แสงสนธยากำลังจะลับฟ้า นกกากำลังจะบินคืนกลับรัง และ.. ดวงใจมิสิ้นสายแห่งหวัง กำลังติดปีกฝัน..ให้ดวงหทัย..อิสรา ผกโผผินบินลอยเหนือฟ้า..เหิรฟ้า เหนือเกรียวเมฆนวลแสนหวาน เหนือเวิ้งกาล...วสันตลีลา.. สู่แดนพสุธาไทพสุธาทอง ที่ผ่องพราวด้วยพืชพรรณผักผลไม้ อุดม.. ด้วยดงข้าวโพดออกรวงไสว ไล่ลดหลั่นลงมาจากเชิงเขาจนเต็มลาดเนิน.. สู่..แดนดินแห่งธารสวรรค์พระเมตตาบารมี *เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ..* แดนดินเสรีแห่งท้องทุ่งทองทานตะวัน นับหมื่นนับพันที่กำลังรอบานสะพรั่ง.. รอรับขวัญ.... รอรับหวัง..จากทุกดวงใจ ให้เริ่มต้นใหม่.. หากตราบใด.. ที่ยังมีสายแสงสุริยาพรายพระอาทิตย์....! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2559.html เก็บตะวัน เก็บตะวัน ที่เคยส่องฟ้า เก็บเอามา เก็บไว้ในใจ เก็บพลัง เก็บแรงแห่งแสงยิ่งใหญ่ รวมกันไว้ ให้เป็นหนึ่งเดียว เก็บเอากาล เวลาผ่านเลย สิ่งที่เคยผิดหวังช่างมัน หนึ่งตัวตน หนึ่งคนชีวิตแสนสั้น เจ็บแค่นั้น ก็คงไม่ตาย ธรรมดาเวลาฟ้าครึ้มเมฆหม่น พายุฝน อยู่บนฟากฟ้า คงไม่นาน ตะวันสาดแสงแรงกล้า ส่องให้ฟ้างดงาม หากตะวัน ยังเคียงคู่ฟ้า จะมัวมา สิ้นหวังทำไม เมื่อยังมีพรุ่งนี้ให้เดินเริ่มใหม่ มั่นคงไว้ ดังเช่นตะวัน ธรรมดาเวลาฟ้าครึ้มเมฆหม่น พายุฝน อยู่บนฟากฟ้า คงไม่นาน ตะวันสาดแสงแรงกล้า ส่องให้ฟ้างดงาม หากตะวัน ยังเคียงคู่ฟ้า จะมัวมา สิ้นหวังทำไม เมื่อยังมีพรุ่งนี้ให้เดินเริ่มใหม่ มั่นคงไว้ ดังเช่นตะวัน มั่นคงไว้ ดังเช่นตะวัน... ............... ฟ้า..อรุณ.. หอม..หอม แกม.. มาด้วยกรุ่นกลิ่นดวงดอกไม้ไทยนานาพรรณ ที่กำลังผลิบานสะพรั่งพราวพวงระย้าย้อยห้อยดวงดอกดก ระดะสีสันพรรณรายให้ดอมดมพรมจูบเชย ณ..ชายคา กระท่อมวิมานบ้านนอก ปลอบหัวใจให้สาวบ้านนาผู้ช้ำชอก ได้ผ่อนพักเอนอิง..ทิ้งจิตวิญญาณ ในอ้อมกอดแห่งงามสรรพสิ่งสัจจธรรม ในร่มไม้ไทยอันไหวกิ่งฝัน ผ่านวันเวลานานเนิ่น.. จากเจ้าของ.. ผู้มีหัวใจดวงทองผ่องผุดพิสุทธิ์ค่า รู้รักษ์วัฒนธรรมไทย รู้สะสมเพาะบ่มภูมืปัญญาพื้นบ้าน รู้หามาวางประดับ..ในกระท่อมทับร้านอาหาร ที่หวังจักสืบสานดำรงธำรงประเพณี สืบทอดวิถีชีวี ชีวิตเรียบง่าย งามสงบ พบพอเพียง...เพียงพอ มิท้อแท้..คอยสร้างสรรสิ่งที่ควร... ให้โลกเลิกครวญกำสรวลโศกสลด.. หวัง... ทุกรอยใจรอยก้าว..ที่กล้า..ที่ฝ่าฟัน ทุก..พลังขวัญ..ฝันหวาน ทุก..ทุกข์รานรินรดด้วยหยดหยาดเหงื่อ อันหวังเผื่อแผ่เอื้อโอบแบ่งปัน แด่ดวงใจรักภักดิ์นิรันดร์ .. ให้สวรรค์เมตตาฟ้าประทานพร ให้...แด่เรา ผู้พร้อมพลี...จรรโลงโลกนี้ด้วยความดีความงาม.. ตราบ... สายธารเกษมกรุณา..และลมหายใจแห่งดวงชีวา..ยังมี..! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song342.html ใจรัก ฝากรัก รักนี้ ให้มีแต่น้อง ไม่มอง ปองใคร ให้จนหมดใน ฤทัยพี่เอย แต่ก่อนนั้นไซร้ ใจพี่ ไม่เคย หัวใจนิ่งเฉย ไม่ เคย ผูก พัน มากนัก รักนี้ พี่มี แต่น้อง ให้ครอง ดวงใจ จะรักมั่นใน ขวัญใจ เท่านั้น มีใคร ที่ไหน รักเธอ เท่าฉัน ร้อยชายเสกสรร เหล่านั้น ไม่มี ใจเอ๋ยใจ เจ้าเอย โอ้ว่าเจ้าเอย รักเขา เสียเลย หรือนี่ รักจนท่วมท้น นับวัน ทวี หัว ใจ พี่นี้ คอย น้อง เมต ตา หากรัก รักนี้ ถ้ามีพี่น้อง ไม่ปองผู้ใด โปรดมอบ ให้ไว้ หวานใจ พี่ยา พนอพ้อนัก รักยิ่ง แก้วตา ทุกวันเวลา ใจร้อง คร่ำครวญ ใจเอ๋ยใจ เจ้าเอย โอ้ว่าเจ้าเอย รักเขา เสียเลย หรือนี่ รักจนท่วมท้น นับวัน ทวี หัว ใจ พี่นี้ คอย น้อง เมต ตา หากรัก รักนี้ ถ้ามีพี่น้อง ไม่ปองผู้ใด โปรดมอบ ให้ไว้ หวานใจ พี่ยา พนอพ้อนัก รักยิ่ง แก้วตา ทุกวันเวลา ใจร้อง คร่ำครวญ...
เสียงเพรียกจากพงไพรสู่ใจขวัญ ตามตะวันเรียวรุ้งสู่ทุ่งข้าว กับอรุณรุ่งงามระยับด้วยดงดาว หมอกห่มพราวทั่วท้องนาขอบฟ้าชมพู นั่นดงดาลหวานเหว่ว้ารอรับรัก แสงทองทายทักบัวคลี่กลีบรอผึ้งภู่ ละอองหยาดน้ำค้างหยดพร่างพรู จากสรวงสู่ใบไม้แก้วในแวววัน สายแสงแปรเป็นสีส้มจรัสจ้า สุริยางามดวงราวภาพฝัน สกุณาผกโผผินบินเสรีในตะวัน ทิวาวันเริ่มใหม่ไทพสุธา สาวบ้านนาใส่งอบงามเรียบง่าย จูงวัวควายออกเดินเลาะเล็มหญ้า วิถีไทวิถีทองมิเดียวดายเหว่ว้า ดำรงค่าให้รอยไถมิกลายแปร.... ..............!! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4721.html ข้าวคอยเคียว ได้ยินไหมพี่ เสียงนี้ คือสาวบ้านนา พร่ำเพรียกเรียกหา ตั้งตานับเวลารอคอย คอยเช้า คอยเย็น ไม่เห็นสักหน่อย ปีเคลื่อนเดือนคล้อย รักเอ๋ยจะลอยรักเอ๋ยจะลอยแรมไกล อีกเมื่อไรรักจะคืนรื่นรมย์ ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ชื่นชม หรีดหริ่งระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว รวงเอ๋ยรวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว รวงข้าวคอยเคียว น้องนี้คอยเหลียวคอยนับวันรอพี่มา กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ชื่นชม หรีดหริ่งระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว รวงเอ๋ยรวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว รวงข้าวคอยเคียว น้องนี้คอยเหลียวคอยนับวันรอพี่มา กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย...
วิมานไพร..วิมานดิน.. ในท่ามแสงเทียนทองทอทอดโอบกอดอาบจับ ไปที่ร่างๆหนึ่งนอนระทดระทวยเอนอิงพิงหมอนขวาน ทอดนัยน์ตานิ่งดูหยาดละออละอองสายฝนพรำ ที่ราวกำลังครวญคร่ำ ดั่งหยาดน้ำตานางฟ้าละหลั่งริน http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song129.html หยาดน้ำฝน หยดน้ำตา ดาวใจ ไพจิตร หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์ หลั่งความขื่นขมที่ถมอยู่ใน ใจตน หยาดย้อยจากปรางสวรรค์เบื้องบน สู่กลางแก้มดินในฐานถิ่นคน นั้นคือหยาดฝน ฉ่ำใจ สาดสายพร่างพรายพรมผืนไร่นา แนวเนิน ป่าดอนโขดเขินคลองขลุงทุ่งหนอง นองไป หล่อเลี้ยงพืชพันธ์ มีผลดอกใบ โลกเคยหลับไหล พลันฝืนตื่นใจ สวยงามสดใส จริงเอย ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา พลันน้ำตานางฟ้าระเหย เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์ ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา พลันน้ำตานางฟ้าระเหย เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์ ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ... แสงเทียนวูบไหว พอกับใจดวงงามหวั่นหวาม ในท่ามฟ้ามืดฝนครวญ... นวลดอกไม้ไทยไหวกิ่งฝัน รับปันพลีจากหยาดสายพระพิรุณ.. ทั่วแดนดินถิ่นพสุธาทอง พสุธาไท... ไม่ว่าโลกและใจคนจะแล้งไร้สักปานไหน ดวงหฤทัยแลหยาดน้ำใจนางฟ้าก็มิเคยแห้งเหือด หายไปกับกระแสกาล...เวลา ยอมรานร้าวหนาวเหน็บเหว่ว้า ทุกข์ระทมเพื่อปลอบประโลม...ฝัน.. แม้นฟ้าดูราวสิ้นไร้แสงจันทร์ ตะวันในดวงใจราวย่ำสนธยา หากใจดวง..กล้าดวงขวัญ ก็คงมิมีวันยอมพ่ายเพียร...สร้างงาม...!!! ......................... ดาวรุ้ง..ดาวร่วง..! ไพล..ตื่นมารับอุษาฟ้าสางยามใกล้รุ่ง ด้วยเสียงฝน..ปลอย ปลอย.. เสียงกบในบึงน้อย ของชาวสวนหลังบ้าน ร้องระงม ประสานประสมเสียงนกนานา ราวดนตรีจากฟ้าจากสวรรค์สรวง บรรเลงด้วยปวงน้ำมือเทพเทวา..พริ้งพราย..ร่ายมนต์กล่อมใจ กล่อมโลก ลดโศกราน... ดั่งนาฬิกาใจ นาฬิกาปลุกทุกอรุณ ให้ลุกจากหลับไหลในนิทราฝันอันรื่นรมย์ คู่เคียงขวัญวันหวานวิมานดินมานานเนิ่น.. กล้วยไม้ที่แขวนริมชายคาเรือนจำปี หลากสีสลับสวย สดสะพรั่งรับฉ่ำสดหวานจากสายวสันต์.. ราวหยาดน้ำผึ้งพระจันทร์..จากราวสรวง.. พรายละอองน้ำค้างยามดึก พร่างพรมบ่มเกสรแก้ว พุดซ้อนช้อนดอกออกจากใบละออ... ที่หลบซ่อนอ้อนอาย คลี่กลีบกระจายรอรับสายน้ำทิพย์.. ไพล..เปิดประตูกระจก ออกไปเชยชม ดอมดมรับลุ่มลึก หอมอวลจากมวลพฤกษา เด็ดดอกแก้ว พราวตา พราวช่อละออนวล แซมใบเขียวสด..ตัดฉับ.. เพียงแค่เอื้อม จากเรือนจำปี.. ก็เด็ดดอกผลิเรียวยาวตูมตั้ง มาผูกขวัญผูกผม เคลียแก้มแกมหอม ลบตรอมตรมให้หอมเศร้าตลอดวัน...ตลอดเวลา กระนั้น..เพียงแค่นี้ ใจไพลดวงดีก็แสนใสสด... ก็พลันบรรเจิด..เอิบงาม .... พร้อมผจญ.. บทเพลงชีวิตของคนบนโลกนี้ที่มีทั้งโศกสุข ... หมุนเวียนเปลี่ยนผันมารับวันใหม่.. เปิดเพลง..ลุกทุ่ง หวานแว่ว ของสันติ ดวงสว่าง... นักร้องเสียงเซาะหัวใจ ให้หลอมละลายดังคลื่นเซาะทราย ให้ยิ่งเศร้า ยิ่งรานร้าว ยิ่งบาดใจ.. มาสิ...คนดี..มาเงี่ยหูฟัง เปิดใจฟังไปด้วยกันนะ.. http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=5437 ความผิดหวังยังคอยฉันอยู่ สิ่งหนึ่ง ที่รอ รอคอยฉัน อยู่ คือความ ผิดหวัง ความผิดหวัง ครั้ง ใหม่ ฉันเห็น มันใกล้มาแล้ว ไม่แคล้ว เจอมันจนได้ ความช้ำใจ ช้ำ ใจ อดีตที่ผ่าน มานานหลาย ปี ฉันหนีไม่พ้น ต้องมาเจอคน รัก ลวงจนได้ มันช้ำ จนอกกลัดหนอง ฉันต้อง ร้องไห้ร้องไห้ เจ็บปวดใจ เหมือน ใกล้จะขาด ผู้หญิง เขาเปรียบดอกไม้ สดใสสวย บริสุทธิ์ เปรียบประดุจ ดอกไม้ของชาติ แต่ฉัน ขอเปรียบผู้หญิง แท้ จริงคือ เพชรฆาต ประหารประหัตถ์ ใจชาย ไม่อยากจะอยู่ ดูโลกนี้เลย กลัวความผิดหวัง ความผิดหวัง ครั้ง ใหม่ ลาแล้ว ลาก่อน ความช้ำ ความช้ำ อย่าตามมาใกล้ แยกกันไป เสีย คน ละทาง ผู้หญิง เขาเปรียบดอกไม้ สดใสสวย บริสุทธิ์ เปรียบประดุจ ดอกไม้ของชาติ แต่ฉัน ขอเปรียบผู้หญิง แท้ จริงคือ เพชรฆาต ประหารประหัตถ์ ใจชาย ไม่อยากจะอยู่ ดูโลกนี้เลย กลัวความผิดหวัง ความผิดหวัง ครั้ง ใหม่ ลาแล้ว ลาก่อน ความช้ำ ความช้ำ อย่าตามมาใกล้ แยกกันไป เสีย คน ละทาง... จุดเทียน ในลูกแก้ว ที่เหมือนลูกจันทร์สามสี..อ่อนๆ... เหลืองพระจันทร์ ฝันแดงระวี สีเขียวพร่างไพรพฤกษ์.. เขียนเรื่องประเทืองใจ ประเทืองฝัน หวังดับแล้งยามตะวันแผดแสง ให้หมองไหม้หม่น และ โอบเอื้อเย็นสำหรับทุกดวงใจที่ไหวงามละเมียดละมุน ที่จะเปิดรับงามไปด้วยกัน นะยอดขวัญ ยอดดวงใจ... แล้วก็หุงข้าว..หอมพราวราวดอกมะลิขาวนวลนุ่ม... กรุ่นกลิ่น..ไปทั้งครัว เตรียมตัวไปวัด..วันอาทิตย์.. อ้อมไปตัดใบตอง มารองขันข้าวเงิน..ให้งามใจ.. กล้วยกอใหญ่ ห้อยหวีแน่นลูกดก ... แวบคิดถึงคุณแก้วนะ หากว่าบ้านเรียงเคียงกัน คงหิ้วหัวปลี ให้ทำอาหารไทยรับประทาน ตามสูตรโบราณ ที่กลมกล่อม อร่อยลิ้น..นะ ใต้ใบตองแตกลายริ้ว.. หัวใจพลันปลิดปลิว..คิดไปถึงฝันดีเมื่อคืนผ่าน.. หลับสบาย คล้ายปล่อยวาง หลังสมาธิสวดมนต์ ปล่อยกมล ฟังเพลงฝน ฟังเพลงไพร กล่อมฝันดี.. ราวมีวงออเคสตรามาบรรเลงหวานแว่ว.. แผ่วพรมชุ่มชื่นหัวใจ ให้หลับไหล ลุ่มลึก.. ในฝัน... เห็นหญิงงาม นุ่งผ้าถุงสวยสีไพลสว่างกระจ่างใจ ยืนเดียวดายริมชายทุ่งกว้าง กลางลานหวานดอกดาวรุ้ง ดาวเรือง สะพรั่งสี .... มียุ้งข้าว ลอมฟาง และมี.. เจ้าทุยเลาะเล็มหญ้า ขาเปื้อนโคลนอย่างมีความสุข แปลกดีที่ว่า เคียงกระท่อมหลังคาจากนั้น อีกด้านหนึ่งนั้นคือภูเขาลำเนาไพรทอดตัวเขียวชะอุ่ม มีนกไพร ผีเสื้อ บินว่อน ...เหนือโตรกธาร หวานระริกระริน สายน้ำซอนเซาะซอกหิน ซู่ซ่า ซัดสาด เบาเบา ให้เหงางามเงียบสงบใจ.. พลัน.. กลายเป็นยามสายัณห์ตะวันรอนรอน ....เหนือทิวไม้ เธอยืนร้าวรอน ราวออดอ้อนอาวรณ์อาลัย สุริยาดวงโต..ที่ใกล้ลาลับฟ้า มวลหมู่นกกา หมู่ภมร บินว่อนเหนือร่างเธอ.. ผมสีบรูเนต อมทอง..จรัสส่องประกายรับแสงสนธยา.. สยายพลิ้วปลิวไปเบื้องหลังยามต้องพายุ ลมแรงพัดไสว ในอ้อมแขน.. มีดอกไม้ไพรพร่างสีบานสว่างกระจ่างใจราวภาพฝัน... เธอแหงนหน้าราวรอฝัน...รอจันทร์.. รอใคร..กันละหนอ....... ฤาเฝ้าฝันรอฟ้าปรานี ณ.เบื้องบน..... และ....ชั่วพริบตา! เสมือน เวทีฟ้าเปิดการแสดง ดาวบนฟากฟ้าจำนวนนับล้านดวง ก็พลันพริบพราวพร้อมกัน..พรึบ.. ร่างเธอ...ยืนดายเดียวในเงาดาว ในเงาจันทร์ ราวฝันไกล.... ทันใดสายรุ้ง..ดั่งสายไหม สายสวรรค์... ก็พลันพรมห่มร่างงาม..ที่ยืนสะล้างราวนางไม้ นางไพร..ก็มิปาน สายลมแรง ยังโบกโบยกระชั้น ระบัดมวลหมู่ไม้ให้ไหวเอน.. เมฆร้องเพลงฝัน... สวรรค์โปรยสายฝนดาวตก.. ที่งามพราว... ราวเพชรพร่างกลางร่างเธอที่เงียบงามราวรูปสลัก... ................
รับฝันวันฝนรินราวเพชรพร่าง โลกกระจ่างฟ้าหลังฝนกมลใส เหมือนนภาเคียงนวลหล้าเฝ้าสอนใจ โลกยิ่งใหญ่ทุกข์ธุลีพลีสัจจธรรม ให้หัวใจดวงทองยังผ่องพิสุทธิ์ ล้างใจมนุษย์ด้วยเมตตาระรินร่ำ ให้อภัยดั่งเทียนไสวเฝ้าส่องนำ สู่เส้นทางสวรรค์นำดวงใจไปด้วยกัน เลือดอาจจะไหลท่วมใจด้วยบาดเจ็บ อาจหนาวเหน็บหนามชีวิตลิขิตขวัญ อาจจะเศร้าเหงาโศกท่ามมืดจันทร์ หากตะวันธรรมณ..กลางใจไสวดวง เดียวดายกับโลกเหว่ว้า เรือมนุษย์ประดาที่จมร่วง คลื่นกิเลสถาโถมมายาลวง นิรันดร์สรวงนิพพานฝัน...พลัน....พรากไกล... ..................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1873.html โลกแห่งความฝัน ใหม่ เจริญปุระ เมื่อชีวิต ยังรักที่จะฝัน และบอกกับใจ ทุกวันที่ผ่านมา ด้วยปีกแห่งฝัน จะโบนบินไปถึงฟ้า หวังจะไปให้ถึงในซักวัน กว่าชีวิต จะพ้นไปอีกวัน อีกกี่ความฝัน ที่ฉันจะไขว่คว้า อีกกี่คำถาม ที่รอคอย การค้นหา แล้วถึงรู้ว่ามัน ไม่มีจริง โลกแห่งความจริง ฉันเป็นเหมือนคนตาบอด โลกแห่งความฝัน ฉันมองเห็นวันสดใส แต่ในวันนี้ โลกแห่งความฝัน ทอดทิ้งฉัน ไปไหน โลกไม่สดใส เหมือนวันก่อน กว่าจะรู้ ชีวิตคืออะไร กว่าจะรู้ หัวใจคงอ่อนล้า เฝ้ารอความฝัน ให้ตกตะกอนช้า ช้า เพื่อให้ฝันชัดเจน และเป็นจริง โลกแห่งความจริง ฉันเป็นเหมือนคนตาบอด โลกแห่งความฝัน ฉันมองเห็นวันสดใส แต่ในวันนี้ โลกแห่งความฝัน ทอดทิ้งฉัน ไปไหน โลกไม่สดใส เหมือนวันก่อน กว่าจะรู้ ชีวิตคืออะไร กว่าจะรู้ หัวใจคงอ่อนล้า เฝ้ารอความฝัน ให้ตกตะกอนช้า ช้า เพื่อให้ฝันชัดเจน และเป็นจริง... ไม่มีคำตอบจากสวรรค์ ดวงเป็นสาวช่างฝัน และ.. ในชีวิตหนึ่งนี้ของดวง ช่างมีเรื่องราวมากมายเรียงรายมาให้ฝัน.. ฝันของดวงถ้าวัดเป็นขนาด ก็คงเป็นฝันขนาดย่อมเยา เป็นเพียงฝันที่ดวงแอบๆซุกไว้ในมุมเล็กๆของใจดวง... ดวงชอบเรียกฝันเหล่านี้ว่า.. *ฝันกลางฤดูฝน* เพราะ.. ดวงเคยได้ยินเนื้อเพลงของบทเพลงนี้แล้วชอบมาก... เพลง..จะพรรณนา ถึงความฝันของมนุษย์ ที่เราทุกคนเกิดมาแล้วมีสิทธิ์จะฝัน ... เรียกว่าฝันใคร..ฝันมันก็แล้วกันนะ และทุกคนก็มีสิทธิ์จะทำทุกสิ่ง เพื่อให้ชีวิตไปถึงฝั่งฝันของตัวเอง..... บางคนก็สมหวังดั่งฝัน... บางคนก็ต้องพบกับความผิดหวังซ้ำซากๆ แล้วแต่ชะตาข้าลิขิตชีวิตข้าเองไม่เกรงดินฟ้า... ดวงจึงเลือกที่จะฝัน ในสิ่งที่พอจะเป็นจริงได้ แม้กระทั่งบางครั้ง...บางเรื่องราว ก็ยังมิอาจจะเป็นดั่งฝัน.... ดวงคิดว่าถ้าดวงฝันอะไร.... แล้ว.. สามารถเป็นจริงได้หมด ดวงก็คงไม่มีเรื่องราวอะไรให้ฝันต่อ ฝันค้าง หรือฝันลมๆแล้งๆนะสิ ดวงจึงคิดในแง่ดีว่า... พระเจ้าคงอยากให้ชีวิตมนุษย์เดินดินทั้งหลายมีรสชาติ ให้เรามีฝันไว้หล่อเลี้ยงเพื่อมีชีวิตอยู่.. ให้มีพลังที่จะยืนหยัดที่จะรอให้ฝันนั้นเป็นจริง และ.. เพื่อจะอิ่มเอมใจเมื่อเราสามารถสานฝันนั้นได้สำเร็จ ตอนที่ดวงเด็กๆ....... ดวงฝันอยากเป็นครู มีจักรยานสีแดงคันเล็กๆขี่ไปสอนนักเรียน ดวงจะนุ่งกระโปรงบานฟูฟ่อง พร้อมสวมหมวกฟางใบสวยไปสอนหนังสือ ให้เด็กๆเรียกว่า......ครูดวงจักรยานแดง.... ดวงฝันที่จะเป็นนางเอกที่ชื่อ......พวงชมพู... ในนิยายที่ดวงชอบอ่าน.... เป็นเพราะดวงชอบชื่อนี้ ช่างน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม น่าเอ็นดู น่าทะนุถนอม ราวกับดอกพวงชมพู... ซึ่งเป็นดอกไม่กลีบบางๆ เล็กๆห้อยเป็นพวงระย้า ดวงฝันอยากมีผมเปียยาว...ขี่ม้า และมีบ้านไร่.. เป็นนางเอกหนังบู๊ยอดฮิต สมัยดวงยังเด็กๆ ..และ.... แต่... โลกแห่งความฝัน กับโลกแห่งความจริงของดวงในวัยเด็ก... ช่างห่างกันลิบลับ... ดวงมีโลกในวัยเด็กที่แสนจะว้าเหว่... ดวงมีแต่คุณย่า และ.. ดวงคิดว่าชีวีชีวิตดวงบางครั้งเหมือนนางเอก ของนิยายรักของคุณทมยันตี ซึ่งเป็นนักเขียนมีฝีปากกาเป็นเอก... ที่ดวงชอบอ่านงานเขียนของเธอในช่วงหนึ่งของชีวิต เพราะ นางเอกของคุณทมยันตี มักมีวัยเด็กที่เติบโตมากับความอ่อนโยน ความเรียบง่าย สงบงามตามวิถีชีวิตไทยๆ เหมือนชีวิตดวงใม่มีผิด ..... ดวงมีคุณย่าชอบอ่านหนังสือวรรณคดี...เรื่องรามเกียรติ์... บางค่ำคืนคุณย่าและเพื่อนๆรุ่นเก๋า ที่ดวงเรียกว่า *ชมรมวรรณคดีสัญจรยามชรา...* จะรวมตัวที่นอกชานบ้านเรือนไทย... ท่ามกลางแสงตะเกียงลาน ... และ แสงจันทราดวงโต ที่ทอรัศมีสุกใสในราตรีที่ฟ้าประดับดาวพราวพร่าง... ดวงจะนอนฟัง เสียงบทกลอนอันชวนตื่นเต้นเร้าใจ... ชวนเคลิบเคลิ้มใจหายยามสีดาลาจาก...จนม่อยหลับไป ด้วยใจที่อิ่มเอิบและเป็นสุขยิ่งนัก ดวงคิดว่านอกจาก ธรรมชาติงามของเกาะสวาทหาดสวรรค์ ที่ดวงได้ถือกำเนิดเกิดมา ดวงยังโชคดีนักที่ได้ใช้ใจซึมซับ ชิดใกล้กับวิถีชีวิตสงบงามของคนแก่ ที่มีใจละมุนอย่างคุณย่าผู้แสนประเสริฐของดวง ดวงจะตามคุณย่าไปวัด ไปนั่งร้อยมาลัยดอกพิกุล..เป็นพวงโต และ.. กลายเป็น...สร้อยดอกไม้หอม...เส้นงามที่สวยที่สุด สำหรับ.. เด็กผู้หญิงบ้านนอกอย่างดวง ผู้ไม่เคยรู้จักคำว่า ศูนย์การค้า...ในพจนานุกรมของชีวิต...ตัวเอง ดวงจะตามคุณย่าไปทุกหนแห่ง แม้บางสถานที่..แสนจะน่าหวาดกลัวสำหรับเด็กๆ คือ ป่าช้า.....ซึ่งอยู่ใกล้วัด... เป็นที่ๆสงบเงียบ.. ที่ที่คุณย่าดวงจะไปนั่งกรรมฐาน... ดวงไม่เคยรู้สึกกลัวเพราะที่ไหนมีคุณย่า.. ดวงเชื่อว่าเหมือนมีเกราะรายล้อม ปกป้องชีวิตดวงให้พ้นภยันตรายได้..... ดวงรู้ในวันนี้...นาทีนี้ ... ทุกสิ่งเหล่านี้ที่ดวงผ่านพบและซึมซับ ทำให้ใจดวงละเมียดละมุนยิ่งนัก และ.. ทำให้ดวงใฝ่หาบางสิ่งให้แก่...ดวงจิตภายใน....ในเวลาต่อมา บางเวลา.. เพื่อนๆคุณย่าจะถามดวงว่า ดวงคิดจะตามคุณย่าไปทุกแห่งหนหรือไม่หนอ ... เพราะ... คงรำคาญที่คุณย่าต้องมีดวงห้อยท้ายราวกับบ่วงชีวิตก็ไม่ปาน และดวงจะตอบโดยไม่ลังเลใจเลยว่าแน่นอน ดวงจะตามคุณย่าไปแม้จะสุดหล้าฟ้าดิน...... ดวงหารู้ไม่ว่า.... เมื่อถึงวันหนึ่ง ดวงก็มิสามารถติดตามคุณย่า ซึ่งดวงรักดั่งดวงใจไปได้ นอกจากยืนน้ำตาไหลรินเงียบๆ อย่างปวดร้าวใจ เท่าที่เด็กผู้หญิงวัยแค่สิบสามขวบจะทำได้ วันแห่งแสงชีวิตอำลาของทุกคน..... ที่ต้องไปแต่เพียงลำพัง... มีเพียงแต่จิตวิญญาณเท่านั้น... ที่จักนำทาง... ไปสู่ความมืดมน หรือ... ความสว่างไสว.. ตามที่ได้ประกอบกรรมทำมาในยามมีชีวิตอยู่.... แต่...ระหว่างดวงกับคุณย่า.. ยังคงเหลือความทรงจำอันแสนยิ่งใหญ่งดงาม.... กระจ่างสว่างไสวในชีวิตดวงทุกครั้งคราที่รำลึกถึง.... เป็นฉากยิ่งใหญ่ของละครแห่งชีวิตดวง ที่แสนสวยงาม และสมบูรณ์แบบ..... อย่างที่สุดสำหรับชีวิตนิดหนึ่งน้อยนี้ของดวง ............. คืน..และวัน...ผ่านไป ดวงกลายเป็นเด็กช่างคิด...ช่างอ่าน.... และต่อมากลายเป็นเด็กช่างฝัน.... โลกหนังสือ... ทำให้ดวงค้นพบทุกสิ่ง ที่จะเข้ามาเติมเต็ม ให้กับโลกอันแสนขาดวิ่นในชีวิตของจริงของดวง และ ดวงก็รู้สึกว่าดวงมีบุญที่ดวงเกิดมามีใจดวงนี้ ดวงดีใจ.. ที่ดวงผ่านอดีตมากมายที่ไม่ว่าทุกข์...หรือสุข ก็ล้วนมีส่วนหล่อหลอม ให้... ดวงมองโลกและชีวิตในแง่มุมที่พิเศษใส เกินที่ใจใครบางคนจะหยั่งถึง และเข้าใจ..... และ..นาทีนี้ ดวงกำลังจะบอกว่า... วันนี้ ดวงกำลังจะเขียนเรื่องของความฝันของดวงเท่านั้น ถ้าจะอ่านชีวิตดวง คงต้องรออ่าน.... ผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อ ...ดวง....ในตอนต่อไป ดวงจะบอกว่านอกจากฝันจะเป็นครู และ.. ดวงก็สามารถทำให้ฝันเป็นจริงได้..แม้จะช่วงเวลาแค่ห้าปี แต่.. ดวงก็แสนจะภาคภูมิใจกับอาชีพนี้.... นานหลายปีมานี้.. ดวงมีความฝันอันบรรเจิดภายในใจดวงงาม........ และ.. ดวงอยากเขียนบอกใครสักคนถึงฝันค้างของดวง ดวงอยากไปใช้ชีวิตเป็นครูใต้ต้นไม้ สอนธรรมชาติชีวิต... มีบ้านสักหลังเป็นกระท่อมสไตล์บาหลี...เรียบโล่ง และ.. แวดล้อมด้วยพันธุ์ไม้ไทยส่งกลิ่นหอมละมุน... ดวงมีที่ดินในฝันแล้ว.. ที่ของดวงมองเห็นภูเขาเป็นฉากหลัง... เห็น.. ทะเลงามตรงหน้า.... เห็นฟ้ากว้าง หาดทราย ส่วน.. สายลม...แสงแแดดใช้ใจสัมผัสเอาได้ จากทุกอณูรายรอบ ดวงมีดงมะพร้าวมากมาย มีหินงาม ... ที่ดวงวางแผนว่า.. จะทำเป็นชานบ้านไว้นอนนับดาวเดือน.... ดวงจะทำห้องน้ำที่จะนุ่งลมห่มฟ้าท้าแสงจันทร์ พร้อมกับมี.. ดวงตาจากดาราสวรรค์ ที่จะกระพริบพราวราวกับจะล้อเลียน...ให้เขินอาย บางค่ำคืนดวงจะจุดเทียนวับแวม พร้อมมีปาร์ตี้รอบกองไฟ ล้อมวงคุยกับคนพิเศษในชีวิต.... วันนี้... ดวงพพยายามที่จะให้ฝันนี้เป็นจริง แต่.. จนแล้วจนเล่าก็ยัง*ไม่มีคำตอบจากสวรรค์*.. สวรรค์... คงรอให้ดวงตัดสินใจ ลงมือทำด้วยสมองและสองมือของดวงเอง....จริงไหมจ้ะ ..! ..............
อรุณรุ่งฟ้ายังคงเป็นเช่นสีฟ้า ดวงดอกไม้ทั้งหล้าส่งกลิ่นหอม มวลภู่ผึ้งยังคลึงเคล้าเกสรดอม พวงพะยอมยังฟ้อนไพรรับขวัญดวงสุริยา หากมวลมนุษย์ไยดวงตาช่างมืดนัก สิ้นไร้รักสิ้นไร้ขวัญวันเสน่หา เพียงสงครามสะเทือนโลกโศกมายา ให้เหว่ว้าน้ำตารินสิ้นแสงตะวัน จันทร์ดวงงามแอบซ่อนซึ้งวิปโยค ธารหวานโศกเคยหยาดสายพลังฝัน ให้ผู้คนบนพสุธาพบรักกัน เป็นนิรันดร์ราตรีพลีสัจจธรรม เพราะหัวใจไร้ธรรมทองผ่องพิสุทธิ์ ค่ามนุษย์จึงสูญสิ้นฟ้ารินร่ำ สวรรค์โศกพรหมโลกพลอยระกำ กับรอยกรรมแห่งกิเลสเวทนา ลืมตาภายในมองโลกใหม่นะที่รัก ดูดวงดอกไม้ทายทักทั้งแหล่งหล้า ดูฟ้าสวยด้วยเมฆหวานตระการตา รู้รักษาบ้านภายในใจของเราให้เงียบงาม..!!! ................. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song373.html บัวขาว เห็นบัวขาว พราวอยู่ ในบึงใหญ่ ดอกใบ บุปผชาติ สะอาดตา น้ำใส ไหลกระเซ็น เห็นตัวปลา ว่ายวน ไปมา น่าเอ็นดู หมู่ภุมริน บินเวียนว่อน ลอยร่อน ดมกลิ่น กลิ่นเกสร พายเรือน้อย คล้อยเคลื่อน ในสาคร ค่อยพาจร ห่างไป ในกลางน้ำ หมู่ภุมริน บินเวียนว่อน ลอยร่อน ดมกลิ่น กลิ่นเกสร พายเรือน้อย คล้อยเคลื่อน ในสาคร ค่อยพาจร ห่างไป ในกลางน้ำ... ..........