11 กรกฎาคม 2548 20:28 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song338.html
ฝนกำลังพรำสาย
ดวงดอกไม้กำลังร่ายกลีบเริงระบำรอรับ
ไพลแสนมีความสุขอย่างล้ำลึกนัก
กับบทเพลงฝนบทเพลงฝัน
*ในคืนอันไร้จันทร์แจ่มแรมใจ..ไร้ใครนี้*
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song338.html
สมมุติว่าเขารัก
ถูกตาต้องใจ ต้องมนต์ของใครคนหนึ่ง
หลงไปเก็บเขามาคำนึง จนติดตรึง หทัย
อกเอยลืมตน ต้องมนต์เสียจนเป็นไข้
เพราะเป็นโรคหัวใจอาลัย
เฝ้าครวญเพ้อไป เต็ม กลั้น
เงินแสนเงินหมื่นของใคร
แม้นมากองให้ถึงใจ
จะ เมิน ห่าง ไกล มิยอมให้ใคร ซื้อ กัน
แต่คนในใจ ไม่มีของใดมาหมั้น
เหมือน มีโชคล้านเป็นรางวัล
ด้วยใจรักอัน มี ค่า
ด้วยใจผูกพัน ผูกพันเสียจนต้องตู่
สมมุติว่าเขามาเอ็นดู คงชื่นชู อุรา
ดุจมีเทวัญ แบ่งปันทิพย์ธารลงหล้า
ฉันคงอิ่มเพราะธารเทวา ที่มีฤทธา เต็มที่
คงรักกันอยู่ทุกวัน เหมือนดังไฟต้องน้ำมัน
เกิด ระ เบิด พลัน เพราะมันต้องกัน ทุก ที
เฝ้าครวญรำพัน โอ้เราฝันไปหรือนี่
โถคนที่รักดังชีวี ก็ยังมิมี ที ท่า...
...................
กับฟ้าโพล้เพล้
กับใจดวงดายเดียวเหว่ว้า
ตามประสาคนชอบซึ้งสุข
ทุกอย่างง่ายดายรายรอบ
คนที่ชอบที่รัก
สายฝนแสงเทียน
รักแสงตะเกียง
รักชีวีงามเงียบลำพัง
คนที่ชอบนอนฟังเสียงดนตรีไพรดนตรีธรรมชาติ
คนที่ ณ..บัดนี้..
กลับไม่ยอมเสียเวลานาที
เดินไปมา..ทำโน่นทำนี่ทำนั่น
อย่างพยายามขยันมิหยุด
ในชุดผ้าถุงชาวเขาผืนงามสีดำแดง
ตรงเชิงชายและจีบทบ
มีลูกปัดเงินปักไว้ให้วะวาววับงามจับใจ
ผ้าผืนนี้มาจากเชียงใหม่
ยอดดวงใจคนที่ไพลแสนรัก
ซื้อมาฝากพร้อมปิ่นปักผม
และ
ผ้ายกดอกสีทองมีลายช้างหลายเชือก
ที่ไพลชอบนอนดูทุกคืนค่ำก่อนจะหลับไปกับฝันดี
ที่แขวนไว้บนราวเตียงโบราณ...
และ..
วันนี้.. ตอนกลางวัน
ไพล..ได้ตุ้มหูงามล้ำราคาเยามากมาคู่หนึ่ง
คล้ายมุกหากเป็นสีเทอควอยซ์
แล้ว
ร้อยห้อยขนนกสลับสี
ฟ้าแดงเหลือบเหลืองดูสดพราวราวอินเดียนแดง
หากให้ความงามเก๋แสนแปลกดี ที่นานๆที
สาวไพลหัวใจไม่ยึดติดวัตถุ
จะตัดใจซื้อมาประดับประดาสร้างสีสันให้กับชีวาชีวิต
ก็..เป็นเพียงความสุขเล็กๆความสุขน้อยๆ
ไม่ต้องใช้เงินร้อยเงินพันซื้อมา
เพราะว่า
*สำคัญที่ใจ ...ทุกสิ่งสำคัญที่ใจ..*
ไพล..เลยถ่ายภาพตัวเองในท่านั่ง
ราวหญิงโบราณอิงหมอนขวานเก็บเอาไว้
พร้อม..
ทัดดอกเล็บมือนางสามสีแดงนวลพราวขาวชมพู
ให้พร่างหอมริมเรียวแก้ม
มาตรแม้นจักไร้ใครมาขอหอมดอมดมแล้วก็ตามที
เพราะ
ทุกสิ่งให้ความรู้สึกแสนดีให้ความรู้สึกแสนงาม
นั้น*สำคัญที่ใจ*เรา
ใช่...หวังใครมาเติมใส่สุขหวานให้...ใช่ไหมเล่าเธอ...!
และ..
ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร
ก่อนนิทราในทุกราตรี
ไพลขอฝากให้ทุกคนดีทุกดวงใจ
*สมมุติว่าเขารัก*
ซึ่งคงจักเป็นพลังในทางบวก
ให้เรายังคงมีหวังหวานมิรานโศกมองโลกสิ้นไร้จนเกินไป......!
..........................
สมมุติว่าเขารัก!
ขอเขียนกลอนหวานหวานให้ซ่านใจสักหนึ่งบท
เลิกรันทดลืมท้อแท้ลืมแพ้พ่าย
จูบริมแก้มแถมก่อนนอนหลับสบาย
ฝากดอกไม้วางเคียงหมอนนอนฝันดี..
มอบคืนฝันอันพิเศษใจพิสุทธิ์
รักอย่าหยุดไขว่คว้าฝันวันงามนี้
มอบโลกสวยด้วยหัวใจดวงดีดี
ให้ยอดชีวีมีที่รักได้พักใจ..
ฝันให้ไกลไปให้ถึงซึ่งฝั่งฝัน
จูงมือกันแนบแน่นเดินเคียงไหล่
เธอรักฉันฉันรักเธอเดิมพันใจ
สายโซ่ใจใช้สร้อยรักอักษรางาม..
กี่ฤดูกี่ฤดีที่เดียวดาย
ขวัญขอใช้มนตรามาหว่านหวาม
ให้อ้อมกอดออดอ้อนอุ่นทุกโมงยาม
เฝ้าติดตาม..ดาราฝัน..ฉันรักเธอ..นะดวงใจ!
.................
แถมนะคะให้เข้ากับบทเพลงค่ะ
จูบแก้มซ้ายกระซิบว่าอย่าลืมฉัน
อย่าลืมวันลืมคืนลืมห่วงหา
จูบแก้มขวาย้ำอีกทีคำสัญญา
จูบที่ตาห้ามดูเจ้าชู้ใคร..
จูบทั้งตัวขอให้รอไว้ก่อน
อย่าร้าวรอนรอวิวาห์อย่าหวั่นไหว
จูบมัดจำแค่นี้ออกจากใจ
จูบของใครไม่หวานเท่า..จูบฉันเอย!
7 กรกฎาคม 2548 14:06 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html
(คำมั่นสัญญา)
แล้ว..
เธอ...ก็กลับมา
กับวันที่...ฟ้าทอแดดสวย
กับสายลมระรวยระริน
แห่งวันเริ่มต้นวสันตฤดู
กับพายุพร่างพาสายฝนมาผสานผสมกับกลิ่นกายเธอ
ที่ราวกับแม่ดวงดอกไม้ไพรอันแสนสวยใสฉ่ำเย็น..
ผม....ยืนนิ่งงันฝันงามเงียบ
รอเธอ อยู่ณ..ที่ตรงนี้
ที่กระท่อมริมทะเลฝัน
ที่เคยเป็นดั่งฉากรักนิรันดร์
อันแสนดายเดียวเหว่ว้า
เฉกเช่นอดีตรักลับลาแรมร้างพรากจากแห่งสองเรา
ที่ซ่อนซุกสุขซึ้งเหงาเปลี่ยว
ในเงาใจกันและกันมานานวัน มานานปี
มาจนถึงวันนี้นาทีนี้ 15 ปีเข้าไปแล้วที่รอคอย
และ...
ที่เธอเคยรจนาบทกวีบทหนึ่ง
อย่างแสนซึ้งใจเอาไว้ว่า
กระท่อมไพรบนเนินผาท้าสรวงสวรรค์
มีทะเลฝันตรงหน้าให้คว้าไขว่
มีดาวสวยทรายขาวหาดยาวไกล
มีน้ำใจมีความรักมีดวงตะวัน....
ยามเช้านอนดูดวงดอกไม้มาทายทัก
หวังยอดรักคืนอ้อมใจในอ้อมฝัน
ลมทะเลเห่ครวญรำพึงรำพัน
ดุจสวรรค์บนดินถิ่นรักเรา
รอเรือหาปลาลำน้อยค่อยคืนฝั่ง
ฝากใจหวังพรานทะเลคงไม่เหงา
ใครบางคนเฝ้ารอมานานเนา
คืนว่างเปล่าเขากลับมาหาเสียที
ใจดายเดียวดูตะวันผันเรี่ยน้ำ
ฟ้าสีครามงามดั่งทองอาบแสงสี
จุดตะเกียงเขียนกลอนฝันมอบวันดี
กระท่อมไพรนี้มีใจภักดิ์เฝ้ารักรอ
แสงพริบพราวราวไฟในทะเลกว้าง
แสนอ้างว้างห่างแค่ไหนใจไม่ท้อ
กี่คืนฝันกี่วันปีที่รักรอ
กระท่อมซอมซ่อผุพังฝังร่างนี้ที่รอรัก ..รอพรานทะเล!
..........
ที่พาให้ผมหวนคิดไปถึงยามหนึ่งในราตรี
ที่จันทร์ลอยดวง ดึกดื่นดายเดียว..
นะกระท่อมแห่งนี้
ที่ฟ้าระดะดาวพราวพร่างสุกใสแสนใกล้
ราวกับจะเอื้อมคว้าไขว่มาประดับใจได้
ที่ผมชอบให้คลื่นเคลียไคล้
ฝากเศร้างาม
ผม...
กำลังนับนาที...รอ....
เรือเฟอรี่ลำใหญ่...มาถึงฝั่งฝัน
ที่กำลังแลเห็นจากโค้งอ่าวนี้
ที่กำลังฝ่าฟองคลื่นสีขาวแตกพรายกระจายรายรอบ ลำเรือ
ที่กำลังหันหน้าวิ่งตรงเข้ามาอย่างช้าช้า ช้าช้า
ให้หัวใจ ผม..ได้มีเวลา
ย้อนรอยถอยหลังรำลึก
คิดถึง ค่ำคืนหนึ่งที่ผ่านมา...
และ...
กับความทรงจำที่แสนหอมหวาน ในทุกยามย้อน
...........
ผม......
ถือเป็นโชค..ยิ่งนัก
ที่ได้พบได้รัก
ได้รอเธอ
ได้มารับราชการเป็นที่ดินอำเภอที่นี่
ที่ผมคิดว่า...
*นี่คือบุพเพสันนิวาสพรหมบันดาลสวรรค์เมตตา*
ให้...ผมได้มาพบกับนางใจนางในฝัน
ที่นับจากนาทีแรกแต่นั้นมา...
ผมมิเคยชายตาปันใจ
และฝันถึงหญิงใดอื่นอีกเลยนอกเสียจาก
เธอ...คนดี....ที่ผมแสนรักภักดี...
ผม...
ได้ยินเสียงรถจอด
พร้อมกับ...
เจ้าลิเดย์สุนัขที่แสนรักพันธุ์ไซบีเรี่ยนของผมเห่าขรม
หากทว่า..ไม่นาน
ราวกับเจ้าสุนัขแสนรู้คู่ใจผม
จะพลันรับรู้ถึงพลังแห่งรักนี้ที่รอคอย
ให้หยุดเงียบเสียงสนิท
พร้อมกันกับ
ที่ผม...ค่อยๆหันหลังไปอย่างช้าช้า
จากทะเลตรงหน้าสีมรกต
ที่ผมมายืนนิ่งพิงต้นมะพร้าวเอนเฝ้านับนาทีรอเธอ
เธอ..ยังงามไสวเช่นเดิม...
