ในราตรี... ที่สายวสันต์พร่างพรายมากับฟ้าหนาว ใจดวงนวลกลับงามพราว..ด้วยปิติเกษมบุญ หอมหอมกรุ่นดวงดอกพุดซ้อนอรชร ที่เอื้อมเด็ดมาวางไว้ในรถ ให้กลิ่นหอมสดหยาดเย็นหวานเศร้า มาคลุกเคล้าให้ใจสองดวงยิ่งละมุนละไมเป็นยิ่งนัก ในท่ามราตรี ที่ดวงจันทราเร้นไร้..หายไปในท่ามฟ้าฝน ม่านเมฆหม่น ดวงกมล...กลับเต็มไปด้วยพลังหวังหวานมิรานโศก ไปตามกระแสโลกย์ กระแสวิบากกรรมที่ย้ำรอยวน ตั้งจิตใส ใจดวงกุศลงาม ไปกรานกราบองค์พระพุทธพิสุทธิ์ค่า ให้ครบเจ็ดวัด ด้วยแรงบุญศรัทธาในวันมหามงคลสมัย มาลัยมะลิ..เจ็ดพวง พร้อมดวงจิตแห่งความสอาดสว่างกระจ่างสงบ ขอเพียรเพียงพบ..ทางทองทางธรรม น้อมนำมาระรินร่ำ มิให้ชีวิตซ้ำวนหลงในหนทางแห่งทุกข์พันธนา ลูก..กรานศิระหน้าโบสถ์คร่ำ ในท่ามกลางสายฝนระร่ำริน และ.. ณ..เบื้องพระพักตร์ทอง อันงามผ่องพิสุทธิ์ของหลวงพ่อโต พร้อมกับกล่าวคำ..ถวายสัจจวาจาณ..ภายในใจ ไม่ว่าชาตินี้ ชาติหน้า ชาติไหน ให้ดวงใจลูกได้ไสวสว่างกระจ่างแจ่ม ดั่งจันทร์แสงหยาดเย็นเหนือนภา หากว่าลูกยังต้องเกิดมาชดใช้กรรม และ.. หากฟ้าเมตตา ดินบันดาล สิ่งศักดิ์สิทธิ์รับรู้ ขอให้ลูก ได้เกิดมาหยัดยืนอยู่เพื่อยังประโยชน์ ในแผ่นดินแห่งสวรรค์หล้าฟ้าพุทธภูมิ ใต้ร่มรัตน์ฉัตรเพชรไสว นามว่าไทย ไท อิสรา ตราบจนกว่า..ดวงชีวาลูกจักหลุดพ้นสู่แดนว่าง กระจ่างจิตไปชั่วนิจนิรันดร์.... และ.. ราวมีทิพยญาณจากดวงตาสวรรค์เมตตา เมื่อนาทีนั้น พลัน... ลูกแหงนเงยเห็น.... หยาดสายพระพิรุณกำลังพร่างละมุน เป็นหยาดละออละอองทอง ผ่องพราย ในคืนที่ลูกอยากร่ำไห้ด้วยปิติเกษมเกินกล่าวแล้ว...! ............................ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song420.html รางวัลชีวิต พระพุทธองค์ ท่านทรงสอนเรื่องเวรกรรม คนไหนใครทำ กรรมเคยก่อเอาไว้อย่างไร ก่อน นั้น เคยทำกรรมไว้ชาติใด ชาตินี้ต้องได้ รับกรรมที่ทำก่อนนั้น ตัวฉันคงทำ แต่กรรมซ้ำอยู่เสมอ ชาตินี้จึงเจอ เวรกรรมเก่าเข้าย้อนผูกพัน ปวด ร้าว ตรอมตรมขื่นขมอนันต์ ทำดี สารพันรางวัลที่ได้ก็คือเคราะห์กรรม โธ่ เอ๋ย พระเจ้าไม่เคยปราณี ในชาตินี้ ทำดีไม่เคยก่อกรรม หวัง ให้ ผลบุญได้น้อมนำ ล้างเวรที่เคยทำ แต่ชาติ ปาง ก่อน สิบนิ้วประนม สวดมนต์พร่ำบ่นบูชา กุศลนำมา จงนำข้าสิ้นเวรดั่งวรณ์ หากแม้ ชีวีสิ้นลับดับมรณ์ เวรกรรม ทุกชาติก่อน บรรเทาผันผ่อน อย่าตามซ้ำเลย...
สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักคุณพุดค่ะ เป็นน้องใหม่ในเว็บนะคะ คนอะไรทำไมเก่งกาจฉกาจฉกรรจ์อย่างนี้ ขอคารวะมาอย่างจริงใจ ชื่นชมมากตั้งแต่มค.48 ถึงปัจจุบัน คำประพันธ์ของคุณในเว็บนี้ มีทั้งหมด 439 บทแล้ว ก่อน ๆ นั้นล่ะ มีรวมเล่มบ้างหรือเปล่า จะค่อย ๆ อ่านไปวันละ2-3 บทนะคะ เพราะมีรูปสวย ๆ ให้ดู มีเพลงเพราะ ๆ ให้ฟัง และ.. ยังมีเนื้อเพลงเก่าแถมมาให้อีกด้วย อยากรู้จักมากกว่านี้ค่ะ เราเกิดเดือนเดียวกันด้วยนะ คุณโอ้ละหนอ..ดวงเดือนในดวงใจพุดเอย.. พุด..ปิติใจมากค่ะและซาบซึ้งใจมากนะคะ กับ..น้ำคำน้ำใจ ที่แสนใสหยาดเย็น ที่ระรินรดหยดมาให้พุดค่ะ พุด...ดีใจและเป็นเกียรติเช่นกัน ที่ได้รู้จักคุณ นะคะ และขอขอบคุณสำหรับกำลังใจ ที่ทำให้พุด.. นักรักรจนาคนนี้ได้มีไฟฝันปันเอื้อโอบรัก ในถนนสายไพรสายดวงดอกไม้งาม สายธรรม...ธรรมชาติ ไปอีกนานนะคะ พุด...เขียนที่นี่ *ในร่มรักเรือนไทยเรือนทองแห่งผองเรา* (ที่ที่พุดเรียกเองด้วยใจภักดิ์รัก ที่แห่งนี้) มานานหลายปีแล้วค่ะ ชีวิตพุด ไม่เคยค่อยมีเวลาท่องเวบ นอกจากที่แห่งนี้ ที่เดียวค่ะ เพราะหัวใจพุดเกาะเกี่ยวอยู่กับที่แห่งนี้ ที่นาทีนี้ต้องถือโอกาสกล่าว คำขอบพระคุณ*คุณปีกฟ้า* ที่กางปีกโอบกอดนักรักรจนาทุกคน อย่างมีเมตตา...มาอย่างช้านาน และถึงจนนะวันนี้มีสมาชิกนับหมื่นๆแล้วละค่ะ และ.. ขอขอบพระคุณ ท่านผู้ดูแลระบบ รวมทุกท่านที่บริหารเกี่ยวข้องค่ะ ที่มากล้นน้ำใจทุ่มเทเสียสละ จนทำให้สถานที่งดงามแห่งนี้ ได้สร้างสรร ผลงานฝัน อันหวังจักจรรโลงใจแลโลกบ้างไม่มากก็น้อย งานพุด มีนับพันเรื่องแล้วละคะ เพราะ.. นอกจาก440 บทแล้ว ยังมีในหน้ากล่องเก็บกลอนอีกประมาณ566บทค่ะ รวมทั้งสิ้นเฉพาะในนามปากกาพุดพัดชาก็พันกว่าแล้วค่ะ ส่วนในอีกนามปากกาหนึ่งค่ะhttp://www.thaipoem.com/forever/my_home.php?mid=6042 *สาวบ้านนา* รวมทั้งหมดทั้งสิ้นคงประมาณ110 บทค่ะ และ..พุดยังคงรักที่จักรจนาต่อไปค่ะ ตราบใดดวงใจยังมีไฟฝัน และตราบที่ร่างกายยังแข็งแรง มีพลังใจนะคะ พุดพลีบทกวีบทนี้แด่คุณโอ้ละหนอนะคะ โอ้ละหนอดวงเดือนในดวงใจ แม่ดวงดอกพุดไพรสาวนาผู้ว้าเหว่ ล่องเรือรักเรือดอกไม้มาจากทะเล หวังกล่อมเห่โลกหล้าฝากอักษราทิพย์ พาหัวใจดวงทองล่องธารธรรม ระรินร่ำหยาดน้ำค้างพร่างให้จิบ เอื้อมคว้าดาวพราวแพรวระยับระยิบ ให้พรายพริบประภัสสรณ..กลางใจ... ถวายจิตชีวิตนี้ธุลีหล้า แด่ร่มฟ้าร่มรัตน์อันไสว เดินตามรอยพระพุทธพิสุทธิ์ใจ อัญมณีใดไหนเล่าจักเท่าเทียม..จิตกระจ่างพร่างแสงธรรม..! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song635.html ลาวดวงเดือน โอ้ ละ หนอ ดวง เดือน เอย พี่ มา เว้า รัก เจ้า สาว คำ ดวง โอ้ ว่า ดึก แล้ว หนอ พี่ ขอ ลา ล่วง อก พี่ เป็น ห่วง รัก เจ้า ดวง เดือน เอย โอ้ ละ หนอ ดวง เดือน เอย พี่ มา เว้า รัก เจ้า สาว คำ ดวง โอ้ ว่า ดึก แล้ว หนอ พี่ ขอ ลา ล่วง อก พี่ เป็น ห่วง รัก เจ้า ดวง เดือน เอย ขอ ลา แล้ว เจ้า แก้ว โก สุม เฮ้อ เออ เออ เออ เอย เฮ้อ เออ เออ เออ เอย เฮ้อ เออ เออ เออ เอย เฮ้อ เออ เออ เออ เอย พี่นี้รัก เจ้า หนา ขวัญ ตา เรียม จะหาไหน มา เทียม โอ้เจ้าดวงเดือนเอย จะหาไหนมาเทียม โอ้เจ้าดวงเดือนเอย หอม กลิ่น เกษร เกษร ดอก ไม้ หอม กลิ่น คล้าย คล้ายเจ้าสูเรียมเอย หอม กลิ่น กรุ่น ครัน หอม นั้น ยัง บ่ เลย เนื้อ หอม ทราม เชย เอ๋ย เรา ละ หนอ เนื้อ หอม ทราม เชย เอ๋ย เรา ละ หนอ หอม กลิ่น เกษร เกษร ดอก ไม้ หอม กลิ่น คล้าย คล้าย เจ้า สู ของ เรียม เอย หอม กลิ่น กรุ่น ครัน หอม นั้น ยัง บ่เลย เนื้อ หอม ทราม เชย เอ๋ย เรา ละ หนอ เนื้อ หอม ทราม เชย เอ๋ย เรา ละ หนอ...
ฝนกำลังพรายสายลงบนทะเลสาบสีเงินงามนิ่ง แล... โลกกำลังหมุนทุกสรรพสิ่ง ให้ใจดวงนวลนวลดวงหนึ่ง ได้พบกับงามเงียบเรียบนิ่งเฉกเช่นกัน กับ.. วันฝันวันแสนดี วันที่ได้กลับมาเยือนทะเลสาบแห่งรักภักดิ์นิรันดร์ อีกคราครั้ง.. สายวสันต์โปรยปรายไปทั่วผืนน้ำ ในท่ามม่านหมอกหม่นมัวเทาทึม ที่ค่อยๆคลี่เคลียไคล้โอบยอดภูดูทอยทอด ซ้อนสลับสล้างอย่างแดนสวรรค์สรวงนิรมิต หากเพียงแค่ใส่ทิพยสีสันให้..อย่างวิจิตรบรรจง น้ำในดวงตาเอ่อซึม กับภาพแห่งความซาบซึ้ง ตรึงตา ตรึงตรา ตรงหน้า และ... แลดูเสมือนว่า.. หยาดละออน้ำค้างใสในดวงใจ ก็กำลังพร่างไหลระริน อย่างมิสิ้นรัก มิสิ้นฝัน ในใจดวงขวัญ ฝันฝันฝัน แม้นทุกภาพที่ตานอกรับผัสสะนั้น ตาในเพียงเพียรกระซิบบอกว่า แท้คือสัจจธรรมชาติ ที่วงวาด วนเวียน เพียรมาสอนใจ ให้.. มวลมนุษยชาติได้ชื่นชมเพื่อค้นพบสัจจธรรม ได้น้อมนำมาระร่ำรินรด ให้สดชื่นใจใสฉ่ำเย็น แค่รู้..แค่เห็นงาม... แล้ว..วางไว้ เพื่อปลอบประโลมใจ ว่า...แท้ที่จริงแล้วไซร้.. ดวงชีวี ดวงฤดีเรานี้หนาก็ประดุจดั่งฤดูกาล ที่จักพ้นผ่าน ม่านมนต์มายา จะ..สักกี่ฝนหนาวเศร้าฝัน..ฤาร้อน..วัน ก็จักผ่อนคลายมลายหายวับไปไม่นานช้า ใช่จักว่า..จะคงที่คงทน.. เพียงฝึกจิตให้รับรู้ ตาดู หูฟัง แล้วเหลือเพียง พลังเพียรพาพบไปสู่ความสว่างสงบ พบสุขว่างกระจ่างใจไปตราบชั่วนิจนิรันดร... และ.. ในท่าม ม่านมนตรา แห่งลีลาวสันต์ ฝันโปรยไพร สวรรค์ไพร หัวใจดวงอิสราก็พากันลอยล่องท่องไปในทุ่งกว้าง ที่ ณ..อีกไม่นาน จักผันแปรจากดงสัปปะรด ให้งามงดเต็มไปด้วยดงดวงดอกทานตะวัน.. *ทุ่งทานตะวัน* และดอกไม้พื้นบ้านนานาพรรณ อันแสนงามไทย งามในวิถีไท มาเนิ่นนาน คงตระการตา ด้วยดงดอกบานชื่นสลับสี ชมพู แดง ขาว พราวนวล พร้อมล้วนด้วยดงพุทธรักษา เหลืองทอง ริมท้องร่องก็คงเต็มไปด้วย พืชผักสวนครัว ค้างถั่วฝักยาว มะกรูด มะนาว พริก โหระพา ข่า ตะไคร้ กล้วย ฟักแฟง แตงไทย แตงร้าน... และคงอีกสาระพืชสาระผักสาระพันธุ์ และ..นั่นคือวิมานชาวไร่ชาวดิน ที่รู้รักทำกิน รักความพอเพียงเพียงพอ.. และ..มิท้อที่จักสร้างสรรสิ่งที่ควร ที่ล้วนแล้ว.. จักคืนกลับมาหล่อเลี้ยงปากท้องพี่น้องคนไทย ให้มีกิน ให้อิ่มอุ่นท้อง มิต้องอดตาย... ไพล..ทรุดตัวนั่งในกระท่อมไม้ไผ่ ของครอบครัวชาวไร่ ที่แสนอบอุ่น ด้วยกรุ่นกลิ่นอาหารยามเย็น ด้วยสายใจสายใยรักความเรียบง่ายสมถะ เด็กชายผิวคล้ำ ตัวดำด้วยแดดลม มากระซิบบอกแม่ให้บอกไพล เดินออกไปชื่นชมผลงานของเขา *อนาคตเกษตรกรไทย* ดูกล้วยไม้ไพร..ที่เขาเพียรสู้หาพันธุ์มาเพาะปลูก สร้างเรือนรัง เพื่อแตกช่อกอฝันได้เอื้อโอบปันพลี ให้แด่ผู้รู้รักษ์ รู้ค่าธรรมชาติ..สืบไป หัวใจดวงอ่อนหวาน จึงขานรับ.. หยาดน้ำใจที่แสนใสงามของเด็กชายน้อย และ.. ก่อนกลับได้กล่าวคำให้เขาได้ปิติภาคภูมิใจ ว่าสักวัน... ในอนาคตไม่นานช้า เขาจะเติบใหญ่เป็นเกษตรกรไทยหัวใจทอง ในครรลองแห่งน้ำพระทัยพระราชดำริ ในสิ่งที่โลกศิวิไลซ์ คนในเมืองวัตถุ กำลังหลงทางห่างไกลออกไปทุกที..ทุกที... กับกระแสธารโศกนี้ ที่แสนเชี่ยวกรากวน......! ........................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song217.html กระท่อมชาวไร่ ทูล ทองใจ พี่ นี้ ไม่มีสมบัติพัสถาน ที่จะบันดาล วิมาน ห้อง หอ มีเพียงกระท่อม ไม้ ไผ่ ของชาวไร่ มอซอ สงสาร โปรดรอ พี่เถิด ทูนหัว กระท่อม น้อย อยู่ริมลำห้วยธารา ทั่วถิ่น วนา ไร้ความ น่า กลัว เรไรจำเรียง เสียง ก้อง แสงจันทร์ส่อง สลัว น้องรัก อย่ากลัว ว่าจะขื่นขม ไม่มี บันไดจะไต่ขึ้นไปสู่สรวง สวรรค์ เปรียบกระต่าย หมายจันทรา สุดทางรักมัน ได้แต่ระทม ถ้ามีปีกบิน เหมือนนก พี่จะโผผิน ลอยลม คว้าน้องมาชม ให้สมอุรา เป็นดอกฟ้า อยู่กลางทรวงพี่ได้ไหม จะมอบดวงใจ ไว้เพียง แก้วตา เอ็นดูพี่เถิด สาย ใจ ขอจงได้ เมตตา แม้นน้องศรัทธา จงอย่าเดียดฉันท์...
จุดเทียนหอมในคืนหนาว รอฝนพราวกลางวสันต์ แก้วพร่างนวลในแสงจันทร์ ราตรีฝันงามเงียบในดวงใจ จันทราแสนงามท่ามโลกแล้ง มนต์แสงสว่างกระจ่างใส ปลอบมวลมนุษย์ใต้หล้าลืมหนาวใจ ปลุกพฤกษ์ไพรด้วยหยาดน้ำค้างละออง ฝากใจซึ้งถึงดวงใจแดนจรดฟ้า มนตรารักแท้เราสอง นับวันรอคืนร่ำร้อง เพียงปองคุ้มขวัญคืนเรือน....
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song347.html บทเพลง*บัวกลางบึง* ทบทวนทุกข์สุขพ้นผ่าน หวังหวานรานโศกโลกฝัน เดียวดายหมายหมองนานวัน สุขสั้นฝันเพ้อเก้อลวง ลำพังแสนงามนิยามว่าง อ้างว้างลอยล่องท่องสรวง โบยบินอิสราเจ้าขวัญดวง เหนือปวงมายาพันธนาใด ปลดปล่อยหัวใจว่างเปล่า เงียบเหงางดงามไสว เพชรพร่างแพรวพราวมณีใจ สุขไหนใดเทียบเปรียบปาน นิ่งนิ่งชีวิตคิดฝัน บัวสวรรค์ไสวช่อแสนหวาน กลางบึงจิตนิรมิตเบ่งบาน กัปป์กาลด้วยสายแสงธรรม...! ................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song347.html บัวกลางบึง สุนทราภรณ์ อนาถเหลือล้ำ บัวบานเหนือน้ำ อยู่ห่าง คน ลับตาอยู่จน กลางบึง ได้แต่ชะเง้อ ละเมอ รำพึง เจ้าอยู่ถึงกลางบึง ปล่อย ให้ผึ้ง เชยชม แดดส่องผิวน้ำ บัวพลอยหมองคล้ำ ด้วยแดด เผา สีเจ้าก็เศร้า ด้วย ลม ตกดึก น้ำน้อย นอนคอยคนชม เจ้าต้องคลุกโคลนตมกลีบ ที่บ่ม โรย รา บัว น้อย ลอยอยู่กลาง บึง ครั้นคนเอื้อมไม่ถึง มีฝูงผึ้งบินมา อยากพักพิงบนหิ้งบูชา เขาไม่ปรารถนา แล้วจะว่าเขาแกล้ง โธ่ อยู่ไกล หนักหนา ดั่งซ่อนหลบตา แอบแฝง หากปล่อยทิ้งไว้พอใจแมลง สิ้นกลิ่นสีโรยแรง แล้วคงเหี่ยวแห้ง คา บึง...