19 กรกฎาคม 2552 22:01 น.
ภัทราภา
โอ้อกเอ๋ยใยเป็นเช่นนี้เล่า
จึงคอยเฝ้าคอยคนมีเจ้าของ
มิเคยคิดจิตแย่งแปลงคู่ครอง
แต่ใจปองรักอยู่คู่เวลา
ในใจแสบปวดร้าวใช่มีสุข
กับความทุกข์คอยจ้องเฝ้าห่วงหา
ต้องทำตัวนิ่งเฉยเหมือนเย็นชา
เตือนสติจิตว่าเราเป็นใคร
จะไม่หลงรักเธอถึงเพียงนี้
เพราะท่าทีของเธอเหมือนมีให้
พอสบตาเหมือนเร้นดั่งซ่อนใน
เหมือนดวงใจเธอแยกแตกสองดวง
เธอส่งยิ้มละมุนหวานปานน้ำผึ้ง
ให้ฉันซึ้งในจิตเหมือนคิดหวง
ต้องหลบหลีกซ่อนยิ้มพริ้มในทรวง
เหมือนลำกลวงในรักปักมลทิน
จำต้องอยู่ห่างไกลซึ่งในรัก
มาพินิจพิศประจักษ์รักให้สิ้น
จะขอหลบใจกายดั่งหายบิน
จิตสำนึกยังมิสิ้นขอลาไกล...........
อย่าปล่อยให้กายเป็นทาสของใจ......
เดินต่อไปในความถูกต้อง
๑๙ กรกฏาคม 2552
........................ภัทราภา
16 กรกฎาคม 2552 22:17 น.
ภัทราภา
กลางป่าดงพงไพรสงัดเงียบ
เย็นยะเยียบไอหมอกละลอกฝน
เสียงจิ้งหรีดเซ็งแซ่แผ่วังวน
ไปทุกหนทั่วทิศพิชิตไพร
สายลมโปรยโชยพัดฉวัดเฉวียน
คล้ายวนเวียนลอดล้อคลอหลับใหล
ผ่านพะแผ่วโพยพัดสงัดไพร
ระโยงใยเถาวัลย์ผันเวลา
เป็นคนป่าคนคอยรอยชีวิต
เลือกลิขิตพรมแดนแสนห่วงหา
อยู่โดดเดี่ยวเปลี่ยวกายคลายวิญญา
แสงจันทร์พร่ากระจ่างกว้างราตรี
เสียงฟืนไม้ในไฟดังเปาะแปะ
เหมือนจะแกะเรือนกายพ่ายไฟหนี
แสงส้มอุ่นไหววับซับราตรี
ก่อเพื่อหนีความหนาวในราวไพร
๑๖ กรกฏาคม 2552
ภัทราภา...........................
4 กรกฎาคม 2552 22:01 น.
ภัทราภา
หนาวแสนหนาวพี่ร้าว จับจิต
เหมือนดั่งเนรมิต ไป่ต้อง
ลมพัดลิ่วเมฆลอย ลับทั่ว
ใจพี่กลัวความร้าว ที่เศร้าในทรวง
ดอกโมกหอมดั่งย้ำ วันวาน
หอมกลิ่นหวานแทรกซาน ทั่วห้อง
แสงจันทร์ส่องเรืองราน ปะร่าง นวลเอย
เคยชื่นเชยชิดช้อม อุ่นอ้อมอกนาง
คืนวันพบค่ำนี้ โมกหอม นานฤา
ใจพี่หรือจะหอม แต่เศร้า
ยามจันทร์ส่องโฉลม ลับร่าง นวลเอย
ลมล่องเฉยเลยเหย้า เร่งเร้าถึงนาง