21 กรกฎาคม 2554 18:54 น.

ข้าวคอยฝน

ภัคพล

สายฝนเริ่มไหลลงมาจากฟ้าจากละอองฝนเม็ดเท่าฝุ่นละออง พอเวลาผ่านไปสักครู่จากละอองเริ่มหนักขึ้นเป็นห่าใหญ่ถั่งลงมาแรงขึ้น ตกนานกว่าชั่วโมง ถึงค่อยซาลง ผ่อนลงมาแล้วสิ้นสุดหายไป แต่บรรยากาศยังคงครื้มอยู่ เมฆยังมืดดำ ฝนพร้อมที่จะเทลงมาได้อยู่ตลอดเวลา

         บรรยากาศในช่วงเดือน กรกฎาคม เป็นต้นไป เป็นเวลาที่เข้าสู่ฤดูฝนอย่างเต็มรูปแบบ ในช่วงเวลานี้ถ้าหากเราอยู่ในเมือง ร่ำเรียนหนังสือ หรือ ทำงาน ทุกฤดูก็เป็นเรื่องปกติ กิจวัตรต่างๆก็ยังคงดำเนินอยู่ไปเรื่อยๆ การแข่งขันทางสติปัญญาเพื่อที่จะแสวงหาเพียงแค่อำนาจ บารมี เงินทอง ย่อมเกิดขึ้นจะหยุดก็ต่อเมื่อหมดหน้าที่ ความศิวิไลซ์ก็เข้ามาให้รื่นเริง จนลืมเป้าหมายของการดำเนินชีวิตที่หวังไว้ หยุดไว้เพียงแค่ความสุขในท่ามกลางเมืองกว้างใหญ่

         ย้อนกลับไปถึงบรรยากาศในชนบทบ้างที่ทุกวันความเป็นชนบทเริ่มถดถอย วิถีชีวิต วัฒนธรรมอันล้ำค่า ภูมิปัญญาที่น่าไหลหลง ยังทำให้ต้องพะวงหวนนึกอยู่ทุกเวลาว่า จะรักษาไว้ให้นานที่สุดได้อย่างไร เพราะการแข่งขันทางสติปัญญาจนเกิดความคิดที่จะแข็งขันทำทุกอย่างให้ได้มาซึ่งเงินทอง แม้นว่าชนบทยังถูกเปลี่ยนให้เป็นสังคมแห่งธุรกิจ เงินมันกลืนทุ่งนาเป็นร้อย เป็นพันผืนทุ่งนา 

	ฝนที่โปรยลงมาทุกหยดหยาดล้วนเป็นความหวังของชาวนา ผืนดินผืนเล็กๆเริ่มมีน้ำเจิ่งนอง ตั้งแต่เช้าตรู่ก่อนเสียงไก่ขันเสียอีก ผู้คนเริ่มพูดคุยกัน เสียงกุ๊บๆกั๊บๆ ผู้เป็นชาวนาตื่นขึ้นพร้อมกับเสียงร้องของควายที่เตรียมพร้อมที่จะไปไถนา มีทั้งควายแท้ และควายเหล็ก เคลื่อนเดินออกจากบ้านไปสู่ท้องทุ่งแม้นฝนจะโปรยมาแต่ก็หยุดความตั้งใจของชาวนาไว้ไม่ได้ ผืนดินที่เจิ่งนองด้วยน้ำเริ่มถูกไถ ดินเริ่มแตกตัวเป็นก้อนๆ เพราะถูกแรงของไถ คราดไปมา พร้อมๆกับเท้าของชาวนาและควายที่เยียบย่ำโดยไม่รู้จักเจ็บ ท่ามกลางฟ้าที่กำลังจะรุ่งแจ้ง แต่แรงกายและแรงใจของผู้เป็นชาวนายังคงทำงานต่อไป เสื้อที่ซักมาหอมๆ เวลานี้เปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อและสายฝนเสียแล้ว 

	สายมาหน่อยผู้เป็นภรรยาก็จะทำกับข้าวใส่ห่อ ปั่นจักรยานเพื่อนำไปทานพร้อมกับสามีที่ลุยโคลนกลางท้องทุ่ง ช่างเป็นบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติกและมีความสุขสำหรับวิถีชีวิตของสันหลังชาติ 

	ต้นกล้าของพันธุ์ข้าวที่เพาะเตรียมไว้บัดนี้พร้อมที่จะปักลงสู่ผืนดินที่ดูเหมือนจะผืนเล็กๆ แต่เป็นผืนดินที่ยิ่งใหญ่ทรงคุณค่าของชาวนายิ่ง สังคมของการร่วมแรงร่วมใจสมัครสมานสามัคคีของอาชีพชาวนากำลังเริ่มขึ้นแล้ว ญาติทั้งบ้านเหนือ บ้านใต้  เอาเป็นว่าญาติพี่น้องในหมู่บ้านทั้งหมดต่างร่วมแรงร่วมใจกันลงแขกปลูกกล้าข้าวลงผืนนาร่วมกัน ผ้าที่คลุมหน้าเพื่อป้องกันหน้าจะไหม้ หมวกที่คลุกหัวเพื่อกันแดดร้อน ฝนตกสลับกันไปมา มองผ่านไกลๆ ถ้าไม่กระดุดกระดิกก็เหมือนกับหุ่นไล่กาที่ปักไว้ไล่นกไล่กากลางผืนนา เสียงพูดคุยกันสรวลเสเฮฮา มือก็ปักกล้า ปากก็พูดไป สนุกสนานตามประสาชาวนา
	
        ดินที่โล่งเตียน บัดนี้เขียวชอุ่ม ห่อหุ้มหมู่บ้านให้สวยงามเขียวเพลินตา อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าคงแตกรวงให้เก็บเกี่ยวเป็นข้าวให้เคี้ยวกินอย่างอิ่มหนำสำราญ

	ป่านนี้ต้นข้าวที่บ้านคงเขียวสด กระท่อมน้อยปลายนาที่ว่างเปล่า คงรอคอยเจ้าของที่แท้จริงไปเยี่ยมไปดูความสวยงามของมันบ้าง ลูกชาวนาที่รับมรดกทุกอย่างจะพ่อแม่ผู้เป็นชาวนา บัดนี้ยังหลงใหลกับแสงสี ศิวิไลซ์ หาความสุขบรรเทาทุกจากการครุ่นคิดแข็งขันเพื่ออำนาจเงินทอง มีโฉนดเป็นผืนนากว้างใหญ่พร้อมที่เปลี่ยนแปลงผืนนาให้เป็นทำเลทองในการค้าขาย  หัวอกยังไหวๆอยู่ตลอดเวลาว่าวันหนึ่งนาที่สุดสวยด้วยคุณค่า ด้วยความรักของพี่น้อง ด้วยวิถีชีวิตที่เป็นลมหายใจ จะเหือดหายและตายจากไปในที่สุด ทุ่งเอ๋ยทุ่งนา เวลาผ่านไปใจก็ยังหวนคิดถึงไม่ได้ ในเมืองที่เรืองรุ่ง กับท้องทุ่งที่เรืองไรนากว้างใหญ่เริ่มหายไปที่ละนิดๆ

	ฝนโปรยลงมา ดั่งน้ำตาที่คิดถึงบรรยากาศบ้านนอก ซึ่งปัจจุบันแทบจะไม่เหลือเป็นทุ่งนาแล้ว กลายเป็นตึกแถวยาวเหยียด ห้างสรรพสินค้ามากมาย หากจะเปรียบเทียบว่าทุ่งนากับห้างสรรพสินค้าสิ่งไหนเกิดขึ้นก่อนถ้าเป็นรุ่นพ่อรุ่นแม่ก็คงตอบแบบภาคภูมิว่าทุ่งนาเกิดก่อน แต่ปัจจุบันลูกหลานก็ตอบได้อย่างภาคภูมิว่าห้างสรรพสินค้าเกิดก่อน เพราะโตขึ้นมาหนูก็เห็นห้างสรรพสินค้าแล้วนี่ครับ..				
12 กรกฎาคม 2554 20:29 น.

ลุงขายพวงมาลัย..

ภัคพล

ในรถโดยสารเหลือคนเพียงสามคน คนหนึ่งเป็นคนทำงาน การแต่งกายค่อนข้างมีระเบียบใส่รองเท้าหนัง กางเกงขายาว เสื้อเชิ้ต ผูกเนคไท ส่วนอีกคนเป็นพ่อค้าขายพวงมาลัยแต่งกายธรรมดา สวมรองเท้าแตะ กางเกงขายาวเก่าๆ เสื้อแขนยาวมีรอยปะขาดอยู่สองสามที่ สวมหมวกผ้าใบเก่าๆ และผมอีกคน

                กว่าจะถึงหอพักที่ผมพักช่างนานแสนนาน ทั้งที่ระยะทางก็ไม่ไกลมาก แต่รถโดยสารมันพาไปอ้อมนี่สิจึงทำให้ช้าเข้าไปใหญ่ รถจอดให้ผู้โดยสารผู้ที่แต่งตัวดีๆดูงานที่ทำงานจะมีเงินเดือนมากลง เหลือผมกับลุงขายพวงมาลัยสองคน คุณลุงก็ด้วยอัธยาสัยดีจึงถามผมว่า “จะไปลงที่ไหน?” ผมก็ตอบกลับด้วยไมตรีที่ดีว่า “ผมจะไปลงหน้ามอครับ จะเข้าหอพักที่อยู่ในมอ” ลุงก็ยิ้มด้วยความเป็นมิตร ผมถามลุงว่าจะไปไหนและลุงก็ตอบว่าจะไปส่งพวงมาลัยที่หน้ามอเหมือนกัน ลุงพูดถึงเรื่องราวของแกทั้งที่ผมไม่ได้ถาม ลุงบอกว่าลุงเป็นคนเชียงราย มาอยู่เชียงใหม่นานกว่ายี่สิบปีแล้วปลูกบ้านอยู่ที่เชียงใหม่สองแห่ง มีภรรยาอยู่สองคน มีลูกอีกสองคนลูกติดภรรยาคนหนึ่งและลูกแท้ๆคนหนึ่ง แต่ไม่ค่อยตั้งใจเรียนมาก แรกเริ่มลุงทำงานขายเนื้อหมู นานกว่าแปดปี และลุงได้เข้าไปบวช พอสึกออกมาลุงก็เลิกทำอาชีพขายเนื้อหมู เพราะว่าสงสารสัตว์ จึงหันมาทำอาชีพขายและส่งพวงมาลัย เพื่อให้คนนำพวงมาลัยของแกบูชาพระ ถือเป็นการไถ่บาปที่ทำไว้ในการขายเนื้อหมูด้วย ผมนึกอยู่คนเดียวว่า ลุงนี่ช่างมีความคิดที่ดีจริงๆ จากคนขายเนื้อหมู ซึ้งในรสพระธรรม หันมาขายพวงมาลัย ผมจึงตัดสินใจถามลุงแบบตรงๆว่า “รายได้ดีไหม” คำถามนี้ผมอยากถามคนขายพวงมาลัยมากเพราะไม่ว่าตามถนน ในตลาด ในร้านค้า ร้านอาหาร ไปไหนก็มีแต่คนขายพวงมาลัย ลุงมองหน้าผมแล้วยิ้มตอบว่า “ขายพวงมาลัยใครก็สงสัยว่าจะไม่พอกิน ลุงได้รายได้จากการขาย การส่ง พวงมาลัยให้ลูกค้า เฉลี่ยวันละ หกร้อยบาท นี่คือหักจากทุนทุกอย่างแล้วนะ ถ้าเป็นวันพระก็จะได้เพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัวเลย” ผมตกใจและนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วบอกด้วยสีหน้ายิ้มว่ารายได้ดีจริงๆนะลุง

                รถแล่นใกล้ถึงเป้าหมายที่ผมจะลง ความรู้ใหม่ที่ผมได้รับจากลุงว่าการขายพวงมาลัยไม่ใช่อาชีพธรรมดาจริงๆ ก่อนจะลงจากรถลุงพูดกับผมว่า “ตั้งใจเรียนนะ พ่อแม่ส่งเราเรียนเราก็เรียนให้เต็มที่ ลุงนี่ส่งลูกเรียนตั้งสองคนแต่มันไม่ค่อยตั้งใจเรียน” ผมก็ได้แต่ตอบรับว่า ครับ และเดินลงจากรถ จ่ายเงินค่าโดยสารและเดินไปหอพัก

                ใครจะไปคิดว่าการนั่งรถโดยสารแล้วเจอคนขายพวงมาลัยที่แต่งกายธรรมดาๆ ที่จริงแล้วรายได้ดีกว่าคนทำงานรับจ้างวันละสอง สามร้อยบาทต่อวันเสียอีก เมื่อก่อนผมยังคิดเลยว่าคนขายพวงมาลัยสงสัยจะยากจน ถึงตอนนี้ความคิดเปลี่ยนไปเลยทันที นี่แหละที่เขาว่าอย่างมองคนแต่ภายนอก.

 

 

                                                นายภัคพล  คำหน้อย				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟภัคพล
Lovings  ภัคพล เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟภัคพล
Lovings  ภัคพล เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟภัคพล
Lovings  ภัคพล เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงภัคพล