ฝากฝันเธอไว้ที่นี่เถอะที่รัก ในอ้อมภักดิ์อ้อมใจใครคนนี้ คนที่เธอเพ้อว่ารอมานานปี คนแสนดีที่แลเห็นเนื้อแท้เธอ กุมมือขวัญให้มั่นอย่าหวั่นไหว หลอมรวมใจเป็นหนึ่งอย่าพึงเผลอ กี่ภพชาติตามหาจนพบเจอ อย่าหมายเก้ออธิษฐานจิตนิจนิรันดร์ เสมือนกามนิตวาสิฏฐี วิบากมีชดใช้หมายสวรรค์ ตราบจนกว่าหมดสิ้นเพรงพรหมพันธ์ สู่แดนฝันเสรีที่หมายปอง นิทรารมย์สุดท้ายใช่ช้านาน ดั่งบัวบานแดนสุขาวดีรอเราสอง เส้นทางทองทอดทอรุ้งเรืองรอง หวังประคองเคียงคู่กันสู่แดนฝัน..อนันตกาล....!
พยับหมอกดวงดอกไม้แห่งดวงจิต ดอกไม้ทิพย์ส่งเสด็จสู่แดนสรวง ดอกไม้ฟ้างามเลอค่าไทยทั้งปวง ประดับทรวงพระมิ่งขวัญแก้วกัลยา....สู่วิมาน...! พระพี่นาง ไม่เพียงแต่ทรงโปรดดอกไม้สีฟ้าเท่านั้น ยังทรงลงมือปลูกดอกไม้ด้วยพระองค์เองด้วย โดยดอกไม้ที่ปลูกคือต้น "พยับหมอก" ทรงปลูกไว้ด้านหน้าทางเข้าพระตำหนัก ในส่วนของพระองค์ ที่พระตำหนักดอยตุง ดอกพยับหมอก เป็นที่รับรู้กันในหมู่ข้าราชบริพารว่า สมเด็จพระนางเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงโปรดดอกไม้สีฟ้า และดอก"พยับหมอก" จะทรงชื่นชอบเป็นพิเศษ และ"ดอกไม้โทนฟ้า" จากพระตำหนักดอยตุง ได้นำมาประดับรอบพระเมรุ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีดอก"พยับหมอก"ด้วย เรื่องเล่าของดอกไม้ชนิดนี้ ว่ากันว่าเป็นดอกไม้เจ้าเสน่ห์แสนโรแมนติค ประจำวันเกิดของคนที่เกิดวันศุกร์ ซึ่งไม่เกี่ยวกับพระองค์ท่านเ พราะทรงเกิดวันอาทิตย์ ทรงชื่นชอบสีของดอกไม้มากกว่า "พยับหมอก" ในวงศ์ Plumbaginaceae ดอกเป็นช่อสีฟ้าอ่อน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Plumbago auriculata Lam. ส่วนชื่อสามัญฝรั่ง เรียก "Cape leadwort" หรือ "White plumbago" เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ดอกไม่มีกลิ่น สีดอกจะตัดกับใบสีเขียวเข้ม ซึ่งเป็นความโดดเด่นยากจะหาต้นไม้ใดเหมือน มีช่วงในการออกดอกตลอดทั้งปี แต่ดอกจะบานสะพรั่งงดงามอย่างยิ่งในฤดูหนาว "พยับหมอก" มักนิยมปลูกเป็นฉากหลังในสวน ชอบแดดจัด น้ำปานกลาง หากต้องการดูดอกจริงและชื่นชม ความงามของดอกไม้ชนิดนี้ มีเวลา แวะไปชมได้ที่พระตำหนักดอยตุง ................... ขอบพระคุณข้อมูลอันแสนงามจาก http://mblog.manager.co.th/blackplum/th-36728/
มิ่งมณีแก้วกัลยา นางฟ้าเสด็จสู่แดนสรวง เพชรพรรณรายลอยเด่นดวง ลาลับล่วงนิพพานนิรันดร์ ตราไว้ในดวงจิต ทิพย์นิมิตพระมิ่งขวัญ สถิตทอดชั่วกัปป์กัลป์ ดวงตะวัน ณ กลางใจ เพชรพร่างรุ้งรัตน์โรจน์ ฉายชัดโชติสว่างใส งดงามน้ำพระทัย เมตตาไทยนับเนานาน ทิพย์มณีท่ามสายรุ้ง รุ่งเรืองพรายงามฉายฉาน แพรวพราวพร่างตระการ สู่สายธารแห่งดาวดวง...อนันตกาล...! ........................................................ ดวงดอกไม้ร่วงพรูทั้งพสุธา จอมขวัญหล้าเสด็จสู่สวรรค์ รัตนมิ่งเกล้าเหนือชีวัน นิจนิรันดร์งดงาม ณ กลางใจ ดารารายพรายพร่างโปรยปราย ร่ำไห้แทนธรณินทร์สะเทือนไหว เพชรพสุธาพรากลาแผ่นดินไทย หนึ่งมณีในฤทัยแห่งปวงชน สายธาราเงียบงันในวันนี้ ฟ้าดินสดุดีทุกแห่งหน เมตตาธรรมอันล้ำค่าอมตกมล เป็นล้นพ้นด้วยพระจริยวัตรฉัตรแผ่นดิน สอนใจไทยทุกธุลีหล้าข้าพระบาท ให้รักชาติรักศาสน์ตราบชีพสิ้น เสียสละหยาดพระเสโทละหลั่งริน ให้รู้รักษ์ผืนดินไทยธำรง คือแสงรุ้งเรืองรองในครองขวัญ งามกว่าจันทร์แจ่มเหนือหล้าฟ้าสูงส่ง อธิษฐานจิตพระสถิตแดนนิรันดร์ดำรง ทุกใจไทยส่งเสด็จสู่นฤพาน... ........................................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6192.html ความฝันอันสูงสุด... เพลงพระราชนิพนธ์ ขอฝันใฝ่ ในฝันอันเหลือเชื่อ ขอสู้ศึก ทุกเมื่อ ไม่หวั่นไหว ขอทนทุกข์ รุกโรมโหมกายใจ ขอฝ่าฟัน ผองภัย ด้วยใจทะนง จะแน่วแน่แก้ไข ในสิ่งผิด จะรักชาติ จนชีวิต เป็นผุยผง จะยอมตาย หมายให้ เกียรติดำรง จะปิดทอง หลังองค์ พระปฏิมา ไม่ท้อถอย คอยสร้าง สิ่งที่ควร ไม่เรรวน พะว้าพะวัง คิดกังขา ไม่เคืองแค้น น้อยใจ ในโชคชะตา ไม่เสียดาย ชีวา ถ้าสิ้นไป นี่คือ ปณิธาน ที่หาญมุ่ง หมายผดุง ยุติธรรม อันสดใส ถึงทนทุกข์ ทรมาน นานเท่าใด ยังมั่นใจ รักชาติ องอาจครัน โลกมนุษย์ ย่อมจะดี กว่านี้แน่ เพราะมีผู้ ไม่ยอมแพ้ แม้ถูกหยัน ยังคงหยัด สู้ไป ใฝ่ประจัญ ยอมอาสัญ ก็เพราะปอง เทิดผองไทย... น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า พุดพัดชา เขียนถวายไว้แทบเบื้องพระบาท ด้วยความภักดี เทิดไว้เหนือดวงชีวัน ด้วยความอาลัยเป็นที่ยิ่ง พระพุทธเจ้าข้า ส่งเสด็จ สู่แดนดาว รัศมี พรายพราว ดั่ง สายแสงรุ้งงาม ...! แสงรุ้งยังงดงามท่ามโลกแล้ง ยังพร่างแสงสอนสัจจธรรมทุกแห่งหน สอนธุลีหล้าข้าพระบาทรู้งามให้พลีกมล สิ้นพายุฝนหวัง...พสุธาไทพสุธาทองจักครองธรรม...! คืนที่แสนสงบสุข ฉันจุดเทียนให้แสงวะวับแวม แกมแกล้มหอมอวล จากนวลกลิ่นดวงดอกไม้ไทย รายรอบวิมานดิน แล้ว.. นอนหลับตานิ่งๆ ฟังเสียงแห่งความเงียบงาม ในท่ามเสียงนาฬิกามายาโลก ยามนี้ทั่วทั้งพสุธาไทพสุทอง กำลังครองโศก จน..โลกดูราวเป็นสีดำไปทั่วทั้งแผ่นดิน ในหทัยถวิลย้อนหลับตาเห็น.. ภาพพระราชกรณียกิจ อันมากมาย ของ*สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์* พระผู้ประดุจดั่งปิ่นเพชรแห่งนคเรศร์ แล้ว.. น้ำตาซาบซึ้งในดวงใจก็ไหลหยาดรินมิสิ้นสาย ด้วยความปิติเกษมสำนึกเป็นยิ่งนัก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงเอื้ออุ่นโอบ แด่พสกนิกรไทย มาอย่างยาวนาน อย่างเสียสละ อย่างทรงเป็นหน่อเนื้อบุรพกษัตริย์ ที่ทรงอุทิศร่างแลจิตวิญญาณ อันงามผ่องแผ้ว เพื่อความเจริญแห่งประเทศชาติ ทรงเพียรทุ่มเทหยาดพระเสโท เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของผองชนชาวสยาม สอนสัจจธรรมแห่งความจริง ให้ได้พบงามจิตงามใจงามเมตตาจากน้ำพระทัย ที่ใสราวเพชรร่วง เพื่อทรงมอบเป็นแบบอย่างให้แก่ ปวงประชาได้ดำเนินรอยตาม ให้รู้เพียรสร้างคุณงามความดี พลีไว้แด่แผ่นดินก่อนลมหายใจจะสิ้นไปไม่นานช้า ให้รู้คุณค่า ของความเป็นมนุษย์ ที่จักพิสุทธิ์ประดุจดั่งอัญมณี หนึ่งในล้านดวง ที่งดงามกว่าสิ่งทั้งปวง ก็ด้วยผลของงาน ที่จักสรรสร้างสิ่งที่ควร อย่างไม่รวนเร อย่างแน่วแน่ อย่างมิยอมพ่ายแพ้ต่อสิ่งใด และ.. คือความยิ่งใหญ่ จากน้ำพระทัยอันแผ่ไพศาลไปทั่วทุกประเทศ เขตแว่นแคว้นที่พระองค์ทรงเสด็จเยือน เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี ให้โลกรับรู้ว่าแผ่นดินไท ของเรานี้มีอารยธรรม มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงทศพิธราชธรรม ที่ทรงครองราชย์มาอย่างยาวนานที่สุด และ.. อีกมากมายเรื่องราวพระราชกรณียกิจ ที่ทรงอุทิศฝากไว้ เป็นอุทาหรณ์สอนให้ผองชนคนไทยรุ่นหลัง ได้เรียนรู้ เพื่อเป็นพลังก้าวตามรอยพระบาท อย่างมิคลาดคลา และ..ในค่ำคืนนี้ ท่าม หยาดน้ำตาเทียน ขอกราบพระพุทธ อธิษฐานจิต ให้.. *ดวงตาทิพย์ดั่งแสงรุ้งงาม* ได้คอยติดตาม ปกป้องผองภัยให้แก่ประเทศชาติ อาณาประชาราษฎร์ไทย ให้รู้รักสามัคคีกัน รู้สรรสร้างทำความดี ก่อนชีพนี้จะมลาย และ.. จากน้ำพระทัยใสสว่างพร่างพราว ดั่งเพชรพรายฉายฉาน ขอดวงพระวิญญานแห่งพระองค์ จงทรงสถิต ณ แดนว่างนิรันดร์นิพพาน.. ตราบชั่วกาลกัปป์กัลป์...ด้วยเทอญ.... .......................
แดนเกษมอยู่ที่ไหนเล่าคนดี ท่ามโลกนี้ที่วกวนแลเปลี่ยนผัน ท่ามโลกแล้งมากผู้คนหลงวงวัน พบฝั่งฝันดั่งแดนสวรรค์..ณกลางใจ แดนสงบเหนือกิเลสแห่งทุกข์สุข ไร้รานรุกเศร้าหมองครองจิตใส อัญมณีเพชรล้ำค่างามเกินใด สว่างไสวว่างวางทางชีวิต เรือมนุษย์ดั้นด้นฝ่าพายุกล้า เพียรทายท้าทุกข์ทนแห่งดวงจิต พบแดนธรรมแดนทองโลกทิพย์ มณีนิรมิตร่มเรืองรัตนา คือสูงสุดวิมุตติหมายไร้ยึดมั่น จิตดวงขวัญฝันใฝ่ด้วยใจกล้า วันที่หมายคล้ายพบแล้วสวรรค์เมตตา วันที่ฟ้าแลดินเปิดดวงใจ....ได้พบธรรมระร่ำริน....!
ฟ้าปลายฝน.... ดูเศร้าสร้อยอึมครึมด้วยเมฆหม่น ที่รอหยาดปรนเป็นสาย ลงมาปรายโปรยไปทั่วทั้งท้องทุ่ง อุทกภัยเชี่ยวกราก ฝากวิปโยคท่วมทับทุกถิ่นที่ นานับหลายหมื่นไร่เสียหาย วัวควายล้มตาย หายไปกับสายน้ำยากย้อนหวนคืน บัวนา นั่งอยู่ตรงนี้ ริมหน้าต่างกระท่อม ทอดตาแลเห็น ม่านฝนหล่นร่วงรวงรายพลายพลิ้ว ลงมาราวเพชรพร่าง หยาดน้ำค้างทิพย์ กลมกลิ้ง ค่อยๆทิ้งพวงงามดั่งดวงกุดั่น เป็นจังหวะธรรมชาติอย่างลงตัว ฟ้ามืดสลัวไปทั่วถิ่น หาก....... ในท่ามโพยมพยับหมอกนั้น กลับพลันปรากฏงามอัศจรรย์บรรเจิดบรรจง อาทิตย์อุทัยไขแสงแดงเด่นดวงแหวกม่าน อุษา ออกมาเผยโฉมปลอบประโลมทุกข์สรรพสิ่ง ให้ยังมิสิ้นหวัง อาทิตย์ดวงใหญ่ค่อยๆชักรถออกมา จากม่านนภาเรื่อเรือง ราวสายแสงแห่งรุ้งงาม ยามตะวันแรก บัวนา ผสานจิตสงบนิ่ง ทิ้งสายตาอยู่ตรงขอบฟ้าทางทิศตะวันออก กระซิบบอกกับตัวเองว่า แสงฟ้าวันใหม่ในยามอรุณนั้น ช่างอัศจรรย์เกินกล่าว สามารถลบหนาวหนึบในดวงใจ ให้...ค่อยๆผ่องใส ดั่งดวงอุทัยเช่นฉะนั้น บัวนา เดินช้าๆหยาดน้ำค้างยังระใบหญ้า ดวงดอกไม้ริมนา ริมทาง ความอ้างว้าง มืดหม่น ทุกข์ทนในดวงใจ ค่อยๆมลายหายไป กับความเป็นธรรมดาโลกโศกสุขทุกข์ร้อน ประดุจดั่งดวงตะวัน มีเช้าค่ำ มีทิวาวัน และราตรีกาล ที่เปรียบได้ดั่งฤดูกาลแห่งชีวิต แสงเงินยวง กำลังสาดส่องลงกระทบผืนนา ข้าวกล้าสุกปลั่ง สุดลูกหูลูกตา ดั่งแพรพรรณรายพรายทอง ที่กำลังถูกลมไล่ล่องดั่งระลอกคลื่นงามพราว จนจรดขอบฟ้าไกล.... บัวนา.... เดินระดงข้าวจนหนาวน้ำค้างไปทั่วร่าง ในท่ามความอ้างว้างแห่งดวงจิต ที่ถูกสถิตทับด้วยบรรยากาศ แห่งการรานแยกแตกร้าว ไร้สมานฉันท์สามัคคี ไปทั่วทั้งแผ่นดิน น้ำตาทุกดวงใจไทไหลหยาดริน พอกับหยาดน้ำตาของบัวนา ที่.... กำลังตกต้องอยู่ในห้องหัวใจอย่างเงียบงัน เหลือก็เพียง... ภาพฝันถึงอดีตอันแสนงดงาม สงบเย็น เฉกเช่นเคยเป็นมา.....นานเนา ................................... แสงรุ้งงามสลาย ระยับพรายสู่แดนสรวง สถิตในดวงใจไทยทั้งปวง ดั่งดาวดวงมณีรัตน์...ฉัตรมงคล....นิรันดร์.