13 เมษายน 2547 00:16 น.
มัทนา
มองท้องฟ้าครานี้ที่แห่งใหม่
แสงนวลใย จันทร์กระจ่าง กลางเวหน
ปลีกวิเวก ลี้หลีกมา จากผู้คน
หลบฝูงชน ละเลยทาง ห่างเหินไป
ที่แห่งนี้ ดาวพราวพร่าง ในบางครั้ง
แสงสีบัง แสงดาว คราวเฉไฉ
เคยเห็นดาว แต่คราวนี้เห็นแต่ไฟ
ด้วยว่าไกล จากบ้านมา ให้อาวรณ์
ดาวที่นี่ มีหรือเหมือน ดาวที่บ้าน
หรี่แสงฉาน จากจันทร์อันอุ่นอ่อน
แต่ดาวร้าง ร้างดาว คราวใจรอน
ควันมาซ้อน ไฟมาแทรก เสียมัวตา
ชนบท ก็ใช่ว่า แค่บ้านนอก
มีม่านหมอก แทนหมู่ควัน พันฟากฟ้า
น้ำในมี มิแล้งไร้ ใช่คอกนา
หมู่ดารา กระจ่างแสง แจ้งราตรี
ดาวดวงเดิม ที่สองเรา สัญญามั่น
คิดถึงกัน ทุกคราที่ ชมดาวนี้
ดาวดวงเดิม กลับจางหาย จากเคยมี
แต่รู้ดี ว่าดาวอยู่...คู่ใจเรา
3 เมษายน 2547 23:15 น.
มัทนา
เคยบ้างไหมที่ฝังใจกับบางสิ่ง
ที่ความจริง มิอาจทำ ให้ลืมได้
จึงปลดปล่อย ท่วงทำนอง ของหัวใจ
บรรเลงใส่ อรรถรส ในบทกลอน
ทั้งความสุข ความเศร้า ความเหงา..รัก
อุปสรรคที่มากมายเกินไถ่ถอน
โอดครวญมา ตามแต่ใจ จะเว้าวอน
ร้อยอักษร เรียงประพจน์ บทกวี
ความผูกพัน พันผูก พันธะสาย
มิเคยคลาย กับโคลง, กลอน อักษรศรี
อีกฉันท์,กาพย์ จึ่งซึมซาบ อาบฤดี
ตามวิถี แต่ละท่านจะพรรณนา
อนึ่งนั้น นักเขียน เป็นแสนง่าย
ไม่มากมาย แค่หนึ่งเรื่อง เฟื่องศึกษา
แต่งดีบ้าง พอใช้บ้าง ตามปัญญา
ก็ไขว่คว้า ดาวเด่น ได้มากมาย
แต่นักเลง กาพย์กลอน อักษรสวรรค์
แม้เขียนกัน เกลื่อนกระทู้ ดูหลากหลาย
ช่างยากนัก เป็น กวีอย่างเต็มกาย
ด้วยความหมายของกวี หลากลีลา
ทางยังไกลไขว่คว้าไปหาเถิด
เราคงเกิดเป็นดาวบ้างกลางฟากฟ้า
วิถีทางสายกวี..คลี่ปรัชญา
จารึกมา เป็นคำกลอน สอนใจคน
ทางยังไกล ไม่เดินไป คงไม่ถึง
ถ้ารีบบึ่ง เร็วไป อาจสับสน
ค่อยฝึกปรือ ฝีมือ อยู่คู่ตน
ทางมืดมน จะสว่าง... ณ กลางใจ
3 เมษายน 2547 23:15 น.
มัทนา
ความผูกพัน พันผูกรัก สมัครสมาน
ฝากกลอนกานท์ผ่านอักษร วอนเสมอ
ฝากสายลมถมคำรักแด่พวกเธอ
แม้ไม่เจอ ก็ใกล้เพียง..คิดถึงกัน
จากกันไกล สุดขอบฟ้า ทะเลขวาง
ความทรงจำ..สีจาง คล้ายดั่งฝัน
ขอเพียงว่า อย่าลืม..คืนและวัน
ที่ที่มี..เพื่อนกัน...นิรันดร์กาล
7 มีนาคม 2547 01:41 น.
มัทนา
...ถึงเพื่อนเพื่อนผองสหายไทยโพเอม
ที่เติมเต็มทุกความฝันวันอ่อนไหว
มาวันนี้จำต้องจากพรากกันไกล
แต่หัวใจยังคะนึงถึงวันวาน
ขอขอบคุณทุกคำชมที่จากจิต
ผองเพื่อนมิตรที่ติมาพาผสาน
สิ่งดีดี จะตรึงอยู่ นิรันดร์กาล
ไม่ช้านาน คงพบกัน ในวงกลอน
เหตุที่จาก จากเพราะเรียน เพียรศึกษา
ด้วยเหตุได้ โควต้า ต้องมาก่อน
ไม่มีถ้อย คำซึ้ง ให้อาวรณ์
ขอเพียงแค่ ฝากกลอน แทนคำลา
คงจะได้ เข้าชุมนุม วรรณศิลป์
เพื่อนทั่วถิ่น ที่เจอกัน ล้วนศึกษา
เพื่อนที่นี่ มิอาจจาก ด้วยวาจา
ขออักษรา แทนใจให้ คิดถึงกัน
เราพบกัน ก็เพื่อจาก แล้วพบใหม่
เพราะหัวใจ ไม่เคยเลือน กานท์กลอนฉันท์
สร้างรอยรัก รอยอาลัย ไร้รางวัล
แต่ความหมาย เหล่านั้น มากเกินครอง
ที่นี่นั้น ฉันก็อาจ มาแต่งบ้าง
แม้ไร้ร้าง ราไป จากเพื่อนผอง
ความทรงจำสีจางจะประคอง
ให้พี่น้องไม่ลืมเลือน...กันและกัน
27 กุมภาพันธ์ 2547 15:58 น.
มัทนา
คอยห้ามใจ ว่าไม่รัก ไม่คิดถึง
แล้วไยจึง เป็นห่วง คำนึงหา
เพียงเดินผ่าน ทำไมต้องสบสายตา
เพียงวาจา ไยใจสั่น ให้หวั่นรอน
แค่คำหนึ่ง คุยผิวเผิน แค่เดินผ่าน
แค่คำหวาน ที่แสนขม กว่าไม้ขอน
แค่ห่างกัน แม้ไม่นาน แค่จากจร
ไยทุกข์ร้อน ระทมคิด คิดทบทวน
จึ่งตัดใจ ใจตัดขาด ให้ขาดสิ้น
ผืนแผ่นดิน มาขวางกั้น กันลมหวน
ฝืนตัดใจ ทำใจ ให้เรรวน
การมิควร จักไม่ทำ แม้ช้ำใจ
ปฏิเสธ กับตัวเอง อยู่เสมอ
เพียงพบเจอ แค่มองผ่าน เลยผ่านได้
แต่ยากนัก ที่จะทัก แค่ผ่านใจ
ทำเช่นไร เมื่อใจหวั่น ให้พรั่นตน..