4 มิถุนายน 2552 20:43 น.
พุด
เสียงสายฝนละหลั่งริน
ดาวดับสิ้นในนภาเวหาหน
สุริยางามกระจ่างกลางกมล
ดับมืดลงพร้อมกันนิรันดร...!
..................................
เด็ดพุดซ้อนที่บานสะพรั่งมาเสียบใส่
แก้วบางใสก้านสูงสวย
ในท่ามราตรีที่ลมฝนพายุกำลังตั้งเค้า
ให้หนาวทะมึน พอกับพายุใจ
ที่หวั่นไหวระบัดอยู่ ณภายใน
กับเสียงฝน
กับสายลมพัดบางเบา
กับเงียบเหงาลำพัง
กับบทเพลง*คืนรัง* ที่ช่างแสนโศกสะเทือน
เกินกล่าว....
อกร้าว ใจรอน กับเสียงออดอ้อน
ของบทเพลง
ที่คงกลั่นออกมาจากจิตใสใจดวงงาม
อ่อนโยนของเจ้านกไพรพเนจร
รอนแรม ไร้รวงรักแห่งรักภักดิ์พลี
โอ้...ราตรี...
ที่นวลกลิ่นดวงดอกไม้ไทยรายล้อมในอ้อมฝัน
ในอ้อมใจกำลังพากันเงียบงัน
นิ่งฟัง....
ความสิ้นหวัง...พร้อมกันไป
กับดวงใจเจ้าของเรือนดอกไม้หอม
ที่กำลังแลสายวสันต์ไหลพร่างพรู
สู่การรับรู้
แห่งการ....คืนรัง ...!
...............................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4375.html
โอ้ยอดรัก ฉันกลับมา
จากขอบฟ้า ที่ไกลแสนไกล
จากโคนรุ้ง ที่เนินไศล
จากใบไม้ หลากสีสัน
ฉันเหนื่อย ฉันเพลีย ฉันหวัง
ฝากชีวิต ให้เธอเก็บไว้
ฝากดวงใจ ให้นอนแนบรัง
ฝากดวงตา และความมุ่งหวัง
อย่าชิงชัง ฉันเลยยอดรัก
นานมาแล้ว เราจากกัน
โอ้คืนวัน นั้นแสนหน่วงหนัก
ดั่งทุ่งแล้ง ที่ไร้เพิงพัก
ดั่งภูสูง สูงสุดสอย
โอ้ยอดรัก ฉันกลับมา
ดั่งชีวา ที่เคยล่องลอย
มาบัดนี้ ที่เราเฝ้าคอย
เจ้านกน้อย โผคืนสู่รัง
นานมาแล้ว เราจากกัน
โอ้คืนวัน นั้นแสนหน่วงหนัก
ดั่งทุ่งแล้งที่ ไร้เพิงพัก
ดั่งภูสูง สูงสุดสอย
โอ้ยอดรัก ฉันกลับมา
ดั่งชีวา ที่เคยล่องลอย
มาบัดนี้ ที่เราเฝ้าคอย
เจ้านกน้อย โผคืนสู่รัง
ฉันเหนื่อย ฉันเพลีย ฉันหวัง...
3 มิถุนายน 2552 17:18 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song831.html
บัวขาว
ชีพนี้คิดดีมีสุข
คิดทุกข์ได้ทุกข์ดั่งหวัง
คิดให้ได้รักจีรัง
ไม่คิดทั้งสิ้นทั้งนั้นปล่อยวาง
ทำดีได้ดีทันที
ชีพทอรัศมีสว่าง
ลบเลือนลืมลาอ้างว้าง
ท่ามกลางทะเลโลกย์โศกคน
รักคือการให้ได้รัก
จิตภักดิ์สว่างสร้างกุศล
มิยึดมั่นฝันคว้างร้างตัวตน
มิพักวนเวียนว่ายสายน้ำตา
รักให้เป็นรักให้เย็นใสงาม
นิยามมหัศจรรย์ล้ำค่า
ปาฏิหารย์จิตกระจ่างดั่งดวงดารา
พรายพร่างฟ้าเป็นนิรันดร์อนันตกาล....!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song831.html
บัวขาว
เห็นบัวขาว
พราวอยู่ในบึงใหญ่
ดอกใบบุปผชาติสะอาดตา
น้ำใสไหลเย็น เห็นตัวปลา
ว่ายวนไปมาน่าเอ็นดู
หมู่ภุมริน ฮึมบินเวียนว่อน
คอยร่อนดมกลิ่น กลิ่นเกสร
พายเรือน้อย คล้อยเคลื่อนในสาคร
ค่อยพาจร ห่างไปในกลางน้ำ
หมู่ภุมริน
ฮึมบินเวียนว่อน
คอยร่อนดมกลิ่น กลิ่นเกสร
พายเรือน้อย คล้อยเคลื่อนในสาคร
ค่อยพาจร ห่างไปในกลางน้ำ
ค่อยพาจรห่างไป
ในกลางน้ำ...
2 มิถุนายน 2552 20:58 น.
พุด
เดินเดียวดายในเส้นทางสายชนบท
เงียบงามงดดื่มด่ำในดวงจิต
แหงนมองฟ้าราวแลเห็นซึ่งชีวิต
ชีพน้อยนิดหนึ่งนี้ธุลีดิน
เงียบสะท้อนฉากตอนละครโลก
ดั่งเงาโศกเงาเศร้ามิรู้สิ้น
เมื่อพบพรากจากลาน้ำตาริน
อาลัยถวิลในสายใจไปนิรันดร์
เด็ดดอกหญ้าริมทางพลางพินิจ
ในนึกคิดระบัดช่อต่อสายฝัน
บริสุทธิ์ใสในท่ามแสงตะวัน
อย่างเงียบงันเรียบง่ายไร้มายา
ฝ่าสายฝนปรนสายคล้ายยามเยาว์
ผ่านโง่เขลามากมาย ณใต้หล้า
เพียงสิ่งเดียวเกี่ยวขวัญเหนือกาลเวลา
คือปรารถนาสู่แดนดวง พ้นบ่วงกรรม...!
2 มิถุนายน 2552 11:11 น.
พุด
ขอบคุณเธอคนดีนะที่รัก
ให้ประจักษ์บทเรียนในครั้งนี้
คำว่าพรากจากลาธรรมดาฤดี
ไม่วันนี้วันหน้าต้องลากัน
ขอบคุณอีกทีนะที่รัก
สอนบทภักดิ์บทโศกในโลกฝัน
มายาใดไหนเล่าเท่าผูกพัน
บ่วงนิรันดร์พันธนาพาหลงทาง
ขอบคุณอีกทีนะที่รัก
แม้นเจ็บหนักได้คืนใจใสสว่าง
มองโลกนี้อย่างเข้าใจในอ้างว้าง
รู้วางว่างทางสายโศกโลกวกวน
เจ็บมากพอไม่ขออีกทีแล้วที่รัก
ขอหยุดพักรักหลอนซ้อนสับสน
เจริญสติเยียวยารักษากมล
พาให้พ้นวิบากกรรม..เลิกคร่ำครวญ...!
1 มิถุนายน 2552 19:13 น.
พุด
ในไร่ขวัญวันซึ้งซึ้ง
ปานประหนึ่งสวรรค์สัมผัสหล้า
หยาดน้ำค้างพร่างซึมในเงาตา
มองเห็นฟ้าแลเห็นงามนิยามไพร
กระซิบกับดวงตาคนว้าเหว่
ดอกรักเร่ริมทางระบัดไหว
งามติดดินสอนชีวินสัจจะใจ
ค่ายิ่งใหญ่ใดเกินธรรมชีวี
ยิ้มกับฝนกับฟ้าที่ครวญคร่ำ
กับระบำดวงดอกหญ้าในแสงสี
ตะวันลาสาดแสงทองชื่นสุนทรีย์
รอราตรีดาวรายหมายฝากใจ
หอมกลิ่นเกสรบัวละมุนละเมียด
ผลิพราวเพรียกภู่ผึ้งรับวันใหม่
แสนดื่มด่ำท่ามงามเงียบในพงไพร
ละมุนละไมในดวงจิตนิจนิรันดร์....!
................................