3 มีนาคม 2551 20:41 น.
ฟาราน
ตาว่าน กลับมาแล้วหรอลูก มาทักทายป้าพลอยกับน้องเพชรสิลูก วีรวุธยกมือไหว้คนที่ยืนอยู่ข้างๆแม่ของเขา ก่อนที่สายตาจะเหลือบมองไปทางหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง
จำป้าพลอยได้ไหมลูก ครอบครัวป้าพลอยไปอยู่ที่อังกฤษตั้งแต่ว่านอยู่ม.สาม พอดีคุณลุงอานนท์เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต ป้าพลอยกับน้องเพชรเลยจะกลับมาอยู่ที่เมืองไทย แล้วบ้านเก่าป้าพลอยก็ขายทิ้งไปนานแล้ว แม่เลยจะให้ป้ากับน้องมาพักอยู่ที่บ้านเราก่อน คุณหญิงฤดีทบทวนความทรงจำให้ลูกชาย พร้อมกับชี้แจงที่ว่าทำไมผู้หญิงต่างวัยสองคนนี้ถึงได้มายืนอยู่ที่บ้านของเขา
ตายแล้ว หลานชายฉันโตเป็นหนุ่มขนาดนี้แล้วหรอเนี่ย แถมยังรูปหล่ออย่างกับเทพบุตรอีกแหน่ะ พลอยวิมลเอื้อมมือมาแตะที่แขนเขา แถมยังลูบๆคลำเหมือนกับว่าเห็นเขาเป็นของขวัญถูกใจ
เอ่อ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ คุณป้าก็ชมกันเกินไป
ไม่เกินไปหรอกจ้ะ หลานป้าน่ะหล่อจริงๆ อ่อ ป้าลืมไปเลย ว่านจำลูกสาวป้าได้ไหมจ๊ะ น้องเพชรขามาไหว้พี่เขาสิลูก น้องเพชรขา..อย่างนั้นหรือ นึกว่าวิธีเรียกชื่อแบบนี้จะมีแต่ในละครภาคดึกที่แม่ของนางร้ายใช้เรียกลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองซะอีก นี่มันมีในชีวิตจริงด้วยหรอเนี่ย ไม่น่าคนเขาถึงบอกกันว่าละครน่ะทำมาจากชีวิตจริง เขาได้แค่คิดในใจเท่านั้น เพราะถ้าพูดออกไปคงมีหวังโดนคุณแม่ที่ยืนยิ้มหน้าบ้านด้วยเหตุอันใดไม่ทราบตีเข้าให้แหงๆ ฐานที่ทำเสียมารยาทต่อหน้าเพื่อนเก่า เขาจึงทำได้แค่ยกมือรับไหว้จากเพชรรัตน์เท่านั้น
พี่ว่านจำน้องเพชรได้ไหมคะ แหม..แต่ว่าพี่ว่านคงจำน้องเพชรไม่ได้ ก็..ตอนนี้ น้องเพชร.. เพชรรัตน์หันไปสบตามารดาทีนึง เมื่อเห็นมารดายิ้มแล้วพยักหน้าให้จึงพูดต่อ(โดยไม่อายปาก) ก็ตอนนี้น้องเพชรเป็นสาวแล้ว แล้วก็สวยขึ้นกว่าเมื่อก่อนตั้งเยอะนี่คะ เจ้าหล่อนพูดจบแล้วก็ทำท่าเขินอาย ยังจะมีให้อายอีกเรอะ เขาแอบคิดในใจอีกแล้ว ก็ดูพูดเข้าสิ นี่บ้านนี้เขาเลี้ยงลูกกันมายังไงนะ เขาหันไปมองตาแม่ พยายามถามด้วยสายตาว่าจะให้ทำยังไงต่อ แต่แม่กลับทำตาดุๆใส่เขาเข้าให้ เป็นอันรู้กันระหว่างคุณหญิงฤดีกับลูกชายตัวแสบอย่างนายวีรวุธว่า ตอบๆไปเถอะน่า จะได้เปลี่ยนเรื่องซะที
จำได้สิครับ ตอนเด็กๆน้องเพชรก็มาเล่นที่บ้านพี่บ่อยๆ พี่จะลืมลงได้ยังไง ก็ยัยคนเนี้ย สมัยที่ป้าพลอยพามาเล่นที่บ้านเขาบ่อยๆ ก็มาเกาะติดเขาแจ ทำเอาเขาไม่ต้องเป็นอันทำอะไร แถมตอนนั้นคุณน้องเพชรขาเรียนโรงเรียนเดียวกับเขา ก็ไปโมเมให้เพื่อนเขาฟังว่าเขาไปสารภาพรักและขอเธอเป็นแฟนอีก เธอสงสารเลยยอมคบด้วย ตอนนั้นเขาแค่ม.สอง ส่วนเจ้าหล่อนน่ะป.หก เลยกลายเป็นว่าเขาเป็นรุ่นพี่ที่ต้องตามก้นง้อผู้หญิงรุ่นน้องดิกๆไปซะงั้น เรื่องแบบนี้พี่คงจะลืมลงหรอกครับคุณน้องเพชร อย่างนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ หลงตัวเองแต่เด็กใช่ไหม
หลังจากคุยกันอีกเล็กน้อย คุณหญิงฤดีจึงแนะนำให้ไปคุยกันต่อที่โต๊ะอาหาร เพราะแขกทั้งสองคนเดินทางมาเหนื่อยๆคงหิว และอยากจะรีบพักผ่อน เขาก็เห็นด้วย เพราะหลังจากทานข้าวเที่ยงกับเพื่อนสนิทแล้ว ก็ยังไปโยนโบว์ร้องเกะกันต่ออีก ทำเอาพลังงานที่พึ่งได้จากอาหารเมื่อตอนเที่ยงมลายหายไปเป็นปลิดทิ้ง แถมดูเหมือนจะไม่พอเสียด้วย ไม่งั้นตอนนี้เขาจะหิวจนท้องไส้ปั่นป่วนได้ขนาดนี้หรอ
ตลอดเวลาที่กินข้าวเขามองสำรวจหญิงสาวตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน ถ้าถามผู้ชายหน้าไหนรวมถึงเขาด้วยว่าคนตรงหน้าสวยไหม ทุกคนก็คงจะต้องบอกว่าสวย แต่สำหรับเขามันดูจะเป็นสวยแบบน่ากลัวไปมากกว่า ทั้งผมที่ดัดเป็นลอนใหญ่ๆนั่น การแต่งหน้าที่หนาเตอะ เสื้อผ้าที่ไม่ค่อยจะได้ปิดบังร่างกายของคนสวมใส่สักเท่าไหร่ ความจริงมันก็แค่แต่งตัวตามสมัย ยิ่งเคยไปอยู่อังกฤษมานานๆก็คงได้รับอิทธิพลตะวันตกไปเยอะ แต่ที่เขาไม่ชอบใจสุดๆคงจะเป็นท่าทางและคำพูดของเพชรรัตน์ที่ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ทำเหมือนตัวเองจะดูดีไปซะหมด แถมยังพูดด้วยความมั่นใจสุดๆอีก เขาดูรู้หรอกว่าเธอกำลังให้ท่าเขา แต่เขาไม่ได้ชอบผู้หญิงแบบนี้ ถ้าให้คบเล่นๆไปก็พอได้ แต่ถ้าให้คบกันจริงจังถึงขั้นแต่งงาน เขาขอเลือกผู้หญิงที่เจอกันเมื่อตอนเที่ยงมากกว่า
ลูกจันคือคนที่เขาเห็นว่าเหมาะสม เธอน่ารัก อ่อนหวาน ดูเรียบร้อย ไร้สีสันจากการแต่งแต้มใดๆ เหมือนผ้าขาวๆที่ไม่มีรอยแปดเปื้อน เขาชอบผู้หญิงแบบนั้น ในชีวิตเขาเจอผู้หญิงมามาก แต่ก็ไม่เคยถูกใจใครเท่าเธอมาก่อน จะมีโอกาสได้เจอกันอีกไหมนะ สงสัยงานนี้ต้องให้ไอ้กวีกับน้องกานต์ช่วยซะแล้ว
หลังจากทานอาหารเสร็จ ป้าพลอยและแม่ของเขาจึงตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะไปไหว้พระที่อยุธยากัน และขอให้เขาเป็นคนขับรถไปให้ แผนที่วางไว้ว่าจะไปหาสองพี่น้องตัวกอเลยต้องถูกพักไว้ชั่วคราว แต่เขาบอกตัวเองว่ากลับมาถึงเขาจะดำเนินการตามแผนทันที รอพี่ก่อนเถอะน้องลูกจัน
ก๊อกๆๆ
ลูกจัน เปิดประตูให้แม่หน่อยสิลูก เสียงหญิงสาววัยกลางคนดึงพิณธุภัทรให้ออกมาจากภวังค์ เอาอีกแล้ว เธอคิดถึงเขาอีกแล้ว เขาจะตามหลอกหลอนเธอไปถึงไหนกันเนี่ย ลูกจันเหลือบไปมองนาฬิกาที่หัวเตียงก่อนเดินไปเปิดประตูให้ผู้เป็นแม่เข้ามา หอมแก้มท่านหนึ่งฟอดก่อนพาไปนั่นที่เตียง
คุณแม่มีอะไรรึเปล่าคะ ถึงมาหาจันดึกขนาดนี้ สี่ทุ่มกว่าแล้ว แม่มีอะไรสำคัญนะ
พรุ่งนี้มีเรียนรึเปล่าลูก แม่จะชวนไปทำบุญที่อยุธยา พิณธุภัทรส่ายหน้า ก็ดีสิคะแม่ จันก็อยากไปไหว้พระเหมือนกัน เพราะช่วงนี้จันรู้สึกดวงซวยๆยังไงไม่รู้ค่ะ ไปสะเดาะเคราะห์สักทีก็ดีเหมือนกัน เพื่อชาตินี้ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องมาเจอะเจอกันอีก
อมยิ้มอะไรลูก มีอะไรปิดบังแม่รึเปล่าเนี่ย วรรณวดีมองลูกสาวอย่างค้นหา นี่ลูกเธอเป็นอะไรไปเนี่ย ตั้งแต่เมื่อตอนเที่ยงที่มีรถที่ไหนขับมาส่งก็ไม่รู้ พอถามก็บอกว่าเพื่อน ตั้งแต่ตอนนั้นมาก็เหม่อลอยบ่อยๆ อมยิ้มคนเดียวบ้าง หน้ามุ่ยคนเดียวบ้าง ลูกสาวเธอต้องมีอะไรปิดบังกันอยู่แน่ๆ อยู่ด้วยกันมายี่สิบปีมีรึที่แม่จะไม่รู้ว่าลูกแปลกไป ว่าแต่เจ้าตัวเถอะ รู้รึเปล่าว่าตัวเองแปลกไป
นี่ไม่คิดจะบอกอะไรแม่เลยจริงๆหรอ ห๊า..คุณลูกสาว ว่ายังไงจ๊ะ
มะ..ไม่มีอะไรค่ะแม่ ลูกจันก้มหน้าหนี ไม่ให้หนีได้ยังไง ถ้าเธอสบตาแม่เข้า มีหวังต้องเล่าหมดทุกอย่างแน่ๆ เธออุส่าห์เก็บความลับมาได้ตั้งห้าปี จะมาแตกเอาตอนนี้ได้ยังไง ว่าลูกสาวคุณแม่น่ะ ปักใจรักผู้ชายที่เคยหักอกตอนสมัยม.สาม
แน่น้า วรรณวดีแกล้งลากเสียงยาวๆแกล้งลูกสาว เธอกับพิณธุภัทรสนิทกันมาก เพราะสามีของเธอเสียไปตั้งแต่ลูกจันยังอายุแค่5ขวบ แต่สมบัติที่เขาทิ้งไว้ให้ก็สามารถเลี้ยงและส่งเสียยัยหนูได้อย่างสบายๆโดยที่เธอไม่ต้องทำงานอะไรด้วยซ้ำ และญาติทางฝ่ายสามีเธอก็รักใคร่เอ็นดูลูกสาวเธออย่างมาก โดยเฉพาะคุณย่าใหญ่ พี่สาวของแม่สามีเธอ อาจจะเป็นเพราะทางนั้นไม่มีหลานสาวเลยสักคน มีแต่หลานชายรายล้อมก็เป็นได้ คุณย่าใหญ่จึงส่งเงินเข้าบัญชีของเธอเป็นค่าเลี้ยงดูพิณธุภัทรทุกเดือนเป็นจำนวนมาก ขนาดที่ว่าใช้อย่างฟุ่มเฟือยก็ยังใช้ไม่หมด แต่เธอเคยสอนให้ลูกสาวฟุ่มเฟือยซะทีไหน เธอสอนให้พิณธุภัทรประหยัดมาตลอด ส่วนเงินที่เหลือนั้นเธอจะเก็บเข้าบัญชีของลูกสาวไว้ เพราะยังไงมันก็เป็นเงินของพิณธุภัทร ภายภาคหน้าถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมา อย่างน้อยๆ เธอก็รู้ว่าลูกสาวเธอจะอยู่ได้อย่างสุขสบาย
ไม่บอกก็ไม่บอก พรุ่งนี้7โมงนะจ๊ะพี่นิวัฒธ์จะมารับ
คุณย่าใหญ่จะไปด้วยหรือคะ พี่นิวัฒธ์ถึงต้องขับรถมาเอง
เปล่าหรอกจ้ะ แม่โทรไปบอกคุณย่าใหญ่ว่าพรุ่งนี้จะพาลูกสาวแม่ไปไหว้พระ ตานิวัฒธ์คงได้ยินเข้าเลยอาสาขับรถให้ สงสัยอยากจะทำบุญร่วมกับใครบางคน
คุณแม่ก็..พี่นิวัฒธ์ก็คงแค่อยากจะไปทำบุญบ้างละมั้งคะ วรรณวดีมองลูกสาวที่หน้าขึ้นสีระเรื่อ ใครๆก็รู้ว่านิวัฒน์หลายยายของคุณย่าใหญ่ชอบพอลูกสาวเธออยู่ นิวัฒธ์ก็เป็นคนดี เธอเองก็ชอบใจอยู่ไม่น้อยที่เขามาสมัครเป็นลูกเขย แอบลุ้นอยู่ลึกๆ แต่ก็คงให้พิณธุภัทรตัดสินใจเองมากกว่า เธอไม่อยากบังคับจิตใจลูก เหมือนที่เธอเคยโดนมาแล้ว
ไม่ล้อก็ได้ แม่พูดความจริงแต่บางคนกลับไม่ยอมรับซะได้
โธ่..แม่คะ ลูกจันไม่คุยด้วยแล้ว กู๊ดไนท์ ฝันดี ราตรีสวัสดิ์นะคะ หึหึ รีบไล่แม่เชียวนะยัยลูกคนนี้ คงหน้าแดงเป็นลูกตำลึงแล้วล่ะสิถึงได้มุดเข้าไปอยู่ในผ้าห่มแบบนั้นน่ะ เธอกล่าวราตรีสวัสดิ์กับลูกสาวแล้วจึงเดินออกไปหลังจากปิดไฟในห้องให้ดับลง
นานๆมาไหว้พระซักที ก็รู้สึกดีเหมือนกันนะครับ ต้องขอบคุณน้าวรรณกับหนูจันที่ให้โอกาสพี่มาทำหน้าที่ขับรถให้ ชายหนุ่มยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้าเขา เขาดูแลเธอมาตั้งแต่เด็กๆ และรักเธอเกินคำว่าน้องสาวมาแต่ไหนแต่ไร แต่ลูกจันก็ไม่เคยแสดงออกเลยว่าชอบเขา แต่เขาก็ยังไม่หมดหวัง เพราะก็ไม่มีผู้ชายคนไหนที่เธอสนิทเป็นพิเศษเหมือนกันจากที่เขารู้มาจากปากของวรรณวดี
ทางนี้สิคะต้องขอบคุณพี่นิวัฒธ์ที่เสียเวลาพาคุณแม่กับจันมาไหว้พระถึงอยุธยา พิณธุภัทรยังคงรักษาท่าทางเสมอเวลาอยู่กับเขา เขากับเธอนั่งรอน้าวรรณอยู่ที่โต๊ะม้าหินในลานวัดแห่งหนึ่ง นี่ถ้าแม่ของลูกจันไม่ขอเวลาไปทำธุระแถวนี้โดยไม่ให้พวกเขาตามไป เขาคงไม่มีโอกาสได้คุยกับเธอเป็นประโยคแบบนี้แน่ เพราะหนูจันของเขาน่ะ อยู่ต่อหน้าแม่ของเธอเมื่อไหร่จากคนพูดน้อยอยู่แล้ว ก็ยิ่งพูดน้อยไปกันใหญ่ ถามสิบประโยคบางทีได้คำตอบเป็นแค่การพยักหน้าทีเดียว
พี่จะไปซื้อน้ำทางนู้น หนูจันจะเอาน้ำอะไรคะ หรือว่าอยากกินขนมอะไรไหม พี่จะได้ซื้อมาให้ คำพูดเพราะที่แสดงถึงความห่วงใจมักจะออกมาจากปากของชายหนุ่มคนนี้ให้หญิงสาวได้ยินเสมอ และคราวนี้กก็เหมือนกันนิวัฒธ์เสนอตัวเป็นคนไปซื้อน้ำมาให้ แต่พิณธุภัทรกลับแค่ยิ้มแล้วส่ายหน้าเบาๆ เธอเกรงใจ..เขารู้ดี แต่ถ้าเขาซื้อมาแล้ว เธอก็จะต้องเกรงใจเขาจนกินหมดอีกนั่นแหละ เขาจึงตัดสินใจเดินไปซื้อสิ่งที่ตั้งใจไว้ ทิ้งให้หญิงสาวนั่งตากลมที่โต๊ะม้าหินอยู่คนเดียว
พิณธุภัทรคิดว่านิวัฒธ์คงจะไปนานเพราะต้องอ้อมไปซื้อถึงหน้าวัด แต่ตรงที่พวกเธอนั่งกันอยู่นี่น่ะหลังวัด แล้ววัดนี้ก็ใช่แคบเสียเมื่อไหร่ หญิงสาวจึงตัดสินใจเดินไปดูของที่ระลึกที่จะเอากลับไปฝากกานต์ดากับกวีที่แผงลอยตรงประตูหลังวัด ซึ่งห่างกับที่เธอนั่งไม่มาก เธอเลือกของไปเรื่อยๆ จนได้พวงกุญแจมาสามอัน ไม่ได้ตั้งใจจะซื้อไปฝากใครอีกคนหรอกนะ แต่คนขายเขาขายสามอันห้าสิบหรอกถึงต้องซื้อมา หญิงสาวแอบคิดในใจแล้วก็อมยิ้มออกมาทางมุมปาก ไม่รู้สึกตัวเลยว่าตัวเองกำลังแก้ตัวให้ตัวเองอยู่
ว๊ายยย นี่ยายแก่ เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยดูซิ เสื้อใหม่ฉันเลอะหมดแล้วเนี่ย แกจะชดใช้ยังไงห๊ะ พิณธุภัทรหันไปตามเสียงร้อง เห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเอาทิชชู่เช็ดเสื้อที่เหมือนจะโดนน้ำหวานสีแดงสดหกใส่ด้วยสีหน้าบึ้งตึง ปากก็ด่าทอคนที่เดินชนเธอ พิณธุภัทรจะไม่รู้สึกอะไรถ้าคนที่ชนผู้หญิงคนนั้นชนแล้วเดินหนีไป แต่นี่...คุณยายที่ไม่รู้ว่าเดินชนหรือถูกชนยังนั่งพับเพียบอยู่ที่ขาของหญิงสาว ดูท่าทางยายแกคงจะลุกไม่ไหว อะไรกันใจจืดใจดำชะมัด แค่ชนแล้วน้ำหกใส่แค่นี้เอง ทำเป็นโวยวายไปได้ ไม่สงสารยายแกบางเลยหรือไงนะ
ยายคะ ให้หนูช่วยนะ ยายเจ็บมากไหมคะ พิณธุภัทรไม่รอช้าที่จะเข้าไปช่วยพยุงยายให้ลุกขึ้น ก่อนจะหันไปหาหญิงสาวปากจัดที่ยังทำท่าเหมือนจะเอาเรื่อง
นี่คุณ คนไทยด้วยกันน้ำใจไม่มีหรอไง ชนยายจนล้มลงไปไม่มีกะจิตกะใจจะช่วยขึ้นมา ยังมีหน้ามาเอาเรื่องยายเขาอีกหรอ น่าแปลกที่เวลามีเรื่องทีไรเธอจะกลายเป็นคนพูดมากแบบไม่เกรงใจใครขึ้นมาทุกทีซิน่า
แล้วเธอมายุ่งอะไรด้วยห๊ะ ดูสินี่เสื้อตัวละสองพันนะ แล้วนี่ใครจะชดใช้ให้ฉันกันล่ะ ถ้าเธอไม่ชดใช้ก็ถอยไป ฉันจะให้ยายแก่นี่ชดใช้ให้ฉัน เพชรรัตน์ถลึงตาพร้อมชี้นิ้วมาทางเธอและคุณยาย เป็นจังหวะเดียวกับที่นิวัฒธ์เดินมาเห็นเหตุการณ์พอดี
มีเรื่องอะไรกันคะหนูจัน
นี่คุณ คุณเป็นแฟนยัยเห่ยนี่ใช่ไหม ช่วยบอกให้แฟนคุณรู้จักสงบปากสงบคำซะบ้างนะ แล้วก็ให้เลิกยุ่งไม่เขาเรื่องกับเรื่องของชาวบ้านด้วย เพชรรัตน์หันไปพูดกับนิวัฒธ์แบบเชิดๆ ก่อนจะหันกลับไปจ้องพิณธุภัทรต่อ
พี่นิวัฒธ์ ลูกจันไม่ได้ยุ่งไม่เข้าเรื่องนะคะ ก็ยัยคนเนี้ยเดินชนจนคุณยายหกล้มลงไปกองกับพื้น ไม่ใช่แค่ไม่ช่วย ยังจะเรียกค่าเสียหายจากคุณยายตั้งสองพันเพราะแค่น้ำแดงหกใส่เสื้อเองเนี่ย จันยอมไม่ได้หรอกค่ะ เรื่องอะไรเธอจะให้ยัยบ้าที่ไหนไม่รู้มาฟ้องอยู่ฝ่ายเดียว พี่นิวัฒธ์น่ะคนฝ่ายเธอต่างหาก ชายหนุ่มไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่มองหน้าสองฝ่ายไปมา ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจควักกระเป๋าเงินขึ้นมาแล้วหยื่นธนบัตรสีเทาสองใบให้เพชรรัตน์ไป พิณธุภัทรทำตาโตหันมาค้อนให้เขาวงใหญ่ แต่เขาแสร้งทำเป็นไม่เห็น
เพชรรัตน์ใช้หางตามองมาที่เขาก่อนจะไล่ไปที่เงินแล้วปัดมือของเขาทิ้ง ทำให้ธนบัตรทั้งสองใบปลิวลงสู่พื้น เขาเองก็ได้แต่ยืนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เอาเศษเงินของพวกคุณคืนไปเถอะ ฉันมีเหลือเฟือ เสื้อตัวนี้ก็กะว่าใส่แค่ครั้งเดียวก็คุ้มแล้ว ต้องขอบคุณฉันด้วยนะที่ไม่เอาเรื่องพวกคุณน่ะ ฮึ อารมณ์เสียจริงๆเลย เพชรรัตน์ยักไหล่แล้วเดินไป หญิงสาวอีกคนค่อยๆก้มลงเก็บธนบัตรส่งให้ชายหนุ่ม คุณยายขอบคุณพิณธุภัทรและนิวัฒธ์เป็นการใหญ่ ชายหนุ่มจึงให้เงินไปห้าร้อยเป็นค่ารักษาพยาบาล แม้คุณยายจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่เขาและเธอก็ยังยืนยันที่จะให้คุณยายรับเงินนั้นไว้ และพิณธุภัทรก็ยังยืนยันให้คุณยายรับน้ำหวานที่นิวัฒธ์พึ่งซื้อมาให้เธอไปด้วยหลังจากที่รู้ว่าน้ำถุงที่หกไปแล้วคุณยายจะซื้อไปให้หลานชายที่รออยู่ คุณยายคนนั้นถึงกลับน้ำตาคลอ ยกมือไหว้ไปปากก็บ่นพึมพำอวยพรทั้งสองคนไป หลังจากแยกจากกันแล้ว หญิงสาวและชายหนุ่มก็กลับไปนั่งรอวรรณวดีที่โต๊ะม้าหินเหมือนเดิม ไม่นานนักวรรณวดีก็มาถึง ทั้งสามคนจึงขึ้นรถกลับกรุงเทพ ระหว่างทางพิณธุภัทรก็เล่าเรื่องที่เจอมาให้คนเป็นแม่ฟัง ต่อท้ายด้วยการบ่นกระปอดกระแปดว่าผู้หญิงแล้งน้ำใจคนนั้นแล้วก็พาลมาถึงผู้ชายที่นั่งขับรถอยู่ข้างๆว่ายอมควักเงินง่ายๆอย่างนั้นได้อย่างไร
โปรดติดตามตอนต่อไป
2 มีนาคม 2551 07:18 น.
ฟาราน
พี่...คะ....
...
พิณ..พิณชอบพี่...คะ
ภาพที่เขาเห็นคือเด็กสาวผมยาวคนหนึ่ง ยืนอยู่ท่ามกลางสายน้ำที่พระพิรุณสาดลงมาบนโลก เธอหันหน้าเข้าหาชายหนุ่มที่ตัวสูงกว่า ในความคิดของเขา ผู้ชายคนนั้นออกจะคุ้นตา แต่เขาก็นึกไม่ออกว่าชายหนุ่มคนนั้นคือใคร
เขาได้ยินเพียงเสียงสารภาพรักของเด็กสาวผมยาวคนนั้น ส่วนเสียงคำตอบของฝ่ายชาย เขาแทบจะไม่ได้ยินเลยด้วยซ้ำ เพราะเสียงน้ำฝนที่ตกลงมานั้นกลบเสียงรอบข้างจนหมด เขาพยายามจะเงี่ยหูฟังว่าผู้ชายคนนั้นชื่ออะไร แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร เขาก็ได้ยินเพียงเสียงสายฝนที่ตกกระทบพื้นดังเปาะแปะ เปาะแปะ ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆร่างกายของเขาถึงได้รู้สึกเย็นยะเยือกและเจ็บปวดที่หัวใจขึ้นมาเฉยๆ เขามองไปที่คนสองคนตรงหน้า ชายหนุ่มเอื้อนเอ่ยวจีที่เขาไม่ได้ยินแก่เด็กสาว เธอก้มหน้านิ่ง เพียงชั่วอึดใจชายหนุ่มก็เดินจากเธอไป เขาพอจะเดาเรื่องราวได้รางๆ ว่าเด็กสาวคงไม่สมหวังในรักครั้งนี้เป็นแน่ ก็ดูจากหน้าตาแล้ว เด็กสาวก็เกือบจะขี้ริ้วขี้เหร่เสียด้วยซ้ำ ทั้งผมที่ถักเป็นเปียสองข้าง แล้วไหนจะแว่นตาเชยๆหนาเตอะนั่นอีก แตกต่างกับชายหนุ่ม ที่ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ดูจะหาที่ติไม่เจอ อีกทั้งอายุของทั้งสองคนคงห่างกันอยู่พอสมควร ไม่น่าจะเข้ากันได้
ฝนตกลงมาแรงขึ้นเหมือนจะตอกย้ำความรู้สึกของเด็กสาว เธอยังคงยืนก้มหน้านิ่งอยู่กับที่ เขาเอื้อมมือออกไปหมายจะปลอบโยน แต่ก็ต้องชะงัก ใบหน้าเรียวซีดเงยขึ้น ดวงตาแดงก่ำเหมือนจะสบตากับเขาแวบหนึ่งก่อนที่เจ้าของดวงตาคู่นั้นจะทอดมองผ่านเขาไปด้านหลังอย่างไร้จุดหมาย ริมฝีปากเล็กเม้มเขาหากันแน่นสั่นระริกน้อยๆ ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร เด็กสาวก็อ้าปากแผดเสียงที่เขาได้แค่คิดว่ามันคงดังแข่งกับเสียงสายฝนได้เมื่อดูจากปากของเด็กสาว เพราะเขาไม่ได้ยินสิ่งที่เธอตะโกนเลยแม้แต่น้อย เขาเอื้อมมือทั้งสองข้างออกไปอีกครั้งหมายจะไขว่คว้าร่างบางตรงหน้าเข้าสู้อ้อมกอด ตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากทำเช่นนั้น เขารู้เพียงว่าเขาทนไม่ได้ที่เห็นเธอต้องเสียน้ำตา
แต่เมื่อมือทั้งสองข้างไขว่คว้า เขากลับพบแต่เพียงอากาศที่ว่างเปล่า เด็กสาวตรงหน้าไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่เขาสัมผัสเธอไม่ได้ ยังไม่ทันที่เขาจะได้อ้าปากพูดอะไร เธอก็วิ่งผ่านเขาไปเหมือนกับไม่มีเขายืนอยู่ตรงนั้น เขาหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็วกำลังจะวิ่งตามเด็กสาวไป แต่เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างดึงเขาให้ห่างออกมาเรื่อยๆ ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัว ไม่รู้ว่าเพราะสายตาของเขาหรือเพราะฝนที่กระหน่ำเทลงมากันแน่ เขาเห็นเพียงแผ่นหลังของเด็กสาววิ่งห่างไกลออกไป หลังจากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบลง
ว่าน..ว่าน ตาว่าน!!!
ครับๆคุณแม่ ว่ายังไงนะครับ
นั่งนึกอะไรอยู่ลูก แม่เรียกตั้งนานสองนาน เหม่อไปไหนกัน วีรวุธได้เพียงยิ้มตอบให้หญิงสาววัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ก่อนส่ายหน้าเบาๆ เขาจะคิดอะไรได้ในตอนนี้ นอกจากคิดถึงความฝันเมื่อคืน ผู้ชายคนนั้น..ชายหนุ่มที่อยู่ในความฝันของเขา เขานึกออกแล้วว่าเป็นใคร ความจริงแล้วเขาเองก็พึ่งจะนึกได้เมื่อตอนที่ส่องกระจกในห้องน้ำ ใช่เลย!!..ผู้ชายคนนั้นคือเขาเอง น่าแปลกที่ในความฝันเขากลับนึกไม่ออก ส่วนเด็กสาวที่ชื่อ พิณ ..เขานึกยังไงก็นึกไม่ออก รู้เพียงว่าต้องเคยรู้จักแน่ๆ เพราะเขารู้สึกคุ้นเคยกับแววตาคู่นั้นเหลือเกิน ส่วนเหตุการณ์ในความฝัน..เขาก็ยังได้แค่เพียงรู้สึกเหมือนเดิมว่าเคยเกิดขึ้น แต่มันคงนานมากแล้ว หรือไม่ก็เพราะเขาไม่ได้ใส่ใจที่จะจำมัน อันที่จริง!! มันก็แค่การฝันถึงเรื่องเก่าๆในอดีต เขาไม่ได้สนอกสนใจจะรับรู้เลยสักนิด แต่สิ่งที่ดึงดูดใจเขาคือพิณ เด็กสาวเชยๆคนนั้นต่างหากที่เขาสนใจ ภาพตอนที่เธอร้องไห้ยังติดอยู่ในมโนนึก แล้วคำถามหนึ่งก็แวบเข้ามาในสมอง เธอเป็นใครกัน??
จะไปไหนน่ะว่าน วันนี้ไม่ต้องเขาออฟฟิตไม่ใช่หรือลูก ขณะที่วีรวุธกำลังเปิดประตูรถ เสียงคุณหญิงฤดีผู้เป็นแม่ก็ตะโกนถามขึ้นมาอย่างข้องใจ
จะไปมหาลัยครับแม่ กวีมันชวนไปกินข้าวเที่ยง แต่ต้องไปรับน้องสาวมันก่อน แม่มีอะไรรึเปล่าครับ วีรวุธเลื่อนบานกระจกข้างลงเพื่อคุยกับคุณหญิงฤดีที่มีทีท่าเอือมระอาในตัวลูกชายคนนี้สุดจะทน เจ้าลูกคนนี้ไม่เคยจะอยู่ติดบ้าน ใจคอหยุดงานทั้งทีไม่เคยคิดจะอยู่บ้านเป็นเพื่อนแม่บ้างเลยใช่ไหมนี่
จะไปก็ไปเถอะ แม่จะไปห้ามอะไรได้
โธ่ แม่อย่างอนผมนะครับ แล้วไว้ตอนเย็นผมจะกลับมาทานข้าวที่บ้านนะครับ เอ๊ะ หรือว่าออกไปทานข้างนอกกันดี
ไม่ต้องเลย กะล่อนนักนะเรา กลับมากินที่บ้านน่ะดีแล้วลูก แต่อย่าเบี้ยวแม่ละกัน ไม่งั้นคราวนี้แม่จะงอนจริงๆด้วย คุณหญิงฤดีมองลูกชายด้วยสายตาคาดโทษ
ครับผม งั้นผมไปนะครับแม่ กระจกรถถูกเลื่อนขึ้น คุณหญิงฤดีถอยห่างออกมาจากตัวรถ ปล่อยให้ลูกชายตัวดีขับรถออกไปอย่างสบายอารมณ์ เมื่อคนใช้ปิดประตูใหญ่เรียบร้อยแล้วจึงเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน
เขาเลี้ยวรถเข้าจอดใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าคณะซึ่งเป็นที่จอดประจำตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่นี่ ห้าปีแล้วที่เขาเรียนจบออกไป เป็นเวลาที่ยาวนานพอสมควร เขาเริ่มจะจำทางเดินต่างๆไม่แม่นเหมือนตอนที่เคยเรียนอยู่ นี่เป็นวันแรกในรอบสองปีที่เขากลับมามหาลัย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าเพื่อนซี้ตัวดีของเขา นายกวี ขอมารับน้องสาวที่เรียนอยู่ปีสองไปกินข้าวด้วยแล้ว เขาก็ยังคงหาเหตุผลให้ตัวเองกลับมาที่นี่ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าติดงานหรือไม่มีเวลาว่าง บริษัทของเขาเป็นบริษัทผลิตน้ำหอมที่สกัดจากดอกไม้ไทยส่งขายทั้งในและนอกประเทศซึ่งเป็นกิจการที่รับช่วงต่อมาจากพ่อและแม่ เพราะฉะนั้นงานของเขาจึงไม่ค่อยมีปัญหา เนื่องจากบุพการีทั้งสองได้วางรากฐานไว้อย่างมั่นคงแล้ว ถ้าไม่มีประชุมด่วนหรือมีเอกสารสำคัญที่ต้องเซ็น เขาก็ไม่อยากจะเข้าออฟฟิตเท่าไหร่นัก
เพื่อนตัวดีของเขานัดไว้สิบเอ็ดโมงครึ่ง เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงที่เขาสามารถเดินสำรวจตึกต่างๆในคณะได้ แต่..เขาจะไม่ทำอย่างนั้นแน่ๆ เพราะวันนี้อากาศที่ร้อนอบอ้าวไม่ได้เป็นใจให้เดินไปไหนต่อไหนเลย สมัยที่เขาเรียนอยู่ในวันที่ร้อนแบบนี้ เขากับเพื่อนมักจะไปนั่งตากแอร์ที่ห้องสมุดของคณะเสมอ ร่างกายไวเท่าความคิดขาของเขาก้าวออกไปเสียแล้ว รู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ที่ทางเดินสามแยก เลี้ยวขวาเป็นห้องเรียน ส่วนเลี้ยวซ้ายเป็นห้องสมุด แล้วเขาจะรอช้าอยู่ทำไม รีบๆเดินไปตากแอร์ให้สบายกายดีกว่า
โครม!!!
ขอโทษครับ/ค่ะ ต่างฝ่ายต่างเอ่ยขอโทษกันจ้าละหวั่น แต่หญิงสาวที่ล้มลงกับพื้นก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเขา เพราะมัวแต่เก็บหนังสือที่หล่นกระจัดกระจายของตัวเอง นี่ถ้าเธอไม่ได้เอ่ยปากขอโทษเขาด้วยแล้วละก็ เขาคงคิดว่าเธอเป็นพวกเห็นแก่ตัวที่ไม่แม้แต่จะมองคนที่เดินชนกันด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อเธอก็ขอโทษแล้ว เขาก็ขอแสดงความมีน้ำใจเล็กๆน้อยๆในการช่วยเก็บหนังสือที่กระจักกระจายนี่หน่อยละกัน มันคงไม่ถึงกับทำให้เสียเวลามากมายจนเขาต้องโดนเพื่อนเทศนาหรอกนะ
ให้ผมช่วยนะครับ เขาก้มลงเก็บหนังสือที่ใกล้ตัวมากที่สุดขึ้นมาก่อน แล้วค่อยๆเก็บรอบๆตัวโดยไม่เงยหน้ามองหญิงสาวที่ตอนนี้จ้องมองเขาเหมือนเขาเป็นตัวประหลาดเลยแม้แต่น้อย
หนังสือเยอะแยะขนาดนี้ถือมาคนเดียวไหวถือว่าเก่งมากเลยนะครับ คงจะเอาไปห้องสมุดใช่ไหม เดี๋ยวให้ผมช่วยดีกว่า ผมกำลังจะไปที่นั่นพอดี วีรวุธเงยหน้าขึ้นจากพื้นบังเอิญสบตาเข้ากับหญิงสาว แววตาของเธอช่างคุ้นเคย เขาเหมือนจะเคยเห็นที่ไหนนะ ใบหน้าขาวใสได้รูปดูมีน้ำมีนวลอยู่ห่างกับหน้าของเขาแค่คืบกว่าเริ่มขึ้นสีเล็กน้อย เขาคงเข้าใกล้เธอมากเกินไป ทั้งๆที่อยากจะถอยห่างออกมา ไม่อยากจะจ้องเธอนานนัก เพราะกลัวเธอจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นพวกโรคจิตไป แต่ก็ทำไม่ได้ ทั้งดวงตาโตเป็นประกายที่ดูลึกลับน่าค้นหา จมูกที่รั้นนิดๆบ่งบอกนิสัยของผู้เป็นเจ้าของ กับปากเรียวเล็กได้รูปที่รับกับใบหน้านวลที่ไร้การแต่งแต้มใดๆ ดึงดูดสายตาเขาไว้จนไม่อาจละสายตาไปทางอื่นได้
ตายแล้วยัยจัน นี่แกซุ่มซ่ามอีกแล้วหรอ เป็นอะไรมากป่าวเนี่ย จัน!! เธอชื่อจันอย่างนั้นหรือ หญิงสาวหันหลังมองไปทางต้นเสียง ทำให้เขาได้กลิ่นแชมพูสระผมบางๆจากผมของเจ้าหล่อน กลิ่มหอมของดอกไม้ไทยสักชนิดที่เขาคุ้นเคย ถ้าเขาจำไม่ผิด มันคือมะลิแน่ๆ
ฉันไม่เป็นไร พอดีฉันเดินไม่ดูตามาตาเรือไปชนคุณคนนี้เข้า แล้วเขาก็ช่วยฉันเก็บหนังสือที่ตกน่ะ กานต์ดาเอียงคอมองมาทางชายหนุ่มก่อนจะทำสีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง นั่นทำให้พิณธุภัทรสงสัย แต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรเพราะเสียงกวี พี่ชายของกานต์ดาดังขึ้นขัดซะก่อน
อ้าวว่าน ฉันว่ากำลังจะโทรหาแกพอดีเลย เจอก็ดีละ แล้วทำไมกานต์มาอยู่ตรงนี้ล่ะ นัดที่ห้องสมุดนี่
เพื่อนพี่กวีเองหรอ ไม่น่าล่ะหน้าคุ้นๆ พอดีเขาชนกับยัยจันเมื่อกี้น่ะ กานต์กับจันกำลังจะเอาหนังสือไปคืนที่ห้องสมุด กานต์ดาหันไปพูดกับกวี
อ๋อ สวัสดีครับน้องลูกจัน นี่เพื่อนพี่เองนะครับชื่อว่าน เดี๋ยวให้พวกพี่ช่วยถือหนังสือไปดีกว่านะครับ น้องลูกจันตัวแค่นี้เองถือคนเดียวคงหนัก กวียิ้มให้พิณธุภัทร เธอก็ทำได้เพียงขานรับและยิ้มตอบ กานต์ดาได้ทีเลยส่งหนังสือในมือที่มีทั้งหมดสิบกว่าเล่มให้พี่ชายทันที
อยากถือนักใช่ไหม เอาไปเลยพี่กวี กานต์ยกให้พี่กวีถือหมดเลย
เฮ้ย ไอ้กานต์ ใครบอกจะถือให้แก ฉันจะถือให้น้องลูกจันหรอก ไอ้น้องบ้า เอาคืนไป!!
ก็ถือของกานต์ไปแล้วนี่ กานต์ไม่รับคืนน้า อีกนิดเดียวเอง พี่กวีเป็นผู้ชายเปล่าเนี่ย ถ้าเป็นก็อย่าบ่นดิ่ ช่วยน้องถือหนังสือแค่นี้มันลำบากมากนักหรอไงห๊ะ พิณธุภัทรหัวเราะเบาๆกับการถกเถียงกันแบบเด็กๆของพี่น้องตัวกอ เป็นจังหวะเดียวกับที่วีรวุธได้มีโอกาสพูดกับเธออีกครั้ง
เมื่อกี้ต้องขอโทษอีกครั้งนะครับที่เดินชนคุณ..เอ่อ คุณลูกจัน งั้นหนังสือพวกนี้ให้ผมถือให้ละกันนะครับ
ขอบคุณค่ะ เรียกจันเฉยๆก็ได้ค่ะ ไม่ต้องมีคุณหรอก เมื่อกี้จันก็ต้องขอโทษพี่ เอ๊ย คุณว่านด้วยนะคะที่จันเดินไม่ดูตาม้าตาเรือไปชนเข้า เจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ วีรวุธยิ้มให้พิณธุภัทรไม่ใช่แค่หน้าตาน่ารักหรือนิสัยดี หญิงสาวคนนี้สียงก็เพาะอีกด้วย ดูจากท่าทางแล้วถ้าเธออายุเท่ากับกานต์ดา น้องสาวของกวี ก็ห่างกับเขาเจ็ดปี แค่เจ็ดปีคงไม่แก่เกินไปสำหรับเธอละมั้ง เขาเองก็ชักอยากที่จะมีใครสักคนข้างกายแล้วเหมือนกัน
เปล่าครับ น้องจันก็อย่าเรียกคุณว่านเลย เรียกพี่ว่านเหมือนเวลาเรียกไอ้กวีดีกว่า
หลังจากที่ยุติสงครามของพี่น้องตัวกอและเอาหนังสือไปคืนที่ห้องสมุดแล้ว พิณธุภัทรเห็นว่ากานต์ดาและกวีต้องไปกินข้าวต่อกับวีรวุธ เธอจึงขอตัวกลับบ้านก่อน ทั้งๆที่ปกติกานต์ดาและกวีจะเป็นคนขับรถไปส่งเธอที่บ้านเสมอๆ แต่ครั้งนี้ถ้าให้ไปส่งก็คงดูเป็นการรบกวนเวลาของทั้งสองคนมากเกินไป ไม่ว่ากานต์ดาและกวีพยายามที่จะรบเร้าให้พิณธุภัทรไปกินข้าวด้วยกันมากแค่ไหน แต่พิณธุภัทรก็ตั้งท่าปฏิเสธท่าเดียว เพราะกลัวจะไปทำลายบรรยากาศการพบกันของเพื่อนเก่าอย่างกวีและวีรวุธเสียเปล่าๆ สุดท้ายเธอก็ยอมยกธงขาวให้แก่พี่น้องตัวกอทั้งสองยอมให้ทั้งสามคนไปส่งเธอที่บ้านแต่โดยดี เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่จะไม่ต้องไปกินข้าวด้วยกัน โดยที่กานต์ดาจัดแบ่งที่นั่งให้เรียบร้อยเสร็จสรรพเป็นการขัดใจกวีที่อยากเป็นคนขับรถคันที่พิณธุภัทรนั่งไปในตัว โดยที่กานต์ดาไม่ได้หันมาถามความคิดเห็นของเพื่อนสาวเลยแม้แต่น้อย ยัยกานต์นะยัยกานต์ ที่เธอกำลังทำอะไรอยู่รู้ตัวรึเปล่า เธอกำลังทำให้หัวใจฉันเดือดร้อนนะ รู้บ้างไหมห๊ะ เสียงของพิณธุภัทรประท้วงขึ้นในใจ
ใบหน้าหล่อเหลาได้รูปที่ไม่ได้เห็นมานานของคนขับรถ ดึงให้พิณธุภัทรเผลอจ้องมองจนเสียมารยาท ดีที่เจ้าตัวไม่รู้สึกอะไรเพราะกำลังให้ความสนใจกับถนนข้างหน้า สายตาที่เจือความรู้สึกหลากหลายถูกส่งผ่านแววตาสีดำสนิทออกไปโดยที่เธอไม่รู้ตัว และหนึ่งในนั้นคือสายตาอาลัยอาวรณ์ที่ไม่ว่าพิณธุภัทรจะปิดบังยังไงก็ปิดไม่มิด
เขายังเหมือนเดิมทุกอย่าง ใบหน้าที่ดูเย็นชา นิสัยที่สุภาพ ความมีน้ำใจไม่ถือตัว เขาเหมือนเดิมทุกอย่าง โดยเฉพาะแววตาคู่นั้น ยังคงแฝงไปด้วยความอ่อนโยนเสมอ แต่นั่นรวมไปถึงความรู้สึกที่ยากจะหยั่งลึกของเขาด้วย เขาไม่เปลี่ยนไปเลย แล้วนิสัยขี้เล่นของเขา จะยังอยู่ไหมนะ
บ้านน้องจันต้องเลี้ยวตรงไหนบอกพี่ด้วยนะครับ อยู่ดีๆเสียงของวีรวุธก็ดังขึ้นทำลายภวังค์ของหญิงสาว เผลอแปปเดียวเข้ามาในหมูบ้านแล้วหรอเนี่ย นี่เรามองหน้าเขาตลอดทางเลยหรอ ชักจะบ้าไปแล้วแห๊ะ
เอ่อ เดี๋ยวเลี้ยวเข้าซอยข้างหน้าค่ะ บ้านจันอยู่หลังที่สองนับจากท้ายซอย วีรวุธพยักหน้ารับแต่ไม่ได้หันกลับมามองคนตอบ พิณธุภัทรลอบถอนหายใจ ดีใจเหลือเกินที่ถึงบ้าน เธอจะได้หลุดพ้นจากบรรยากาศอันน่าอึดอัดที่เธอสร้างมันขึ้นมาเองสักที
รถบีเอ็ม ซี่รี่ส์เจ็ดจอดเทียบที่หน้าบ้านหลังที่สองนับจากท้ายซอยๆหนึ่งในหมูบ้านจัดสรร พิณธุภัทรปลดเข็มขัดนิรภัยออกก่อนจะหันไปกล่าวขอบคุณคนขับตามมารยาท แล้วแอบบอกกับตัวเองในใจว่าจะไม่เจอผู้ชายคนนี้อีกเด็ดขาด ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของเธอ
ไม่เป็นไรครับ น้องกานต์เองก็เหมือนน้องสาวพี่ น้องจันเป็นเพื่อนน้องกานต์ ก็เหมือนน้องสาวพี่น่ะแหละ เรื่องแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกครับ จี๊ด น้องสาว..คำนี้อีกแล้ว เธอจะไม่รู้สึกเจ็บเลย ถ้าผู้ชายที่พูดกับเธอในตอนนี้ไม่ใช่เขา ไม่ใช่ผู้ชายคนเดิมที่เคยพูดคำนี้กับเธอ
สีหน้าไม่ค่อยดีเลย น้องจันไม่สบายรึเปล่าครับ วีรวุธเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง สีหน้าของหญิงสาวซีดไปหลังจากที่เขาพูดประโยคก่อนหน้านี้จบ หรือเขาขับรถเร็วไป เธอเลยมึนรึเปล่านะ
จันไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง จันรู้สึกมึนหัวนิดๆ เดี๋ยวนอนพักก็คงหาย
เอ่อ พี่ขับรถเร็วไปรึเปล่าครับ
ไม่เกี่ยวหรอกค่ะ เมื่อคืนจันคงนอนไม่พอ เดี๋ยวนอนพักก็หาย พี่ว่านไปเถอะค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ขับรถมาส่ง เอ่อ แล้วก็ขับรถดีๆนะคะ พี่ว่านขับรถเร็วจริงๆ ขับระวังๆนะคะ วีรวุธอมยิ้มให้ตัวเอง ผู้หญิงคนนี้น่ารักเกินกว่าเขาจะห้ามใจจริงๆ นี่ขนาดพึ่งเจอกันครั้งแรก กลับรู้สึกดีได้ขนาดนี้ เขาอยากจะรู้จักเธอให้มากขึ้น อยากให้เธอมาอยู่ใกล้ๆเขาเหลือเกิน เขาจะทำยังไงดี
ครับ พิณธุภัทรปิดประตูรถ อยากจะตบปากตัวเองแรงๆเหลือเกิน จะไปวุ่นวายกับชีวิตเขาทำไมหนอ เขาอยากจะขับเร็วก็เรื่องของเขาสิ ไม่ว่าจะกี่ทีกี่ที เธอก็พูดอะไรเหมือนสั่งเขาทุกทีสิหน่า ห้าปีแล้ว เขาไม่เปลี่ยนไปยังไง เธอก็ยังไม่เปลี่ยนไปอย่างนั้น ให้มันได้อย่างนี้สิ ยัยบ้าพิณธุภัทรเอ้ย ดูซิ..เขาจำแกไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตที่แกจะได้เจอกับเขา