เรามีกันและกันทุกหนแห่ง ท่ามโลกแล้งโลกลวงมิสิ้นฝัน ในอ้อมกอดขุนเขาในเงาไม้แสงตะวัน ในพรายจันทร์หยาดสายหวานปานน้ำผึ้งรวง ในธรรม ธรรมชาติพิลาสหล้า ในนภาแสนงามราวแดนสรวง ในพสุธาดั่งทองทาระย้ารวง ในยามดวงสุริยาพรากฟ้าไพล ในเรียวรุ้งทางช้างเผือกเลื่อมพรายพราว ในอะคร้าวดาวดวงสุกไสว ในทะเลมรกตงามงดใจ ในหมอกไพรยามเช้าเฝ้าภิรมย์ ในเมตตาความเข้าใจยิ่งใหญ่นัก ในแน่นหนักศรัทธาภักดิ์ธรรมหอมห่ม ในสายธารแห่งกาลเวลาเคยระทม พบรื่นรมย์รักแท้สุนทรีย์ตราบชีพนี้..นิรันดร์..! ลอมบอค..บาหลีที่รัก (จงรัก) ลอมบอค..Lombok(อัญมณีแห่งตะวันออก)..บาหลีที่รัก ภาคแรก ................................ บาหลี..ชื่อ..บาหลี แต่ทว่านาทีนี้ บาหลีมิได้เดินทางย่างเหยียบไปเกาะบาหลี อย่างที่น่าจะไป... อาจจะเป็นเพราะว่า ณ.ที่เกาะแห่งนั้นที่เคยเป็นดั่งสวรรค์บนดินนั้น พลันนะบัดนี้ ได้กลายกลับเป็นเกาะนรกน่าวิตก ในใจนักท่องเที่ยวต่างชาติไปแล้วอย่างไม่หวนคืนกลับ นับตั้งแต่นาทีในคืนวันที่13ตุลาคม2545 ที่มีการก่อวินาศกรรม ให้ผู้มีคนนับร้อยผู้บริสุทธิ์ ได้ล้มตายบาดเจ็บซ้อนทับถมกัน เพราะตึกไนท์คลับชื่อส่าหรีได้ถูกถล่ม ถูกวางระเบิดจากเงื้อมมือผู้ก่อการร้าย ที่ร้ายได้อย่างน่าสยดสยอง อย่างอยุติธรรมต่อทุกดวงใจ ผู้ที่รอคอยรับรู้รับเศร้าอยู่เบื้องหลัง ญาติมิตรแม่พ่อ และลูกเมียและผู้อันเป็นที่รัก ที่จักทำใจให้ยอมรับได้อย่างแสนลำบากยากเย็น ในโศกนาฎกรรมนี้ แม้นว่าอาจจะยังโหดร้ายน้อยกว่าการที่ ตึกเวิลด์เทรดถล่มที่นิวยอร์คอเมริกา ที่พาให้โลกทั้งโลกต่างตื่นตกตะลึงขวัญผวา มาจนถึงนะวันนี้ ที่ได้กลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่ง แห่งมวลมนุษยชาติบนโลกมนุษย์นี้ ที่นับวันแสนจะไม่มีอะไรให้มั่นใจในความปลอดภัย ด้วยไร้ซึ่งสมานฉันท์ความเมตตาปรานีต่อกัน ด้วยสิ้นไร้คุณธรรม นอกจากความก้าวร้าวเห็นแก่ได้ แบ่งแยกเผ่าพันธุ์ ไร้ความฝัน ที่จะพยายามรักษาความสงบร่มเย็น ด้วยผู้นำต่างคิดต่างอุดมการณ์..ขัดแย้งทางการเมือง ต่างก็พยายามที่จะรักษาผลประโยชน์ ของแผ่นดินตัวเองไว้ให้อย่างดีที่สุด และ จะตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความถูกต้องหรือไม่ก็ตาม อย่าถามหาความยุติธรรมนั้น เพราะแม้กระทั่งศาลโลกยังมิอาจจะพิพากษาได้ ................... บาหลี.. จึงเลือกที่จะมานั่งอยู่บนเครื่องบินแบบใบพัดฟอคเกอร์ เพื่อจะรอเวลา ค่อยๆถาร่อนลงตรงรันเวย์สนามบิน*เซอลาปารัง* (Selaparang)ณ.เกาะลอมบาค (Lombok) แทนที่จะไปยังดินแดนเดียวกันกับชื่อของเธอ หัวใจดวงเดียวดาย ดายเดียว เลือกที่จะเกี่ยวเก็บประสบการณ์ลำพัง ทิ้งความเศร้าความหลัง ความฝันอันพังภิณฑ์ไว้เบื้องหลัง กับโลกชุลมุนที่ตัดสินใจพรากมา ที่พรากลา โลกที่มีแต่ป่าคอนกรีต. .และทุกสรรพชีวิตมีแต่เร่งรีบแข่งขัน ที่ผู้คนอลหม่านราวมดเมือง หาความประเทืองประทับใจในน้ำใจ และธรรมชาติได้ยากยิ่งขึ้นทุกวัน หันหลังชนกันหันหน้าไปก็พบแต่ ความแล้งไร้ ซึ่งยิ่งหลอมละลายให้น้ำนวลในเนื้อจิตเนื้อใจ นับวันจะค่อยๆหายไปสลายไปตามกาลเวลา ไปกับฟ้ากับดิน ที่ไม่เคยถวิลมีเวลาแม้นจะแหงนมอง ว่านะบัดนี้ ฟ้ายังสีฟ้าดีอยู่หรือไร หรือว่าแปรไปเป็นมืดดำเทาทึมด้วยมลพิษ รอเวลา จะมืดมิดไปตราบจนชั่วนิจนิรันดร์กาลแล้วหรือยัง ด้วยพลังความชั่วร้ายรายรอบจากมนุษย์ทุกผู้ ทั้งผู้ประกอบการและผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ที่สรรสร้างสารพิษ ผลิตผลิตภัณฑ์ทุกสรรพสิ่งหลากหลายประเภท ออกมาจากโรงงานนานานับล้าน มาเสนอสนองความเป็นอยู่นี้ ที่มิได้ใช้หลักการความสมถะพอเพียง มาหลอกล่อเชิญชวนทางโฆษณา เรียกร้องความต้องการตามๆกันไป ให้มนุษย์ผู้สิ้นไร้ปัญญา พากันดื่มกินบริโภคทรัพยากรเกินความจำเป็น และจะเอาเวลาไหนแหงนเงยเล่า หากหน้าตาและปากจ่อตลอดเวลา อยู่ที่เครื่องมือสื่อสาร ที่พูดจ้อจนน้ำตาลกระจายกระจุย ไม่เลือกถิ่นที่ บางทีก็ทั้งตลกทั้งน่าขัน ยามได้ยินเรื่องบางเรื่องในที่สาธาณะ ที่หลุดออกมาจากคนพูดแบบไม่ได้ตั้งใจ จนต้องหันหน้าหนีออกไปเบือนยิ้มด้วยกลั้นไม่อยู่ แล้วคิดดูๆให้ปลงตก กับโลกแสนรก แสนจะมากมีเทคโนโลยี่ ทั้งวี่วันกับสวรรค์นานา ที่ต้องใช้เงินแลกมาใช้ความเครียดแลกไป อย่างนี้จะมีเวลาที่ไหนให้ไหวเปิดละมุนละไม ให้เนื้อใจแสนดีได้รับรสสดฉ่ำร่ำริน ของธรรมชาติพิลาสพิไลได้เล่า และนี่คือบทบาทชาวเมือง อันนะบัดนี้ ที่บาหลีมิเคยประเทืองประทับใจเอาเสียเลย บาหลีจึงได้เพียงแต่พยายามวางเฉย เฝ้าอดทนรอเวลา เพียรพาร่างห่างมาจากลามาให้ลางเลือน จากทุกสรรพสิ่งเสียง แห่งดนตรีเมืองดนตรีคน อันอลวนอลเวงวายวุ่นหมุนโลก ให้ราวใกล้จะขาดเกลียวผึงออกจากกันไปทุกทีขณะทุกนาที.. บาหลี..ผู้หญิงช่างฝัน ที่พยายามปันหอมหวาน จึงแบ่งร่างและหัวใจ ไหวสะออนมารอออดอ้อนวอนเว้า ให้ธรรมชาติแห่งเกาะในฝันสวรรค์สะอาดบริสุทธิ์ ที่ยังเงียบงามพิสุทธิ์ใสยังไกลห่างไกลโลกมายา มาดูมาสัมผัสความฝันในวัยเยาว์อีกรูปแบบหนึ่ง ที่ยังถูกซ่อนเร้นจากรอยเท้ามนุษย์มากมีมากมาย ที่จะพากันมาบุกทำลายฝากรอยไว้ให้ทรายงาม ราวถูกหยามเหยียบ ทันที่.. ที่เครื่องบินจอดนะรันเวย์ และบาหลีสะพายกระเป๋าใบงามออกมา รับกลิ่นบรรยากาศไอร้อนที่พร่างพรูมาทุกทิศทาง แทนอากาศแอร์คอนดิชั่นฉ่ำเย็น อย่างตามสนามบินหรู คู่อาคารผู้โดยสารขาเข้าออกตามเมืองใหญ่ๆทั่วโลก ที่ทำให้หัวใจดวงหดหู่เหงาเศร้า ก็ราวกับดวงดอกไม้เมืองร้อนได้บานรับ แสงตะวันจริงตะวันใจอีกคราครั้ง อย่างวิญญาณนักท่องเที่ยวผจญไพร บาหลี..ติดต่อกับบริษัทรถเช่าผ่านทางอินเตอร์เนต ที่แสนสะดวกรวดเร็วและนะบัดนี้รถก็มาจอดรอรับ เป็นที่เรียบร้อยเสร็จสรรพพร้อมที่จะขับออกไป เธอ ก้าวขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ พร้อมกับโยนกระเป๋าไปทางเบาะหลัง พร้อมกันกับที่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่จากนรกเมืองมาเสียแสนห่างไกลได้ เตรียมพร้อมเผชิญโชค กับโลก..กับเกาะ*ลอมบอคในฝัน*อันคือสวรรค์ทายท้ารอพิสูจน์ ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เธอสูดลมหายใจยาวอีกครา รับเอาอวลหวานหอม ของมวลพะยอมดวงดอกไม้เมืองร้อน ที่กำลังร่ายฟ้อนเริงระบำอ้อนพรายแดดสลับสีสะพรั่ง อยู่ริมสนามสองฟากฝั่งอาคารที่มุงหลังคาด้วยจาก หากถูกออกแบบให้งามขึ้น บาหลี..ยิ้มหวาน และค่อยๆสตาร์ทรถอย่างช้าๆ พร้อมกับกางหนังสือแผนที่เส้นทาง ที่มีไว้คู่กายไว้ใช้สำหรับวิญญาณนักผจญภัย วางเคียงใจตรงหน้ารถ.. ใจดวงหวานละไมเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และ นี่แหละคือสีสันของชีวิตนักเดินทาง ที่ดังต้องมนต์เสน่ห์ ให้หัวใจและร่างอยากแรมรอนร่อนเร่ มิหยุดโอ้ละเห่หัวใจ ให้ติดปีกโผผินบินท่องไป ราวนกไพรหัวใจพเนจรไม่รู้สิ้นสุด.. ให้มนุษย์ผู้รักการแสวงหาชีวิต แปลกเปลี่ยนได้สัมผัสรสชาติอันแสนหวานหอม ทั้งของสถานที่ ทั้งธรรมชาติทั้งเมืองทั้งไพรทั้งผู้คน ที่จะแปลกเปลี่ยนไปไม่มีวันเหมือนกัน ได้เรียนรู้ประเพณี ภาษาวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ในวิถีอันแตกต่างกันไป ที่จะนำมาเร้าไหวปลุกชีพชื่น ให้รู้ตื่นมารับความจริงว่า ธรรมชาติในโลกกว้างไกลนี้ ยังมีถิ่นที่อันแสนยิ่งใหญ่ อีกมากมายนักรอให้เราไปทายทัก ไปค้นหาไปพักใจไปเสพสุนทรีย์ และ พลีน้อมรับความจริงแห่งชีวิตว่าเรานี้ราวธุลีดิน บาหลี..เพลินคิดไปนิดเดียว พร้อมกับค่อยๆเหยียบคันเร่ง พารถเคลื่อนตัวออกช้าๆ หากแต่..!ทันพอที่จะเหลียวเห็นจากกระจกหลัง ว่ามีใครบางคนวิ่งตามมาโบกมือให้ชะลอรถ.. บาหลี..จึงจำต้องหยุดรถ.. และค่อยๆเลิกแว่นสายตา ดูใบหน้าผู้วิ่งตามหลังมาอย่างละล้าละลัง อย่างน่าสงสาร ที่กำลังยืนหยุดหายใจด้วยความเหนื่อยหอบ เพราะบนหลังยังมีเป้เดินทางใบใหญ่พอกันกับของบาหลี ที่สะพายบนบ่ามาด้วย.. เขา..คนดีตรงหน้า คือหนุ่มใหญ่ผิวคร้ามสีทองแดง หากแต่สังเกต ให้ดีราวจะแกล้มไปทางดำราวกับ เพิ่งไปอาบแดดที่ไหนมา และ ที่บาหลีแสนรู้สึกดี ที่แสนมีพลังตรึงใจให้บาหลีชะงักงันคือ นัยน์ตาสีสนิมเหล็กที่แสนเศร้า ดูสงบล้ำลึกราวผลึกน้ำค้างกลางใบบัวยามอุษาฟ้าสาง ที่งามแผกพินิจ ที่นะบัดนี้น้ำนัยน์ตาสวยเศร้านั้น ราวกำลังทอแสงวะวิบวับรับแสงสีเงิน ของเรียวแดดในยามสาย ให้สะท้อนพรายงามจนน่าตะลึงหลงงงไปชั่วขณะ บาหลีอึ้งอั้น ตกใจ! ด้วยไม่เคยคิดว่า ชั่วชีวิตหนึ่งนี้จะได้พบบุรุษที่ เกิดมาชาตินี้เธอคิดว่าเขาแสนจะโชคดี ที่ได้รับพรประทานให้มีดวงตางาม ราวเทพ..พรหมพลีใจปั้นตั้งใจส่ง สั่งตรงให้ลงมาเกิดผิดที่ มาประดับผืนโลกนี้แทนสวรรค์ ในร่างผู้ชายกำยำที่ช่างหายากยิ่งนัก ให้เกิดประกายรัศมีงามฉ่ำเย็นยามสบตา.. ราวกับมีพลังแสงแห่งเมตตาปรานีกระจายพรายพร่าง คล้ายละอองน้ำค้างพร่างรินกระเซ็น รายรอบให้สดชื่นในหอมห้วงแห่งดวงใจ แล้ว บทสนทนาเสียงนุ่มหนักแน่น หากทว่าแฝงพลัง อันอบอุ่นอ่อนโยนก็ตามมา ที่นะนาทีแรกนั้น บาหลีก็พลันลงความเห็นในใจ *ผู้ชายอะไรช่างดูดีไปหมด..*ได้แค่นั้น แม้กระทั่งน้ำเสียงนุ่มนวลชวนฝัน อันอ่อนนุ่มราวขยี้ฟองเบียร์ ก่อนที่จะเอียงหน้าตั้งใจฟังคำบอกเล่าสนทนา *ผมต้องขอโทษก่อนนะครับ ที่มาโบกรถคุณให้หยุดกระทันหัน ผมเห็นคุณ..ในเครื่องบินแล้วครับ เพราะคิดว่าคุณต้องเป็นคนไทย ผมกำลังจะหารถไปที่พักครับที่ Novotel Coralian Resort ที่มีความผิดพลาดทางเทคนิคเกิดขึ้นครับ รถของทางรีสอร์ทเกิดสตาร์ทไม่ติด และ ต้องรออีกคันมารับนานมาก บังเอิญเจ้าหน้าที่ บอกว่าคุณกำลังจะไปที่นั่นครับ แนะนำให้ผมลองตามคุณมาขออาศัยติดรถไปด้วยกัน หากขี้เกียจเสียเวลานั่งรอจนมืดค่ำ และบอกว่าเราสองคนชาติเดียวกันด้วย.. ผมจึงหวังว่าคุณจะกรุณานะครับ เอาละซี..นะ บาหลีคิด..ในใจ จะทำไงดี ทั้งที่ตั้งใจจะแวะชมสถานที่ต่างๆ ตามรายทางก่อนจะถึงที่พักเพื่อเช็คอิน เพราะนี่เพิ่งจะสายนิดเดียวเองยังมีเวลาเหลือเฟือ บาหลี..หยุดคิด..และตัดสินใจบอกเขา *ไม่รังเกียจค่ะ เพราะเราคนไทยด้วยกัน หากต้องให้คุณคิดตัดสินใจใหม่ ระหว่างรอรถมารับ กับแกร่วห้อยตามฉันไปทุกที่ หลายที่ท่องเที่ยวรายทาง ที่ฉันจะหยุดรถแวะชมก่อนถึงที่พัก ให้คุณตัดสินใจว่าจะไปหรือจะอยู่รอนะคะ จะได้มาบ่นว่าฉันทีหลัง เพราะ ฉันตั้งใจจะดูพระอาทิตย์ตกที่..ที่หาดมาวูน ก่อนจะไปนอนฝัน รอวันพรุ่งนี้ที่จะได้ออกสำรวจเส้นทาง ผู้ชายนัยน์ตาช่างฝันอันแสนอบอุ่นอ่อนโยน ใช้เวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที ก่อนที่จะระล่ำระลัก *ตกลงเลยครับดีเสียอีก และขอบคุณคุณด้วยซ้ำที่ให้นั่งรถแล้วยังจะพาผมไปด้วย เกรงแต่จะไปรบกวนคุณเท่านั้นเองครับ* *ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเห็นใจเราคนไทยต่างบ้านต่างเมือง และที่สำคัญ คุณอุตส่าห์วิ่งตามมาตั้งไกล หากให้คุณเดินแบกกระเป๋ากลับไปอีกรอบท่าจะลิ้นห้อยค่ะ* อ้าวขึ้นมาค่ะ. เสียเวลาเที่ยวแล้วละค่ะหากช้าไป* *ตกลงคุณให้ผมขับดีไหมละครับ ผมจะได้สบายใจว่าไม่รบกวนคุณเกินไปนะครับ* ได้ค่ะยินดี มาค่ะ งั้นส่งเป้มาฉันจะช่วยเก็บค่ะ* และแล้ว...ราวฟ้าดินมีตา หรือว่าโลกเรานี้ อยู่ในเงื้อมมือพระพรหมผู้บันดาล ให้ร่างสองร่างต่างไม่รู้จักกันมาก่อน ได้มานั่งอิงอ้อนเคียงกันไป ราวกับ.. คู่หนุ่มสาวเกี่ยวก้อยกัน มาดื่มน้ำผึ้งฝันพระจันทร์หวาน ในท่ามกลางเวิ้งฟ้ากระจ่างใส กับ เรียวเมฆขาวละมุน ดวงดอกแดดละอออ่อนอุ่น กับสายลมพรายพร่างพรายพัด ให้อบอุ่นอ่อนหวานอ่อนโยน พลันบังเกิดเกิดขึ้นในหัวใจคนไกลบ้าน ให้ได้เริ่มฉากฝันสวรรค์หวานขึ้นนะบัดนี้ ...................... จบภาคแรก.. ต่อด้วย http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem63939.html สวรรค์ลา เชิญติดตามค่ะ ............................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4.html จงรัก โปรด อย่าถาม ว่าฉันเป็นใคร เมื่อในอดีตและโปรด อย่าถาม ว่าอดีต ฉันเคย รักใคร รู้ไว้อย่างเดียว เดี๋ยวนี้รักเธอ และรักตลอดไป รักมากเพียงไหน กำหนดวัดได้ เท่าดวงใจฉัน อย่า เพียรถาม ว่าฉันจะรัก เธอนานเท่าใดฉันตอบไม่ได้ ว่าฉันจะรัก ชั่วกาล นิรันดร์ เพราะชี วิตฉัน คงไม่ยืนยาว ไปถึงปานนั้นรู้แต่เพียงฉัน หมดสิ้นรักเธอเมื่อ ฉันหมดลม อย่า เพียรถาม ว่าฉันจะรัก เธอนานเท่าใดฉันตอบไม่ได้ ว่าฉันจะรัก ชั่วกาล นิรันดร์ เพราะชี วิตฉัน คงไม่ยืนยาว ไปถึงปานนั้นรู้แต่เพียงฉัน หมดสิ้นรักเธอเมื่อ ฉันหมดลม...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4258.html (บทเพลง ณ..วันนี้) ณ.... ตรงนี้..ที่ที่ดินสวยสุด ด้วยเป็นเนินสูง แลลาดไล่ละลดหลั่นลงไป คือเวิ้งหุบเขาที่เต็มด้วยดงสัปปะรด ตะวันกำลังจะลาลับฟ้า ได้ยินเสียงเพลงลอยลมเหว่ว้าหวานแว่ว มาคลอใจ..ออดอ้อนใจ ไผ่ป่ารายรอบระบัดกิ่งไกวไหวเสียดสีราวเสียงทิพย์ไพร ฟ้าใกล้ค่ำ กำลังเล่นแสงแปรสีสาดส่องผ่านม่านเมฆราวเรียวรุ้ง นี่ประดุจดั่งวิมานรุกขเทวาขวัญป่าเขา ในเงื้อมเงาแห่งวิมานมนตราทวารวดี ที่แสนสงบงามเป็นยิ่งนัก... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song193.html รังรักในจินตนาการ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1933.html วิมานดิน คือเส้นทางสายรุ้งแห่งความสุข คือวิมานรุกขเทวาขวัญป่าเขา คือร่มรื่นท่ามแมกไม้ในลำเนา ในเงื้อมเงา*มนตราทวารวดี* มาสถิตทายทักให้พักใจ กับเรือนไทยเรียบง่ายงามเงียบนี้ ทะเลหมอกหยอกไศลฝากชีวี มหัศจรรย์ฝันวันแสนดีริมสายธาร พะยอมไพรรายรอบหอมอวลกลิ่น มาประทิ่นประทับหวานแสนหวาน ใช้ชีวีเหนือโลกย์ทิ้งโศกราน กับสายธารนิรันดร์ขวัญหอมทรวง รับอรุณอุ่นไออาบแสงทอง วิหคไพรพร้องร้องระงมราวฝันสรวง เด็ดดอกไม้ริมชายสวนหอมอบอวล แล้วก็ชวนเกี่ยวก้อยกันไปวัด กราบพระพุทธปฏิมาในโบสถ์คร่ำ แล้วน้อมนำวัฏฏปฏิบัติ ศีลสมาธิปัญญาสว่างชัด สงบสงัดท่ามวิมานหล้าทวารวดี วางมาลัยริมหมอนก่อนหลับฝัน แสนเงียบงันงดงามหนึ่งชีพนี้ คือสวรรค์ฝันให้ถึงนะคนดี มนตราทวารวดีพาเพียรพลีพบทางธรรม..นำนิพพาน....! ดวงตะวันลา กำลังลอยดวงเรี่ยเหนือทิวเขา ที่ทอดตัวราวดั่งพญานาคราช รออำลาอาลัยแผ่นหล้าผืนพสุธาไทย แล้วให้คำมั่นสัญญา ว่าจะคืนกลับมาใหม่ กับรุ่งอรุโณทัยแผ่นดินแม่ แห่งความร่มเย็นเป็นสุขสืบมาช้านาน เขา...ยืนอยู่ตรงนี้ ..... ชานไม้ที่ต่อทอดตัวโอบกอด*เรือนมนตราทวารวดี* บ้านเรือนไทยประยุกต์ที่เขาได้บรรจงออกแบบ โดยการผสานผสมจิตวิญญาณทั้งตะวันออกและตะวันตก ให้ผู้อยู่อาศัยได้พบกับความอบอุ่นแสนสบาย เขา..ตั้งใจ จัดสวนตรงหน้า..*ประหนึ่งสวนฝัน* ปานประดุจดั่งวิมานแก้ววิมานทิพย์ ดั่งสวรรค์เนรมิตร สวนทิพย์สวนขวัญ มากำนัลมามอบให้ด้วยมากเมตตา วิมานดิน..กระท่อมทิพย์มนตราทวารวดี ที่งามล้ำเคียงหล้าเคียงใกล้ทะเลสาบสีเงินงาม นามแก่งกระจาน ที่ยามแสงสุริยาส่องแสงพรายพร่างงามระยับระยิบ ดั่งมือนางฟ้าเพิ่งมาปรายโปรยเกร็ดเพชร ลงในท้องน้ำเบื้องล่าง..ให้งามพรายอย่างหาที่ติไม่ได้ และ.. เขาได้บรรจงวางผัง อาคารเป็นสไตล์ล้านนาท้องถิ่น จำลองมา ให้ราวแยกเป็นสองส่วน มีอาคารหลักราวแบบวิหาร และ มีอาคารเปิดโล่ง โปร่ง เพื่อเปิดรับสายลมเย็นและกลิ่นไม้หอม ดวงดอกไม้ป่าดวงดอกพุด ที่กำลังล่งกลิ่นสะพรั่งรินอวลมาเป็นระยะๆ กับสายลมหนาวในยามค่ำ ที่ตะวันดวงโตสีไพล กำลังค่อยๆผันดวงลงสู่ทิวเขาอย่างละมุนละไม อีกอาคารรองถัดมา มีลักษณะเป็นศาลาบาตร สำหรับรับรองแขก ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวเป็นพิเศษ เพราะ มีเตียงสี่เสาและตั่งสำหรับนั่งเอกเขนก มีหมอนขวานหมอนอิง ที่ใช้ผ้าไหมหลากสีมาประดับตกแต่ง แบบตะวันออก อาคารและการก่ออิฐถือปูน การใช้ไม้ในการปลูกสร้าง เป็นการยืนยันเอกลักษน์ของสถาปัตยกรรมท้องถิ่น ที่ดัดแปลงให้เข้ากับการใช้งานจริง มีหน้าบันวิหารเก่าแบบล้านนา เครื่องเรือนอื่นๆเช่นตู้ โต๊ะ ตั่งเตียง ก้ล้วนแล้วแต่ใช้ช่างฝีมือพื้นถิ่นทำ เพื่อรักษาวิถีภูมิปัญญาไทย รวมทั้งงานศิลปะยุคทวารวดี รูปสลักหินทุกทุกชิ้น ที่สื่อแสดงความเป็นไทยโบราณ ย้อนรอยอดีตอันงดงาม..แต่กาลก่อน ที่วางประดับตามสวนในมุมต่างๆ ที่นะบัดนี้ สายแสงเทียน กำลังอวดแสงโชนจากทุกดวงโคมไผ่ ที่ซุกซ่อนไว้ตามสุมทุมพุ่มพฤกษ์ และ กำลังถุกจุดขึ้นทำหน้าที่พร่างไสววะวูบวับ รับล้อกับตุงผ้าฝีมือประดับไปรายรอบเรือน และ ที่แสนงามใจอย่างที่สุดคือ มีชานเรือนไม้ที่ยื่นชิดออกไป ให้คลอชิดใกล้ลั่นทมหลากสี ที่เคลียใกล้ชายคาแห่งรักแห่งฝัน และ ราวกับกำลัง ได้ยินเสียงมหากาพย์ดนตรีแห่งพงไพร และเสียงแห่งสายน้ำที่ราวกำลังร้องเพลงเห่ครวญ ให้สุดหวนไห้ในดวงใจอย่างหวานเศร้าละมุน ในท่ามกลางความสงบสงัด และมีเสียงเรไร จั๊กจั่น กำลังช่วยบรรเลงเพิ่มเติมตามต่อคลอใส ด้วยเสียงหวานหวานหวาน ในท่ามกลางนวลพรายสายแสงจันทร์ ที่กำลังลอยเลื่อนพ้นดงไม้รำไรๆ ข้ามพ้นขอบโค้งภูเขามาอย่างช้าๆ ในคืนหนาว ที่ดาวกำลังระดะดวงเต็มอ้อมฟ้าอ้อมฝัน ที่นางฟ้าได้มาปันโปรยหว่านหวาน ให้ทั่วทั้งท่องนภาฟ้ากว้างราวมีทางช้างเผือก ประดับประดา กับทุ่งดวงดอกหญ้า ทุ่งดอกไม้ป่าดอกไม้ไพร กับเถาวัลย์ที่กำลังพันเลื้อย ออดอ้อนกิ่งมะลิวัลย์ กับเสียงวิหคไพร ที่กู่ก้องร้องเพลงหวานแสนหวานมาจากแมกไม้ กับมนต์หวานในม่านเมฆงามเงา กับกลิ่นของความเป็นชนบท และ ที่สำคัญที่สุดคือกับความงดงาม แห่งเนื้อใจของผู้อันเป็นที่รักภักดิ์พลี ที่ได้มีโอกาสมายืนชื่นชมฝันอันเป็นจริง.. ร่วมกันเคลียคลอชิดใกล้ http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=82 รักข้ามขอบฟ้า ขอบฟ้า เหนืออาณาใดกั้น ใช่รักจะดั้น ยากกว่านก โบยบิน รักข้ามแผ่นน้ำ รักข้าม แผ่นดิน เมื่อความรักดิ้น ฟ้ายังสิ้นความกว้างไกล ขอบฟ้า ทิ้งโค้งมาคลุมครอบ อ้าแขนรายรอบโอบโลกไว้ ภายใน เหมือนอ้อมกอดรัก แม้ได้ โอบใคร ชาติภาษาไม่ สำคัญเท่าใจตรงกัน รัก ข้ามขอบฟ้า รักคือ สื่อภาษาสวรรค์ อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์ ขอบฟ้า แม้จะคนละฟาก ห่างไกลกันมาก แต่ก็ฟ้าเดียวกัน รักข้ามขอบฟ้า ข้ามมา ผูกพัน ผูกใจรักมั่น สองดวงให้เป็นดวงเดียว รัก ข้ามขอบฟ้า รักคือสื่อภาษาสวรรค์ อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์ ขอบฟ้า แม้จะคนละฟาก ห่างไกลกันมาก แต่ก็ฟ้าเดียวกัน รักข้ามขอบฟ้า ข้ามมา ผูกพัน ผูกใจรักมั่น สองดวงให้เป็นดวงเดียว... และกับ ริมเรือน...ราตรีนี้ ที่ดวงดอกลีลาวดี กำลังทิ้งช่อฟ้อนกิ่งใกล้กระจกหน้าต่างห้องนอน บานกว้างยาวจรดพื้น ที่ทุกคืนรอออดอ้อนเห่กล่อมให้สนิทในนิทราอย่างฝันดี ท่ามแสงเทียนทอที่ถูกจุดไว้ตามมุมต่างๆให้ละออใจ ให้ละมุนใจ จันทร์เสี้ยวกำลังโผล่พ้นเรียวฟ้า แย้มยิ้มกับมวลดวงดาราอย่างอารมณ์ดี ฟ้ากำมะหยี่ค่อยๆคลี่คลุมไปทั่วทั้งเนินเขา สายแสงจันทราเริ่มสาดส่องพลังสีเงินยวง ไปทั่วทั้งปวงป่าไพร ปลอบประโลมให้มวลหมู่สรรพสัตว์ ได้พักผ่อน หลังจาก.. บินเร่ร่อนรอนแรมพเนจรออกล่าเหยื่อ เสมือนเสมอ.. ชีวีของเขาคนดี.. ที่ณ..วันนี้ ได้...คลี่ยิ้มด้วยความเอมอิ่ม..ปิติใจ กับวันหนึ่ง..วันนี้...ที่รอคอย...! ......................... ........................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4258.html ณ.วันนี้ ญ ดังมี สิ่งใดมาดลใจฉัน ดังใจ โอ้เอยเฝ้าคอยเธอนั้น นานแสนนาน ฮืม จึงมาเจอกัน คล้ายบางสิ่งผูกพัน ร้อยใจเราร่วมกัน ช ดังมี สิ่งใดมาดลใจฉัน ดวงใจ โอ้เอย มีเพียงเธอนั้น นับวัน ฮืมจนแรกเจอกัน ใจฉันเพียงต้องการ แต่เธอตลอดมา ช ฝากคำสัญญา ฝากวาจา รักเธอไม่เสื่อมคลาย ญ หมื่นพันสัญญา ร้อยวาจา หนึ่งเดียวที่เข้าใจ ช รอคอย ผ่านวันเนิ่นนานเพียงไหน ญ คืนวัน ผ่านไปไม่มีความหมาย พร้อม นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ และหวังเพียงได้ครอง รักจนตราบนานตลอดไป ช ฝากคำสัญญา ฝากวาจา รักเธอไม่เสื่อมคลาย ญ หมื่นพันสัญญา ร้อยวาจา หนึ่งเดียวที่เข้าใจ ช รอคอย ผ่านวันเนิ่นนานเพียงไหน ญ คืนวัน ผ่านไปไม่มีความหมาย พร้อม นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ และหวังเพียงได้ครอง รักจนตราบนานตลอดไป นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ และหวังเพียงได้ครอง รักจนตราบนานตลอดไป...
โลกนี้นะหรือคือมายาฝัน มินานวันมินานปีจำลาล่วง รักหรือชังหวังหรือหวานฤาคำลวง หวงหรือห่วงก็แค่นั้นฝันไม่นาน สงบจิตสงบใจบ้านภายในแห่งความสุข ลบลืมทุกข์เหงาเศร้าสุขแสนหวาน รู้วางนิ่งทิ้งทุกข์สิ่งมากร้าวราน แล้วมินานจักพ้นผ่านพบแสงใจ ให้แสงธรรมแสงทองส่องดับโศก ดับแล้งโลกดับแล้งใจด้วยเย็นใส อยู่กับความไร้ร้างอ้างว้างสักเพียงใด ไม่หนาวใจเท่าทุกข์ท้อพ้อเพ้อรัก ห่างกันนิดจิตเราได้กระจ่าง บนความว่างได้ทบทวนถึงความภักดิ์ ได้ซึ้งค่าว่ารักแท้นิรันดร์รัก ได้ตระหนักทุกก้าวใจในรอยจำ สัจจาธิษฐานผ่านรักแท้ ฤาพ่ายแพ้กิเลสโลกหลงวนซ้ำ ตัดไฟแต่ต้นลมเลิกระกำ แล้วรอวัน..จิตพบว่าง..ทางทองรอ..! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1981.html รักทรมาน ศรีไศล สุชาติวุฒิ เกลียดดวงใจ ตัวเองนัก รักใคร ไม่เคยได้ชื่นชม มัวแต่เพลิน เชื่อคารม เขาลวง เราตรมตลอดใจ เจ็บช้ำ คราวก่อน ร้าวรอนจนสุดจะทน กี่คนที่ทิ้งเราไป แรกบอก รักเราจริงจริง นานหน่อย ทิ้งเราจนไกล แล้วใคร ไม่ช้ำอุรา จากกันที ที่เคยรัก รักลวง จนใจเราด้านชา รอคอยคน ที่เมตตา หลงรอ คอยมาจนเนิ่นนาน ความรักเราแน่ แท้จริงก็แต่เพียงฝัน ตื่นพลันขื่นขม ซมซาน ทนอยู่ทุกดวงชีวี มีแต่ทุกข์ทรมาน ร้าวรานจากนี้ จนตาย จากกันที ที่เคยรัก รักลวง จนใจเราด้านชา รอคอยคน ที่เมตตา หลงรอ คอยมาจนเนิ่นนาน ความรักเราแน่ แท้จริงก็แต่เพียงฝัน ตื่นพลันขื่นขม ซมซาน ทนอยู่ทุกดวงชีวี มีแต่ทุกข์ทรมาน ร้าวรานจากนี้ จนตาย... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song471.html หนามชีวิต เพ็ญศรี พุ่มชูศรี เกิดมาขื่นขม ระทม อุรา ตรมน้ำตา ตรมน้ำตา ตรมน้ำตา โศกาทุกวัน จะสุขอย่างไร กันนั่น สุขเพียง ใฝ่ฝัน หรือไร เปรียบดังชีวิต นั้นมีขวากหนาม ทรมาน ทรกรรม ทรกรรม ฉันจนช้ำใจ กว่าเราจะตาย มิรู้เมื่อไหร่ โอ้ไฉน ชีวิตคอยเป็นนายเรา มีแต่น้ำตา มาปลอบหัวใจ ให้คลาย ความช้ำทุก ค่ำ เช้า เหมือนหนามชีวิต กรีดใจ เป็นเป้า ให้เราอับเฉา ระทม หวั่นไหวว่าขวากหนาม ชีวิตเอย ควรพิเปรย ความรักเอย ความรักเอย มิเคยภิรมย์ สุขเพียง ชั่วคืน ชื่นเพียง ชั่วคราว ร้าว ราน เหลือข่ม โศรกตรม แทบล้ม ประดาตายเอย มีแต่น้ำตา มาปลอบหัวใจ ให้คลาย ความช้ำทุก ค่ำ เช้า เหมือนหนามชีวิต กรีดใจ เป็นเป้า ให้เราอับเฉา ระทม เปรียบดังชีวิต นั้นมีขวากหนาม ทรมาน ทรกรรม ทรกรรมฉันจนช้ำใจ กว่าเราจะตาย กว่าเราจะตาย มิรู้เมื่อไหร่ โอ้ไฉน ชีวิต คอยเป็นนายเรา...
พุดพัดชามารับอรุณอุ่นไอโอบเอื้อ ด้วยใจดวงหอมหอมหวานละมุน นาทีนี้.. พุดกำลังรจนางานเรื่อง *เดือนดอกกุหลาบ* เพราะ.. พุดมีความสุขสงบมาทายทักโลกภายใน..ดวงใจพุด ที่แสนรักความเรียบง่ายสมถะเสมอมา ตราบชั่วชีวิตก็คงว่าได้ แม้... ในยามที่โลกภายนอก *โลกโศกแสนศิวิไลซ์* จะหมุนไปกับเกรียวกิเลสแทบมอดมลายหายวับ ไปกับตามวลมนุษยชาติแล้วก็ตามที มนุษย์ผู้คิดว่าตนแสนฉลาดล้ำ แต่.. ก็ยังหาได้มีปัญญา มีดวงตาเห็นแสงแห่งธรรม ธรรมชาติ ที่เพียรเฝ้าสอนสัจจธรรม ฤาก็หาไม่ ยังคงหลงในกิเลส แห่งการแย่งชิงทำลายล้าง สร้างความวิปโยคโศกสะเทือนใจ ไปทุกธุลีหล้า ทุกข์หย่อมหญ้า แม้นในแผ่นดินไทยไท แผ่นดินธรรม แผ่นดินอันให้อิสราเสรี มี...น้ำใจเผื่อแผ่เมตตา รัก.. ทุกชาติศาสนา ให้อาศัยร่มไม้ชายคารัฐ..รัตน์ ได้..อยู่มาอย่างร่มเย็นเป็นสุขช้านาน ชั่วลูกหลาน...หลายชั่วบรรพ.. ทุกคนดี... พุดพัดชาสะเทือนใจจนน้ำตาจะไหล ในเช้าวันหนึ่งที่ได้ยินข่าว สองครูสาวผู้บริสุทธิ์ เสียสละอุทิศตน ให้กับชาติกับแผ่นดิน อย่างรู้กตเวทิตาคุณ อย่างผู้มีหัวใจดวงทอง ดวงผ่องแผ้ว ดั่งเพชรแพร้วพรรณราย ดั่งดวงเทียน เพื่อฉายฉานแสงทอง แสงธรรม ให้อบร่ำ เฝ้าพร่ำสอน เพียรเพาะบ่ม ให้ลูกศิษย์มิหลงทาง ได้เดินไปบนเส้นทางสีขาว ที่แสนงามพราวด้วยคุณธรรมแห่งความดี ความงาม ในท่ามโลกมายาแล้งลวง เพื่อ.. ต้านกระแส การหลงโลกวัตถุ โลกที่แท้แล้วไซร้ กำลังพามวลมนุษยชาติ ลงเหวร้าย แห่งความฉิบหายสูญเสีย ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ผลาญพร่าทั้งทรัพยากร ให้โลกแล้ง เหมือนแกล้งให้โลกพิโรธกี่ครั้งครา ก็หาได้มีจิตสำนึกไม่ พุดพัดชา..ขอน้อมจิตกราบกรานคารวะ บูชาแด่ดวงวิญญาญผู้เสียสละ แด่แผ่นดินด้ามขวานทอง ขอให้ปองปวงคนดี มีคุณธรรม ที่... ยอมพลีร่าง น้อมนำสอนสัจจธรรม แม้นจะปราศจากลมหายใจระรินร่ำ ก็ให้รับรู้รับทราบว่า.. ยังคงมีหยาดน้ำตาแห่งเราทุกคนผู้อยู่ ณ..เบื้องหลัง พร้อมกันละหลั่งริน...คารวะ ขอให้สวรรค์รับดวงจิตของผู้กล้าเหล่านั้น ให้เสวยบุญ บารมี.. ที่ได้พลีเพื่อแผ่นดินไทยด้วยเทอญ... พุดพัดชา... จึ่งขอน้อมจิตน้อมใจคารวะ แด่..คุณครูคุณธรรม ผู้สร้างสรรจรรโลงโลก ด้วยดวงใจที่แสนซึ้งเศร้าโศกสะเทือน หาก..ทว่า..แสนผ่องพราว ด้วยความภาคภูมิปิติใจ..ในทุกค่าแห่งคน ที่ตน.. ได้เรียนรู้บูชา เพื่อเป็นดั่ง...ศรัทธานิรมิต สร้างสาน..ดวงจิตดำเนินรอย..ตาม.. ตราบชั่วชีวีจะหาไม่ค่ะ...! .................... เสมือนดวงดอกไม้ให้หอมคุณธรรมประดับโลก ฝากรอยโศกสอนสัจจธรรมนำวิถี โลกดำรงคงอยู่ได้ด้วยความดี จึ่งยอมพลีร่างไร้หมายฝากงาม...! ............................ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song490.html แม่พิมพ์ของชาติ แสงเรืองๆที่ส่องประเทือง ไปทั่วเมืองไทย คือแม่พิมพ์อันน้อยใหญ่ โอ้ครูไทยในแดนแหลมทอง เหนื่อยยากอย่างไร ไม่เคยบ่นไปให้ใครเขามอง ครูนั้นยังลำพอง ในเกียรติของตนเสมอมา ที่ทำงานช่างสุดกันดาร ในป่าพงไพร ถึงจะไกลก็เหมือนใกล้ เร่งรุดไปให้ทันเวลา กลับบ้านไม่ทันบางวันต้องไป อาศัยหลวงตา ครอบครัวคอยท่าไม่รู้ว่าไปอยู่ไหน ถึงโรงเรียนก็เจียนจะสาย จวนได้เวลา เห็นศิษย์รออยู่พร้อมหน้า ต้องรีบมาทำการสอน ไม่มีเวลาที่จะได้มาหยุดพอพักผ่อน โรงเรียนในดงป่าดอน ให้โหยอ่อนสะท้อนอุรา ชื่อของครูฟังดูก็รู้ชวนชื่นใจ งานที่ทำก็ยิ่งใหญ่ สร้างชาติไทยให้วัฒนา ฐานะของครูใครๆก็รู้ ว่าด้อยหนักหนา ยังสู้ทนอุตส่าห์ สั่งสอนศิษย์มาเป็นหลายปี นี่แหละครูที่ให้ความรู้ อยู่รอบเมืองไทย หวังสิ่งเดียวคือขอให้ เด็กของไทยในผืนธานี ได้มีความรู้เพื่อช่วยเชิดชู ไทยให้ผ่องศรี ครูก็ภูมิใจที่ สมความเหนื่อยยาก ตรากตรำมา...
นอนนิ่งนิ่งอิงหมอนนุ่มดูนวลฟ้า สนธยาแตะริมใจจนไหวหวั่น ขวัญกลางใจหายวับกับตะวัน รองามจันทร์หยาดสายหวานเสกม่านมนต์ เด็ดดวงดอกไม้ไทยหอมหอมนวลมาเคลียแก้ม แล้วก็แย้มแล้วก็ยิ้มรับโลกสับสน มายาฝันวันรักรอทุกข์เวียนวน ปล่อยกมลวางว่างกระจ่างใจ พบเงียบงามในท่ามโลกใบน้อย นั่นดาวลอยโน่นเดือนเพ็ญพูนไสว แล้วนี่เราดั่งธุลีหล้ารู้ทำใจ นับอสงไขยกัปป์กาลเวลามาชั่วกัลป์ มิช้านานวิบากรานวิบากรักจักพ้นโศก ดั่งบัวบานเหนือโลกปาริชาติสวรรค์ เพียรพายเรือใจข้ามมหาชลาลัยสีทันดรท่ามเวิ้งวัน สู่...เส้นทาง สวรรค์ ขวัญนิพพาน สถิตสถาพร...! .................................