เดียวดายท่ามโลกโศกซับซ้อน ใจอรชรอ่อนไหวฝากใจฝัน พุดซ้อนอ้อนคำรำพัน สร้างสวรรค์ตรงนี้ที่กลางใจ หลับตาลืมว้าเหว่ เดือนเห่ดาวกล่อมหอมดอกไม้ไหว นานเนาวันปีผ่านไป หฤทัยเราสองยังครองภักดิ์ ท้าทายพายุใจไหวหวั่น ผูกพันรัดร้อยสร้อยศักดิ์ เลอค่ากว่าคำว่ารัก นานนักนิรันดร์ขวัญปอง แดนสรวงรวงดาวรอรับ สดับคำอธิษฐานเราสอง ทางทองทอดรอเรืองรอง ละออละอองเพชรพร่างสว่างวับชั่วกัปป์กัลป์...! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song316.html ยามรัก ยาม เช้า พี่ ก็ เฝ้า คิดถึง น้อง ยาม สาย พี่หมาย จ้อง เที่ยว มอง หา ยาม บ่าย พี่วุ่นวาย ถึง กาน ดา ยาม เย็น ไม่เห็น หน้า ผวา ทรวง ค่ำ นี้ พี่จะมี ใคร เคียง ข้าง หนาว น้ำค้าง เหน็บ จิต ให้ คิด ห่วง พี่ก็หนาว น้องก็หนาว นอน ร้าว ทรวง โอ้ พุ่ม พวง อย่าให้รอ ถึงเช้า เลย ค่ำ นี้ พี่จะมี ใคร เคียง ข้าง หนาว น้ำค้าง เหน็บ จิต ให้ คิด ห่วง พี่ก็หนาว น้องก็หนาว นอน ร้าว ทรวง โอ้ พุ่ม พวง อย่าให้รอ ถึงเช้า เลย
รักบางชายใช่ศรัทธาภักดิ์รักยิ่งใหญ่ แค่หวามไหวหว่านน้ำผึ้งเสน่หา หวังเชยชิดมวลสุมาลีนานา มายาน้ำค้างคำชั่วค่ำคืน ใช่ดอกรักแท้ในดวงจิต ที่สถิตเนานิรันดร์ชุบชีพชื่น แค่ดอกรักเร่หว่านสายพรายพร่างพื้น ดาษดื่นสมหมายก็กลายพลัน หวังน้องนวลดวงดอกไม้รักศรีศักดิ์ อย่าทึกทักหลงใหลฝากใจฝัน ธรรมชาติภุมรินทร์เฉกเช่นนั้น เป็นนิรันดร์นานเนาธรรมดา ผู้ชายคนดีพิเศษพิสุทธิ์ รู้หยุดรู้จบสยบปรารถนา เพราะคิดดีคิดได้ให้เมตตา รู้คุณค่าคำเพศแม่แท้เนื้อทอง ฝากกระซิบบอกน้องครองใจใส อย่าหวั่นไหวเชื่อคำแค่เราสอง หลงมั่นภักดิ์สลักจิตคิดหมายปอง ขอจงครองใจงามท่ามโลกธรรม..! ขอจงตรองใจชายหมายรู้ทัน.....! .............................................. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song290.html รักเอย รัก เอย จริงหรือที่ว่าหวาน หรือทรมานใจคน ความ รักร้อยเล่ห์ กล รักเอยลวงล่อใจคน หลอกจนตายใจ รัก นี่ มีสุขทุกข์เคล้าไป ใครหยั่งถึงเจ้าได้ คงไม่ช้ำ ฤดี รัก เอย รักที่ปรารถนา รักมาประดับชีวี หวั่น ในฤทัยเหลือที่ เกรงรักลวงฤดี รักแล้ว ขยี้ใจ หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ หื่อหื่อฮือฮือ ฮือฮื้อหื่อฮือฮื้อ ขืน ห้าม ความรักคงไม่ได้ กลัว หมอง ไหม้ ใจ สิ้นสุขเอย หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ หื่อหื่อฮือฮือ ฮือฮื้อหื่อฮือฮื้อ ขืน ห้าม ความรักคงไม่ได้ กลัว หมอง ไหม้ ใจ สิ้นสุขเอย หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ...
ติดปีกใจลอยเหนือพสุธาที่ข้ารัก แสนทุกข์หนักเห็นแผ่นดินสิ้นสลาย เห็นเลือดแดงท่วมธรณีแห่งความตาย เห็นสายใจเจ้าพระยาเป็นสีดำ เห็นความแค้นทั่วแดนสังเวยโศก เห็นวิปโยคสายน้ำตาระรินร่ำ เห็นร่มรัตนตรัยแสงแห่งธรรม ถูกเหยียบย่ำด้วยทรชนคนนอกแผ่นดิน เห็นพลัดพรากหนาวเหน็บจนเจ็บลึก ในรู้สึกเห็นแม่พ่อรอมิสิ้น ลูกล้มหายตายจากไปน้ำตาริน เห็นผืนดินลุกเป็นไฟไม่ช้านาน เพราะมิจฉาทิฏฐิพาหลงทางช่างเศร้านัก สิ้นไร้รักสามัคคีที่พ่อสาน ไม่จดจำบทเรียนแต่ก่อนกาล ประหัตประหารเพื่อบารมีบาปช่างหยาบช้า ฤาว่าพสุธาทองต้องหมองไหม้ ต้องชดใช้เซ่นกลียุคทุกข์ธุลีหล้า ต้องสังเวยด้วยหยาดเลือดแลน้ำตา เจ้าจึ่งซึ้งค่าคำว่าไท แผ่นดินรักรัตนโกสินทร์สุขสงบ พาเราพบร่มรัตน์ฉัตรยิ่งใหญ่ ใต้ร่มเงาพระบรมโพธิสมภารเหนือดวงใจ วิบากใดพาใจเจ้าแสนมืดมน วิญญาณบรรพชนแห่งกรุงศรี หลั่งเลือดพลีเพื่อลูกหลานทุกแห่งหน รักษาชาติไว้ให้เราสิ้นทุกข์ทน อยู่อย่างคนมีศักดิ์ศรีมีเสรี แล้ววันนี้เจ้าโง่เง่ารบกันเอง มาบรรเลงเพลงวาทะน่าบัดสี จิตหยาบช้าสิ้นไร้มิตรไมตรี เมตตาลี้อภัยหายหมายฆ่าฟัน นี่หรือคือจิตคิดเพื่อชาติ วิปลาสทำลายหมายห้ำหั่น นั่นก็พี่นี่ก็น้องเลือดเดียวกัน นรกเท่านั้นรอพวกเจ้าหนาวโกฐิกัลป์ ลดราวาศอกบอกกับใจ รักษาไทยเทิดไว้สิ่งยึดมั่น ก่อนสิ้นชาติสิ้นแผ่นดินไปนิรันดร์ ดั่งดวงตะวันสิ้นสูญจากฟ้าไทยไปตราบกาล...! ดั่งดวงจันทร์สิ้นสลายจากสายใจไปตราบกาล..! .............................................................. สไบนวลสไบนาง! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html (คำมั่นสัญญา) แสนรักสไบนวลสไบนาง! ................................... ตะวันดวงรอนรอน ทอแสงทองทอดสวย...ส้มอมชมพูประปราย คล้ายสาดสีด้วยฝีมือจิตรกรเอกของโลกชื่อธรรมชาติ กระจายฉายฉานรัศมีสีรุ้ง เหนือเจดีย์วัดไชยวัฒนาราม ในยามตะวันชิงพลบ ที่งามสงบเก่าคร่ำงามล้ำค่ามลังเมลือง งามราวเมืองสวรรค์ลอยมาเยือนหล้า ราวปวงเทพยดาเนรมิตร เป็นทิพยวิมานสถานสถิต ผ่าน.. เงางามแห่งอดีตอันวิจิตรศิลป์ หากทว่าฝากเรื่องราวแสนเศร้ารานร้าวใจ ถึงมาตรแม้นจะเป็นวัดไร้ร้าง สิ่งก่อสร้างที่เหลืออยู่มีก็เพียง พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ และ.. เจดีย์รายตามพระระเบียงคดรอบ พระปรางค์ ให้ดวงใจ..*สไบนวล* เหว่ว้าดายเดียว ราวไร้เสียงสังคีตดีดสีตีเป่าเหงาเงียบ ช่างสะเทือนสะท้านสะท้อนใจ วะแว่วแผ่วเพียงเสียงขับเสภางาม สุดกำสรวลเศร้ามาจากเวียงวังในครั้งบุราณกาล ........................... รอนรอนสุริยคล้อย สายัณห์ เรื่อยเรื่อยเรื่อแสงจันทร์ ส่องฟ้า รอนรอนจิตกระสัน เสียวสวาท แม่เอย เรื่อยเรี่อยเรียมคอยถ้า ที่นั้นห่อนเห็น ฯ เรื่อยเรื่อยมารอนรอน สุริยาจรเข้าสายัณห์ เรื่อรองส่องสีจันทร์ ส่งแสงกล้าน่าพิศวง ลิ่วลิ่วจันทร์แจ่มฟ้า เหมือนพักตราหน้านวลผจง สูงสวยรวยรูปทรง ส่งสีเจ้าเท่าสีจันทร์ เอวอ่อนชอ้อนองค์ โฉมอนงค์ทรงสาวสวรรค์ หาไหนไม่เทียมทัน ขวัญเนตรพี่นี้น่ารัก ขาวสุดพุดจีบจีน เจ้ามีสีนพี่มีศักดิ์ ทั้งวังเขาชังนัก แต่พี่รักเจ้าคนเดียว นอนนั่งตั้งอาลัย สายสุดใจไม่แลเหลียว หวังชมสมกลมเกลียว ควรฤาน้องข้องใจเคือง ขาวสุดพุดซ้อนแซม เนื้อแอร่มอร่ามเหลือง โฉมอ่ากว่าทั้งเมือง หนแห่งใดไม่เหมือนเลย ได้น้องทองนพมาศ มาสังวาสพาดชมเชย ร่วมเรือนเพื่อนพิงเขนย เคยวิงวอนอ่อนหวานคำ ฝนตกยกปีกป้อง ฟ้าร้องต้องเอาตนงำ ชิดเชื้อเนื้อนวลขำ อ่อนลมุนอุ่นอกเรียม รักนุชสุดสายใจ ต้องฤทัยไม่เท่าเทียม ขอต้องน้องอายเหนียม เกรียมจิตเจ้าเฝ้าทุกข์ทน ฝนตกฝนหากตก แก้วกับอกอย่าโกรธฝน ลมพัดรับขวัญบน แก้วโกมลมานอนเนา ฝนตกไม่ทั่วฟ้า เยนแหล่งหล้าในภูเขา ไม่เยนในอกเรา เพราะเพื่อนเคล้าเจ้าอยู่ไกล เรียมร่ำน้ำตาตก อกร้อนรุ่มดังสุมไฟ แสนคนึงถึงสายใจ เจ้าไกลสวาทนิราศเรียม ฯ เสียงสรวลระรี่นี้ เสียงใด เสียงนุชพี่ฤาใคร ใคร่รู้ เสียงสรวลเสียงทรามวัย นุชพี่ มาแม่ เสียงบังอรสมรผู้ อื่นนั้นฤามี ฯ เสียงสรวลระรี่นี้ เสียงแก้วพี่ฤาเสียงใคร เสียงสรวลเสียงทรามวัย สุดสายใจพี่ตามมา ลมชวยรวยกลิ่นน้อง หอมเรื่อยต้องคลองนาสา เคลือบเคล้นเหนคล้ายมา เหลียวหาเจ้าเปล่าวังเวง ยามสองฆ้องยามย่ำ ทุกคืนค่ำย่ำอกเอง เสียงปี่มีครวญเครง เหมือนเรียมคร่ำร่ำครวญนาน ล่วงสามยามปลายแล้ว จนไก่แก้วแว่วขับขาน ม่อยหลับกลับบันดาล ฝันเห็นน้องต้องติดตา เพรางายวายเสพย์รส แสนกำสรดอดโอชา อิ่มทุกข์อิ่มชลนา อิ่มโศกาหน้านองชล เวรามาทันแล้ว จึ่งจำแคล้วแก้วโกมล ให้แค้นแสนสุดทน ทุกข์ถึงเจ้าเศร้าเสียดาย งามทรงวงดังวาด งามมารยาทนาดกรกราย งามพริ้มยิ้มแย้มพราย งามคำหวานลานใจถวิล แต่เช้าเท่าถึงเยน กล้ำกลืนเขญเปนอาจิณ ชายใดในแผ่นดิน ไม่เหมือนพี่ที่ตรอมใจ ฯ เรียมทนทุกข์แต่เช้า ถึงเยน มาสู่สมคืนเขญ หม่นไหม้ ชายใดจากสมรเปน ทุกข์เท่า เรียมเลย จากคู่วันเดียวได้ ทุกข์ปิ้มปานปี ฯ ..................................... และพลันพาทำให้สไบนวล หวนรำลึกนึกคะนึงถึง บทกวีเอกของเจ้าฟ้ากุ้ง**นิราศธารทองแดง* ที่ชมไม้ดอกและธรรมชาติอันแสนงดงาม .................... ชาตบุษ์ปพุทธชาตซาบ กุหลาบกนาบทั้งสองทาง เบงระมาดยี่สุ่นกาง กลีบบานเพราเหล่าดาวเรือง ฯ ชาตบุษ์ปพุทธชาตขึ้น เคียงกลาง กุหลาบกนาบสองทาง กลิ่นฟุ้ง เบงระมาดยี่สุ่นกาง ตรงกลีบ สาวสาวฉวยชิงหยุ้ง เก็บร้อยรอยกรอง ฯ ๖๒ เพกาสาเกกุ่ม ไม้ตาตุ่มทุมราชา สุกรมมะยมพวา ไม้หมากข้าขานางเปล้า ฯ เพกาฟักย้อมกุ่ม ผลหนา ตาตุ่มทุมราชา เนื่องหน้า สุกรมมะยมพวา ชมพู่ สาเกไม้หมากข้า อิกเปล้าขานาง ฯ ๖๓ กะจายสยายซร้องนาง ผ้าสไบบางนางสีดา ห่อห้อยย้อยลงมา แต่ค่าไม้ใหญ่สูงงาม ฯ กะจายสยายคลี่ซร้อง นงพะงา สไบบางนางสีดา ห่อห้อย ยื่นเลื้อยเฟื้อยลงมา โบยโบก แต่ค่าไม้ใหญ่น้อย แกว่งเยื้องไปมา ฯ ๖๔ กระเช้าเจ้าบรรจง ปากแฉกตรงทรงหาบหาม แล่งปืนของพระราม รูปงามดีมีสืบมา ฯ กะเช้านางแต่งเจ้า ผจงงาม ปากแฉกทรงหาบหาม ห่วงห้อย แล่งปืนของพระราม ยังอยู่ รูปร่างงามน้อยน้อย งอนขึ้นสืบมา ฯ ๖๕ เล็บนางงามแสล้ม ต้นนางแย้มแกมดองดึง สุพรรณิกากากระทึง ดอกราชพฤกษ์ซึกไทรไตร ฯ เล็บนางนวยแน่งน้อย พอพึง นางแย้มแกมดองดึง อีกอ้อย สุพรรณิกากากระทึง บานแบ่ง ราชพฤกษ์ซึกดวงย้อย พู่เพี้ยงไทรไตร ฯ ๖๖ ชงโคตะโกตะขบหว้า ต้นตุมกากาฝากลง ชอบกลต้นมหาหงส์ มะเดื่อดูกลูกนมแมว ฯ ชงโคตะโกขบหว้า ดาดดง ตุมกากาฝากลง ติดไม้ นมแมวมหาหงส์ เห็นอยู่ มะเดื่อดูกลูกงอกได้ แส่ทึ้งสอยกิน ฯ ............................. สไบนวล..สนใจเมืองเก่านี้ และหลายครา ที่เธอจะเห็นในภาพฝัน คืนที่พระจันทร์ผ่องเพ็ญเต็มดวง ในฝัน.... เธอจะห่มสไบแพรสไบขวัญสีโศกสีเศร้า และทัดดวงดอกลั่นทมสีขาว พราวริมแก้มแซมผมหอม..ให้หอม ในฝัน.. จะมีบุรุษหนึ่งร่างล่ำสันผิวสีทองแดง ราวบุรุษอาชาไนยจะคอยเคียงใกล้ และน่าแปลกนัก ที่เธอและเขากำลังค่อยๆ ช่วยกันประคอง*โคมลอย* แล้ว.. ค่อยๆปล่อยขึ้นไปเหนือฟ้าทิศบูรพา ราวจะช่วยกันพลีบูชา พระอิศวร พระนารายณ์ พระอินทร์ พระบรมสาริริกธาตุเกศแก้วจุฬามณีในดาวดึงส์พิภพ ที่บรรจุมวยผม. *.เจ้าชายสิทธัตถะ*ที่เชือดด้วยพระขรรค์ ก่อนการดำรงเพศนักบวช จนได้บรรลุเป็น พระบรมศาสดาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และ บูชาพระพุทธบาทซึ่งปรากฏอยู่ ณ หาดทรายที่เรียกว่านะมะทานที เป็นที่ฝูงนาคทั้งปวงสักการบูชาอยู่.. และ ในทุกราตรีมิเว้นว่าง ตั้งแต่เธอย่างเข้าเป็นกุลสตรีสาวสะพรั่ง เธอจะฝันบ่อยขึ้นบ่อยเข้า เกี่ยวกับเมืองเก่าของเราแต่ก่อน จิตใจอาวรณ์อย่างยากที่จะเล่าให้ใครฟัง อย่างที่อยากจะรู้จักสัมผัสให้ล้ำลึก เธอ..จึงรู้สึกยิ่งรักผูกพัน ราวกับว่าชาติปางก่อนมาบันดาลบุญหนุนนำ และ ด้วยดวงจิตวิญญาณอันแสนละเอียดอ่อน ยิ่งทำให้เธอหวนไห้อาวรณ์ อยู่กับสิ่งที่เธอยังมองไม่เห็น ที่มิอาจจะบอกใครได้ สไบนวล จึงทำได้เพียงราวรอเวลา ให้ดวงตาสวรรค์ฟ้าดินเมตตา เปิดม่านบังตาให้เธอได้รับรู้ สิ่งที่แสนลึ้ลับพิสูจน์ไม่ได้ ราวปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์รอ สไบนวล..คนดี จึงต้องวนเวียนกลับมา สัมผัสเหว่ว้าดายเดียวแทบทุกอณูนะที่นี่.. ที่อยุธยา *ราชธานีเก่า อู่ข้าวอู่น้ำ เลิศล้ำคนดีศรีอยุธยา* เมืองที่มี แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสักแม่น้ำลพบุรี แม่น้ำน้อย ไหลผ่านใ ห้จิตวิญญาณผู้คน พันผูกกับสายน้ำอย่างมิรู้สิ้นรู้จบ พบสงบงามเจดีย์เก่าระดะยอด.. พระปรางค์โบราณที่วัดมหาธาตุ ที่มีผอบศิลา ภายในมีสถูป 7 ชั้น มี ชิน เงิน นาก ไม้ดำ ไม้จันทร์แดง แก้วโกเมนและทองคำ และชั้นในบรรจุ พระบรมสารีริกธาตุและเครื่องประดับอันมีค่า ไหน..จะยังมีโบราณสถานสถิตใจวังหลัง เป็นอุทยาน สวนหลวง ปรากฏสิ่งสำคัญหลงเหลือ คือ.. *เจดีย์พระศรีสุริโยทัย * อนุสรณ์สถานของวีรสตรีไทยพระองค์แรก เกียรติแห่งวีรสตรีไทย ที่คนไทยมิมีวันลืมยังจำตราตรึง ถึงความเสียสละอันแสนงดงามยิ่งใหญ่ อย่างยากหาผู้ใดมาเสมอเหมือน และ ณ..ที่แห่งนี้ทำให้สไบนวล ได้รู้จักราชธานีเก่า มากขึ้นว่า นามว่า กรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยา มหาดิลกภพนพรัตนราชธานีบุรีรมย์* ที่มีคำขวัญว่า ราชธานีเก่าอู่ข้าวอู่น้ำ เลิศล้ำกานท์กวีคนดีศรีอยุธยา* ที่มีเมืองอยู่ในที่ราบเป็นดั่งอู่ข้าวอู่น้ำ เลิศล้ำกานท์กวีคนดีศรีอยุธยา ก็เพราะ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา มียุคทองของ วรรณคดี คือ ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และ.. สมัยพระเจ้าอยู่หัว บรมโกศ กอรปด้วยกวีเอกที่มีความสามารถล้ำเลิศ เช่นสมเด็จพระนารายณ์ พระมหาราชครูศรีปราชญ์ เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) พระโหราธิบดี เป็นต้น วรรณคดีที่สำคัญ เช่น สมุทรโฆษคำฉันท์ โครงกำศรวลศรีปราชญ์ กาพย์ห่อโคลง ประพาสธารทองแดง จินดามณี มหาชาติคำหลวง เป็นต้น คนดีศรีอยุธยา หมายถึง จังหวัดพระนครศรีอยุธยากอรปด้วยคนดี มีความสามารถทุกยุคทุกสมัยตลอดมา แม้เมื่อกรุงศรีอยุธยาต้อง เสียกรุง ให้แก่พม่าถึง 2 ครั้ง แต่ก็ยังสามารถกอบกู้เอกราชกลับคืนมาได้ ก็ด้วย.. เหตุเพราะมีคนดีที่มีความสามารถนั่นเอง ... แล้ว ไหนจะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย วัดวาอารามอันงามคร่ำ วัดพุทไธศวรรย์ วัดไชยวัฒนาราม วัดกษัตราธิราช และเจดีย์พระศรีสุริโยทัยอันสง่างามอีกด้วย และที่วัดพนัญเชิงวรวิหาร พระประธานในพระวิหาร ชื่อพระเจ้าพนัญเชิง (หลวงพ่อโต) สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1867 นับเป็น พระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ฝีมือปั้นงดงาม เป็นที่เคารพสักการะของชาวจังหวัด และตามตำนานกล่าวว่า เมื่อคราวพระนครศรี อยุธยาจะเสียแก่ข้าศึกนั้น พระพุทธรูปองค์นี้ มีน้ำพระเนตรไหลออกมาทั้งสองข้าง ราวกับว่าจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่นะภายใน นอกจากนั้น ยังมากมีมากมายโบราณสถานที่น่าสนใจ และ ด้วยเหตุ เพราะมีใครบางคน..ในฝัน ที่แสนย์รักเอยแสนรักในกมล ราวหมุนวน อดีตลาลอย เลือนเลยลับให้รอเวลาหวนคืนกลับมา.. ให้ผู้หญิงเรียวหน้าละมุนงามเศร้า รอคอยราวกับมีบางสิ่งคอยร่ำร้องเพรียกหา มายาวนาน ในทุกทิวาหวามราตรีขวัญ ทุกคืนจันทร์เพ็ญเด่นดวง ด้วยแรงจิตอธิษฐานบนบานกล่าว และ ดั่งคำมั่นสัญญา http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html คำมั่นสัญญา ถึง ม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร ไม่ สิ้นสุด ความรัก สมัครสมาน แม้ อยู่ใน ใต้หล้า สุธาธาร ขอ พบพาน พิศวาส ไม่คลาดครา แม้น เนื้อเย็น เป็นห้วง มหรรณพ พี่ ขอพบ ศรีสวัสดิ์ เป็นมัจฉา แม้ เป็นบัว ตัวพี่ เป็นภุมรา เชย ผกา โกสุม ปทุมทอง แม้ เป็นถ้ำ อำไพ ใคร่เป็นหงษ์ จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง ขอ ติดตาม ทรามสงวน นวลละออง เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป แม้ เป็นถ้ำ อำไพ ใคร่เป็นหงษ์ จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง ขอ ติดตาม ทรามสงวน นวลละออง เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป... ........................ สไบนวล..ค่อยๆพาตัวเอง มาทรุดตัวลงนั่งใต้กิ่งลั่นทมหวานสะพรั่ง ดวงดอกดก...สถานที่ดั่งคำมั่นสัญญา ไห้โหยหาอดีตรักอันงามงด ราวปรากฎในกระแสจิตวิญญาณผ่านภพ เธอหลับตาช้าๆ... วงหน้านวลละออ ริมเรียวแก้มขวัญนั้น มีดวงดอกลั่นทมแซมริมไรผมหอมเศร้า แล้วไยเล่า..ในความว่างนั้น พลันราวมีภาพพร้อมพลังเสียง.. จากฟากฟ้าแสนไกลค่อยๆลอยล่องเข้ามา ราวกับว่าทุกเรื่องราว กำลังเกิดตรงหน้าเธอนะบัดนี้.. ที่.. ราวภาพในนิมิตฝัน ผู้ชายคนเดิมคนดีผิวสีทองแดง.. กำลังเอนอิงในอ้อมตัก ในห้องหับเรือนไทย ที่ได้กลิ่นเกสรดอกไม้หอมเศร้า เคล้าอวลมากับสายลมบางเบา.. เขาช้อนสายตาแห่งรัก ราวพิมพ์พักตร์ผุดผ่องนวลเนื้อทอง ที่ค่อยๆประคองหน้า ลูบไล้อย่างแผ่วเบาอ่อนหวาน น้ำตานัยน์เรียวตาเศร้าราน ค่อยๆระรินหยดบนอกอุ่นแข็งแรง เขาใช้มือสาก ไล้โลมเรียวแก้มหอมน้อมโน้มหน้านวล ประคองจูบประทับรับขวัญซับหยาดน้ำตา เสียงเขาราวลอยมาจากฟ้าแสนไกล ปลอบประโลมใจหนักแน่น นุ่มนวลอ่อนหวานอ่อนโยน.. *คนดีอย่าร้องไห้.. ข้าจำพรากไปพลีหยาดเลือดรัก ทำหน้าที่ยิ่งใหญ่เพื่อผืนดิน ให้เลือดละหลั่งรินจนหยาดสุดท้าย ฝากไว้ทาแผ่นดิน* ให้ลูกหลานไทยและโลกรู้ว่า *กรุงศรีอยุธยาจะมิมีวันสิ้นคนดี* ข้าขอพลีคำมั่นสัญญา เอาหยาดเลือดชะโลมหล้าชะโลมดิน *ไม่รักตัวกลัวตาย* *ให้รู้ว่า ลูกผู้ชายชาติไทยหัวใจไท หัวใจนั้นดั่งเหล็กกล้า ให้ไอ้พวกข้าศึก..ได้สำนึกว่า..มันอย่าได้มาหยาม.. และ ให้มันหลั่งน้ำตารดเท้าสังเวยข้า..ที่มันบังอาจ..นัก!* *นวล..เจ้าเอย.. เจ้าผู้พิสุทธิ์ผ่องแผ้ว จงถนอมแก้วถนอมขวัญถนอมใจ รอวันที่ข้ากลับมา กลักทองที่เจ้ามอบให้ข้านั้น..* *ให้เจ้าจงรู้ว่า คือที่รวมขวัญพลี ที่รวมจิตวิญญาณข้ามิให้พรากไกล ถึงร่างเราจำไกล แต่หัวใจเราสองดวงนั้น..ได้พลีคำมั่นสัญญา ยอมร่วงลงสู่ปวงพื้นพสุธาพร้อมกันแล้ว มิใช่ดอกละหรือ.* *และจะยึดถือคำสัตย์มั่นมิปันแยก จะกี่ภพกี่ชาติ ให้พิสวาสดั่งคู่บุญญา จะตามติดเป็นพุทธมามกะ ขออธิษฐานจิต สถิตทอดคู่กันตลอดไปชั่วกัลปาวสานต์นะนวล* *เจ้า..ชวนข้าไปจุดเทียนมงคลบนบานในโบสถ์คร่ำ* เจ้ารู้ไหมยามนั้น ข้าเห็นเจ้างามตามแสงเทียนทองทอ งามใดไหนเล่าเจ้าเอย จะงามเท่าจิตไสว ที่พร่างสว่างสงบอยู่ภายในกายเจ้านะแม่สไบนวล* และ *ข้าแสนรัญจวนใจ เมื่อยามคิดว่าร่างเจ้านั้น งามเสียยิ่งกว่านางใดในปฐพีนี้* ที่ข้าจะขอพลีเสน่หามิเสื่อมคลาย *ใกล้สว่างแล้ว..ดุเหว่าแว่วเรไรร้อง ไหนเจ้าบอก จะเก็บดอกไม้หอมหอมมาให้ข้าห่อไว้ชายสไบ ให้ข้านำติดตัวไปอย่างไรเล่า* แต่ *ถึงไม่มีไม้หอม กลิ่นนวลก็ราวพยอมหอมอวลในอกในใจข้าเสมอมา* *จำเอาไว้นะนวล.. กลักทอง คือกล่องเก็บนิรันดร์รักแห่งเรานะเจ้ายอดดวงใจ* และ *ยามสุดท้ายแห่งลมหายใจข้า สไบนางของเจ้าผืนนี้ จะคู่ร่างคู่ชีวีคู่จิตวิญญาณข้าไปในทุกหน* *ข้าจะใช้มันซับหยาดเลือดและน้ำตา. ที่ข้าจะพลีจนหยาดสุดท้ายเพื่อปกบ้านป้องเมือง ที่ข้าจะไม่มีวันเสียดายเสียใจ* หาก.. ทุกหยดเลือดนั้นจะหยาดรินแม้สิ้นสาย เพื่อเกียรติภูมิแห่งผืนดิน พื้นพสุธานี้ที่ข้าแสนรักเสียยิ่งนักแล้ว* *ข้าขอสัญญานะนวล เจ้าจงอย่าได้กำสรวลหวนไห้หาข้า อย่าเหว่ว้าดายเดียว หากดวงชีวิตข้าถูกปลิดปลงลงสังเวยมาตุภูมิแม่* *ข้าผู้ไม่แพ้ จะรอเจ้า.บนฟากฟ้า รอเวลาเราสองได้ครองคู่กัน จะนานสักกี่กัป์ปกัลป์ข้าก็จะรอเจ้านะนวล* ให้เจ้า..นวลละออจงไปวัดเพียรภาวนา และอธิษฐานจิตทุกเวลา *และเจ้ารู้.. ข้าจะสถิตทอดทุกที่ ในผืนดินนี้เพื่อปกป้องคุ้มครองเจ้า และยามเหงา..เจ้าจงไปนั่งใต้ลั่นทมงาม..* ที่*เจ้ารู้ดีว่า ข้านี้ชอบเด็ดดอกหอมๆมาทัดแก้มแซมผมให้เจ้า* และนะที่แห่งนั้น.. สวรรค์จะเปิดดวงวิญญาญ์เจ้า ให้รับรู้เรื่องราวแห่งรักอมตะของสองเรา ดั่งคำอธิษฐานดั่งคำมั่นสัญญา* *จงจำไว้นะที่แห่งนั้นคือ สวรรค์ลอยคอยรอรักแห่งภักดีของสองเรา ที่จะไม่มีวันพรากจากกัน จะตามมาเตือนเจ้านั้นให้หันมอง..ลูกผู้ชายคนดี ที่มาหมายปองเจ้าราวแสนรักเอยแสนรักในกมล มิผิดคนผิดคำ.*. หญิงสาว..สะดุ้งจากภวังค์ราวฝันไป ที่ทุกเรื่องราว ราวได้สัมผัสมิติยิ่งใหญ่ที่ยากอธิบาย ราวฉากในเรื่องทวิภพ.. เธอค่อยๆหันไป แล้ว... หัวใจเธอก็แทบหยุดเต้น..! นั่นไง.. ผู้ชายคนนั้นคนในฝัน ที่เธอเห็นในนิมิตประจำ และกับนาทีที่เพิ่งผ่านไป ที่เธอเผลอตกในภวังค์ฝัน ราวกับไปพบเห็นภาพจริง ที่นะบัดนี้ เขาคนดี... ผิวสีทองแดงดูงามสุกปลั่งรับดวงตะวันสีทอง กำลังค่อยๆหันหลังไปชื่นชมภาพตะวันลา หากทว่า... เมื่อนวลเห็นหน้า ยิ่งพาให้ใจเต้นสั่นระริกราวจะเป็นลม.. พอกับดวงดอกลั่นทม ที่นะบัดนี้ กำลังปลิดปลิว...ปลิดปลิว..... ลิ่วลอยควะคว้าง..... ลงพร่างพรมห่มพื้นพสุธา และ.... หอมห้วงหัวใจ..สไบนวล ราวดวงตาสวรรค์พลันรับรู้....!! ........................ http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_60930.php สไบนาง แสนย์ เจียนหมากพลูสู่พี่ชายรออ้ายกลับ ตั้งตำรับเตรียมข้าวปลากระยาหาร มะลิน้อยลอยบนขันไว้ประทาน หลังเสร็จงานออกศึกอ้ายจักคืน ................................................................ ท้องฟ้าเหนือกรุงศรีอยุธยา.. ยามนี้ดูมืดมิด ราวกับพายุลูกใหญ่ กำลังจะพัดผ่านมาเยือน เสียงกลองศึก ดังกระหึ่ม... สัญญาณ...เตรียมออกศึกเริ่มขึ้นแล้ว อีกไม่นาน..เลือดจักหลั่งไหล นองอาบพื้นธราดล..สองเผ่าชนจักห้ำหั่น ฝ่ายหนึ่ง...เพื่อครอบครองผืนแผ่นดิน ฝ่ายหนึ่ง....ปกป้องแผ่นดินเกิดแลแผ่นดินตาย สดับเสียงพละพลแล..กลองศึก คะนองคึกตีฝ่าข้ามไพรศรี หมายห้ำหั่นดัสกรหมู่ไพรี ป้องกรุงศรี..แผ่นดิน..ถิ่นเรือนตาย กำดาบสู้ใจหวนอยู่คู่นุชนาฏ อ้ายนิราศใครจักป้องจากเหตุร้าย แต่ดนัยมีศักดิ์แห่งชาติชาย มิอาจหมายหนีทัพกลับมาแล พลันยินเสียงอัสนีฟาดกึกก้อง สะเทือนร้อง ดวงหทัย ใฝ่หาแม่ สังหรณ์เหตุอาเพศร้ายในดวงแด เกรงนวลแขถูกลอบกล้ำช้ำเรือนกาย ยามพะวงดาบหนึ่งถึงอุระ ใจเจ็บแปลบคล้ายจะแหลกสลาย สิ้นเรี่ยวแรงแห่งกำลังประคองกาย เฮือกสุดท้ายน้ำเนตรหลั่งพลั่งสู่ดิน ผะแผ่วปราณ..มานชิดเจ้าจอมใจ เพียงสไบแนบทรวงก่อนลมสิ้น ยกขึ้นดอมยังหอมหวนอวลระริน ซับน้ำตาจิตโบยบินไปซบนวล ร่ายโศลกโศกแจ้งแถลงเอื้อน ชะตาเฟือนเลือนลบภพกำสรวล สิ้นแล้วหรือวาสนากับเนื้อนวล ไม่ทันหวน..ก็เลยลับ...ไป่กลับเรือน ฤา...จุดจบของนักรบ..มิแผกกัน... http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_60693.php กลักทอง แสนย์ ยามรุ่ง..ก่อนเสียกรุงศรีอโยธยา เปิดกลักทองรอง ผ้าตาด นาฏมอบให้ กรุ่นละไมกรรณิการ์ มณฑาหอม อ้าย..ยังจำวันรับกลักจากหัตถ์พะยอม สร้อยถนอมบรรจงวางตรงกลางกร ..ให้โหยหวนครวญหา..คราอดีต แว่วจำเรียงเสียงไพเราะเสนาะกรรณ ถ้อยจำนวรรจ์ฝากความจากสมร สื่อลำนำเสน่หาก่อนอ้ายจร ให้ภาดรเก็บไว้แทนใจนาง สอดกลักน้อยกลอยใจไว้ใต้เกศ ข่มเทวษโทมนัสก่อนสะสาง ทวงหนี้เลือดเชือดพม่าแด่นวลนาง อ้ายจักใช้เลือดมันล้างปฐพี ก้มกำดาบอาบมนต์ไพรีพินาศ ยามแกว่งวาดอริราชจุ่งถอยหนี คม แกร่ง แข็งดั่ง วิเชียรมณี ใช้สับร่างไพรีให้แหลกราญ ท่ามพสุธ..อยุธยาธราภพ เลือดนักรบจักหลั่งลงอย่างกล้าหาญ จวบร่างแหลกกายดับลับวิญญาณ อยู่บำราบอริมารผลาญแผ่นดิน ..สิ้นแสงอรุโณทัย... เพลิงเผ่าไหม้ศรีเทพนคร..บั ดนั้นอโยธเยศก็สิ้นลง... กลักทองต้องพื้นพสุธา พร้อมวิญญาชาตินักรบก็จบสิ้น ชลนาหยาดสุดท้ายต้องแผ่นดิน ไฟชีวินมอดมลาย..สลายลง...... ........
กราบเธอนะคนดี มิ่งมณีแห่งดวงจิต ศรัทธาค่าชีวิต ดั่งเทพทิพย์ฟ้าประทาน กราบเธอที่ดวงใจ ให้ไออุ่นลบร้าวราน ให้รักหวานแสนหวาน ตราบชั่วกาลสัจจะใจ กราบเธอที่คงมั่น ทิวาวันผันผ่านไป รัดร้อยสร้อยสายใย มิพรากไกลให้เดียวดาย กราบเธอที่กล้าหาญ พลีดวงมาลย์สวาทหมาย ตราบโลกสิ้นมลาย จิตงามพรายสู่แดนทอง...! ....................................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html คำมั่นสัญญา ถึง ม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร ไม่ สิ้นสุด ความรัก สมัครสมาน แม้ อยู่ใน ใต้หล้า สุธาธาร ขอ พบพาน พิศวาส ไม่คลาดครา แม้น เนื้อเย็น เป็นห้วง มหรรณพ พี่ ขอพบ ศรีสวัสดิ์ เป็นมัจฉา แม้ เป็นบัว ตัวพี่ เป็นภุมรา เชย ผกา โกสุม ปทุมทอง แม้ เป็นถ้ำ อำไพ ใคร่เป็นหงษ์ จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง ขอ ติดตาม ทรามสงวน นวลละออง เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป แม้ เป็นถ้ำ อำไพ ใคร่เป็นหงษ์ จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง ขอ ติดตาม ทรามสงวน นวลละออง เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป...