8 พฤศจิกายน 2550 22:13 น.
มนต์กวี
ขบวนบุญพร้อมหน้ามาขึ้นรถ
ขึ้นกันหมดพร้อมพรั่งทั้งชายหญิง
สองแถววัดถึงเก่าหนอพอพึ่งพิง
นั่งนิ่งนิ่งรถเคลื่อนไปใจเย็นเย็น
ออกเดินทางวันนี้จากศรีสะเกษ
รอยต่อเขตติดแดนแคว้นเขมร
กว่าเจ็บสิบชีวิตรวมพระเณร
ทางลำเค็ญเปื้อนฝุ่นแต่อุ่นใจ
ขบวนบุญขบวนธรรมนำกฐิน
ไปทอดถิ่นสกลนครอมรไสว
ไตรสิกขาคือวัดป่ามุ่งหน้าไป
หอบหัวใจอิ่มบุญเป็นทุนธรรม
ผ่านอำนาจเจริญยามทุ่มกว่า
แวะวัดป่าเซบายใจสุขล้ำ
ฟังพระเทศน์เรื่องเหตุผลแห่งกรรม
ในคืนค่ำแต่สว่างอยู่กลางใจ
ทานข้าวเย็นวัดเซบายพอหายหิว
ลมเฉื่อยฉิวงามแท้ชมแขไข
ส่องสว่างฟังเสียงหริ่งเรไร
ระงมไปทั่วป่าพาภิรมย์
ได้เวลาระหกระเหินเดินทางต่อ
ลมหนาวทอยะเยือกเย็นทุกเส้นผม
อุ่นไอบุญแผ่ซ่านต้านสายลม
อุ่นผ้าห่มน้ำใจในรถบุญ
หลายคนพับหลับนอนด้วยอ่อนล้า
ทอดกายาหลับไหลกลางสายฝุ่น
ทางคดเคี้ยวบ้างเมารถชุลมุน
ทั้งข้าวปุ้นข้าวเหนียวเทียวอาเจียน
บรรยากาศแห่งบุญอันอุ่นอบ
ฝุ่นตลบดึกดื่นยังคลื่นเหียน
คนบ้านไกลเดินทางอย่างพากเพียร
เพื่อจุดเทียนแห่งธรรมน้อมนำใจ
ถึงวัดป่าไตรสิกขาตอนห้าทุ่ม
มีพระหนุ่มเณรน้อยเหลืองไสว
คอยต้อนรับพวกเราอย่างเร็วไว
คนบ้านไกลหายเหนื่อยด้วยศรัทธา
จากบ้านอื่นก็ไม่น้อยทะยอยเพิ่ม
มาร่วมเติมคุณธรรมค้ำพระศาสนา
ขบวนบุญอุ่นธรรมพระสัมมา
ณ.วัดป่าผลาส่งคงได้บุญ
ถึงตีสองเวลาวัดทำวัตรเช้า
ส่วนพวกเราเงียงัวยังหัวหมุน
คงเหนื่อยอ่อนเลยนอนแผ่นะแม่คุณ
ก็เจือจุนกันไปทางสายธรรม
ส่วนผู้เขียนขืนข่มความขี้เกียจ
ไล่ความเครียดนิวรณ์ห้าอย่ากลายกล้ำ
นั่งสวดมนต์สวมชุดขาวกล่าวถ้อยคำ
แล้วดื่มด่ำสมาธิหวังนิพพาน
จวบรุ่งเช้ายินสำเนียงแว่วเสียงไก่
กล่อมพฤกษ์ไพรอ้อนออดสอดประสาน
ปลุกเรียกคนตื่นเถิดหนามาทำทาน
มาร่วมการทอดกฐินแผ่นดินทอง
กฐินธรรมนำใจคนไกลใกล้
ทอดถวายภาคเช้าเราทั้งผอง
บางคนอิ่มบุญผลาน้ำตานอง
ท่วงทำนองเพลงบุญสุนทรทาน
ก่อนกลับก้มกราบลงแทบเท้า
พระอาจารย์ของเราผู้สืบสาน
ประกาศธรรมพระสัมมามาเนิ่นนาน
แม้พิการยังกล้าแกร่งจุดแสงธรรม
พาหุชนศรัทธามาน้อมนบ
พระอาจารย์สมภพผู้เลิศล้ำ
อริยะสงฆ์ทรงคุณค่าน่าจดจำ
มนต์กวีน้อมนำมาดำเนิน
เดินทางกลับสายเก่าบนรถแก่
ขอบคุณแท้คนขับขอสรรเสริญ
พาเรารอดปลอดภัยให้จำเริญ
แม้ได้เงินนิดหน่อยตามรอยบุญ
ทานข้าวเย็นแวะวัดดั่งวันวาน
ได้อาหารวัดป่ามาเกื้อหนุน
สิริวรรณวัดป่าใหญ่ได้เจือจุน
ขอบพระคุณชาวกาฬสินธุ์ทั่วถิ่นคาม
กลับถึงบ้านงานนี้กว่าตีสอง
แสงธรรมส่องจับใจใสอร่าม
กุศลส่งปลอบปลุกทุกชั่วยาม
ช่างงดงามครบถ้วนขบวนบุญ
26 มิถุนายน 2550 11:40 น.
มนต์กวี
ทุกชีวิตล้วนเดินทาง
เคว้งคว้างคว้าสิ่งหมาย
ดีดดิ้นทุรนทุราย
สุดท้ายคล้ายฝุ่นลม
บ่ายหน้าหาฝั่งฝัน
พ้นวันอันจ่อมจม
ท้ายสุดสะดุดล้ม
ขื่นขมบนปมลวง
ใบไม้ก็กระดาษ
วิ่นขาดก็โรยร่วง
หิ่งห้อยมิโชติช่วง
รุ้งรวงก็ราโรย
10 มกราคม 2550 09:12 น.
มนต์กวี
แม่พิมพ์เอยเจ้าเคยเป็นเบ้าหลอม
เป็นสีย้อมผ้าขาวให้สดใส
เป็นเรือจ้างส่งคนขี้นฝั่งใจ
เป็นหลักชัยแบบอย่างทางก้าวเดิน
บ้านอยู่เหนือทุ่มใจไปช่วยใต้
ปันน้ำใจให้คนยามขาดเขิน
อุปสรรคมากน้อยคอยเผชิญ
ร่วมสรรเสริญครูจูหลิงด้วยจริงใจ
ครูปูทางสร้างศิษย์สู่ฝั่งฝัน
ครูผลักดันเพื่อมีวันฟ้าใส
ศิลปะสร้างศิลป์บนถิ่นไทย
สู่แดนใต้งดงามตามรอยครู
วาสนาครูมาเพียงเท่านี้
อย่าร้องให้นะคนดีอย่าหดหู่
จากไปแล้วเหลือความดีไว้ให้ดู
ขอเชิดชูครูจูหลิงยอดหญิงไทย
9 มกราคม 2550 12:01 น.
มนต์กวี
ความคิดถึงจากรอยเหงาเข้าเทียบท่า
เดินทางมาแสนไกลจากปลายสรวง
หอบอาทรมามอบปลอบพุ่มพวง
คอยเป็นห่วงใจพี่มีเพียงนวล
กุหลาบป่าลอยลมพรมกลิ่นรัก
มาทอถักรักเราให้หอมหวล
ให้เรียมน้องรับเอาความเย้ายวน
ยังอบอวลกลิ่นแห่งรักปักดวงใจ
เสียงกระซิบกรุ่นคำผ่านน้ำฝน
มาปลอบคนเดียวดายหายหวั่นไหว
ห่มขวัญเรียมโอบละมุลด้วยอุ่นไอ
คนต่างวัยคอยห่วงทุกช่วงกาล
บทเพลงพร่ำทำนองในห้องรัก
ตัวโน๊ตถักทอฝันอันอ่อนหวาน
เสน่หาฉ่ำชื่นชั่วคืนวาร
อันตรธานลางเลือนเหมือนไกลกัน
ความคิดถึงตราตรึงแม้ครึ่งเงียบ
หาใดเปรียบรักพี่นี้คงมั่น
ครวญรำพึงถึงนางยามห่างกัน
ฝากรอยฝันมากับลมพรมใจนวล
บทเพลงรักทำนองเศร้าเจ้าส่งถึง
กลั่นรำพึงตรึงจิตให้คิดหวน
แม้กาลเปลี่ยนใจพี่มิเรรวน
รักเพียงนวลเสมอ...มิเผลอใจ
9 มกราคม 2550 09:20 น.
มนต์กวี
ฟังนิยายรักเศร้าแทบเข่าอ่อน
ฤทธิ์รักรอนรานใจให้ตรมฝืน
ให้บางใครบางคนทนกล้ำกลืน
ฝั่งรอยขื่นฝืนข่มลิ้นลมลวง
ก่อกำแพงป้องกันความหวั่นไหว
ปิดประตูหัวใจคล้องใส่ห่วง
อยู่อย่างคนบ้าใบ้ไปตามดวง
รักโรยร่วงรันทดหมดอาลัย
วสันต์ผ่านนานปีสักกี่ฝน
คิมหันต์ยลเยือนย้ำความหวั่นไหว
เหมันต์หนาวร้าวรวดปวดทรวงใน
เก็บหัวใจเก็บช้ำเป็นตำนาน
ฟังนิยายเรื่องหลังยังไม่เบื่อ
ช่างเหลือเชื่อรักเอยเคยว่าหวาน
ใยทอดทิ้งคนท้อทรมาน
ตราบล่วงกาลม๊ะมาดื่มเพื่อลืมเธอ
แด่บินเดี่ยวสหายท่าน..ฯ