2 เมษายน 2547 06:14 น.
พ. เพี้ยน
จะแสบตาตาแสบแทบขาดดิ้น ฟอร์มาลีนฟุ้งขจรน้ำตาไหล
ถึงแสบตาขยิบนิดคงหายไป แต่แสบใจนี้แสบสุดมิรู้เลือน
2 เมษายน 2547 06:11 น.
พ. เพี้ยน
สายฝนหล่นปรายเป็นสายยาว
ดุจเส้นไหมสีขาวจากราวฟ้า
ทอดละอองผ่องละออล้ออุรา
จากเมฆาหม่นดำในค่ำคืน
ลมหอบหยาดเย็นเป็นฝอยโปรย
ทยอยโรยสายใสชุ่มใจชื่น
คำรามเสียงแผดผนึกดูครึกครื้น
จนต้องตื่นตาชมโสมนัส
ใจคะนึงตามไปในครรลอง
ฟ้าคะนองคะเนไกลใจกระหวัด
ถึงคนที่จางจากต้องพรากพลัด
ครุ่นคิดถึงพึงขจัดขจายเบา
เมฆฝน ก้อนใหญ่ใหญ่ ใช่ไหมหนอ
ที่เธอพ้อพร่ำฝากจากใจเหงา
ให้หอบความคิดถึงซึ่งรุมเร้า
ให้ปัดเป่ามาบอกฉันในวันนี้
คงระเหยน้ำฝนปนน้ำตา
คงจะกลั่นเมฆามาที่นี่
แล้วหลั่งฝนปนฝันกลั้นฤดี
ทุกนาทีเธอคงไม่หลงเลือน
ละอองฝนกระเด็นผ่านม่านบางบาง
จวนฟ้าสาง สาดแสงแกล้งกลบเกลื่อน
เหลือบรางรุ้ง อร่ามอุ่น อรุณเยือน
ยืนยันย้ำ คำว่าเพื่อน เหมือนเช่นเคย
รับรู้แล้วรับรู้อยู่เต็มอก
ไม่ต้องยก หยิบอ้าง สร้างเฉลย
ใจเธอนั้น ดั่งใจฉัน เหมือนกันเลย
คิดถึงเธอ เกินเอ่ย เผยหัวใจ
ฉะนั้น ขอจง คิดถึงกัน
ทุกทุกวัน จะวันนี้ หรือวันไหน
เพื่อนคนนี้ คนที่มีจิตใจ
ดวงใสใส เช่นน้ำฝน คนที่รัก
จะถักทอเส้นไหมของสายฝน
ด้วยกมลที่อ้างว้างอย่างหน่วงหนัก
เป็นผืนแพร น้ำใส น้ำใจรัก
แล้วเก็บกัก ในห้องใจ ไว้ให้เธอ
จะฝากเมฆก้อนใหญ่ใหญ่กลับไปบอก
ใจช้ำชอกเพียงไหนใจยังเพ้อ
ไม่มีใครเมื่อเคียงใกล้ไม่มีเธอ
รอวันเจอฟ้ากระจ่างอย่างมั่นคง
ฉันมีความสุขใจที่ได้รอ
จะแอบพ้อฝากฝนจนลุ่มหลง
จะอ้อนฟ้า ง้อเมฆา ว่าขอจง
หอบความรัก ไปส่ง ตรงถึงเธอ
2 เมษายน 2547 06:09 น.
พ. เพี้ยน
L= Lots of care and tenderness
O= Only you are on my mind
V= Very sad when you dont call
E= Every time I think of you, I smile
2 เมษายน 2547 06:05 น.
พ. เพี้ยน
ภาษารักทั้ง 9
คู่รักจำนวนไม่น้อยเลยที่สร้างความรักขึ้นมาด้วยใจ สานสัมพันธ์สายใยกันด้วยชีวิต แต่กลับทำลายด้วยภาษาอันไม่เข้าท่าแลไม่ควร
จนเกิดความเสียหายที่ไม่ปราถนาตามมามากมาย ภาษารัก จึงเป็นระบบการสื่อสัมพันธ์ของคนทั้งสองให้ตรงตามจริง
และตามวัตถุประสงค์มุ่งหวัง เป็นภาษา ที่ต้องรู้เข้าใจ ฝึกให้ดีและใช้ให้เป็น และบริหารให้เกิดประโยชน์
1. ภาษาใจ เป็นการส่งรับด้วยจิตนิ่งเป็นหนึ่ง เมื่อจิตว่าง การรับรู้จะชัดเจน แจ่มใส และแม่นยำ การส่งการรับภาษาใจนี้จะก่อให้เกิด
ความเข้าใจ และความประทับใจในความสัมพันธ์กันมาก ซึ่งเป้นความจำเป็นพื้นฐานของคนที่จะเป็นคู่ชีวิต ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
2. ภาษาสายตา เป็นภาษาที่ลึกซึ้งและเที่ยงตรงที่สุดเพราะหลอกกันไม่ได้ วิธีการส่งภาษาใจออก มาเป็นภาษาตานั้น
เพียงแผ่ความรู้สึกลึกๆในใจออกมา ความรู้สึกนั้นก็จะฉายออกมาทางแววตา แววตาของมนุษย์สามารถบอกสิ่งต่างๆมากมาย
จนกล่าวว่า ดวงตา คือหน้าต่างของหัวใจ
3. ภาษายิ้ม ยิ้มเป็นสิ่งที่บ่งบอกและแสดงความเป็นไปของผู้ยิ้ม การกำหนดยิ้ม เกิดจากสภาวะทั้งภายใน ภายนอก และจากอุปนิสัย
โดยแบ่งเป็น 3 แบบของยิ้ม คือ ยิ้มแบบมีความสุข ยิ้มแบบเหนื่อยๆ และยิ้มแบบขอไปที การยิ้มมีทั้งประโยชน์และโทษ
ดังนั้นเราจึงควรฝึกยิ้มให้มีเสน่ห์ และมีความสุข ดังนี้
1) ยิ้มจากใจ
2) ยิ้มหมด
3) ยิ้มเปล่งประกาย
4) ยิ้มให้พอดี
5) ยิ้มให้ปรากฎ
6) ยิ้มให้ถูกกาละเทศะ
7) ยิ้มให้ถูกวัตถุประสงค์
8 )ยิ้มอย่างทรงพลัง
9 )ยิ้มทั้งตา
4. ภาษาวาจา คำพูดทุกคำที่เปล่งออกมาจะมีพลังอยู่ในตัวและซึมซาบเข้าสู่ผู้ฟัง สามารถใช้สร้างสรรค์หรือทำลายก็ได้
พลังแห่งคำพูดมี 2 องค์ประกอบ คือ พลังแห่งเสียง และพลังแห่งความหมาย ดังนั้นจึงต้องกลั่นกรองวาจาก่อนเจรจาใดๆ
ทุกครั้งที่พูดให้ใคร่ครวญในสิ่งที่พูดว่าเป็นจริงหรือเปล่า เพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ความเข้าใจที่ถูกต้องจะต้องอยู่บนพื้นฐาน
ของความจริงเท่านั้น การพูดเท็จจึงเป็นการสร้างความเข้าใจผิด และเป็นการทำลายระบบสัจจะ ก่อให้เกิดปัญหาตามมา
ทั้งนี้อย่าคิดว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจความหมายได้เองภาษาวาจามีอานุภาพมาก มีทั้งประโยชน์และโทษถ้าไม่ระมัดระวังคำพูด
ดังนั้นทุกครั้งที่พูด ควรกลั่นกรองคำพูดเพื่อจรรโลงใจยังความรักให้งอกงามสถาพร
5. ภาษาท่าทาง ท่าทางอันจรรโลงรักให้ภาคภูมิ งดงาม และยังความมั่นใจในสัมพันธภาพ คือ
1) บุคลิกอันงามสง่า
2) กิริยาที่สำรวม
3) อิริยาบถอันสมดุล
4) ท่วงท่าอันมั่นคง
5) ท่าทีจริงจังที่ปล่อยวาง
จึงจะได้ความมั่นคงอันอบอุ่น และความสบายใจอันเป็นรากฐานแห่งความสุข
6. ภาษาสัมผัส เป็นอีกระบบภาษาหนึ่งที่คู่รักชอบใช้กัน เช่นการโอบกอด ภาษาสัมผัสเป็นการถ่ายทอด หรือแลกเปลี่ยนพลังระหว่างบุคคล
การสัมผัสควรพิถีพิถันบรรจง อ่อนโยน ทะนุถนอม นุ่มนวลและหนักแน่นเป็นการเกื้อกูลกันให้เกิดพลังมาก สมานสัมพันธ์ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น
7. ภาษาพฤติกรรม รักแท้ที่จริงมิใช่คำพูด แต่ต้องฉายออกมาจริงทุกระดับทั้งใจ แววตา ยิ้ม วาจา ท่าทาง สัมผัส และพฤติกรรม
ดังนั้นภาษาพฤติกรรมจึงเป็นภาษารักแห่งยั่งยืน
8. ภาษาสัมพันธ์ คือการจัดสมดุลให้แก่ชีวิตคู่ ให้สัมพันธภาพคงอยู่เสมออย่างบริสุทธิ์ใจ
มั่นคง ลงตัว เข้ากันได้อย่างดี ให้คู่รักทั้งสองร่วมกันพัฒนายิ่งๆขึ้นจนกว่าสัมพันธภาพนั้นนิรันดร
9. ภาษาแห่งความสงบ ในบรรดาภาษาทั้งหลาย ภาษาแห่งความสงบเป็นภาษาที่ทรงอานุภาพสูงสุด
เมื่อใดที่เข้าถึงความสงบได้ ความสุขจึงปรากฎ ความเข้าใจเที่ยงตรงตามจริงจึงแจ่มชัด ความตั้งใจเชิงสร้างสรรค์จึงพรั่งพรู
จรรยามารยาทอันงดงามจึงส่องแสง ความอ่อนโยนจึงยังความอบอุ่นให้บังเกิดสัมผัสจึงทราบซึ้ง สัมพันธภาพจึงมั่นคง
ดังนั้นภาษาแห่งความสงบจึงเป็นที่สุดแห่งภาษารักทั้งมวล
ดังนี้เองการสื่อภาษารักใดๆนั้นจะทรงพลังมีค่าความเที่ยงตรง ความละเอียดอ่อน และความลึกซึ้ง
ขึ้นอยู่กับพลังชีวิตและระดับจิตใจของแต่ละคนต่อไปนี้ขอทุกท่านที่พึงประสงค์มีรักแท้ที่ยิ่งใหญ่
จงหมั่นฝึกฝนตนเองให้เป็นคนที่สื่อภาษาอย่างประเสริฐล้ำค่าและทรงพลัง
ก็จะนำมาซึ่งความถูกต้องตรงตามเจตนาบนฐานของความจริงใจ สามารถสานสัมพันธ์กันได้ดียิ่งขึ้น
และรักกันตราบนานเท่านาน ยั่งยืนสถาพร
1 เมษายน 2547 21:06 น.
พ. เพี้ยน
นิราศรถไฟฟ้า
๛๛ สถานีเริ่มต้น อ่อนนุช ๛๛
นัดนวลน้องที่สถานีอ่อนนุช
อันเป็นจุดพบเจอเธอและฉัน
เจ้าชิดในพี่ชิดใกล้ใจชิดกัน
รถไฟฟ้าแห่งฝันแล่นผ่านใจ
๛๛ สถานีต่อไป พระโขนง : Next station Phra Khanong. ๛๛
สถานีพระโขนงเจ้าส่งเสียง
เป็นสำเนียงเรียงร้อยถ้อยความหมาย
ถึงตำนานรักแม่นาคที่จากชาย
พี่สัญญาว่ามิหายห่างจากเธอ
๛๛ สถานีต่อไป เอกมัย : Next station Ekkamai. ๛๛
เอกมัยสถานีนี้ให้น้อง
เอกครรลองครองเฝ้าเจ้าเสมอ
เอกลักษณ์เอกบุรุษสุดใจเธอ
พี่มิเผลอเพ้อผ่านใจให้ใครเลย
๛๛ สถานีต่อไป ทองหล่อ : Next station Tong Lo. ๛๛
แม้นมีชายอื่นหมายมองที่ทองหล่อ
พี่มิท้อขอสู้มิอยู่เฉย
ทองจะหล่อหลอมใจให้ทรามเชย
โอ้อกเอ๋ยฤทัยพี่มีแต่นาง
๛๛ สถานีต่อไป พร้อมพงศ์ : Next station Phrom Phong. ๛๛
ถึงพร้อมพงศ์พี่พร้อมรักภักดีเจ้า
พร้อมสองเราพิราลัยไม่อาจขวาง
พรั่งพร้อมพรูพุฒินี้แก่นาง
มิมีร้างเจ้าศุภางค์นางดวงใจ
๛๛ สถานีต่อไป อโศก : Next station Asok. ๛๛
สถานีอโศกอโรคาพาธ
พจนารถสัจแท้แลความหมาย
ไร้ทุกข์โศกโรคภัยพามากล้ำกราย
เรื่องเลวร้ายมิไหลผ่านพานสองเรา
๛๛ สถานีต่อไป นานา เพลินจิต ชิดลม : Next station Nana,Phloen
Chit,Chit Lom. ๛๛
นานานับนรกานต์มากลายกล้ำ
เจ้าถลำแปลเปลี่ยนใจให้กับเขา
มัวเพลินจิตชิดลมบนจนมัวเมา
พี่นั่งเศร้าเปล่าเปลี่ยวใจในรถราง
๛๛ สถานีต่อไป สยาม : Next station Siam. ๛๛
๛๛ ท่านผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางไปยังสะพานพระตากสิน
กรุณาเปลี่ยนขบวนได้จากสถานีนี้ ๛๛
ถึงสถานีสยามยามเปลี่ยนรถ
เจ้าทรยศลงเปลี่ยนคันมิทันขวาง
ไปกับหนุ่มเซ็นเตอร์พ้อยคอยข้างทาง
เจ้าเดินห่างหายไปในผู้คน
๛๛ สถานีต่อไป ราชเทวี : Next station Ratchathewi. ๛๛
ตาละห้อยคล้อยระโหยโรยราอาตม์
เมื่อถึงราชเทวีศรีพหล
ฤาเทวะเทวดามาชี้ดล
ให้ทุกข์ล้นทุรนรายวายชีวี
๛๛ สถานีต่อไป พญาไท : Next station Phaya Thai. ๛๛
รถแล่นผ่านพญาไทใจยิ่งเปลี่ยว
พญาเหยี่ยวพญายมข่มฤานี่
เจ้าไม่หวนทวนมาแล้วแก้วฤดี
แล้วชีวีของพี่ผู้อยู่อย่างไร
๛๛ สถานีต่อไป อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ : Next station Victory
Monument.
๛๛
มองหน้าต่างข้างข้างทางพรางยิ่งเศร้า
เมื่อเห็นเสาตั้งตระหง่านสานความหมาย
อนุสรณ์อนุสาวรีย์ชัย
สมรภูมิตั้งไว้ให้จดจำ
๛๛ สถานีต่อไป สนามเป้า : Next station Sanam Pao. ๛๛
รถไหลเรื่อยเอื่อยเหมือนน้ำสนามเป้า
เจ้านั้นเอาดวงใจพี่ที่ถลำ
ไปยิงทิ้งเห็นทนโท่โถเวรกรรม
พี่มันต่ำต้อยฤาไรเจ้าไม่แล
๛๛ สถานีต่อไป อารีย์ : Next station Ari. ๛๛
ถึงอารีย์สถานีแห่งความเท็จ
เจ้านั้นเด็ดดวงใจไปหว่านแห
นี่ฤาเมตตาอารีย์ที่เจ้าแล
โอ้หนอแม่ดอกกะหล่ำทำกันลง
๛๛ สถานีต่อไป สะพานkhwai : Next station Saphan Khwai. ๛๛
มองสะพานkhwaiข้ามยามรถผ่าน
เจ้าดวงมาลย์หลอกพี่นี้ลุ่มหลง
พี่เหมือนkhwaiโง่เง่าเจ้าบุษบง
หลอกกันลงหลอกกันได้เหมือนkhwaiลา
๛๛ สถานีต่อไป หมอชิต : The terminal station Mo Chit. ๛๛
ถึงสถานีสุดท้ายเบื่อหน่ายจิต
คือสถานีหมอชิตมิผิดหนา
ลงจากรถไฟเมียงมองหาหมอยา
ช่วยรักษาเอายาใจใกล้ชิดที
เป็นนิราศที่เรียงร้อยถ้อยคำหลอก
ที่เจ้าบอกจนช้ำชอกนอกใจหนี
ขอให้เจ้าสุขเถิดหนาลาคนดี
ณ สถานีใจพี่ไม่มีเธอ ...... หึหึ