กระท่อมไม้ไผ่..หลังน้อยซ่อนตัวอยู่ในกลางป่าทึบ ห่างออกมาจากหมู่บ้านที่แสนเงียบสงบสุข แวดล้อมด้วยขุนเขา และลำธารสายเล็กๆที่ทอดตัวลดเลี้ยว ไปตามราวป่าที่ยังมีเก้ง กวางป่า กระต่าย และ.... สัตว์มากมายได้อาศัยพึ่งพิงผืนป่าใหญ่ไพรกว้างนี้ สองข้างตลิ่งจะมีโขดหินกว้าง บ้างก็กอดกันระเกะระกะ มีดงหญ้าที่พากันชูช่อล้อลมเล่นไสว มีเนินทรายสีทองสะอาด ราวกับมีใครมาปัดกวาดเอาไว้ให้นอนนับดาว ที่พราวฟ้าสุกใสในยามฟ้ามืด บางค่ำคืน ก็จะมีทางช้างเผือกให้ทอดทัศนา จินตนาการ ไปถึงเวิ้งว่างอนันตกาลแห่งความงามนิรันดร์ อันสุดแล้วแต่ใจใครจะฝันใฝ่ไปถึง... และ เจ้าของกระท่อมเป็นกวีหนุ่มนักรักรจนา ผู้ยอมปลีกวิเวกมาใช้ชีวิตชีวาเยี่ยงมีเพื่อนเพียง ดิน น้ำ ลม ไฟ และดวงดอกไม้ป่าพะยอมไพร กับพันธุ์ไม้สูงใหญ่นานานับร้อยปีคอยส่งเสียง เคียงใกล้ทายทัก หมู่มวลเสียงสรรพสัตว์เป็นดั่งดนตรีไพร มีใบไม้ระบัดไหว ราวมีเสียงกระซิบจากใครบางคน ที่รักแสนรักปลอบประโลม... ค่ำคืน..ที่เงียบจนได้ยินเพียงเสียงลมพัดแล เสียงหัวใจเต้น เขาจะค่อยๆจุดท่อนฟืนในเตาผิงเล็กๆที่ก่อด้วยดินไว้ แล้วค่อยๆชงชารสพื้นบ้าน มาวางเคียงไว้จิบ เขานอนซุกตัวนิ่งงันกับฝันไกล เสียงสายธารในลำห้วยระรินไหล เสมือนสายน้ำในดวงใจปิติกำลังพร่างสายพอกัน เสียงฟืนปะทุ ราวพลันปลุกให้หัวใจและร่างที่เหน็บหนาว ด้วยสายลมแห่งฤดู ได้ตื่นขึ้นมาอย่างมีชีวิตชีวา เพื่อ.. รอท่าแสงอาทิตย์อุทัย อันเป็นธรรมดาชีวิต.. ขอเพียงลิขิตธรรม ฝากไว้พรำพรมให้กับโลกแล้งใบนี้ อย่างที่เขาได้เลือกแล้ว...! ............................. ชีวิตใหม่...ลำน้ำน่าน เดินทางไกลสุดสายปลายเรียวรุ้ง สุดโขดคุ้งรุ่งสางสว่างไสว เริงลำนำน้ำค้างระวางวัย ตราบชีวาดับครรไลเพราะเพรงกรรม เคยเกี่ยวเก็บความหมายสายม่านหมอก ยามหยาดหยอกรุ่งดาวหนาวขนำ แสวงความยิ่งใหญ่ไพรลำนำ ถักเกลียวธรรมทอสายพรายทองธาร อยู่กับความทะมึนโทนแห่งขุนเขา ในครืนแว่วแผ่วเบาเพลงขับขาน จันทร์ข้างแรมแย้มฟ้ามาประทาน อาบสายน้ำโบราณลอมลานนา ชีวิตใหม่กำเนิดสู่วัยวัน เจิมฤดูวสันต์เมื่อพรรษา จักเติบใหญ่ตามครรลองของชีวา เกิดมาถมคุณค่าคืนแผ่นดิน อยู่กับเกวียนควายวัวพาตัวรอด ไม่วายวอดวิญญาณผลาญทรัพย์สิน อยู่พอเพียงเลี้ยงน้ำใจไม่แย่งกิน ไม่เปรอะเปื้อนมนทิลกลิ่นน้ำมัน อยู่กับหริ่งเรไรไพรวนา กับสังคีตภาษาทิพย์รังสรรค์ เพราะพิณพาทย์จากแถนแดนไกวัล กล่อมสามัญเสนาะแว่วแนววังเวง สันติภาพจักบังเกิดทุกแห่งหน ไร้ผู้คนเมามัวมาข่มเหง มิอาจเริ่มเพลงวอดวายให้บรรเลง เพื่อเร้าเรงความตายแห่งปลายนา สุดตำบลเรียวรุ้งยุ้งลอมฟาง เพลงรุ่งสางปลุกตื้นฟื้นอุษา เมื่ออรุณรุ่งฤกษ์เบิกนภา เสรีภาพเหล่านกกาจักหวนคืน น้ำค้างแก้วหมื่นห่าก็พร่าพราย อาบข้าวเลียงรวงรายผ้าฝ้ายผืน รินรินไหลชลธรรมยังยั่งยืน หวิวครืนครืนลมป่าเพรียกหาใคร มีสายรักใยอาทรในอ้อมอก สายน้ำนมเอื้ออุทกชีวิตใหม่ ดื่มปัญญาตื่นเขลาจากเยาว์วัย สมคุณค่ายิ่งใหญ่มารดาทาน ชีวิตใหม่จึงเติบงามมีความหมาย ใช่เลี้ยงกายด้วยนมสัตว์เดรัจฉาน จิตอบายผกผันอนันตกาล อันตรธานจิตสำนึกมนุษย์ลา กลับมาแล้วชนบทที่ข้ารัก หอบใจร้าวเหนื่อยหนักกลับเคหา มาจุมพิตผืนแผ่นดินถิ่นข้าวปลา มาเกี่ยวข้าวขวัญค่าชีวาไพร มีพ่อแม่พี่น้องคอยพร้อมพรัก อิ่มอุ่นตักหมอนหนุนบุญเกิดใหม่ อยู่กับจนตมดินตราบสิ้นวัย จวบสุดท้ายอายุขัยจักวายปราณ กาลเวลาผกผ่านนานแสนนาน กลับคืนบ้านหอมอุ่นกรุ่นข้าวสาร วิบากเก่าสิ้นไปไร้ตำนาน ผลิวิญญาณชีวิตใหม่ในรอยบุญฯ ------------------------------------------------- ย่างเข้าสู่วสันต์พรรษาแล้ว ชีวิตใหม่ที่แตกโตขึ้นเมื่อได้รับสายฝนในยามนี้ ทำให้ฉากภาพแห่งชีวิตชนบทนั้นถูกปลุกตื้นขึ้นอีกครา หน่อไม้ที่นอนสลบไสลอยู่ในดินก็แตกหน่อทายทัก ตำลึงยอดอวบริมรั้วต่างก็ชูช่อเครียวยอดอิ่มงาม ข้าวกล้าในนาก็ระบัดใบรอคอยสำหรับการปักดำ ผักบุ้งในคลองก็ทอดยอดไปตามลำน้ำฝนตกใหม่ อีกวัวควายก็ลิงโลดดีใจ หญ้าเขียวจักฟื้นคืนให้หากิน กบเขียด มโหรีวงใหญ่จักฟื้นวงบรรเลงเสียงขรม จิตวิญญาณชาวชนบทอย่างข้าพเจ้าก็ไหวชื่น ด้วยสายฝนคือสายชีวาจากฟ้าประทานลงมาสู่แผ่นดิน แรงงานชนบทที่เคยทิ้งท้องทุ่งกองฟางให้เดียวดาย ก็จักกลับคืนสู่มาตุภูมิแผ่นดินเกิดในยามนี้ กลับมาแปรแผ่นดินทำกิน ทำไร่ไถนาตามประสา ความสุขเรียบง่ายจึงปรากฎอยู่ทุกชานเรือน มีพ่อแม่พี่น้องพร้อมหน้า มีรักอันเป็นอมตะแห่งบ้านนา บางรายอาจจะไม่กลับไปเมืองรอนอีกเลยทั้งชีวิตนี้ ด้วยชีวิตใหม่แห่งวสันตฤดูนั้นได้เริ่มขึ้นแล้ว.... เป็นชีวิตที่มีมนตร์เสน่ห์ ที่ติดตราตรึงใจไม่ลืมเลือน ณ ชนบทอันเป็นที่รักแห่งสยามประเทศ
ดวงดอกรักผลิช่อจากกอภักดิ์ เกียรติศักดิ์สัจจะใจคือคำมั่น วันจะแปรเดือนจะเปลี่ยนรู้เท่าทัน แค่มายาฝันมายาโศกโลกสมมุติ เพียงวิบตาทุกสรรพสิ่งก็หายวับ วันแค่นับเดือนแค่ซึ้งในรู้สึก กี่ตำนานฝันวันยิ่งใหญ่ให้รำลึก เพียรฝึกจิตให้ถึงพร้อมรู้ยอมรับ ใกล้วันลอยกระทงอย่าลอยใจให้หลงทาง ให้เคว้งคว้างลอยไปกู่ไม่กลับ แม้นจันทร์หวานพลอยเป็นใจอย่าติดกับ รู้ทางหนีทีรับกับมนตรา จบบทกลอนอ้อนดวงใจเพียงแค่นี้ ท่ามแสงเทียนริบหรี่เสน่หา อธิษฐานจิตปกป้องดวงดอกไม้บริสุทธิ์จากภุมรา หากมิใช่เพรงบุพเพนำมา..พาพราก...ไกล....!
เขียนกลอนเศร้า แกล้มวิวซ้ำ นอกหน้าต่าง ใจอ้างว้าง กลอนบทนี้ ก็เลยเหงา หอมการะเวก หวานจำปี มาบางเบา ให้ใจเราอ่อนล้าราตรีนี้ นอนนิทราหลับฝันไร้จันทร์เจ้า สายลมหนาวพัดชื่นดาวริบหรี่ รอรับขวัญวันใหม่ชื่นชีวี ขอแค่มีใครสักคนคอยเข้าใจ..! ...................... หอมกลิ่นภูเขา หอมกลิ่นภูเขาในเงาฝัน รอนตะวันซ่อนกลิ่นหอมพะยอมป่า ตะแบกม่วงร่วงพราวพื้นพสุธา สะพรั่งป่าแคแสดส้มห่มราวไพร... ดวงดอกไม้แข่งกันฟ้อนอ้อนออดโลก ลบรอยโศกด้วยสีสันอันไสว ทุกราวป่าแตะแต้มสีอวดดอกใบ หอมนวลในใจนุ่มนึกลึกล้ำนาน... ใบไม้ร่วงควงหล่นบนผืนป่า รอเวลารอฝนใหม่ผลิใบหวาน เหมือนชีวีที่แสนสั้นมิยาวนาน เมื่อถึงกาลกล่าวคำลาอย่าเสียใจ.. ฉันยืนนิ่งใต้กิ่งเศร้าราวใบไม้ คูนโปรยปรายพร่างพรมลมพัดไหว น้ำตาซึมเมื่อคิดถึงยอดดวงใจ วันพรากไกล ใกล้เข้ามา ลาจากกัน..นิรันดร ฝากจินตนาการ ภาพหญิงสาวสวมกระโปรงลายดอกไม้หวานบางเบา..... ใต้ร่มเงาไม้ยามใกล้สายันณ์ ที่ตะวันกำลังลาลับฟ้า แดดอ่อนอุ่นทอทอดลอดกิ่งไม้ กระทบเส้นผมงาม จนเกิดประกายจรัส ใบหน้างามเนียนแดดละออ ราวรูปสลักมลังเมลืองสุกปลั่งดั่งทองทา.. เธอยืนนิ่งงัน ดายเดียว ท่ามกลาง..ใบไม้ร่วงควะคว้าง พรายพลิ้ว พร้อมดอกคูนโปรยสายพร่างพรม..ลมพัดพากระโปรงปลิวไสว แต่ร่างเธอกลับมิไหวเอนไปตามแรงลม
ขวัญมีมุมเล็กๆอยู่มุมหนึ่ง มุมที่ซึ่งชอบหลบไปแอบฝัน มีดวงดอกไม้พรายช่อเคลียแก้มทุกวัน มีแสงจันทร์ทอผ่านกิ่งไผ่ไหวรับลม เรียกมุมนี้ว่ามุมแห่งความสุข มุมได้ซุกได้ซ่อนความขื่นขม ราวโลกใบเล็กของเด็กน้อยยามระทม ถูกห้อมห่มด้วยความฝันจินตนาการ โลกภายนอกผู้คนมากล้นเปลือก พากันเลือกทางชีวิตคิดว่าหวาน หากลืมไปโลกภายในงามตระการ ชั่วกัปป์กาลคือโลกพุทธธรรม และ.. ดวงดอกไม้ในดวงใจของเด็กน้อย ยังค่อยค่อยผลิหอมอวลทุกเช้าค่ำ หยาดน้ำค้างทองจากธรรมชาติเฝ้าพรมพรำ คือสัจจธรรม..สอนเกิดดับ..ขวัญ..รับรู้...! .................. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6777.html Angel Angel Angel Angel with those angel eyes Come and take this Earth boy Up to paradise Angel OohOoh May I hold you tight I never kissed an Angel Let me kiss one tonight If I said I love you Would I be speaking Out of turn I'm only human But I'm willing to learn Angel OohOoh Make my wish come true Let me be in heaven Here on earth with you HaANGEL I never kissed an Angel Let me kiss one tonight If I said I love you Would I be speaking Out of turn I'm only human But I'm willing to learn Angel OohOoh Make my wish come true Let me be in heaven Here on earth with you ANGEL OohOoh ANGEL...
ณ โค้งฟ้าที่ทอทอดโอบกอดยอดภูไว้ สายหมอกสีเทาเทาหม่นมัวดูสลัวเลือนลาง กำลังพร่างสายเคลียไคล้หยอกไศล ให้ดูยิ่งสงบงามขลัง ดวงตะวันกำลังจะลาลับ ฟ้า.. กำลังจรัสแสงฉายฉานให้เห็นวิมานเมฆมายา เป็นรูปร่างตามแต่ใจจะนึกจินตนาการ เรา..กำลังเดินทางใกล้ถึง วิมานมนตราทวารวดี วิมานดาราราย ที่หมายรอ ให้ได้สัมผัสทัศนียภาพ ในยามเย็น ยาม.. ตะวันใกล้ลาลับฟ้า ยามที่ดวงดอกหญ้า พากันร่ายฟ้อนอ้อนรอ...รับแสงตะวันสีทอง และ... มวลหมู่นกกาพากันร้องระงม เพื่อคืนรัง ความงามจากธรรมชาติธรรมดาเหล่านี้ คือยาวิเศษที่จักชุบชื่น..ชูชีวิต ให้เรา ยังมิอิสราใจ ไปกับ.. ทุกสรรพสิ่งแห่งความยิ่งใหญ่ แห่งตำนานไพรตำนานใจ ที่มีจิตดวงใสใจดวงดี ดวงดิน ของเราเพียงนั้น จักฝันใฝ่ คว้าขวัญให้ได้มา สำหรับคนที่รู่ค่า และเพียรพัฒนา กล้าพลิกฟื้น ผืนป่าให้งามอนันต์ค่า เพื่อเป็นที่... รองรับดวงชีวีชีวิตจิตวิญญาณภายใน ให้ได้โลดแล่นออกไปจากกรอบกรงเมือง.. ดวงสุริยากำลังลอยเรี่ยลงๆ ผ่านต้นไม้กิ่งโกร๋นแห้ง หาก.. เมื่อถูกกระทบด้วยแสงเงากระทบลอดผ่าน กลับก่อให้เกิดกิ่งก้านเส้นสาย ที่แสนงดงาม ด้วยฝืมือธรรมชาติวาดวนให้มา ฟ้า ราวเรียวรุ้งหลากสี มีทั้งแดงส้ม ชมพู เทาทองทอดทาบ อาบเอิบให้อิ่มเอมในดวงใจ ฟ้าบ้านป่าบ้านไพร ที่มีควันไฟจากครัว จากริมคอกวัวควาย จากทิวไผ่ริมรั้ว ที่ใช้หญ้าแห้งกิ่งไม้ สุมๆไว้ไว้คอยจุดไล่ยุงแมลง ค่อยค่อยลอยอ้อยอิ่ง ไปตามสายลมในยามค่ำ เสียงเรไรร่ำ จิ้งหรีดร้อง เสียงสัตว์ป่าจากที่ไกลๆ กรรโชกลอยลมมากับฟ้ากว้าง แล.. หยาดน้ำค้างเริ่มจะพร่างพรม ทุกบ้านเรือน เตรียมซักผ้าห่มหอมไว้นอนหลับฝันดี ไปกับราตรีที่เดือนแสนสวยแสนหวานสีทองสุกปลั่ง กำลังทอทาบทอฟ้า แล.. นิทราไปกับดวงดารารายที่พรายพร่างกระพริบวะวิบวับ ยากจะประมวลนับได้ว่าสักกี่ล้านดวง ราตรี ในท่ามลมหนาว เราหลายชีวิต กลับรู้สึกสนิทเนาแนบไปกับทุกสรรพสิ่ง ที่แสนนิ่งงันเงียบงาม ในท่ามมายาโลกโศกสุขคลุกเคล้าให้หนาวร้อนนี้ ที่ร่างจิตชีวิตเราราวได้ผสานทุกอณูนวลแห่งชีวิต ไปกับธรรมชาติอย่างเป็นหนึ่งเดียว..... และ.. ยามสนธยาย่ำค่ำ ได้ยินเสียงเจรจาเดียวที่มีอยู่บนเนินเขานี้ คือ.. เสียงสายลมพัดผ่านและเสียงหัวใจเราเต้น...! ...........