อยไม่ปล่อยวาง
มุ่งตรงสู่หนทางอย่างมั่นคง
ทุกเส้นทางต่างใช้ ใจ เพื่อไต่ฝัน
หากคืนวันผันแปรไปพาใจหลง
เพียงหลงผิดชีวิตคงปลิดปลง
ก่อนตายลงช้าช้าน่าเศร้าใจ
หากถนนสายนี้เป็นเส้นขนาน
ปลุกวิญญาณนักสู้กู้วันใหม่
อย่าปล่อยฝันอันพิสุทธิ์หลุดลอยไป
ฝันครั้งใหม่อาจยิ่งใหญ่ไม่เท่านี้ !
บนถนนสายนี้มี “ชีวิต”
เฝ้าลิขิตกานท์กลอนอักษรศรี
ทิพย์สถานวิมานทองของกวี
คือใจนี้มีความฝันเกินบรรยาย
อนาคตงดงามหรือ? – คือรางวัล
ที่เรานั้นไขว่คว้าหาความหมาย
ความสุขแท้แน่นอนก่อนความตาย
คือความหมายของชีวิตที่ผิดกัน
เราต่างเดินคนละทางอย่างอ่อนล้า
โปรดอย่ามาขัดขวางทางของฉัน
แม้ความสุขของหัวใจไม่ต่างกัน
แต่ระหว่างทางนั้นมันต่างนัก
เก็บความสุขเล็กเล็กบนหนทางฝัน
เติมสีสันแห่งหัวใจให้ตระหนัก
เมื่อนิยามความตายมาทายทัก
จะประจักษ์เพียงรอยยิ้มยามพริ้มตา
28 ธันวาคม 2551 04:37 น.
มัทนา
(ในบางมุมของนักแสดง)
ถึงเวลาเข้าฉากประชันบท
วาดลวดลายให้งดงามตามหน้าที่
ทุกทุกฉากจากละครสอนชีวี
ทุกตอนชี้ให้ชนเห็นไว้เป็นครู
บทพระเอกโง่เง่ามีเขางอก
โดนเขาหลอกใส่ร้ายกลายอดสู
แม้นางเอกเป็นดอกฟ้าน่าเชิดชู
กลับต้องอยู่เงียบงันพลันเศร้าใจ
บทบางตอนสอนชีวาน่าขบคิด
พลิกชีวิตดิ้นรนหนทางใหม่
พระเอกสู้กู้ชาติเป็นปราชญ์ไทย
สมองใช้แก้ปัญหาปัญญาชน
แต่งแต้มต่อเติมสีสันวันฟ้าใส
ด้วยตัวร้ายเก่าใหม่ให้สับสน
โยนความผิดคิดปอกลอกหลอกทุกคน
ท้ายก็ทนผลกรรมตามละคร
( ในบางมุมของคนดู )
ในอารมณ์คนดูก็รู้สึก
พร้อมคิดนึกตามแต่ในเรื่องสอน
แม้บางครั้งมีขุ่นใจในบางตอน
คราพอย้อนมองดูตนไม่พ้นทาง
ต่อให้ใจเคืองขุ่นกรุ่นแค่ไหน
เราทำได้เพียงเฝ้าดูอยู่ห่างห่าง
หากหักหลังชิงชังให้ปล่อยวาง
เพราะทุกอย่างนั้นจบบริบูรณ์
.............................................................................
"สวัสดี"