12 กุมภาพันธ์ 2549 22:24 น.

ความรักครั้งสุดท้าย..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3408.html
(ความรักไม่มีวันละลาย)


ไรแสงแสนหวานแห่งอรุณแรก
แทรกใบไม้พร่างระยิบ
มา..
พรายพริบโลมไล้ร่างดายเดียว
ให้..
พลันตื่นมาฟังเสียงแสนสดชื่นระรื่นร่ำ
แห่งส่ำสรรพสัตว์ถึงเตียงนอนนวลนุ่ม
ที่มาพร้อมกับอวลอุ่นแห่งสายลมยามเช้า
มาเคลียเคล้าดวงใจ
ดั่งดนตรีไพรทิพยสวรรค์ประทาน


ม่านฟ้า...เริ่มคลี่
ราว..
ม่านเวทีละครโลกย์โศกสุข
แห่งมวลมนุษย์พร้อมคลี่เผยตาม
ให้..
ทุกดวงใจ..
ได้รับแสงใสงามแห่งดวงตะวัน
พลี...หวังหวาน
ดั่ง..
ได้เติมไฟฝันพลังใจ
ให้...พลันตื่นชื่นบานอีกครา
และ..
อีกครา...
ได้ลุกขึ้นมาหยัดยืนสู้โลก ไปอีกวัน และอีกวัน
ตราบจนกว่า..ลมหายใจแสนสั้น..จะสิ้น!


เธอ..
นอนนิ่งนึกนับ
ณ..วันนี้แล้วสินะ
วันมาฆมาศ วันสำคัญทางศาสนา
ที่..
ทุกดวงใจพุทธศาสนิกชน
ถือว่าคือวันแห่งความรัก
อันแสนหนักแน่นยิ่งใหญ่
ที่..
*องค์พระบรมศาสดา*
ได้แผ้วถางทางบุญการุณย์ธรรมไว้
ให้..
เหล่าผองชนคนในชมพูทวีป
ได้เดินตามรอยบาท..อย่าคลาดคลา 
อย่าให้เสียเวลาเสียชาติเกิด..!


วันที่...
พระจันทร์..วันมาฆมาศ..บานเต็มดวง 
เหลืองทอง สุกปลั่ง 
ค่อยๆ..
ลอยเรี่ยทายทักฟ้างาม 
ในยามค่ำ อย่างอ่อนโยน นุ่มนวล..... 

แสงจันทร์งามละออ หวานปานสายน้ำผึ้ง 
ราว..
จะหยาดลงมาประโลมใจทุกๆคนบนผืนโลก 
ให้เยือกเย็น งดงาม หวานฉ่ำพอกันกับจันทร์เจ้า.... 


แสงเทียน ในมือ เสียงธรรม 
ก้องสองหู จากเสียงสวดของพระสงฆ์...
ขณะ ก้าวเดินอย่างช้าๆ.... ไปรอบโบสถ์งาม..... 
ตามกันไป ในเส้นทาง 
ของพระพุทธองค์ ผู้ทรงนำทาง ก่อนหน้า 

พาใจให้บานเบิก 
ราว
บัวชูช่อรอรับ แสง อรุณรุ่ง...
แห่งชีวิตนี้ที่ค่อยๆสว่างไสว...
ไป..
กับตะวันเปล่งแสงเจิดจ้า 
จนกว่ายามสนธยา จะมาเยือน....และ 
จนกว่า..
แสงแห่งชีวีนี้ 
ที่จะเลือนหาย ไปกับสายลม ในยามค่ำ 

กลิ่นพิกุล หอมเศร้า
เคล้าแสงเทียน วับแวม 
พิกุลร่วงพรูพราว รอคนรู้ค่า
นำมาร้อยเป็นมาลัยหอมงาม ไว้ดอมดมชมชื่นใจ 



ประเพณีไทย ประเพณีงาม 
ในยามค่ำนี้ 
วันแสนดีของพุทธศาสนิกชน 
วันเพ็ญเดือนสาม
ที่..
พระอรหันต์เอหิภิกขุ
จำนวนหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบรูป
มารวมกันที่เวฬุวนาราม
อย่างพร้อมเพรียงกัน
โดยมิได้นัดหมายกันมาก่อน
และ..
พระพุทธองค์
ได้ทรงแสดงธรรมโอวาทปาฎิโมกข์
เรียกว่าจาตุรงคสันนิบาต
ให้พุทธศาสนิกชน
ได้หลุดพ้นจากการเวียนว่าย 
ในวัฏสงสาร ยาวนาน มิรู้สิ้น 


เช้า..ตักบาตร ฟังธรรม 
น้อมนำใจ ให้ใสเย็น 
ตั้งจิตอธิษฐาน กราบกราน 
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ 
ให้ได้..
พบแสงธรรมนำทางทุกๆชาติไป 
ถ้ายังไม่หลุดพ้น ต้องเวียนวนมาเกิดชดใช้กรรม 


ค่ำ..เวียนเทียน 
นำดอกไม้ ธูปเทียน 
เป็นมาลัยแทนใจ 
แทนความดี ที่ศรัทธา น้อมบูชา 
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า..
ผู้นำทาง สว่างไสว มาสู่ใจนี้ ที่ยังไม่มืดบอด.. 

อธิษฐานเพิ่ม เติมต่อ 
ขอให้สุขภาพดี มีคนดี 
ที่มีใจรักมั่นคง มาเคียงครอง คุ้มผองภัย 
หวังสิ่งใด ก็ขอให้สมหวัง ถ้าเป็นสิ่งดี ที่คิดปอง 


กลับบ้าน 
มานอนดูพระจันทร์ 
ด้วยฝันเห่กล่อม 
ใน..
อ้อมแขนของดาวเดือนเพื่อนผู้รู้ใจ ให้ไม่ว้าเหว่....
นอนฟังเสียงลม
เสียงจิ้งหรีดเรไร..ในความงามเงียบ 
แกล้มกลิ่นหวานเศร้า หอมร่ำรวยริน กลิ่นดอกลั่นทม 


จันทร์ดวงงาม ใจดวงดี 
ไม่มีอะไรสุขเท่า 
ขอเพียงคิดเป็น 
ให้ธรรมชาติร่มเย็น หยิบยื่น 
ขุมทรัพย์ล้ำค่ามาสู่สายใจ 
ในทุกวันเวลา ถ้าเพียงรู้คำว่า..เปิดใจ.. 


ฝากสายลมยามค่ำ ไปกอดเธอ 
ฝากมวลหมู่ดาว พราวพร่างฟ้า 
ยามราตรีนี้ 
กระซิบบอกว่า.....


อย่าร้องไห้นะทุกคนดี ที่คิดถึงฉัน 
ฝากแสงจันทร์ โลมไล้ ดวงใจให้ไม่สิ้นหวัง 
โลกและคืนวัน แสนดี ยังมีอีกยาวนานนัก.. 
และ
ทุกสิ่งจัก..แพ้พ่ายใจ ดวงดีที่มั่นคง 
ไม่ว่าจะรอนานสักเท่าใด 
ขอเพียงอย่าหวั่นไหว ในรักนิรันดร์นี้แห่งสองเรา ..
..............


และ...สำหรับ..
เธอ...ศศิมาฆะ..
กำลังเตรียมตัวเดินทาง
ข้ามไปสู่ฝั่งฝันพะงันงาม
แดนดินที่เธอได้ยินมาว่า
มี..
สำนักวิปัสสนา
ที่คนที่มีดวงตาเห็นธรรมพากันหลั่งไหล
มามิขาดสาย


แทนที่จะพาร่างว่ายวน
เพื่อข้ามทะเลโลกย์
อันแสนโศกวน
มาเพียงเลาะเลียบอยู่ริมชายฝั่ง
อัน..
เต็มไปด้วยผู้คนนานา

สารพันไฟกิเลสตัณหาพาแผดเผาให้เร่าร้อน
ราวกับ..
ไส้เดือนกิ้งกือถูกน้ำร้อน
พากันเต้นรำรับขวัญวันพระจันทร์หวาน
กันอย่างหามรุ่งหามค่ำ
ให้..
จันทร์..เจ้า
อยากหยุดหยาดสายหวาน
และหันมาฝากรานโศก
อยากร้องไห้ไปกับโลกแห่งเวทนาแทน..


เมื่อ..
เห็นความไม่เที่ยงแท้แน่นอน
*ของเหล่าภมรดอกไม้..บัวใต้น้ำ*
ที่
ยังมากมีมายมายนัก..
ยังมองไม่เห็นหนทางชีวี 
หนทางที่จะหนีวังวนแห่งบ่วงวิบาก
ยอมพรากจากรัก 
อันจักหายาวยืนไม่

ในที่สุด..
ทุกมนุษย์ก็ต้องเดินก้าวเข้าสู่เชิงตะกอน
ไปนอนร้อนร่าง ไร้รับรู้กันทุกหมู่คน 
ทั้งจนรวยเสมอเสมือนกันอย่างยากจะหนีพ้น...


เธอ...
จัดข้าวของใส่กระเป๋าใบย่อม
ที่ไร้เครื่องประทินผิว อาภรณ์ให้งามใด
เธอ..
ที่มีเพียงใจดวงใสใส ดวงกระจ่างสว่างวาบ
ที่กำลังใช้บทเรียนแห่งสัจจธรรมมรณานุสติ
มาเป็นทางฉลาดเลือกหนทาง..


สู่..
ทางสายธรรม อันแสนสว่างสงบ..สยบทุกข์สุข
หยุดว่ายวนพ้นเพียรพาร่างให้ห่างไกลวิบาก
ฝ่าขวากหนามแห่งความทรมาน
เพื่อ..
ได้เดินตามรอยพระพุทธองค์
มิหลงทาง แม้อาจจะต้องใช้ระยะเวลา
แสนยาวนานแสนห่างไกลอีกสักหลายสิบชาติ
เธอ..
ก็มีสติปัญญาฉลาดพอ
ที่จะไม่ขอพลาดอีกแล้ว...
เพราะ..
จิตดั่งแว่วคำว่า ชีวิตนี้ช่างแสนสั้นนัก...
...........


เขา...
เจ้าของรีสอร์ทรูปงามนามเพราะ
ที่เพียรอยากต่อเติมเพิ่มไมตรีกับเธอ
หาก..
ทว่าเธอมิได้หลงละเมอให้เขาเข้าใจผิด
นอกจาก..
เพียงเผยจิตให้เขาทราบ
ถึงความว่างวางในทางโลกโลกีย์
และ..
หวังจักพาร่างนี้..
ไปพบทางสายกระจ่าง
ห่างไกลโช่ตรวนบ่วงพันธนารัก


เขา...
ยังอุตส่าห์ใจดี
ไม่ลืมสัญญาที่ว่าจะพาเธอข้ามไปยังฝั่งฝัน
ที่..
เธอหวังสักวัน..
เขาเอง..
ก็อาจหยุดเพลิน
เดินตามรอยตามใครใคร
ไปในกระแสหนทางแห่งกิเลสโลก
หยุด..
โศก..ทิ้งทั้งทุกข์สุขทุกรัก
อันแสนหนักหนาราวศิลา...
มาเดินในเส้นทางทองเช่นกันกับเธอ 
อย่าง..
ที่มิยอมให้ชีวี*ใกล้เกลือกินด่าง*
อย่างชาวต่างชาติและคนไทย
ที่..
มาหลงบ่วงใจ
มิพ้นพันธนาวิบากกรรมอยู่แถวริมชายฝั่ง
สนุกกันทั้งวันทั้งคืนแบบเมาดื่มหัวราน้ำ
อย่างขาดสติสิ้นสตังค์..


