4 กุมภาพันธ์ 2550 21:50 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song481.html
คิดถึง
คืนนี้...นาทีนี้..
หัวใจคนไทยคงเศร้าเสียใจ
ไปกับเกมกีฬาฟุตบอลไปทั่วทั้งประเทศ
ที่ไพล..แอบลุ้นระทึกหน้าจอทีวี
แบบตาไม่กระพริบ
ทั้งๆที่..
พยายามแล้วที่จะทำใจสงบๆ
คิดว่า..ไม่ว่าจะพบกับคำว่าแพ้ฤาชนะ
มันก็แค่เกมกีฬาและกีฬา...
นี่คือทุกข์สัจจะ ผัสสะที่น้อมนำมาสอนใจได้ว่า
ไม่มีอะไรดอกหนา..
จะสุขสมหวังดั่งใจเราปรารถนาเสมอไป...
เสมอเสมือนบทบาทของละคอนแห่งชีวิตนี้
ที่คงมีทั้งฉากดีร้าย..
ให้เราได้แสดงไปตามเกมตามกรรม
แล้ว....
ก็พาให้ไพล...แสนคิดถึง...ชีวิตของไพลเอง
ที่ถูกชะตากรรมบรรเลง
ตามเพรงพรหมลิขิต
ให้..ชีวิตจริงยิ่งกว่านวนิยายเสียอีก..นะ
และ..
ดูราวกับว่าจะถูกรัดร้อย
ด้วยสายสร้อยลั่นทม..ระทม
ให้ตรอมตรมมิรู้จบมิรู้สิ้น
จะมีก็เพียง..
หยาดน้ำอมฤตธรรม
ที่หัวใจดวงทอง
ของไพลเพียรถวิลนำมาพร่างพรมดับร้อนคลาย
ให้ได้รู้ทันเท่าและอย่างรู้วางรู้ปล่อย..
ดั่งเรือน้อยลอยไปกับแสงตะวันลา
ที่..
กล้าฝ่าพายุแลคลื่นลมด้วยดวงใจกล้าแกร่ง..
รอ...
เพียงแสงจาก*ประภาคารใจ*
ที่จักโผล่มานำทางไสวให้พบฝั่งฝัน
อันคือความสุขนิรันดร์..เท่านั้นเอง..
ไพล..จึ่งคิดถึง..แสนคิดถึง
ยอดดวงหฤทัยในสายใจถวิลของไพล
ที่ณ..เวลา..ในเวลานี้...
กำลังพรากลาไพลไปไกล.....
จน...สุดหล้าฟ้าเขียว
ทิ้ง.....ให้ไพลเปลี่ยวเหงาดายเดียว
เสียเหลือเกินแล้ว...นะยอดดวงใจ
ไพล..จึงมานั่งนิ่งๆ
ฟังเพลงขลุ่ยบรรเลง
ให้ใจแสนยิ่งเงียบงาม..สงบ
และ...
หัวใจไพล..กำลังค้นพบ..
บางสิ่ง..ลำพัง....แล้ว..นะนาทีนี้..!
ในราตรีฟังเพลงขลุ่ยเหว่ว้า
สิ้นน้ำตาเหลือเพียงงามในท่ามหวัง
โลกเปลี่ยวเหงาราวเหลือเราเพียงลำพัง
นกแห่งหวังบินพรากไปไยไม่คืน
เหลือเพียงนิยามความทรงจำ
ระรินร่ำสายน้ำใจหยาดชลชื่น
คือว่างเปล่าดายเดียวผ่านวันคืน
ไร้ยั่งยืนแค่ตื่นมาพบว่า..มายาลวง..!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song481.html
คิดถึง
จันทร์ กระจ่าง ฟ้า
นภา ประดับ ด้วยดาว
โลก สวย ราว
เนรมิต ประมวล เมืองแมน
ลม โชย กลิ่น
มาลา กระจาย ดินแดน
เปรืยบ มี แสง
คนึง ถึง น้อง นวลจันทร์
งาม ใด หนอ
จะพอ ทัดเทียบ เปรียบน้อง
เจ้า งาม ต้อง
ตาพี่ ไม่มี ใครเหมือน
ถ้า หาก น้อง
อยู่ด้วย และช่วย ชมเดือน
โลก จะ เหมือน
เมืองแมน แม่นแล้ว
นวลเอย...
3 กุมภาพันธ์ 2550 20:18 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song774.html
บทเพลงสี่แผ่นดิน
พับกลีบบัวน้ำตาปริ่มอิ่มปิติ!
ร้อยมาลัยพุดซ้อนและกลอนรัก
แทนอ้อมตักอ้อมใจยามไกลแสน
ร้อยมาลัยห่วงหารัดร้อยแทน
อุ่นอ้อมแขนแทนอ้อมขวัญอันห่วงใย
พับกลีบบัวน้ำตาปริ่มอิ่มปิติ
ดอกมะลิลามะลิซ้อนงามอ่อนไหว
อธิษฐานกราบพระพุทธพร้อมพลีใจ
ยอดดวงใจพรากลาอีกคราแล้ว
จิตเกษมหอมห่มธรรมย้ำรอท่า
ทุกทิวาภาวนาใจใสดั่งแก้ว
น้ำค้างฝันจันทร์หวานทั่วถิ่นแนว
กระซิบแผ่วใครคนนี้พลีรักรอ..
มองดูจันทร์ฝันฝากใจนะยอดรัก
จันทร์ใจภักดิ์คงมั่นฝันเฝ้าพ้อ
จะเนิ่นนานสักปานไหนใจเฝ้ารอ
จะมิท้อดอกธรรมหวานบานในใจ
จะส่งจูบส่งใจไปคลายหนาว
ห่มร่างร้าวเหนื่อยนักพักหวั่นไหว
ให้เดือนดาวกระซิบพราวออดอ้อนใจ
ยังมีใครคนนี้ที่รักนัก...
ดอกพุดไพรฝากใจห่มหอมกว่าหอม
หวังจิตหลอมสัญญามั่นขวัญรวมภักดิ์
น้ำค้างพรมลมลูบไล้มาทายทัก
ดาราจักรหมุนวนรอคนดี..
น้ำค้างแก้วพราวใสจับใบไม้
น้ำตาพรายซึ้งเศร้าหนาวคืนนี้
นับวันรอยอดหฤทัยกี่ราตรี
ใจดวงดีกราบขอพรวอนสวดมนต์
ฝากท้องฟ้าโอบกอดแทนห่วงหา
ฝากดาราประจำเมืองทุกเวหน
ฝากคำมั่นสัญญากลางกมล
ฝากเทพดลบันดาลประทานพร
ฝากใบไม้ร่ายฟ้อนแทนคำหวาน
แทนร้าวรานรักรอขอออดอ้อน
ฝากหมอนน้อยคอยเคลียแก้มก่อนจะนอน
กระซิบอ้อนวอนว่านิทรารมย์..นะดวงใจ..
.....................
ค่ำคืนแสนสุขสงบเงียบ
จนแทบได้ยินเสียงเย็นเฉียบของน้ำค้างพรม
ลงบนกลางกลีบดวงดอกไม้ที่แย้มเผยอ..รอ
ดวง...เดินไปเด็ดดวงดอกลั่นทม
บนระเบียงบน
ที่สลัดใบร่วงหล่นจนเหลือเพียงดวงดอกดก
มาเพียงไม่กี่ดอก
ให้หอมๆแค่ซาบซึ้งตรึงตราอารมณ์ดายเดียว
จุดเทียนทองบูชาพระพุทธ ธ..ผู้ทรงพระพิสุทธิคุณ
น้อมนมัสการถวายดวงดอกบัว
แล้ว..อธิษฐานจิต
ให้เกิดทิพย์นิรมิตปาฏิหารย์
ได้ทรงบันดาลดลให้ดวงจิตผู้คน
ในแผ่นดินทองแผ่นดินไทยแผ่นดินธรรมนี้
ต่างมีความคิดดี พูดดี ทำดีรู้สมานฉันท์สามัคคีกัน
อย่าได้มีอันแบ่งแยกแตกเป็นหลายฝักหลายฝ่ายเลย
หัวใจดวงนวลนวล
ดวงนิดดวงน้อย ดวงนี้
ดวงที่มีเพียงรักแท้ล้วนๆ
หวังเพียงพึงปรารถนาดี
พลีให้แก่แผ่นดินนี้
ที่ได้ให้ชีวีเราเกิดมา
ได้มาพบพระผู้ผ่านฟ้า
มาโอบเอื้อแด่พสกนิกรทุกผู้นาม
อย่างไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
หวังเพียงให้คนไทได้มีกินอิ่มท้อง
รู้เมตตาแบ่งปันรักกันฉันท์น้องพี่
ครองเพียงความดีความสงบ
พบร่มเย็นเป็นสุขไปทั่วหน้าทุกธุลีหล้าไทย
ในแผ่นดินทองแห่งทุกผองเรานี้
ด้วยเทอญ...
พรุ่งนี้.....
เป็นวันสำคัญของคนที่เปรียบประดุจดั่ง
สายรุ้งในดวงใจ
ผู้ที่..
มีความหมายยิ่งใหญ่เสมอไปตราบชั่วนิจนิรันดร
ใจ..ดวง..จึงตั้งมั่นจะไปทำบุญ ฟังธรรม
ใต้ร่มไม้ใบบังที่งามระยิบระยับ
ราวกับชีวีดวงได้ย้อนกลับไปในสมัยพุทธกาล
ยามที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงธรรมเทศนา.
ดวง..น้อมศิระด้วยหยาดน้ำตาปิติเกษมซึมซึ้ง
ในทุกครา ที่ได้มีโอกาสกราบลงตรงแทบเท้าหลวงพ่อ
ผู้ก่อเกื้อกรุณา
ให้พุทธศาสนิกชนรู้ค่าคำว่า*กุศลธรรม*
อันล้ำเลอค่า มาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ
จนนับถึงวันนี้ จะเป็นปีที่แปดสิบแล้ว...
หากทว่า..
หัวใจท่านที่แสนสว่างสุกใส
*ราวดวงแก้วมณีประกายพฤกษ์*
ก็ยัง..
มิเคยหยุดพ่ายเพียร..ให้...ความดี
พลีแด่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ลำบากทางใจ
ได้พบเส้นทางสายทองไสวสว่างกระจ่างสะอาดสงบ
เพื่อสยบโศก โลกมายา
ที่มากผู้คนพากันว่ายวนทุรนทุรายเร่าร้อน
ดั่งนอนนั่งในกิเลสเปลวเพลิงก็มิปาน
ท่านให้หยาดน้ำอมฤตธรรม..
ได้น้อมนำมาพร่างพรม
มาให้สะสมเสบียงบุญ แห่งความปิติเกษมเย็น
เป็นสุขแบบสัจจะแท้
ใช่..เพียงแค่ เกิดมา แก่เจ็บตาย
เพียงหมายมาสะสมสุขกิเลส
สุขเวทนา หลงในป่าช้าสังสารวัฏฎ
อันคือป่ารกชัฎ..
จนบางคนยากจะหาทางออกพบเจอ
ใจดวง..นิ่ง นิ่ง แล นิ่ง
ด้วยรู้วางทุกข์สรรพสิ่งไว้ภายนอก
หลังเพียรกระซิบบอกดวงจิตให้รู้พัฒนา
ดวงชีวีชีวิตนี้ มาอย่างยาวนาน
มาตรแม้นจะพบราน พบโศก
พบวิปโยคสุดสะเทือนใจสักปานไหน
ใจดวงไสว รักเพียงบุญ
ก็ยังคงรู้ทนรู้ทัน รู้สร้างสรร
หวังเพียงให้หยาดน้ำใจ แด่ทุกใครทุกคนที่ชิดใกล้
ให้ ให้ ให้ ตราบจนกว่าตะวันลาแห่งดวงชีวาจะสิ้น
ให้ ให้ ให้
จนดวงใจแห่งเมตตากรุณาถวิลจำต้องพรากไกล
อย่างไม่มีวันหวนคืนกลับ...
ประดุจดั่ง...*สายน้ำรักนิรันดร์.*
ที่คงไม่มีวันไหลกลับหวนทวนย้อนคืน....
....................
แสงเทียนยังคงพร่างไสว
ชีวิตคือ..อะไรกันเล่า..
ดวง..เฝ้าค้นหาคำตอบมาอย่างยาวนาน
จน..
ใจดวงเยาว์ดวงใสต้องสังเวยพบรานโศก
และพบว่าโลกทั้งโลก ตรงหน้า
สอนสัจจธรรมแด่..ใจดวงว่า..
ให้รู้ปล่อยรู้วาง..
ในเมื่อ...
แท้เที่ยงแล้วไซร้
ชีวิต..คือมายา
คือการได้เกิดมาชดใช้วิบากกรรม
และ..
ได้น้อมนำลมหายใจแห่งชีวิต
มาพบกับพระพุทธรัตนา
มาพบกับคำว่าค่าแห่งคน
คือการรู้พัฒนาตน
ให้เหนือโลกย์พ้นพันธนาทั้งโศกสุข
ดั่งคำสอนแห่งองค์พระบรมศาสดา
พระ..ผู้กล้าประกาศอริยสัจจ
อันคือทางออกแห่งมวลมนุษยชาติ
ให้มี ศีล สมาธิ ปัญญา
เพื่อพาให้พ้นทุกข์ พบสุขว่างสว่างสงบ
จบด้วยการไร้ยึดมั่นถือมั่น
ให้ดวงจิต พลันพบทางกระจ่าง
ประดุจแก้วใส ไสวชัชวาลย์โรจน์รุ่ง
พุ่งไปสู่แดนพระนิพพาน...
นาทีนี้..
ดวง..จึ่งปิติพลีอ้อมกอดให้*ยอดดวงหฤทัยแห่งดวง*
ที่ประดุจดั่ง...
ดวงดารารายนับพันนับหมื่นสกาวพราวพราย
ดั่งเพชรรุ้ง..เรืองรอง
อันคือทุ่งทิพย์รวงทองระย้าระยับ
อันคือแก้วแวววะวับพิสุทธิ์ใส
อันคือ..
ปวงดวงดอกไม้ไพรหวานหอมทั้งโลกหล้า
และ
ทุกสิ่งแห่งความดีทั่วทั้งฟ้าดิน
ที่ต่างพากันปลาบปลื้มมิรู้สิ้น
ต่างพร้อมพลีพากันเมตตาประทานพร
รับขวัญเจ้า....
แม่นวลอรชร...แม่ยอดเยาวมาลย์..
ให้...
คุ้มขวัญคุ้มใจ..
คุ้ม..กับการได้มีโอกาสยิ่งใหญ่แสนโชคดี
ได้เกิดมาบนผืนแผ่นดินไทยแผ่นดินธรรม
แผ่นดินที่มีร่มฉัตรเพชรกางกั้น
ให้...
คุ้มค่าคน เหนือคน นะคนดี...ที่ดวงรักแสนรัก..!!!!
.................
ใต้ร่มไม้ใบระยิบระยับไหว
ฟังธรรมใจรับแดดทองส่องพรายพร่าง
ใจดวงทองรับยอดธรรมส่องนำทาง
ใสกระจ่างอัญมณีทิพย์นิรมิตใจ..
หลับตานิ่งทิ้งทุกสิ่งไว้ภายนอก
ตาในบอกเปิดจิตงามรับพร่างใส
ดอกบัวบุญแย้มคลี่บานกลางบึงใจ
ยอดพระรัตนตรัยดั่งน้ำค้างลงพร่างริน..
ในนิมิตเราเคียงกันลานดอกจิต
น้อมชีวิตกราบกรานถวายสิ้น
มีเพียงว่างวางทุกข์น้ำตาริน
หวังสุดสิ้นทุกข์ระทมเคยห่มใจ..
แกะเปลือกใจพบจิตใสอย่างช้าช้า
แก่นชีวาคือทำดีมิหวั่นไหว
รู้สละออกเพียรรู้ให้น้ำค้างใจ
หอมดวงใจใสเย็นพร่างสร้างรอยบุญ..
เสียงสวดก้องสะท้อนทาบอาบอุ่นนัก
ฝากใจภักดิ์สองดวงจิตอันหอมกรุ่น
ใบไม้ร่วงพรูพร่างกระจ่างใจรับอรุณ
ดอกพุดไพรใจละมุนรับวันพร..
แล้วดวงจิตกระจ่างก็พร่างวับ
งามธรรมจับนวลเนื้อจิตซึ้งคำสอน
สนิทแนบแอบแสนรักฟ้าอวยพร
ให้เราสองล่วงสู่ฝั่งฝันวันนิพพาน..!
...................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song774.html
สี่แผ่นดิน
คนมี ชีวิตและกายา
ถือ กำเนิดเกิดมา
เป็นหญิง หรือว่าเป็นชาย
ผู้มี พระคุณอันแสนยิ่งใหญ่
กว่า สิ่งใด ก็คือแผ่นดิน
เป็นแดน ที่ให้ชีวา
พึ่งพา อาศัยและอยู่กิน
คุณใด จะเปรียบแผ่นดิน
เอื้อชีวิน จากวันที่เกิด จนตาย
ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน
ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน
ความทุกข์เยือน เรือนกาย
หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้
สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา
ยามดี เราดีตาม
ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา
บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์
หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน
ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน
ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน
ความทุกข์เยือน เรือนกาย
หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้
สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา
ยามดี เราดีตาม
ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา
บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์
หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน
หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน...
3 กุมภาพันธ์ 2550 09:14 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song222.html
บทเพลงฉันรักเธอเสมอ
ดวงดอกแก้วผลิหอมพร่างในอุษา
เหนือขอบฟ้าตะวันหยอกสายหมอกไหม
วาสนาบานเคลียต้นเฝ้าปลอบใจ
รักลาไกลไปลับหล้าสุดฟ้าดิน
หอมหอมดวงดอกไม้สยายกลีบ
ทั้งพุดจีบทั้งจำปีในสายถวิล
เขาพรากไกลดั่งสายน้ำในวาริณ
หวังมิสิ้นคำหวานกับกาลลา
ปีผ่านแล้วเจ้าขวัญจอมพะยอมหวาน
ลืมโศกรานลืมทุกข์หนักภักดิ์เหว่ว้า
มีเพียงรอยหวานฝากไว้กับกาลเวลา
แม้นรอท่าสักกี่กัลป์ขอขวัญคืน
หวังเป็นคู่พิสวาทหมายปองได้ครองรัก
แค่ได้ภักดิ์ได้พบก็แสนชื่น
แค่ได้ฝันในรอยกาลรอยั่งยืน
ก็..
ระรื่นรมณีย์พร้อมพลีใจ..วาง..ไว้แทบเท้าเธอ...แล้ว
เจ้าแก้วดวง....!!!
...........................
อรุณ...หวาน
ดวงดอกแก้วหน้าบ้านยังยืนต้นบานมานานปี
ดอกไม้ที่คู่ใจ สิริมงคล
เสมือนกมลใครละหนอที่ได้เคียงชิดใกล้
ปลอบหนาวคลายมาทุกทิวาราตรีพอกัน
กี่ฤดูกาล กี่ฤดีขวัญ..ฝัน..ฝัน..ฝัน..
ที่เราได้ชิดใกล้กันเคียงปันพลี ปันดี
มีเมตตา เอื้ออุ่นโอบ...
แม้นโลกจักแล้งไร้ ผ่านดีร้ายมามากมาย
ก็ใช่จักแปรไปตามรอยกาล
ในหวานสายใย สายใจรัก
และ..
หวังจักเป็นเช่นเฉกนี้...ตราบเราสอง...สิ้นลม...!
............................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song222.html
ฉันรักเธอเสมอ
หากตราบใด สายนที ยังรี่ไหล
สู่มหา ชลาลัย กระแสสินธุ์
เกลียวคลื่นยัง กระทบฝั่ง เป็นอาจินต์
เป็นนิจสิน ตราบนั้น ฉันรักเธอ
เช่นตะวัน นั้นยังคง ตรงต่อเวลา
แน่นอนนัก รักท้องฟ้า สม่ำเสมอ
เช่นกับฉัน มั่นคง ตรงต่อเธอ
ฉันรักเธอเสมอ ฉันรักเธอเสมอ
ชั่วนิจนิรันดร์
เช่นตะวัน นั้นยังคง ตรงต่อเวลา
แน่นอนนัก รักท้องฟ้า สม่ำเสมอ
เช่นกับฉัน มั่นคง ตรงต่อเธอ
ฉันรักเธอเสมอ ฉันรักเธอเสมอ
ชั่วนิจนิรันดร์...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song839.html
(สายน้ำไม่ไหลกลับ)
.................
สายน้ำวน...
ใกล้ค่ำแล้ว
ฟ้าสวยเหลือเกิน
หลากสีทั้งแดงส้มชมพู..
ยามนี้ทุกสีสาดสายลงมาไล้โลมยอดหญ้า
ดูราวกับว่าเป็นสัญญาแห่งความพรากลา
แล้วค่อยเริ่มต้นหมุนมาทายทักในเช้าวันใหม่...
นกกาและผู้คนที่จำต้องทุกข์ต้องทน
ยังจำต้องว่ายวนเวียนวัฎจักรชีวิต
หาเช้ากินค่ำ
ต่างพากันรอเวลาบินกลับรังราวนกไพร
เป็นดั่งนี้...ตราบชั่วนิจนิรันดร์
เพื่อประทังดำรงท้อง
ฤา...
หวังหวานหวังว่า
จะดำรงร่างใจ
ให้มีจิตวิญญาณไสวทำสิ่งแสนดีแสนงาม
ฝากไว้ให้โลกหล้าก่อนผืนดินจะกลบหน้า
ก่อนที่ฟ้าจะกลายสีพิโรธ
ก่อนดินน้ำลมไฟจะเล่นบทโหดไร้ปรานี
แด่มวลมนุษยชาติ
ที่มากมายมากมีหมายมาดเพียงมาตักตวง
อย่างราวจะทวงหนี้บุญคุณ
ให้รู้สำนึกลึกซึ้งถึงค่าคำว่า..สายเกิน...
ดวงนอนนิ่งนิ่งริมตลิ่งในดงหญ้า
ริมชายป่าริมบึงกว้างมิร้างรัก
กับฟ้าสีโศกโลกสีไพล
กับใจดวงเดิมเดิมดายเดียว
กับความเงียบสงบงาม
เงียบเสียจนได้ยินเสียงทุกสรรพสิ่งรายรอบ
เสียงลมพัดใบไม้ไหว
เสียงสายน้ำไหลระริน
เสียงนกผกโผผินกลับรัง
เสียงราวชายฝั่งกระซิบคำรำพันรำพึงแด่มวลแมกไม้ริมชายชล
ได้ยินแม้เสียงกมลเต้นตามจังหวะลีลาหากทว่าว่างเปล่าเบาสบาย
ตะแบกยังฟ้อนอ้อนพรายในเงาแดดแสนสวยสีทองสะท้อนตา
พาให้ดวงใจไหวหวาม
ไปตามเสน่หาแห่งมนตรากลีบกรายในยามตะวันโพล้เพล้...
ดวงรัก..แสนรักบึงนี้
ที่แอบเรียกว่า*ทะเลสาบสีเงิน*
รักแสนรักสายชล..ที่เรียบนิ่งสงบในยามพลบค่ำ
รักเสียงเรไรร่ำ
รักเสียงแห่งธรรมชาติไพร
ที่เหลือน้อยลงในราวเมือง
ราวป่าใหญ่ไพรกว้างพลางแทรกซ่อนซุก
ให้เพียงผู้รู้รักคุณค่างามเงียบ..ค้นพบ
ดวง...
คิดถึงบทเพลงเกี่ยวกับสายน้ำ
และบางทีแสนแปลกดี
ที่ดวงเกิดมากับทะเลทะเล
หาก...
ในดวงใจแสนโอละเห่กลับประทับใจทะเลสาบ
ที่ราวเป็นภาพในทิพยนิรมิตฝัน
อันแสนประเทืองใจในทุกยามเหว่ว้า
และ
เป็นมาตั้งแต่ยามเยาว์
ที่ยามเหงาใจจะแอบไปนั่งดูปฎิทินภาพ
ทะเลสาบและขุนเขาในเงาหมอกหยอกล้อ
ด้วยดวงใจแสนเยือกเย็นในทุกยามที่ได้ทอดทัศนา
จากร้านกาแฟเล็กๆในตลาด
ที่คุณลุงเจ้าของร้านบอกกับดวงว่า
ภาพที่มาได้คือภาพจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์
แดนดินที่งดงาม ด้วยม่านหมอก
และ...
ดวงดอกไม้ป่าดอกเล็กๆที่ขึ้นพรายพร่างพื้น
ไล่ตามเนินหญ้าเขียวขจีไปตามเนินภู
และ
กับฟ้าที่ดูกว้างกระจ่างใสเขียวคราม
มีกระท่อมหิน เรียบง่ายดูแล้วแสนสงบใจ
พร้อมกับ
ป่าไพรดงสน
และทะเลสาบเรียบใสในฤดูคิมหันต์
ดวงจึงค้นพบตัวตนว่า
ดวงรักธรรมชาติที่ดิบดินติดดิน
ที่ราวร้างไร้ผู้คน
หากมีชีวิน ผสานผสมไปกับความสงบสมถะ
และ
นี่คือที่มา
ที่ทุกครายามดวงมีเวลา
จะหยิบหนังสือดีดีทั้งของไทยเทศ
ที่เกี่ยวกับป่าใหญ่ไพรกว้าง
และอย่างเรื่องของลอร่า อิงกัส์ล ไวเดอร์
ที่*คุณสุคนธรส *แปล และมีครบชุดมาอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
บ้านเล็กในป่าใหญ่
บ้านเล็กในทุ่งกว้าง
เด็กชายชาวนา
ริมทะเลสาบสีเงิน
เมืองเล็กในทุ่งกว้าง
ฤดูหนาวอันแสนนาน
ปีทองอันแสนสุข
สี่ปีแรก...
..............
และ
เพียรหาหนังฝรั่งดีดี
ที่มีชีวิตสัตว์และผู้คนยังดำรงตนย้อนรอยถอยหลังกลับไป
ราวเพิ่งเริ่มสร้างบ้านแปลงเมือง
ในยุคที่โลกยังมีพรมแดน.และแสนลี้ลับ
หากแสนสงัดสงบสุข เกินจะบอกกล่าว
ดวงมาเล่ารจนาระบายคลายความเบื่อเมือง
เบื่อโลกทุกวันนี้
ที่ดวงกำลังเพียรพยายามจะหนีให้พ้น
แม้นอาจจะต้องทน*เป็นปลาผิดน้ำ..*อีกสักนิดสักหน่อย
แต่ดวงก็ไม่เคยเลย...ที่จะคิดท้อถอย ยอมยกธง
.
ยังคงคิดด้วยดวงใจใสซื่อตรงคงมั่น
ที่...
จะหันหลังคืนกลับ ณ..บ้านป่าบ้านไพร
ด้วยดวงใจเต็มร้อย
ที่ยังคงละห้อยโหยหารอ...
เพียง
หวังขอสนิท...
สถิตแนบเนา
แบบสุขเหงางามเงียบ
ได้อย่างกลมกลืนไปตราบชั่วนิจนิรันดร์
ตราบชั่วฟ้าดินสลาย.....!!
.............................................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song839.html
สายน้ำไม่ไหลกลับ.... อรวี สัจจานนท์
โอ้ความรักที่ร้าวรานไกล
ดุจสายน้ำไหลผ่านไป
ลงไหลไปแล้วไม่เคยคืนมา หา
สาย น้ำเชี่ยวโกรกไหล
วกวนแล้วไหล ไป
ไหลไปแล้วไม่กลับมา
คิด เปรียบไปก็คล้ายเหมือนว่า
รักเอยไม่คืนหวนมา
จากลาไปยังหนใด
คิด ถึงเมื่อก่อนเคย
รักฉันเป็นสุขเอย
ไหนเลยจึงต้องจากไกล
คอย เฝ้าคอยคร่ำครวญหวนไห้
รักเอยจากไปแล้วไย
จากไปเหมือนสายน้ำวน
ร้าง ไปร้างไกลสุดหวัง
ล่องลอยไปไกลเหมือนดัง
สู่วังแม่เอยสายชล
ฉัน สิยังคร่ำครวญเพ้อบ่น
ไหว้วอนให้สายน้ำวน
ช่วยดลให้รักฉันคืน
เขา คงไม่กลับมา
หัวใจพร่ำเรียกหา
น้ำตาหลั่งนองกล้ำกลืน
นอนหลับตาต้องผวาตื่น
สายน้ำไม่เคยไหลคืน
ไม่คืนเสียแล้วรักเอย
เขา คงไม่กลับมา
หัวใจพร่ำเพรียกหา
น้ำตาหลั่งนองกล้ำกลืน
นอนหลับตาต้องผวาตื่น
สายน้ำไม่เคยไหลคืน
ไม่คืนเสียแล้วรักเอย
คงไม่คืนเสียแล้วรักเอย
2 กุมภาพันธ์ 2550 21:11 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4729.html
บทเพลงมนต์รักลูกทุ่ง
เมื่อน้ำค้างพร่างหล่นบนพรมพฤกษ์
เพียงค่อนดึกลึกล่วงจากสรวงใส
บ่มวิญญาณตำนานทุ่งจรุงใจ
ราวเกล็ดเพชรเจียระไนด้วยตำนาน
หอมกลิ่นเอยหอมหวลมวลดอกไม้
เมื่อลมไล้ลอยล่องท้องนาผ่าน
แตะดวงจิตปลุกฟื้นขึ้นจับงาน
ไม่ช้านานเส้นทาง..สว่างรับ..
.................
ไพลกำลังทอดตานิ่งๆไปตามเส้นทางสายหวาน
สายดงตาลเพชรเกษมสู่แก่งกระจาน
แดนดินแห่งมนต์ขลังสวรรค์หวาน
*ทะเลสาบสีเงิน*
ฟ้าโพล้เพล้เหว่ว้า
ด้วยสายแสงอ่อนอุ่นจากดวงตะวันลา
ที่กำลังทอดวงเหนือดงตาลทิวไผ่
นาข้าวหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยว
ด้วยตอซังข้าวแห้งผาก
หากดูราวกับภาพวาดด้วยฝีมือจิตรกร
ธรรมชาติ ให้ผืนดินราวถูกสาดทาทาบอาบไล้
ด้วยสีเหลืองทองงามพราวเต็มท้องทุ่ง
จนหัวใจไพลอุ่นอาบเอิบเต็มไปด้วยปิติเกษม
ยามเฝ้ามอง
ผ่าน..
สองฟากฝั่งริมคลองชลประทาน
ณ บัดนี้บัวบานได้กลายเป็นบัวแล้งน้ำ
ให้หวนไห้เห็นสัจจธรรม มาน้อมนำใจ
มาสอนบทเรียนใจ ให้ไหวทัน...รู้เท่า..
ความไม่เที่ยงแท้จีรัง
ไม่ว่า..
รักฤาชังหวังฤาหวานใด
เท่ากับเราควรมองลงมาที่จิตพัฒนาที่ใจเราเอง
ให้บรรเลงเพลงเพียรยกระดับ
ให้..*บัวเพชรระยับประภัสสร*
ได้ผุดผึ่งผลิพราวเหนือหนาวน้ำกิเลส
ณ..ภายในบึงใสใจเราเอง ใช่ใคร..ไหนเลยนะเจ้าเอย
น้ำตาไพลเต็มตื้น
อยากสะอื้นเอื้อนเอ่ยเผยรู้สึกดื่มด่ำ..
จากนัยน์...
สู่สายใจสายใยแห่งความงดงามเกินนิยามใด
จะบอกเล่าเฝ้าพรรณนาให้ผู้ใดได้ร่วมรับรู้คู่เคียง
วัวมากมายกำลังเล็มหญ้า ใกล้กันมีเถียงนาโย้เย้
หากในความเหว่ว้าแล้งไร้ทรุดโทรมดูราวกับโจมจับ
ให้หอมห้วงหัวใจไพลยิ่งไหวหวาม
ด้วยพลังเร้นลับแห่งการค้นหาค้นพบทบทวีคูณ
พูนเพิ่ม
ด้วยความรู้สึกแสนดีเกินค่ากว่าที่จักบรรยาย
ด้วยตัวอักษรา นะทุกเจ้าดวงชีวาขวัญชีวี
นอกจาก...เพียงเช่นฉะนี้
ที่อาจจะยังมีฟ้าดินเทพไท้เทวา
เจ้าป่าเจ้าเขาตามลำเนาไพรเท่านั้น
จัก...พึงสดับเฝ้ารับรู้
และ..
คอยเคียงคู่ขวัญเมตตาประทานพร
ให้..
สร้างสรรมีกำลังใจทำในสิ่งงดงาม
เผื่อแผ่แด่ผู้ยากไร้ หากมีโอกาส
อย่างผู้มิประมาทถึงพร้อม
ที่จัก..
ยอมพลี ดวงฤดี ลมหายใจนี้ที่ช่างแสนสั้น
กำนัล ดับแล้งไร้แด่โลก แม้นดับได้เพียงธุลีโศก
ก็คงยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเอาเสียเลย
ไพล..แวะนมัสการ
*พระพุทธประธานที่วัดสองพี่น้อง
ที่..
ถูกกราบกรานอัญเชิญ
มาสถิตไว้ณ ที่ศาลานอกโบสถ์
ชั่วคราว จนกว่าโบสถ์หลังใหม่จะสร้างเสร็จ
ให้..
งามพราวจรัสจรุง
ด้วยพลังบุญญาศรัทธาบารมี
แห่งศาสนิกชนคนไทยทุกผู้
ที่มีจิตดวงใสใจดวงงามดั่งอัญมณี
มาพลีอนุโมทนามาร่วมสละปัจจัยสมทบ
จนจบเป็นโบสถ์แสนยิ่งใหญ่ในทางจิตวิญญาณ
เพื่อ..
สานสืบต่อพระพุทธศาสนา
ในแผ่นหล้าฟ้าไท
แดนดินอันแสนไสวสงบ
ร่มเย็นเป็นสุขมาอย่างช้านาน
ให้สมกับคำว่าแดนดินถิ่นสุวรรณภูมิพุทธิ...
ที่ผู้คน...มีจิตดวงพิสุทธิ์สว่างสุกใส
*ดั่งทองคำ*
อันแสนงามล้ำ
มลังเมลืองเรืองรองผ่องพราวพรรณรายพอกัน
ไพล...ยืนรับ
พลังสายแสงสุริยา
จากฟ้าสีส้มอมชมพูงามเข้มเต็มผืน
ที่..นาทีนี้
แสงตะวันลาสีทอง
กำลังสาดส่องต้องจับร่างรานใจร้าว
ให้งามพราวระยับ
ราว..
ร่วมรับรู้โอบกอด...
แม่ยอดนวลนัยนา
ปลอบ..ประโลม..ด้วยพลังรัศมีบุญ..!
.............
ดั่งสายรุ้งในแสงตะวัน
เราพบกันวันที่ฟ้าสีโศก
โลกทั้งโลกตรงหน้าราวภาพฝัน
เอนอิงไหล่สบตาท่ามสายรุ้งแสงตะวัน
หลอมจิตมั่นรวมหนึ่งเดียวไร้เปลี่ยวกาล
หลับตานิ่งทิ้งทุกข์สรรพสิ่งไว้เบื้องหลัง
เติมพลังด้วยสายใยใจอ่อนหวาน
ลืมโลกจริงอันเหน็บหนาวแสนร้าวราน
กับรอยกาลให้ผ่านไปในเวลา
ตาสบตาด้วยรอยยิ้มอันอิ่มสุข
วางเรื่องทุกข์หม่นหมองครองเหว่ว้า
เติมใจให้กันผ่านม่านฝันตะวันลา
โลกตรงหน้าก็งามล้นค่าเกินกว่าจะบอกใคร..แล้ว.!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4729.html
มนต์รักลูกทุ่ง
หอมเอยหอมดอกกระถิน
รวยระรินเคล้ากลิ่นกองฟาง
เห็ดตับเต่าขึ้นอยู่ริมเถาหญ้านาง
มองเห็นบัวสล้างลอยปริ่มริมบึง
อยากจะเด็ดมาดอมหอมหน่อย
ลองเอื้อมมือค่อยค่อย
ก็เอื้อมไม่ถึง
อยากจะแปลงร่างเป็นแมลงภู่ผึ้ง
แปลงได้จะบินไปคลึงเคล้าเจ้า
บัวตูมบัวบาน
หอมดินเคล้ากลิ่นไอฝน
อวลระคนธ์หอมแก้มนงคราญ
ขลุ่ยเป่าแผ่ว
พริ้วผ่านทิวแถวต้นตาล
มนต์รักเพลงชาวบ้านลูกทุ่งแผ่วมา
ได้คันเบ็ดสักคันพร้อมเหยื่อ
มีน้องนางแก้มเรื่อนั่งเคียงตกปลา
ทุ่งรวงทองของเรานี้มีคุณค่า
มนต์รักลูกทุ่งบ้านนา
หวานแว่วแผ่วดังกังวาน
โอ้เจ้าช่อนกยูง
แว่วเสียงเพลงมนต์รักลูกทุ่ง
ซ้ำหอมน้ำปรุงที่แก้มนงคราญ...
2 กุมภาพันธ์ 2550 18:17 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3685.html
บทเพลงรัตนโกสินทร์
แสงเดือนคืนเพ็ญพูนดวงกระจ่างฟ้า
แลกำลังพร่างสายทอแสงแสนหวาน..
หว่านลงมาอาบหล้า
ไล้ร่างนวล ที่กอดตระกองประคองเคียง
ด้วยร่างสุภาพบุรุษผิวสีทองแดงบนเตียงนุ่ม
ด้วยเครื่องนอนหมอนม่านมุ้งสีขาว...
ละอองละออหยาดน้ำค้างกำลังระรินระริน
กลมกลิ้งลงมาราวเพชรพราว
สู่ใบบัวกลางบึงกว้าง...
อย่างมิร้างแรมรักในทุกราตรี..ริมเรือนไทย
ริมหมอน..
มาลัยมะลิลา..มาลาสร้อยที่ร้อยรัด
ถักทอด้วยดวงดอกรักเป็นพวงภักดิ์อุบะ
ระย้าย้อยพร้อยพรรณรายด้วยดวงดอกกระดังงา
จนแปรกลายเป็นหอมอวล
มาให้นวลอารมณ์ดายเดียวล้ำลึก
ในยามดึกน้ำค้างพรม
ที่..
ลมก็ยังระบัดพัดโบกอย่างแผ่วเบามาปลอบประโลม...
เธอ...จึงค่อยๆลืมตาอย่างช้าช้า
พร้อมนัยน์ตารานโศกหวานเศร้า
เมื่อยามกระทบเข้ากับแสงสะท้อนจากนวลจันทรา
และมวลหมู่ดวงดารา
ที่กำลัง..
กระพริบระยิบระยับราวกับปรายโปรยด้วย
เพชรจรัสจนเกิดประกายรัศมีสีรุ้งพุ่งพรายฉายฉาน
จาก..
ดารารายเรียงดวงนับพัน
ในว่ายเวิ้งฝันอนันตกาลกาแลคซี่
ดอกไม้ไทยหวานตรลบมา ในราตรี
ที่ยังได้ยินเสียงดุเหว่าแว่วแผ่วครวญหวนไห้
เรไรร่ำ
อวลอากาศยังสดหนาวฉ่ำหากแสนเยียบเย็น
บทเพลงแห่งภักดิ์
ถูกขับขานด้วยพลังจากน้ำเสียงทุ้มนุ่มลึก
ฝากความรู้สึกซาบซึ้งตรึงตรา
สลักค่ามาจากดวงจิตภักดี
ที่..
พร้อมพลีมอบให้
*แด่ หญิงเดียว..หนึ่งในดวงใจ*
ที่เขาเทิดทูนศรัทธาบูชา
จริงใจ มากค่าเกินกว่าปรารถนาใด..
ปานประหนึ่งคือ
*ปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์ฝันอันแสนยิ่งใหญ่
จากเทพไท้แห่งสวรรค์สรรส่งลงมากำนัล
ให้เขานั้นได้พบ แล้วเคียงคู่ครอบครอง
เป็นเจ้าของไปตราบชั่วนิจนิรันดร
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3685.html
รัตนโกสินทร์
รัตนโกสินทร์
คือแผ่นดิน ที่หล่อหลอม หัวใจ
ร้อยความรัก รวมผู้คน มากมาย
อาศัย อยู่ร่วมชายคา
เชื้อชาติไหน ก็พี่น้อง
ล้วนพวกพ้อง ข้องเกี่ยวนาน
เนิ่นมา
ทุกชีวิตมีสุขใจ ใต้ฟ้า
ใต้บารมี จักรีวงศ์
และเมื่อความรัก ของเราเกิดขึ้น
จากดวงใจสองดวง ที่ซื่อตรง
บนแผ่นดิน แห่งความรัก
ด้วยศรัทธาที่มั่นคง
รักย่อมยืนยง ตลอดไป
ขอแค่มี เธอกับฉัน
และมีรัก ที่ผูกพันหัวใจ
ก็สุขแล้วบนแผ่นดิน กว้างไกล
แห่งรัตนโกสินทร์
และเมื่อความรัก
ของเราเกิดขึ้น
จากดวงใจสองดวง ที่ซื่อตรง
บนแผ่นดิน แห่งความรัก
ด้วยศรัทธาที่มั่นคง
รักย่อมยืนยง ตลอดไป
ขอแค่มี เธอกับฉัน
และมีรัก ที่ผูกพันหัวใจ
ก็สุขแล้วบนแผ่นดิน กว้างไกล
แห่งรัตนโกสินทร์...
เธอ..จึงลืมตาตื่นมาอย่างช้าๆ
ราวแสงแห่งนวลจันทรา
คอยไล้ลูบ..ปลุก ให้ลุกขึ้นเหลือบแลไปยัง..
เขา..คนดี..
*สุภาพบุรุษชายชาตรีผิวสีทองแดง*
กำลังหลับสนิทในนิทรา..
อย่างแสนสุขเสมอใจ
ใน...
ท่ามแสงเทียนทอกระทบจนเกิดเงา
ให้ใบหน้าดูงามสงบ
ราวรูปสลักนักรบโบราณ
ที่ผ่านการกรำศึกมาอย่างโชกโชน...
เขา...กลับคืนเรือนมา
หลังรอนแรมราวนกไพรพเนจร
มาให้เธอกอดตระกองในอ้อมตักอ้อมใจ
ให้ดวงดอกไม้ไทยรายรอบเรือนรักปลอบประโลม
พร้อมพลีให้เขาเองเฝ้าดอมดมพรมจูบ
ทุกนวลตารางนิ้วแห่งร่างงามของนางในดวงใจ
อย่างทะนุถนอม...
หอม หอม หอม อย่างมิรู้เบื่อ..
พลางเพื่อรำพึงรำพันกระซิบสั่ง
ดั่งคำมั่นสัญญา...
ว่า
*ตราบจนชั่วฟ้าดินสลาย
มีเพียงความตายเท่านั้น
จะมาพรากจากสองดวงจิต
ที่ดั่ง..
*หลอมรวมชีวิตเป็นหนึ่งเดียวตราบไปชั่วกาล*
และ..
ทุกคำมั่น..
มิใช่เฉกเช่นดั่งคำหวานอันดาดดื่น
หากคือคำอธิษฐานสัจจวาจา
ที่ล้ำเลอค่าเกินกว่าผู้ใดจะล่วงรู้
นอกจาก..
ฟ้าดินอินทร์พรหม เท่านั้น
ที่..
คงพร้อมอวยชัยแลรับรู้
ในพลังแห่งรักอันยิ่งใหญ่งดงามนี้
ที่เกินกว่าจะมีสิ่งใดจะขวางกั้น
นอกจากสวรรค์จักร่วมสรรส่งให้กำลังใจ..
พร้อมอวยชัยเมตตาประทานพร
ให้เขา..
*สุภาพบุรุษชายชาติอาชาไนย
ลูกผู้ชายชาติไทยหัวใจกล้าแกร่งเหี้ยมหาญ
ที่ยอมหมายพลีร่างจิตดวงชีวิตแลวิญญาณ
เพื่อ..
ปกบ้านป้องเมือง ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน
ยอมตาย..
อย่างหาญกล้าในหน้าที่....
ที่จักพลีแม้นหยาดเลือดหยดสุดท้าย
เพื่อทาแผ่นดิน..รักษาแผ่นดิน
มิให้โบยบินสิ้นอิสราตกไปอยู่ในเงื้อมมือของชาติใด
ที่คิดไม่ซื่อ
หวังยื่นมือเข้ามายึดถือครอบครอง
เขา..กระซิบ บอกเล่า
ให้เธอคนดี ที่เขาพลีใจได้พลอยร่วมรับรู้
ถึงชะตากรรมบ้านเมือง
ที่กำลังเกิดการแตกแยกสามัคคี
มีเพียงหวังอยากได้อำนาจ
มากอบโกยกินชาติ
อย่างแสนชาญฉลาด..อย่างแยบยล
จนเสียหายนับหมื่นล้าน
เสมือน*โครงการสนามบินสุวรรณภูมิ*
ที่คนไทยภูมิใจได้ไม่นานก็ต้องอัปยศ
และ...
พลอยให้โลกทั้งโลกร่วมรานโศกสลดใจ ไปกับความน่าอดสูนี้
ที่คนไทยไม่เคยตระหนักชัด
ว่า...
ได้สร้างความวิบัติ ให้แก่ชาติบ้านเมือง
อย่างมิน่าให้อภัย
ด้วย
การทำลายความเชื่อถือให้หมดสิ้นไป
จากสังคมชาวโลกนานาอารยะ
ที่อยากจะมาร่วมค้าขายลงทุน
เมื่อ..
ชาติไทยเรานี้
มีเพียงกรุ่นกลิ่นแห่งความคอรัปชั่น
กันไปทุกหัวระแหง
แถมบ้านเมืองยังไม่สงบด้วยรบกันเอง
บรรเลงกันในแผ่นดิน
ที่ให้ข้าวให้น้ำมานานเนิ่นจนเกินนับ
จนเกิน..
จักคิดแบ่งแยกด้วยคำว่าชาติศาสนาใด
นอกจาก..เพียง
มีหน้าที่สำนึกถึงพระคุณอันแสนยิ่งใหญ่ของแผ่นดิน
ที่ได้ฝากชีวินมาตราบจนถึงรุ่นลูกหลาน...
และ..
หวังนานเนาจนถึงรุ่นเหลนโหลนในภายหน้า
ใช่หันมาฆ่าแกงกันเอง
บรรเลงเพลงกรรม ใส่ผู้บริสุทธิ์
แล้ว...
หวังฤาว่าจะหยุดโลกให้เลิกแล้งไร้ร้อนระอุ
ปะทุด้วยควันปืนและไฟสงครามได้
นอกจาก..
ต้องสังเวยชดใช้บาปกรรม..ตายตกตามตามกันไป
อย่างน่าวิปโยคโศกสะเทือนใจจนสุดทน
เขา...กลับมาบอกเล่า
ส่งข่าว...
ให้เธอได้ตระหนักชัด
ถึงความวิบัติจากการทำลายด้วยเงื้อมมือมวลมนุษย์
ที่..
แสนโหดร้ายหมายเพียงฆ่าฟัน
ห้ำหั่น แบ่งแยกอย่างไร้มนุษยธรรม
คงจะยังโศกาจาบัลย์ไม่พอ..จากภัยธรรมชาติ
คงจะยังซาบซึ้งไม่พอถึงบทเรียนทุกข์เทวษ
ที่ไร้แท้เที่ยง...
กับความแปรเปลี่ยนที่โลกยากจะเลี่ยงหลบ
นอกจาก..
รอพบจุดจบพรากจากกันไปทีละมากๆ
กวาดล้างให้สิ้นซากแห่งความมืดดำ
ให้อธรรม หมดสิ้นไป
จากผืนดินทอง แผ่นดินไท แผ่นดินรัตนธรรม
แผ่นดินพุทธภูมิ
ที่มี..
องค์พระบรมศาสดาเป็นดั่งฉัตรเพชรกางกั้น
มีองค์ในหลวงเป็นพระประมุขแก้ว..แสนงามล้ำ
เป็นที่พึ่งทางใจ..
ไปตราบชั่วลมหายใจแสนสั้น..จักสิ้น....
เขา..จึงกลับมา..คืนเรือนให้เธอรับขวัญ
และ..
ปันแบ่งความรักภักดี ที่จักพลีให้แก่กันและกัน
อย่าง...ผู้รู้เท่าทันความเป็นชีวิต
ที่จักมีมรณานุสติสถิต..รอ..เป็นเที่ยงแท้
และ..อย่างแน่นอน ยากหนีพ้น
เขากอดเธอแนบแน่นเท่าแรงรัก
ด้วยอ้อมแขนชายชาตินักรบ
ที่หวัง..
จักสยบให้โลกร่มเย็นเป็นสุขเงียบงาม
ในท่ามวิถีไทยแบบชาวพุทธ
ผู้รักความสมถะพอเพียง
ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร..ศรัทธา
ใต้ฟ้าสีทองผ่องอำไพ
ที่ยังคงมี..เรียวรวงไสว
ข้าวกล้าที่สุกปลั่งระย้าย้อย
คอยหล่อเลี้ยงให้ทุกชีวีในแผ่นดินทองนี้
ได้มีกินอิ่มท้อง
ได้คิดปองหมายมาด สร้างสรรทำความดี
ก่อน..
ชีวีจะสิ้นในท่ามตะวันโศกโลกแสนงามสงบนี้...
...............
และ...
กับราตรีนี้..
ที่โลก ยังคงหมุนไป..หมุนไป..อย่างไม่หยุดยั้ง
ในท่ามราตรีเพ็ญที่ยังแสนงาม
ในท่ามแสงจันทรา
ดวงดารารายพรายแสงกระพริบวะวิบวับวะวาววาม
ในท่ามแสงเทียนทองทอดทอ
เบื้องหน้าพระพักตร์พระพุทธในโบสถ์คร่ำทุกหนแห่ง
ท่ามกลิ่นระร่ำรินของดวงดอกไม้ไทย
ท่ามกลาง..
ความหวานไหวของเงาแมกไม้ในสายน้ำนิรันดร์
เขาและเธอ..
ขอเพียง...ได้เคียงครองคู่กัน
อยู่กับคู่ขวัญแม่ยอดรักยอดดวงหฤทัย
และ...
จักมิยอมพ่ายเลิกอธิษฐานใจ
เพียรทำความดี
พลีให้โลกนี้ก่อนชีวีวาย
ฝากไว้..ให้กับ..*แผ่นดินแห่งรักนี้*
ที่ชื่อ.
รัตนโกสินทร์
อัน..
หมายถึงแผ่นดินแม่....
แผ่นดินเกิด....
แผ่นดินที่ล้ำเลอเลิศ
ที่ทำให้เธอและเขาได้หยัดยืนอย่างทรนง
คงมั่นมาอย่างแสนสุขช้านาน
ได้รู้ซึ้งถึงค่าคำว่า
*รักแท้นิรันดร์เป็นเฉกเช่นฉันท์ใด*
แค่นั้น..ก็
แสนยิ่งใหญ่
เกินค่ากว่าสิ่งใด..ในชาติหนึ่งนี้..ชีวิตหนึ่งนี้...แล้ว!!!!!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3740.html
เพื่อรักเธอ
ฟ้า เกิดมาเพื่อดาว
เมฆบางและเบา
ล่องลอยคู่สายลม
เหมือน สร้างมาเพื่อชื่น ชม
ซึ่งกันและกัน คู่กันเรื่อยมา
ขาว ก็มีสีดำ
ทะเลสีคราม เกิดมาเพื่อฝูงปลา
หลาย สิ่งดูสวยงามจับตา
นั่นเป็นเพราะว่า เกิดมาคู่กัน
และฉัน เกิดมาเพื่อเธอ
เพื่อมีความรัก ให้เธอ เท่านั้น
สิ่งที่เธอสุขใจ
หากเป็นสิ่งที่ฉัน ทำได้
ย่อมทำให้เธอ
ฟ้า เกิดมาคู่ดาว
ยังเพียงชั่วคราว
ค่ำคืนจึงพบเจอ
แต่ฉัน เกิดมาเพื่อเธอ
เพื่อจะรักเธอ ตลอดเวลา
และฉัน เกิดมาเพื่อเธอ
เพื่อมีความรัก ให้เธอ เท่านั้น
สิ่งที่เธอสุขใจ
หากเป็นสิ่งที่ฉัน ทำได้
ย่อมทำให้เธอ
ฟ้า เกิดมาคู่ดาว
ยังเพียงชั่วคราว
ค่ำคืนจึงพบเจอ
แต่ฉัน เกิดมาเพื่อเธอ
เพื่อจะรักเธอ ตลอดเวลา...