แม้วัยวันจะผันแปรไปนานปีก็ตามที
แม้น..ร่างระหงจะยิ่งผอมบาง
อย่างแสนน่าทะนุถนอมกว่าเดิม
ผมเธอยังยาวสยายพัดร่ายรุ่ย
ขับวงหน้านวลให้หวานเเจ่ม
ราวกับแก้มถูกกรายล้อมด้วยรัศมีจันทร์
เธอ..คลี่ยิ้มอย่างดีใจ
ตามด้วยเสียงหัวเราะใสใส
ที่ทำไมหนอ...
ผมมักจะใจอ่อนโยนทุกครายามได้ยิน
*เราสบตากันนิ่งนาน..*
โลกที่เคยราน...ราวรอหยุดหมุนนานนาที
พอที่ผมจะเห็นหยาดน้ำผึ้งในเรียวตาเธออีกคราแล้ว
ราวกับวันเวลาในอดีตย้อนรอย
ถอยหลังในทุกคราครั้งที่เราพบกัน
ที่มักจะมีหยาดน้ำใสซึ้ง
ไหลหลั่งถะถั่งริน
มาจากบึ้งใจแห่งความซ่านซึ้งแสนปิติ..เกษม...
*กลับมาแล้วค่ะ คนดี ว่าไง
อ้าวไม่กอดรับขวัญหน่อยเหรอไรคะ*
มาค่ะ ....
อย่ามัวเขินอาย
อย่างเรานี่ไฟคงไม่ช๊อตๆๆแล้วดอกนะคะ
จะนับนะคะ หนึ่งสอง สาม หากยังไม่เข้ามา
เสียท่าชายชาตรีหมดเลย*
*คนอะไรให้ผู้หญิงโผเข้าใส่ ...*
ใช้ม่ายด้ายเธอแกล้งลากเสียงตลก
และ..
นี่ละคือเสน่หาลีลาเธอ
ที่ผมคิดว่าใครจะเลียนแบบมิได้
ไม่ว่าจะกระบวนท่าใด
ที่มีผมเพียงนั้นได้รับเกียรติ
เป็นดั่งชายเดียวในดวงใจที่พึงได้รับรักได้รู้รส
ให้เธอได้พลีแสดงทุกบทบาทหมดจดถึงใจ
และ.......
ไม่ว่าจะเนิ่นนานสักเพียงใด
หวานนั้นก็มิพลันกราย
แม้นจะใช้เวลาสักแสนกาลกัป์ปกัลป์
ที่ผมจักตราจำไว้
อย่างมิมีวันเลือนลืม..ลืมเลือนทุกภพชาติ
ถึงพิสวาทหวามเสน่หา
*นิยามรักเหว่ว้าหากฝังจำแด่สองเรา*
ผม.....ก้าวเดินช้าช้า ไปชิดใกล้เธอ
แล้ว...
ใช้มือแข็งแรง
แฝงด้วยความรักความคิดถึงคะนึงหาเต็มห้องหัวใจ
ล้นใจดวงนี้ที่แสนอบอุ่นอ่อนหวานอ่อนโยน
ค่อยๆลูบไล้เรียวแก้มลูบผมเธออย่างเบามือ...
ในท่ามสายลมทะเล
ที่กำลังหยอกล้อพ้อคลื่นพัดพร่าง
มาเคลียไคล้ดวงดอกลีลาวดีหอมกรุ่นในมือ
ที่กำลังบรรจงเสียบริมแก้มรับขวัญ
และ
สองแขนอันรัดรึง
ค่อยๆตรึงร่างเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่น
อย่างแสนรักอย่างกับกลัวการพรากจาก
อย่างกอดเด็กน้อย
ผู้หลงทางกลับบ้าน ที่เพิ่งพานพบ
เธอซบบ่าผมแล้วสะอื้นไห้อย่างเงียบๆ
ระหว่างเรา
มีเพียงเงาทางมะพร้าวที่ทอดโอบ
มีเพียงสายลมโบกโบยมารับรู้
มีเพียงคลื่นคลอทรายซัดหาดเห่กล่อม
ราวหลอมละลายใจให้เป็นหนึ่งเดียว
ให้ผมรู้เพียงว่า..
ในชีวิตลูกผู้ชายหนึ่งนี้
ผมกำลังพลีชีวิตจิตวิญญาณ
อย่างทะนุถนอมแม่จอมใจเทพีไพรของผม
อย่างแสนอ่อนหวานแผ่วเบา
อย่างมิเคยทำกับใครมาก่อนเลย
ผม...แนบคางสากกับเรือนผมหอมกรุ่น
กับร่างน้อยๆในวงแขน
อ้อนแอ้นอวลด้วยพลังแห่งไฟฝัน
กับวันนี้นาทีนี้ที่รอคอย...
และ...
ผมรู้ดีว่า ...
นี่คือ...
* จันทร์ ณ กลางใจ...อาทิตย์อุทัย ณ กลางจิต*
ที่หวนคืนย้อนกลับมา
ส่องสว่างนำทางใจนำทางชีวิตผมไปตราบนิรันดร์
*ดั่งคำมั่นสัญญา*
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html
คำมั่นสัญญา
ถึง ม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร
ไม่ สิ้นสุด ความรัก สมัครสมาน
แม้ อยู่ใน ใต้หล้า สุธาธาร
ขอ พบพาน พิศวาส ไม่คลาดครา
แม้น เนื้อเย็น เป็นห้วง
มหรรณพ
พี่ ขอพบ ศรีสวัสดิ์ เป็นมัจฉา
แม้ เป็นบัว ตัวพี่ เป็นภุมรา
เชย ผกา โกสุม ปทุมทอง
แม้ เป็นถ้ำ อำไพ
ใคร่เป็นหงษ์
จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง
ขอ ติดตาม ทรามสงวน
นวลละออง
เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป
แม้ เป็นถ้ำ อำไพ
ใคร่เป็นหงษ์
จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง
ขอ ติดตาม ทรามสงวน
นวลละออง
เป็น คู่ครอง พิศวาส
ทุกชาติไป...
.............
ที่เธอบอกว่า....
กลับมาเที่ยวนี้...
จะมาฝังฝากร่างเคียงผืนพสุธามาตุภูมิบ้านเกิด
อยากมาพัฒนา
ปรารถนามาทำสิ่งแสนดีแสนงามฝากไว้ในโลกหล้า
ก่อนจะถึงวันแห่งตะวันลา
ที่ราวดวงดอกไม้แห่งชีวี
จะพากันพลีปลิดปลิว
ลิ่วลอยโรยร่วงควะคว้างลงกรายพื้นให้หอมงาม...
ผม...
ค่อยๆกระซิบริมเรียวแก้ม
*เหนื่อยมั้ยพักก่อนนะ*
ค่ำนี้ เราจะมานอนนับดาวริมทะเลฝันคุยกันนะครับ
แล้ว..
จะมีบาบีคิว ที่ผมเตรียมไว้ต้อนรับ
ที่ตั้งใจไว้ว่าจะเชิญแขกมานับพัน หากคุณไม่ห้ามไว้*
*แต่....
เอาเท่าที่คุณต้องการนะครับ
น้องปลัดอำเภอน้องชายคนดีที่คุณรัก
กับพัฒนากร
ที่คุณบอกว่าจะมีอะไรคุยด้วย
เพราะนานแล้วมิได้พบเจอ*
*คนดี...
แล้ว...อย่ามัวตื่นเต้น
จนไม่เป็นอันทำอะไรนะครับ
นอนพักมากๆ เตรียมตัวให้พร้อมเอาไว้
คืนนี้ผมอาจจะกวนคุณจนฟ้าสาง
ไม่ให้หลับนอนนะครับ
มีเรื่องเล่ามากมายจะเล่าให้ฟังนะครับ*
ผม...
ต้องกลับไปทำงานก่อน นะ เย็นๆจะกลับมา
และเข้าไปดูบนหัวนอนนะครับ
ผมมีอะไรฝากไว้ให้...
แล้ว....
อย่าพานร้องไห้อีกนะครับ
เพราะเที่ยวนี้
เราคงไม่พรายพลัดพรากจากกันอีกแล้วใช่ไหมยอดรัก
มา..มะ ให้ผมหอมแก้มหน่อยนะ
ผม...จะได้ไปทำงาน
และวันนี้ใครๆคงประหลาดใจหากเห็นผมคนเศร้าใจซื่อ
ทำงานไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปด้วยอิ่มใจเสียเหลือเกินแล้ว...
และ
ผมทราบดีว่า
นาทีที่เธอเห็นที่นอนสีขาวนวลนุ่มน่านอน
เห็น
ดวงดอกพุดซ้อนอรชรอ่อนหวาน
ที่บานพราวตระการเต็มโถดิน...เธอจะต้องยิ้มดีใจ
จนอยากร้องไห้
..................
.............
นั่น............!!!!
คือ....วันที่เธอกลับมา
และ...
กับราตรีนี้
เมื่อวันเวลาผันผ่านมานานเดือน..
คืนที่ฟ้าไร้สิ้นแสงดาว
แม้นดุเหว่าก็เลิกครางครวญ
ใบไม้หยุดโบกระบัด
ลมหยุดพัดนิ่งสนิท
ทุกสรรพชีวิตราวร่ำไห้
คืนที่เธอ...
บอกกับผมว่า...
เธอจะใช้รีสอรท์*ทะเลขวัญ*
ปันพลีน้ำใจแด่มิ่งมิตรน้องพี่และผืนดินเกิด
เพื่อให้ใจดวงงามดวงประเสริฐ
ที่รอเวลาคิดคืนน้ำใจรัก
จากดวงกมล
ให้...
แด่ทุกคนบนผืนดินถิ่นนี้
ที่นับวันจะเร่าร้อน
ด้วยไฟกิเลส ตัณหา
ถูกผลาญพร่าด้วยอารยธรรม
ที่บ่าโหมมากับการท่องเที่ยว
โดยมิยอมรับรู้ถึง มหันตภัยร้าย
ที่กำลังย่างกรายหมายฝากมรณะแด่ทุกผองชน
ให้ได้เตรียมกมลรับ
ได้รู้จักทำความดี
ได้พลีน้ำใจแด่ทุกใครทุกคนที่ชิดใกล้...
ก่อนวันที่จะสายเกิน
........
ณ..ราตรี ใน
รีสอร์ทแห่งนี้
ที่เธอกลับมาเทุ่มถอดใจเนรมิตร
ตัดสินใจหันหลังลาเมืองกรุง
ที่เธอชอบกระซิบบอกว่า
เธอมีชีวีราวปลาผิดน้ำเสมอมา
ที่ที่เธอมาบุกเบิก ที่ดินผืนงาม
ที่ลาดเอียง ลดหลั่น
อิงแอบภูเขา มีหินงาม
ที่ธรรมชาติให้มา แยกกระจัดกระจายไป.....
ราววิมานไพรวิมานวนา
ราวสวรรค์หล้า อัญมณีสีรุ้งพุ่งพราวพราย ณ กลางเกาะ
ที่เธอ..คนดี
ใช้เวลาแค่ไม่นาน
มาเนรมิตรผืนดินนี้
*ให้กลายกลับเป็นดั่งสวนสวรรค์ สรวงสวรรค์ *
คืนที่เธอ
จัดรีสอร์ทงามของเธอให้แสนคึกคัก
และ..
ประดับประดา
ด้วยแสงไฟพราวพร่างจากโคมรายรอบ
ที่สาดส่องไปตามทิวมะพร้าวงาม
ดอกไม้จากสวน...ถูกนำมา....ประดับประดา
รัดร้อยเป็นช่องาม..ตามมุมต่างๆ.....
ซุ้มไม้หอมเลื้อยสวย เป็นพวงพุ่ม
มะลุลี มะลิพวง รสสุคนธ์ สายน้ำผึ้ง
หวานบานฉ่ำราวกับนัดกันไว้
แล้วให้คนเฒ่า คนแก่
ใช้ภูมิปัญญา และฝีมือชาวบ้าน
ที่สามารถใช้ใบมะพร้าวมาสานถักทอเป็นลวดลาย
ละอองามล้ำ เป็นรูปดอกไม้
รูปสัตว์ต่างๆ และลูกตะกร้อแสนงาม
แขวนเรียงราย ตามต้นไม้รายรอบ
คืนที่เธอกระซิบบอกว่า
ให้ผมเชิญแขกคนสำคัญ
ที่มีพลังในการหยุดยั้งทำลายสิ่งแวดล้อม
แห่งบ้านเกาะถิ่นเกิด ของเธอ...มาสักสองสามร้อยคน
เพราะเธอมีอะไรจะบอกกล่าว
และจักร่ายบทกวีแสนตราตรึงซึ้งใจให้ฟัง
พร้อมกับที่..
จะฝากความหวังกลับไป...
*ให้ร่วมใจรวมใจสามัคคีกันสร้างพลังทำสิ่งดีงาม*
เพื่อรู้รักษ์บ้านเกิดเมืองนอน
และ
จักมีผลกระทบสะท้อน
ไปถึงระดับชาติระดับโลก
ที่จะลบโศกแล้งไร้..
เธอ ...
บอกว่าเธอจะขอใช้เวลาแค่ไม่นานนาทีเอง
ที่จะพลีใจด้วยหยาดเลือดแห่งรักในผืนดินนี้ที่ก่อกายให้ชีวิต
ได้ตามลิขิตฝันจนพลันเป็นจริง...
ผม..
อดเป็นห่วงเธอไม่ได้เพราะมีสัญญาณ
เตือนภัยถึงเธอ
*บัตรสนเท่ห์*คำขู่ที่ได้รับหลายใบตั้งแต่เธอกลับมา
และ
มาเพียรทำหน้าที่อนุรักษ์ป่าไพร
รวมทั้งการบุกรุกโค่นไม้ทำลายป่าต้นน้ำลำธาร
ที่นับวันจะแห้งเหือดไป
เพราะ...
ความไม่เข้าใจถึงภัยแล้งไร้ตามมา...
หากเกาะนี้สิ้นไร้แหล่งน้ำจืด
เธอ..ที่ชอบหันมาเว้าวอน
ให้ผมเพียรใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อรณรงค์
ช่วยกันพิทักษ์รักษาทั้งป่า
ทั้งการแผ้วถางทำลายต้นมะพร้าว
นับหมื่นนับพันต้นเพียงเพื่อมาสร้าง
กระท่อมที่ไร้ชีวิต และจักพาให้คนในเกาะ
และนักท่องเที่ยวราวสถิตทะเลทรายในไม่ช้า
รวมทั้งไปขัดขาขัดผลประโยชน์ใครบางคนที่เราไม่รู้ตัว
ที่กำลังเมามัวบุกรุกเขตวนอุทยานสร้างรีสอร์ทบนยอดภู
ผม...
ตามใจเธอ ..
ทั้งๆที่ผมประหวั่นว่าภัยร้ายกำลังประชิดคืบใกล้มายังเราสอง
อย่างมองไม่เห็นตัว
เมื่อผมได้รับบัตรสนเท่ห์ แสนน่ากลัว
เช่นกันให้ระวังตาย ระวังเงาหัวไว้ให้ดี..
หากยังทำตัวเป็นคนดีแสนมีอุดมการณ์อุดมคติสูงส่ง
มิรู้ปลงรู้หยุดขวางทาง..ทำลาย
และ...แล้ว...
ในราตรีนี้
ที่ฟ้าไร้สิ้นแสงดาว...
แม้นดุเหว่าก็เลิกครางครวญ
ใบไม้หยุดโบกระบัด
ลมหยุดพัดนิ่งสนิท
ทุกสรรพชีวิตราวร่ำไห้
คืนที่เธอร่ายรำพัน..
ถึงบทความพร้อมแผนภูมิทั่วโลก
ที่กางพร้อมชี้ให้เห็นจริงถึงสัจจธรรม
ที่กำลังกรายกล้ำทำร้ายโลกทำลายเราทุกคน
หากยังมิไหวกมลรู้บทเรียน...
ที่เธอนำมากล่าว
ให้รับทราบกันถ้วนหน้า
พร้อมเน้นย้ำถึงความหวังอันแสนสว่างจ้า
ที่จักร่วมด้วยช่วยกันเททุ่มพลังใจแห่งรักสามัคคี
เยียวยาเกาะนี้...เกาะที่แสนงามราวสรวงสวรรค์
ราวภาพฝันของปอลโกแกง
มาร่วมแรงรวมใจ มาพิทักษ์ไพร และเยาวชน
มิให้หลงผิดติดยา
หรือถูกมอมเมา
ด้วยพลังแห่งกิเลสตัณหาแห่งความอยากได้ใคร่มี
จนพาตัวไปหลงทำสิ่งมิดีมิชอบประกอบกรรมหลายทาง
เพียงเพื่อสนองตามร่างไร้คิดจิตวิญญาณไร้สำนึก
ไปตามกระแสโลกโศกมิรู้สิ้นรู้จบทบทวีทุนนิยม
และ....
ในท่ามกลางแสงตะเกียง
เทียนทอที่เธอจุดพร่างไสว
เพื่อเพียรประหยัดน้ำมันจากพลังงานไฟฟ้า
ตามนโยบายรัฐบาล
เธอแย้มยิ้ม..หวานเศร้า
หากให้งามเร้ารัดรึงตรึงใจผมเป็นยิ่งนัก
ที่เห็นเธองามเกินงาม
กว่าหญิงใด ตรงที่จิตดวงใสดวงทิพย์นี้
ที่คิดรู้ทันเท่าเฝ้านึกรับผิดชอบต่อส่วนรวม
ราวมีอัญมณีใจอันฉายฉานโชติช่วง
ที่ผมอยากไขว่คว้ามาประดับใจ
ที่ผมสงสัย
ว่าสวรรคสรวงทิพยวิมานสถานใดประทานพรให้เธอมา
เธอยิ้มหวาน....
กล่าวช้าช้าชัดชัดอย่างมีลูกล่อลูกชน
ปนให้ฮาเฮไม่นึกเบื่อ..
ใช้เวลานานประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมง
ที่แสนซึ้งตรึงตราใจไปกับบรรยากาศแสนงาม
กับเสียงเร้าใจ เศร้าสะเทือน
หากเต็มไปด้วยพลังแห่งความเชื่อมั่นศรัทธา
*ในพลังแห่งธรรม ธรรมชาติ ดิน น้ำลมไฟ
ไปกับ*ความฝันอันสูงสุด
ที่ยินดีจะมอบโลกที่ดีกว่าให้แก่ผืนดินเกิด...มาตุภูมิแม่
.................!!!!!!!!!!
...................!!!!!!
ก่อนที่เราทุกคน
จะต่างตกตะลึง...
ด้วยเสียงดังสนั่น
ราวฟ้าผ่าเปรี้ยง...
ด้วยเสียงกัมปนาทบาดใจ ใจแทบขาด ลงมาตรงหน้า
เมื่อ.....!!!!!!
กระสุนนัดหนึ่ง...วิ่งฝ่าความมืดทะลุทะลวงเข้ามา
พร้อมเสียงกรีดร้องอย่างตกใจจากทั่วทิศทาง..!
นัดแรก..!
แทรกเข้าไปเจาะตะเกียงให้ดับวูบไป....
นัดที่สอง..!!!
คงเจาะเข้าไปกลางหัวใจแสนงามของเธอ
อย่างแม่นยำ.....!!!!
ที่ณ..บัดนี้....! .....ร่างนั้น..!
ยังอ่อนอุ่นอยู่ในอ้อมโอบผม
ที่กำลังร่ำไห้อย่างมิอายฟ้าดิน......
พร้อมกับสายฝนพรมพรำหนักขึ้นๆ.......ราวรับรู้สะเทือน
น้ำตาผมกับน้ำตาฟ้า...
ไหลหลั่งรินมิสิ้นสาย
ผสานกันไปกับหยาดเลือดรักและร่างเธอที่เริ่มหนาวเหน็บ!
เธอ.....
กำลังหลับตาพริ้ม...
อย่างนิ่งงามอย่างเงียบงันราวฝันดี แสนดี.....
ราวไม่รับรู้สิ่งใด.....
ราวกับจะพลีวางทุกสิ่ง
ให้จักตราจำตอกสลักไว้ณ..กลางใจ..ณ เบื้องหลัง
ให้หัวใจผม ปานแหลกสลายยับ....
อยากดับดวงใจไปกับร่างรักอันแสนน่าเวทนาแห่งเธอ....!
................
.................
เสียง...
เธอราวกระซิบแสนเศร้าหวานแว่วแผ่วมา....
กับฟ้าสีกำมะหยี่
ที่กำลังคลี่คลุมโอบกอด...รัดร้อย
กับดาวสร้อยเดือนเสี้ยว
ที่สลัวมัวหม่นในม่านหมอกแห่งสายฝนเย็นเยียบ...
กับเสียงเพรียกแห่งพงไพร*วิมานวนา*
ที่กำลังหยุดระบัดใบไหวกิ่ง....
ราวนิ่งงันขวัญหาย....รับรู้โศกสะเทือน....!!!
6 กรกฎาคม 2548 09:28 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song60.html
(สิ้นสวาท)
ท่ามแสงเทียนรำไรในวสันต์
ใจหวั่นหวั่นหวิวหวิวปลิวตามฝน
คนเคยรักเคยภักดีเคียงกมล
มาสับสนมาฝากเศร้าให้หนาวใจ
เสียงฝนพร่างกระทบกลางกลีบดอกไม้
เหมือนเพลงพ่ายย้ำรอยเคยหวามไหว
ฟังเพลงฝนหล่นลาในห้องใจ
บทเพลงไพรบทเพลงฝันวันแห่งรัก
ฟังเสียงฝนปลิบปรอยฝากรอยไว้
น้ำผึ้งพรายหยาดสายหอมห้อมห่มภักดิ์
เพ้อเพ้อเพ้อพร่ำพร่ำพร่ำรักรักรัก
ในอ้อมตักในอ้อมใจไม่ห่างลา
สิ้นดุเหว่าจนอุษาตราบฟ้าสาง
ฟ้ายังครางร่างยังครวญรัญจวนหา
ตราบฟ้าเหลืองเรืองรองเยือนส่องหล้า
ในนิทราหลับตาพริ้มอิ่มด้วยรัก
และ...
ไม่นานหวานนั้นก็พลันพราก
เหลือเพียงฝากรอยจำย้ำทุกข์หนัก
และนี่หรือคือสัจจธรรมแห่งความรัก
ราววงวัฎชีพนี้ที่คลุกเคล้า
เมื่อมีรักก็จักทุกข์สุขรอหาย
เหมือนเจ็บตายว่ายวนทุกข์ทนเศร้า
เหมือนทิวาราตรีมีค่ำเช้า
เหมือนกับหนาวคู่ร้อนมิผ่อนเพลา
และ...
นิรันดร์คือเจ็บตายใช่ไหมเล่า
เหลือเพียงคำเล่าขานหวานเงียบเหงา
เป็นตำนานฝันนิรันดร์รักภักดิ์เพียงเงา
สิ้นไร้เราไร้ใครในมายา
ลืมตาในเฝ้าภาวนาอย่ารอล่วง
หลงติดบ่วงพันธนารักจักเหว่ว้า
ต้องเวียนกลับชดใช้กรรมใครนำพา
หลงปรารถนาซ้ำรอยเฝ้าคอยใคร
มีเพียงเราไปลำพังท่ามงามเงียบ
หนาวเย็นเยียบหากอัญมณีทิพย์จิตไสว
มีหนึ่งเดียวยึดเหนี่ยวไว้นะกลางใจ
นำทางไปสู่แดนฝันนิรันดร์ว่างทางสายบุญ...
.............
โลกนี้ช่างมีแต่ความแล้งไร้
ฝากรอยหมายให้ใจคนสิ้นความฝัน
หากไม่ให้แล้วไยรู้ค่าพลีแบ่งปัน
โลกจึงพลันราวทะเลทรายแม้นภายใน
หากโลกนี้ไม่มีแม้นผู้ให้
แล้วไยได้แสดงออกถึงจิตใส
เพียงคำพูดเธอสบประมาทไปให้ไกล
พูดสิ่งใดทำไม่ได้ใช่ไหมเธอ...
ไม่เป็นไรหนาวในใจไม่นานก็หายเจ็บ
เพียงหนาวเหน็บไร้มิ่งมิตรไว้พ้อเพ้อ
แค่คนผ่านมาทายทักให้พักใจเพียงละเมอ
ฝันก็เก้อใจก็คว้างหลงทางรอ
ตอกรอยจำย้ำรอยใจไว้ซ้ำซ้ำ
วิบากกรรมวิบากเก่าของเราหนอ
คงไม่นานดอกไม้หวานตระการรอ
ขอเพียงขอชดใช้กรรมเคยทำมา
สิ้นสายใยสายใจมั่น*แค่คนอื่น*
อย่าไปฝืนทำสิ่งใดไม่มีค่า
นอกสายตานอกสายใจเสียเวลา
หันหลังลาเส้นขนาน อย่ารานรอ....!!!!!!!
.............
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song60.html
(สิ้นสวาท)
เฝ้าแต่คอย รอรักอยู่
หมายชื่นชู รักคู่ใจ
กลับไม่สมดังฝันใฝ่ นับวัน ร้างไกล
เขาใย ด่วนตัดรอน
แอบไปมี คนรักใหม่
แท้ดวงใจ ไร้แน่นอน
ไม่นานนักรักคลายคลอน นับวัน ผันจร
มิเคย ย้อน กลับคืน
ปวด ร้าว เพียงใด
ช้ำ ใจ สู้จำ กล้ำกลืน
ไปรัก คนอื่น ดีแล้ว อย่าคืน มาเลย
สิ้นสวาท กันเสียที
รักไม่มีเหมือนดั่งเคย
อย่ากลับหวน ชวนชื่นเชย
ฉันกลัว แล้วเอย เพราะเคย ช้ำอกตรม
ปวด ร้าว เพียงใด
ช้ำ ใจ สู้จำ กล้ำกลืน
ไปรัก คนอื่น ดีแล้ว อย่าคืน มาเลย
สิ้นสวาทกันเสียที
รักไม่มีเหมือนดั่งเคย
อย่ากลับหวนชวนชื่นเชย
ฉันกลัว แล้วเอย เพราะเคยช้ำอกตรม...
2 กรกฎาคม 2548 08:48 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song88.html
(พี่รักเจ้า)
ผม..เฝ้ารอวันนี้มานานแสน
วันแสนดีที่ดวงใจผมจะคืนหลังกลับมา
วันที่
ฟ้าเมืองไทยจะไสวสว่าง
ราวกับ ณ..กลางใจผม
มีเพชรช่วงดวงงามกำลังส่องประกายเจิดจ้าจรัสพอกัน..
แล้ว...เธอ..ก็กลับมาจริงๆ
ที่รัก..ดวงใจภักดิ์ของผม..ยอดรักของผม..
ทันที่เที่ยวบินจาก...ปารีส..สู่..กรุงเทพ
ของสายการบินที่เธอทำงานแตะรันเวย์
ใจดวงเหว่ว้าดายเดียวของผมก็พลันพร่าง
พราวสดชื่นฉ่ำราวกับปลาได้น้ำข้าวได้ฝนหลงฤดู
ให้ฤดีได้พบเพียงความหวังหวาน
ตระการราวดอกไม้ทั้งหล้าโลกกำลังสยายกลีบ
บานสะพรั่งพรึบพร้อมกัน ณ..กลางใจ...
คนดี..ดวงใจ
คุณผอมไป หากงามมาก
งามเกินกว่าคำว่านางฟ้าผู้พิลาสผุดผาด
อย่างอาชีพคุณที่ใครๆกล่าวขาน
และทันที่คุณยิ้มหวาน
โผเข้ามาสู่อ้อมอกอุ่นของผมที่พร้อมกางออกโอบรอ
โลกที่เคยท้อเคยมืดดำมานานวันก็พลันกระจ่างเจิดจ้า
ราวทั้งหล้านาทีนั้นมีเพียงแสงไสว
และ
ตั้งใจหยุดหมุน
นานนาที
เพื่อฟังเสียงหัวใจรักละมุนเราเต้นพร้อมๆกัน
ที่กำลังหลอมละลายเต็มไปด้วยคำว่า...รักรักรัก..และรักรักรัก..
ดวงใจ....แล้วใดไหนเล่า
จะเทียมเท่างามรักนิรันดร์ไร้พันธนานี้
ที่แค่เราสัญญากันว่า
จะเป็นดั่งมิ่งมิตรมิ่งขวัญไปตราบนานปี
ที่ไม่หวังครองคู่ร่วมชีวีพลีเนื้อหนัง
อย่างคนเข้าใจโลกอย่างคนเหนือโลกย์
รอลบโศกจากทุกข์รัก
ปลดแอกแบกหนัก
และจักกันพาประคอง
พากันเดินเข้าสู่ร่มธรรมร่มทองอันแสนร่มเย็น
รอวันเวลาลอยล่องท่องเคียงกัน
ไปสู่ฝั่งฝัน นิรันดร์ว่าง ใช่ไหมเล่าเจ้ายอดดวงใจ..!
ดวงใจ...
แล้ว
ดอกไม้รัตนตรัยดั่งดวงดอกเพชรอัญมณี
ก็จักบานพลีรอรับ
*รักเหนือรักแห่งสองเรานะคนดี*
ที่รอเพียงวันที่
เราทำหน้าที่ทางโลกอย่างสมบูรณ์พร้อมแล้ว
ให้ครอบครัวเราได้แสนภาคภูมิปิติใจ
เราจะได้หมดห่วงใย..บ่วงใจ..
และ
ก้าวหันหลังลาไปสู่เส้นทางสีขาว
ที่แสนงามพราวรอเราอยู่นะคนดี
ไปพลีเก็บบัวในบึงบูชา
ไปภาวนาเพียรมิท้อ
ไปขอเพียงแค่รักษาจิตใส
ให้งามว่างดั่งแก้วใสไร้ใยทุกข์พันธนา
และ..
ดวงใจ....
คุณคือนางฟ้า นางใจ ผู้มีปีกไพรสีขาว
ผู้รู้ตน
แม้นเหิรลอยบินบนฟ้า
ผู้รู้ค่าของวันเวลา
รู้ว่าลมหายใจแห่งชีวิตนี้แสนสั้นเป็นยิ่งนัก
มิได้หลงฝันเฟื่อง
เหลิงลมลอยดั่งว่าวบนฟ้า
มาตรแม้นว่าจักผ่านเมืองเรืองรุ่งศิวิไลซ์วัตถุ
ไปทั่วหล้าแหล่งทุกแห่งหนทั่วโลก
กมลและเท้าคุณก็ยังคงติดดิน
ดวงใจ..
ผมกำลังแนบแก้ม
แก้มหอมแก้มคุณ
หากทำไม...
ผมมิได้เพียงกรุ่นกลิ่นราวทารกน้อย
ที่ช่างแสนใสซื่อพิสุทธิ์ไร้เล่ห์มายาใด
หากทว่า..
นาทีนี้...
ผมกลับได้กลิ่นหอมแห่งความดี
กลิ่นกุลสตรีที่มากมีค่า
ที่หอมยิ่งกว่าหอมใดในหล้าโลกนี้
มาแทนที่เจ้า..เล่าคนดี..เจ้ายอดดวงหฤทัย!!!
...........
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song88.html
พี่รักเจ้ายิ่งกว่าปลารักน้ำ
กินนรรักถ้ำ ไม่ล้ำพี่รักเจ้า
กุญชรหวงงา มฤคา หวง เขา
ยังไม่เท่าพี่หวงนงเยาว์
พี่หวงเจ้ากว่าดวงฤทัย
กระต่ายพะวง หลง จันทร์
ถึงมัวเมา พี่ หลงเจ้ามัวเมากว่านั้น
นะชื่น ใจ พี่ นี้ แสน รักใคร่
รักเจ้ายิ่ง สิ่งใด ปองฤทัย ใฝ่ หา
แม้พี่ขาดเจ้า เท่ากับพี่นี้ขาดใจ
สุดสิ้นอาลัย สิ้นใจเพราะขวัญตา
อยู่ ไปไร้ใน คุณค่า
ใจปองน้องนางร้างรา คงตรมน้ำตาร่ำไป
พี่รักเจ้ายิ่งกว่าคำรักนี้
ยุพารักพี่ ครึ่งนี้ได้หรือไม่
จงปลงน้ำคำ โน้มนำ ดวง ฤทัย
พี่เพียงให้น้องนางรักใคร่
ได้ แม้ครึ่งพี่เอย...
2 กรกฎาคม 2548 07:53 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song113.html
(ปรัศนีย์หัวใจ)
ดอกถวิลหาบานสะพรั่งกลางกิ่งใจ
ดอกโศกไยบานรอพ้อดอกขวัญ
ดอกเสน่หาลาเลือนน้ำผึ้งจันทร์
ดอกคิดถึงทุกวันมาบานรอ
ดอกนับวันนับคืนเคยชื่นฉ่ำ
ดอกระกำบานไสวเพราะใครหนอ
ดอกพิสวาทพลาดถลำให้ใจท้อ
ดอกรักรอราโรยโปรยลาลาน
ดอกน้ำใจราวหยาดฝนเคยปรนพร่าง
ดอกอ้างว้างดายเดียวแทนรักหวาน
ดอกลานิรันดร์ขวัญหายบานตระการ
ดอกเศร้าบานแทนดอกรักเคยภักดี
ดอกเสียใจบานเต็มช่อรอปลิดขวัญ
ดอกสวรรค์ไกลเกินเอื้อมตราบชีพนี้
ดอกหักใจลาพรากไปไม่ไยดี
ดอกฤดีพลีพร้อมยอมว่างไร้...
ดอกไม้ธรรมหอมแทนที่มาพลีผุด
พราวพิสุทธิ์ดั่งน้ำค้างพร่างรินใส่
แทนดอกโศกดอกรักเศร้าในบึงใจ
ดอกรัตนตรัยผลิแย้มมาแต้มเต็ม....มาเติมเต็ม....!!!!!!
...........
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song113.html
บนความโศกศัลย์ของใจดวงหนึ่ง
เป็นความสุขซึ้งของใจอีกดวง
บนความชอกช้ำฉันน้ำตาร่วง
เป็นความชื่นทรวงสมปองของเธอ
ยุติ ธรรม แล้ว ละ หรือ
คนหัวใจซื่อ ต้องน้ำตาเอ่อ
คนลวงเช่นเธอสำราญเริงร่า
ดินและฟ้า ยัง คุ้ม ครอง
เป็นความผิดไหมที่ใจคิดซื่อ
เป็นความผิดหรือที่คอยสนอง
เป็นความผิดไหมที่ใจทุกห้อง
มอบเป็นเครื่องลองรักเล่นของเธอ
ตอบให้ฉัน รู้ได้ไหม
ว่ารักที่ให้เธอนั้นฉันเซ่อ
ตอบฉันซิเธอขอฟังสักคำ
จะได้จำไว้ สอน ใจ
บนความโศกศัลย์ของใจดวงหนึ่ง
เป็นความสุขซึ้งของใจอีกดวง
บนความชอกช้ำฉันน้ำตาร่วง
เป็นความชื่นทรวงสมปองของเธอ
ยุติ ธรรม แล้ว ละ หรือ
คนหัวใจซื่อ ต้องน้ำตาเอ่อ
คนลวงเช่นเธอสำราญเริงร่า
ดินและฟ้า ยัง คุ้ม ครอง...