13 กรกฎาคม 2549 22:35 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song200.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song198.html
(ในฝัน..ปรารถนา)
ยามอุษา ฟ้ากระจ่าง ทั่วนภางค์รำไรรำไร
ไพล..คว้าจักรยานคู่ใจ คู่ชีพ คู่ขา ปั่นออกไป
ตามถนนสายโศกสายฝัน..
สายดอกไม้ริมทุ่งยังแสนงาม
ทั้งๆที่ใจแสนกลัว สุนัขมากมี
ที่เป็นสมาชิกพรรคข้างถนน
ที่คงจะอยู่คนละพรรคกับไพล
ถึงได้จ้องที่จะรุมเห่าเขย่าขวัญ
คอยอยากจะขย้ำ
หม่ำน่องน้องน่องทองน่องนักกีฬาขาแข็งแรงคู่นี้ เสียจริงจริง..
เอาไงเอากันนะ
เพราะว่าในตัวมียาป้องกันพิษสุนัขบ้ามากมี
ที่ฉีดมาหลายทีแล้ว
และครั้งล่า....
คุณหมอบอกไว้ว่ายังป้องกันได้ไปอีกห้าปีค่ะ...ห้าปี..
แล้วดวงชีวีจะยังหวั่นอะไรเล่า อ้าวปั่นไปเลยไป..
อากาศยามเช้าแสนสดชื่น ลมระรื่นระริน
กลุ่มเมฆลอยเกลื่อนฟ้า
รอเวลาพระอาทิตย์แหวกม่านชักรถ
ปรากฏกายออกมาเยือนโลกหล้าอีกคราครั้ง
ให้ทุกดวงใจได้ตามตะวันพบทิวาวันแสนดีที่แสนงาม..
ไพล..สูดลมหอมหวานในยามเช้าแสนสดชื่นช้าช้า
ผ่อนฝีเท้าลง!
ถนนสายโศกสายฝันยังว่างวาย
ต้นไม้ตายซากยืนต้นแผ่กิ่งก้านงามประหลาด
ยังกับเส้นสายปะการังสีดำ
งามล้ำในรู้สึกลึกเศร้าจนต้องหยุดเฝ้าเหลียวมอง..
ดงดอกหญ้าและรวงเรียวข้าวในท้องนา
ที่ยังเหลืออยู่ริมกรุงริมทุ่งริมถนน
ยังคงสะบัดพลิ้วปลิวไสว
รอรับแสงอาทิตย์ดั่งทองทา
มาโลมไล้ละมุน
ล้อเรียวรวงพวงระย้าย้อยพร้อยแพรวพรายพร่าง
อย่างแสนอ่อนหวานอ่อนโยน
กลุ่มผีเสื้อ แมลงปอ บินว่อนร่อนชมดวงดอกไม้
สองฟากฝั่งบ้านชาวสวนชาวทุ่ง
ที่ยังตั้งหลักไม่ทันยังคิดว่าหลับฝันไป
ที่อยู่ดีไม่ว่าดี
มีถนนสายยักษ์ตัดตรงมา
และ
ให้นอนสะดุ้งทุกทิวาราตรี
ว่า ไม่รู้วันใด จะพารถคันใหญ่มาถล่มทับ..
ให้ยับย่อยจิตวิญญาณ..แบบมิฟื้นคืนกลับ..
นานนับเท่าไรที่สองลำคลอง ลำประโดง
ยังหลงเหลือความงามชนบทดิบเดิมติดดิน
ให้ไพล ถวิล ชมเพลิน เฝ้าดูทุกวี่วัน
ทั้งยามค่ำ และงามอรุณรุ่งอย่างเช้านี้..
ไพล..หลงรักกระท่อมทับ..หลังหนึ่งของสองตายายคู่ยาก
ที่มีถนนทางเข้าคือรอยย่ำแยกของดงหญ้าคา..
พอให้รู้ว่านี่คือทางออก
สู่ท้องถนนใหญ่
ที่..ปลูกไว้พักใจกายยามเสร็จงานนา ยามเหนื่อยล้า
มาสูบมวนยาตราใบตองนอนทอดถอนใจ..
ดูฟ้าไกลอย่างเงียบงาม
ให้ลมโชยชายทุ่งพัดกลิ่นจรุงใจ
ของหอมกลิ่นดินกลิ่นแมกไม้ใบหญ้า
มาทำให้งีบหลับฝันไป..
นาทีนี้..วันนี้ไพลไม่รู้ว่าแกอาจจะดีใจหรือเสียใจ
หรือไพลกันแน่ละหนอ...
ที่ใจหายคล้ายกำลังสูญเสียเพื่อนไพรในป่ากรง
ไพล..เลาะเลียบไปนั่งริมทุ่ง
ลืมความวายวุ่นวางเหว่ว้าห่างๆ..ใจ
ในคลองตา คลองใจ
ให้สัมผัสใสงามของธรรมชาติที่ใกล้จะถึงกาลพรากจาก
ไพลได้แต่วาดใจหวังส่งพลังใจไปกระซิบร่ำลา ....
ดงดอกหญ้า
ดวงดอกไม้ริมกระท่อมทับ
ดวงดอกไม้พื้นพื้นบ้าน
ที่ถูกหว่านหวานสะพรั่งรายรอบ
มีดงดอกบานชื่น หลากสี มีดาวเรือง ดาวโรย
มีดงดอกรัก นวล ม่วงพราว ขาวอมชมพู
มีพืชผักมากมาย ข่าตะไคร้ มะกรูด เป็นกอ
และนั่นผักบุ้งงามละออแตกยอดทอดเลื้อยในท้องร่อง
ดงกระถินคลอรั้วสานไม้ไผ่ เขียวขนัด
มีตำลึงเลื้อยพันระเกะระกะก้านกอพ้อไต่ตาม
มีมะลอกอห้อยหวานตรงปลายเรียวก้นอมส้มอมชมพู
มีมะเขือพวง มีแตงร้าน
มีบวบห้อยลูกยานเกือบถึงดิน
และมีทุกสิ่งที่เป็นวิถีชาวบ้าน
ที่พึ่งพาพึ่งพิงฝากท้องให้อิ่มให้เอมใจ..
เป็นเสน่ห์งามง่าย
ที่ไพลไขว่คว้า
และได้พาดวงใจยามอ่อนล้ามาพักตาพักจิตวิญญาณ
ที่ไพลหลงตามหาตามติดในเมืองลวงนี้..จนพบเจอ
และ..
ไพล..จำได้ว่าเคยคุยให้ไอเดียตายาย
ผู้อาจจะคิดตรงข้ามกันกับไพล
ให้ถนอมธรรมชาติ
แห่งผืนดินชุ่มฉ่ำใจนี้เอาไว้ให้ตราบนานแสนนาน
อย่าเอาอย่าง
คนชาวสวนมะพร้าวบ้านไพรที่ขยันขายที่มาขี่เก๋งแข่งกัน
เป็นทิวแถว
ให้หัวใจคลุมด้วยเหล็กกระด้างไร้ร้าง
หมดสิ้นฝันสวรรค์วาย...
ที่เจ้าของบริษัทนั้น
รู้จักจิตวิทยามนุษย์มากมีที่ทะยานอยาก
ไม่รู้จบรู้สิ้นถวิลหามาประดับร่างประดับบารมี..
ที่มากมีเกินความจำเป็นใช้สอย
จึงตั้งหน้าตั้งตาผลิตกันมาเสนอสนอง..กิเลสนี้
ที่ทำให้โลกได้หมุนไป..ในทางวัตถุล้นเมือง
ไม่ประเทืองใจ
ที่ต้องทนทุกข์ทำงานเหนื่อยยากตรากตรำ
หาเงินมาผ่อนจนแทบบ้าคราถูกตามทวงเงินงวดค่ารถ
ราวนั่งอยู่ในนรกแม้นเบาะรถจะแสนนิ่ม..
และไม่เหลือเนื้อใจให้ไหวหวามให้ไหวทัน
หรือบางทีก็เกินการณ์เกินแก้
พ่ายแพ้ใจจนเครียดเส้นโลหิตแตกในสมอง
ตรองไม่ทันตามกระแสโลก..
......
ไพล..
จึงเสียดายบ้านไร่ชายทุ่ง
กรุ่นกลิ่นหอมลอมฟางเรียวข้าวในนา
และดงดอกหญ้าไหวเอน..
ที่ใกล้จะไร้ร้าง
มีหมู่บ้านจัดสรรขึ้นมาแทนที่ราวดงดอกเห็ด..เป็นป่าปูน..
ถนนสายใหญ่ยักษ์ สายคอนกรีต
ที่กำลังกรีดดวงใจไพลทิ่มแทงใจไพลให้ย่อยยับดับฝันตาม
และให้เนื้อใจนิ่มนิ่มนวลนวลของชาวนา แหว่งวิ่น
กระจัดกระจายพรายพลัดไปกับลมอารยะ..ที่บ่าโหมกระพือ..
ไพล..ขอหยุดเล่าแค่นี้นะคะ
เพราะว่ายาวย้ายยานแถมมิหวาน..มีแต่รานร้าวเสียอีกค่ะ
เอาแค่ว่า..เช้านี้ไพลคนดี
แค่มาบอกว่ายังได้มาพบเช้างาม
อรุณรุ่งเรื่อรางสีหวานปานรุ้งเรียวในซอกเสี้ยวดวงใจ..นะคนดี
แม้นมิใช่ในไพรพฤกษ์ที่ไพลฝัน .
.เฝ้ามองผืนพสุธาภาวนาให้ฟ้าต่ำแผ่นดินสูง
เพื่อพบฝันวันดี..
ที่สุด..ก็สุดแต่ดวงตานี้...ดวงใจนั้น ของผู้ใด
จะ..ไขว่คว้าฝัน มาเพลินตา เพลินใจ..มาประดับดวงใจ..
ตัวใครตัวคุณก็แล้วกันนะ..นะคะ....
..........................
เพลงไพร...
ปลูกกระท่อมกลางไพรฟังเพลงฝน
พิรุณหล่นพร่างพรายชายคาจาก
จุดตะเกียงเคียงหัวนอนฟังฝนพราก
จูบแก้มสากหอมหอมหลอมละลาย
วิมานไพรติดดินถวิลหวัง
ขอคืนหลังฝังฝากใจไม่ห่างหาย
นานนิรันดร์หลับฝันดีมิเคลื่อนคลาย
งามเรียบง่ายใช้ชีวิตที่ติดดิน
ปลูกดาวรุ้งรุ่งเต็มลานหวานดอกรัก
ช่อฟูมฟักรักบานชื่นคืนถวิล
มีสวนครัวผักริมรั้วให้เก็บกิน
ยอดกระถินฟักแฟงแตงลูกยาว
เอื้อมมือเด็ดผักและดอกไม้ใส่ตะกร้า
ฟ้าลับลากลิ่นแกงหอมจากน้องสาว
ทำขนมบัวลอยคอยชิมฝีมือเจ้า
คืนพร่างดาวไม่หนาวใจใครเคลียคลอ
กอราตรีริมชานเรือนอวลกลิ่นร่ำ
พิไรร่ำลำดวนดงหลงใครหนอ
จูบเรือนผมคลี่สไบ บัวไหวรอ
เจ้าตัดพ้อคลอเพลงครวญรัญจวนใจ
เป็นความรักเรียบง่ายไร้แสงสี
มีคนดีคอยอ้อนใจให้หวามไหว
โลกเงียบงามยามเราสองแลกร่างใจ
ตำนานไพรตำนานรักภักดิ์ทุกภพจบด้วยงาม!
.....................
พายุพัดแรงมากค่ะที่บ้านพุด
พรายฝนพร่างสายจนกลายเป็นสายหมอกหนา
ครอบคลุม ให้ความรู้สึกซึ้งสุขปนเศร้าล้ำค่ะ
หยาดฝนจากชายคาร่วงแรงซัดสาดกระจาย
ต้นไม้ทุกต้นไหวเอน
แก้วแตกก้านรานกิ่งราวกำลังจะพรากลา
กล้วยไกวหวีไหว อย่างกับว่าอยากรีบลงหม้อบวชชี เสียทีรู้แล้วไป
จำปี จำใจสลัดใบทิ้งกราวเกลื่อนพื้น
เล็บมือนางกางเล็บกรีดกราย
ร่ายมนตราหาวสันต์ลีลาอย่าลาลับเลือนไกล
การะเวก..ทดท้อพ้อดอกพราวพรากไม่สนใจไยดี..
ลั่นทม..ไหวระทมตามลมระบัด ใบงามชัดเขียวฝนไพล
โมก..พิไรใจน้อยคอยชูดอกกระจิ๊ดจิ๋วปลิวพรมหอมพราย
คล้ายเย้ยเล็กแต่เด็ดดอมก็หอมไกลได้นะดวงใจ
กุหลาบ บานวันนี้สามสีแดงชมพูและขาว
ตัดมาวางเคล้าบทความนี้ นาทีนี้
ที่ดอกชวนชมค่อยค่อยคลี่ดวงดอกหวานบานนับสิบแดงเด่นดอก
รสสุคนธ์..รอคนไกลมาชมมาดมหอม
นางแย้ม ยังมิยอมแย้มงามราวสาวอายเอียงรอเคียง
คู่กับคนรู้ค่ารู้ควร
เข็มขาวกอใหญ่ แทงช่อดอกออกจากกระเปาะใจ
ให้หอมละมุนไปในยามค่ำ
ยามที่นั่งรับสายลมเย็นริมระเบียงบน
และ..
ทุกหนทุกแห่งทุกแหล่งหล้า นะนาทีนี้
หากมีพระพิรุณพรายสาย
แม้นย่างกรายมา
ก็ขอให้มาดับร้อนได้ฉ่ำเย็นให้เห็นซึ้งงาม
ไปตามกันนะทุกดวงใจ..
ณ..เรือนไทยในเรือนไทย
ดอกบัวคงไหวชูช่อรอน้ำค้างในยามดึก
เดือนพรายหยาดสายหวานน้ำผึ้งจากจันทร์ใจดี
รอเวลา..
ที่อรุณรุ่งจะพาแดดสีทองละอองรุ้งเรียวหลังฝนพรำ
มาทอแสงเพชรพรายพร่างประดับดวงใจ
ให้ใสสวยงามดั่งหยาดเพชร
เพื่อ..
ประดิดประดอยคำ ..รจนาให้งามล้ำสืบทอด
มรดกใจมรดกงามให้โลกอ่อนหวานเงียบงาม..เป็นนิรันดร์..
.....................
จากใจพุด
ภาคซึมซึ้งกับสายฝนหล่นพร่างพราวราวรวงเพชร..ค่ะ
.........................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song200.html
ในฝัน ทูล ทองใจ
หากฝันว่าฉันและเธอ
ละเมอความรักร่วมกัน ทุกๆ วันแสน สุขฤทัย
หากความรักนั้นหนักเหลือ
แนบเนื้อเชื้อ รักดังไฟ ฉันขอตายบน ตักนาง
หากเราได้รักร่วมกัน
ผูกพันกระสันแน่นเหนียว
ขอรักเดียวไม่ จืดและจาง
หากเป็นดั่งเช่นที่หมาย
จะตายฉัน ไม่ขอห่าง
ขอรักนางเนื้อนวลแน่นอน
มอบ ใจ และกาย ทุกสิ่งมั่นหมาย
ถึงตัวตายไม่คลายรักก่อน
สู้ ทน อ้อนวอน ยอมฝันแม้ยามหลับนอน
ทนกอดหมอน นานมา
หากฝันฉันไม่หลอกหลอน
ตื่นนอนคงพบหน้าน้อง สมดังปองใจปรารถนา
หากเป็นดังเช่นที่หมาย
จะตายฉัน ไม่นำพา ขอบูชาน้องนางแน่นอน
หากฝันฉันไม่หลอกหลอน
ตื่นนอนคงพบหน้าน้อง สมดังปองใจ ปรารถนา
หากเป็นดังเช่นที่หมาย
จะตายฉัน ไม่นำพา ขอบูชาน้องนางแน่นอน...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song198.html
ปรารถนา ..ทูล ทองใจ
หากแม้นเลือกเกิด เองได้
คนทุกคนเลือกเกิดอย่างไร
ตามใจเขา ปรารถนา
แต่ตัวฉัน นั้นขอตั้ง สัจจะวาจา
ถึงชาตินี้ ชาติหน้า ปรารถนาเกิดมาใกล้คุณ
หากร้อนผิวกาย ใจระทม
ตัวฉันยอมเลือกเกิดเป็นลม
เฝ้าลูบชมเนื้ออ่อน ละมุน
หากหนาวนัก ขอเอารัก วางไว้เป็นทุน
ขอเกิดมา เป็นผ้าอุ่น
เกิดเป็นหมอนหนุน สำหรับนาง
อยากเกิดมาเป็น สีแดง
แต้มแต่งสองริมฝีปากคุณ
อยากเกิดเป็นแป้งหอมกรุ่น
ลูบไล้เนื้ออุ่น สองปราง
อยากเกิดเป็นสร้อยห้อยคอไว้
อยากเป็นดอกไม้ที่ทัดหู
อยากอยู่ร่วมหอ ไม่ห่าง
จะขอเป็นแหวนสวมก้อย
เป็นกำไรสวมใส่มือน้อย
เกิดเป็นรอยรับบาทของนาง
อยากแนบเนื้อ ขอเป็นเสื้อสวมใส่สรรพางค์
ขอเกิดเป็นหมอนข้าง
เพื่อนางนวลน้อง ได้กอดนอน...
12 กรกฎาคม 2549 16:35 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song72.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1665.html
(หนึ่งในร้อย..หนุ่มนารอนาง)
เช้าวันเข้าพรรษาแล้ว
ก่อนน้ำค้างแก้ว...ค้าง..กลางกลีบละอออ่อนของเจ้าดวงดอกไม้
จักระเหยหายอย่างไร้ร่องรอย
............
ในยามราตรี
ก่อนที่ดวงจะกล่าวราตรีสวัสดิ์
กับทุกสรรพสิ่ง
ที่นิ่งเงียบงามรายรอบในยามดึกดื่น
ดวงเขียนคำตัวโตๆเท่าหม้อแกง
เอาไว้*เตือนตนให้ตื่น*
ที่หน้าโต๊ะกระจกเครื่องแป้งโบราณ..
ว่า...*พรุ่งนี้ไปวัดทำบุญ*...
หาก..
ทว่าไม่อาจทราบได้ว่า..
ด้วย...
เพราะมนตรา*สายฝนเสน่หาฤาว่าสายฝัน*กันแน่
จึ่ง..พลันพาให้
ดวง..นอนซุกตัวสนิทในนิทราบนที่นอนนวลนุ่ม
อย่างแสนสุขสบายจนสาย
จนตะวันจับปลายไม้ระยิบพร่างไหว
จนกระทั่งได้ยินเสียงร้องปลุกจากนกเขาไพรเจ้าประจำ
และ..
เสียงโทร..จากใครๆสองคนไล่ไล่กันมา...
ดวง..
ไม่รับทั้งคู่เพราะสะลึมสลือราวละเมอตกอยู่ให้หอมห้วงแห่งภวังค์
ดวง..จำได้เพียงว่าฝันเห็นพระภิกษุมากมาย
คล้ายไปที่ไหนสักแห่ง...
ที่แวดล้อมด้วยพลังบุญ*แสงสงฆ์*จรัสแจ้งกระจ่างจ้าพร่างพราว
ผ่องผุดพิสุทธิคุณ
ราวโลกนี้ถูกอาบฉาบไล้ด้วย*สายแสงแห่งทองคำ*
ดวงคิดว่า..นั่นคงทิพยนิรมิตที่ดวงมักฝึกจิตจับก่อนนอน
และพาให้หัวใจดวงอรชร มักฝันดีเสมอมา
ดวง...
รีบลุกอย่างตกใจเมื่อหันเหลือบแลเห็น คำ..*ไปวัด*
อย่างพุทธศาสนิกชนที่ดี...
ที่...
ใช่จำต้องผลัดวันประกันพรุ่ง
หมายมุ่งรอวัยวันเวลา
ใช่แล้วนี่นา..ดวงอุทาน
วันนี้...วันเข้าพรรษา
วันที่ทั่วฟ้าไทย จะงามพราวราวได้รับรัศมีเพ็ญบุญถ้วนหน้า
วัน..
เข้าพรรษาที่" แปลว่า*พักฝน*
เพราะพระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ
ณ วัดใดวัดหนึ่งจนกว่าจะถึงวันวสันต์ลา
..............
ดวง....
เดินช้าช้าผ่านร่มไม้ใบบังสะพรั่งพราวรับดวงดอกแดดระยิบ
พร้อมไปหยุดกดหมายเลข ถึงมิ่งมิตรคนดีที่ดวงคิดว่าบางที
อาจจะยังนั่งรอดวงอยู่ที่บริเวณ*ม่านไทรย้อยห้อยระย้า*
อันคือราวสายเปลธรรมชาติ
ที่ใครมิทราบนำมาผูกไว้ให้เด็กๆได้นั่งไกวชมนกชมไม้เล่น
อย่างแสนสบายอารมณ์
ดวง...ได้รับเพียงลมลมลมจากปลายสาย
เมื่อ ได้รับคำตอบมาว่าได้ผันผายร่างกายหายวับไปกับ
สายลมแสงแดดยามอุษาสางแล้ว
ไม่เป็นไร...ไม่พบกันก็ไม่เป็นไร
ดวง...คนดีจึงค่อยๆเดินไปหาทำเล
ที่มีแมกไม้เคลียร่ายไหวระบัดริมบึงลำธารจำลองเล็กๆ
แสนงามสงบสงัดแสนฉ่ำเย็น
แล้ว
ขออนุญาตทรุดตัวลงนั่ง..
เคียงข้างร่างสุภาพสตรีวัยงามนามเพราะ*พี่ปรางทอง*
ที่ดวงอาจจะนับเป็นแม่ก็ว่าได้
ก่อน..
จะหันไปคลี่ยิ้มหวานๆทายทัก..กันและกัน
ด้วยนึกรักตั้งแต่แรกพบในใบหน้านวลสงบอิ่มบุญ มากเมตตา
พี่..ผู้กรุณาเล่าแนะนำตัวถึงต้นตระกูล
ณ นครและศรียาภัยสองตระกูล
ที่ดวงเกี่ยวพันเกี่ยวข้องจนได้มาพ้องพานพบพี่
ราวมีบุญสร้างกุศลจิตร่วมกันมา
ได้มารับทราบเรื่องราวดีดีที่พี่ผู้แสนมีจิตงาม
ได้ดำเนินรอยตามเสด็จไปในท้องที่ทุรกันดารนานมานับสิบปี
จนได้มีโอกาสรับเข็มพระราชทาน
พี่..ผู้งามทั้งใจกาย ผู้ให้ความเมตตากรุณาดวงดั่งน้องน้อย
และ
สัญญายินดี
จะคอยเฝ้าสอนเฝ้าสานให้ดวงได้เรียนรู้โลกธรรม
พี่..ผู้รินร่ำ น้ำใจใสใสราวน้ำอมฤตธรรม
ให้ดวงได้ดื่มด่ำ ดิ่มกินมิมีวันรู้สิ้น
อย่างโอบเอื้อ อารีด้วยต้องชะตา...
เราสองคิดพ้องต้องกันว่างามใดไหนเล่า
จักเท่า..*งามดวงใจใครเล่ารู้นี้*
ที่...
ถึงมาตรแม้นว่าจักมีงามนอกหลอกตาที่ฟ้าประทานมา
มี..เงินตรา ข้าทาสบริวาร วาสนาบารมี
ก็จักหาใช่...!..
สิ่งที่จีรังยั่งยืน ให้ยึดมั่นถือมั่นได้ฤาก็หาไม่
เพียง..
ราวให้เราวนหลงในมายาฝันมายาโลก ในวิบากโศกสุขทุกข์เวียนว่าย
ดั่งคล้ายกงกรรมกงเกวียน มิรู้สิ้นรู้จบ
หาก..
มินำมาพาจิตพบสงบว่างสว่างใจไปตราบชั่วนิจนิรันดร์..
พี่..คนงาม..ผู้ผ่านราวเรื่องแห่งมนตรามายาเงิน
จนท่วมท่ามราวมีทองทับนับอนันต์
กลับ..
มิให้จิตจับรับรู้เรื่องเพียงเปลือกนอก
พยายามลอกแกะออกเพื่อไปพบแก่นกระพี้
ที่ดั่ง*อัญมณีดวง*เพชรพรายฉายฉาย
อยู่ณ..บ้านภายใน ที่ใครจักมาแย่งชิงไปก็คงมิได้..
คล้ายคือ*เสบียงบุญ*
ที่มากมีค่ามหาศาล
ปานประหนึ่งดั่งแสงเพชรพราวราวแสงเทียนธรรมเทียนทอง
คอยส่องนำทางจิตวิญญาณ
เมื่อ..
ยามถึงกาลแห่งตะวันชีวีจะพลีดับลับลา..
ลงสู่ผืนพสุธา..ตราบจนชั่วฟ้าดิน
พี่..ผู้บอกมองเห็นงามละมุนในใจดวง
และแสนห่วงใย
อยากให้ดวงพลีจิตน้อมใจ*อธิษฐาน*
ให้ได้สร้าง
*สำนักปฏิบัติธรรม ขึ้นณ..กลางเกาะ
เพื่อ...
เพาะพันธุ์พามนุษย์
ดั่งบัวผุดพ้นโคลนตมให้พ้นพันธนาในทุกทุกข์รัก..
ให้..
ได้พักพิงอิงโอบเอื้อ
ได้ช่วยเหลือคนหลงในทะเลโลกย์ทะเลโศกทะเลน้ำตาพาขึ้นฝั่งฝัน
พลันให้สำเร็จ ด้วยเทอญ
ใช่แล้ว...ทุกที่รัก ทุกดวงใจ
ตามจิตไสวดวงมาซี
มาคิดดี คิดให้
คิดให้ได้ คิดให้ดี ว่าจริงไหม
ที่ทุกวันเวลานาทีแห่งลมหายใจ ของเรานี้ช่างแสนสั้นนักสั้นหนา
ใครจะรู้ว่าพญามัจจุราช จะมาเยือนเมื่อไหร่
โดยเฉพาะใครบางคนที่ยังหลงวน วัย วันอันแสนประมาท
คิดว่าจักหนีพญามัจจุราชพ้น
และ
คิดว่าร่างตนจักยาวยืนไปถึงร้อยปี
ที่...ใช่จะจริง
วันนี้..
คนดี ที่แสนชิดใกล้ใจดวง
ได้พบเจ็บในวัยวันอันแสนหนาวเหน็บราวเพิ่งเริ่มต้น
ไม่น่าเชื่อ
และที่รัก..
คงได้ซึ้งใจประจักษ์แจ้ง แทงตลอดถึง
*คำอนิจจังอนัตตา*
และ
คงแสนซึ้งถึงค่าคำ
ว่าชีวิตนี้หนา คือ เกิดมาเพื่อเพียรทำความดี
ใช่..จักมาพลีหว่านเสน่หา สวาทหวาม ลามไหม้ไปทั่ว...
ดวง...
ขอจบบทรจนา กับคำสุดท้าย
ที่พี่ปรางทองกระซิบอวยพร
ก่อนกราบลาว่า
แสนปิติดีใจที่ได้รู้จัก ผู้หญิงที่รักธรรม...
และ...
หวัง...ให้น้ำอมฤตนั้น
ได้รินร่ำให้ทุกดวงใจ..และดวง
ยิ่งมี..
ใจดวงงามดวงทอง ดวงผ่องผุด
ได้พบวิมุตติสุข พิสุทธิ์เกษม..ไปตราบนิรันดร์
และ
ถึงมาตรแม้น...
จักสิ้นไร้..*มิ่งมิตรกัลยาณมิตรธรรมคนใครในฝัน*
พากันเดินเคียงคู่ไปสู่สวรรค์ปาริชาติ...ก็ตามที...!!!!!!
................
ดอกพิกุลบานหลังพรรษา..ลำน้ำน่าน
เมื่อลมหนาวล่องไล้สวนรุกขชาติในวัดป่า
ดอกพิกุลต่างก็โปรยดอกลงแต่งแต้มลานทรายกวาดใหม่
กลิ่มหอมดอกพิกุลนั้น หอมร่ำ อบอวลไปทั่วอาณาบริเวณ
ในมโนคติเนิ่นนานของข้าพเจ้านั้น
ดอกพิกุลคือดอกไม้แห่งพุทธศาสนา
คนเฒ่าคนแก่โบราณมักใช้เวลาบั้นปลายชีวิตอยู่กับวัด
กวาดลานทรายและร้อยดอกพิกุลเพื่อเป็นพุทธบูชา
ภาพหญิงชรานุ่งซิ่นนั่งเก็บดอกพิกุลในวัดป่าแห่งหนึ่ง
ยังคงงดงามอยู่ในความรู้สึกในวินาทีนี้
ดอกไม้หอมที่แพทย์แผนโบราณไทยเราในสารบบ
เป็นเกสรทั้งห้า ได้แก่ ดอกพิกุล ดอกมะลิ ดอกสารภี
ดอกบุนนาค และ ดอกบัวหลวง
พรรษาลับล่วงไปแล้ว ลองหาเวลาเดินไปตามวัดป่าต่างๆ
โชคดีเจอต้นพิกุล แล้วเราจะพบว่า ดอกพิกุลนั้น
กำลังบานพรายเต็มต้นงดงามอยู่ท่ามกลางวงล้อม
แห่งพุทธธรรมทั้งปวง
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1665.html
หนุ่มนารอนาง
เมื่อถึงเดือนเมษา
หนุ่มบ้านนานั่งฝัน
คอยคนรัก คอยคนรักจากกัน
สิ้นสงกรานต์ น้องก็พลันลืมพี่
เธอทิ้งนาทิ้งไร่ จดหมายไม่มี
ใยน้องมาลืมพี่ ที่ท้องทุ่งนา
ดนตรี
เฝ้าหลงคอย แต่สาว
พี่หนาวใจหนักหนา
ยามเมื่อฝน ยามเมื่อฝน หล่นมา
หนุ่มบ้านนาหนาวอุราไม่สิ้น
จนฝนลงเดือนหก มวลนกโบกบิน
ใจน้องลืมไปสิ้นถิ่นฐานบ้านเรา
ดนตรี
เดือนเจ็ด เจ้าไม่มา
จะเข้าพรรษา ยิ่งพาใจเศร้า
สาริการ้องครวญมา เบา ๆ
สาริการ้องครวญมา เบา ๆ
ที่ต้นสะเดา พี่เฝ้ายืนมอง
ดนตรี
ผ่านพ้นเลย พรรษา
หนุ่มบ้านนา ยิ่งหมอง
มองดูน้ำ มองดูน้ำ เอ่อคลอง
เหม่อเหลียวมอง
น้ำในคลองไหลเชี่ยว
ลมพัดมาใจสั่น พี่ฝันอยู่เดียว
มองเห็นตาล ต้นเดี่ยว
เหลียวหา แต่นาง
ดนตรี
เดือนเจ็ด เจ้าไม่มา
จะเข้าพรรษา ยิ่งพาใจเศร้า
สาริการ้องครวญมา เบา ๆ
สาริการ้องครวญมา เบา ๆ
ที่ต้นสะเดา พี่เฝ้ายืนมอง
ดนตรี
ผ่านพ้นเลย พรรษา
หนุ่มบ้านนา ยิ่งหมอง
มองดูน้ำ มองดูน้ำ เอ่อคลอง
เหม่อเหลียวมอง
น้ำในคลองไหลเชี่ยว
ลมพัดมาใจสั่น พี่ฝันอยู่เดียว
มองเห็นตาล ต้นเดี่ยว
เหลียวหา แต่นาง...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song72.html
หนึ่งในร้อย ...นิตยา บุญสูงเนิน
พราว แพรว อันดวงแก้วแวว-วาว
สด สี งาม หลายหลากมากนาม นิยม
นิล-กาฬ มุกดา บุษรา คัมคม
น่า ชม ว่างาม เหมาะสม ดี
เพชรน้ำหนึ่ง งามซึ้ง จึงเป็น ยอดมณี
ผ่อง แผ้วสดสีเพชรดี มีหนึ่งในร้อยดวง
ความ ดี คนเรานี่ ดีใด
ดี น้ำ ใจที่ให้แก่คน ทั้งปวง
อภัย รู้แต่ให้ไปไม่หวง
เจ็บ ทรวง หน่วงใจให้รู้ ทัน
รู้ กลืน กล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน
ชื่น ชอบตอบ ผล ร้อยคน มีหนึ่งเท่านั้นเอย
รู้ กลืนกล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน
ชื่น ชอบตอบผล ร้อยคน มีหนึ่ง เท่านั้นเอง.
11 กรกฎาคม 2549 23:52 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1931.html
อายฟ้าดิน
เธอรู้บ้างไหม...
ในวันนี้ ที่ฉัน อยากถอดหัวใจ วางไว้...ในกลุ่มเมฆ
ให้ปุยเมฆ แสนนุ่ม ฟ้างาม และดวงดาวจรัสแสง
ในยามค่ำช่วยกันเห่กล่อม...ปลอบประโลม..........
ฉันอยากมี..แค่ร่างนี้ ที่ไร้หัวใจ..
ไม่ต้องทนเหงาเศร้า และ เจ็บปวด
ฉันอยากอยู่..ในร่างนี้ ที่อยู่ไปวันวัน..
กิน นอน ทำงาน เพื่อให้ผ่านๆไป
ไม่ต้องมีหัวใจไว้โหยหา และคิดถึงใคร....
เธอรู้บ้างไหม..ฉันอยากถอดใจ
เหลือเพียงร่างกายที่ยังรอเธออยู่ได้โดยไม่ช้ำชอก
เธอรู้บ้างไหม...ฉันอยากถอดใจ
เอาไว้จนกว่าฉันนี้จะเลิกพบกับคำว่าพลัดพรากจากกัน
เธอรู้บ้างไหม..ฉันอยากถอดใจ
จนกว่าจะถึงอรุณรุ่ง
ที่ตื่นขึ้นมาแล้วมีเธอนั้นในอ้อมกอด...
เธอรู้บ้างไหม..ฉันอยากถอดใจ
เลิกฟังเพลง ที่ครวญคร่ำกระหน่ำซ้ำซัด
จนใจฉันพังยับเยิน
เธอรู้บ้างไหม..ฉันอยากถอดใจ
ให้ลืมความเสียใจ
ความรู้สึกที่รักเธอมากมาย... จนอายฟ้าดิน
เธอรู้บ้างไหม..ฉันอยากถอดใจ
จนกว่าเราจะมีกระท่อมในฝันดั่งคำมั่นสัญญา
เธอรู้บ้างไหม..ฉันอยากถอดใจ
เพราะวันนี้
ฉันอยู่กับร่างนี้ ที่ดูเหมือนจะมีใจ แต่..มันไม่มี
เพราะมันโบยบิน ข้ามขอบฟ้ามาซุกอยู่กับอกเธอ..
ที่รัก..อย่าใจร้ายนัก..
ช่วยเก็บดวงใจรักของฉันไว้ด้วย..
อย่าโยนทิ้งให้แหลกสลายเลย..!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1931.html
อายฟ้าดิน
จะบอกรักใครก็อายฟ้าดิน
ความหวังพังสิ้น ทางรัก มืดมน
เกิด มา ร่างกายเท่านั้นเป็นคน
แต่หัวใจปี้ป่น โดนรักขยี้แหลกราญ
จะเอ่ยรักใครให้เอือมระอา
เมื่อไร้คุณค่า จนมิ ต้องการ
ตราบ จน สิ้นคนมั่นรักยืนนาน
ต้องทุกข์ทรมาน ร้าวราน ฤดี
ชีวิตต้องสิ้น ความหมาย วิง วอน ไหว้
ฟ้าดินก็ไม่ปราณี เจ็บ ปวด รวดร้าว ชีวี
ดวงฤดี มีแต่ ชอกช้ำเรื่อยมา
ไม่อยากรักใครให้อายฟ้าดิน
กลัวเขาจะสิ้น ความรัก เมตตา
สู้ กลืน เก็บความชอกช้ำอุรา
ไม่รักใครดีกว่า เดี๋ยวเขาจะอาย ฟ้าดิน
ชีวิตต้องสิ้น ความหมาย วิง วอน ไหว้
ฟ้าดินก็ไม่ปราณี เจ็บ ปวด รวดร้าว ชีวี
ดวงฤดี มีแต่ ชอกช้ำเรื่อยมา
ไม่อยากรักใครให้อายฟ้าดิน
กลัวเขาจะสิ้น ความรัก เมตตา
สู้ กลืน เก็บความชอกช้ำอุรา
ไม่รักใครดีกว่า เดี๋ยวเขาจะอาย ฟ้าดิน...
10 กรกฎาคม 2549 18:48 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song420.html
(รางวัลชีวิต)
บทกวีจากมิ่งมิตร*ลำน้ำน่าน*
ที่แสนรักเอยแสนรักในกมล
พอบุหลันพรางพรายขึ้นฉายฟ้า
ดวงดาราหมื่นนั้นก็พลันหาย
เหลือเพียงแสงรัชนีกรพรรณราย
อาบโพยมเรียงรายคล้ายวิมาน
จุดเทียนทองส่องทางว่างวิเวก
ปลั่งเปลวเอกยอดเทียนเพียรอธิษฐาน
อาสาฬหบูชามาเวียนวาร
นมัสการพระพุทธพิสุทธิ์ใจ
หริ่งเรไรระงมชมแสงโสม
กล่อมบรรโลมน้ำค้างระวางไหว
เสียงสวดมนตร์แว่วดังกังวานไพร
จากโบสถ์คร่ำคร่าวัยในเวียงนั้น
แสงเทียนทองส่องวับจับดวงหน้า
ใต้ราวโบสถ์ปรางปราราวอาถรรพ์
ประภัสพุทธผ้าสงฆ์องค์วงศ์วรรณ
รายรอบหลั่นวิหารป่าพนาลัย
ขออัญเชิญเสียงมนตร์สู่บนพรหม
วโรดมลานธรรมสว่างไสว
พลีดวงจิตบูชาพระรัตนไตร
ณ วันโสมอาบไพรใต้อัมพร
................
พระจันทร์ วันอาสาฬหบูชาบานเต็มดวง
เหลืองทอง สุกปลั่ง
ค่อยๆลอยเรี่ยทายทักฟ้างาม
ในยามค่ำ อย่างอ่อนโยน นุ่มนวล.....
แสงจันทร์งามละออ หวานปานสายน้ำผึ้ง
ราวจะหยาดลงมาประโลมใจทุกๆคนบนผืนโลก
ให้เยือกเย็น งดงาม หวานฉ่ำพอกันกับจันทรเจ้า....
แสงเทียน ในมือ เสียงธรรม
ก้องสองหู จากเสียงสวดของพระสงฆ์...
ขณะ ก้าวเดินอย่างช้าๆ.... ไปรอบโบสถ์งาม.....
ตามกันไป ในเส้นทาง
ของพระพุทธองค์ ผู้ทรงนำทาง ก่อนหน้า
พาใจให้บานเบิก
ราวบัวชูช่อรอรับ แสง อรุณรุ่ง...
แห่งชีวิตนี้ที่ค่อยๆสว่างไสว...
ไปกับตะวันเปล่งแสงเจิดจ้า
จนกว่ายามสนธยา จะมาเยือน....และ
จนกว่าแสงแห่งชีวีนี้
ที่จะเลือนหาย ไปกับสายลม ในยามค่ำ
กลิ่นพิกุล หอมเศร้า
เคล้าแสงเทียน วับแวม
พิกุลร่วงพรูพราว รอคนรู้ค่า
นำมาร้อยเป็นมาลัยหอมงาม ไว้ดอมดมชมชื่นใจ
ประเพณีไทย ประเพณีงาม
ในยามค่ำนี้
วันแสนดีของพุทธศาสนิกชน
วันเพ็ญเดือนแปด
ที่มีปรากฏการณ์สำคัญ ๆ
ในวันนี้มีถึง 4 ประการ ด้วยกันคือ
1. เป็นวันแรกที่พระพุทธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนา
2. เป็นวันแรกที่พระพุทธองค์ทรงได้ปฐมสาวก
3. เป็นวันแรกที่พระสงฆ์เกิดขึ้นในโลก
4. เป็นวันแรกที่บังเกิดรัตนะครบสาม
เป็นพระรัตนตรัย
คือ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ
เช้า..ตักบาตร ฟังธรรม
น้อมนำใจ ให้ใสเย็น
ตั้งจิตอธิษฐาน กราบกราน
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ให้ได้พบแสงธรรมนำทางทุกๆชาติไป
ถ้ายังไม่หลุดพ้น ต้องเวียนวนมาเกิดชดใช้กรรม
ค่ำ..เวียนเทียน
นำดอกไม้ ธูปเทียน
เป็นมาลัยแทนใจ
แทนความดี ที่ศรัทธา น้อมบูชา
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า..
ผู้นำทาง สว่างไสว มาสู่ใจนี้ ที่ยังไม่มืดบอด..
อธิษฐานเพิ่ม เติมต่อ
ขอให้สุขภาพดี มีคนดี
ที่มีใจรักมั่นคง มาเคียงครอง คุ้มผองภัย
หวังสิ่งใด ก็ขอให้สมหวัง ถ้าเป็นสิ่งดี ที่คิดปอง
กลับบ้าน
มานอนดูพระจันทร์
ด้วยฝันเห่กล่อม
ในอ้อมแขนของดาวเดือนเพื่อนผู้รู้ใจ ให้ไม่ว้าเหว่....
นอนฟังเสียงลม เสียงจิ้งหรีดเรไร..ในความงามเงียบ
แกล้มกลิ่นหวานเศร้า หอมร่ำรวยริน กลิ่นดอกลั่นทม
จันทร์ดวงงาม ใจดวงดี
ไม่มีอะไรสุขเท่า
ขอเพียงคิดเป็น
ให้ธรรมชาติร่มเย็น หยิบยื่น
ขุมทรัพย์ล้ำค่ามาสู่สายใจ
ในทุกวันเวลา ถ้าเพียงรู้คำว่า..เปิดใจ..
ฝากสายลมยามค่ำ ไปกอดเธอ
ฝากมวลหมู่ดาว พราวพร่างฟ้า
ยามราตรีนี้
กระซิบบอกว่า
อย่าร้องไห้นะคนดี ที่คิดถึงฉัน
ฝากแสงจันทร์ โลมไล้ ดวงใจให้ไม่สิ้นหวัง
โลกและคืนวัน แสนดี ยังมีอีกยาวนานนัก..
และทุกสิ่งจัก..แพ้พ่ายใจ ดวงดีที่มั่นคง
ไม่ว่าจะรอนานสักเท่าใด
ขอเพียงอย่าหวั่นไหว ในรักนี้ของสองเรา ...!!!!
.............................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song420.html
รางวัลชีวิต ชัชฎาพร ลักษณาเวช
พระพุทธองค์ ท่านทรงสอนเรื่องเวรกรรม
คนไหนใครทำ กรรมเคยก่อเอาไว้อย่างไร
ก่อน นั้น เคยทำกรรมไว้ชาติใด
ชาตินี้ต้องได้ รับกรรมที่ทำก่อนนั้น
ตัวฉันคงทำ แต่กรรมซ้ำอยู่เสมอ
ชาตินี้จึงเจอ เวรกรรมเก่าเข้าย้อนผูกพัน
ปวด ร้าว ตรอมตรมขื่นขมอนันต์
ทำดี สารพันรางวัลที่ได้ก็คือเคราะห์กรรม
โธ่ เอ๋ย พระเจ้าไม่เคยปราณี
ในชาตินี้ ทำดีไม่เคยก่อกรรม
หวัง ให้ ผลบุญได้น้อมนำ
ล้างเวรที่เคยทำ แต่ชาติ ปาง ก่อน
สิบนิ้วประนม สวดมนต์พร่ำบ่นบูชา
กุศลนำมา จงนำข้าสิ้นเวรดั่งวรณ์
หากแม้ ชีวีสิ้นลับดับมรณ์
เวรกรรม ทุกชาติก่อน
บรรเทาผันผ่อน อย่าตามซ้ำเลย...
10 กรกฎาคม 2549 17:51 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song973.html
(ดวงใจในฝัน)
เราสอง..สองเรา
นอนสยายผมราวแพรไหมบนที่นอนสีขาวนวลนุ่ม
จ้องมองเพดานนิ่งนิ่ง
แล้วพลิกตัวหันมาแย้มยิ้ม
จ้องมองตากันแล้วพลันจะยิ่งยิ้มยิ้มยิ้ม
ด้วยเอมอิ่มแสนสุขเสมอใจ
ในทุกนาทีทองแสนยิ่งใหญ่ด้วยพลังแห่งความรักความเข้าใจ
อันจักหารักไหนรักใดมาเปรียบปาน..ประมาณ.ได้ฤาก็หาไม่.
และ..
จงอย่าเข้าใจผิดคิดลึกนักนะคะ
ว่าเราสองมีอะไรๆในทางพิสวาทหวามเสน่หา
ในเมื่อเราสองนั้นต่างก็คือ...*ผู้หญิงๆธรรมดาๆ*
ที่โลกหล้าลิขิตให้เราเกิดมารัดร้อยผูกพันเป็นดั่งมิ่งมิตรคนดี
ที่จักปันพลีในทุกสรรพสิ่งอย่างแสนจริงใจต่อกัน
ตราบจนกว่า..
จะถึงวันสุดท้ายแห่งลมหายใจชีวิตจักปลิดปลิวพร้อมพรากจาก
เหลือฝากเพียงตำนานแห่งความรักความดีความเสียสละมากมีมากมาย
และ..
สิ่งที่เรานอนพลิกคว่ำพลิกหงายผลัดกันเล่าระบาย
ถึงเรื่องราวแห่งชีวาชีวิต แห่งพรหมลิขิตฝัน
ทีมีทั้งเรื่องสร้างสรร และไร้สาระสารพัดสารพัน
ที่เธอนั้นผ่านตาผ่านประสบการณ์มาเกือบทั่วหล้าโลกแล้ว
มีทั้งเรื่องรักที่ช่างน่ายินดี
เช่นว่ามีนักบินรูปงามกำลังจะบินพาเธอไป
เมือง*อิสตันบูล*และ*บางดินแดนในอัฟริกา*
และ..
เรื่องที่ทายท้า
รอพรหมชะตาพาลิขิตรักลิขิตฝัน
ให้พลันพบนิรันดร์รัก
สำหรับเธอ ..
ที่คง..มิจำต้องเพ้อรอท่า
รอเวลารอ..อกหักเหมือนดั่งอีกคน...
ที่คงต้องทนไปตราบชั่วดินฟ้า
และ...
หากทรุดร่างนั่งลงริมหน้าต่าง..
ที่มีม่านผ้าไหมหนาหนักและม่านบางเบาสีขาว
กำลังระบัดพลิ้ว
ให้ดวงจิตเราแหงนเงยแลลอดลิ่วลอย
ไปสู่ท้องนภาฟากฟ้าแสนกว้าง
ที่พร่างพราวด้วยเรียวเมฆแสนจรัสจรุงในยามค่ำ..
และ..
แลไปเบื้องล่างนั่น
คือรถราและวิถีชีวีผู้คนที่ต่างปะปนวกวนเวียนว่าย
เร่งรีบ พาตัวไปสุ่จุดหมายปลายทางดีร้าย
แล้วแต่จะหมายเลือกโลกโศกสุข(สุก)
ทุกข์ร้อนฤาจักรู้ผ่อนเพลาเอาเองไปตามเพรงกรรม ลิขิต...
เราสอง...
นอนบนตึกสูงสวยระยิบแทบเคลียทิวทิพย์เมฆ
ตึกที่แสนวิเวกเงียบงามให้เงียบงัน
ให้พลังฝันฝันฝัน พร่างพร่าง แสนสว่างกระจ่างสงบ
ราวพาร่างจิตเรา..
ลอยเลื่อนไปพบสวรรค์สรวงรวงดาวเรียงดวงสุกใสสกาวแสนใกล้
ในยามราตรีกาล ...........
ที่..
จันทร์ดวงเดิมดวงงามดวงหวานดวงดี
มาแอบคลี่ยิ้มเยือนแย้ม
ด้วยแก้มอิ่มพูนดวงรายล้อมด้วยดวงดาว
อันแสนพราวพร่างนับร้อยพันพร่างพรึบ
ให้แสน.
นึกรักนึกหวามไหว
นึกอยากมีใครสักคนในอ้อมขวัญอ้อมใจ
พากันชวนชี้ชม
มิใช่...
นอนตรอมตรม...แสนระทมเปลี่ยวเปล่ามานานปี
ที่เมื่อเหลียวไปไม่เคยมีใครเลย...
ใน..
ทุกยามโชคดีที่ได้พบ..ได้มี..
นาทีแห่ง*ปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์รอ*
หากแต่ด้วยดวงใจมิเคยท้อ
แค่รู้พอรู้วางเฉย
เสมอเสมือน....แสนเคยชิน
เหมือน..
คนสิ้นถวิลหวังเฝ้ารอ
เหมือนแค่พ้อ หากมิพ่าย
คล้ายดั่งพบหนทางแห่งรักภิรมย์
ที่มาตรแม้นจะพบเพียงระทมทับ
จากกับ..
ทุกข์ลมลวง
จากบ่วงมัด..จากเงารักวิบากกรรมอดีต
ตามมาต่อเติมเพิ่มกรีดรอยแผลใจ
เพื่อ..
เพียงให้ยอมเสียใจ รู้ทำใจ ชดใช้กรรม
มารินร่ำพร่ำคำลวง
จาก...
*คนหลายใจ*จาก..*ใครหลายคน*
ที่เวียนวน...ผ่านมา
ในหนทางแห่งปรารถนา
แห่ง..
ความไร้จีรังรักใด
ไม่...เคยมีแม้นคำว่า*นิรันดร์รัก*
อัน
แสนจักหายากยิ่งขึ้นทุกทีๆ
บนผืนโลกโลกาภิวัฒน์นี้
ที่..
ราวงมเข็มในห้วงมหาสมุทร
อันสุดยากหยั่งถึงบึ้งทรวงใคร...
อย่าง..
จริงใจจริงแท้อย่างหาแน่นอน..เป็นไม่มี
และ..
ในยามทิวาต่อราตรีใกล้ค่ำ
ยืนแลลงไปอีกชั้น
จะเห็น..
เป็นสวรรค์สรวงสวนขวัญสวนแขวน
สวนที่....
แสนดายเดียวด้วยดวงดอกดกแห่ง*ลั่นทมพวง*สีขาวล้วน
ที่ทุกพวงดอกพราวจักแน่นเต็มราวกิ่ง
จนพาใจดวงเศร้า ดวงซึ้งๆ
ให้ยิ่งถึงกับอึ้งอั้น...ยิ่งนิ่งงัน...ให้ฝันงามเงียบ..ยิ่งขึ้น.ๆไปอีก..
เราสองเปิดบทเพลงของ*เอลย่า *
ที่ต่างพาให้ใจเรายิ่งหวามไหวระริกๆ
และ
กับทุกบทกระซิบแห่งพลังเสียงแสนโศกสะเทือน
ยามเราพาตัวไปนอนในอ่างอาบน้ำ
แล้ว..
ค่อยๆทำตัวเบาเสมือนเสมอ..
ดอกบัวน้อยน้อยให้ลอยพริ้มปริ่มบึงน้ำ
ที่ห่างตา ร้างแรมรามวลหมู่ภู่ผึ้งภมร
ที่จักมิหาญกล้ามาบินตอม..
พร้อมหลับตาฝัน
พลันพลีร่างอ้างว้างในอ่างอาบน้ำอุ่น
อันเอื้อโอบละมุน
ด้วยกรุ่นกลิ่นแห่งฟองพรายหอมหอมหอมแทน
ทีอยากให้ใครเด็ดดมเด็ดดอม..
แล้ว..
ให้ผสมพร่างหอมเกสรหวานแสนหวาน
ให้หลับใหลไปอย่างแสนซ่านเกษมสุข..
ไปทุกคืนค่ำไปกับนิรันดร์รักฝันดี
และ..
ในยามดึกดื่น
เราต่างมายืนจิบไวน์ริมหน้าต่าง
มองดูพร่างแสงไฟพราวระยิบเบื้องล่างที่ราวเมืองตุ๊กตา
แล้ว..
พากันหันมาหัวเราะพร้อมกัน
ราว.
อยากให้ฟ้าดินสวรรค์เบื้องบนรับรู้
ว่าเราทั้งคู่ต่างแสนอยากขอบคุณ ในบุญวาสนาบารมี
ที่ท่านพลีประทานพรให้มา
ให้ ..
เราสองแสนโชคดี หากเทียบกับมนุษย์มนามากหน้า
ที่ยังต้องต่างพากันดิ้นรนเอาตัวรอดปลอดภัย...
เสมือนท่านให้พรสวรรค์ฝันงาม*ให้*
*กับงามดวงใจใครเล่ารู้..นี้*
ที่..
แสนรักในทุกวิถีความเงียบเรียบง่าย
ความชิดใกล้ธรรม ธรรมชาติ
ให้..
รู้รักความพอดี พอเพียง
รู้เลี่ยงกิเลสมิหลงเฟ้อตามไปในนิยามโลกวัตถุ
รู้หันมาทำความดีพลีแด่ผองชน ในทุกโอกาส
รู้เสียสละ แม้นจักดั่งปิดทองหลังพระ
ก็มิเคยท้อถอยที่จักคอยสร้างสิ่งที่ควร
อย่างมิเรรวนมิกังขา
หวังให้โลกหล้าและผู้คนที่ยากจนกว่าได้รับปันแบ่ง
มินับเส้นทางทองอันคือกุศลธรรมบริจาค
หากนับ..
เป็นเงินกองล้ำมากล้นค่าเกินกว่า*เพชรนิลจินดามหาศาล*
ที่ในจินต์มิเคยคิดแค่หามาประดับร่าง
เพียง...
ให้พร่างงามหลอกตาใคร
หาก...ดวงใจ..มิภูมิใจ
ไม่เคยรู้ค่าคำเสียสละ เมตตา
และ....
นี่คือ..... ความรู้สึกล้ำล้นเลอค่า
ที่อยากรจนามาแบ่งปัน
ให้ทุกดวงใจเรียนรู้รักรู้ฝัน
รู้ว่า..
วันคืนแห่งเราแม้นจักพบเหงางาม
หาก....
รู้ทางทองรู้ทางธรรม
รู้กลืนกล้ำ
รู้รักแล้ววางแล้วปล่อย...
อย่างมิเคยท้อถอยน้อยใจในโลกและโชคชะตา
ก็เปรียบประดุจดั่งรู้ค่า...
รู้การได้เกิดมาพบกับคำว่า*รัก*แล้ว...!!
............................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song973.html
ดวงใจในฝัน ..อรวรรณ เย็นพูนสุข
รำพึงรำพัน ฝันรัก รักเอยใฝ่หา
ยังจำติดตาชวนปลื้ม ฉันลืมไม่ลง
เป็นรอยพิศวาส ปักใจมั่นคง
ฝังใจพะวง หลงรอคอย
อาวรณ์ใจครวญ หวนคิด คิดจนพร่ำเพ้อ
พาใจละเมอหมองหม่น คิดจนเลื่อนลอย
ยามนอน ถอนสะอื้น ตื่นตาแลคอย
คิดจนดาวลอย คล้อยเมฆา
ฝันกอดเชยชม ภิรมย์รื่น พี่ชื่นตื่นผวา
จนใจ ไม่มีใครเมตตา
เพียงนิทรา นิจจานึกว่าสุขเอ๋ย
บางคืนมองจันทร์หรรษา นิจจาอกฉัน
บางคืนขาดจันทร์เยือนหล้า น้ำตาหลั่งเลย
ลมเอยพริ้วยังแผ่ว ไม่มีแววเลย
เหงาใจจริงเอย หลงเชยแต่เงา
บางคืนมองจันทร์หรรษา
นิจจาอกฉัน
บางคืนขาดจันทร์เยือนหล้า
น้ำตาหลั่งเลย
ลมเอยพริ้วยังแผ่ว
ไม่มีแววเลย
เหงาใจจริงเอย
หลงเชยแต่เงา...