จนจะหลงเหลือ
คนที่รู้ตื่นรู้เบิกบาน 
พากันมาปีนเขา
สู่หนทางสวรรค์*สำนักวัดเขาถ้ำ*
ก็เพียงแค่หยิบมือเดียว

ที่..
มิอยากหลงข้องเกี่ยวสิ่งทุกข์ใด
ให้ใจเร่าร้อน
ดั่งไฟฟอนแผดเผาอีกต่อไป

ไม่ยึดมั่นถือมั่นสิ่งใด
เลิกหลงมายาฝันมายาโลก
ที่จะรับเพียงโศกใจ
หากมิรู้วาง..
ไร้สุขจีรัง..ไปอีกนานแสนนาน


และถึงมาตรแม้น
ต้องฝ่าหนทางขวากหนาม
ยามเพียรภาวนาอย่างแสนทรมาน
ให้..
พ้นผ่านทุกข์ด้วยวิธีรู้หยุดรู้วาง
เลือกทางสายกลาง
รักษาศีล..ภาวนาสมาธิ
หาวิธีพบปัญญา โดยผ่านการวิปัสนากรรมฐาน
ให้..
จิตพ้นม่านกรรม ม่านเปลือกกิเลสอันมัดหนา
ที่มาบังจิตบังใจ
พร้อมทุ่มเททั้งร่างใจ..


และแล้ว....หากมีบุญญา
เคยสานแผ้วทางธรรมมาก่อนในขันธสันดาน
ก็จะได้พบว่า...
มีดวงแก้วแววมณี
ที่พร่างไสวอยู่ณ..กลางจิตใสกลางใจเราเอง
รอ..
เพียงส่องนำทางให้พบความกระจ่างแจ้ง
ไปพบบาน ประตูพระนิพพาน..ที่เปิดแง้มรอ
อย่ามัวคิดท้อยอมแพ้พ่ายเลิกรา
แม้น..
บานประตูนั้น อาจจะยังมองเห็นว่า
แสนไกลลิบ..


ให้ยังคงตั้งจิตมั่น ตั้งสัตยาธิษฐาน
พาดวงวิญญาณบานตระการชูช่อ
รอสายทองแสงธรรมดั่งบัวพ้นน้ำ..เช่นฉะนั้น..
...................


เธอ..
จึงมานั่งดายเดียวเดียวดายในเรือ
ลำที่มีนายท้ายเป็นชายหนุ่มรูปงามผิวคล้ามแดด
เจ้าของรีสอร์ทไพรบุรี
ที่แสนใจดีมีเมตตาสู้อุตส่าห์พาเธอข้ามฝั่งมา


ให้....
พบพรายแสงพระอาทิตย์กำลังจะลาลับฟ้า
กับเรือเร็วที่กำลังวิ่งฝ่าทะเลแสนสงบงาม
*ทะเลสีทอง* 
ที่กำลังงามผ่องผุดระยิบระยับราวอาบด้วยเกล็ดเพชร


เธอซ่อนหยาดน้ำตา
ด้วยการแหงนเงยหน้ามองฟ้า
สีหวานราวเรียวรุ้ง 
หวัง..หมายมุ่งให้พลังนิมิตแห่งธรรมชาติ
ที่แสนพิลาสพิไล 
ได้โอบเอื้อดวงใจให้หนาวคลาย

บทเพลงคู่กรรม
ดั่งคำมั่นสัญญา
หวานแว่วลอยลมมากับลมทะเล
ราว..
กับใครบางคนที่พรากลาไปไม่มีวันกลับ
กำลังขับครวญผสมฝากมาด้วยลมหายใจแห่งรัก
ให้ย้อนรำลึกคิดถึงวันคืน..
ที่ผันผ่านมาราวเพิ่งเกิดตรงหน้านาทีนี้..
...............


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3408.html

ช...ดั่งขอบฟ้าไร้แสงตะวัน
หากใจฉันไม่มีรักของเธอ
ญ...ตั้งแต่วันแรกเจอ
ก็มีเงาร่างเธออยู่ในใจ
ช..หนึ่งชีวิตให้เธอผู้เดียว
จะไม่เหลียวไม่แลผู้ใด
ญ..หนึ่งความรักให้ไป
จะเนิ่นนานเท่าไรยังซื่อตรง
คู่...ตราบอาทิตย์
และดาวที่พร่างพราย
คู่...เลือนหรี่ดับลับไปจนมืดลง
ญ...แต่สายใยแห่งรักจะมั่นคง
กว่าลมหายใจที่เรามี
ช..หากวันไหนสองเราจากกัน
อย่าหวั่นไหวเพราะใจเธอรู้ดี
ญ..กี่แสนวันหมื่นปี
ความรักเราไม่มีวันละลาย

คู่..ตราบอาทิตย์
และดาวที่พร่างพราย
คู่..เลือนหรี่ดับลับไปจนมืดลง
ญแต่สายใยแห่งรักจะมั่นคง
กว่าลมหายใจที่เรามี
ช..หากวันไหนสองเราจากกัน
อย่าหวั่นไหวเพราะใจเธอรู้ดี
ญ...กี่แสนวันหมื่นปี
ความรักเราไม่มีวันละลาย
...............


เสียงกระซิบแสนเศร้า
ราวดังมาจากราวฟ้าแสนสวย
*พี่จะรอเรานะคนดี
พี่จะสร้างกระท่อมไพรไว้ให้รจนาภาษาฝัน
ให้มีแรงบันดาลใจบรรเจิดจิต


และ..
วันหนึ่ง..พี่สัญญา
พี่จะมารับคนดี
ไปเป็นเทพีไพรประจำใจพี่นะ
พี่...
หวังจะพายเรือพาเราไปนั่งเป็นแม่ย่านาง
ท่ามกลางบึงบัวในท่ามฟ้าสลัวโพล้เพล้
แล้ว..
คอยกล่อมเห่ไปกับฟ้างาม
เราจะอาบน้ำด้วยกันในบึงรักบึงฝัน


ใน..
ท่ามคืนฝันวันพระจันทร์หวาน
ที่จักมาแย้มเยือนทายทัก
มาหยาดสายน้ำผึ้งภักดิ์
มา..
พลีโอบรัดร้อยเราไว้
ด้วยสายสร้อยโซ่พิสวาทมิคลาดคลา
ให้ฟ้าดินเมตตาได้รู้เห็นเป็นใจ


ให้..
เธอคนดีที่พี่สุดแสนรัก
ได้เด็ดบัวงามดอกไสว
ในท่ามบึงไปถวายพระในยามค่ำ 
แล้ว..
เราสองจะน้อมนำจิตดวงใส..พลีเพียรภาวนา


ให้
ทวยเทพเทวาฟ้าประทานพร
ให้รักเราดั่งรักตราบชั่วนิจนิรันดร 
ดั่งคู่ทองคู่ธรรม
ไปจนตราบวันตาย....
และ..
ต่างพากันเกี่ยวก้อยลอยล่อง
ท่องไปสู่แดนดินแห่งความว่าง
อันแสนกระจ่างแจ่ม... ที่หมายรอ


และ..
พี่จำได้นะครับว่า * ศศิรักตะวันตกดิน*
รักดาวสวย รักมวลดอกไม้ไทยอรชร
รักแสงทองยามจับรวงเรียว
เมื่อ..
เราเคย..เกี่ยวก้อยกันเข้าไป
*ในหุบเขาฝนโปรยไพร*


และ..
ไปพบภาพฝัน*มหัศจรรย์ใจ
*ราวฉากในทิพย์สวรรค์*
ที่งามสะพรั่งราวผืนพรมแพรในไสวพร่างพราย
ฉายฉาน
ราว..
จิตรกรธรรมชาติได้มาสาดสีทองฉาบไล้ไว้..


คนดี..
สักวันนะครับ
เราคงได้อยู่ในอ้อมใจกันและกัน
ที่พี่คงแสนมีความสุข
ได้โอบกอดร่างน้องน้อยแนบแน่น
ในนาทีแสนงามนี้...


พี่..
จะชี้ชวนให้เราดูสิ่งที่แสนสวยงามที่สุด
ให้ฟ้าดินอินทร์พรหมยมพญาที่นี่
เป็นพยานรักแห่งสองเรา
ดั่ง..
เพลงคำมั่นสัญญา.
ที่พี่จะครวญสั่งฟ้าฝากนวลหอมๆแห่งศศิไว้นะครับ*


และ...
คนดี..อย่าร่ำไห้..
ตราบใด...
ที่พี่ยังมีลมหายใจ
ในจิตวิญญาณพี่จะไม่มีวันลืม 
ใน..
ทุกหอมห้วงแห่งช่วงความทรงจำที่แสนดี
แสนงามงดนี้..ไปตราบชั่วกาล


จำไว้นะคนดี..ดวงใจ..
ทุกรอยเชยรอยชม
ที่พี่ฝากไว้บนแก้มกาย
คือรอยรักอันจักมิมีวันเสื่อมสลาย
ตราบชีพพี่วาย  
ขอเพียงให้รู้ถนอมขวัญถนอมนวล
นะยามเราไกลกัน ...
.................................



นั่นคือ..
ความทรงจำ..
ที่เธอตราไว้ในรอยใจมิมีวันลบเลือน
และ....
กับนาทีนี้..
ที่ใกล้ถึงฝั่งฝันตรงหน้า
แผ่นดินที่เธอรำพึงรำพัน
อยากมาฝากฝังร่างและจิตวิญญาณเพียรภาวนา
ให้ผ่านภพเพียรพ้น...ทุกข์....ในทุกรัก..


น้ำตาเธอ..
จึงล้นหลากอยู่ภายในบึ้งใจเพียงลำพัง
อย่างมิอายฟ้าดิน กับรอยอาลัยถวิล
ที่แสนงดงาม..ในทุกกาลเวลา..


กับ..
เกรียวเมฆที่เล่นแสงแปรสีเป็นรัศมีรุ้ง
ให้นภานทีงามจรัสเรืองดั่งทองทาบทา
ที่..
ช่างแสนอ่อนหวานอ่อนโยนอาบเอิบอิ่มซึ้งค่านัก
ในกมลนวลดวงนิดน้อยนี้
*ของลูกผู้หญิงคนดีที่ชื่อศศิมาฆะ*
กับ..
ใจดวงที่แสนบอบบางว้าเหว่
ที่..
ช่างแสนรักดินเดิมดายเดียวนัก


และ..
รักแสนรัก ในทุกยาม
ที่ได้นอนเหยียดยาวเหนือเนินผา
ใต้ร่มไม้ชายนาใต้ตาลเดี่ยวไหว
ฟังบทเพลงจากเรียวรวง
ราวกำลังคร่ำครวญ..
เสียงกระซิบจากฟากฟ้า


นานเท่าไรแล้ว
ที่ความหลังผันผ่านมา...
นับจากคำลา
ครั้งสุดท้ายที่เขาได้ฝากไว้แด่..ดวงใจ
ใน..
วันหนึ่งที่เธอแสนยังตราตรึงใจ


ในเมื่อ..
เขาคือ..สุภาพบุรุษไพรผู้ที่มีหน้าที่โดยตรง 
ที่จะรักภักดีมั่นคงทุกธุลีดิน
อันคือ..
สิ่งแสนหวงแหนของคนในชาติ
ที่จักได้สืบทอดฝากต่อไป
ยังลูกหลานเหลนโหลนในภายหน้า


เพื่อทำความดี...
ให้ดวงชีวีราวคืออัญมณีแห่งผืนดิน
*หนึ่งในหกสิบล้านดวง*
เพื่อ..
ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท
ที่ทรงเป็นดั่งฉัตรแก้วแห่งปวงชนชาวไทย
กางกั้น..
ให้พบเพียงความร่มเย็นเป็นสุขไปทุกหย่อมหญ้า
และ..
อย่างที่ทรงให้สัจจาธิษฐานไว้
*เราจะครองแผ่นดินนี้โดยธรรม*


ที่..
นับมาถึงวันนี้แล้ว..
ทุกดวงใจไทยทุกชนชั้น ข้าในแผ่นดิน
แสนซาบซึ้งประจักษ์ในน้ำพระราชหฤทัย
อัน..
แสนใสเย็นราวสายธารแสนเกษม..
เสียยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกหล้า


ให้ทั้งทั่วฟ้าดินอินทร์พรหม..
ได้พลีบูชาสรรเสริญ..
จนเกินกว่า..
จะหาค่าคำใดมาเทิดทูนศรัทธา
ในพลังพระบรมเดชานุภาพ..


ที่...
แผ่รัศมีเมตตาไพศาล ปกบ้านป้องเมือง
ให้แสนมั่นคงรุ่งเรือง ในท่ามโลกแล้งไร้
ที่..
มากมายดีร้าย..
เต็มไปด้วยปัญหาความขัดแย้ง
ที่แรงร้อนด้วยความไม่รู้ธรรม ไม่รักธรรม ธรรมชาติ
ไม่เพียรใช้ชีวิต..

และ..
ลมหายใจอันแสนนิดน้อยหนึ่งนี้
พลีเพียงต่อสู้ความอดอยาก
และพลีปันแบ่งแด่ผู้ทุกข์ทนยาก
อย่าง..
เพื่อนผู้มากเมตตาอย่างกรุณาปราณีกัน
อย่างยุติธรรม..


แล้ว..
หันหน้ามาปรองดองสานสมานฉันท์สามัคคี
ดั่งน้องพี่
ผู้คือเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายทั้งหมดทั้งสิ้นทั้งโลก
และ..
ช่างแสนน่าโศกสะเทือนนัก 
หากยังไม่รู้จักคุณแผ่นดิน*ที่ให้ข้าวให้น้ำ*
ไม่..รู้ค่าว่าโชคดีนักหนาแล้ว...


และ..
สำหรับชีวิต
เธอ...ที่เกิดมาดั่งธุลีหล้าใต้ฟ้าทองฟ้าไทย
ใต้ร่มบุญญาศาสนาแก้วแววประภัสส์
จึง..ยินดีนัก
ที่..
อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
เธอ..จะได้พบกับ
*แดนดินแห่งความฝันนิรันดร์รัก นิรันดร์ภักดิ์*
เพื่อ..
ใช้ชีวิตในร่มรัตน์อันแสนเย็นราวเพ็ญผ่อง
ให้ส่องนำทางใจไปตราบกาล


และ...
เธอเพียงหวังวอนเพียรพลีทำ
ให้..
ดวงจิตรักรอยธรรม รอยทอง 
เดินไปตามครรลองแห่งความดีงาม
อย่างถูกต้องถูกทาง......
ไปตามเบื้องพระยุคลบาทและพระบรมศาสดา
ที่...เป็นดั่งร่มฉัตรเพชร
ยอดพลังศรัทธาแห่งฟ้าดินสิ้นแล้ว...
...............


และ..
เพราะเธอ..เคยอ่านผ่านตา
ที่มีนักอยากเขียน..เพียรฝันค้างนาม*พุดพัดชา*
ได้ร่างรจนา..
เกี่ยวกับสถานที่นี่ไว้ในหลากเรื่องราว
เธอ..
จึงพลีจิตพลีร่างใจ
มาแสวงหาบุญอันแสนยิ่งใหญ่


และ..
ในที่สุด..
เธอก็ได้พบเห็นสถานที่นี้แล้วตรงหน้า
ที่ตั้งอยู่บนเนินผาราวลอยเลื่อนมาจากสวรรค์สรรเสก
ที่..
เธอ..เห็นชาวต่างชาติมากมาย
มาปลีกวิเวกนั่งสมาธิถาวนา


และ
ท่ามทะเลโลกย์เหว่ว้า
ที่ผู้คนราวหมู่มวลแมลงเม่า
บินเข้าสู่ทะเลไฟ ทะเลใจที่แสนเร่าร้อน
ด้วย..
พิษรักบ่วงพันธนาอย่างมากมายที่ต่างดาหน้า
กันมาแสวงหาสุขเพียงภายนอก..ไปวันๆ
...............


กับฟ้าใกล้ค่ำ
เสียงระฆังหวานเว่วจากวัดเขาถ้ำ....
ที่ตั้งบนชะง่อนผาสูง.... 
ที่มี..
ทัศนียภาพรายรอบที่แลเห็น...
จากลานหินกว้าง..
ที่ข้างล่างคือถ้ำ จะมีทางเล็กๆ เลาะลัดเลียบทอดลงไป..

แลไกลออกไป  คือโลกสีคราม   กว้าง ไกลสุดตา
เวิ้งทะเล  สีน้ำเงิน เขียวมรกต..


และ..
โทนสีทะเล
ที่ค่อยๆไล่สีอ่อนจางลงมาตามลำดับ
แทรกด้วยฟองคลื่นสีขาว เป็นระลอกงาม

เรือเร็วลำน้อย
ค่อยๆวิ่งฝ่ากระแสชล
แตกฟองขาวนวลตรงมายังอ่าวท่าเทียบเรือ 
ตรงหน้า..
จะมี
เกาะสมุยชิดใกล้ขนาบด้วย  เกาะแตนอก แตใน
ราวกับจะห่วงว่าเกาะพะงัน จะเหว่ว้า
แลลงไปเบื้องล่าง 
จะมองเห็น...
ทิวมะพร้าวสลับซับซ้อนเป็นหมื่นหมื่นต้น
บ้านเรือนซ่อนตัวอยู่ในดงไม้  เงียบสงบ
มี..
ก็แต่ควันไฟลอยอ้อยอิ่ง ขับฟ้างามอย่างช้าๆ


บนหน้าผาชะโงกง้ำ ลอยเลื่อน ราวทายทักเมฆ
จะมีหอระฆัง  และพระพุทธรูป
ให้กราบไหว้ อธิษฐานจิต
มี..
ลั่นทมขาวออกดอกพราวไปทั้งต้นบนชะง่อนผางาม
ส่งกลิ่นหวานเศร้า อบร่ำให้ใจ นิ่ง..เยือกเย็น ล้ำลึก
อวลมากับสายลมเย็น
กับบรรยากาศ 
เงีบบงาม..ที่รายล้อม...
....................


ร่างๆหนึ่งในชุดขาว
นั่งนิ่งเงียบในท่าสมาธิภาวนาเหนือชะง่อนผา
ที่ลอยยสูงลิบแทบเคลียทิวทิพย์เมฆ
ราวกับโลกนี้มีเธอเพียงลำพัง...
กับ..
จิตตั้งมั่นในลมหายใจเข้าออก..
และ..


นั่นคือ..
โลกเลือกสำหรับเธอ..แล้ว
แม่จอมแก้วจอมใจคนดี

ผู้หญิงคนที่...มีชื่อแสนงาม
นามแสนสิริมงคลวว่า*ศศิมาฆะ..เพียงนั้น..!
********************





พลีพร้อม
เรื่องราวประกอบ..ฉากสุดท้ายค่ะ

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem33679.html
ตะวันลา
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem33905.html
เพชรพะงัน
http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=71592
มาฆบูชาน้อมดวงใจให้ใสเย็น


พุดพัดชาลบออกในตอนแรกเนื่องจากจะ
รจนาตัดทอนใหม่ค่ะ แต่เนื่องจากไฟฝันมอด
เลยต้องนำมาลงทั้งหวานวน
ให้ทนอ่านไปพลางๆนะคะ
มีเวลาค่อยแก้ไขค่ะ
แต่สำหรับใจพุดแล้ว..
อยากฝากไว้ทั้งหมดทั้งสิ้นแหละค่ะ
ศศิมาฆะจึงจะสมบรูณ์สิ้นในวันมาฆมาศค่ะ


				
11 กุมภาพันธ์ 2549 23:52 น.

ศศิมาฆะว้าเหว่..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem86350.html
แด่เธอคนดีที่ชื่อศศิมาฆะ.. ตอนที่1
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem86384.html
ศศิมาฆะน้อมดวงใจใสเย็น...ตอนที่2


และ..
ตอนที่สาม..ศศิมาฆะว้าเหว่
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3176.html
(เธอคนเดียว)


ดึกแล้ว...
น้ำค้างแก้วเริ่มหยาดเย็น
เธอ..หยิบผ้าฝ้ายผืนงามมาคลี่คลุมไหล่
ค่อยๆเดินลัดเลาะเลียบเนินผากลับที่พัก
แสงจันทรานวลนุ่มสาดสายมาทายทัก
ให้..
ดวงใจยิ่งแสนสวยใสสงบงาม...


หยาดน้ำผึ้งจันทร์ช่างแสนหวานนัก
และ..
ช่างมีบทบาทให้มวลมนุษย์ทั้งหล้าต่างพากัน
หลงฝันหลงมายา 
หลงรอท่ารอคอยฝันฝากใจ
อย่างมิเคยสิ้นสุด 
หยุดคิดถึงในมนตราเสน่หาได้เลย
หาก..
ตราบใดดวงใจยังมิสิ้นฝันสิ้นหวัง 


เธอ..
แหงนเงยวงหน้าซูบหากงามเศร้า
รับหยาดสายพรายแสงจันทรา
ที่มาแตะแต้มโลมไล้ให้คลายเหงาใจลำพัง
ทั้งๆ..
ในใจเธอนั้น.แสนสงบงัน
ไม่เคยฝันเคยหวัง..ถึงใครและสิ่งใด..
มานานวันมานานปี..แล้ว
......................


นับตั้งแต่นาที..
ที่เธอ..ได้รับข่าวร้าย 
คล้ายๆกับในคืนค่ำเช่นนี้
หาก..
เป็นคืนที่..
ฟ้าไม่มีจันทร์..
โลกมีเพียงมืดมิดหมองหม่นเงียบงัน
ดั่งสีน้ำเงิน..สิ้นไร้งาม
รับรู้...โศก...สะทือน


เป็น...
คืนฝนปลายวสันต์
ที่หยาดสายพรายพรมหนักมาก
ราวหยาดลา...
และ
เสมือนหยาดน้ำตาละหลั่งรินมิสิ้นสาย
ไปกับเธอ
ยาม...ที่ทราบว่า...
คนดีที่เธอแสนรักนักรักหนา
ได้พรากลาไปแล้ว..กับอุบัติเหตุ..!
อย่างไม่มีวันหวนคืน.........


คืนที่..
ก่อนหน้าไม่กี่นาที
เขาคนดียังโทรมาด้วยน้ำเสียงเริงร่า
กระซิบบอกเธอว่า....
*เขาแสนคิดถึงเธอ..จนล้นใจ จนทนรอไม่ไหว
ต้องตัดสินใจขับรถบึ่งมาจากกระท่อมกลางไพร
ให้...
เธอเตรียมเสื้อผ้าไว้
เขา..ตั้งใจจะมารับเธอ 
ไปสัมผัสกับบางสิ่งที่แสนยิ่งใหญ่
ในคืนฝันวันพระจันทร์เพ็ญที่กำลังรอท่า..
หากทว่า*เขามาไม่ถึง...**มาไม่ถึง...


วันที่มี..
ความหมายล้ำค่า*วันมาฆมาศ*
วันคล้ายวันเกิดเธอ..
เพราะ...
ทุกคราที่*เขา*มองจันทร์ 
*เขา*
ก็จะฝันเห็นเธอละเมอหมาย
*ดั่งกระต่ายน้อยหลงคอยจันทร์ *
เมื่อ..
เธอยังละล้าละลังใจไม่ยอมตัดสินใจ
รับคำขอแต่งงาน ที่เขาเพียรคุกเข่าเฝ้าขอ
รอคอยมานานนับเกือบสิบปี..


เพราะ..
เธอ..บอก..
ยังหนีพันธะชีวิตและภารกิจหน้าที่มิพ้น
เขา..
จึงได้แต่ทน...รอ รอ และรอ
ให้กับกาลเวลาได้พิสูจน์ว่า
เหนือคำพูด..คำมั่นสัญญา
เหนือปรารถนาใด...
ระหว่างคนสองคน
คือ
*ความเป็นพื่อนทางจิตใจทางจิตวิญญาณ*
ที่คือรักแท้ยิ่งใหญ่เหนือค่ากว่าการครอบครอง


หลายครา..
ที่เธอคิดว่าเขาคงทนความเหงาไม่ได้
เมื่อไร้เธอเคียง
และ..
คงเสี่ยงพวงมาลัยรับหญิงสักคน
ไปเป็นนางใจไพรเทพีแทนที่เธอ
ผู้หญิง..
ที่เขาเคยเพ้อ ตราบวันตายจะไม่มีวันลืม
ผู้หญิงที่ติดดินจนเขาปลื้มนักปลื้มหนา
ว่าช่างหายากหาเย็น 
หาคนที่เป็นทุกสิ่งในชีวิตเขา
ให้เขามีพลังมิสิ้นฝันว้าเหว่


คนดี...
ที่เธอ..ได้แต่กล่อมเห่เขาคนดีในอ้อมตัก
ยามที่เขายังมีลมหายใจและรักแสนรัก
เธอเป็นยิ่งนัก...

ชี้กันชวนชมดาวพราวไสว
ยามดึกดื่น ให้ตื่นตาชม 
ในยามน้ำค้างพรายพรม
ยาม..
*เขามีเธอมาแนบสนิทชิดใกล้
มาใช้ชีวิตในวันหยุดทุกฤดูฝนที่ปรายปรน
พร่างโปรย..ให้หอมงามใจ
ณ..กระท่อมกลางป่าไพร 
ที่..
ได้หลอมรวมวิญญาณทั้งสองดวงให้ราวหนึ่งเดียวกัน..


เขาเพียรลงแรง นำร่างห่างไกลความศิวิไลซ์แสงสี
มาพลีหยาดเหงื่อ เม็ดเงิน
เนรมิตรผืนดินอุดมริมบึงธารหวานใส
ที่ไหลรินมิสิ้นสายมาจากเทือกเขา
ที่..
รายเรียงโอบล้อม 
ดั่งปกป้องอาณาเขตแห่งรักแห่งฝัน


ให้..
พลันแปรเป็นทุ่งทองรวงเรียวระย้าระยับ
ดั่งอาบทองทา ไปจนไกลสุดตาดั่งผืนพรมสวรรค์
ที่...
นับนานวันนานเดือนนานปี 
ที่เขาเททุ่มสุดตัวสุดใจ
พลิกฟื้นป่าไพร ให้มีชีวิตชีวา


ด้านนึงคือบึงบัวกว้างไกล
ที่มีแดงดอกนับหลายพัน
เป็นเวิ้งน้ำธรรมชาติเขตป่าสงวน
อีกด้าน...
 ชิดเชิงชายเขาเป็นไร่สวนผสม
มีผลไม้หลากพันธุ์
ให้เก็บกินไม่ทัน ผลัดกันป้อนปรน 
จนเขาต้องนำมาใส่ชะลอมหอมหวาน
ไปไล่แจกญาติมิตรเพื่อนฝูง


ไหนทั้ง..
ผลไม้พันธุ์ยืนต้นที่ให้ผลราวทองคำน่าอัศจรรย์ใจ
เช่น..
ทุเรียน เงาะ ลองกอง มังคุด กระท้อน มะม่วง
และ
ยังมีสวนสมุนไพรแทบทุกชนิดที่หายาก
จนพ่อค้าคนกลาง..ต่างพากันมารับซื้อ
ส่งเป็นสินค้าออก...
ไม่ว่าเปล้าน้อยรากต้นหางกระรอก.....
หัวอัญชันป่า ..
พนมสวรรค์(ดอก, ต้น) ใบบุนนาค 
ประยงค์ป่าใบผักคราดทะเล ใบผักบุ้งทะเล 

.................


และ...
อีกมุมหนึ่งริมเรือนกระท่อม
เขาเพียรปลูกดอกไม้ไทยหอมๆ
แล้วน้อมเด็ดมาวางไว้ริมหมอน
ให้เธอดอมทุกคืนค่ำ..ได้ระร่ำรินแสนชื่นใจ


ไม่ว่าจะ..
ลำดวน..ปีบ..จำปีสูงใหญ่ เคลียชายคา
มะลิวัลย์...มะลิลา..ลีลาวดี 
โมก...
ที่พลีน้อมให้หอมดอกค้อมลงดินแบบถ่อมตัว
บัวดอกบานในบึง

พวงชมพู...
ดอกกระจิ๊ดนิดน้อยห้อยย้อย
แสนน่ารักนัก
ไหน..
จะมาลัยสวรรค์ นมแมว รสสุคนธ์มาทายทัก
ถึงเตียงนอนนวลนุ่ม
ที่..
ให้หอมอวลปนมากับดวงดอกราตรีกลิ่นการะเวก
ที่เสกมนต์หวานหว่านงามไปทั้งกอ
พ้อพร่างมากับเล็บมือนางสามสวยสามสีสลับ


ไหน..
จะยังมีกุหลาบนานาพันธุ์ดอกใหญ่กลีบหนา
ที่มีทั้งตูมตั้ง
ทั้งเบ่งบานตระการตาตระการใจ
พากันแย้มบานไสว
ทั้งเหลืองแดงชมพูสีโอลด์โรส
ที่..
ต่างพากันชูช่อล้อลมไพรมาทายทัก
ยามเธอนอนหนุนตักหนุนแขนเขาอย่างแสนรัก
ณ..นอกชานเรือน..


ไหนจะยัง
แม่ดวงดอกพุดซ้อนกลีบอ่อนหวาน
ให้ซาบซ่านซ่อนซึ้งหอมให้ค้นหา
ให้เขาคอยเด็ดมาเสียบริมแก้มไรผม
แล้ว..
คอยเวียนดอมดมแกล้มอย่างแสนชื่นใจ



ไหนจะดงผักพื้นบ้านนานา
ทั้งค้างแตงกวา แตงร้าน แตงไทย 
ฟักแฟง บวบ ลูกอวบใหญ่ห้อยย้อย
ตำลึง ผักบุ้งในท้องนา 
ทั้งปลาในหนองน้ำ
ที่..
มากมายวนว่ายอย่างแสนเสรี
ที่เขาให้ชีวีมันทุกตัวได้เริงร่า
ใช่เลี้ยงไว้บริโภค 
เพราะเขา
เลือกมีชีวินกินเพียงข้าวผักถั่วแทนโปรตีนแบบชีวจิต


เขาคนดี..
ที่พลีไถ่ชีวิตวัวควายที่ใกล้ถูกเชือด
ให้เลือดแดงที่เคยพลีหลั่งรินเคียงคู่มิรู้สิ้น
กับหยาดเหงื่อชาวนาไทย
ในพื้นพสุธา
ได้ยังคงดำรงธำรงวิถีข้าวกล้ายังมานาหว่านไถ
ใช่แปรไปเป็นผืนดินของนายทุนพลิกเป็นทิวตึกไสวแทน
จน..
หมดเงินทองที่เคยสะสม
หากเธอกับเขาต่างมีอุดมคติ 
ที่คิดว่าชีวีของสัตว์เพื่อนยาก
ย่อมสำคัญกว่าทรัพย์อนันต์ค่าใด


ในเมื่อ..
ตราบใดยังมีลมหายใจ
ชีวียังไม่สิ้น ต้องดิ้นไป หากยังมีเรี่ยวแรง
มีสมองสองมือมีปัญญา ไม่ตายก็คงหาใหม่ได้
เพราะ.....
ชีวิตวัวควายที่อยากไถ่ 
คงไม่รอหายใจ...หวนมาให้ได้ทำสิ่งแสนงาม
อย่างน่าภาคภูมิปิติใจ 
สิ่งที่จะตามติดเป็นรอยบุญหนุนใจ
นำทางใจให้แสนสวยไสว
อิ่มเอมแสนปิติเกษมเป็นยิ่งนักยามหวนคิด
และ...
จักสถิตทอดเป็นนิรันดร์ในดวงใจอันใครยากแย่งยื้อ
............


และ..
นี่คือวิถีสุภาพบุรุษไพร 
ที่แสนยิ่งใหญ่ในดวงใจเธอ
ดั่งคู่กรรม คู่ธรรมคู่ทอง ...
หาก..
มิทันได้ครองคู่...
ราวสวรรค์ไร้เมตตารับรู้..
มาพรากลาคนดีที่เธอประจักษ์ค่า 
และถึง...
มาตรแม้นว่าจะมิได้เคียงร่าง
หาก
ทุกอณูนึกยังเต็มพร่างในหอมห้วงหัวใจเธอ 
อย่างยากที่จักหาใครมาเทียบเทียม
............


วันที่*เขา*พรากลาไป...กับคืนฝนพรำ 
แม้นฟ้าดิน
ยังมิสิ้นโศกศัลย์กำสรวลสะอื้นไห้
ราว..
หยดเลือดหยาดน้ำตาระร่ำรินมิสิ้นสาย
รวมกับจิตแลกายเธอ ..
ที่เทวษถวิลทุกข์โทมนัสเกินกว่าจะมีน้ำตา
มี..
เพียงชุกตัวเหว่ว้า ลำพัง 
จนใครๆพากันเป็นห่วงเป็นใย


ทุกคืนค่ำ...ที่วัด
ทุกคน..
จะสัมผัสร่างบอบบางราวลมจะพัดปลิว
ในชุดดำนั่งนิ่งเงียบสนิทราวรูปสลักไร้ชีวิต
ทอดตาสงบงันไปยังผู้เป็นที่รัก
ใน..กรอบรูปอันงามนัก
ในจำหลักพักตร์พริ้มรอยยิ้มซื่อใสแสนไร้เดียงสา


หนุ่มชาวนา 
ผู้เกิดมากับท้องฟ้านากว้างแสนกระจ่างแจ่ม
กับในอ้อมแขนมีเพียงฟางข้าว 
หมวกสานผานไถ 
และ..
กับหัวใจที่แสนซื่อใสบริสุทธิ์
พอกันกับหยาดน้ำค้างจากฟ้า 
หยาดน้ำฝนหล่นลา
ไหลรวมบ่ามากับสายธารระริน
มาฝากรอยถวิลให้อาวรณ์เทวษ
อย่างยากจะเลือนลืม

*เขา*
ผู้ชายชาติไพร 
ที่มีนวลเนื้อใจแสนพิเศษพิสุทธิ์
หาก..
ทว่ามิอาจหยุดเพรงพรหม
เพรงกรรมมาพรากลา..จากฟ้าดินเบื้องบนได้...
.............


นั่นคือ..
อดีตทรงจำ... ที่ฝังใจ
ที่แสนงดงาม
เมื่อกาลเวลาผันผ่านลาเลยล่วง

รอยแผลใจ..
ที่..
กลายเป็น*แผลเก่า*ฝากเพียงเหงาให้งาม
ในทุกยามรำลึกนึกย้อน
มาตรแม้น..
ทุกฉากตอนมิหวนกลับ
หากคือ..
ความรักภักดิ์พลีที่แสนดีที่แสนสว่างไสว
ใช่...จะเศร้าใด 
เมื่อเธอมีธรรมในดวงใจ
มานำทางพร่างสว่างไสว...
สอนสัจจะให้ระลึกถึง
คำว่า**มรณานุสติ*


เสมือนคำ..
ที่เขาเคยคอยย้ำเตือนเธอเสมอมา
*อย่าละเมอหลงไปวังวนในทุกข์กระแส
อย่ายอมแพ้พ่าย
อย่าตกหลุมพรางที่ขุดล่อบ่อบ่วงกิเลสไว้
ลวงหลอนมวลมมนุษย์มากมายมากมี
ให้..
หลงติดกับความยึดมั่นอยากได้ใคร่ดี
มีเพียงโลภโกรธ หลง พะวงเพียงสุขภายนอก
ที่มายวนยั่วหยอกเย้า
ให้ได้ก้าวเท้าไปสู่บ่วงห่วงพันธนา


และ...
สุดท้าย ทุกชีวาชีวี
ใช่หมายผัดผ่อนพญามัจจุราชได้ฤาก็หาไม่..
หาก...
ใช้ชีวิตเปล่าเปลืองไปโดยประมาท 
ยัง..
.มิทันหันมาวาดวง รับ*สายทองแสงธรรม*
พร่ำเพียรภาวนา 
หาหนทางก้าวข้ามห้วงมหานทีสีทันดร
ก่อนวันที่สายเกิน...
มิมัวหลงเพลินรูปรสกลิ่นเสียงเพียงนั้น..


และ....
ให้รู้ปันร่างใจใฝ่งามธรรม ไปด้วยกัน
มาตรแม้นยังมีวังวนมิพ้นวิบากรัก
อันหนักแสนหนักราวศิลา ..
ก็
เพียงให้รู้ค่า..
รู้จำรู้จัก เลือกเส้นทางธรรม
นำชักพาคู่ชีวิต...
ให้..
นำพาดวงจิต 
มาสถิตฝากไว้ในเอื้อมหัตถาแห่งพระพุทธาสวรรค์
อันคือ..
เส้นทางกระจ่างพร่างพรายสู่ความว่างนิรันดร์เกษม
อันคือรักที่แสนอิ่มเอม อย่างยากหารักใดเทียมเทียบ..
................


ณ..ราตรีนี้ 
ที่แสงเดือนยังแจ่มจ้า
ยังคงหยาดมาโลมหล้า ปลอบประโลมเธอ..
*ศศิมาฆะคนนี้*
คนที่เพียรเพียงรอวันเวลา
ที่จะข้ามมหานที
เพื่อไปสู่ฝั่งฝันสำนักวิปัสนา


 ที่..
รอท่าเธอเลือกตัดสินใจ..
จะ
*ฝากชีวิตเลือดเนื้อจิตวิญญาณดั่งอัญมณีไพร
อันแสนไสวพรายพร่าง
เลือก..สู่เส้นทาง...
*สายสว่างสะอาดสงบ*
เพียงรอพบบานประตูพระนิพพาน
ที่แย้มบานรอท่า...
ทุกผู้มีบุญวาสนาใต้หล้าโลกไปตราบจนชั่วชีวิต
 

ให้ลืมโศกลืมสุข
สิ้นทุกข์หยุดคิด... 
ตั้งใจอธิษฐานภาวนาจิต
ดั่งบัวบุญ ในทิพยนิรมิต
ผ่องพราวราวบัวเพชร
ยอมเด็ดกิเลสทิ้ง


แล้ว..
ผลิบานตระการชูช่อพลีรอสายแสงธรรม
อันคือ
*ความเป็นนิรันดร์เกษม...*
มาตรแม้นหนทางยังแสนห่างไกล   
ที่..
ถึงอย่างไรอย่างไร
เธอมิเคยท้อใจ 
ที่จะเพียรภาวนา ตราบจนกว่าลมหายใจจะสิ้น....
..................................

ติดตามตอนต่อไป..



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3176.html
เธอคนเดียว 
เธอรู้ไหม
ฉันอยากให้ย้อนเวลา
ให้เดินช้าช้า
ให้อยู่ด้วยกันนานนาน
อยากมีเวลา ทำสิ่งที่ต้องการ
ไม่มีอะไรที่ทรมาน
เท่ากับการจากพรากกัน
จะให้ฉันทำใจยังไง
จะให้ฉันทนได้ยังไง
ขาดเธอไปซักคน ก็ไม่มีไม่เหลือใคร
หากวันนี้ยังมีเธออยู่
และไม่สายไปสำหรับฉัน
ฉันจะทำทำทุกอย่างเพื่อเธอ
เพื่อเธอคนเดียว

ไม่มีอะไรที่ทรมาน
เท่ากับการจากพรากกัน
จะให้ฉันทำใจยังไง
จะให้ฉันทนได้ยังไง
ขาดเธอไปซักคน ก็ไม่มีไม่เหลือใคร
หากวันนี้ยังมีเธออยู่
และไม่สายไปสำหรับฉัน
ฉันจะทำทำทุกอย่างเพื่อเธอ
เพื่อเธอคนเดียว ฮืม...




				
10 กุมภาพันธ์ 2549 12:46 น.

ศศิมาฆะน้อมดวงใจใสเย็น..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song290.html
(รักเอย)
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem86350.html
ต่อจากตอนที่แล้ว..
แด่เธอคนดี...ที่ชื่อ..ศศิมาฆะ..
...............


แสงตะวันโพล้เพล้นวลนุ่ม
ที่..
กำลังโลมไล้ร่างงาม
ราวพร่างแสงกระซิบปลุกให้
ร่าง..
ที่นอนดายเดียวเดียวดาย 
ได้ค่อยๆรับรู้เสียงนกกา.....ดุเหว่าพร้อง
พากันร้องเรียกคู่ ตู้วู้ ๆๆ...
เพื่อ..
พากันผกโผผินบินกลับรัง


เธอ..ค่อยๆยันตัวลุกจากที่นอน
ที่เผลองีบไปกลางไพรพงที่แสนสงบเงียบ
มี..
เพียงเสียงเพรียกจากมวลหมู่ส่ำสรรพสัตว์

ในคลองตา
ที่..ค่อยๆเผยอดู...มวลหมู่แมกไม้ไทยรายรอบ
ที่..
เริ่มผลิกลีบส่งกลิ่นพร่าง
ให้หอมหวานมากับสายลมระรินระริน


มาให้..
อวลอาวรณ์รอนถวิลถึงที่นอน
เธอ..แย้มยิ้มกับตัวเอง
เมื่อเห็นต้นไม้ในฝัน 
*ต้นมะม่วงหิมพานต์*
กำลังแผ่บานม่านใบเขียวไพล
ราว..
พัดโบกแสนสวยไสวริมหน้าต่าง
และ..
กำลังห้อยย้อยลูกแก้มแดง
แฝงด้วยผลดกพราวมากมาย
กับ...
เม็ดแรกแย้มเพิ่งผลิพรายแทงหน่อโผล่ออกมา
 ดูแสนน่ารักนัก
ราวกับมาทายทักเธอให้ฝันดี..


เธอ..ทิ้งตัวลงนอนนิ่งอีกนานนาที
ค่อยๆเรียบเรียงนาทีต่อนาที
ที่..
โลกหมุนกาลเวลาพาให้เธอมานอนถึงนี่
ณ..ที่นี่..กลางหุบเขาไพรฝัน...ได้เช่นไรกัน...


ใช่เล้ว..
เธอมาที่นี่เพราะมีเป้าหมายข้างหน้า
 มิใช่..
เพียงมาทอดทัศนาเพียงวิวทิวทัศน์เท่านั้น
เธอ..
กำลังรอ..
วันพระจันทร์วันเพ็ญมาฆปุณมี
วันที่เธอคนดีถือโอกาสกำเนิดเกิดขึ้นมา
เสมือน
*ดั่งคำพิษฐานวาจา*จากใจมารดาผู้มีพระคุณ
ที่..
เฝ้ารอคอยเธอมาแสนนาน
หลังแต่งงานแล้ว
ที่ไร้เลือดเนื้อเชื้อไขมาก่อบุญมาต่อบุญ

มารดา..
ที่ชอบเล่าตำนานหวานหวานแห่งดวงใจ
ยามหวนนึกไปคราใดเมื่อท่านบอกว่า


*ทุกวันพระ.
แม่จะหาบัวดอกงามที่สุด
ไปถวายพระพุทธรูปองค์โต
ในโบสถ์คร่ำ 
และ
จะนั่งกรรมฐานสมาธิภาวนา เป็นเวลานานสองนาน
และ..
มิเคยหยุดทำบุญให้ทานตลอดมา..*


ตราบ..
จนอธิษฐานวาจาเป็นจริง
ที่...
ได้กราบไหว้วิงวอนปวงเทวา 
ให้..
ส่งธิดาจิตงามลงมาเป็นเพื่อนทางจิต
เคียงชีวิตวิญญาณไปตราบวันตาย
ให้..
ยอดเยาวธิดาแสนรัก..
ได้มาเกิดในวันสำคัญทางศาสนา
เพื่อ..
จะได้ลงมาพบคำสอนแห่ง
*พระบรมศาดา*
ผู้งามล้ำค่าเกินกว่าสิ่งใดแล้วในผืนปฐพี


แล้ว..
ปาฏิหารย์ก็มีจริง
พร้อม..
กับชีวีเธอ...คนนี้
ที่..
ทุกครามารดาจะเล่า
ถึงความเป็นมาของชื่อ ศศิมาฆะ
แล้วก็จะ..
ไม่ลืม..
แถมเรื่องราวในวันก่อนหน้าในยามพุทธกาล
วันที่..
แสนสำคัญของชาวพุทธศาสนิกชน
ที่แสนยิ่งใหญ่.
.*มาฆบูชา*ที่มาแห่งชื่อ *ศศิมาฆะ..*
สิริมงคลแห่งนามเธอ
ให้เธอประดับจิตใสแน่นผนึกเมื่อนึกย้อน..
................


*ประเพณีไทย ประเพณีงาม 
ในยามค่ำ
วันแสนดีของพุทธศาสนิกชน 
วันเพ็ญเดือนสาม
ที่..
พระอรหันต์เอหิภิกขุ
จำนวนหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบรูป
มารวมกันที่เวฬุวนาราม
อย่างพร้อมเพรียงกัน
โดยมิได้นัดหนมายกันมาก่อน
และ..
พระพุทธองค์
ได้ทรงแสดงธรรมโอวาทปาฎิโมกข์
เรียกว่าจาตุรงคสันนิบาต
ให้พุทธศาสนิกชน
ได้หลุดพ้นจากการเวียนว่าย 
ในวัฏสงสาร ยาวนาน มิรู้สิ้น 

เช้า..ตักบาตร ฟังธรรม 
น้อมนำใจ ให้ใสเย็น 
ตั้งจิตอธิษฐาน กราบกราน 
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ 
ให้ได้พบแสงธรรมนำทางทุกๆชาติไป 
ถ้ายังไม่หลุดพ้น ต้องเวียนวนมาเกิดชดใช้กรรม *
............


ใน..
กมลเธอจึงหอมกรุ่น
ราวมีดอกบัวบุญบานณ..กลางใจเสมอมา
เมื่อรำลึกนึกถึง..
ถ้อยวาจาจากจิตอันแสนสวยใสไสวพร่าง
สว่างงามของมารดา
และ..
คงตราบชั่วดินฟ้าสลาย..


เธอ..
ได้ยินเสียง..
*ระฆังทำวัตร*หวานแว่วแผ่วมากับฟ้ากว้าง
ใจดวงอ้างว้างหากว่างเปล่า
ราวแก้วสุกใสดั่งดาวประกายพฤกษ์
จึง..
หวนรำลึกได้ว่า ใกล้ถึงเวลาอาหารค่ำแล้ว
..............


เธอ..อาบน้ำในถังไม้
ที่ดีไซน์ใช้แทนอ่างอาบน้ำแสนหรู
หาก..
ถังไม้ดูจะแสนดิบเดิมดูดีกว่าเสียอีก 

อย่างไม่รีบร้อน
เธอ..
นอนหลับตาในผ้าถุงงามแนบร่าง
ร่างงามสล้างยิ่งแสนงามเมื่อเธอทัดดอกชบาแดง
และ
นอนแฝงตัวใต้สายน้ำ
ราวดอกไม้เผยอแย้มรอมวลหมู่ภมรมาบินตอม
หากไกลเกิน..

นานนาทีที่พาให้ร่างใจแสนสดชื่น
ให้ใจดวงนวลยิ่งหวานชื่นหวานฉ่ำ


เธอ..มิอบร่ำร่างด้วยน้ำหอมกลิ่นใด
นอกจากทัดดอกไม้ไทยลั่นทม
ที่เรือนผมเพียงให้หอมหอมธรรมชาติ
...............


ณ..เรือนไม้เหนือเนินผา
บัดนี้ ...
แสงเทียนถูกจุดพร่างประดับประดาไปทั่ว
ท่ามความสลัวเลือนลาง 
หากพร่างพรายไปด้วยสายแสงสีทอง
ส่องไล้โลมให้ทุกดวงใจแสนอบอุ่น


อาหารธรรมดานานา 
เน้นผักปลาผลไม้มากมายรอให้ลองลิ้ม
เธอ...
แย้มยิ้มกับ*เขาคนดี*ที่ชายตาชำเลือง
มาจากเคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่มบ่อยครั้ง


แล้ว...
ไม่นานช้า*เขา*
ก็ค่อยๆก้าวเดินมา
ขออนุญาติทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าเป็นเพื่อนเธอ
อย่างผู้มีมารยาทดี....


แสงเทียนพลิ้วไหว
ใจสองดวงเงียบงาม ในท่ามบรรยากาศเป็นใจ
หากทำไม...
เขา..
จึงสัมผัสได้เพียงความเย็นใส
หาใช่..
ความเสน่หาวูบไหววาบหวาม
ในแววตาของหญิงสาวก็หาไม่
แม้น..
บรรยากาศจะเป็นใจสักเท่าไรก็ตามที


เขา..เอื้อนคำ..ถาม
*หลับสบายดีไหมครับ เหงาไหม 
ที่นี่จะเหมาะกับคนรักพงไพร
แบบป่าร้อนชื้นดิบเดิมนะครับ

เห็นผลไม้นั่นมั้ยครับ....
ที่จัดไว้
ในตะกร้าสานแบบกระเฌอฝีมือละเมียดตามภูมิวิถีถิ่น
ที่..
แสนน่ากิน ไร้สารพิษครับ
เพราะผมให้คนงานเพียรปลูกแบบธรรมชาติ
ไร้สารเคมี ...


รวมทั้งพืชผัก ที่ใช้ปรุงอาหาร
ไม่ว่าจะสมุนไพรเคียงบ้านคู่ครัว ชนิดไหน 
ผมก็มีหมดครับ
ผมเน้น การต้อนรับแบบธรรมชาติ
และ..
อยากให้ไอเดียแขก
ได้รับรู้ในวิถีการกิน ที่จักสะท้อนถึงวิธิอันชาญฉลาด 
ในการเลือกบริโภค
ที่จักเป็นประโยชน์ช่วยรักษาชีวิตให้ยืนยาว*


เธอ..นิ่งฟังเรื่องราว
ที่ผู้ชายนัยน์ตาโศกตรงหน้าพลีถ่ายทอด
ก่อน..
ที่เขาจะนำหน้าออกเดินไปยังโต๊ะอาหารค่ำ
และ
คอยแนะนำให้เธอลองลิ้ม
อาหารพิ้นถิ่นที่รสไม่แรงร้อน 
หาก..
บ่งบอกถึงความอร่อยแบบพอเหมาะพอดี


เธอ..
เลือกชิมลางสาดหวานหอมจากสวน
ริมเทือกเขาที่เพิ่งผ่านมา
ที่..
เห็นกำลังผลิพวงก่ายกอดกันแน่นจนเต็มราวกิ่ง
แล้วไหน..
จะยังเงาะพันธุ์นาสารดกแดงพราวพรายสลับเขียว
ที่กำลัง..
ค้อมน้อมพวงไสวลงมาแทบเคลียดิน



ไหนจะ...
ละมุดถิ่นหวานหอม 
ขนุนเนื้อหนานวลนุ่ม
กระทั่ง..
สัปรดรสดีพันธุ์ฮาวายที่ลูกเล็กหากกรอบมาก
ไหนจะ..
แตงไทย
ที่ผ่าไว้ให้เห็นหอมนำมากินแกล้มน้ำกะทิสดใหม่
ที่ใส่น้ำตาลมะพร้าวให้ยิ่งหวานมันส์..กลมกล่อม


และ
ทุกสิ่งอัน..
สารพันไม้ผลผักปลาล้วนนำมาจากพื้นบ้าน
ไร้สารตกค้างใด ....
อันคนเมืองศิวิไลซ์คงพากันอิจฉา
คนไกลปีนเที่ยง
เพราะว่า..
กำลังพากันชวนบริโภคอาหารขยะ
แบบ..
เร่งรีบไปตามวิถีชีวีที่รีบเร่งพอกัน
และมากมีอาหารพืชผักผลไม้
ที่ผลิตมาจากความรีบร้อน
ราวค่อยมาผ่อนตายกันทีหลัง

เน้นใส่ปุ๋ยเป็นการใหญ่ 
ให้ได้ผลทันใจ..นำออกขาย
ใครจะตายจะเป็นก็ช่างมัน ฉันไม่แคร์
ขอ..
แค่ได้รับเงินงาม
เพื่อไปสนองความสะดวกสบายด้านอื่น..
..........


เธอ...
จึงรู้สึกชื่นชม
*เขาคนดี*ที่ยังมีความรับผิดชอบ
ประกอบอาชีพบริการหากแต่ไม่เอาเปรียบ
เมื่อเทียบกับรีสอร์ทอื่นๆที่แสนแพง..
............


หลังอาหารผ่านไป
เขา...ชี้ชวนให้เธอชมจันทร์
วันใกล้เต็มดวงบนราวฟ้า
ราว..
กับเรือทองรอท่ารับทุกดวงใจ
ให้ท่องไปสู่แดนฝัน
อันมี..
วิมานเมฆเป็นดั่งสายธารรักนิรันดร์
ให้เรือทองนั้น..
ได้ลอยล่องไปในท่ามความสงบสงัด...


เสียงบทเพลงแห่งความรักความฝัน
*เนรัญชรา*
หวานแว่วแผ่วพลิ้วไหวมากับฟากฟ้ากว้าง
กับ...
เดือนดาวระดะดวงอันแสนเวิ้งว้างในห้วงอนันตกาล
ให้..
หัวใจเธอ..รับเพียงอิ่มงาม ..หากเงียบงัน...!
............

ติดตามตอนต่อไป...


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song290.html
รักเอย

รัก เอย จริงหรือที่ว่าหวาน
หรือทรมานใจคน
ความ รักร้อยเล่ห์ กล
รักเอยลวงล่อใจคน
หลอกจนตายใจ
รัก นี่ มีสุขทุกข์เคล้าไป
ใครหยั่งถึงเจ้าได้ คงไม่ช้ำ ฤดี
รัก เอย รักที่ปรารถนา
รักมาประดับชีวี
หวั่น ในฤทัยเหลือที่
เกรงรักลวงฤดี รักแล้ว ขยี้ใจ
หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ
หื่อหื่อฮือฮือ ฮือฮื้อหื่อฮือฮื้อ
ขืน ห้าม ความรักคงไม่ได้
กลัว หมอง ไหม้ ใจ สิ้นสุขเอย
หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ
หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ

หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ
หื่อหื่อฮือฮือ ฮือฮื้อหื่อฮือฮื้อ
ขืน ห้าม ความรักคงไม่ได้
กลัว หมอง ไหม้ ใจ สิ้นสุขเอย
หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ
หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ...
				
9 กุมภาพันธ์ 2549 16:29 น.

แด่เธอคนดีที่ชื่อศศิมาฆะ..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song369.html
(ในโลกแห่งความฝัน) 


วันที่...
ฟ้าสีฟ้า...แจ่มกระจ่าง
ดวงดอกไม้หลากสีสันต่างพันธุ์นานา
พากัน...
ผลิแย้มบานอวดหวานงามไปทั่วทั้งเกาะ
จน..
ดูราวกับได้ยินเสียงบทเพลงไพเราะ
*เพลงรักดอกไม้บาน*
หวานแว่วแผ่วมามากับฟ้ากว้าง
กับสายลมระริกระรี้
ที่..
กำลังฝากระรินมากับอวลกลิ่น
*วันแห่งความรัก*
...........


ทันที่ที่..
นกเหล็กยักษ์สีเงินจอดสนิท
รถประจำสนามบิน
ก็จอดเทียบรอให้ผู้โดยสารก้าวย่าง
ลงมารับการทายทักของสายลมร้อนผ่าว
ที่..
แม้นจะแสนอบอ้าวสักเพียงใด
ก็มิทำให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยเทศระย่อใจ
ที่..
จะแสวงหาสิ่งแปลกใหม่
มาเติมเต็มให้แสนอิ่มเอมใจ
ในวันหยุดในวันแห่งการพักผ่อน...


ทุกสายตาสะดุดหยุดอยู่ที่ร่างบอบบาง
ที่..
กำลังค่อยๆก้าวย่างลงมา
จากรถประจำสนามบิน

เธอ..ผู้หญิงในชุดกางเกงผ้าไหมสีดำ
กับเสื้อเปิดไหล่ล้ำสีเดียวกัน
เผยให้..
เห็นผิวเนียนแน่นราวสีงาช้าง
เกล้าผมพันพลางทบเป็นวงพันซ้อน
แล้ว..
เสียบด้วยดวงดอกพุดซ้อนอรชรงามเรียบง่าย
ตรงท้ายทอย..เคลียไคล้นวลคอระหง
ที่ณ..บัดนี้..
มีไรผมรุ่ยร่ายพรายซึมไปด้วยรอยชื้นเหงื่อ


วงหน้านวล..ดูเปล่งปลั่งขึ้น 
ด้วยดวงดอกแดดที่แผดไล้ลาม
ให้แก้มงามเริ่มมีสีสันระเรื่อระเรื่อ..

เธอ..
ยืนนิ่ง..ทิ้งตาสงบเฝ้ารอกระเป๋า
ที่..
กำลังวิ่งมาตามสายพาน
นัยน์ตางามถูกปิดบัง
ด้วยแว่นกันแดดสีดำอันแสนบางเฉียบเรียบเก๋


เสียงเรียกชื่อเธอ เบาๆ
*คุณศศิมาฆะ*ใช่ไหมครับ

เธอ..หันไปคลี่ยิ้มนิดๆ
พร้อมพยักหน้ารับ
กับ..ชายหนุ่มผิวคล้ามแดด
นัยน์ตาสีสนิมเหล็ก
ที่..
กำลังแบกป้ายชื่อเธอหรา
คนที่มารอรับจากรีสอร์ท
ที่เธอแจ้งไว้ล่วงหน้าก่อนมาพัก

*ค่ะ..
แต่รอแป๊บนะคะ กระเป๋าฉันยังไม่มาค่ะ*
เธอ..หันหน้าไปบอก
พร้อม..
กับแอบสังเกตเขาในชั่วแวบ
ผู้ชายในกางเกงสุภาพเสื้อสีขาวผมตัดสั้นเกรียน
แลดูเงียบนิ่งเฉย..
ในแววตางามราวสีอำพัน
อันแสนล้ำลึกราวท้องทะเลที่นี่
ในยามที่...
เธอมองลงมาจากหน้าต่างเครื่องบิน...


เขา..
รีบช่วยหิ้วกระเป๋าและก้าวท้าวยาวๆ
นำตรงไปยังรถแลนด์โรเวอร์ที่รอ
อยู่ ณ..ลานหญ้า
ใต้ร่มมะพร้าวใบดก
ที่กำลังโบกโบยระบัดรับสายลมร้อน
อ้อนอาบไปทั่ว


เขาชวนเธอสนทนา..
และพบกับคำตอบว่า..

*ฉันวางแผน
มาพักที่รีสอร์ทคุณแค่สองสามวันค่ะ
ตั้งใจจะเช่ารถขับเที่ยวให้ทั่วเกาะเลาะลัดไปให้ทั่ว
หากไม่อันตราย*

*ต่อจากนั้น
ในวันมาฆบูชา 
ฉันจะข้ามไปพะงันค่ะ
ไม่ได้ไปเต้นบูชายัญ
วันพระจันทร์พูนดวงดอกนะคะ
หาก..
ฉันจะไปถือศีลสมาธินั่งวิปัสสนากับแม่ชีที่นั่นค่ะ*


เขายิ้มขำ ทันทีที่เธอกล่าวจบ
ผู้หญิงที่ชื่อแสนแปลก
ที่..
เขาเพิ่งพบหน้าไม่กี่นาทีแถมยังมี
ความคิดแปลกแสน
ก่อนเมินหน้าหลบ
ตั้งใจขับรถไปในเส้นทาง
ที่..
กำลังปีนไหล่ผา
จนมองเห็นน้ำทะเลเบื้องล่างแลโล่งละลิบ
กำลังส่งแสงระยิบระยับ
ราวอาบจับด้วยเกร็ดเพชรแวววามวาววับ


ขอโทษครับ..ผมไม่เจตนา
คือ..
ตั้งแต่ผมมีรีสอร์ที่นี่มานานหลายปี
ไม่เคยต้อนรับแขกคนไทยที่แสนงามอย่างคุณ
และ...
แสนใจบุญครับ..
มี..
แต่ผมได้ยินมากับหู คอยถามถึงว่า
วันปาร์ตี้จะมีไหม สนุกแค่ไหน ไปอย่างไร
ไม่เคยเลยครับ
ที่พบคนพิเศษอย่างคุณ 
จนดู..
ราวกับโลกตรงหน้าผมจะหมุนย้อนกลับ
ว่าแล้วเขาก็ยิ้มเบิกบานอย่างขออภัย...


เธอ...ไม่แปลกใจ
ใช่ทำไม 
ผู้คน..
ที่หลั่งล้นมาจากทั่วทุกแดนแคว้นถิ่นทั้งไทยเทศ
หากมาแสวงเพียงเสพสุขเพียงชั่วขณะกับ
ฟ้ากว้าง หาดขาวดาวสวย สายลมระรวยระริน
กับ..
กลิ่นไอชายทะเล กับคลื่นกล่อมเห่
กับดาวสุกใสแสนใกล้
ไม่นับเดือนฉายแสนงาม 
ที่ลือลั่นจนสนั่นไปทั่วโลก
โบกพัด..
ให้ผู้คนพากันมาเยือนแย้มยลจนเต็มไปทั้งเกาะ


*ฉัน..
คงเกิดมา
กับใจดวงโบราณจากกาลสมัยอยุธยามังคะ*
ว่าแล้วเธอก็คลี่ยิ้ม

*ใจฉันจึงเกิดเบื่อหน่าย
ในทางสายโลกวัตถุ
ที่บุกโรมโหมไปทุกครัวเรือนแล้วค่ะ
รวมเกาะคุณด้วยนะ
ที่..
ฉันเห็นความวายวุ่น อลวนไปทั่วทุกหัวระแหง
เห็นผู้คนแก่งแย่งกันรับแขกต่างบ้านต่างเมือง
เพื่อ..
เงินงามที่แสนประเทืองประทับไปทุกหน*


*ฉันเสียดายทุกที่ในแผ่นดินนี้ค่ะ
ที่..
กำลังถูกบุกรานรุกด้วยอารยะ
ที่..
นับวันจะบ่าโหมมาให้คนไทยใจไม่รักนารักดิน
ไม่ถวิลคิดสืบทอดวิถีไทวิถีทองวิถีทุ่งค่ะ..*


*และ..
อยากถามคุณ
เกาะนี่มีนามั้ยคะ
ก่อนมาฉันฝันเห็นเกาะในฝันค่ะ
ที่มีนาขั้นบันได
และ..
มีกระท่อมสีปูนงามไสวริมเชิงผา
มอง..
เห็นเวิ้งนา เห็นข้าวกล้าเขียวชะอุ่มเลยค่ะ
เห็น..
กลุ่มควันไฟ ลอยระเรี่ยราวเป็นหุบผาแห่งความฝันค่ะ
ฉัน...
จึงดั้นด้นมาที่นี่ ก่อนที่จะค้นหาข้อมูล..ประกอบค่ะ
เลย..พบรีสอร์ตคุณ ที่แฝงฝังตัวในหุบเขา
ที่ดีไซน์แสนดิบเดิมแปลกดี
ที่ยังมี..
มุ้งม่านสีขาวให้น่านอนเป็นที่สุด
แถม..ในเวบคุณ
ยังมีเส้นทางสายธรรมชาติงาม
ราวในความฝันของฉันเลยค่ะ*


*ผม...ดีใจครับ
ที่คุณเลือกใช้บริการรีสอร์ทผม..
วันนี้..
คนของผมไม่ว่าง 
เลยต้องมาทำหน้าที่รับคุณด้วยตัวเองครับ

รีสอร์ทไพรบุรี
สร้างด้วยแรงฝันบันดาลใจของผมครับ
เพราะ..
ผมเคยไปพักที่บาหลี
และเห็นทัศนียภาพที่นั่น
ภาพสายหมอกหยอกล้อรวงเรียว
ไปตามนาขั้นบันได

งามพราวราวภาพเขียนเลยครับ
ทันทีนั้น..
ผมก็ฝันเรื่อยมาและ
เมื่อโชคดี มีเงินเก็บพอ 
ผมก็เรียนขอที่ทางของคุณพ่อผม
ผมตั้งใจจะเนรมิตรสร้างฝันให้พลันเป็นจริงเสียที...*


*คุณทราบไหม..
ผมคิดรายละเอียดด้วยดวงใจผมคนเดียว
ค่อยๆ..
เก็บเกี่ยวประสบการณ์
ลากความฝันลงมาเป็นแบบร่าง
และ..
ฝันนั้นก็เป็นรูปร่าง 
อย่างที่กำลังจะปรากฎแก่ตาคุณแล้วละครับ*


เขา...ค่อยๆขับรถอย่างแช่มช้า 
ไล่เลียบเนินผา
ลงมากลางหุบเขาไพร
ที่..
ตามเส้นทางมีพันธุ์ไม้เมืองร้อนชื้นราวป่าดงดิบ
มี..
ต้นยางสูงใหญ่
ที่ลูกกำลังฟ้อนสายลม
ปลิวไสวลอยละลิ่วลงมาราวเครื่องบิน
มี..
จันทน์ผาเหนือเนินหิน มีกลิ่นดอกสักไพรหอมกรุ่น
มีละมุนด้วยต้นไม้ผลมากมาย

ทั้งเงาะกระท้อน ทุเรียนพันธุ์พื้นถิ่น
ที่..
กำลังออกลูกเล็กๆห้อยย้อยน่ารักนัก
มี..
ลางสาดแสนหวานผลใหญ่กว่าลองกอง
มีมังคุด
และ..
นับไม่ถ้วนไม่สิ้นไปด้วยพันธุ์ไม้ไพรนานา 
ที่..
คะเนด้วยสายตาแล้วคงหลายร้อยหลายพันธุ์ชนิด
ในเนื้อที่ดินในหุบไพรไล่ละไปถึงเนินไหล่
ที่..
ทำนาขั้นบันไดทอดยาวไป
ทั้งเทือกเขาในอาณาจักร อันแสนสงบร่มเย็น..
...........


กระท่อม
ที่พักของเธอ..ตั้งชะโงกง้ำริมผางาม
หาก...
เดินไต่ตามลงมาจะพาพบโตรกธาร
มีสายธารน้ำตกไหลระริน
ที่..
เธอไม่อยากเชื่อเลยว่ายังมีถิ่นไพรกลางเกาะ
ยังมีที่ลับเฉพาะสำหรับผู้ที่รักความงามเงียบ

เขา..สัญญา
จะพาเธอไปเดินสำรวจแผ่นดินทอง
ที่เขาครอบครองรายรอบ
และ...
ในยามราตรี
ที่ดาวระดะดวง
จะมีอาหารค่ำรับรองในเรือนทาร์ซาน
ที่..
สร้างไว้เหนือเนินผาหิน
ที่แลไปจะเห็นโล่งสิ้นไปทั่วทั้งหุบไพร
อันแสนเวิ้งว้างกว้างไกล
ราวร่างลอยท่ามเหนือโลก 

ได้ยินเสียงสายน้ำกระซิกๆระริกๆรี่ไหล 
ไปตามโพรงไพร
ได้ยินเสียงกระรอก 
สรรพสัตว์ร้องร่ำระงมพรมพรำ
แล้ว
ไหนจะยังหอมอวลจากพวงพะยอม
บานฉ่ำรับละอองหยาดน้ำค้าง


เขาบอกว่าให้เธอ พักให้สบาย
วันที่...จะข้ามไปบำเพ็ญบุญ
เขา...
จะขับเรือเร็วที่จอดไว้ในท่าทะเลไปส่งเธอเอง
เพราะใช้เวลาระหว่างเกาะกับเกาะแค่ยี่สิบนาทีเอง
อย่าเกรงใจ...


นี่คือ..ความมีน้ำใจอัธยาศัยแสนงาม
ของเจ้าบ้านที่แสนดีพลีให้
ที่เธอ..
คิดว่าตัดสินใจไม่ผิด
ที่จะมาใช้ชีวิต..หนีความวายวุ่นมาพักถึงที่นี่
แถม..
ยังได้สงบรำงับใจ 
ได้ไปปฏิบัติธรรม 
อันคือความงามล้ำในดวงใจ 
ให้แสนสวยใสสว่างพร่างพราย
ก่อน..
กลายกลับไปใช้ลมหายใจทำหน้าที่ในทางโลก
รับโศกสุขคลุกเคล้า อย่างมิหนาวเหน็บจนเกินไป..
.................


เธอ..นอนนิ่ง
สยายผมพัดแผ่ราวแพไหมดำขลับ
บนเตียงนวลนุ่มที่แสนอวลอุ่นในท่ามตะวันลา

ฟ้ากำลังแปรสี
ทอทอดลอดไล้ลงมาโลมร่างงาม
ราวนางไม้นางไพร 
ที่ล้าใจหนีทุกข์พันธนา

ดวงตาสวรรค์ แทบหลั่งน้ำตาด้วยเวทนาในรู้สึก
เมื่อสัมผัสจิตลึก อันแสนงามล้ำค่าของเธอ
ที่..
มิได้ละเมอไปตามกระแสกิเลสโลก


เธอ..
หวังเพียงเพียรพาร่าง
มาลบโศกสร้างรอยบุญหนุนนำ
ให้ได้...
ก้าวล่วงล้ำเข้าไปสู่ประตูอันแสนว่างงาม
ที่..
แย้มบานรอรับผู้มีบุญทุกชีวิต
ที่..
*คิดดีพูดดีทำดีพลีแด่เพื่อนแลผองชน*
คนร่วมทาง เพียงแค่นั้น
มิ..
หวังฝันใด นอกจากกุศลอันแสนอิ่มใจ 
ที่จักพราวไสว
เป็นดั่งอัญมณีใจไปตราบชั่วกาล.นานนิรันดร์..

.............................
ติดตามตอนต่อไปค่ะ



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song369.html
ในโลกแห่งความฝัน 

ในโลกแห่งความเป็นจริง
เธออาจเป็นหญิง ของใครก็ได้
และค่าแห่งความสนใจ
ย่อมน้อยลงไปจากเขา
ในโลกแห่งความเป็นจริง
เธออาจเป็นหญิง หัวใจแสนเศร้า
ฝืนทนชื่นบานหวานเอา
เพื่อข่มความเศร้าในใจ
มาพบกับฉัน มาพบกับฉัน
ในฝันดีกว่า ในฝันดีกว่า
ฝันนั้น จะพาให้จิตสดใส
ลืมชีวิต เมื่อตื่นชื่นใจ
มาพบคนเก่ากันใหม่ในฝัน
ในโลกแห่งความเป็นจริง
เธออาจเป็นหญิง ของใครไม่หวั่น
แต่ในโลกแห่งความฝัน
เธอเป็นของฉันเสมอ
มาพบกับฉัน มาพบกับฉัน
ในฝันดีกว่า ในฝันดีกว่า
ฝันนั้น จะพาให้จิตสดใส
ลืมชีวิตเมื่อตื่นชื่นใจ
มาพบคนเก่ากันใหม่ในฝัน
ในโลกแห่งความเป็นจริง
เธออาจเป็นหญิง ของใครไม่หวั่น
แต่ในโลกแห่งความฝัน
เธอเป็นของฉันเสมอ...
  

				
9 กุมภาพันธ์ 2549 08:45 น.

เจ้าแก้วหอมหอม..ณ..กลางใจ..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song14.html
(คนเดียวในดวงใจ)
....................


อุษาฟ้าสาง
ลีลาวดี..โมก..พร่างดอกหอมอวลมาปลุกถึงที่นอน
คลี่ยิ้มอ่อนหวาน...
รับอรุณสราญกับผ้าช้างสีทองผืนงาม
ที่พาดผ่านริมปลายเตียงโบราณ
ราวม่านแห่งรักนิรันดร์..


โลกหอมหวาน
กับจันทร์ลอยดวงคืนฟ้าใหม่
ในราตรีที่ผ่านมา
ในดวงวิญญาญ์แสนสงบนัก
ไฟฝันที่จักใกล้มอดดับ
ด้วย..
เบื่อโลกโศกสะเทือนมากเรื่องราว
หนาวร้อนมาให้หัวใจดวงอรชรแสนวิปโยค
โศกไปกับผู้คนผองชน บนผืนดินเดียว
ที่ต่างข้องเกี่ยว
ร่วมเกิดแก่เจ็บตาย..ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น..


หาก..
หลากหลายชีวิต กำลังหลงเลือกผิดทาง
ที่จะสร้างปัญหาทับถมลงมาบนแผ่นดิน
อย่าง..
น่าเศร้าใจอย่างน่ากังวลใจ...
ในความแตกแยก ไร้รักสามัคคี
ไร้ปรองดอง ไม่สมานฉันท์

ทั้งๆ*พระจอมขวัญจอมใจ*
ได้ทรงให้สติตักเตือน
ยังคงแชเชือนไม่หันหน้ามาทำความเข้าใจกัน
ไม่...จับมือหันมาช่วยทะนุบำรุงบ้านเมือง


กี่ครั้งครา...บทเรียนในอดีต 
แม้น..
บรรพชนในอยุธยาลุกฟื้นคืนชีพมาสอนได้
คงให้กลับไปอ่านประวัติศาสตร์เสียใหม่
และ..
ให้นำมาสอนสัจจะใจแด่คนไทยทุกคน
อย่าหลงวน ทำลายคล้ายยุยงแตกแยก..
ให้..
บ้านเมือง ยิ่งแบกทุกข์โทมนัสอันแสนสาหัสสากรรจ์
และ...
ก่อนวันที่จะสายเกิน...
............

.
ใจดวงน้อยดั่งธุลีหล้า
จึ่ง..
ได้แต่สวดมนต์ภาวนา
กราบไหว้พระสยามเทวาธิราช
สิ้น..
ทั้งฟ้าดินอินทร์พรหมยมพญา
ให้ทรงมีพระเมตตาช่วยปัดเป่าผองภยันตราย
ที่..
จักมากรายกล้ำแผ่นดินอันแสนงามสงบล้ำค่า
แผ่นดิน..
ที่ยังมากมีทรัพย์ในดิน..เรือกสวนไร่นา
ปลาในหนอง ทองรอขุดไถ 
แปรไปเป็นรวงเรียวระย้าย้อย
ห้อยระยับลงเคลียดิน
คอย..
หล่อเลี้ยงคนไทแลมวลมนุษย์ในโลก ลบโศกลืมหิว...
มิรู้สิ้นไปตราบกาล..
............


ดวงใจ....
ชีวิตคืออะไรกันเล่า
ที่ดวงชีวาเจ้าเฝ้าเวียนวนค้นหา
มิใช่...
พสุธาใต้ร่มรัตน์ ร่มฉัตรเพชรพราว
ดับร้อนหนาวไปทุกธุลีหล้า
มาอย่างยาวนาน..
อันแสนสงบงาม..แสนร่มเย็น..ดอกละหรือ..


หรือ..
รอเพียงกระพือโหมให้ไฟไหม้โลมแล้ง
ไปทั่วทั้งทุกหย่อมหญ้าได้เดือดแดงด้วยแรงไร้รักสามัคคี
ไหน
จะภัยใต้รบรา... สึนามิ เพิ่งมาเพิ่งไป
ไหนอิสานภัยแล้ง 
ไหนเชียงใหม่ราวธรรมชาติซ้ำแกล้งอุทกภัย
ไหน...
กลางกรุงรุงรังด้วยพลังผู้คน 
ที่คาดหวังจะเปลี่ยนแปลง
เสมือนยิ่งแกล้งซ้ำเติมความสงบสุข
ให้แผ่นดินลุกเป็นไฟ..โอ้ช่างกระไรเลย....


ดวงใจ....
มองลงมาจากฟ้าเบื้องบน
นั่น..
ลำน้ำเจ้าพระยาทอดสายงาม
นั่น..
นาข้าวเขียวขจี
นั่น..
ดูซีฝูงวัวควายในท่ามนาไร่ควันไฟลอยกรุ่น
มาจากทุกกระท่อมครัวเรือนอันแสนสงบในยามพลบค่ำ
นั่น..
ดาวเดือนผ่องเพ็ญทอแสงสวยเหนือโบสถ์คร่ำ


นั่นฟังสิ..
เสียงสงฆ์สวดมนต์ก้องกังวานหวานแว่วแผ่วมาในท่ามฟ้ากว้าง
ทางช้างเผือก
เลือกปลอบประโลมดั่งสายธรรมธารา
ให้เพลาเข็ญ เย็นยิ่งกว่าเย็น
ให้..
รู้เห็นงามในท่ามแล้งไร้
แห่งมวลมนุษย์มากมายมากมี
ที่..
เราแสนโชคดี
ได้เกิดมาพบ*พุทธภูมิแห่งศาสนา*อันแสนประเสริฐ
เลิศด้วยเหตุผล ได้นำมาเกื้อกมลให้หอมกรุ่น
ดั่ง..
เทียนทองทอแสงละมุน 
ส่องนำทางใจให้แสนสวยใสสมถะสงบงาม


คนดี...
มาสิมามานอนหนุนตักอันหวานนวลนุ่ม
แสนอวลอุ่นด้วยรักภักดี นอกชานเรือน
มา...
นับดาวเดือน..ดวงแสนหวานนับร้อยพัน
*ในวันแห่งความรัก*มาฆบูชาปุณมี
มา..
ปันพลีหอมหวานดวงดอกไม้ไทย
มา..
ฟังเสียงสายน้ำไหลกระทบริมชายชล..


มา..
ปันปรน..
ด้วยกลิ่นกรุ่นกลางกลีบเกสรงาม
จากบัวสล้างกลางสาคร 
ให้..
หัวใจดวงอรชร
ได้มีพลังหวังหวานโชติชัชขึ้นมาใหม่
และ..
ค้นพบสัจจะใจพบบางสิ่ง..


ว่า..
แท้ที่จริงแล้วไซร้
ในโลกฝันโลกจริงนั้น
หาก..
มาตรแม้นพบคนดีมีค่าสักคน
ที่คู่ควรกับค่ารักนิรันดร์
ที่..
จักปันพลีเคียงคู่กันไป..ก็แสนสุขใจเกินพอแล้ว...
นะ...เจ้าแก้วหอมหอม..ณ..กลางใจ...!
............................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song14.html
คนเดียวในดวงใจ

เธอ มาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันไม่เคยคิด รู้ แต่บัดนี้ เธอมาสถิตย์
มาอยู่ใกล้ชิด ในดวงใจฉัน
เธอมาจากไหน จากดินผืนใด
หรือจากสวรรค์ ฉันก็จะรัก
รักเธอเท่ากัน ไม่เคยจะหวั่นแม้คำนินทา
คนเดียวเท่านั้น ในชีวิต
คนเดียวสนิท แนบ อุรา
คนเดียวที่ฉัน บูชา 
ยอดปรารถนา คนเดียวในโลก
เธอ มาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันถือเป็นโชค แม้รักเธอแล้ว
ฉันต้องเศร้าโศก เป็นคนโชคร้าย
ในโลกก็ยอม

คนเดียวเท่านั้น ในชีวิต
คนเดียวสนิท แนบอุรา
คนเดียวที่ฉัน บูชา 
ยอดปรารถนา คนเดียวในโลก
เธอมาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันถือเป็นโชค แม้รักเธอแล้ว
ฉันต้องเศร้าโศก เป็นคนโชคร้าย
ในโลกก็ยอม...

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด