24 กันยายน 2546 16:41 น.

[คิดถึง+ความรัก] = การรอคอย [1]

มะกรูด

วันนี้อากาศแจ่มใสจังเลย.ว่าแต่ปิดเทอมแล้วนี่นา ไม่อะไรทำเลย  เบื่อจัง !! ไปคุยกับพ่อดีกว่า
       
       พ่อจ๋า ปิดเทอมแล้วอ่ะ ปานไม่มีอะไรทำเลย เบื่อโครต ๆ พ่อหางานพิเศษให้ปานทำได้มะ เอาเป็นเด็กเสิร์ฟที่โรงแรมก็ได้ พ่อช่วยปานได้อยู่แล้วนี่นา พ่อรู้จักคนที่โรงแรมตั้งเยอะนี่.
        
        มันเหนื่อยนะรู้มั้ย มันไม่ใช่แค่เสิร์ฟอย่างเดียวนะรู้มั้ย มันต้องทำอะไรอีกตั้งหลายอย่าง เหนื่อยเปล่า ๆ น่า   เอางี้  ปิดเทอมแล้วใช่มั้ยไปอยู่กับป้าอุไร  ที่ขอนแก่นดีกว่า  ไปฝึกนิสัยให้มันดีขึ้นกว่านี้หน่อย เดี๋ยวนี้เห็นแม่ฟ้องออกบ่อยว่าไม่ค่อยช่วยทำงานบ้านเลย นิสัยไม่ดีเลยนี่ !!  พอไปอยู่กับป้าเค้ารับรองงานบ้านงานเรือนต้องเก่งขึ้นแน่ ๆ เลย 
       
         ไม่ไปไม่ได้เหรอ ท่าทางจะร้อนนะ ขอนแก่นน่ะ อยู่เชียงใหม่อย่างนี้ ปานว่าก็เย็นดีอยู่แล้ว หาเรื่องไปให้ผิวไหม้เล่นหรือไง พ่อนี่ก็ !   แต่พูดถึงว่าไปก็ดีเหมือนกันนะ ไม่ได้เจอพี่ปุ๊ก พี่ยอด พี่โอมมาตั้ง 7 ปีแล้ว ป่านนี้คงโตเป็นหนุ่มกันแล้วแน่เลย อยากเห็นเหมือนกัน  อิอิ  แต่มีข้อแม้มีว่าพ่อต้องให้ปานนั่งเครื่องไปนะ ปานไม่อยากนั่งรถทัวร์อ่ะ พ่อก็รู้นะว่า.
      
        เอางั้นก็ได้ ว่าแต่ เรียนจบคอร์สฝรั่งเศสวันที่เท่าไหร่ล่ะ จะได้กำหนดวันเดินทางเลย  แต่ต้องเปลี่ยนเครื่องเองนะ ไปคนเดียวด้วย พ่อไม่ไปด้วยหรอกนะ

ต่อตอน 2 ค่ะ 				
19 กันยายน 2546 20:31 น.

ความกล้า - โอกาส - อดีต

มะกรูด

อ่านให้สนุกนะ  ยาวเหลือเกิน แต่รับรองว่าอ่านให้จบจะไม่ผิดหวัง
คำบางคำอย่ารอให้สายเกินไป
> >
> > ผมกำลังยืนอยู่บนสะพานแขวนข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ท้องฟ้าในคืนนี้มืดสนิท
> >มีเพียงแสงเรืองเรืองของหลอดไฟทอดยาวตามแนวสะพานไป
> >การที่ได้เห็นกรุงเทพในมุมนี้
> >มันทำให้ได้พบหลายต่อหลายอย่างที่หลายคนอาจไม่เคยเห็น ผมมองออกไปในย่านชุมชน
> >แสงไฟหลากสีในอาคารบ้านเรือนกระจายไปจนสุดลูกหูลูกตา
> >เรียบแม่น้ำเจ้าพระยาไปเป็นถนนทอดยาว มีเพียงแสงไฟจากหน้ารถที่สาดไปยังริมถนน
> >ส่วนบนสะพานที่ผมกำลังยืนอยู่นี้ก็เป็นถนนกว้างพอสมควร
> >มีรถวิ่งอย่างเบาบางเพราะคนมักจะใช้เส้นทางอื่นกัน บนนี้มันจึงเงียบสงบ
> >ผมไม่แปลกใจเลยที่เธอมักจะชวนผมมาที่นี่เป็นประจำ
> >ผมไม่ได้ขึ้นมาบนนี้หลายปีแล้วเพราะที่แห่งนี้มันทำให้ผมหวนนึกถึงเธอ
> >เธอมักจะให้ผมมายืนดูดาวเป็นเพื่อนเธอ
> >กินไอศกรีมรสสตอเบอรี่ที่เธอชอบเป็นเพื่อนเธอ
> >ที่แห่งนี้มันเคยทำให้ผมมีความสุข ผมคงได้ขึ้นมาบนนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว
> >หลังจากวันนี้ไปผมจะจากไปและไม่หวนกลับมาอีก จะมีเพียงความทรงจำของเธอเท่านั้น
> >ที่จะอยู่ในใจผมตลอดไป
> >
> > .ผมได้รู้จักเธอครั้งแรกก็เมื่อตอนที่ผมอยู่ชั้น ม.1
> >ผมก้าวเข้ามาในโรงเรียนแห่งนี้ พวกเราต่างก็เป็นนักเรียนใหม่
> >หลายหลายอย่างในห้องใหม่ของผมนี้ดูมันจะน่าเบื่อซะจริงจริง
> >หลังจากที่เคารพธงชาติแล้วทุกคนก็เข้าชั้นเรียน
> >และก็เป็นธรรมดาของนักเรียนใหม่ทั้งหลายก็ต้องมีการแนะนำตัวกัน
> >อาจารย์ประจำชั้นของผมเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 40 ดูท่าทางอาจารย์เป็นคนใจดีมาก
> >อาจารย์ก็เริ่มแนะนำตัวเอง ขณะที่อาจารย์กำลังพูดอยู่
> >ก็มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา อาจารย์ค่ะ ขออนุญาตเข้าห้อง
> >ผมรีบหันไปยังที่มาของเสียงนั้นทันที แล้วหญิงสาวก็ก้าวเข้ามา
> >โอ้!แม่เจ้าโว้ย เธอช่างน่ารักอะไรอย่างนี้ ถึงดูเธอจะชอบตื่นสายไปสักหน่อย
> >แต่ถ้าเอามาบวกลบกับความสวยแล้ว ตื่นสายแค่นี้ผมยกให้ ความคิดผมในตอนนั้น
> >ทำยังไงจะได้รู้จักเธอบ้างนะเธอเดินเข้ามาแล้วก็หาเก้าอี้นั่ง
> >ตอนนั้นที่ข้างผมมีกระเป๋าใครก็ไม่รู้วางอยู่
> >คนทั้งห้องตอนนั้นก็คุยกันโดยไม่สนใจอะไรเลย
> >ผมเลยจับกระเป๋าไอ้ที่นั่งข้างผมโยนไปโต๊ะตัวข้างหลัง
> >ทั้งห้องเลยเหลือที่ว่างอยู่ที่เดียว คือที่นั่งข้างผม เธอเดินมาใกล้ๆ
> >ผมแล้วก็พูดอย่างอ่อนหวาน
> > นั่งด้วยได้มั๊ย ก็จะไม่ได้ ได้ยังไง
> >ก็ที่ตรงนี้ผมพึ่งจัดไว้ให้เธอโดยเฉพาะ ผมหันหน้าไปหาเธอแล้วก็พยักหน้า
> >แล้วเธอก็นั่งลงฟังที่อาจารย์พูดหน้าห้อง
> >ขณะที่เธอกำลังจับจ้องอยู่ที่อาจารย์
> >แต่ผมไม่สนใจอาจารย์เลยเอาแต่ชำเรืองไปที่หน้าของเธอ
> >ใบหน้าของเธอช่างขาวหมดจดอะไรอย่างนี้ แก้มเป็นสีชมพูอ่อนๆ
> >ดวงตาของเธอกลมโตใสเป็นประกาย ผมไม่เคยเห็นดวงตาคู่ไหนสวยแบบนี้มาก่อน
> >ขนตาของเธองอน ยังกะตุ๊กตา ปากเรียวเล็ก
> >ทั่วทั้งใบหน้าของเธอมันช่างสวยจับใจอะไรเช่นนี้
> >ผมใจลอยมองหน้าเธอตาไม่กระพริบเลย
> >ผมพยายามมองไปที่ปกเสื้อของเธอเพื่อจะดูว่าเธอชื่ออะไร
> >เกือบจะเห็นอยู่แล้วเชียว ทันใดนั้นเธอก็หันมาหาผม เธอยิ้ม มีอะไรหรอค่ะ
> >ผมสะดุ้งขึ้นมาทันที อ้อ ปะ ปะ ป่าวครับ
> >ผมตื่นเต้นไม่รู้จะทำอะไรเลยหยิบหนังสือในกระเป๋าขึ้นมา
> >ดันไปหยิบผิดหยิบเอาหนังสือโป๊ขึ้นมา เธอเหลือบมาเห็นเข้าเลยยิ้มแกมหัวเราะ
> >ทีแรกผมคิดว่าเธอยิ้มให้ผม แต่พอเห็นหนังสือในมือตัวเอง
> >ผมตกใจเลยรีบปัดความรับผิดชอบทันที ไม่..ไม่ใช่ของผมครับ!
> >ไอ้ที่นั่งข้างหลังมันฝากไว้
> >เธอหัวเราะอย่างน่ารักก็ไม่แปลกหนิพี่ชายเค้าก็อ่าน
> >ผมรีบเก็บทันทีแล้วเอาหนังสืออื่นขึ้นมา ผมอายเธอแทบแย่
> >ผมหยิบหนังสืออื่นขึ้นมาทันที
> >ผมนั่งอ่านหนังสือทั้งที่จิตใจมันอยู่ที่คนข้างข้าง
> >ผมนั่งเงียบได้พักหนึ่งเธอก็มาสะกิดผม ผมรีบหันไปหาเธอทันที
> >อาจารย์ให้แนะนำตัวกับคนนั่งข้างข้างเค้าชื่อ รุ่งฟ้า เรียกว่า ฟ้า
> >เฉยเฉยก็ได้ แล้วตัวเองชื่ออะไร ผมนั่งพิจารณาอยู่พักหนึ่ง
> >อืม..คนอะไรนอกจากจะน่ารักแล้ว ชื่อก็ยังเพราะอีก รุ่งฟ้า
> >ผมทำไมชอบชื่อนี้จังนะ! ผมนั่งจนลืมไปเลยว่าเธอกำลังถามถึงชื่อผมอยู่
> >เธอสะกิดผมอีก
> >ชื่ออะไร บอกบ้างสิ ผมสะดุ้งอีกที อ้อ! เราชื่อ แบ๊งค์
> >บ้านฟ้าอยู่แถวบางเขนนู้นบ้านแบ๊งค์อยู่แถวไหนหละ
> >ผมตอบเธอทันทีเลยว่าอยู่แถวบางเขนเหมือนกัน
> >ทั้งที่ความจริงบ้านผมอยู่คนละเขตกับเธอเลย
> >งั้นขากลับแบ๊งค์กลับเป็นเพื่อนฟ้านะ
> >เธอก็ยิ้มแล้วพยักหน้าผมชอบรอยยิ้มของเธอจริงจริง หลังจากที่ผมรู้จักเธอ
> >ชั่วโมงนั้นทั้งชั่วโมงผมก็คุยกับเธอไม่หยุดเลย เธอเป็นคนพูดเพราะ
> >และคุยสนุกมาก ผมสามารถฟังเธอได้ทั้งวันโดยไม่เบื่อเลย
> >หลังจากคาบนั้นผมก็ตามติดฟ้าทั้งวันเลย
> >ชนิดที่ว่าที่นั่งข้างเธอไม่มีใครแตะต้องได้เลย
> >เพื่อนทั้งห้องผมยังไม่รู้จักใครเลย ผมรู้จักแต่ฟ้าคนเดียว
> >หลังจากเลิกเรียนเราก็กลับบ้านพร้อมกันพอรถถึงบ้านเธอ เธอก็ลงรถ
> >เธอชวนผมลงไปเล่นบ้านเธอ แต่ผมก็ส่ายหน้ากลัวว่าพ่อเธอจะว่า
> >ผมนั่งรถเลยบ้านฟ้าไปอีก 1 ป้ายรถเมล์
> >จากนั้นผมก็ลงมาขึ้นฝั่งตรงข้ามเพื่อตีรถกลับไปลงโรงเรียน
> >แล้วผมถึงขึ้นรถที่จะกลับบ้านผมจริงจริง
> >และดูเหมือนการนั่งรถมาส่งฟ้าแบบนี้ผมทำทุกวันจนเป็นนิสัยเลยก็ว่าได้
> >ฟ้าเธอชอบที่จะมาสายทุกวันเลย อาจารย์เริ่มที่จะสอนหนังสือแล้ว
> >ทุกอย่างที่อาจารย์สอนดูเหมือนมันจะซึมเข้าสมองผมอย่างรวดเร็ว
> >แต่ฟ้านี่สินั่งฟังอยู่ด้วยกันแท้แท้ แต่เธอกลับไม่รู้เรื่องเลย
> >พอพักเที่ยงผมก็ซื้อข้าว 2 จานออกมานั่งทานอยู่ม้าหินอ่อนกับฟ้า
> >ผมไม่เคยเข้าไปทานข้าวในโรงอาหารเลย
> >หลังจากที่ผมยื่นจานข้าวให้เธอเธอก็นั่งทานอย่างเอร็ดอร่อย
> >ผมยังไม่ทานข้าวเพราะมีสิ่งที่ผมกังวลมากกว่า
> >ผมหยิบหนังสือวิชาคณิตศาสตร์ในกระเป๋าฟ้าออกมา ฟ้า!
> >ไม่เข้าใจตรงไหนเดี๋ยวแบ๊งค์ อธิบายให้ฟัง
> >ผมเปิดไปเรื่อยๆขณะที่กำลังรอคำตอบจากเธอ
> >เธอใช้นิ้วเรียวเรียวของเธอชี้มาบนหนังสืออย่างรังเร
> >ก็..ก็.ทั้งหมดเลยแหละ
> >ผมจึงเริ่มอธิบายทั้งหมดให้ฟ้าฟังชนิดก๊อปปี้ทุกคำที่อาจารย์พูด
> >ผมอธิบายไปเกือบชั่วโมง จนหมดเปลือกเลยทีเดียว เป็นไงฟ้าเข้าใจแล้วใช่มั๊ย
> >เธอเริ่มมีอาการรังเรอีกแล้วครับท่าน ฟ้า.ฟ้า. เข้าใจ..ก็ได้
> >ผมรู้ทันทีเลยว่าเธอไม่เข้าใจ
> >โธ่! ฟ้าก็งั้นฟังใหม่นะ
> >ผมจึงเริ่มอธิบายใหม่ทั้งหมดไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบกว่าฟ้าจะเข้าใจได้
> >สงสัยว่าความสวยของเธอมันจะดูดกลืนเอาความเฉลียวฉลาดที่เธอมีไปซะหมดเลย
> >แต่ยังไงเธอก็น่ารักดี ยิ่งเวลาที่เธอทำหน้างงในสิ่งที่ผมสอน
> >ผมยิ่งรู้สึกว่าเธอน่ารักเข้าไปใหญ่
> >ผู้หญิงในอุดมคติของผมไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งก็ได้
> >จากวันนั้นผมก็คอยเป็นติวเตอร์ส่วนตัวให้ฟ้าเสมอมา
> >หรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรผมก็จะอยู่ข้างฟ้าเสมอ
> >แล้วความรู้ทั้งหลายก็กำลังจะต้องถูกใช้ออกมา
> >วันนี้อาจารย์สอบเก็บคะแนนพวกเราก่อนที่จะสอบผมก็ติวให้ฟ้าอย่างเต็มที่
> >ย้ำแล้วย้ำอีกจนเธอบอกว่าเธอเข้าใจอย่างดีเยี่ยมเลย พอเข้าห้องสอบผมก็เริ่มทำ
> >มันง่ายมากเลยสำหรับผม อาจารย์ให้เวลา 1 ช.ม. แต่ผมเสร็จตั้งแต่ 20 นาทีแรก
> >ผมห่วงก็แต่ฟ้าที่นั่งอยู่คนละฟากกับผมเลย
> >สีหน้าของเธอตอนนี้ชักจะออกอาการแล้ว
> >พอหมดชั่วโมงอาจารย์ก็สั่งให้ผมยกข้อสอบทั้งหมดไปวางไว้โต๊ะห้องอาจารย์
> >ขณะเดินผมก็รีบเปิดหาของฟ้าทันที โอ้! แม่เจ้า ผิดหมดเลยครับ
> >ผมยืนคิดอยู่พักว่าจะทำยังไงดี เพราะข้อสอบคราวนี้มีคะแนนเยอะมาก
> >หากสอบไม่ผ่าน มีหวังเกรด 0 อยู่แค่เอื้อม
> >ผมเลยตัดสินใจหยิบกระดาษคำตอบใบใหม่ขึ้นมาแล้วผมก็ทำใหม่ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
> >ระหว่างทื่ทำก็ต้องคอยระวังอาจารย์เหมือนกัน พอผมทำเสร็จ ก็เขียนชื่อฟ้าลงไป
> >จากนั้นก็เก็บเข้ากองเดิมแบบที่อาจารย์ไม่สงสัยแม้แต่น้อย
> >ส่วนกระดาษคำตอบใบเดิมของฟ้าผมก็พับเป็นจรวดเล่นเห็นจะเป็นประโยชน์มากกว่า
> >หลังจากวันนั้นอาจารย์ก็ประกาศคะแนน ส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ผ่านกัน
> >แต่ทุกคนก็ต้องอึ้ง! เมื่อทั้งห้องมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ได้คะแนนเต็ม
> >คือผมกับฟ้า
> >ไอ้ผมหนะเขาไม่ค่อยสงสัยกันหลอกเพราะใครก็รู้ว่าผมเรียนเก่งแค่ไหน แต่ที่
> >รุ่งฟ้า ได้คะแนนเต็มนี่สิทำเอาเพื่อนๆงง แบบบอกไม่ถูกเลยหละ
> >เธอดีใจหันมาหาผม เห็นมั๊ยแบ๊งค์ ฟ้าก็ทำได้
> >ผมแอบหัวเราะในท่าทางอันมั่นใจว่าทำได้! ของเธอ แต่ปากผมก็ชมเธอ
> >ผมไม่เคยบอกกับฟ้าสักคำว่าผมเป็นคนแก้ข้อสอบให้เธอ
> >และผมก็ยังใช้วิธีนี้ช่วยเหลือเธอหลายต่อหลายครั้งโดยที่เธอไม่รู้ตัว
> >จนในที่สุดเราก็ขึ้นมา ม.2 จนได้ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม
> >ผมยังไปส่งเธอที่บ้านทุกวันไม่เปลี่ยนแปลง
> >ฟ้าก็ยังมาสายเหมือนทุกวันในปีที่แล้ว
> >จะเปลี่ยนไปก็แต่หนุ่มๆที่มาแอบชอบเธอดูเหมือนจะเพิ่มจำนวนขึ้นทุกวันทุกวัน
> >วันนี้หลังจากโรงเรียนเลิกผมก็นั่งทำงานกลุ่มกับเพื่อนเพื่อนผมอีก 7 คน
> >แล้วผมก็ได้ยินเสียงคนเถียงกันอยู่ห้องถัดไป ทีแรกผมก็ไม่สนใจ
> >เพราะอะไรที่มันไม่ใช่เรื่องของผม ผมจะไม่เข้าไปยุ่งเด็ดขาด
> >หรือแม้แต่แค่สนใจที่จะฟัง แต่พอเสียงมันเริ่มชัดขึ้น
> >คราวนี้ผมสนใจขึ้นมาทันที มันเป็นเสียงของฟ้าที่มีเสียงผู้ชายประมาณ 5-6
> >คนกำลังรุมต่อว่าเธอแบบที่ไม่ปล่อยให้เธอพูดเลย ผมลุกขึ้นทันที
> >หยิบไม้เบสบอลที่วางอยู่หลังห้องแล้วเดินไปยังที่มาของเสียง
> >เพื่อนผมที่นั่งด้วยกันมันก็ตามมาทันที มีอะไรว่ะ แบ๊งค์!
> >ตามกูมา ผมพูดพร้อมกับเร่งฝีเท้า พอผมเดินไปถึงจุดเกิดเหตุ
> >อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดฟ้ากำลังยืนอยู่ท่ามกลาง รุ่นพี่ 5 คนที่กำลัง
> >ด่าเธอด้วยเรื่องที่ผมคอยช่วยเธอมาหลายต่อหลายครั้ง
> >ก็รุ่นพี่ไอ้ที่เป็นหัวโจกมันแอบชอบฟ้า แต่ฟ้าไม่สนใจมัน
> >เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับฟ้ากี่ครั้งผมนับแทบไม่ไหว
> >ก็ฟ้าเป็นคนสวยนี่ครับก็ต้องมีคนรุมชอบเธอเป็นธรรมดา
> >แต่ทุกครั้งที่มีคนบอกรักเธอ
> >เธอก็มักจะปฏิเสธทุกครั้งไป
ผมปล่อยให้มันด่าฟ้าต่อไปโดยที่ผมยังไม่ผลีผลามเข้าไป
> >ผมยืนดูอย่างไม่พูดไม่จากับพวกเพื่อนผม
> >แล้วการเถียงกันมันก็เริ่มที่จะรุนแรงขึ้น
> >รุ่นพี่คนหนึ่งมันกระชากกระเป๋าฟ้าแล้วก็ผลักเธอล้มลงกับพื้น
> >ผมฟิตร่างกายเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็เรียกไอ้ที่มันผลักฟ้า พอมันหันมา
> >ไม้เบสบอลในมือผมก็ถูกขว้างออกไปอย่างเต็มแรงไม้หมุน360องศา ประมาณ 4 รอบ
> >แล้วก็ถึงปากมันพอดีไม้กระแทกปากมัน มันกระเด็นเลยทีเดียว มันลุกขึ้นมา
> >แล้วใช้มือจับดูปริมาณเลือดของตัวเองเลือดมันไหลนองไปหมด มันเดินตรงมาที่ผม
> >ผมรู้ดีว่าการชกกันในแบบนี้ ผู้ที่ลงมือก่อนจะได้เปรียบ
> >ผมไม่รอช้ายิงหมัดขวาอย่างไม่ยั้ง คราวนี้มันสลบยาวเลย
> >เพื่อนมันที่เหลือก็ตรงเข้ามากะจะอัดผมเต็มที่ เพื่อนผมที่มาด้วยกัน
> >จึงวิ่งเข้าตะลุมบอลกัน เก้าอี้ โต๊ะบริเวณนั้นถูกนำมาใช้เป็นอาวุธ
> >ข้าวของในห้องกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ผลสุดท้ายรุ่นพี่ทั้ง 5
> >ก็สลบคาตีนพวกผม สภาพผมแต่ละคนในตอนนั้นก็สะบักสะบอมเอาการเหมือนกัน
> >จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ ผมเก็บกระเป๋าฟ้าที่วางอยู่กับพื้นยื่นให้เธอ
> >ฟ้า กลับบ้านกันเถอะ
> >ผมกับฟ้าก็เดินกลับบ้านโดยที่เธอไม่พูดจาสักคำเอาแต่มองหน้าผม
> >แต่ถึงผมจะสะบักสะบอมแค่ไหนแต่ผมก็ยังจะไปส่งฟ้าเหมือนเดิม
> >เธอใช้ผ้าเช็ดหน้าของเธอเช็ดเลือดให้ผม จนผ้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเลย
> >เรายืนรอรถอยู่นานมาก เวลาก็เริ่มจะมืดแล้ว จนรถมา ผมเดินจะไปขึ้น
> >แต่ฟ้าเธอดึงผมไว้ แบ๊งค์อย่าพึ่งกลับไปดูดาวเป็นเพื่อนฟ้าหน่อย
> >ผมก็นึกตลกเหมือนกันทำไมเธอถึงอยากจะดูดาวนะ เธอพาผมขึ้นรถคันใหม่ไปกับเธอ
> >จนท้องฟ้ามืด ก็มาถึงที่ดูดาวที่เธอว่า ที่นี่เหรอฟ้า
> >ที่ว่าจะพาแบ๊งค์มาดูดาว เธอพยักหน้า ใช่! ที่นี่หละ ฟ้าไม่เคยชวนใครมาเลยนะ
> >แบ๊งค์เป็นผู้ชายคนแรกที่ฟ้าพามาเลยหละ ผมมองที่ ที่เธอว่าดูดาวที่นี่
> >มันสวย แล้วผมก็หัวเราะ ก็ที่นี่มันสะพานแขวนชัดชัด มันจะสวยกว่าที่อื่นตรงไหน
> >แต่ผมก็ไม่พูดอะไรปล่อยให้เธอเดินจูงมือผมแล้วก็เดินเพื่อจะขึ้นไปบนสะพานที่ว่า
> > เธอแวะซื้อไอศกรีมรสสตอเบอรี่ 2 อัน แล้วก็เดินต่อ
> >ข้างบนนี้มันเป็นสะพานแขวนที่รถวิ่งได้ 4 เลน แต่ไม่ค่อยจะมีรถวิ่งเท่าไหร่
> >เพราะเส้นทางนี้มันทำให้เสียเวลามาก
> >คนจึงมักจะใช้เส้นทางอื่นจะมีก็แต่รถที่จะวิ่งไปฝั่งธนบุรี
> >สะพานนี้มันจึงดูเงียบเชียบ
>
>ขอบสะพานเป็นทางเท้าสำหรับคนเดินที่ทั้งสะพานดูเหมือนจะมีแค่ผมกับฟ้าเท่านั้นที่กำลังเดินอยู่
> >เธอพาผมเดินไปจนถึงกลางสะพานแล้วเธอก็หยุดเดิน
> >เธอมองลงไปตามชุมชนที่มีแสงไฟระยิบระยับ
> >และก็มองตามถนนที่เรียบฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาไปจนสุดลูกหูลูกตา
> >เธอมองขึ้นไปข้างบนเพื่อจะดูดาวบนท้องฟ้า อย่างที่เธอพูดจริงครับ
> >บนนี้ทุกอย่างมันดูสวยไปหมด เธอมองดาวพร้อมกับกินไอศกรีม
> >ผมแอบมองใบหน้าเธอตาไม่กระพริบเลย เธอทำไมถึงน่ารักอย่างนี้นะ
> >ไม่ว่าจะเรื่องหน้าตา หรือจะนิสัย เธอก็ดูดีไปหมด
> >เธอยังสวยเหมือนที่ผมเห็นครั้งแรกไม่มีผิด แต่ตอนนี้เธอดูจะสวยกว่าเดิม
> >เธอเริ่มที่จะเป็นสาวเต็มตัวแล้ว
> >แววตาที่กลมโตและเป็นประกายของเธอมันช่างสวยจับใจจริงจริง เธอหันมายิ้มให้ผม
> >แบ๊งค์ ที่นี่สวยมั๊ย..ฟ้าชอบมาบ่อยๆ ผมพยักหน้า อื้ม ก็สวยดีหนิ
> >แล้วปกติฟ้ามากับใครหละ
> >ก็มาคนเดียวหนะสิถามได้ จะให้ฟ้ามากับใครหละจ๊ะ
> >ผมมองตาเธอแล้วพูด ทำไมฟ้าต้องมาคนเดียวด้วยหละ. แค่ฟ้าออกปากชวน
> >ผู้ชายทั้งโรงเรียนก็พามากันเป็นแถบแล้ว มีคนเขาชอบฟ้าเยอะจะตาย เธอยิ้ม
> >ผู้ชายที่ว่าเนี่ยรวมถึงแบ๊งค์ด้วยหรือเปล่าหละ
> >ผมไม่ตอบเธอแล้วเงียบไป เธอใช้มือมาจับแผลที่อยู่แก้มผม เจ็บมั๊ยแผลนี่
> >ผมส่ายหน้า ก็ ไม่เท่าไหร่ เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเดิมออกมาเช็ดให้ผมอีก
> >แบ๊งค์เนี่ย ยอมเจ็บเพื่อฟ้าเสมอเลยนะ แบ๊งค์เหมือนเป็นฮีโร่ ประจำตัวฟ้าเลย
> >ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ช่วยฟ้าเสมอเลย ว่าแต่ว่าทำไมน๊า. แบ๊งค์ถึงชอบช่วยฟ้า
> >เอ๊ะ.เอ๊ะ.คิดอะไรอยู่น๊า. เธอพูดแบบอมยิ้มด้วยท่าทางน่ารัก
> >ผมรีบตอบไปเพราะความเขิน ก็ ก็ ฟ้าเป็นเพื่อนแบ๊งค์ไง
> >เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนสิจริงมั๊ย ผมพยายามหลบสายตาที่เธอมอง
> >แล้วก็ชวนเธอคุยเรื่องอื่น เราคุยกันจนดึกเธอก็ชวนผมกลับ ผมก็พยักหน้า ฟ้า
> >ว่าแต่ว่าเราจะกลับกันยังไง รถก็หมดแล้ว ทุกครั้งที่ฟ้ามาฟ้ากลับยังไงหละ
> >ฟ้ามาทุกครั้งก็เดินกลับไง!
> >ผมรู้สึกตลกทำไมเธอถึงต้องเหนื่อยเดินเพียงเพื่อมาดูดาวแค่นี้นะ
> >ผมก็เดินนำหน้าเธอ เธอเรียกผม แบ๊งค์! แต่วันนี้ฟ้าไม่ต้องเดินกลับแล้ว
> >ผมหันมาทันที แล้วเราจะกลับยังไงหละฟ้า เธอยิ้มแบบเด็กเด็ก ก็
> >ทุกวันฟ้ามาคนเดียวฟ้าก็เดินกลับ.แต่วันนี้มีแบ๊งค์
> >ฟ้าก็จะขี่หลังแบ๊งค์กลับยังไงเล่า
> >เธอพูดจบก็กระโดดขึ้นหลังผมแบบไม่ให้ตั้งตัวเลย โธ่! ฟ้า..ก็..ตั้งไกลนะ
> >เธอไม่ฟังผม แล้วเธอก็ชี้นิ้วไปข้างหน้า แล้วสั่งให้ผมเดิน เธอชวนผมคุยตลอดทาง
> >การที่ผมได้ใกล้ชิดเธอขนาดนี้มันทำให้ผมไม่รู้สึกเหนื่อยแม้แต่น้อย
> >คืนนี้มันทำให้ผมมีความสุขมาก หากผมหยุดเวลาได้ผมจะหยุดอยู่แค่ตอนนี้ตลอดไป
> > การมาโรงเรียนอาจจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อสำหรับหลายคน แต่สำหรับผมไม่เลยครับ
> > ผมอยากจะมาทุกวัน ทุกวัน ไม่มีวันหยุดไม่มีปิดเทอมเลยด้วยซ้ำไป
> >เพราะถ้าวันไหนผมไม่ได้เห็นหน้าฟ้าก็เหมือนบางอย่างในชีวิตผมมันขาดหายไป
> >วันนี้ผมมาโรงเรียนแต่เช้าเลยวันนี้เป็นวัน วาเลนไทน์
> >ผมนั่งข้างฟ้า ตลอดทั้งวันมีผู้ชายเอากุหลาบมาให้เธอนับดอกไม่ถ้วนเลย
> >แต่ผมก็ยิ้มและก็แสดงความยินดีกับเธอ
> >หลังจากที่โรงเรียนเลิกผมก็มาทำความสะอาดห้องเพราะวันนี้เป็นเวรประจำวันของผม
> >ฟ้าเธอก็นั่งรอผมอยู่หลังห้อง เธอนั่งเด็ดกลีบกุหลาบเล่น
> >ดูเธอจะไม่เสียดายดอกกุหลาบเหล่านั้นเลย หลังจากที่ผมทำความสะอาดเสร็จ
> >เวลาในตอนนั้นมันก็เย็นมากแล้ว ผมจึงออกไปล้างไม้ล้างมือแล้วก็ปิดห้อง
> >ฟ้าเธอก็ชวนผมกลับ
> >ขณะที่เธอกำลังเดินผมก็คิดอยู่นานจนในที่สุดผมก็แข็งใจเรียกเธอ
> >ฟ้าเดี๋ยวก่อน เธอหันมาหาผมแล้วยิ้ม มีอะไรหรอแบ๊งค์
> >ผมเปิดกระเป๋าสะพายของผมแล้วค้นหาสิ่งที่อยู่ข้างในนั้น
> >มันถูกห่อไว้อย่างทนุถนอม
> >มันคือดอกทิวลิปส์สีขาวที่ผมเตรียมมาให้เธอตั้งแต่เช้า
> >แต่ผมไม่กล้าที่จะให้เธอ ถึงมันจะดูเฉาลงไปบ้าง แต่ก็ยังคงงดงามอยู่
> >ผมค่อยๆคลี่กระดาษที่ห่อมันอยู่แล้วก็ยื่นให้ฟ้า
> > อ๊ะ แบ๊งค์ให้ ตอนนั้นใจผมเต้นตุ๊บตั๊บเลย
> >เธอดีใจมากที่ผมให้เธอ
> >เธอค่อยๆหยิบจากมือผมไป ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ดวงตาของเธอจับจ้องมา
> >ที่ผม สวยจังเลย. รู้มั๊ย ทั้งวัน ฟ้ารอดอกไม้จากแบ๊งค์คนเดียวเลย
> >เธอพูดจบก็เอากุหลาบหลายดอกที่ เพื่อนๆเธอให้
> >เธอเอากุหลาบทั้งหมดทิ้งลงถังขยะทันที เหลือแต่เพียงทิวลิปส์ที่ผมให้เธอ
> >มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมมีความสำคัญสำหรับเธอมากเลย
> >เธอรีบเดินมาขวางทางไม่ให้ผมเดินต่อ
> >เธอจ้องตาผมแววตาของเธอมันทำให้ผมเขินแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ใจของผมเต้น ราว
> >150 ครั้ง ต่อนาทีได้มั๊ง เธอยิ้มแบบหน้าแดง ดูแล้วน่ารักมาก แล้วพูดกับผม
> >เอ๊ะ.เอ๊ะ.เอ๊ะ แบ๊งค์ให้ฟ้าทำไมน๊าบอกมาซะดีดี
> >รู้นะว่าคิดอะไรอยู่รู้น๊ะรู้น๊ะ ผมรีบหลบสายตาเธอด้วยความเขิน
> >แต่เธอก็ยังเดินอ้อมมาจ้องหน้าผม แล้วก็ถามอีก ผมหลบหน้าเธอไปเรื่อยๆ
> >จนในที่สุดผมก็ต้องจนมุม เพราะทุกครั้งที่เธอเริ่มจะจับได้ว่าผมชอบเธอ
> >เธอจะชอบถามผมแบบนี้ทุกครั้งไป แต่ผมก็มักจะหาข้อแก้ตัวทุกครั้ง
> >ผมคิดด้วยความเขินอยู่นานว่าจะแก้ตัวว่ายังไงดี คือคือ อ้อใช่!
> >ก็วันนี้วันวาเลนไทน์ไง แบ๊งค์ ก็อยากจะให้อะไรฟ้าบ้าง
> >เธอหัวเราะในคำตอบของผม แล้วทำไมถึงอยากจะให้ฟ้าหละจ๊ะ.ตอบให้ตรงประเด็นสิ
> >ผมชักจะจนมุม เลยต้องวกไปคำตอบที่ผมมักจะใช้อยู่เสมอ ก็ก็
> >ฟ้าเป็นเพื่อนแบ๊งค์ไง
> > นั่นไงว่าแล้วเชียว
> >ชอบวนมาจบคำว่าเพื่อนอยู่เรื่อยเลยแบ๊งค์หนะจะตอบแบบอื่นบ้างไม่ได้หรือไง
> >อ้าว..ก็ถ้าไม่ให้พูดว่าเพื่อนจะให้พูดว่าไงหละฟ้าก็ เธอจ้องตาผมอยู่นาน
> >อ๊ะถ้าแบ๊งค์บอกว่าคิดกับฟ้าแค่เพื่อน แล้วในห้องเราก็มีกันตั้ง 50 กว่าคน
> >ไม่เห็นว่าจะได้ดอกไม้จากแบ๊งค์ บ้างเลย.เนอะ
> >ดูเหมือนผมจะแก้ตัวไม่ขึ้นเลยสำหรับคำพูดของเธอ ฟ้าเธอมักจะต้อนผมจน จนมุมเสมอ
> >และพยายามให้ผมยอมรับให้ได้เลยทีเดียว ผมไม่รู้จะตอบเธอว่าไง
> >ผมเลยชี้ไปที่ป้ายรถเมล์ ฟ้า ฟ้า รถมาแล้วรีบไปกันดีกว่า
> >เดี๋ยวก่อนซี้มาตอบก่อน ผมรีบวิ่งขึ้นทันที
> >ตลอดทางบนรถเธอยิ้มและก็จ้องหน้าผมไม่กระพริบตาเลย
> >การเอาทิวลิปส์ให้เธอในวันนั้นทำให้ฟ้าเธอดูมีความสุขมาก
>
>ผมรู้มาตั้งนานแล้วว่าเธอชอบทิวลิปส์สีขาวเพราะเธอเคยบอกกับผมว่าเธออยากที่จะมีทุ่งทิวลิปส์เป็นของตัวเอง
> >
>
>และผมก็เชื่อแน่ว่าสักวันหนึ่งเธอจะต้องมีทุ่งทิวลิปส์ที่เธอฝันถึงได้อย่างแน่นอน
> > เวลาในมัธยมต้นดูเหมือนว่ามันจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน
> >วันนี้พวกผมสอบเป็นวันสุดท้ายของชั้น ม.3 แล้ว
> >วันนี้หลังจากที่สอบเสร็จผมก็ชวนเธอไปที่สะพานแห่งเดิม
> >วันนี้ผมอยากจะใช้เวลาอยู่กับเธอให้นานที่สุด
> >เพราะพรุ่งนี้โรงเรียนของเราก็จะปิดภาคเรียนแล้ว
> >ผมจะไม่ได้เห็นหน้าฟ้าไปอีกนานเลยทีเดียว
> >ผมแวะซื้อไอศกรีมรสสตอเบอรี่ให้เธอเหมือนเช่นเคย เธอยืนมองท้องฟ้าอยู่นาน
> >วันนี้ท้องฟ้าดูมีเมฆมากทำให้ไม่ค่อยเห็นดาวเอาซะเลย ฟ้าเธอหันมาพูดกับผม
> >ว๊า.. วันนี้ไม่มีดาวเลย จะไม่ได้มาอีกตั้งนาน ไม่โรเมนติกเลยเนอะ
> >ผมแอบหัวเราะในสิ่งที่เเธอพูด ท้องฟ้ามันก็เป็นท้องฟ้า
> >ไม่รู้ว่าเธออยากจะให้มันโรแมนติกอะไรนักหนา ผมเหลือบไปเห็นไดอะรี่
> >ที่ฟ้าเธอถือไว้แนบอก ไดอะรี่เล่มนี้ผมเห็นเธอพกติดตัวตลอดเวลา
> >ดูเธอจะหวงมันมาก ผมว่าจะถามเธอหลายครั้งแล้วว่าในนั้นมันคืออะไร
> >แต่ผมก็ไม่เคยถามเธอสักที ผมจึงค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบในขณะที่ฟ้ากำลังเผลอ
> >เธอไม่รู้ตัวเลยว่าไดอะรี่ของเธออยู่ในมือผมแล้ว ผมเปิดไดอะรี่อย่างเบามือ
> >แต่ฟ้าเธอรู้ตัวเสียก่อน เธอเอามือมาปิดไดอะรี่แล้วเธอก็ดึงของเธอคืน
> >เอาไว้ถ้าฟ้าเขียนเสร็จสมบูรณ์ ฟ้าจะให้แบ๊งค์ดูเป็นคนแรก
> >แล้วเธอก็ยิ้มให้ผม ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจที่ฟ้าเธอพูดเท่าไหร่
> >คำว่าเสร็จสมบูรณ์ของฟ้านี่ มันเป็นยังไงกันแน่นะ
> >ก็มันเป็นไดอะรี่หนิมันจะเสร็จสมบูรณ์ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่สนใจ
> >เธอบอกว่าจะให้ผมดู วันหนึ่งผมก็คงได้ดูเพราะฟ้าเธอไม่เคยโกหกผม
> >ผมก็เลยแหงนหน้าดูดาวต่อ ผมยืนมองดาวเป็นเพื่อนเธอจนดึก
> >ทั้งที่เราต่างคนต่างก็เงียบ แต่ผมกลับรู้สึกว่าเธอกำลังพูดอยู่กับผมตลอดเวลา
> >ไม่รู้สิ การที่ผมได้อยู่กับเธอสองต่อสองมันทำให้ผมรู้สึกดีดีเยอะเลย
> > จากวันนั้นโรงเรียนก็ปิดภาคเรียน ผมไม่ได้เห็นหน้าฟ้าอีกนานเลยทีเดียว
> >แต่วันไหนที่ผมคิดถึงเธอจนทนไม่ไหวจริงจริง
> >ผมก็มักจะนั่งรถเมล์ผ่านไปหน้าบ้านเธอ ฟ้าเธอก็ไม่เคยอยู่บ้านสักที
> >แต่ก็เอาเหอะถึงไม่เห็นหน้าเห็นแค่หลังคาบ้านก็ยังดี
> >ผมเฝ้าแต่นับวันที่ผมจะได้เห็นหน้าเธอวันแล้ววันเล่า
> >ผมได้เห็นฟ้าอีกทีก็วันสอบเลือกสายโน่น
> >แหนะ ผมมาตั้งแต่เช้าเลย ไอ้เรื่องสอบยังผมไม่กังวลสักนิด
> >แต่ที่รีบมาก็เพราะอยากจะมาเห็นหน้าฟ้า แล้วผมก็เห็นเธอ เธอยิ้มให้ผม
> >ใจผมอยากจะเข้าไปคุยกับเธอมาก
> >แต่อาจารย์ก็สั่งให้ทุกคนนั่งลงเพื่อเตรียมตัวที่จะสอบ
> >หลังจากวันนั้นก่อนที่อาจารย์จะติดป้ายประกาศชื่อนักเรียนว่าจะได้อยู่สายไหน
> >ห้องไหน ผมไปขอดูผลกับอาจารย์ที่ปรึกษาของผมก่อน
> >ชื่อผมกับฟ้าเราได้อยู่คนละห้อง กันเลย ฟ้าเธอหัวอ่อนได้อยู่สาย ศิลป์-ภาษา
> >ส่วนผมได้อยู่สาย วิทย์-คณิต คะแนนนี้นำโด่งเลย
> >ผมเห็นอย่างนั้นเลยขออาจารย์ย้ายไปอยู่ สายศิลป์-ภาษา ทันที
> >ทีแรกอาจารย์ก็ไม่อยากให้ผมเปลี่ยนห้องอาจารย์บอกว่าคนหัวไวอย่างผม เรียนสาย
> >วิทย์-คณิต จะไปได้ไกลเลย แต่ผมก็ไม่ฟัง ขอร้องอาจารย์ด้วยเหตุผล นานัปการ
> >จนในที่สุดอาจารย์ก็ย้ายชื่อผมไปห้องเดียวกันกับฟ้าเลยครับ
> >ผมดีใจมากที่ผมจะได้ใกล้ชิดเธออีกตั้ง 3 ปี
> >ก็ตลอดเวลาที่ผมได้รู้จักเธอมันกลายเป็นความผูกพันที่ฝังลึกอยู่ในใจผม
> >มันคงยากที่ผมจะละสายตาจากเธอได้
> > วันที่ผมรอก็มาถึง ฟ้าเธอดีใจมากที่เห็นผมได้อยู่ห้องเดียวกับเธอ
> >แต่เธอก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าคนอย่างผมทำไมถึงได้อยู่สาย ศิลป์-ภาษา
> >ฟ้าเธอดูเป็นสาวขึ้น สวยขึ้น
> >แต่นิสัยก็ยังคงเป็นฟ้าเหมือนเดิมเด็กผู้หญิงที่น่ารัก ขี้เล่น
> >และก็ชอบที่จะให้ผมเอาใจอยู่เสมอ เธอมักจะให้ผมชอบอะไรที่เหมือนเหมือนกับเธอ
> >เวลากินข้าวอาหารก็ต้องเหมือนกัน
> >ถ้าข้าวจานไหนเยอะกว่ากันเธอก็ต้องเอามาแบ่งให้เท่ากันทั้ง 2 จานถึงจะกินได้
> >น้ำที่ดื่มก็ต้องเหมือนกันโดยมากจะเป็นน้ำส้ม
> >ปากกายังต้องเป็นยี่ห้อเดียวกันเลย
> >และก็อีกหลายต่อหลายอย่างที่เธอมักจะสรรหามา แม้แต่รองเท้า
> >เธอยังเคยเปลี่ยนกันใส่กับผมเลย ถึงผมจะอายเพื่อนก็เหอะ แต่ผมก็ไม่เคยขัดใจเธอ
> >เธอว่าไง
> >ผมก็ว่างั้น ความสุขเล็กเล็กน้อยน้อยที่เกิดขึ้นในใจผมทุกวัน
> >จึงทำให้ผมรู้สึกห่วงใยเธออยู่ตลอดเวลา
> >เวลาที่เธอร้อนผมก็จะหากระดาษมาทำเป็นพัดแล้วก็พัดให้เธอ
> >เวลาที่เธอหนาวผมก็จะถอดเสื้อหนาวของผมคลุมให้เธอ
>
>เวลาที่เธอตากฝนผมก็จะใช้กระเป๋าผมเป็นร่มบังฝนให้เธอโดยที่ไม่สนใจหนังสือที่อยู่ข้างในเลยว่ามันจะเปียก
แค่ไหน
> > หรือแม้แต่เวลาที่เธอถูกอาจารย์ทำโทษ ผมก็มักจะออกรับแทนเธอเสมอ
> >ฟ้าเธอเป็นคนที่ไม่กล้าเถียงคนอื่น ผมจึงหาข้อแก้ตัวสารพัดมาช่วยเธอ
> >หรือถ้ามันเป็นความผิดแบบเต็มเต็ม ที่เถียงไม่ขึ้น ผมก็จะรับโทษแทนเธอ
> >เธอมักจะถามผมเสมอว่าผมทำไมถึงต้องดีกับเธอขนาดนั้น
> >แต่ทำไมนะถึงไม่มีสักครั้งเลยที่ผมจะกล้าเอ่ยปากบอกเธอว่า ผมรักเธอ
> >ผมเอาแต่กลัวกลัวว่าหากเธอรู้เธออาจจะจากผมไป
> >ผมเห็นจากที่ผู้ชายหลายคนที่มาจีบฟ้า ทั้งหล่อทั้งรวย
> >ฟ้าเธอก็ไม่เคยสนใจใครเลย ดูเหมือนชายในฝันของเธอคงจะต้องดีไปซะทุกอย่าง
> >สำหรับผม ผมขอแค่ได้อยู่ใกล้ใกล้เธอ ได้ทำอะไรเพื่อเธอ ได้เห็นเธอยิ้ม
> >เห็นเธอมีความสุข เท่านั้นมันก็มากพอแล้วสำหรับคนอย่างผม
> > ผมเป็นฮีโร่ประจำตัวฟ้าอยู่หลายปี ไม่เคยมีสักครั้งที่ผมจะให้เธอยืนเดียวดาย
> >ตอนนี้พวกเราก็มาถึงชั้น ม.6แล้วนี่ก็เป็นปีสุดท้ายในชั้นมัธยมแล้วสินะ
> >ถ้าจะนับจากวันแรกที่ผมเห็นเธอและก็แอบหลงรักเธอ
> >ตั้งแต่วันนั้นมาจนวันนี้ก็ย่างเข้าปีที่ 6 แล้ว
> >แต่ความรักที่ผมมีให้กับเธอมันไม่เคยลดน้อยลงไปเลย ตรงกันข้าม
> >มันมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
>
>ต้นรักที่เธอได้ปลูกไว้ในใจผมอย่างไม่รู้ตัวตอนนี้มันดูเหมือนจะแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปทุกอนูภาคของ
ร่างกายผมเลยก็ว่าได้
> > เธอจะรู้บ้างไหมนะว่าผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนเคียงข้างเธอเสมอมา
> >เขาแอบหลงรักเธอจนหมดหัวใจ
> > เดี๋ยวนี้ผมกับเธอมักจะไปไหนด้วยกันเป็นประจำ ไม่ห่างกันเลยทีเดียว
> >เวลาที่ผมไปไหนเธอก็มักจะตามติดผมแจเลยเหมือนเด็กที่ขี้อ้อน
> >แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกรำคาญเธอเลย
> >มันกลับทำให้ผมยิ่งรู้สึกผูกพันกับเธอมากขึ้นเรื่อยเรื่อย
> >ผมฟันฝ่าอุปสรรคเคียงข้างฟ้าเสมอมา
> >จนในที่สุดเวลาในช่วงมัธยมของเราก็มาถึงจุดสุดท้าย เรากำลังที่จะEnt
> >ผมรู้ว่าฟ้าเธอจะเลือกคณะ สถาปัตยกรรม เธอขอให้ผมเรียนกับเธอด้วย ทีแรกผมก็ไม่
> >ไม่คำเดียวเลย เพราะใจผมอยากจะเรียนแพทย์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
> >และความสามารถอย่างผมรับรองว่าสอบแพทย์ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด
> >แต่ความผูกพันที่ฝังลึกในใจผม ที่มีให้กับฟ้านี่สิ มันทำให้ผมต้องคิดหนัก
> >ถึงเวลาแล้วที่ผมต้องเลือกระหว่างคนที่ผมรักกับอาชีพที่ผมรัก ตลอดเวลา 6
> >ปีที่ผ่านมา เธอทำให้ผมมีความสุข เธอทำให้ผมไม่เคยเหงา
> >เธอทำให้ผมรู้สึกว่าโลกนี้มีคนที่ผมสามารถสละแม้ชีวิตเพื่อเธอ
> >แล้วผมจะทำได้หรือหากสองเราจะต้องห่างกัน ผมนั่งคิดนอนคิดอยู่นาน
> >ในที่สุดผมก็ตัดสินใจ Ent
> >สถาปัตย์ กับฟ้า ผมทิ้งอาชีพที่ผมฝันมาตั้งแต่เด็ก เพื่อสิ่งที่ผมรักยิ่งกว่า
> > วันประกาศผลEnt ก็มาถึงผมรีบมาตั้งแต่เช้าเลย ผู้คนมากมายมาจากทั่วสารทิศ
> >มาเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน เพื่อที่จะมาหาชื่อตนเองบนบอร์ด ผมเบียดเสียดผู้คน
> >กว่าจะเข้าไปถึงก็เกือบชั่วโมง ชื่อผมอยู่เป็นอันดับแรกเลย
> >ดูมันจะหมูมากสำหรับผม ผมไม่สนใจชื่อผม เพราะสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือฟ้า
> >หากไม่มีชื่อฟ้าบนนี้ ผมจะเรียนมหาลัยเปิดกับเธอ ผมมองหาชื่อฟ้าเรียงลงมาเลย
> >20 คนก็แล้ว 50 คนก็แล้ว 100 คนก็แล้ว 300 คนก็แล้ว ผมเปิดหาแผ่นแล้วแผ่นเล่า
> >มันเริ่มทำให้ผมใจเสียขึ้นมาทุกที ผมเปิดมาจนถึงแผ่นสุดท้าย มองลงไปเรื่อยๆ
> >เห็นชื่อฟ้าอยู่เป็นอันดับสุดท้ายพอดีเป๊ะเลย ผมดีใจมากเลย
> >ผมจะไม่ได้จากเธออีกแล้ว ผมกระโดดดีใจวิ่งไปทั่วเลย
> >หลังจากวันนั้นผมก็เฝ้ารอวันที่ผมจะได้เจอฟ้าอีกครั้งในชุดนักศึกษามหาลัย
> > แล้ววันแรกในมหาลัยก็มาถึง เมื่อคืนผมนอนแทบไม่หลับผมอยากที่จะเห็นหน้าเธอ
> >ผมเดินเข้าประตูมหาลัยมา ที่นี่มันกว้างใหญ่มาก
> >เต็มไปด้วยร่มไม้ดูร่มรื่นไปหมด
> >ตามทางเดินก็มีทั้งนักศึกษาหญิงชายเดินพลุกพล่านไปหมด
> >ข้างทางก็ติดป้ายแสดงความยินดีกับนักศึกษาใหม่ ผมมองหาคณะ สถาปัตย์ อยู่นาน
> >ผมนั่งรอฟ้าอยู่หน้าตึก เธอนี้ยังชอบมาสายเหมือนเดิมเลย ไม่รู้จักโตสักที
> >แล้วผมก็เห็นฟ้าเดินผ่าเหล่านักศึกษามาแต่ไกลเลย
> >ตอนนี้เธอดูไม่เหมือนฟ้าคนเดิมเลย ผมเธอยาว
> >ตาก็กลมโตเป็นประกายแก้มกับปากก็สีชมพูอ่อนๆ เธอสวยกว่าเดิมจนผมจำแทบไม่ได้
> >และยังใส่ชุดนักศึกษามหาลัย ที่มองแล้วโค้งเว้าเข้ารูป
> >มันต่างกันลิบลับกับตอนมัธยมเลย นักศึกษาชายที่เดินสวนกับฟ้ามองตามกันเป็นแถบ
> >ผมของเธอเวลาที่ต้องลมก็ปลิวออกเล็กน้อย ทำไมถึงสวยขนาดนี้นะ
> >ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะดีใจหรือจะเสียใจดี ที่ฟ้าเธอสวยขึ้น
> >เธอเห็นผมนั่งรออยู่เธอรีบวิ่งมาทันที ถึงหลายหลายอย่างในตัวฟ้ามันจะเปลี่ยนไป
> >แต่ที่ยังเหมือนเดิมก็เห็นจะเป็นนิสัยของเธอ
> >เธอยังคงเป็นนางฟ้าตัวน้อยน้อยของผมเช่นเดิม ผู้หญิงที่น่ารัก ขี้เล่น
> >ทำตัวเหมือนเด็กเด็ก ที่ผมชอบเธอก็ตรงนี้แหละ
> >ถึงผมกับฟ้าจะเข้าสู่มหาลัยแล้วแต่ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม
> >ผมยังนั่งรถไปส่งเธอบ้านทุกวัน ผมยังทานข้าวกับเธอทุกมื้อ
> >ผมยังไปดูดาวกับเธอเป็นประจำ และผมก็ยังเป็นบอดี้การ์ดของเธอทุกลมหายใจ
> > ..แต่พอเราขึ้นปี 2 ทุกอย่างมันก็เริ่มที่จะเปลี่ยนไป
> >มีผู้ชายที่พร้อมไปซะทุกอย่างทั้งเรื่องหน้าตาและฐานะ
> >หลายต่อหลายคนต่างมารุมชอบเธอ ดูผมจะเทียบกับใครเขาไม่ได้เลย
> >ตอนนี้ฟ้าเธอเป็นดาวของมหาลัยเลยก็ว่าได้ เธอไม่ใช่ฟ้าที่เพื่อนๆ
> >ชอบหาว่าเรียนอ่อน ชอบมาสาย อีกต่อไปแล้ว ดูเหมือนความบกพร่องที่เธอเคยมี
> >มันถูกความสวยและความสามารถในด้านอื่นของเธอทดแทนไปหมดเลย
> >เธอเป็นเชียร์หลีดเดอร์ของมหาลัยที่เด่นกว่าคนอื่นๆ
> >เธอเข้าร่วมในหลายหลายกิจกรรมของโรงเรียน
> >หรือจะเป็นการประกวดด้านความสวยความงามต่างๆ ดูเหมือนฟ้าเธอจะกวาดเรียบเลย
> >แต่ก็ไม่มีสักครั้งที่ฟ้าเธอจะลืมผม จิตใจเธอข้างในยังเหมือนเดิมทุกประการ
> >จะเปลี่ยนไปก็แต่สภาพแวดล้อมรอบตัวเธอที่มันทำให้ผมดูจะไม่เหมาะกับฟ้า
> >ลงไปทุกขณะ เดี๋ยวนี้เวลาที่ผมไปไหนกับเธอมักจะมีคนมองตลอด
> >ผมเริ่มรู้สึกว่าผมห่างเธอไปเรื่อยๆ เหมือนเรือที่ถูกปล่อยลอยเคว้งคว้าง
> >ซึ่งนับวันลมฝนจะทำให้มันห่างออกจากผืนดินเข้าทุกขณะ เมื่อก่อนผมเคยคิดเสมอว่า
> >เธอเป็นนางฟ้า. ที่ผมต้องคอยช่วยเหลือเสมอตอนนี้มันก็ยิ่งไกลลับตา
> >เปลี่ยนเป็นคำว่า ดอกฟ้ากับหมาวัดดูจะเหมาะกว่า
> >เมื่อก่อนที่ผมคอยช่วยเธอไปซะทุกเรื่อง
> >ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมเริ่มหมดความสำคัญแล้ว
> >ผู้คนรอบตัวฟ้าต่างช่วยเหลือดูแลเธอยิ่งกว่าไข่ในหินซะอีก
> >จึงทำให้ผมพยายามปลีกตัวออกจากเธอ เวลาเดินกับเธอผมก็พยายามรักษาระยะไว้
> >หลายอย่างในตัวผมมันเปลี่ยนไป จนทำให้ฟ้าเธอผิดสังเกต
> >ยิ่งผมหนีเธอเธอก็ยิ่งตามติดผมเข้าไปใหญ่ เหมือนกำลังประชดผม
> >ฟ้าเธอช่างไม่เข้าใจอะไรเอาซะเลยว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว
> >เธอยังเอาแต่เป็นเด็กไม่รู้จักโต หลายครั้งที่เธอถามผมว่าผมเป็นอะไรไป
> >แต่ผมก็มักตอบเธอไปว่าไม่มีอะไรทุกอย่างยังเหมือนเดิม
> >เดี๋ยวนี้เวลาที่เธอชวนผมไปดูดาวผมก็มักบ่ายเบี่ยงไป บอกว่าไม่ว่างบ้าง
> >ติดธุระบ้าง
>
>เมื่อก่อนการที่มาโรงเรียนแล้วได้เห็นหน้าเธอมันทำให้ผมมีความสุขแต่เดี๋ยวนี้มันกลับทำ
ให้ผมปวดร้าวเมื่อรู้ว่าระหว่างเราช่องว่างมันมากขึ้นทุกที
> > ความเหงาความอ้างว้างมันเริ่มก้าวเข้ามาในใจผม
> >..วันนี้หลังจากที่เลิกเรียนผมกำลังเดินกลับบ้าน
> >ผมแอบกลับคนเดียวโดยไม่บอกฟ้า ผมเดินเตะกระป๋องโค้กมาตามทางแบบสุดเซ็ง
> >ผมเตะกระป๋องไปข้างข้างทางที่รถวิ่ง รถเก๋ง BMW ขับผ่านมาอย่างช้าๆแล้วเหยียบ
> >กระป๋องโค้กของผมซะแบนเลย ผมยิ้มในความแม่นของล้อรถ
> >ผมมองไปที่คนขับอย่างผ่านผ่าน แต่คนที่นั่งข้างนี่สิคือฟ้า
> >เธอเห็นผมกำลังเดินเข้าพอดี ผมจึงรีบหลบสายตาที่เธอมองทำเป็นมองไม่เห็นเธอ
> >ผมก้มหน้าแล้วเดินต่อไป ผมคิดว่าดีแล้วหละ
> >ผู้หญิงน่ารักอย่างฟ้าไม่ควรที่จะมานั่งรถเมล์
> >ผมเดินไปอย่างใจลอยจนถึงป้ายรถเมล์ ตลอดหลายปีมานี้ผมนั่งรถไปส่งฟ้าทุกวัน
> >ต่อจากนี้ผมคงไม่ต้องทำเช่นนั้นอีกแล้ว
> >ผมจะนั่งรถกลับบ้านของผมเลยซักทีไม่ต้องนั่งไปแถวบางเขนเหมือนเช่นทุกวัน
> >รถเมล์จอดเทียบผมก้าวจะไปขึ้น ทันทีที่ผมก้าวก็มีมือมาดึงแขนผมไว้
> >พอผมหันไปก็เห็นฟ้า เอ๊ะ.เอ๋ทำไมขึ้นรถผิดสายเอ่ยคันนี้ไม่ได้ไปบางเขนนะ
> > เธอพูดจบก็ดึงแขนผมไปขึ้นรถคันต่อไปที่จะไปบ้านเธอ
> >ระหว่างทางฟ้าเธอก็หันมาคุยกับผม แบ๊งค์.
>
>ที่จริงบ้านแบ๊งค์ไม่ได้อยู่บางเขนใช่มั๊ย..หลายปีมาเนี่ยที่ต้องขึ้นคันนี้.
ตัวเองอยากมาส่งเค้าใช่มั๊ยใช่มั๊ย..
> >ผมไม่ตอบเธอแต่ยักคิ้วแทน
> >นั่น..แน่! คิดอะไรอยู่นะ..ตั้งแต่ ม.1 จนตอนนี้ ปี2 แล้ว ก็ตั้ง 8
> >ปีเชียวนะบอกมาเหอะเค้าไม่ว่าหลอก ผมยิ้มให้เธอแต่ก็ไม่ตอบ
> >ทำไมนะทั้งที่ผมอยากบอกเธอใจแทบขาดว่าผมรักเธอ รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น
> >แต่ปากของผมมันกลับไม่กล้าพูดออกไป ผมนั่งเงียบอยู่พักแล้วก็ถามเธอ ฟ้า
> >เมื่อตะกี๊ มีคนขับรถไปส่งไม่ใช่เหรอทำไมลงมาซะหละ เธอยิ้มแล้วพูดหวานๆ
> >อ้าว!ก็เค้านึกว่าตัวเองกลับไปแล้วหนิ เพื่อนก็เลยมาส่ง
> >แต่พอเห็นแบ๊งค์เดินอยู่ริมถนนก็เลยรีบลงมาหานี่ไง ทำไมหึงใช่มั๊ย
>
>คราวหน้าจะไม่กลับกับใครอีกแล้วจะรอให้แบ๊งค์ไปส่งคนเดียว.แบ๊งค์เนี่ยขับรถนิ่มจะตาย
> >ผมหัวเราะที่เธอบอกว่าผมขับรถไปส่งเธอ รถแบ๊งค์! ไหนหละรถแบ๊งค์
> >เธอหัวเราะ อ้าว! ก็นั่งอยู่เนี่ยไง แบ๊งค์ก็ส่งฟ้าทุกวัน ทุกวัน
> >มาตั้ง8ปีแล้ว
> >ผมหัวเราะที่เธอพูด เธอชอบที่จะหาอะไรมาพูดให้ผมขำอยู่เสมอ
> >ทุกครั้งที่เธอพูดมันทำให้ผมมีความสุข
> >หลังจากที่ผมส่งเธอถึงบ้านผมไม่รู้จะไปไหนต่อ
> >ผมยังไม่อยากกลับบ้านผมเลยนั่งรถไปสะพานคนเดียว
> >ทุกครั้งที่ผมมาฟ้าจะมาด้วยแต่วันนี้ผมมาคนเดียวรู้สึกหวิวใจยังไงบอกไม่ถูก
> >ท้องฟ้าวันนี้ดูโปร่งมากดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด นี่ถ้าฟ้าเธอได้เห็นเธอคงจะชอบมาก
> >ผมยืนดูจนเพลิน แล้วก็มีมือมาปิดตาผม ทายซิ! ใครเอ่ย ผมหัวเราะ
> >ผมรู้ทันทีเลยว่าเป็นฟ้า ผมหันไปหาเธอ เธอโกรธเล็กน้อยแต่ก็ยังยิ้ม
> >นึกแล้วเชียวว่าต้องแอบมาดูคนเดียว..แบ๊งค์เนี่ย! ไม่ชวนฟ้าบ้างเลยนะ
> >เธอพูดจบก็ยื่นไอศกรีมให้ผม แล้วเธอก็แหงนหน้ามองดาวบนท้องฟ้า
> >ดูเธอจะชอบมันมาก ผมแอบมองใบหน้าเธอ ผมมองอยู่นานโดยที่เธอไม่รู้ตัว
> >เธอหันมาหาผม
> >วันนี้ดาวสวยดีเนอะ ว่ามั๊ยแบ๊งค์ ผมตอบเธอเบาๆไม่คิดว่าเธอจะได้ยิน
> >ฟ้าดูสวยกว่าดาวบนนั้นอีกเธอยิ้มเหมือนจะได้ยินฮะ! แบ๊งค์พูดว่าอะไรนะ
> >อ้อ เปล่าหลอก ผมเห็นไดอะรี่เล่มเดิมของเธออีกแล้ว ฟ้า นี่มันก็ปี2
> >แล้วนะ แบ๊งค์อ่านไดอะรี่ของฟ้าได้หรือยัง เธอหันมา
> >ใกล้แล้วหละแบ๊งค์มันใกล้จะสมบูรณ์แล้วขาดก็แต่
> >เธออ้ำอึ้งไปพักแล้วก็หยุดพูดไป
> >ประโยคสุดท้ายเธออยากจะพูดว่าอะไรนะดูท่าทางมันคงสำคัญมาก..
> >ผมว่ามันดึกมากแล้วเลยชวนฟ้าเธอกลับ ผมออกเดิน เธอดึงแขนผมไว้ทันที
> >แบ๊งค์.ฟ้าอยากขี่หลัง
>
>เธอพูดจบก็กระโดดขึ้นหลังผมมันเหมือนสมัยก่อนไม่มีผิดเธอยังคงชอบที่จะขี่หลังผมเหมือนเดิม
>
>แต่ที่มันจะเปลี่ยนไปซักหน่อยก็เห็นจะเป็นหน้าอกของฟ้าที่มันต่างจากเมื่อก่อนไกลกันลิบเลย
> >ผมหันไปยิ้มให้เธอ อะไร!!..คิดอะไร..ห้ามลามกเดินต่อไปเร็วๆ
> >เธอคงรู้ว่าผมกำลังคิดถึงสรีระของตัวเธอที่มันเปลี่ยนไปมาก
> >เดี๋ยวนี้เธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว นี่ถ้าใครเห็นเธอขี่หลังผมแบบนี้คงอิจฉาน่าดู
> > หลายหลายอย่างในวันนี้ทำให้ผมได้รู้ว่าฟ้าเธอยังคงนิสัยเหมือนเดิม
> >เมื่อก่อนเคยเป็นไงเดี๋ยวนี้ก็เป็นงั้น
> > ย่างเข้าปี 3 ของมหาลัยแล้ว ผมมีเพื่อนต่างคณะคนหนึ่ง มันเรียนนิติศาสตร์
> >เกี่ยวกับกฎหมาย มันชื่อชัย พ่อของมันเป็นนักการเมืองชื่อดัง
> >ถึงมันจะรู้ว่าตัวเองเส้นใหญ่แค่ไหนแต่มันกลับไม่เคยข่มเหงคนอื่น
> >ตรงกันข้ามมันกลับเป็นคนที่นิสัยดี ชอบที่จะช่วยเหลือผู้อื่น
> >หน้าตาก็หล่อเอาการเลยทีเดียว ไอ้ชัยมันแอบรักฟ้ามานานแล้ว
> >มันเคยถามผมหลายครั้งว่าผมคิดยังไงกับฟ้าแต่ผมก็ตอบว่าแค่เพื่อน
> >ผมเห็นว่าชัยมันเป็นคนดีและด้วยการที่มันอ้อนผมเช้าเย็นนั่นหละ
> >จนในที่สุดผมก็พามันไปแนะนำให้ฟ้ารู้จัก แต่จากที่ผมดู
> >ฟ้าก็รู้สึกเฉยเฉยกับมันเหมือนกับรายอื่นๆนั่นหละ
> >ถึงมันจะหล่อจะรวยแค่ไหนก็เหอะ.
> >เวลาว่างๆไอ้ชัยมันก็ชอบมาถามผมเกี่ยวกับตัวฟ้า
> >ซึ่งมันก็รู้ดีว่าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับฟ้าผมดูจะรู้ดีกว่าทุกคน
> >มันค่อยๆทำอย่างที่ฟ้าชอบทุกวัน ทุกวัน มันตามจีบฟ้าอยู่เป็นปี
> >จนในที่สุดฟ้าก็เริ่มรู้สึกว่าชัยมันเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง
> >เวลาที่เธอไปไหนชัยมันก็จะตามติด
> >ผมเริ่มรู้สึกว่าไอ้ชัยมันกำลังเป็นผมในอีกตัวตนหนึ่ง
> >แต่ในตัวตนของมันดูจะเพรียบพร้อมไปกว่าตัวของผมไปซะทุกเรื่อง
> >ผมจึงเริ่มที่จะถอยห่างเปิดช่องว่างให้เขาทั้งสองมากขึ้นทุกวัน
> >หลายคนที่เห็นชัยกับฟ้าต่างก็คิดเหมือนเหมือนกันว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกัน
> >ผู้หญิงหลายหลายคน ชอบไอ้ชัยแต่มันไม่เคยสนใจใครเลย นอกจาก.ฟ้า
> > แล้วเราก็ใกล้เข้ามาถึง วาระสุดท้ายของการเรียนแล้ว
> >วันรับปริญญาใกล้เข้ามาทุกขณะ
> >ผมกำลังคิดที่จะตอบคำถามของฟ้าที่เธอเฝ้าถามผมตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ผมได้แอบ
> >ออกแบบแหวนออกมาวงหนึ่งแหวนวงนี้ผมใช้เวลาอยู่หลายเดือนในการทุ่มเทที่จะทำ
> >เกลียวของแหวนเป็นก้านทิวลิปส์ ส่วนหัวแหวนก็เป็นดอกทิวลิปส์
> >ผมใช้เงินที่ผมเก็บหอมรอมริบมาตลอดหลายปีทำแหวนนี้ขึ้นมา
> >ถึงค่าของมันจะน้อยมาก เมื่อเทียบกับเพชร
> >แต่ในด้านจิตใจแล้วผมรับรองว่าฟ้าเธอต้องชอบมันมากเลยทีเดียว
> >ผมจะมอบแหวนนี้ให้เธอในวันรับปริญญาแล้วผมจะสารภาพในสิ่งที่ผมไม่กล้าพูดมาตลอด
> >10 ปี คำว่า ผมรักเธอ
> > วันรับปริญญาก็มาถึงหลังจากที่พิธีทุกอย่างเสร็จสิ้น ผมเดินตรงเข้าไปหาฟ้า
> >ยืนข้างๆเธอแล้วพูดแบบไม่กล้าที่จะสบตาเธอ
> >ฟ้าคืนนี้ไปดูดาวด้วยกันนะแบ๊งค์มีบางอย่างอยากจะบอก
> >เธอรีบมายืนข้างหน้าผมทันที ท่าทางฟ้าดีใจมาก
> >ผมไม่เคยเห็นเธอดีใจเท่านี้มาก่อน แบ๊งค์อยากจะบอกอะไร!
> >ฟ้าเธออยากจะรู้มากเลยเธอตื่นเต้นอยากจะรู้ให้ได้เอาซะตอนนั้น
> >ผมจับมือเธอมาประกบไว้ เอาไว้คืนนี้ฟ้าจะได้รู้สิ่งที่อยู่ในใจแบ๊งค์ ตลอด
> >10 ปี เธอจ้องตาผม สัญญาแล้วนะถ้าไม่มาเค้าโกรธด้วยหละ พูดจบผมก็เดินจากไป
> >เธอตะโกน แบ๊งค์! ฟ้าจะรอนะ
> >.ผมกลับถึงบ้านผมก็หยิบของชิ้นหนึ่งที่ผมซ่อนไว้อย่างดี
> >มันถูกเก็บในกล่องอย่างมิดชิด ผมหยิบสิ่งของชิ้นนั้นออกมา มันคือ แหวน แหวน
> >รูปดอกทิวลิปส์
> >ผมได้ทุ่มเทออกแบบอย่างเต็มที่มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฟ้าเพียงคนเดียว
> >ผมหยิบแหวนนั้นมาแนบไว้กับอกแล้วผมก็เผลอหลับไป ผมตื่นอีกทีเวลามันปาเข้าไป 4
> >ทุ่ม ผมลุกขึ้นแล้วรีบออกจากบ้านทันที นี่ผมช้ามากเลย!!
> >พอผมไปถึงผมรีบวิ่งทันทีผมดีใจมากที่เธอยังรอผมอยู่เธอยืนรอผมอยู่กลางสะพาน
> >ผมค่อยๆเดินเข้าไปหาเธออย่างใจเย็นคืนนี้ผมจะกล้าพูดกับเธออย่างเต็มปากเสียที
> >ผมเดินเข้าไป แต่ผมก็เห็นชายคนหนึ่ง เดินมาจากอีกฟากหนึ่งของสะพาน ไอ้ชัย
> >ดูเหมือนมันจะเดินถึงตัวฟ้าก่อนผมประมาณ 10 วินาทีเท่านั้นเอง
> >ตอนนั้นผมก็ใกล้จะถึงตัวฟ้ามากแล้ว ผมจึงรีบหลบเข้าหลังเสาทันที
> >ตอนนั้นไฟบนสะพานมืดมากเขาทั้ง 2 เลยมองไม่เห็นผม
>
>ผมแอบดูชัยคุยกับฟ้าอยู่นานมากจนในที่สุดชัยมันเอาสิ่งของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อของมัน
> >เป็นกล่องสีแดงเล็กๆ มันเปิดกล่องออกแล้วหยิบของข้างในนั้นยื่นให้ฟ้า
> >มันคือแหวน แหวนเพชรหลายกระหลัดเลยทีเดียว
> >เธอไม่รับแหวนนั่นเธอยังคงยืนรอที่จะฟังคำสารภาพของผมอยู่
> >เธอรอชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า ในที่สุดเธอก็รับแหวนจากไอ้ชัย
> >ฟ้าเธอร้องไห้และก็กอดไอ้ชัย แล้วผมก็รู้ทันทีเลยว่าโอกาสของผมมันหมดลงแล้ว
> >นี่ผมคงมาช้าไป ผมไม่ได้ช้าแค่ 10 วินาที หรือ 10 นาที แต่ผมช้าไป 10 ปี
> >ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
> >ฟ้าเธอเฝ้าถามผมครั้งแล้วครั้งเล่าว่าผมรู้สึกอย่างไรกับเธอ
> >แต่ผมกลับไม่เคยตอบ ผมปล่อยให้เวลามันผ่านไปเรื่อยๆ
> >จนถึงวันนี้โอกาสครั้งสุดท้ายของผมมันได้หลุดมือไปแล้ว
> >แต่ถึงผมจะไม่ได้เคียงคู่กับเธอ แต่เธอก็ได้คนที่ดีอย่างชัยเคียงข้าง
> >มันเป็นคนดีและก็เพรียบพร้อมทุกอย่าง ที่สำคัญมันรักฟ้ามาก
> >มันรักฟ้าไม่น้อยกว่าผม ผมควรที่จะปล่อยให้ฟ้าได้พบกับสิ่งที่ดีที่สุด
> >ผมเชื่อว่าชัยมันจะดูแลเธอเป็นอย่างดี แต่ถ้าวันใดที่มันทำให้ฟ้าต้องเสียใจ
> >ผมจะกลับมา และทวงของของผมคืน
> > หลังจากวันนั้นผมก็หายไปจากชีวิตของฟ้า เธอโทรมาหาผม สายแล้วสายเล่า
> >แต่ผมไม่รับและก็เปลี่ยนเบอร์ไปในที่สุด ผมคอยเฝ้าดูฟ้าอยู่ห่างๆ
> >เธอยังไม่แต่งงานกับชัย เธอยังคอยคำสารภาพจากผมอยู่ เธอรอผมถึง 2 ปี
> >จนในที่สุดพ่อของฟ้าก็ยกฟ้าให้กับชัย เธอคงจะลืมผมได้สักที
> >ข่าวคราวการแต่งงานของ รุ่งฟ้า กับ ชัยวัตร ดังไปทั่วตามหน้าหนังสือพิมพ์
> >นิตยสาร รวมไปถึงสื่อทุกแขนง
> >ผมเฝ้าดูความสำเร็จของฟ้าอยู่โดยที่เธอไม่รู้ตัว
> >ตอนนี้เธอมีทุ่งทิวลิปส์อย่างที่เธอเคยฝันแล้ว
> >บ้านของเธอก็เป็นคฤหาสถ์หลังใหญ่ ที่ด้านบนสุดเป็นชั้นลอยเป็นหอสำหรับดูดาว
> >มีกล้องดูดาวเกือบทุกชนิด คงทำให้เธอมีความสุขกับการดูดาว มากกว่าการมา
> >ทนยืนดูดาวบนสะพานเก่าเก่า กับคนเดินดินเช่นผม
> >ตอนนี้ไอ้ชัยก็ได้เป็นนักการเมืองเจริญรอยตามพ่อ
> >ซึ่งมันก็เป็นนักการเมืองที่ขาวสะอาดไม่เคยโกงกิน เป็นที่ชื่นชอบของประชาชน
> >ผมเฝ้าวนเวียนอยู่รอบตัวฟ้าโดยที่เธอไม่เห็นมา 5 ปีเต็มแล้ว ทุก วาเลนไทน์
> >ผมจะนำทิวลิปส์ สีขาวที่เธอชอบไปปักไว้รั้วหน้าบ้านเธอ ทุกครั้งที่เธอได้มัน
> >เธอจะออกตามหาเจ้าของดอกไม้ทุกครั้ง แต่ก็ไม่มีสักครั้งที่เธอจะได้เห็นผม 5
> >ปีที่ผ่านมานี้ ผมได้สร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาอย่างเงียบเงียบ ผมกลายเป็น
> >ดีไซเนอร์ ชื่อดัง ผมมักจะไม่ใช้ชื่อจริงในการทำงาน
> >คนที่มาติดต่องานกับผมจะรู้จักผมในชื่อ ทิวลิปส์
> >ส่วนใหญ่เขามักจะไม่ค่อยได้เห็นหน้าผม เพราะผมชอบที่จะทำตัวลึกลับ
> >ตอนนี้ผมกำลังได้รับงานใหญ่ที่ ปารีส หน่วยงานที่นั่นเขาขอให้ผมไปเป็น
> >ดีไซเนอร์ประจำที่นั่น เขาติดต่อผมมานานแล้ว
> >แต่ผมยังไม่เคยคิดที่จะไปผมอยากที่จะรอดูให้แน่ใจว่าฟ้าเธอจะมีความสุข
> >และตอนนี้เวลามันก็ผ่านมา 5 ปีแล้ว มันถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องวางมือสักที
> >ผมตัดสินใจที่จะไปอยู่ที่ปารีส และจะโอนสัญชาติเป็นคนที่นั่น
> >และจะไม่กลับมาอีก คืนนี้เครื่องของผมก็จะออกแล้ว
> >วันนี้ผมเลยตัดสินใจที่จะเอาทิวลิปส์ดอกสุดท้ายไปวางไว้หน้าบ้านเธอ
> >มันเป็นทิวลิปส์ดอกสุดท้ายแล้วที่จะให้ฟ้า ..หลังจากที่ผมวางทิวลิปส์ไว้
> >ผมก็ค่อยๆเดินจากไป แต่ฟ้าเธออยู่ข้างในบ้านและก็เห็นผมเข้าพอดี
> >เธอรีบวิ่งตามผมออกมาทันที ผมเร่งฝีเท้าเดินหลบเธอเข้าไปในสวนสาธารณะ
> >ผมคิดว่าเธอคงไม่เห็นผมแล้ว
>
>ขณะที่ผมกำลังจะเดินต่อก็มีมือเข้ามากอดผมจากทางด้านหลังความรู้สึกอย่างนี้ผมรู้ทันทีว่าเป็นใคร
> >ผมไม่เคยลืมความรู้สึกอบอุ่นที่เธอเคยกอดผมได้เลย
> >ตอนนี้เธอกำลังร้องไห้และซบหน้าลงบนแผ่นหลังของผมน้ำตาของเธอนองหลังผมไปหมด
> >ผมยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกอยู่นาน ผมจึงค่อยๆหันหน้าไปหาเธอ
> >ผมใช้มือเอื้อมไปเช็ดน้ำตาที่แก้มของเธออย่างเบามือ
> >แก้มของเธอยังคงเป็นสีชมพูเหมือนเดิม ดูเธอยังน่ารักไม่เปลี่ยนแปลงเลย เมื่อ
> >15 ปีที่ผมเคยเห็นเธอ ครั้งแรกเป็นอย่างไรเดี๋ยวนี้ก็ยังเหมือนเดิม
> >แววตายังคงใสเป็นประกาย
> >ซึ่งต่างจากผมที่นับวันดูจะแก่ลงไปทุกขณะ
> >เธอยื่นมือมาจับมือผมที่กำลังเช็ดน้ำตาให้เธอแล้วก็พูดอย่างสะอื้น แบ๊งค์!
> >.แบ๊งค์หายไปไหนมา ทำไมคืนนั้นแบ๊งค์ไม่มา
> >ผมไม่ตอบเธอยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ฟ้าตามหาแบ๊งค์ทุกวันเลยรู้มั๊ย
> >ฟ้ารอแบ๊งค์ จนที่สุด พ่อฟ้าก็ให้ฟ้าแต่งกับชัย
> >หลายต่อหลายคำถามที่เธอถามผมแต่ผมก็ไม่ตอบ เอาแต่ยืนนิ่ง
> >เธอหยิบของบางอย่างยื่นให้ผม แบ๊งค์.ฟ้าให้
> >ไดอะรี่ที่ฟ้าสัญญาว่าจะให้แบ๊งค์ไง แต่ถึงวันนี้มันก็ยังไม่สมบูร์นะ
> >ผมหยิบมาจากมือเธอ ไดอะรี่ที่ผมอยากจะดูว่าข้างในมันคืออะไรมาตั้ง 15 ปี
> >แต่เธอก็มักจะบอกว่ารอให้เสร็จสมบูรณ์ก่อน
> >แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่สมบูรณ์อีกหรือ เธอร้องไห้แบบไม่พูดอะไรเลยอยู่นาน
> >แล้วเธอก็ถามผม ที่ทุกทุกครั้งที่เธอถามเธอมักจะถามแบบอ้อมค้อม
> >แต่คราวนี้เธอถามตรงตรงเลย แบ๊งค์แบ๊งค์ รักฟ้าบ้างหรือเปล่า
> >ถ้าหากทุกครั้งที่เธอเคยถามผม เธอถามตรงเช่นนี้
> >ผมคงให้คำตอบเธอแบบไม่หยุดคิดสักนิดตั้งแต่ 15 ปีที่แล้ว..
> >ผมเงียบไปในขณะที่ใบไม้ใบหนึ่งค่อยๆ ร่วง ลงมาจากต้นไม้
> >ผมดูจนมันตกลงถึงพื้นดิน มันทำให้ผมคิดได้ว่า
> >อะไรบางอย่างเมื่อมันผ่านพ้นมาแล้วมันไม่มีทางที่จะหวนกลับคืนได้อีก
> >เหมือนดังเช่นผมที่จนวินาทีสุดท้ายที่ผมจะได้เห็นเธอเช่นนี้
> >ผมก็ยังไม่กล้าที่จะพูดออกไป หรือถึงผมจะกล้าพูดออกไปมันก็คงไม่มีประโยชน์
> >ผมยืนจ้องตาเธออยู่นาน
> >ฟ้า.ต่อไปนี้ฟ้าดูแลตัวเองนะแบ๊งค์คงไม่ได้เป็นฮีโร่ประจำตัวฟ้าอีกแล้วนะ
> >เธอรีบถามผมด้วยท่าทางตกใจ ทำไม! แบ๊งค์ แบ๊งค์จะไปไหน ปารีส
> >ผมเช็ดน้ำตาที่แก้มเธอเป็นครั้งสุดท้าย ..ลาก่อนนางฟ้าตัวน้อยน้อยของผม.
> >ผมหันหลังแล้วก็เดินจากเธอไป เธอใช้มือมาดึงแขนผมไว้
> >ความรู้สึกแบบนี้ผมเคยรู้สึกหลายต่อหลายครั้ง ทุกครั้งผมจะต้องหันไปหาเธอ
> >แต่คราวนี้มันไม่เหมือนทุกครั้ง
> >ผมค่อยๆแกะนิ้วเธอที่จับที่แขนผมแล้วก็เดินอย่างไม่เหลียวหลัง
> >ผมได้ยินเพียงเสียงเธอร้องสะอื้นจากข้างหลัง
> >แบ๊งค์!.ไม่มีที่ไหนที่ดาวจะสวยเหมือนบนสะพานนั่น
> >ไม่มีใครทำให้ฟ้ารู้สึกมีความสุขเหมือนกับแบ๊งค์
> >ไม่มีทิวลิปส์ดอกไหนเหมือนที่แบ๊งค์ให้
> >ฟ้า.. ฟ้ารัก.
> >ประโยคสุดท้ายเธอพูดว่าอะไรผมก็ได้ยินไม่ชัดเพราะผมอยู่ห่างจากเธอมากแล้ว
> >ผมรู้สึกแต่เพียงว่าเธอกำลังยืนมองผมเดินจากไป จนลับตา
> > ..คืนนี้ผมมาสะพานแห่งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว
> >ผมคิดถึงหลายต่อหลายอย่างบนนี้ ผมไม่เคยขึ้นมาโดยไม่มีเธอมาก่อน
> >ผมไม่ได้ขึ้นมานานแล้วคืนนี้มันดูเงียบเชียบจริงจริง
> >เมฆที่บดบังบนท้องฟ้าเริ่มที่จะลอยออกจากหมู่ดาว
> >ดวงดาวเริ่มที่จะส่องแสงระยิบระยับดูแล้วมันช่างสวยจริงจริง
> >ผมพึ่งเคยมองมันแบบเต็มตาเป็นครั้งแรก
> >เพราะทุกครั้งที่มาผมไม่เคยใส่ใจกับดาวเลย ผมสนใจที่เธอมากกว่า
> >เพราะตาที่เป็นประกายของเธอมันสวยกว่าหมู่ดาวบนท้องฟ้าเสียอีก
> >ผมยังรู้สึกเหมือนกับว่า เธอกำลังยืนดูดาวข้างข้างผม
> >และเสียงเธอกินไอศกรีมมันก็ยังก้องอยู่ในหัวผมอยู่เลย
> > ผมหยิบไดอะรี่ที่เธอให้ผมขึ้นมาดู ผมค่อยๆเปิดออก
> >ข้างในมันยังใหม่อยู่เลยไม่มีแม้รอยยับ เธอทำไมถึงรักษาได้ดีขนาดนี้นะ.
> >ผมเปิดเข้าไป ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องราวของชายคนหนึ่ง
> >วันเดือนปีที่ระบุไว้หน้าแรกก็ประมาณ 15 ปีได้
> >เธอพูดถึงครั้งแรกที่อยู่ห้องเดียวกันกับชายคนนั้นที่ห้อง ม.1/3
> >เธอเริ่มหลงรักเขาตั้งแต่ครั้งแรก
> >เธอพูดถึงความเป็นบอร์ดีการ์ดที่แสนดีของเขาที่ คอยช่วยเหลือเธอทุกครั้ง
> >ยอมออกรับแทนเธอทุกเรื่องยอมเจ็บตัวเพราะเธอทุกครั้ง
> >ให้เธอขี่หลังโดยไม่บ่นสักคำ เขาทำให้เธอมีความสุข เขารู้ใจเธอไปซะทุกอย่าง
> >เขาทำให้ชีวิตเธอไม่อ้างว้าง เขากลับบ้านพร้อมเธอทุกวัน
> >ทั้งที่บ้านเขาและเธอไม่ได้อยู่ใกล้กันเลย
> >และเธอก็เขียนถึงเหตุการณ์หลายต่อหลายอย่าง
> >ที่ทุกเหตุการณ์เหมือนมันพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันวาน
> >แต่ประโยคหนึ่งในไดอะรี่ที่ผมอ่านแล้วดูเหมือนจะ น้ำตาคลอเลย ก็ประโยคสุดท้าย
> >ที่เธอเขียนถึงชายในไดอะรี่ของเธอ เมื่อไหร่น๊าแบ๊งค์เขาจะบอกรักเราสักที
> >ผมอึ้งไปเลยมันเป็นสิ่งที่ผมมองข้ามมาตลอด และผมก็เข้าใจแล้ว
> >คำว่าเสร็จสมบูรณ์ของไดอะรี่เล่มนี้ว่ามันหมายถึงอะไร เธอหมายถึง
> >คำบอกรักจากปากผม ที่ผมไม่เคยบอกกับเธอแม้แต่ครั้งเดียว
> >ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลเดียวที่ไดอะรี่ของเธอไม่เคยจบ
> >ยังคงขาดสิ่งสำคัญที่สุดจากปากของผม ผมอ่านจนหมดเล่ม
> >มันทำให้น้ำตาของผมไหลออกมาทันที น้ำตาของลูกผู้ชายที่ตลอด 20
> >ปีไม่เคยมีใครได้เห็น นี่ถ้าฟ้ามาเห็นเข้าเธอคงหัวเราะแย่เลย
> >ฮีโร่ ที่เธอบอกว่าเก่งนักหนา
> >แต่กลับต้องมาร้องไห้เพียงเพราะไดอะรี่ที่เธอเขียนสำหรับเขา
> > ถึงอย่างไรชีวิตผมก็ได้ทำเพื่อฟ้ามา จนถึงที่สุดแล้ว สำหรับบอร์ดีการ์ด
> >คนนี้ก็ต้องหมดหน้าที่ซักที มันเป็นหน้าที่ของชัยแล้วที่จะดูแลเธอต่อไป
> >ผมหยิบของบางอย่างที่ผมเก็บมาหลายปี แหวน แหวนที่ผมทุ่มเททำขึ้นสำหรับฟ้า
> >แต่ผมก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะให้เธอได้เห็นมัน
> >ผมเคยคิดว่าจะเก็บไว้ให้หญิงอื่น
> >แต่ถึงวันนี้ผมก็รู้แล้วว่าไม่มีใครเหมาะกับมันเท่ากับเธออีกแล้ว
> >เธอคือรักแรกและจะเป็นรักครั้งสุดท้ายสำหรับผม ผมปล่อยแหวนจากมือทันที
> >มันค่อยๆหล่นลงไปเบื้องล่าง และจมหายไปในแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดกาล
> >ใกล้จะถึงเวลาที่เครื่องกำลังจะออกแล้วผมเช็ดน้ำตาแล้วเดินลงไปตามทางเรื่อยๆ
> >ที่ที่ครั้งหนึ่ง เธอจะขี่หลังผม และไม่ยอมลงเลย จนถึงบ้านเธอ
> >ต่อจากนี้ในใจผมจะมีเพียงความทรงจำเกี่ยวกับเธอและไม่มีวันจางหายตลอดกาล
> >
> > ภูมิใจที่ได้ทำอะไรให้ เต็มใจแม้ใครจะว่าเพ้อเจ้อ
> >ดีใจที่ได้คอยห่วงใยใส่ใจเธอ สุขใจเสมอและจะมีเพียงเธอ..ตลอดไป
> >
> > ผมอยู่บนเคื่องเที่ยวที่จะไป ปารีส ท้องฟ้าบนนี้ช่างสวยจริงจริง
> >ผมกำลังจะได้เป็นหนึ่งในดีไซน์เนอร์ของไทย ที่กรุงปารีส ขอให้ไปประจำ
> >ที่นั่น ต่อจากนี้งานของผมทุกชิ้นจะมีเพียง .ทิวลิปส์ท้องฟ้า และ แสงดาว
> >
ทำไมชีวิตต้องเป็นแบบนี้ด้วยไม่เข้าใจ เศร้าใจจริง ๆ 
นี่คงเป็นอีกหนึ่งโศกนาฏกรรมความรัก ของ มนุษย์				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟมะกรูด
Lovings  มะกรูด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟมะกรูด
Lovings  มะกรูด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟมะกรูด
Lovings  มะกรูด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงมะกรูด