มิสู้เป็นชาติภมรผึ้ง
หยดน้ำค้างกลั่นเกล็ดวางเม็ดนี้
ราวมณีร่วงหล่นจากบนสรวง
เร้าผกาเบ่งช่อลออพวง
รึงรัดหน่วงดวงใจไล้ภมร
คราภิรมย์สมสุขรุกมาเสพ กามเทพง้างกลิ่นประทินศร
จ่อฤดีหอมฟุ้งจรุงขจร
ผูกภมรไซ้กลีบบีบหัวใจ
สุดโศกเศร้าเคล้ากลัดประหวัดข้า
แสนใจเจ็บเหน็บระอาจะหาไหน
สันนิวาสสิเหน่หาภัทราใจ
ฤาบุญไซร้หน่ายน้อยจึ่งคอยครวญ
มิสู้เกิดเป็นชาติภมรผึ้ง
จักได้ถึงมาลาบุหงาสวน
หมายจะมอบรักแรกทุกแมกมวล
ทุกช่อล้วนบินพรอดกอดภิรมย์
ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ
แสงไต้บ่ใช้น้ำมันริ้วแสงค่ำถามทางย่างก้าวกลับประคองจบไต้ตะเกียงไฟเอียงไหวเหนื่อยหรือเปล่าแม่บักน้อย*ยอดกลอยใจจูงไอ้ทุยลุยลายในค่ำแลงสองฝั่งข้างทางเทียวก็เปลี่ยวแล้วมีแต่แก้วแมงค่ำร่ำเล่นแสงกับหรีดหริ่งจักจั่นขานสำแดงด้วยเรี่ยวแรงจากน้ำค้างวางยอดใบหอมลำด่วนครวญคร่ำจำจากทุ่งกดกลิ่งคลุ้งสาบตมโคลนหล่มไหนหอมเย็นเรื่อยเอื่อยอ้อยลอยรำไรปลุกแรงใจให้แกร่งมีแรงเดินอ้ายแบกไถเดินตามเจ้างามนักสุดที่รักเดินช้าช้าอย่าห่างเหินไม้คานโค้งแอ่นนักคงหนักเกินทุกท่าเดินราวย่องทำนองลำลมหัวนาซาหลังประดังไล่ลอดโลมไล้ซอกคอยังฉ่อฉ่ำหอมกลิ่นไอหมาดฝนปนลำนำเริงระบำกับลมที่โถมมานี่หากเช้าเนาว์ท้องผองทุ่งไร่เราคงได้มองเห็นลมเล่นกล้าทุกซอกใบสายสั่นทั้งงานนาเสียงซู่ซ่าคงเสนาะเพราะดังพิณ"แม่บักหำ*เร่งจ้าวเข้าบ้านสาฟังเสียงฟ้าฮ้องขู่บ่ฮู้สิ้นอีกจักหน่อยเบิ่งถ่อนฝนฮอนฮินสิได้กินน้ำเย็นเป็นแซบแฮงสักหลังฝนคืนนี้ปลาคงขึ้นมันสิบืนใส่กันมาขันแข่งข่อยสิเอาไฟฉายไปไต้แงงจับมาแกงสักต้มสู่บักน้อย*"ความเหนื่อยล้าหักหายไปในค่ำด้วยรักร่ำห่วงหาไม่ล้าถอยสานสองแรงสองพักจักทยอยไม่รั้งคอยวาสนามาคอยชูใช่ชาวนาต่ำต้อยด้อยคุณค่าตราบใบกล้าอวดขจีสีเขียวอยู่หนังและขนยังชุ่มขุมอนูข้าวก็อยู่เลี้ยงท้องของผู้คนลึกลึกแล้วชีวิตของชาวนาใช่เติบโตได้มาด้วยหยาดฝนแต่เติบโตนั่นได้ด้วยเหงือตนที่ไหลหล่นรดข้าวเนาว์ท้องนาริ้วแสงค่ำถามทางย่างก้าวกลับไฟตะเกียงบ่ดับลับดอกหนาเพราะน้ำมันเติมไต้แต่ไรมาใช้น้ำใจชาวนา....เป็นน้ำมัน.................*แม่บักหำ คือชื่อที่สามีชอบใช้เรียกภรรยาบักน้อย คือชื่อที่พ่อแม่ชอบใช้เรียกลูกชายฟ้าฟื้น ธรรมชาติ
รายกำแพงเสมาบุราณคร่ำล้วนงดงามด้วยแสงตะเกียงไต้พรรณพฤษาลดามาลย์ขรจขจายทั้งเกษแก้วผกากรายดาษดาเสกาเก่าคราวแม่แผ่กิ่งก้านไทรโบราณระย้าย้อยห้อยสาขาดูอึมครึมทรนงทรงผกางดงามตาในสวนแก้วอุทยานภัสมธุลีปนเกลือกกรายแซมหินทรายรายเรียงระเบียงวิหารดอกมะม่วงพลัดกิ่งทิ้งโรยบานโรยร่วงรานพรายหล่นปนลงมามองแหล่งฟ้าสุดขอบระยิบยับดาราวับวามวาวเคล้าเวหายางยวงเมฆรายห้อยย้อยลงมากับดาราราวมณีศรีแผ่นดินหลังตำหนักพรายฟ้าว่ายิบยับโคมอัจกลับเผยร่างต่างนกผินมโหรีหลั่นขนัดด้วยพายท์พิณวาทศิลป์พร้องกรับตีขับทรงอุทยานสวนแก้วทางฟากนั้นลดามาลย์เอกผกามหาหงส์ถัดไปอีกโถงห้องท้องพระโรงล้วนตระกานทรนงด้วยทรงไทรม่านอดีตปางเก่าเรียงเล่าเรื่องผังแปลงเมืองโถงท้องตำหนักใหญ่ศักดินาขุนนั่งทั้งนางในบัดนี้กลายเป็นซากศิลานั้นกาลเวลาเลยล่วงไม่หยุดนิ่งสรรพสิ่งล้วนแต่เปลี่ยนแปรผันซากศิลารายเกลื่อนเลือนปีวันมิแก่นมั่นจารีตอดีตกาลแม้นวัดวาอารามงดงามแล้วปรับเปลี่ยนแนวโครงสร้างวางรากฐานเพียงยืดความตั้งอยู่ให้อยู่นานสุดท้ายคลานสู่ดับลาลับไปเพียงชิวิตมีความไม่แน่นอนหวังอาวรณ์ยึดมั่นประการไหนรอเวลาร้างลับดับครรไลแก่นสารใดจักมั่นในวันลาไต้ตะเกียงส่องโรจน์กว่าโชติช่วงจักค่อยหน่วงเปลวไต้หรี่ไฟหนาแม้นไม่ต้องสายลมปมวายาก็ลับลาร้างลับกับเกลียวกาลฟ้าฟื้น ธรรมชาติ
คึดฮอดนำคองหลัง โอ่ยเด้...นอ...ควมเก่าบ้านเฮานั้น เหลือแต่ฝันอ่ำคะนิงจิงแท้หนอ ฮอยฮีตเก่าคองหลังคั้งเหง่ากอ บัดมาพ้ออ่ำหล่ำในคำเว้า เคยตื่นมาหอมหมกมันในควันไฟ ใจสิขาดเอาหลายไหง่ขี้เถ่า เหลียวบักเซียงเสี่ยงมันคันหลอยเอา มันกะเว้าตาซังคั้งนั้นมา เวลาหนาวเฒ่าเพิ่นพาเอิ้นฮ้อง มาเปิดป่องเฮียนให้จ่ายผญา *คันสูได้กั้งห่มเป็นพยา *อย่าลืมคนคอนกล้าอยู่นาดอน ข่อยเคยขี่เกียนฮ้างบุน้ำหมอก งัวเคยหยอกเทียมเกียนไปซุบ่อน ซังข้าวเขียวสุดตามาออนซอน ผูกงัวนอนบัดสายสวยงายมา แคนอีพ่อหล่อยฟังแต่ยังน้อย ข่อยเคยหล่อยมาเป่าเลาถามหา บักหำน้อยเป่าได้แต่ไดมา กูสิหาให้มันจักอันดวง เคยเป่าเลาะเลียบบ้านแถวย่านนั้น เป่าทางสั้นทางยาวจนสาวหวง อ้ายเซียงเอ๊ยม่วนหลายคักในซวง นางอยากควงไปซ้อนออนซอนเด แม้นม้อนไหมได้ฟังคั้งอ้ายเป่า คือสิสาวมันได้ง่ายแถะเด๋ นางมีหวีมีแว่นสิแอ่นเซ นางสิเอ้ใส่อ้ายไปนำแคน บัดเอาบุญกฐินทานเฮาเนาะอ้าย นุ่งซิ้นไหมสะโหร่งไหมไปฟ้อนแอ่น บัดอ้ายเป่าดังดังฟังแล่นแตน พ่อพระแถนคือสิมักคักแท้นอ แสนคิดฮอดฮอยเก่าบ่าวนั่งเหงา แววต่าเศร้าสุดแสนต่อแคนพ่อ ห่างมากรำงานหนัก กทม. บ่รู้โดนบ่หนอสิต่าวเมือ คิดฮอดสาวหล่าคำของอ๋วนอ้าย บ่าวพี่ซายฮักแพงแฮงเอาเหลือ คันฮักเฮาจางเจิงบ่เกิ่งเกือ ให้ตื่มเกือแหน่เด้อเจ้าผู้สาว คิดฮอดเสียงคกมองบัดเหยียบทื้น คึดอยากยืนตีถู่สะนูข้าว ออนซอนป่นแพวผักฮักบ้านเฮา ออนซอนเหล้าไหหมักฮักห่วมกิน เคยเป่าแคนเลาะบ้านเสร็จงานนา ลอยลมมาลอมแดดสุกลูกรังหิน แจ่นแล่นแจสูเอ๊ยเคยได้ยิน เหลือแต่กลิ่นมนต์หลังส่างเหลือใจ เป็นบักหำส่ำน้อยขี่คอพ่อ ตีนข่อหล่อพ่อเลี้ยงจนได้ใหญ่ เหลียวเบิ่งฟ้าอีเกิ้งเถิงหม่องใด ฮักแฮงหลายอยากเมือคืนบ้านตน สั่งอีกแม่บุญข้าวจี่สิเมือบ้าน สิไปทานไปวัดขัดกุศล แม่นแท้แท้สิไปเฝ้าผู้ลางคน สิเป่าแคนจ้นจ้นจนม่วนใจ ................... ข่อยนั่งฟังลายแคน"เลาะบ้านยามลมหนาว" ของอาจารย์สมบัติ สิมหล้า เฮ็ดให้คิดเห็นคำเว้าคนเฒ่าในลายผลิต ฟังเบิ่งเด้อท่านม่วนหลาย http://www.youtube.com/watch?v=gAemqlQjKRI .................... จากผญา *คันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งห่มเป็นพญา อย่าสิลืมพ่อนาผู้ขี่ควายคอนกล้า* ยามบัดนั่งฟังพนักงานเพิ่นเล่าควมหลัง ข่อยเลยคิดฮอดบ้าน คิดฮอดแคนดวงเก่า อีพ่อเลาสอนจนเป็นเป่าได้ คิดอำลำนำผู้สาว ผู้อยู่บ้าน ป่านนี้สิเป็นจั่งได๋ ยังสิจำอ้ายได้บ่ คิดฮอดอีแม่เลาเคยเฮ็ดป่นปลาแซบหลายหลาย กะจั่งว่าหละเนาะ คกมอง เกียนฮ้าง ตอกไผ่ ดอกแห งัวเขาบักเล บุญฮีตคองหลัง เคยเล่นเคยเอ้นำกัน ย้านแต่สิมิดจ้อยบ่เหลือฮอย แต่กะอดเสียดายบ่ได้ อดสายดายแนวเก่า บัดสิได้ยินได้เห็นแต่ในคำเว้าของผู้เฒ่า คิดเบิ่งแล้วกะคือเพินเว้า "สุมื้อนี้...บ่ม่วนคือแต่เก่าเนาะคำ" ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ วันคิดอำลำนำบ้านเฮา
คอยข่าวคราวคืน ริ้วลมหนาวตื่นสัญญาซานาน้อย ลอมฟางคอยหยัดยืนคนคืนถิ่น นกดอกซาดสะแบงหล่นลงปนดิน หอมอวลกลิ่นเช้าตรู่อยู่ข้างปราง หนาวน้ำหมอกเกาะเปื้อนเรือนใบหญ้า ควายเสี่ยวนายังเพ้อละเมอสาง ตื่นจากฝันขวัญนาหว่างฟ้าราง แนบเนาว์ร่างพรมดอกน้ำหมอกนั้น เผยเหมันต์วันหนาวเช้าใหม่เยือน ซาหมอกเปื้อนชายแฝกชายคาขวัญ แว่วกระดิ่งกริ่งอ่อนจากดอนตาล คือควายขานไต่ถามการกลับมา คุ้งควันไฟไรฟืนขึ้นยอดพร้าว หนีลมหนาวหยอกย้ายส่ายเซหา ควันข้าวจี่สีไหม้หอมกรายมา กรุ่นไข่ทาปนน้ำอ้อยค่อยรวยริน คนถึงคนใจร้ายหนีไกลบ้าน สาวดอกจานหนีหน่ายไปไกลถิ่น ลืมแล้วทิ้งสัญญาหล่ายุพิน เจ้าดอกดินหมายฟ้าป่าดงปูน หนอแพรวาสไบไหมลายมันเก่า หูกไนเศร้าข้าวกล้าปลาร้าสูญ น้อยกระดิ่งควายหาไห้อาดูร น้ำเต้าปูนเหือดแห้งจะแล้งลา บ่าวชาวนาร้องไห้ไม่ให้เห็น สะอื้นเร้นหลบเศร้าเหงาหนักนา บิดลอมฟางแค้นคั่งหลั่งน้ำตา วาสนาบ่าวนั้นด้วยมันจน หนาวลมเหนือเจือมาน้ำตาร่วง เหน็บในทรวงมาร้าวหนาวอีกหน ครั้นเอื้อมแขนทวยทอดกอดกายตน ว้าเหว่จนลืมหนาวคราวเดียวดาย ทิ้งรอยต่อกาลฤดูอยู่อ้างว้าง ร้างรอยทางหว่างฝันจะพลันหาย ซับน้ำตาพร่าพรางรดร่างกาย ทิ้งสัญญาคาตายไว้ริมทาง ห้ามหักให้ห่างเหินเกินห้ามนัก ห้ามใจรักเหลือเกินต้องเมินหมาง หนาวน้ำตาหน่วงหนักฤารักจาก หวั่นรักร้างจำตรุอยู่ก้นใจ รอยังรอรอคอยสาวน้อยกลับ รับคอยรับบ่เลือนเดือนปีไหน มองเหม่อมองสองฝั่งฟากทางไกล ฤดูใดคอยข่าวสาวคอนคืน...