17 สิงหาคม 2551 22:47 น.
พุด
ใครใครว่าเสียงเธอเหมือนนางเอก
ร่ายมนต์เสกดับแล้งทุกแหล่งหล้า
ให้พสุธาไทงดงามกัปป์กาลเวลา
รินเมตตาสู่บึงใจไทยทุกดวง
ดั่งดวงดอกพุดซ้อนอรชรชาติ
พลีหวังวาดด้วยสำนึกแสนแหนหวง
ผืนดินแม่ระย้าระยับด้วยเรียวรวง
ดั่งแดนสรวงให้พบรักพบภักดี
ได้แย้มยิ้มอิ่มสุขทุกยามตื่น
ได้หยัดยืนทรนงคงศักดิ์ศรี
ได้พบพระรัตนตรัยสอนความดี
ได้พบมณีร่มฉัตรกษัตรา
ได้พบยอดดวงใจงามเนื้อแท้
มิยอมแพ้เพียรสร้างบุญประดับหล้า
ให้คุ้มค่าลมหายใจนี้ได้เกิดมา
ก่อนนิทราลาไกลด้วยภาคภูมิ...!
13 สิงหาคม 2551 09:28 น.
พุด
ดวงดอกไม้เพชรพร่างพรายทั้งโลกหล้า
ฟ้ายังเป็นสีฟ้าเช่นดั่งฝัน
แผ่นดินไทยยังงดงามตามตะวัน
เป็นนิรันดร์ใต้ร่มรัตน์ฉัตรเรืองรอง
รวงระย้าสุกปลั่งยังผ่องพราย
วัวและควายยังคลึงโคลนในบึงหนอง
สายธาราเจ้าพระยายังไหลล่อง
สอนไทยผองรู้รักษ์สามัคคี
แม้นโลกนี้มากมีทั้งดีร้าย
เพียงใจหมายสร้างโลกงามด้วยศักดิ์ศรี
ฝากลมหายใจนิดน้อยหนึ่งชีวี
คือความดีคุ้มค่าก่อนลาไกล
ได้เกิดมารับหยาดน้ำอมฤตธรรม
ไว้พรมพรำจิตดวงงามสว่างใส
ได้ภูมิภักดิ์พบรักแท้ยอดดวงหฤทัย
บนแผ่นดินทองอันไสวดั่งพรพรหม...
แรงบันดาลใจจาก
*ความตอนหนึ่งใน
กระแสพระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์พระบรมราชินินาถ*
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตร
เห็นประชาชนเลิกใช้ควายไถนา ควายก็ไม่มีค่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า
ถ้าน้ำมันแพงขึ้น ชาวนาจะทำอย่างไร
เพราะทิ้งควายไปแล้ว ต้องเข้าโรงเรียนฝึกไถนาใหม่
และราคาน้ำมันไม่มีวันที่จะลง ในเมื่อควายไถนาได้ น่าจะใช้ควายไถนา
ข้าพเจ้าเป็นทุกข์แทนชาวนาไทย ซึ่งยังยากจน
เพราะว่านอกจากน้ำมันแพงแล้ว
ปุ๋ยก็ยังแพงมากอีกด้วย
ข้าวของทุกอย่างพากันขึ้นตามราคาน้ำมันไปหมด
อันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เวลาทรงทอดพระเนตรอย่างไปทรงเยี่ยมตามจังหวัดต่างๆ
เห็นประชาชนเลิกใช้ ควายไถนา มาใช้รถ
นัยว่าสมัยใหม่กว่า ใช้รถไถนาควายก็กลายเป็นไม่มีค่าอะไร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งบอก
ต่อไปถ้าน้ำมันแพงขึ้น ชาวนาเหล่านี้จะทำอย่างไรได้
ทิ้งควายไปแล้ว
เพราะควายตัวนี้ก็ต้องมาฝึกกันใหญ่
เข้าโรงเรียนฝึกหัดไถนา
เพราะถูกทอดทิ้งไปหลายปี ไถนาไม่เป็น
ตอนนี้ สู้น้ำมันไม่ไหว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่าไม่มีวันที่จะลงหรอก
ความจริงเมื่อควายใช้ไถนาได้
ก็น่าจะใช้ควายไถนา เดี๋ยวนี้ใช้ควายเหล็ก
มันกินน้ำมันแทนหญ้า ชาวนา ก็ยิ่งลำบาก
อันนี้ท่านนายกฯ คงจะช่วยสนับสนุน
ให้ชาวนาใช้ควายอย่างเดิม
ก็ไม่เสียเกียรติอะไรเลย
น่ารักออก รู้สึกมีชีวิตชีวาดี
อย่างน้อยเราก็ผลิตข้าวได้มากอย่างเดิม
ไม่ใช่ว่าแหม เมืองไทยนี้ล้าสมัย
ต้องใช้ควายแทนที่จะใช้รถไถนาที่มีอยู่ที่มีความโก้เก๋
แต่พระเจ้าอยู่หัวรับสั่ง บ่นมานานเลย
บอกว่ารถไถนานี่ราคาสูง
และน้ำมันก็จะแพงขึ้นเรื่อยๆ
และในระยะยาวต้องเสียค่าซ่อม
ค่าอะไหล่ ตอนที่รับสั่งน้ำมันก็ยังมีดี
รับสั่งว่าถ้าเผื่อวันหนึ่งไม่มีมัน
หรือน้ำมันแพงมาก รถไถนาก็ต้องจอดทิ้งไว้เฉยๆ
ผิดกับควายที่มันเดินเองได้ทุกเวลา
แล้วมูลของควายที่ถ่ายไว้ทั่วไป
ตามท้องนาก็เป็นปุ๋ยชั้นดี รับสั่งบ่นมานาน
เดี๋ยวนี้ท่านไม่บ่นแล้ว
ท่านเห็นว่าสู้คนสมัยใหม่เขาไม่ ไหว
แล้วท่านก็เลยไม่บ่น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ยังทรงสร้างธนาคารข้าว
ทรงคิดสร้างเองทั่วทุกหนทุกแห่ง
รอบประเทศไทย
เดี๋ยวนี้ชาวบ้านมีธนาคารข้าวตามพระราชดำริ
ที่ว่าช่วยกันตั้งธนาคารข้าว
ใครอดอยาก หมู่บ้านไหนอดอยาก ก็ได้ ไปขอยืมข้าว
ทรงสอนให้เขาไปขอยืมข้าว
แล้วเวลาปี ไหนทำข้าวได้ดีก็เอาข้าวไปใช้
หวังว่าท่านนายกฯคงสนับสนุนได้นะคะ
ทำให้คุณอะไรนะ คุณจุ่น ควาย
แล้วตอนนี้ฉันตกใจมากนึกไม่ถึงว่า
บอกทำไมไม่เอาควายมาไถนา
เขาบอกมันไถไม่เป็นแล้วตอนนี้
ต้องเปิดโรงเรียนอบรมควายให้ไถนาอย่างเดิม
ฟังดูเหมือนตลก แต่ มันเรื่องจริง...*
5 สิงหาคม 2551 21:41 น.
พุด
ฟ้ายามเย็นสลัวมัวหม่น
รอรวงฝนหยาดสายให้ชื่นฉ่ำ
ลบแล้งโลกโศกจิตที่มืดดำ
ระรินร่ำสังเวยเศร้าหนาวมนุษย์
ติดปีกใจสู่แดนดินถิ่นเสรี
เพชรมณีนิรพานงามพิสุทธิ์
ดั่งบัวบานชูช่อรอวิมุติ
พาให้หลุดพ้นพันธนามายาชีวิต
เหลือลมหายใจอีกกี่วันให้ฝันถึง
ให้ซาบซึ้งทิพย์ธรรมในดวงจิต
ชีพชนม์สั้นวันของเราเหลือน้อยนิด
สิ้นไร้สิทธิ์ของใจเกินไขว่คว้า
คือชีวีแห่งขวัญรอวันพราก
จบและจากโซ่สร้อยเสน่หา
ลบด้วยลืมไปกับกาลเวลา
ทั้งชาตินี้ชาติหน้าอย่าพบภักดิ์..........
5 สิงหาคม 2551 09:35 น.
พุด
เดียวดายหมายใดเล่าหนาวมนุษย์
มิสิ้นสุดทุกข์ตรมระทมหมอง
เวียนว่ายวนซ้ำน้ำตานอง
คนครรลองครองช้ำกระหน่ำชีวิต
เบื่อหน่ายโศกเศร้าร้าวระบม
ถาถมจมปลักตามติด
หยาดน้ำใจใครเล่าดั่งน้ำทิพย์
ให้จารจิบตราบวันตายหมายจำ
ฤดูกาลสุดท้ายแห่งดวงจิต
ลมหายใจน้อยนิดน้ำตาร่ำ
รอน้ำค้างใจหยาดสายหมายพรมพรำ
ดั่งธารธรรมชีวิตลิขิตพรหม
ฤาเพียงรอพ้อสิ้นทั้งดินฟ้า
เปล่าดายปรารถนามิสม
ท่ามทะเลโลกย์โศกตรม
เหนือระทมลบรอยจำ..ในรอยใจ..ไปนิรันดร์...!
2 สิงหาคม 2551 11:43 น.
พุด
ทุกเที่ยงวัน..จันทร์ถึงศุกร์
ณสถานีแห่งความสุข คลื่นแห่งความสุข
สถานีวิทยุ กระจายเสียงแห่งหนึ่งของกรุงเทพ
หญิงหนึ่ง ชายหนึ่ง
น้องชายผู้ช่วยอีกหนึ่ง
เราสามต่างทำหน้าที่แสนงดงาม
ดั่งธุลีหล้าข้าแผ่นดิน
ทุกน้ำค้างคำ
ทุกสาระรายการ
คือหยาดสายธารน้ำใจใสงาม
พร้อมพลีหว่านสายพรายพรม
ลงบนแผ่นดินไทแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง
แผ่นดินแม่มาตุภูมิที่กำลังเร่าร้อน
ให้เพลาผ่อนคลาย จากความไร้รักสามัคคี
และ..
นี่คืออีกบทบาทหนึ่งที่สาวบ้านนา
และพุดพัดชาแสนปิติเกษมภาคภูมิใจ...
ตราบเท่าที่ยังมีลมหาย...ได้ทำในสิ่งที่รัก
ดั่งธุลีหล้าข้าพระบาท
ผู้จงรัก..ภักดีในชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ไทย
ที่เทิดไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม
ตราบวันสิ้นลม....!
.............................
จากใจผู้หญิงคนหนึ่งคนนี้ที่
รักธรรม ธรรมชาติ สายธาร หวานดอกไม้ รักสายฝน รักแสงตะเกียง รักเสียงจากธรรมชาติไพร รักกระท่อมใบไม้ รักดวงใจนิ่มนวลละเมียดละมุน รักแสงเทียนอบอุ่นในยามค่ำ รักตะวันตกดิน รักทุกสิ่งที่เงียบงามร้างไร้ให้ชีวีงามเงียบรักเส้นทางสายธรรมชาติสู่ไพรลึก รักดำดิ่งล้ำลึกจิตวิญญาณไพร ภาวนาทุกชาติไปให้ได้เกิดมากับงามดวงใจใครเล่ารู้นี้ ที่ติดดิน และขอรักศรัทธาเทิดทูนมิรู้สิ้นในชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ไทย ตราบสิ้นลม!
.........................
และ...
จากใจสาวบ้านนา บ้านป่า บ้านไพรผู้ที่..
รักท้องนาสายธารหวานบึงบัว รักแสงตะเกียงแสงเทียนสลัว รักลำเนาไพร รักดวงใจเจ้าดวงดอกไม้ รักร่ายบทกวี รักดนตรีไพร รักแมกไม้ไหวกิ่งฝัน รักสวรรค์ดิบดิน รักถิ่นสุวรรณภูมิพุทธิ์ รักบริสุทธิ์ในวิถีไทยวิถีไพร รักใจดวงเงียบงาม รักโมงยามลำพังร้างไร้ รักกระท่อมไพรได้เคียงใกล้ธรรมะ ธรรมชาติ ได้วาดเวิ้งฝันสวรรค์ทิพยนิรมิต ได้ฝึกจิตเพียรพลีสิ้นในที่สุด ได้หยุดยึดมั่นถือมั่นเพื่อพ้นพันธนาแห่งทุกทุกข์รัก อันคือแอกหนักล้าใจ จักยอมทิ้งไป ไม่แลเหลียว เดินดายเดียวสู่ร่มธรรม ร่มทอง สู่ครรลองพระรัตนนิรพาน ดั่งบัวบานเหนือน้ำ เหนือโลก โศกสุขสิ้น มิยินยล มิพะวงพะวังมิหันหลังมา หากทว่าขอเวลาเพียงเพียรภาวนา ทุกลมหายใจเพื่อทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ก่อนจะสิ้นสุดทุกอย่างวางทุกสิ่ง และนิทราไปกับความจริง คือความว่างกระจ่างจิตดั่งอัญมณีไพร
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6192.html
ความฝันอันสูงสุด ....เพลงพระราชนิพนธ์
ขอฝันใฝ่ ในฝันอันเหลือเชื่อ
ขอสู้ศึก ทุกเมื่อ ไม่หวั่นไหว
ขอทนทุกข์ รุกโรมโหมกายใจ
ขอฝ่าฟัน ผองภัย ด้วยใจทะนง
จะแน่วแน่แก้ไข ในสิ่งผิด
จะรักชาติ จนชีวิต เป็นผุยผง
จะยอมตาย หมายให้ เกียรติดำรง
จะปิดทอง หลังองค์ พระปฏิมา
ไม่ท้อถอย คอยสร้าง สิ่งที่ควร
ไม่เรรวน พะว้าพะวัง คิดกังขา
ไม่เคืองแค้น น้อยใจ ในโชคชะตา
ไม่เสียดาย ชีวา ถ้าสิ้นไป
นี่คือ ปณิธาน ที่หาญมุ่ง
หมายผดุง ยุติธรรม อันสดใส
ถึงทนทุกข์ ทรมาน นานเท่าใด
ยังมั่นใจ รักชาติ องอาจครัน
โลกมนุษย์ ย่อมจะดี กว่านี้แน่
เพราะมีผู้ ไม่ยอมแพ้ แม้ถูกหยัน
ยังคงหยัด สู้ไป ใฝ่ประจัญ
ยอมอาสัญ ก็เพราะปอง เทิดผองไทย...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song774.html
สี่แผ่นดิน
คนมี ชีวิตและกายา
ถือ กำเนิดเกิดมา
เป็นหญิง หรือว่าเป็นชาย
ผู้มี พระคุณอันแสนยิ่งใหญ่
กว่า สิ่งใด ก็คือแผ่นดิน
เป็นแดน ที่ให้ชีวา
พึ่งพา อาศัยและอยู่กิน
คุณใด จะเปรียบแผ่นดิน
เอื้อชีวิน จากวันที่เกิด จนตาย
ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน
ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน
ความทุกข์เยือน เรือนกาย
หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้
สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา
ยามดี เราดีตาม
ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา
บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์
หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน
ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน
ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน
ความทุกข์เยือน เรือนกาย
หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้
สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา
ยามดี เราดีตาม
ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา
บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์
หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน
หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน...