10 กุมภาพันธ์ 2547 01:03 น.
มัทนา
วันเวลาผ่านไปใจครวญถึง
รักเร้ารึง แนบสนิทชิดเคียงใกล้
วันก่อนก่อน เคยคลอเคล้า นิทรใน
แต่นี้ไป ต้องห่างกัน ให้พรั่นพรึง
ก่อนเคยคู่ อยู่ชิด เช่นเฉกฝัน
แรกรักกัน พอร้างไกล ใจคิดถึง
แรกเราห่าง เวิ้งว้าง ก็รำพึง
พาคะนึง ระลึกมั่น ไม่หวั่นเลย
ไกลเกินไป ไกลเกินรัก จักข้ามฟ้า
ฤๅมิกล้า จะยอมรับ หรือเฉลย
บอกมาเถิด ว่าลืมวัน อยู่คู่เคย
โปรดจงเผย ความจริง ว่าทิ้งกัน
อ้างเราห่าง ทางไกล ใจเกินคว้า
อีกเวลา สร้างชะตา ให้ผิดฝัน
จำต้องจาก พรากดวงใจ ยอดชีวัน
จริงหรือนั่น รักเที่ยงแท้ แพ้ชิดเชย...
10 กุมภาพันธ์ 2547 00:23 น.
มัทนา
...หวังเป็นเพียง เศษเม็ดข้าว ที่เน่าเปื่อย
สลายเรื่อย ผุพัง จนหมดสิ้น
ทิ้งเศษซาก ฝากไว้ ในแดนดิน
เพื่อหวังถิ่น ที่พลีกาย ไม่อับจน
หวังให้เกิด ต้นกล้า ข้าวต้นใหม่
ที่มีใจ กร้าวแกร่ง ทั่วแห่งหน
ผลิออกรวง รวงทอง ของปวงชน
ให้ผู้คน เก็บเกี่ยว ทุกเสี้ยวกาย
8 กุมภาพันธ์ 2547 23:18 น.
มัทนา
...ชีวิตของกางเขนน้อยคอยบินโผ
เล็กจนโตปีกกล้า กระพือมั่น
ขริบริมขาว วาววับ ห่มดำพลัน
สองสีสัน เสน่ห์ซึ้ง ติดตรึงตรา
ทิ้งคอนนก ที่เคยอยู่ เช่นปัจเจก
สู่วิเวก เวิ้งว้าง กลางฟากฟ้า
หวังพบที่ ดำนักใหม่ ให้ชีวา
เหินเวหา ระร่อนลง โฉบผืนดิน
เริ่มเรียนรู้ สิ่งแปลกใหม่ ในชีวิต
เกินความคิด จินตนา กว่าบ้าบิ่น
รู้ทุกข์ร้อน รู้ผ่อนคลาย เป็นอาจิน
เที่ยวทั่วถิ่น พเนจน เร่ร่อนไป
อยู่ตัวเดียว เปลี่ยนภายใน ให้เหว่ว้า
รุ่งทิวา ตระการแสง สุขสดใส
คลอสายลม เคลียแสงแดด เคล้าดวงใจ
เกาะกิ่งไม้ บอกลา ตามริมทาง
ท่องชนบท เที่ยวเมือง เรื่องน่ารู้
ทนบินสู้ ถลาลม จนรุ่งสาง
หมอกสีดำ ไฟหลากสี พร่าเลือนลาง
วนอยู่กลาง นภากว้าง สุดวังเวง
เสียงเอะอะ จ้อกแจ้ก ลั่นไปทั่ว
นกน้อยกลัว จะมีใคร มาข่มเหง
กางเขนน้อย เจ้าเอย อย่าหวั่นเกรง
เจ้ายังมี บทเพลงป่า พนาไพร
จงคิดถึง วันเก่าเก่า เจ้าทนสู้
ผิดเป็นครู พลาดพลั้ง เจ้าเริ่มใหม่
แม้วันนี้ กายเจ้า อยู่แสนไกล
จากดงไพร ถิ่นกำเนิด บังเกิดมา
กางเขนน้อย คอยพัก พลังไว้
แล้วตั้งใจ จากเมือง เคืองลมท้า
พอกันที ขอคืนคอน ที่จากมา
จักคืนป่า บ้านนอก บอกหมอกดำ
ข้าคิดถึง เสียงดนตรี ที่ขับขาน
ก้องกังวาน หรีดหริ่งร้อง ชวนขวนขำ
ข้าคิดถึง คอนไม้เก่า ข้าเคยจำ
ทุกเข้าค่ำ โผผิน บินตามใจ
ขอกลับคืน ผืนบ้านนา ที่ข้ารัก
สายลมทัก คลอเสียงน้ำ ที่รินไหล
อยู่สันโดษ ตัวเดียว แม้เปลี่ยวใจ
ก็เพราะได้ กำลังใจ จากความจริง