7 พฤษภาคม 2548 22:35 น.

วีรบุรุษไพร!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3892.html
(ต้นไม้ของพ่อ)

.....................




วันนี้
ดวงใจไพลดวงร้าว 
ร้าวรานจนน้ำตาต้องหยดรดรินสังเวยให้กับต้นจำปีแสนรัก
กับ...
นาทีนี้ที่ต้องเลือกโค่นรานจำปีลงแทบเหลือแต่ตอให้เขายืนพ้อ
ราวร่ำไห้ ในความใจร้ายนักของไพล




ไพลมีเขาเสมอมาในเรียวตาเหว่ว้าดายเดียวยามไม่มีใคร

พลังเขียวใสเขียวไพลเขียวพร่าง
คอยสะบัดไหวราวโอบกอดปลอบประโลม
ใจไพรเสมอมา 



เพื่อนที่เห็นน้ำตาไพลมากกว่าใคร
เข้าใจไพลยิ่งกว่าพวกมนุษย์เสียอีก
ตรงที่เขามีแต่ให้ ให้และให้..มิเคยทำร้ายไพลเลย

ไพลชั่งใจนานมากกับการตัดใจในวันนี้
เพื่อ..เพื่อนบ้านที่ไม่เคยรู้รักธรรม ธรรมชาติ
ให้ไพลต้องเลือกระหว่างคนกับต้นไม้
ไพล..จึงต้องใจร้าย
กับมิ่งมิตรในชีวิตไพลมาอย่างยาวนาน



ไพลคงไม่ได้ยินเสียงใบไม้หล่น
ไม่ได้รับกลิ่นหอมหวานปนแกล้มมายามหลังฝนหยุดตก

ไม่ได้เหลียวไปพบเขาทนแดดทนลมเพื่อให้หัวใจไพลชื่น
ยามถูกคนและโลกนี้เฝ้ายื่นหยิบเพียงความแล้งไร้ให้



ไพล..ไม่อยากยึดมั่นและรักสิ่งใดอีกแล้ว
อย่าว่าแต่คนเลย
แม้นแต่ต้นไม้ไพลก็ยังรักษาไว้ไม่ได้
แล้ว..
ไพลจะเหลือสิ่งใด....




ไพลได้แค่เพียงกล่าวคำว่า
*เสียใจเสียใจและขอโทษ ขอโทษซ้ำๆ
ให้สาสมที่ไพลทำร้ายเจ้านะเจ้าต้นจำปีเพื่อนยาก
ที่พลีรักภักดีและแสนซื่อสัตย์ต่อชีวีไพรมาเป็นสิบปี
ที่ไพลนี้มิอาจปกป้องเจ้าไว้ได้เลย...
ไพลเสียใจ เสียใจ เสียใจ........
............




และด้วยความเศร้าสุดใจในนาทีนี้
พร้อมกับแรงบันดาลใจจาก
*การอ่านอนุสารอสท..นิตยสารท่องเที่ยวที่มียอดจำหน่ายสูงสุด
*ฉบับมรดกไทยมรดกโลก*ฉบับล่า

ที่เขียนถึงสุภาพบุรุษชาติไพรผู้กล้า
ผู้คือวีรบุรุษในดวงใจของไพล
*คุณสืบ..นาคะเสถียร*
เอาไว้ในเรื่อง
*ห้วยขาแข้งทุ่งใหญ่นเรศวร*โดยคุณธเนศ งามสม*
ว่า...
..........
.........


*สิบกว่าปีที่ผ่านมา คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินเรื่องราว
ของสืบ นาคะเสถียร 
ชายผู้ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องสัตว์ป่าและป่าไม้
และ...
การสำรวจประชามติความคิดเห็นของคนไทยในรอบ50ปีที่ผ่านมา
สืบถูกจัดเป็นสามัญชนที่น่าเสียดายในการจากไปมากที่สุด
เป็นอันดับสองรองจากหลวงปู่ แหวนสุจิณโณ
เป็นบุคคลที่มีผู้ระลึกถึง
มากกว่าผู้มีชื่อเสียงทางสังคมอีกหลายสิบหลายร้อยคน*
..............


เพราะเหตุใดเป็นเช่นนั้น
พุดไพรหวังท่านไปซื้อหามาอ่านเอาเอง
หากอยากทราบความเป็นมาเป็นไป
ที่น้อยคนไทยนักจักลืมเลือนวีรกรรมของ
ท่านสุภาพบุรุษนักสู้เพื่อพิทักษ์ป่าผู้นี้

ที่ยอมพลีสังเวยชีวิตด้วยเสียงปืน
ในบ้านพักหลังกะทัดรัดที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว
ที่ได้ใช้เป็นที่ทำงานจนลมหายใจสุดท้าย
ในเช้ามืดวันที่ 1 กันยายน 2533....
.........
.........



และ
บทความด้านล่างนี้
ไพลนำบทความจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
จาก*เรื่องวิถึคนกล้า*

เพื่อนำมาเป็นแรงฝันบันดาลใจแด่ทุกหัวใจไทย
ผู้รู้รักษ์พิทักษ์ป่าเอาไว้อย่างชายชาติไพรหัวใจนักสู้เพื่อฝันค่ะ

ด้วยดวงใจศรัทธาคารวะแด่คุณ ฉลอง นุ้ยฉิม 
วีรบุรุษอีกท่านค่ะ
ที่สืบทอดตำนานแห่งผืนไพรพิทักษ์ไพรแห่งผืนดิน...

จากแม่ดวงดอกพุดไพร 
ผู้หัวใจกำลังสลายที่กำลังซุกร่างร่ำไห้
ด้วยอาลัยรักเจ้าต้นจำปี 
ที่..ยากที่ใครจะรับรู้และเข้าใจ...
***********



ชีวิตยามอยู่กลางป่า ทุกห้วงเวลามีสุขล้น 
อิสระเสรีในตัวตน ไม่ต้องเป็นคนสองหน้าในเวลาเดียวกัน ...
 ...เป็นท่อนหนึ่งของบทเพลง
 เข้าป่า จากอัลบั้ม เพราะว่ารักป่า
 ที่ต่อให้เป็นกลุ่มคนที่ชอบฟังเพลงทุกประเภทเป็นชีวิตจิตใจแค่ไหน..
.ก็น้อยคนนักที่จะเคยได้ยินได้ฟัง



และถ้าบอกว่านักร้อง-เจ้าของบทเพลงอัลบั้มชุดนี้
มีชื่อว่า ฉลอง นุ้ยฉิม 
คนส่วนใหญ่ก็คงส่ายหน้าและบอกว่าไม่รู้จัก
 เพราะเขาไม่ได้อยู่ในทำเนียบของศิลปินเพลงค่ายไหนใดๆทั้งสิ้น


ณ วันนี้เขาคือ หัวหน้าสถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง อยู่ที่ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี พร้อมๆกับการสวมบทบาท ศิลปินป่า นักร้อง-นักแต่งเพลงดง ด้วยเหตุผลบางประการ...

@@@@@


 

ฉลอง นุ้ยฉิม ในวัยเด็กเติบโตขึ้นมา
กับป่าและธรรมชาติของเทือกเขาบรรทัด
ที่ จ.ตรัง บ้านเกิด 

ทำให้มีโอกาสสัมผัสกับป่าและสัตว์ป่า 
และมีโอกาสติดสอยห้อยตามลุงป้านาอาเข้าป่าอยู่เสมอๆ 



จนเป็นแรงบันดาลใจให้เข้าเรียน 
และจบการศึกษาจากโรงเรียนป่าไม้แพร่ ในปี 2525 

งานที่ชอบคือการ อนุรักษ์ 

จึงเลือกทำงานด้านการจัดการต้นน้ำ 
แต่กลับได้ทำงานด้านการป้องกัน
และปราบปรามที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัดแทน


 เพราะในสมัยนั้นใคร ๆ ก็ยังไม่คิดถึงเรื่องการอนุรักษ์ 
เพราะป่าไม้และสัตว์ป่ายังมีอยู่มากมาย

ทำงานได้ 2 ปีก็มีปัญหากับพวกตัดไม้ทำลายป่า 
ถูกลอบยิงที่ จ.พัทลุง 

หลังจากนั้นฉลองก็ถูกย้ายเข้าส่วนกลาง 
และได้เริ่มทำงานอนุรักษ์
ที่เขารักที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก จ.สุพรรณบุรี 


หลังจากนั้น
ก็ไปสำรวจจัดตั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา จ.นราธิวาส,
 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา จ.ลพบุรี
 และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล จ.พิษณุโลก

 แล้วก็มีส่วนช่วยบุกเบิกอีกหลายๆแห่ง

และล่าสุดเขาก็รับผิดชอบ โครงการศูนย์ศึกษาธรรมชาติห้วยขาแข้ง 


ห้วยขาแข้งเป็นพื้นที่ๆมันยิ่งใหญ่
 เป็นมรดกโลก 
เป็นงานที่ท้าทาย 
ซึ่งถือว่าเป็นการมาเริ่มต้น 
มาบุกเบิกก่อตั้งหน่วยงานใหม่ 
ถ้าเริ่มไม่ดี มันก็ล้มตั้งแต่ต้นเหมือนกัน



ฉลองกล่าว พร้อมทั้งบอกอีกว่า...
 งานในด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่าเป็นงาน
ที่ต้องทำ 4 เรื่องเกี่ยวเนื่องกันคือ

 1.เรื่องของการรักษาพื้นที่ 
คือประกาศเป็นเขตห้ามล่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า

 2.การศึกษาวิจัยทางวิชาการ
คือจัดตั้งเป็นสถานีวิจัยสัตว์ป่า ทำงานทางด้านวิชาการ 

3.เรื่องของงานเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า 



และสุดท้ายคือ... งานให้การศึกษา 
ให้ความรู้ สร้างจิตสำนึกให้กับคน
ในเรื่องของการอนุรักษ์สัตว์ป่าและธรรมชาติ

ซึ่งงานอย่างหลังนี่เอง
ที่ฉลองมองว่าเป็นงานที่สำคัญ โดยเขาบอกว่า...



ห้วยขาแข้งมีพื้นที่ 1 ล้าน 7 แสนกว่าไร่
 เป็นมรดกโลก 

ประการแรกที่จะทำให้มันอยู่รอดได้ก็คือคน
 และไม่ใช่เฉพาะที่ห้วยขาแข้ง 
ทุกพื้นที่ๆมีปัญหาก็เพราะว่าเกิดจากคน 



โดยเฉพาะคนที่อยู่รอบพื้นที่นี่แหละ
ที่เป็นตัวหลักที่จะทำให้ป่าอนุรักษ์แต่ละพื้นที่อยู่รอดหรือไม่ ?

เพราะมันเป็นเรื่องของปัญหาปากท้อง 
เป็นเรื่องของปัญหาเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ 
และชีวิตชาวบ้านที่เคยใช้ทรัพยากรจากในป่า 



ข้อนี้สำคัญไม่น้อยไปกว่าการอนุรักษ์ด้านอื่น 
เท่าที่ทำงานมาพบว่าเรื่องนี้เป็นตัวหลัก 
ถ้าเราแก้ปัญหาที่คนได้ 

เราก็จะสามารถรักษาทรัพยากรทั้งหมดไว้ได้ 



งานข้ออื่นๆก็สามารถทำทีหลังได้ 
แต่ถ้าไม่มีพื้นที่หรือทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่าลดน้อยลงไปเรื่อยๆ 
เราจะไปวิจัยศึกษาอะไรที่ไหน ฉลองกล่าว

หลังจากรับหน้าที่ในปี 2545 
งานแรกที่ฉลองลงมือทำ
ก็คือศึกษาข้อมูลทั้งหมดของห้วยขาแข้ง



 เพื่อนำเอาข้อมูลเหล่านี้ไปสู่คนกลุ่มเป้าหมาย 
ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว ชาวบ้านที่อยู่รอบๆ เด็กและเยาวชน 

จากนั้นก็เริ่มศึกษากลุ่มเป้าหมายทุกแง่มุม 
โดยเฉพาะชาวบ้านที่อยู่รอบๆผืนป่าห้วยขาแข้ง
ในท้องที่ 3 อำเภอ 5 ตำบล 
เพื่อสำรวจทัศนคติ
และปรับเปลี่ยนความรู้และความเข้าใจให้ตรงกัน



2 ปีกว่าที่ทำงาน เน้นหนักไปที่
การให้ความรู้กับชาวบ้านและเยาวชน 

โดยฉลองเล่าให้ฟังว่า... 
เรื่องของผู้ใหญ่หรือชาวบ้านนั้นยากที่สุด



 เพราะมักจะมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อเจ้าหน้าที่ 
ก็จะใช้วิธีมวลชนสัมพันธ์ จนเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกัน

 หลังจากนั้นเวลาไปแทนที่
จะพัฒนาสถานที่เฉยๆ
ก็จะใช้เวลาที่พักทานข้าวคุยกันในเรื่องของการอนุรักษ์
 เชิงแลกเปลี่ยนความรู้ พูดคุยกัน พูดกันแบบธรรมดาไม้ได้ไปห้ามเขา



สำหรับเยาวชนนั้นเราต้องการหวังผลในระยะยาว 

ตอนนี้ทำโครงการกับเยาวชนไปแล้วประมาณ 1,000 คน 
ซึ่งเท่าที่ทำพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น 


แล้วเรายังสนับสนุน
ให้เขาจัดตั้งเป็นกลุ่มหรือชมรมอนุรักษ์ในแต่ละโรงเรียน 
ซึ่งจัดตั้งไปเกือบครบหมดทุกโรงเรียนแล้ว 
ทีนี้ก็มาคิดกันว่าพอตั้งเป็นชมรมแล้ว
เราก็มาร่วมมือทำงานกันเป็นเครือข่ายเพื่อนห้วยขาแข้ง 


เครือข่าย เพื่อน..ห้วยขาแข้ง 
มีโครงการและกิจกรรมต่างๆ
เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ 
และจิตสำนึกในการอนุรักษ์ธรรมชาติให้แก่เยาวชน
ในพื้นที่รอบๆห้วยขาแข้งมากมาย ซึ่งต้องใช้เงินไม่น้อย... 



ซีดีเพลงชุด เพราะว่ารักป่า 
จึงทำออกมาเพื่อหารายได้เข้า กองทุนธรรมชาติศึกษา 

ในป่าตอนกลางคืนมันเงียบ
 เราก็ใช้เวลาว่าง ๆ มาเขียนเพลง



 เพราะเชื่อว่าเพลงมันก็มีส่วนช่วย
ในเรื่องของการทำให้จิตใจคนมีความรักธรรมชาติได้ 

คนที่เข้ามาที่ห้วยขาแข้ง
สิ่งที่ผมอยากจะให้เขาได้กลับไป
ไม่ใช่แค่ได้มาเหยียบที่ห้วยขาแข้ง 
อยากให้เข้ารู้ในเรื่องที่เกี่ยวกับห้วยขาแข้งบ้าง 



ดังนั้นสื่อที่จะนำเสนอในเรื่องนี้ 
ไม่ว่าจะเป็นเพลง สารคดี นิทรรศการ 
เส้นทางศึกษาธรรมชาติ พิพิธภัณฑ์สัตว์ป่า ก็กำลังพยายามทำ



ฉลองเล่าต่อไปว่า... 
พอคิดจะทำก็มาประจวบเหมาะ
กับการที่ตั้งเครือข่ายเพื่อนห้วยขาแข้งขึ้นมา 

ซึ่งเด็กที่อยู่รอบป่าห้วยขาแข้งเป็นเด็กบ้านนอกเป็นคนจน 
โอกาสที่เขาจะเข้ามาศึกษาธรรมชาติ
ในห้วยขาแข้งนั้นแทบจะไม่มี
 


เพราะคนที่เข้ามาศึกษาธรรมชาติจริงๆแล้ว
จะเป็นคนที่มาจากที่อื่นๆ
 แต่เด็กที่อยู่ติดกับผืนป่าห้วยขาแข้งแทบไม่มีโอกาสเลย 
จะเพิ่งมีโอกาสเข้ามาช่วงที่ทำค่ายและโครงการ



เพราะการเข้ามาศึกษาธรรมชาติมันต้องมีค่ารถ 
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็เลยคิดว่าถ้าเรามีกองทุนอะไรขึ้นมา
แล้วเอาเงินตัวนี้มาใช้
สำหรับให้เด็กที่อยู่รอบ ๆ ห้วยขาแข้ง
ได้เข้ามาศึกษาธรรมชาติตามมีตามเกิด กลุ่มเล็กๆครั้งละ 5-10 คน
ก็ใช้เงินไม่มาก ค่าอาหารก็ไม่กี่ร้อย ค่าน้ำมันไปรับก็ไม่มาก 



ศิลปินเพลงป่า...
อัลบั้ม เพราะว่ารักป่า เล่าระคนหัวเราะต่อไปว่า... 

ที่ทำเพลงก็เกิดจากความตั้งใจที่จะทำ 
โดยไม่ได้คิดถึงเรื่องขาย 


แค่คิดว่าอย่างน้อยๆทำมา
ก็ให้มันเป็นสื่อได้ ซึ่งเงินจะทำก็ไม่มี ต้องไปกู้เงินจากสหกรณ์มา 
ดนตรีก็ไม่เก่ง แต่งได้แต่เนื้อร้อง-ทำนอง 
ก็ได้เพื่อนที่มีห้องอัดเสียงมาช่วยเหลือ 



ทำออกมาแล้วขายแผ่นละ 70 บาท 50 บาท 
ถ้าขายได้กำไรก็เข้ากองทุน
 ถ้าขายไม่ได้ขาดทุนก็เข้าตัวเองไป 

ซึ่งนอกจากเทปแล้วก็ยังมีเสื้อยืด
และของที่ระลึกต่างๆ เพื่อขายหาเงินเข้ากองทุนด้วย



นอกจากขาย ปัจจุบันเพลงชุดนี้
ยังหาฟังได้จากวิทยุชุมชน 
ซึ่งสมาชิกเครือข่ายเพื่อนห้วยขาแข้ง
ได้จัดรายการให้ความรู้เกี่ยวกับป่ามรดกโลก 
ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ทางวิทยุชุมชน อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี FM104.25 วันละ 2 ชั่วโมง 



ก็ได้รับการตอบรับดี 
มีคนโทรฯถามว่าคนร้องเป็นใคร 
แม้กระทั่งลูกสาวก็ยังคอยถามว่าเมื่อไหร่พ่อจะออกคอนเสิร์ต 
และนักท่องเที่ยวที่มาอุดหนุนก็ถามหาเพื่อขอลายเซ็น 



ฉลองเล่าพลางหัวเราะพลาง พร้อมทั้งบอกว่า... 
คนเรามันมีความสุขได้หลายทาง 
ถ้าเราฝันว่าเราอยากจะทำอะไรสักอย่าง
 แล้วเราทำได้ตามที่เราฝัน ตามที่เราคิด มันก็รู้สึกว่ามันมีความสุขนะ


อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ฉลองฝันอยู่ตอนนี้
มิใช่ยอดขายซีดีเพลงที่สูงลิ่ว เขาบอกว่า... 
ความตั้งใจและความฝันก็คือ 
อยากให้สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
เป็นสถานีต้นแบบในเรื่องของการให้การศึกษาให้ความรู้กับเยาวชน 
ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับพื้นที่อื่นได้ 



และที่อยากจะทำอีกโครงการหนึ่ง
ก็คือ การจัดทำพิพิธภัณฑ์สัตว์ป่าในห้วยขาแข้ง 
และจัดทำห้องสมุดธรรมชาติ

ที่รวบรวมข้อมูล 
เช่น งานวิจัยทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับห้วยขาแข้ง 

แต่ตอนนี้ก็ยังติดปัญหาเรื่องสถานที่ 
ที่มีปัญหาเรื่องการก่อสร้างที่ยังค้างคา ฉลองกล่าว


@@@@@

20 ปีเศษกับการคลุกคลีตีโมงอยู่กับป่า... 
ณ วันนี้ชายที่ชื่อ ฉลอง นุ้ยฉิม 
กลั่นกรองร้อยเรียงประสบการณ์ออกมาเป็น 12 บทเพลง 
ถ่ายทอดสู่ผู้คนกลุ่มเล็กๆ 


เพื่อเป็นส่วนเสริมความตั้งใจจริง
ในการทำงานด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและสัตว์ป่า 
ในแนวทางที่เขาคิดว่าเหมาะสม
 


นอกเหนือไปจากนโยบายจากเบื้องบน
ชายคนนี้ยืนยันว่าทำไปโดยไม่ได้คิด
เรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวใดๆ ยินดีที่จะทำ..

แม้จะต้องเข้าเนื้อ ต้องควักกระเป๋า 
ต้องลงแรงกาย-แรงใจ และก็จะทำต่อไป
แม้จะต้องเหน็ดเหนื่อยอีกมากกับโครงการที่วาดฝันไว้




เหตุผลนั้นชายคนนี้บอกไว้บนปกซีดีเพลงของเขาแล้ว...

นั่นก็คือ... เพราะว่า...รักป่า




บทเพลงที่ยังแต่งไม่จบ ?!?
ป่าห้วยขาแข้ง 
เป็นป่าที่รวบรวมความหลากหลายด้านพืชพรรณไม้
และสัตว์ป่าไว้มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ 



จึงได้รับการประกาศให้เป็น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ในปี 2515 
และ
ได้รับการยกย่องจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์
และวัฒนธรรมแห่งสหประชาติ (UNESCO) ขึ้นบัญชีเป็นพื้นที่ มรดกโลก ในปี 2534



การอนุรักษ์ มรดกโลกห้วยขาแข้ง 
ให้คงสภาพที่สมดุลไว้ได้ตลอดไปนั้น 
นอกจากมาตรการทางกฎหมาย 
และการศึกษาวิจัยทางวิชาการแล้ว



 การให้ความรู้แก่เยาวชน
และประชาชนทั่วไปเพื่อให้เข้าใจ
 เกิดความตระหนักและมีจิตสำนึกที่ดี
 ตลอดจนเข้ามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ธรรมชาติในผืนป่าแห่งนี้ 
ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง 



ดังนั้น ทางกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
 หรือกรมป่าไม้เดิม จึงได้จัดตั้ง 
สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ขึ้นในปี 2545 



วัตถุประสงค์ก็เพื่อให้เป็นหน่วยงาน
ที่รองรับภารระกิจด้านนี้โดยตรง 
โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณ
การดำเนินการงาน
ตามโครงการเงินกู้ JAPAN BANK OF INTERNATIONAL CORPERATION (JBIC) 
ภายใต้ชื่อโครงการ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติห้วยขาแข้ง


อย่างไรก็ตาม 
ณ วันนี้
ศูนย์ศึกษาธรรมชาติห้วยขาแข้งยังคงเป็นเหมือน
 บทเพลงที่ยังแต่งไม่จบ 


การก่อสร้างได้ค้างคามานานกว่า 1 ปี
 เนื่องจากติดขัดปัญหาในหลายด้าน
 ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการผลักดัน
และตัดสินใจอย่างเร่งด่วนจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
 เพื่อที่ศูนย์ฯแห่งนี้จะได้ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์... 



เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ ผืนป่ามรดกโลก...ห้วยขาแข้ง โดยเร็ว !!. 



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3892.html
ต้นไม้ของพ่อ ธงไชย แมคอินไตย์ 
นานมาแล้ว
พ่อได้ปลูกต้นไม้ไว้ให้เรา
เพื่อวันหนึ่งจะบัง ลมหนาว
และคอยเป็นร่มเงา
ปลูกไว้เพื่อพวกเรา ทุกๆคน
พ่อใช้เหงื่อแทนน้ำรดลงไป
เพื่อจะผลิดอกใบ ออกผล
ให้เราทุกๆคน
เติบโตอย่างร่มเย็น ในบ้านเรา
ผ่านมาแล้วห้าสิบปี
ต้นไม้นั้นสูงใหญ่
ลมแรงเท่าไร ก็บรรเทา
ออกผลให้เก็บกิน
แตกใบเพื่อให้ร่ม เงา
คอยดูแลเรา
ให้เรายังมีวัน อยู่ต่อไป
จนวันนี้
ใต้เงาแห่งต้นไม้ ต้นใหญ่
ลูกได้อยู่ได้คอย อาศัย
แผ่นดินยังกว้างไกล
แต่เหมือนว่าหัวใจ
พ่อกว้างกว่า
ลูกที่เกิดตรงนี้นั้นยังอยู่
และยังอยู่เพื่อคอย รักษา
จะรวมใจเข้ามา
จะมีที่สัญญา ในหัวใจ
จากวันนี้สักหมื่นปี
ต้นไม้ที่พ่อปลูก
ต้นสวยทั้งงดงาม และยิ่งใหญ่
สืบสานและติดตาม
จากรอยที่พ่อตั้งใจ
เมื่อเราจะเทไป
ให้ต้นไม้ ของพ่อ ยังงดงาม

จากวันนี้สักหมื่นปี
ต้นไม้ที่พ่อปลูก
ต้นสวยทั้งงดงาม และยิ่งใหญ่
สืบสานและติดตาม
จากรอยที่พ่อตั้งใจ
เมื่อเราจะเทไปจากหัวใจ
เพื่อเราจะเทไป
ให้ต้นไม้ ของพ่อ ยังงดงาม...
				
7 พฤษภาคม 2548 12:09 น.

ต้นรักนิรันดร์!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4689.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6196.html
(ขออัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์*รัก*)
...................

ผม...
ผู้ชายชื่อกานต์
คนกวี..คนรักบทกวีกานท์งานรจนาทุกประเภท

และ...
มีใจศรัทธา
ปรารถนาอยากใช้วิถีชีวิตเฉกเช่นนกไพรสุภาพบุรุษไพร
ที่มีดวงใจหอมหวานอย่างเช่นเจ้าดวงดอกไม้...
เฝ้า...รอเวลา.....รอ..และรอ..
ที่จะได้

*เมล็ดพันธุ์แห่งรักนิรันดร์สุขนิรันดร์*
มานานแสนนาน...ราวรอชั่วกาลกัปป์กัลป์.....เลยทีเดียว



จนกระทั่งวันหนึ่ง...
พระพรหมแกล้งฤาสวรรค์เมตตา
ฤาว่าฟ้าดินปรารถนา
ให้ผมได้สมดั่งหวังจากคำเพียรอธิษฐานภาวนา

จากเสียงเพรียกแห่งจิตใส
จากใจดวงงามดั่งอัญมณีไพรของผมเอง..


จึ่งปรานีส่งเมล็ดพันธุ์..
อันจักแตกช่อกอก้าน
ให้สล้างไศลไสวประดับหล้า
ให้ลงมาเป็นของขวัญมากำนัลแด่ผม



ที่ผม..ตั้งชื่อต้นไม้นี้ว่า*ต้นสุขนิรันดร์*..ครับ
ผมจะพรรณาอย่างไรดีเล่า
ถึงต้นไม้แห่งปาฎิหารย์รักมหัศจรรย์รอนี้



ที่ผมต้องใช้เวลานานปี
ที่ต้องใช้เวลาเพาะ...พันธุ์ให้พร่าง
ให้เติบงามแจ่มจิต...มาผลิสถิตแตกยอดเยาว์
ภายในเนื้อดินจิตแสนงามเหงางามเงียบ

เนื้อใจที่ใสกระจ่างสว่างสงบสะอาด
เนื้อใจพิไลพิลาสแสนงาม..
มาจนถึงวันนี้...



ที่หยั่งรากลึกได้
ด้วยต้องใช้น้ำใจรักอภัยเมตตาปรารถนาดี
พลีเป็นดั่งน้ำค้างพร่างใสดั่งน้ำฝนไพร
มารินรดรดหยดละไมด้วยใจละมุนมานานวัน


จนณ..บัดนี้กำลังแตกช่อกอขวัญฝัน
งามวันงามคืนให้แสนชื่นฉ่ำใจ

ให้...
ลำต้นไสว...นั้นเป็นดั่งทองคำ...
ใบ...นั้นเป็นสีเงินงาม
ราวกระดาษให้วาดทุกสรรพสิ่งสรรวิมานฝัน
สวรรค์สรวงราวรวงดาวลอยในเวิ้งนิรมิตทิพย์
รู้หยิบรู้ยกรู้สกดรู้สลักตราคำไว้ประดับใจประดับไทไทย


ดอก...ที่ราวเพชรพร่างสายคล้ายดั่งดอกแห่งความดี
ดอกที่มีชื่อเรียกแสนงามล้ำเลอค่าว่าดอกพระรัตนตรัย



ผลคือ...อัญมณีประดับใจเรียกว่า..*ดอกนิรพาน*

หาก...ต้องใช้กุศลทานบารมี
เพียรมา อย่างยาวนาน
สร้างสานคุณงามความดีความมีสมาธิภาวนามิท้อรอลา



จนกว่าจะถึงวันหนึ่ง...
ที่ดอกไม้ฟ้าดอกไม้เพชรทิพยนิรมิตกระจ่าง
จะพลันพร่างร่วงหล่น
ลงมาประดับขวัญกมลราวพรฟ้าประทาน
และ..
ลอยมาแจ่มกระจ่างนำทางพร่างด้วยรัศมีบุญ
ให้คนที่รู้ค่าความว่างวางสว่างสงบสยบโลกย์เร่าร้อนเพียงนั้น
พลันได้ดอมดมห่มหอมงามที่จะรำลึกได้..ราวดอกปาริชาติ



ให้รู้จักใช้ชีวิตอันสงบสะอาดหลุดพ้น
เป็นดั่งคือคนเหนือโลกย์  เหนือโศกสุขเหนือทุกข์ใด
และ...



นี่คือ..ผลไม้เพชรไพรอัญมณีทิพย์
ที่จะร่วงหรือลอยละลิบยากไกลเกินคว้า
ก็อยู่ที่ค่าของคนกมลของใคร

ที่จักรู้ใจตน...
ดิ้นรนเพียรภาวนาหาพันธุ์รักนิรันดร์พบสุขนิรันดร์
ให้พลันพ้นบ่วงห่วงพันธนา 
พาจิตใสฝากประดับหล้าตราบชั่วฟ้าดิน
และ...
ไปสู่ถิ่นสวรรค์แสนงาม
ฤาว่างร้างไร้เหนืออนันตกาลแห่งกาลเวลา



แดนพุทธาเพชรพรายคล้ายแดนกระจ่างงามแห่งโลกทิพย์
ที่ทุกดวงจิต
มีสิทธิ์นิรมิตได้ด้วยพลังแห่งศรัทธา
ก่อนลมหายใจจะลับลาก่อนพสุธาจะกลบหน้ามิหวนคืน..ให้แก้ตัว..!!! 
..............
...................



ด้วยแสนรักศรัทธา..แสนประทับใจ
ในบทกวีนิพนธ์..เห่ชมไม้
ของท่านอังคาร กัลยาณพงศ์

จึงเพียรนำมาพลีวางลงบรรณาการ
แด่ทุกดวงใจ..ในร่มรักเรือนไทยเรือนทอง
ผองมิ่งมิตรสนิทใจมาเนานาน



จริงๆน่าเสียดาย
หากบทกวีนี้ได้ใช้ลายมือของท่านมาฝากไว้
จะยิ่งให้ความรู้สึกลึกล้ำ
งามเกินคำอลังการมลังเมลืองประเทืองประทับประดับใจเลยล่ะคะ


แม่ดวงดอกพุดไพร แสนศรัทธาและซาบซึ้งใจเป็นที่ยิ่ง
จึงขอสดุดีขอกราบเทิดพระคุณ
ท่านเจ้าของบทกวีกวีนิพนธิ์นี้
ที่แสนงามล้ำล้นเลอค่ามาณ..ที่
นี้แล้วนะคะ
.....................
......................

บทกวีนิพนธ์**** เห่ชมไม้***
ของท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ค่ะ


     หิมวันต์หวานมิ่งไม้            บุปผชาติ
หอมชื่นใจวิสุทธิสะอาด            ค่าฟ้า
เสน่ห์ทิพย์ทั่วโลกธาตุ              วิเศษยิ่ง
สรรพสิ่งเลอเลิศหล้า                 แม่นแล้ว ไอยสวรรค์

     เทีอกผาฝันใฝ่เอื้อม             เดือนดาว    ดังฤา
เปรียบค่าวรรณศิลป์สกาว          เลิศแล้ว
อุดมคติยิ่งสูงหนาว                     โดดเดี่ยว
เปล่าเปลี่ยวเหลียวนางแก้ว         เปล่าเก้อ ละเมอฝัน

     เทือกผาสลับซับซ้อน              ชะง่อนชะโงก
เหวหุบห้วยตรวยโตรก                โศกซึ้ง
ชะอ้อนตาค่าของโลก                   แพงลิ่ว
ปลิวร่วงรุ้งแสงอึ้ง                         อร่ามฟ้าฉายฝัน

     โอ้มโนคตินิรมิต                    คิดถึงหิมพานต์หวานสวรรค์
เสน่ห์วรรณศิลป์อเนกอนันต์        หวังฝากฝันไว้ดวงดาว
   นางแย้มแย้มบุปผชาติ             เฉกสุดสวาทแรกเนื้อสาว
แก้วกลแก้วหอมราว                   รูปโฉมเจ้าสาวสวรรค์อัน
   จำปาจำเปรียบเจ้า                   สาวอัปสรร่อนฟ้าฝัน
ลำดวนด่วนจากกัน                      มะลิวันวารหนึ่งพันปี
  พวงประยงค์ระย้าย้อย               ห้อยอุบะทิพย์สุนทรีย์ศรี
สุมาลัยในปฐพี                            เป็นหนี้เจ้าเร้าใจรัก
    พุดจีบกลีบซ้อนหอม                 ถนอมสุมาลีที่สูงศักดิ์
สารภีพี่หลงนัก                             จากจักเศร้าหนาวใจตาย
     สายหยุดหยุดเสน่หา                ชาติหน้าชะแง้แลหาหาย
จันทน์กะพ้อเพ้อฤาวาย                จนโลกไหม้ดับกัปป์กัลป์
     อีเต็งแต้วแก้วกาหลง               หลงกาพย์เจ้าฟ้าผวาฝัน
อ่อนไท้แก้วฟ้านั้น                        ไป่รู้วันหอมวางวาย
     จำปีกี่เดือนปี                           กี่ชีพนี้แหลกล่มสลาย
รักรักเจ้ามากมาย                         ละลายหล้าอำลาอาลัย
    สายน้ำผึ้งซึ้งหอม                       ยอมหอมแห่งเจ้าสาวไหม
ท้าบุหงารำไปไย                            ไช่ไพผองค่าสุมาลี
    เพราะน้ำผึ้งเสน่ห์สาว                 สกาวดาวปัญญาวิเศษศรี
กี่ชีพพี่ยอมพลี                               หนี้ประหารด้วยกาลกัลป์
   สายหยุดหยุดเสน่หา                    รอโลกหน้าผวาวูบขวัญ
จันทน์กะพ้อเพ้อรำพัน                    ปรารถนาน้องนั้นอนันตกาล
   สุกรมตรมจมตรวนโช่                 โอ้เวลามาประหาร
กุหลาบวาบเข็ดหลาบนาน               วารกิเลสสามหยามวิญญาณ
   พุทธชาติรู้กู้ชาติ                          ตัดขาดปรารถนาวิตถาร
วิปัสสนาเพื่อนิรพาน                       หวานกวีสงบไว้แดนดิน
 อำลาอาลัยศาสตร์                           จำนิราศร้างขวัญวรรณศิลป์
ป่าวฟ้าน้ำตาริน                               อย่าสิ้นศิลปะอมตะเอย....



***********


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6196.htmlรัก 
เพลงพระราชนิพนธ์ 

รักทะเล
อันกว้าง ใหญ่ไพศาล
รักท้องฟ้า โอฬาร สีสดใส
รักท้องทุ่ง ท้องนา ดั่งดวงใจ
รักป่าเขา ลำเนาไพร แสนสุนทร
รักพฤกษา รุกขชาติ ที่ดาษป่า
รักปักษา ร้องกู่ บนสิงขร
รักอุทัย สว่าง กลางอัมพร
รักทั้ง รัตติกร ในนภดล
รักดารา ส่องแสง สุกสว่าง
รักน้ำค้าง อย่างมณี มีโภคผล
รักทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่ได้ยล
รักนวลนาง รักจน หมดสิ้นใจ

รักพฤกษา
รุกขชาติ ที่ดาษป่า
รักปักษา ร้องกู่ บนสิงขร
รักอุทัย สว่าง กลางอัมพร
รักทั้ง รัตติกร ในนภดล
รักดารา ส่องแสง สุกสว่าง
รักน้ำค้าง อย่างมณี มีโภคผล
รักทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่ได้ยล
รักนวลนาง รักจน หมดสิ้นใจ... 

............



 http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4689.html

ร้อยบุปผา  


ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก
ร้อยสำนัก ประชันแข่งใจ
มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน
ร้อยดอกงาม เด่นตระการ
แย้มบานในดวง ใจ
ชู่ ช่อ ธรรม สง่า งาม ในนาม ศิลปิน

มาสร้าง งาน ศิลป์ ชุบชีวิน มนุษย์ชาติ
สะอาดสดสวย ด้วยบทเพลง แห่งสวรรค์
ให้มาลัย ฝากรัก มอบใจภักดิ์ ร่วมกัน
จุดไฟ ความฝัน พร่างพลัน ประกาย เพลิง

มาเถิด พี่น้อง ร่วม ร้อง เพลงเพื่อ
กลั่นจาก เลือด เนื้อ หยาดเหงื่อ เร่าร้อน
เราจะเร่ง แนวรบ ไม่สยบ อ้อนวอน
เริงระบำ รำฟ้อน ร้อยกรอง กวี กานต์

มาร่วม ใจรัก พร้อม พรักพลีชีวาตม์
ผงาด อาจ หาญ สร้างตำนานตระการฟ้า
แต่งเติม โลกศิลป์ ให้ผ่องพิณ โสภา
ด้วยวิญ ญานท้า ทรนงเทิดคง ธรรม

ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก
ร้อยสำนักประชันแข่งใจ
มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน
ร้อยดอกงาม เด่นตระการ
แย้มบานในดวง ใจ
ชู่ ช่อ ธรรม สง่างาม ในนาม ศิลปิน

				
5 พฤษภาคม 2548 15:02 น.

สวนดอกไม้ในฝันแห่งคืนคิมหันตฤดู!

พุด




นานมาแล้ว....
ที่ไพลมิได้กลับมาริมบึงฝัน

บึงที่แมกไม้นานาพรรณคอยส่งจูบให้..

บึงที่ยังคงมอบรักนิรันดร์ให้ดวงใจทุกดวง
อย่างห่วงหาอาวรณ์เพื่อคอยสอนสัจจะใจสัจจริง

เพียรให้หยุดนิ่งฟังทุกสรรพเสียงธรรมชาติ
..........


วันนี้..
ยามตะวันลา...
ฟ้าโพล้เพล้ กับใจดวงเหว่ว้าดวงเดิม

ไพลได้กลับมาเดินดายเดียว เดียวดาย เหมือนเดิม..
เสมือนวันคืนเก่าก่อนย้อนหวนคืนกลับมา


เสมือนนกน้อยพเนจรย้อนหวนคืนกลับรัง 

มานอนทบทวนรำลึก
นึกถึงความหลังความทรงจำ...ที่แสนงามเงียบสงบสุข

กับกาลเวลา..
ที่ผู้คนมากหน้า
หมุนเวียนเปลี่ยนผัน
พากันเข้ามาทักทาย...ทายทักในชีวิต

ไพลทรุดตัวลงนอนใต้ต้นไม้แห่งรัก...
ที่เคยสลัดทิ้งใบ...เหลือ...เพียงก้านกิ่งราวปะการังสีดำ



หากทว่าในวันนี้.... กลับผลิยอดตุ่มแตกใบเต็มต้น

ไพลมองเห็น...แม้กระทั่งรังนกเล็กๆที่คงรอท่า
รอคอยการกลับมาของพ่อแม่ลูกพร้อมหน้ายังรวงรังแห่งรัก



คนดี..นี่แหละ..คือสัจจะธรรมแห่งกาลเวลา

ที่คงเพียงฝากฝังรอยรักรอยอาลัยอาวรณ์...ที่มิอาจย้อนคืน

มาตรแม้นเราจะโหยไห้หวนหาสักเพียงใดเพียงไหน

ทุกอย่างก็จะสลายลาไป 
และ...
แม้กระทั่งตัวตนเราเอง...
ที่ก็คือธรรมะ ธรรมชาติ
 
หากคิดให้ดีที่ไม่นานนาทีนานปี...ก็จักคืนสู่ดิน...



ไพลนอนนิ่งนิ่งบนเสื่อผืนโต 

ปล่อยผมให้สยายยาว
แผ่กระจายรับพรายแสงอาทิตย์สีทอง
ที่สาดส่งลงมากระทบจนเกิดประกาย 

ราวนางไม้เบื่อโลกหนีโศกมานอนนิทราฝันดี...
...........


ในฝัน...
จิตกระจ่างดวงแจ่มกำลังเที่ยวท่องทายทัก
แมกไม้ในสรวงสวนขวัญสวรรค์ไพรที่ไหนสักแห่ง

บนบ่ามีนกไพร เกาะเคียงคอยส่งเสียงให้งามชีวิต


นั่นลำธารงามพราวราวสีรุ้ง....
กระทบแดดอ่อนอุ่นทอทาบ
จนเกิดประกายอาบราวเพชรพร่าง
แตกรัศมีฉายฉานงามปานประหนึ่งธารน้ำทิพย์

นั่นดอกบัวนิรมิตเป็นบัวทองผ่องผุดพิสุทธิ์งาม

และ..
นั่นปวงเทวานางฟ้า
กำลังกรายกรฟ้อนรำดูงามล้ำเกินคำรำพันรำพึง



และ...
นั่นปวงผลไม้สวรรค์..ออกดอกดกดื่นดาษมากมาย
จนห้อยย้อยเป็นพวงผลที่งามพร่าง
ราวผลไม้เพชรพลอยอัญมณีหลากสีสันสะพรั่งพรึบ



โน่นใบไม้ไยกลายเป็นสีเงินงาม 
ที่อยากนึกจับมาทำอะไรก็ได้ 
หากหามีใครใส่ใจไม่

และ..
ไหนยังจะ
มีต้นไม้ประหลาด ที่มีสีสันแปลกตา..พร่างพราย
กระจายหลากสี...ที่ทั้งต้นจะไร้ใบ
หากเต็มไปด้วย สี สี และสีที่สลับสล้างพร่างไปหมดจนกระจ่างงาม



ต้นไม้สีม่วง...ที่ม่วงจัด..

ม่วงสนิทหากมองด้วยนัยน์ตาเศร้า
สีก็จะยิ่งร่วงพราวพลันพรากจากต้นในทันที

โน่นต้นไม้สีชมพู...ที่มองดูดี

หากมองด้วยรัก...
ก็จักโบกระบัดใบเริงร่ามีชีวิตชีวา

แตกช่อชูชันพลันเลื้อยสู่อากาศ..วาดวงเวิ้งเป็นหวานแจ่ม
อันแสนมลังเมลือง...เพริศพริ้งยิ่งกว่าชมพู..ชมพู้...เดิม..



นั่น..
วิมานไพร..วิมานใบไม้

ที่อยากเนรมิตรให้งามสักปานใด..ก็จักปรากฎตรงหน้า

อยากมีแบบไหน 
วิมานใด....ก็จักลอยมา...อย่างคิดนึก

มาสถิตให้ทอดย่าง
มาให้ก้าวเดินเพลินหลง..งามเกินงาม
......


หากสำหรับจิตใสใจดวงเดิมเดิมดินดินของไพล

ขอแค่คิดมีเพียงมีกระท่อมใบไม้
ในท่ามนาข้าวสีทอง

พลันก็ค่อยๆลอยล่องลงมา 

ให้ไพลค่อยๆพาตัวเองเดินเข้าไปในกระท่อมทับ
และ..
ค่อยๆทรุดตัวนั่งลงบนแคร่ไม้ไผ่ 

เฝ้าดูแสงอาทิตย์สะท้อนไหว
ในรวงเรียวราวทองทา

รับกับฟ้ายามอรุณ..มาเยือนแย้มแต้มแตะไปทั่ว



ในมโนไพล..ท่ามลำพัง...
พลัน...!!!!!
ปรากฏร่างใครคนหนึ่ง ...!!!!!

คนที่ไพลคะนึงหามาตราบชั่วชีวิต...ชั่วกัปป์กาล..

เขาคนดี...ค่อยๆทรุดร่างลงช้าๆเคียงข้างประคองไพล
แล้ว...
โอบไหล่ไว้ก่อนที่จะหันมาจูบประทับรับขวัญ
ตรงหน้าผาก อย่างแผ่วผิว...หากเต็มตื้นด้วยพลังแห่งรัก...



เขาให้ไพลนั่งเอนอิงในอ้อมตัก
แล้วชี้ชวนให้ทอดทัศนาออกไปภายนอกหน้าต่าง..

ชี้ชวนให้ดูฟ้ายามเช้า...
นวลนภาแจ่มกระจ่างราวเรียวรุ้ง

แล้วหันมาสบตากันนิ่งนาน...

ผ่านซ่านซึ้งสุข
ด้วยหยาดน้ำตาแห่งความปิติเกษม
ในรักภักดี อย่างไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา...
...........
........


และ..
นั่นคือฝันดี...ฝันหวาน....หวาน..หวาน

ตราบ...จนไพล..จำต้องลืมตาตื่นมาพบกับโลกแห่งความจริง

ที่ณ..บัดนี้ทุกสรรพสิ่งรายรอบ
กำลังล้อมกรอบชีวิตกลายกลับเป็นสีดำ..
ด้วยม่านมนตราแห่งราตรี
ที่กำลังมาแย้มเยือน...โลกให้พบโศกสุขอีกครา!!!!!
..........



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song347.html
อนาถเหลือล้ำ บัวบานเหนือน้ำ 
อยู่ห่าง คน
ลับตาอยู่จน กลางบึง
ได้แต่ชะเง้อ ละเมอ รำพึง
เจ้าอยู่ถึงกลางบึง ปล่อย ให้ผึ้ง เชยชม
แดดส่องผิวน้ำ บัวพลอยหมองคล้ำ
ด้วยแดด เผา
สีเจ้าก็เศร้า ด้วย ลม
ตกดึก น้ำน้อย นอนคอยคนชม
เจ้าต้องคลุกโคลนตมกลีบ ที่บ่ม โรย รา
บัว น้อย ลอยอยู่กลาง บึง
ครั้นคนเอื้อมไม่ถึง มีฝูงผึ้งบินมา
อยากพักพิงบนหิ้งบูชา
เขาไม่ปรารถนา แล้วจะว่าเขาแกล้ง
โธ่ อยู่ไกล หนักหนา
ดั่งซ่อนหลบตา แอบแฝง
หากปล่อยทิ้งไว้พอใจแมลง
สิ้นกลิ่นสีโรยแรง
แล้วคงเหี่ยวแห้ง คา บึง... 



				
5 พฤษภาคม 2548 12:11 น.

ลอยจิตไสวในสายน้ำนิรันดร์!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song72.html
(หนึ่งในร้อย)
.............


นาทีนี้....
วสันต์กำลังปรอยสายพรายพลิ้วพรมพร่างลงกลางลำน้ำเจ้าพระยา

ดวงนั่งทอดตาเหงาเศร้าใต้ร่มพิกุล พราวดอก 
ที่งดงามด้วยใบดกคอยบดบังให้ร่มเงา
และ...
ที่ดวงเรียกเสียใหม่ให้ซ่านซึ้งใจของดวงเองว่า*ลานพิกุล*


ดวง..รู้สึกดีทุกคราครั้ง
ที่หันหลังกลับมานั่งริมชายชล
ได้เคลียกมลดวงเดิมดายเดียว
ด้วยปวงดวงดอกไม้หอมหอมหวานหวาน

ที่ตระการกิ่งไกวไหวช่อ
พ้ออากาศแสนดีในวันที่ฟ้าแสนเเจ่มกระจ่าง
มีทั้งลั่นทม เข็มขาว พิกุล โมก แก้ว 
รายรอบโบสถ์และพระวิหาร



ดวง..นำมาลัยมะลิมา
และเดินช้าช้าไปยังพระวิหาร

ที่ประดิษฐาน
*พระพุทธไสยาสน์สมัยอยุธยาตอนปลาย*
และ..
มีภาพจิตรกรรมที่เพดานนั้นแปลกตากว่าที่อื่น 
เพราะเป็นตราเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 
ฝีพระหัตถ์หม่อมเจ้าประวิช ชุมสาย 

ด้านหลังพระวิหารประดิษฐาน
พระพุทธรูปประจำจังหวัดนนทบุรี พระนนทมุนินทร์ 
เป็นพระพุทธรูปสมัยอยุธยาตอนปลาย ปางขัดสมาธิเพชร 
ประดิษฐานอยู่ในบุษบกแบบมอญ(จองพารา) 


สลักโดยฝีมือช่างที่นี่ 
ที่มุขเด็จหน้าวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อน 
ซึ่ง ซาง ซิว ซูน ชาวพม่าถวายให้กับรัชกาลที่ 5 


ที่ณ..บัดนี้การซ่อมแซม
และแต่งแต้มภาพบนเพดานเสร็จสิ้นแล้ว

ที่ก่อนหน้านี้
ดวงเคยมาพลีถวายผ้าสบง
แด่องค์พระพุทธไสยาสน์เพื่อเป็นพุทธพลี..
เป็นมงคลชีวี ..อย่างที่สุดแล้ว..



ดวงก้มลงกราบกรานอธิษฐานจิต
สวดมนต์นั่งสมาธิภาวนา
ให้กับทุกดวงใจผองชนคนไทย
และ
คนที่ดวงรักผูกพันในร่มรักเรือนไทยเรือนทองมานานวัน..
ที่อยากปันพลี..
เพื่อรินร่ำความดีความงามสิริมงคลให้เกื้อกมลละไม




ดวงนั่งพินิจ ....
ภาพจิตรกรรมบนบานหน้าต่างที่แสนงามดั่งทิพยนิรมิต

คือภาพต้นพุดตาน 
ที่ดอกงามกำลังบานตระการบนก้านกิ่งไกว

ที่พาให้จิตดวงใสได้ประหวัดคิดรำลึกนึกไปถึง...
ยามได้อ่าน...ผ่านตาด้วยน้ำตาแห่งปิติพร่างเกษม..



*บทพระพระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒๔ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑ *

อันคือมงคลยิ่งใหญ่ในมโนตราตรึง
ที่หยั่งรากล้ำลึก
ให้เห็นงามตามคำทิพยมงคลนั้นที่พลัน..นาทีนี้



ที่จิตดวงอยากนำมาพลีเป็นพุทธบูชา
ให้ศาสนิกชนคนไทย

และ..
โดยเฉพาะทุกดวงจิตใสทุกดวงใจแสนงามแสนดี
ในร่มรักเรือนไทยเรือนทองแห่งนี้ 
ได้พร้อมพลีจิตสัมผัสงาม เกินงาม



ที่จะท่วมท่ามท้นศรัทธา
ให้เราพาเพียรร่างจิต
สร้างกุศลนิรมิตให้จิตใสให้ใจงาม

ให้สว่างสงบ พบพระธรรมอันแสนงามล้ำเลอค่าจากยอดพระรัตนตรัย

จึงได้น้อมนำมาพลีบรรณาการแด่ทุกท่าน
ให้พบพานยอดแห่งมงคลคำไปด้วยกัน
นะบัดนี้...
...............
...............




พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒๔ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑ 
*******************

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น 
พุทธวรรคที่ ๑ พุทธาปทานที่ ๑ 
ว่าด้วยเหตุให้สำเร็จเป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้า
 
[๑] พระอานนท์เวเทหมุนี มีอินทรีย์สำรวมแล้ว
ได้ทูลถามพระตถาคตผู้ประทับ อยู่ ณ พระวิหารเชตวันว่า 

ได้ทราบว่า พระสัพพัญญูพุทธเจ้ามีจริงหรือ เพราะเหตุไร
จึงได้เป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้าผู้เป็นนักปราชญ์? ในกาลนั้น 

พระผู้มีพระภาคผู้แสวงหาคุณอันใหญ่ เป็นพระสัพพัญญูผู้ประเสริฐ 
ได้ตรัสกะท่านพระอานนท์ ด้วยพระสุรเสียงอันไพเราะว่า 



ชนเหล่าใด สร้างสมกุศลสมภารในพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ 
ยังไม่ได้โมกขธรรมใน ศาสนาของพระชินเจ้า 
ชนเหล่านั้นเป็นนักปราชญ์โดยมุข 

คือ การ ตรัสรู้นั้นแล แม้มีอัธยาศัย 
มีกำลังมาก มีปัญญาแก่กล้า 



ย่อมได้บรรลุ ความเป็นพระสัพพัญญูด้วยเหตุแห่งปัญญา 
แม้เราเป็นธรรมราชาผู้สมบูรณ์ ด้วยบารมี ๓๐ ทัศ 
ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ นับไม่ถ้วน 

นมัสการพระพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลก
พร้อมด้วยสงฆ์ด้วย นิ้วทั้ง ๑๐ 
แล้วกราบไหว้สัมโพธิญาณของพระพุทธเจ้า 
ผู้ประเสริฐสุด ทั้งหลายด้วยเศียรเกล้า 



รัตนะทั้งที่มีในอากาศและอยู่ที่พื้นดิน ในพุทธ- เขต 
มีประมาณเท่าใด เราจักนำรัตนะทั้งหมดนั้นมาด้วยใจ 
ณ พื้นที่เป็น รูปิยะนั้น เราได้นิรมิตปราสาทหลายชั้น
 
อันสำเร็จด้วยรัตนะ สูง ตระหง่านจรดฟ้า 
มีเสาอันวิจิตร ได้สัดส่วน จัดไว้ดี ควรค่ามาก 

มี คันทวยทำด้วยทองคำ ประดับด้วยนกกระเรียนและฉัตร 
พื้นชั้นแรกเป็น แก้วไพฑูรย์ งามปราศจากมลทิน ไม่มีฝ้า 
เกลื่อนกลาดด้วยดอกบัวหลวง 
มีพื้นทองคำอย่างดี 
พื้นบางชั้นมีสีดังแก้วประพาฬ เป็นกิ่งน่ารื่นเริง 



บาง ชั้นแดงงาม บางชั้นเปล่งรัศมี ดังสีแมลงค่อมทอง 
บางชั้นสว่างทั่วทิศ ในปราสาทนั้น มีศาลาสี่หน้ามุข 

มีประตูหน้าต่างจัดไว้เรียบร้อย มีชุกชี 
และหลุมตาข่ายสี่แห่ง 
มีพวงมาลัยหอมน่ารื่นรมย์ใจห้อยอยู่ 



ยอด ปราสาทนั้นประดับด้วยแก้ว ๗ ประการ 
มีสีเขียว เหลือง แดง ขาว ดำล้วน ประกอบด้วยยอดเรือนชั้นเยี่ยม 

มีสระประทุมชูดอกบานสะพรั่ง 
งามด้วยฝูงเนื้อและนก 
บางชั้นดาดาษด้วยดาวนักษัตร 
ประดับด้วยรูป ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ 

ปกคลุมด้วยพวงดอกไม้ทอง 
ดาดาษด้วยตาข่าย ทองน่ารื่นรมย์ 
ห้อยย้อยด้วยกระดิ่งทอง เปล่งเสียงด้วยกำลังลม 



ปรา- สาทนั้นวิจิตรด้วยธงสีต่างๆ 
คือ ธงสีชมพู สีแดง สีเหลือง สีเขียว 
และสีทอง ปักไว้เป็นระเบียบ 

แผ่นกระดานต่างๆ มากหลายร้อย ทำ ด้วยเงิน 
ทำด้วยแก้วมณี ทับทิม ทำด้วยแก้วมรกต วิจิตรด้วย


ที่นอน ต่างๆ ลาดด้วยผ้าเมืองกาสีละเอียดอ่อน 
เราปูลาดเครื่องลาดต่างๆ 
ด้วยผ้ากัมพล ผ้าทุกุลพัสตร์ 
ผ้าเมืองจีน ผ้าเมืองแขก และผ้าห่มเหลือง ทุกแห่ง ด้วยใจ 

ที่พื้นนั้นๆ 
ประดับด้วยยอดแก้ว คนหลายร้อยยืน 
ถือประทีปแก้วมณีอันส่งแสงเรืองอยู่ เสาระเนียด
เสาซุ้มประตู ทำด้วย ทองชมพูนุท ไม้แก่นและเงินบ้าง 

มีที่ต่อหลายแห่ง จัดไว้เรียบดี วิจิตร 
ด้วยบานประตูและกลอน 
ย่อมยังปราสาทให้งาม สองข้างปราสาทนั้น

มีกระถางน้ำเต็มเปี่ยมหลายกระถาง 
ปลูกบัวหลวงและอุบลไว้เต็ม 



เรา นิรมิตพระพุทธเจ้าในอดีต 
ผู้เป็นนายกของโลกทุกพระองค์ พร้อมด้วย พระสงฆ์สาวก
ด้วยวรรณและรูปตามปกติ 

พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ 
พร้อมด้วยพระสาวกเข้าไปทางประตูนั้น 
หมู่พระอริยเจ้านั่งบนตั่งอันทำ ด้วยทองคำล้วนๆ 



พระพุทธเจ้าผู้ยอดเยี่ยมในโลก 
มีอยู่ ณ บัดนี้ก็ดี เป็นอดีตก็ดี ปัจจุบันก็ดี ทุกพระองค์

ได้ขึ้นปราสาทของเรา พระสยัมภู ปัจเจกพุทธเจ้าหลายร้อย 
ผู้ไม่พ่ายแพ้ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
ได้ขึ้น ปราสาทของเราทั้งหมด 



ต้นกัลปพฤกษ์ทั้งเป็นของทิพย์และของมนุษย์ มีมาก
เรานำเอาผ้าทุกอย่างจากต้นกัลปพฤกษ์นั้น
มาทำไตรจีวรถวายให้ ท่านเหล่านั้นครอง 



ของเคี้ยว ของฉัน ของลิ้ม น้ำและข้าวมีสมบูรณ์ 
เราใส่อาหารเต็มบาตรงามทำด้วยมณี
แล้ว..
ถวายพระอริยเจ้าทั้งผองครองผ้า ทิพย์ ครองจีวรเนื้อเกลี้ยง

อิ่มหนำสำราญด้วยน้ำตาลกรวด น้ำมัน น้ำผึ้ง 
น้ำอ้อยรสหวานฉ่ำและด้วยข้าวปายาส 



หมู่อริยเจ้าเหล่านี้เข้าห้องแก้ว
 สำเร็จสีหไสยาบนที่นอนอันควรค่ามาก 
ดังไกรสรีนอนในถ้ำที่อยู่ 
รู้สึกตัว ลุกขึ้นนั่งคู้บัลลังก์บนที่นอน 

เป็นผู้เพียบพร้อมด้วยความยินดีในฌานอัน 
เป็นโคจรของพุทธเจ้าทุกพระองค์ บางพวกแสดงธรรม 

บางพวกเข้าฌาน ด้วยฤทธิ์ 
บางพวกเข้าอัปปนาฌาน 
และบางพวกอบรมอภิญญาวสี 



บาง พวกแผลงฤทธิ์ คนเดียวเป็นได้หลายร้อยหลายพัน 
แม้พระพุทธเจ้าก็ถาม ปัญหาอันเป็นอารมณ์ 

คือ วิสัยของพระสัพพัญญูกะพระพุทธเจ้า 
ท่าน เหล่านั้น 
ย่อมตรัสรู้เหตุอันละเอียดลึกซึ้งด้วยพระปัญญา 

พระสาวกทูล ถามพระพุทธเจ้า 
พระพุทธเจ้าตรัสถามพระสาวก 
ท่านเหล่านั้นถามกัน และกัน 
และพยากรณ์กันและกัน 



พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า 
และพระสาวกต่างเป็นศิษย์ 

ท่านเหล่านั้นรื่นรมย์อยู่ด้วยความยินดีอย่างนี้ 
อภิรมย์อยู่ในปราสาทของเรา ฉัตรและฉัตรซ้อน 
มีรัศมีดังไม้ไผ่แก้วตั้งไว้ 

ทุกๆ องค์ทรงไว้ซึ่งฉัตรอันห้อยย้อยด้วยตาข่ายทอง 
ขจิตด้วยตาข่ายเงิน วงรอบด้วยตาข่ายมุกดา 

บนเศียรมีเพดานผ้า แวววาวด้วยดาวทอง งดงาม 
ดาดาษด้วยพวงมาลัยทุกๆ องค์ 
ทรงไว้รอบๆ 

ฉัตรดาดาษด้วยพวงมาลัย 
งามด้วยพวงดอกไม้หอม 
เกลื่อนด้วยพวงผ้า ประดับด้วยพวงแก้ว
เกลื่อนกลาดด้วยดอกไม้ งดงามยิ่งนัก 

รมด้วยของหอมน่าพอใจ ทำด้วย ของหอมยาวห้านิ้ว 
มุงด้วยเครื่องมุงทอง ในสี่ทิศแห่งปราสาท 



มีสระ อันดาดาษด้วยปทุมและอุบล 
หอมตระหลบด้วยเกสรดอกปทุม 
ปรากฏ ดังสีทองคำ 

โดยรอบปราสาท 
มีต้นไม้ทุกชนิด ดอกบานสะพรั่ง
 และ ดอกไม้หล่นลงเอง เรี่ยรายอยู่ยังปราสาท 


ใกล้ๆ ปราสาทนั้นมีฝูงนกยูง รำแพนหาง 
ฝูงหงส์ทิพย์ส่งเสียง ฝูงนกการวิกขับขาน 
หมู่นกร้องอยู่ โดยรอบปราสาท 

เสียงกลองเภรีทุกอย่างจงเป็นไป
 เสียงพิณทุกชนิดจง ดีด 
เสียงสังคีตทุกอย่างจงขับขาน 
โดยรอบปราสาท 

ขอบัลลังก์ทองใหญ่ สมบูรณ์ด้วยรัศมี ไม่มีช่อง
ประดับด้วยแก้ว จงตั้งอยู่ ในกำหนดพุทธเขต 



และในหมื่นจักรวาล ขอต้นไม้ประจำทวีป
จงรุ่งเรือง เป็นไม้สว่างไสว เช่นเดียวกัน 
สืบต่อกันไปตั้งหมื่นต้น 

หญิงเต้นรำ หญิงขับร้อง จงเต้นรำ ขับร้อง 
หมู่นางอัปสรผู้มีอวัยวะต่างๆ กัน 
จงปรากฏ (ฟ้อน) อยู่โดย รอบปราสาท

เราให้ชักธงทุกชนิดมีห้าสีงามวิจิตร
ขึ้นอยู่บนยอดไม้ ยอด ภูเขา และบนยอดสิเนรุ 



หมู่ชน ฝูงนาค คนธรรพ์
และเทวดาทุกท่าน นั้น 

จงมาประนมหัตถ์นมัสการเรา 
แวดล้อมปราสาทอยู่ 

กุศลกรรมอย่าง ใดอย่างหนึ่ง เ
ป็นกิริยาที่เราพึงทำด้วยกาย วาจา และใจ 
กุศลกรรมนั้นเรา ทำแล้วไปในไตรทศ 
สัตว์เหล่าใดมีสัญญา 
และสัตว์เหล่าใดไม่มีสัญญา มีอยู่ 



ขอสัตว์ทั้งหมดนั้น
จงเป็นผู้มีส่วนแห่งผลบุญ 

ที่เราทำแล้ว สัตว์ เหล่าใดทราบบุญที่เราทำแล้ว 
เราให้ผลบุญแก่สัตว์เหล่านั้น บรรดาสัตว์ เหล่านั้น 



สัตว์เหล่าใดไม่รู้ 

ขอทวยเทพจงไปบอกแก่สัตว์เหล่านั้น 
ปวง สัตว์ในโลกผู้อาศัยอาหารเป็นอยู่ทุกจำพวก 

ขอจงได้อาหารอันพึงใจ ด้วย ใจของเรา
เรามีใจเลื่อมใสในทานที่เราให้แล้ว
ด้วยใจอันผ่องใส 

เราบูชา พระสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์แล้ว 
บูชาแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย 



เพราะกุศลกรรมที่เราทำดีแล้วนั้น
และ...
เพราะความปรารถนาแห่งใจ

เราละ กายมนุษย์แล้ว 
ได้ไปยังดาวดึงส์พิภพ 
เราย่อมรู้ทั่วความเป็นเทวดา
และ 
มนุษย์ในสองภพ ย่อมไม่รู้จักคติอื่น



นี้เป็นผลแห่งความปรารถนาด้วยใจ
เราเป็นใหญ่กว่าเทวดา เป็นใหญ่กว่ามนุษย์ 

เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยรูปลักษณะ ไม่มีใครเสมอเราด้วยปัญญา 
โภชนะต่างๆ อย่างประเสริฐ และรัตนะ มากมาย 
ผ้าต่างชนิด ย่อมจากฟ้ามาหาเราพลัน 



เราชี้มือไปในที่ใด คือ ที่แผ่นดิน ภูเขา บนอากาศ 
ในน้ำและในป่า อาหารทิพย์ย่อมมาหาเรา เอง 

เราชี้มือไปในที่ใด คือ ที่แผ่นดิน ภูเขา บนอากาศ ในน้ำ
และ ในป่า รัตนะทุกอย่างย่อมมาหาเรา



 เราชี้มือไปในที่ใด คือ ที่แผ่นดิน ภูเขา บนอากาศ ในน้ำ
และในป่า ของหอมทุกชนิดย่อมมาหาเราเอง 

เราชี้มือไปในที่ใด คือที่แผ่นดิน ภูเขา บนอากาศ ในน้ำ
และในป่า ยวดยานทุกอย่างย่อมมาหาเรา 



เราชี้มือไปในที่ใด คือ ที่แผ่นดิน ภูเขา บนอากาศ ในน้ำ
และในป่า ดอกไม้ทุกชนิดย่อมมาหาเรา 

เราชี้มือไปใน ที่ใด คือ ที่แผ่นดิน ภูเขา บนอากาศ ในน้ำ
และในป่า เครื่องประดับ ย่อมมาหาเรา 



เราชี้มือไปในที่ใด คือ ที่แผ่นดิน ภูเขา บนอากาศ ในน้ำ
และในป่า ปวงนางกัญญาย่อมมาหาเรา 

เราชี้มือไปในที่ใด คือ ที่ แผ่นดิน ภูเขา บนอากาศ ในน้ำ
และในป่า น้ำผึ้งและน้ำตาลกรวด ย่อมมาหาเรา

 เราชี้มือไปในที่ใด คือ ที่แผ่นดิน ภูเขา บนอากาศ ใน น้ำ
และในป่า ของเคี้ยวทุกอย่างย่อมมาหาเรา 



เราได้ให้ทานอันประเสริฐ นั้นในคนไม่มีทรัพย์ 
คนเดินทางไกล ยาจก 
และคนเดินทางเปลี่ยว 

เพื่อต้องการบรรลุสัมโพธิญาณอันประเสริฐ 
เรายังภูเขาหินให้บันลืออยู่ ยังเขาอันแน่นหนา
ให้กระหึ่มอยู่ ยังมนุษยโลก 
พร้อมทั้งเทวโลกให้ร่าเริง อยู่ 

จะเป็นพระพุทธเจ้าในโลก ทิศ ๑๐ 
มีอยู่ในโลก ที่สุดไม่มีแก่บุคคล ผู้ไปอยู่ ก็ในทิศาภาคนั้น 
พุทธเขตนับไม่ได้ 



รัศมีของเราปรากฏเปล่ง ออกเป็นคู่ๆ ข่าย (หมู่,คู่) 

รัศมีมีอยู่ในระหว่างนี้ 
เราเป็นผู้มีแสง สว่างมาก 

ปวงชนในโลกธาตุประมาณเท่านี้จงเห็นเรา 
จงมีใจยินดีทั้ง หมดเทียว 
จงประพฤติตามเราทั้งหมด



 เราตีกลองอมฤต มีเสียงบันลือ ไพเราะสละสลวย 
ปวงชนในระหว่างนี้ จงได้ยินเสียงอันไพเราะของเรา

 เมื่อฝนคือธรรมเทศนาตกลง 
ปวงชนจงเป็นผู้ไม่มีอาสวะ บรรดาชน เหล่านั้น 
สัตว์ผู้เกิดสุดท้ายภายหลัง จงเป็นพระโสดาบัน



 เราให้ทานที่ ควรให้แล้ว 
บำเพ็ญศีลโดยไม่เหลือ 
ถึงที่สุดเนกขัมมบารมีแล้ว พึงได้ 

บรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม เราเรียนถามบัณฑิตแล้ว 
ทำความเพียรอย่าง สูงสุด ถึงที่สุดขันติบารมีแล้ว 
พึงได้บรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม 



เรา กระทำอธิษฐานจิตมั่นคงแล้ว 
บำเพ็ญสัจจบารมีถึงที่สุด เมตตาบารมีแล้ว 

พึงได้บรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม 
เราเป็นผู้มีใจเสมอในอารมณ์ทั้งปวง 

คือ ในลาภ ความเสื่อมลาภ สุข ทุกข์ สรรเสริญ และนินทา 
พึง ได้บรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม 



ท่านทั้งหลายเห็นความเกียจคร้านโดยเป็น ภัย
และ
เห็นความเพียรโดยความเกษมแล้ว 
จงปรารภความเพียร นี้เป็น อนุศาสนีของพระพุทธเจ้า 



ท่านทั้งหลายเห็นความวิวาทโดยเป็นภัย
และ 
เห็นความไม่วิวาทโดยเกษมแล้ว 
จงสมัครสมานกัน กล่าววาจาอ่อนหวาน แก่กัน 
นี้เป็นอนุศาสนีของพระพุทธเจ้า 



ท่านทั้งหลายเห็นความประมาท โดยเป็นภัย
และ
เห็นความประมาทโดยเกษมแล้ว 
จงอบรมอัฏฐังคิกมรรค นี้
เป็นอนุศาสนีของพระพุทธเจ้า 

พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลาย 
มาประชุมกันอยู่มาก ทุกประการ 

ท่านทั้งหลายจงกราบไหว้นมัสการพระ- สัมพุทธเจ้า 
และพระอรหันต์ทั้งหลาย ด้วยประการฉะนี้



 พระพุทธเจ้า (และ) ธรรมของพระพุทธเจ้า 
ใครๆ ไม่อาจคิดได้ เมื่อบุคคลเลื่อมใสใน พระพุทธเจ้า
และพระธรรม อันใครๆ ไม่อาจคิดได้ 
ย่อมมีผลอันใครๆ คิดไม่ได้. 



ทราบว่า เมื่อพระผู้มีพระภาคจะทรงให้ท่านพระอานนท์รู้
พระพุทธจิตของพระองค์ 
จึง ได้ตรัสธรรมบรรทายชื่อพุทธาปนิยะ ด้วยประการฉะนี้.
 พุทธาปทานจบบริบูรณ์.
 ------------- 
...............
................




.และนี่คือ..
สิ่งที่ดวงพลีดวงจิตสถิตตรารำลึกไว้

ดวงได้แต่ก้มลงกราบกรานพระพุทธไสยาสน์ นานนิ่ง
ด้วยพลังศรัทธาปิติเกษมที่พร่างอยู่ณ..ภายใน

ทุกอณูจิตดวงชีวิตนิดน้อยนี้
ที่เปรียบประดุจดั่งธุลีหล้า


หวังเพียงเพียร  ตามรอยพระบาทแห่งพระบรมศาสดา 
ตราบจนกว่าจะสิ้นลมหายใจสุดท้าย...


ณ..วันนี้ 

ดวงมองสายน้ำนิรันดร์
ราวสุขนิรันดร์ที่มาปันพลี

ให้ดวงชีวีดวงจิตแสนใสฉ่ำเย็น 
และ..
ดวงได้มอบพลีดวงชีวิตลอยร่างใจ
ฝากไว้ในกระแสธารธรรม

อันคืองามล้ำใส
ที่จักพาจิตไสวจนกว่าจะพบพาน
พระนิพพาน ที่หวังเพียร..ไม่ว่าจะสักกี่ภพชาติ 


จิตก็จักจะตั้งมั่นหมายมาดไว้ในมโนอันแจ่มกระจ่าง
ราวเส้นทางสีขาว ราวธารธรรมนิรันดร์ 

ราวเทียนทองอันล้ำค่าที่จักส่องสว่างนำทางไป
แม้นจะไกลสักแสนชาติ

ก็จะมิท้อ...มิรอลา

มิปรารถนาใดในโลกหล้ามากไปกว่านี้แล้ว..!!!!!
...................
............................



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song72.html
หนึ่งในร้อย 
นิตยา บุญสูงเนิน 
พราว แพรว อันดวงแก้วแวว-วาว
สด สี งาม หลายหลากมากนาม นิยม
นิล-กาฬ มุกดา บุษรา คัมคม 
น่า ชม ว่างาม เหมาะสม ดี
เพชรน้ำหนึ่ง งามซึ้ง จึงเป็น ยอดมณี
ผ่อง แผ้วสดสีเพชรดี มีหนึ่งในร้อยดวง
ความ ดี คนเรานี่ ดีใด 
ดี น้ำ ใจที่ให้แก่คน ทั้งปวง
อภัย รู้แต่ให้ไปไม่หวง
เจ็บ ทรวง หน่วงใจให้รู้ ทัน
รู้ กลืน กล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน
ชื่น ชอบตอบ ผล ร้อยคน มีหนึ่งเท่านั้นเอย

รู้ กลืนกล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน
ชื่น ชอบตอบผล ร้อยคน มีหนึ่ง เท่านั้นเอง... 
 


				
4 พฤษภาคม 2548 16:59 น.

เจ้าช่อการะเกด!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song45.html
(บุพเพสันนิวาส)
.................



ผมชื่อกานต์ครับ
กานต์...ที่แปลความได้ว่า*ที่รักนะรัก*นั่นละครับ
และ..
แม้นชื่อผมจะสะกดตรงกันกับชื่อของพระเอก
*เรื่องเขาชื่อกานต์ ของคุณสุวรรณี  สุคนธา ก็ตามที


หาก..
ผมก็มิใช่พระเอก..
ที่มีอาชีพเป็นหมออย่างหมอกานต์
และ
ที่มีภรรยาแสนงาม
รับบทนางเอกสมองเสื่อมจำความไม่ได้อยู่พักนึง
ที่มีนามว่าหฤทัย..หฤทัย..
ยอดดวงใจของหมอกานต์ผู้แสนดีมีอุดมการณ์อุดมคติ



ที่เป็นนวนิยายสะท้อนสังคมไทยในสมัยหนึ่งได้เป็นอย่างดี
ที่จบได้อย่างโศกสะเทือน 

เพราะหมอกานต์ตายด้วยถูกคนร้ายลอบยิง
ที่วิ่งไปชนระบบการคอร์รัปชั่นจนถูกปองหมายถึงชีวิต
ให้ปลิดปลิวไปในท่ามกลางสายฝนที่ร่ำไห้...เพียงลำพัง..



และ..
หากให้เลือกในนาทีนี้ 
วันที่ผมพบเธอ คนแสนดียอดอิสตรีที่แสนงามเช่นเดียวกัน
ผมขอเลือกนามนี้ครับ... *การะเกด *การะเกด.
ให้มารับบท.เป็นนางเอกในชีวิตจริง
ที่ยิ่งกว่านวนิยายหลายร้อยตอนจบของชีวีชีวิตผมเสียอีกนะครับ

ที่ผม...*คนรักบทกวี.*คนกวี
คนที่มีเสียงดนตรีไพรคอยบรรเลงในหัวใจ



คนที่กำลังกลับมาอ่านบทรำพึงรำพันจากนิราศนรินทร์
ที่แสนงามเป็นยิ่งนักและยิ่งแสนซึ้งซ่านใจประทับใจ
กับงามคำที่รจนากล่าวขานไข
ถึงความงามพิไลล้ำของดวงดอกไม้ชื่อการะเกด การะเกด

ทันทีที่ผมพลันได้ทำความรู้จัก
และคิดว่าราวกับหนุ่มน้อยผู้ตกในห้วงรักเหวลึกยามได้พบเธอ พบเธอ
แม่ดวงดอกไม้ไหว ใจงาม นาม การะเกด การะเกด..



.........


ลมลงโลมลาดไม้           กฤษณา
โบกบอกนาสาหา           กลิ่นต้อง
รอยอรร่ำพัสตรา            ตากตรอม ลมฤา
พากลิ่นกลอยมาข้อง      ค่าไม้หอมเหมือน

หวนหอมการะเกดเกลี้ยง   เกล้าผม เจ้าฤา
อินทนิลคือแข่งคม              เนตรแต้ม
นมนางอับอายนม               นุชนาฏ พี่เอย
ปรางเปล่งเปรียบกิ่งแก้ม    อ่อนช้ำคราวชม
 
จำปาจำเปรียบเนื้อ             นางสวรรค์ กูเอย
ศรีสุมาลัยพรรณ                 พิศแท้
ช้องนางคลี่ระสายสรร          สลายเซ่น
คือนุชสนานกายแก้             เกศแก้วกันไร

สาวหยุดหยุดย่างช้า              หวังชัก ชวนแม่
รักใช่รักแรมรัก                    สุดรู้ 
นางแย้มจะยลพักตร์              ฤาพบ พานเลย
ซ่อนกลิ่นกลอยซ่อนชู้             ชื่อช้ำใจถวิล

ขานางพิศภาคแพ้                   พิมพ์เพลา นุชนา
กลกล่อมสองปลีเยาว์               ยาตรเยื้อง
เล็บนางเล็บนุชเบา                 บอกคั่ง พี่ฤา
หลงปัดเล็บนางเปลื้อง             ปลาบเนื้อเรียมขนาง

พะยอมคิดเยาวแม่แย้ม          ยินดี
สีเสียดคือทรวงสี                     เสียดซ้อน
ชิงชันเฉกในที                       เชิงเกี่ยว กายแม่
หว้าดั่งวอนนางค้อน                เคียดแกล้งเป็นกล



เพราะนามนี้นั้น
สำคัญฉะนี้กับหัวใจดวงดีดวงเหว่ว้าดายเดียว
ที่ผมใช้ชีวิตเปลี่ยวเหงามานานปี
อิสตรี ที่ผมเพียรรอพบมาแสนนานราวค้นหาอัญมณีไพร

มิใช่อัญมณีเมือง..
ที่มีที่มาที่ไปดังที่ผมกำลังจะเล่าให้ฟังถึง..*เธอคนดี*
ที่นะบัดนี้
มาสถิตในหอมห้วงแห่งดวงใจผมเป็นที่เรียบร้อยแล้วละครับ..นะครับ..
.........
.............



ในยามโพล้เพล้วันหนึ่ง
ผมบึ่งรถอกมานอกเมือง แถวชานเมือง..
ที่มีร้านเรือนไม้ริมชายชลริมคลองนครไชยศรี

ที่ทุกครา ผมชอบมานั่งดูบรรยากาศสวนริมคลอง
ที่ยังมีท้องร้องและแน่นขนัดไปด้วยผลหมากรากไม้
ให้หัวใจผมได้บรรยากาศดิบดินเดิมเดิม 

เพื่อเติมพลังไฟฝันแห่งความสดชื่นระรื่นรมย์
นำมาบ่มหอมออกเป็นงานวางพลี 
ที่ผม*คือคนกวีผู้รักรจนางานเกี่ยวกับธรรมะ ธรรมชาติ*



ผม..จอดรถไว้..
แล้วค่อยๆเดินพาตัวเองเสพสุนทรีย์

ยามที่...ตะวันกำลังคล้อยดวง...
เหนือห้วงน้ำ ที่ให้งามแผกไปอีกแบบหนึ่ง..
และ
แปลกดี...ที่ผมชอบเดินทอดน่อง ชมนกชมไม้ริมชายชลริมชายสวน



เพราะผมคิดว่าการเ ดินทอดน่องนี่
ให้ความรู้สึกแสนดีก็ตรงที่
ราวทำให้ร่างและดวงใจเราราวได้หยุดผ่อนพักสงบนิ่ง
ฝึกการรำลึกรู้จับความเคลื่อนไหว
และได้ออกกำลังกายไปด้วย

และ
ทุกก้าวย่างที่เนิบช้า..
คือลีลาแห่งการจงกรม แบบที่ให้คุณค่าทบทวีคูณเลยทีเดียว



ยามนี้ ผมจึงจอดรถห่างจากร้าน
ที่ผมชอบมาเสพบรรยากาศ
มากกว่า ที่จะมาฝากท้องเป็นหลัก
แค่มาพักพิงอิงไพรอิงใจ
มาฟังเสียงไหวครวญของสายน้ำนิรันดร์เพียงนั้นให้ฝันดี



ให้ผมได้พาตัวเองมาเดินลอดใต้กิ่งแดงสะพรั่งแห่งดงหางนกยูง
ที่กำลังฟ้อนดอกออกเริงร่ายระบำ
รับสายแสงสีทองและสายลมในยามค่ำแห่งคิมหันตฤดูไปทั่วทุกทิศทาง
ที่ให้งามสล้างกระจ่างไสวชัดในเรียวตาเสียเหลือเกิน



เสมือนผมกำลังเดินเพลิน....
บนพรมลายดอกไม้ดวงดอกแดงเด่นประดับพื้นหญ้าสีเขียวขจี
ที่งามฉับตัดฉึบราวกับมีมนตราลึกลับแห่งธรรมชาติ
มาสาดสีใส่ที่ยากยิ่งที่ใครจะคิดค้นเลียนแบบ
ทั้งแจกทั้งแถมให้สีสันงามฟรีไสวได้ปานฉะนี้..



และ
ด้วยมนตราราวภาพฝันแห่งตะวันลา
กับเวทีฟ้าเล่นแสงสีเรียวรุ้งราวประทานพรในฉากนี้

ทำให้ผมได้เดินดงหลงชมพงไพร
จนล่วงรุกล้ำเข้ามาในเขตเรือนไทย



ที่มีแนวรั้วไม้กั้นไว้
และกับป้ายแกะสลักเหนือบานประตูไม้สักทอง..เสากลมต้นใหญ่
ที่แหงนเงยขึ้นไปอ่านได้ใจความว่า 
*เรือนการะเกด*

การะเกด..การะเกด 
เพราะชื่องามดั่งนี้
ที่พาให้หัวใจคนกวีอย่างผมราวต้องเวทย์มนต์ชั่ววูบไหว...
จนหัวใจกระเจิงกระจุยราวไร้การควบคุม


และ...
จำต้องพาให้ผมค่อยๆลัดเลาะพาร่างราวผู้บุกรุก
เข้ามาในอาณาจักรวิมานดินวิมานไพร
ที่ราวย้อนยุคไปในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ประมาณนั้นเลย

ค่าที่เรือนไทยงามเกินคำเปรียบเปรย
และแวดล้อมด้วยดวงดอกไม้ไทยแมกไม้ไทย
พันธุ์แปลกตาหายากเป็นยิ่งนักในสมัยนี้



เพื่อ..ให้ผมได้มาพบเธอ..เธอ..คนดีที่แสนงามนี่ไงเล่า
ที่นะบัดนี้มายืนตรงหน้าทำตาดุใส่ผม
ผู้หญิงร่างบอบบางหากวงหน้าเรียวงามสล้างอย่างไทย
ที่ช่างแสนน่าทะนุถนอม...



เธอที่..ยิงคำถามใส่ผมมาเป็นชุด
ที่ช่างสะดุดใจเพราะไม่รับกับร่างอรชร
ในชุดผ้าถุงทอมืองามเรียบง่ายเชิงชายสีดอกผักตบม่วงละมุน
และ...
ที่หอมกรุ่นมาถึงจมูกผมคือ กลิ่นดอกการะเกดแน่ๆเลย
ที่มัดมุ่นมวยผมเธอเอาไว้
ให้กระจายหอมรายรอบและล้อมกรอบหน้าเธอละมุน



เธอ..ถามว่า*ผมจะไปไหน*
และ..
ทำไมถึง..มาถึงนี่และมีอีกหลายคำถาม..

หาก!!!
ไม่ถูกปรามด้วยเสียงคุณย่า...หญิงชราใจดีมีเมตตา
ที่กรุณาเชิญผมไปนั่งพักใต้ถุนเรือนริมน้ำ..



ก่อนที่จะตามมาด้วยน้ำดื่มลอยมะลิหอมในขันเงินใบน้อย
ที่วะวาววับ..
ทำให้มองปราดเดียวก็รู้ว่าเจ้าของแสนรักความสะอาด..
และยังมีน้ำใจราวหยาดน้ำค้างแสนงาม
ราวคนไทยโบราณที่*ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ*



ผม..เลยได้รับฟังความงามใจจากวิถีไทยวิถีพุทธ
วิถีชาวชนบทที่แสนสงบสุขมาอย่างเนิ่นนานในละแวกนี้
ที่ผ่านกาลเวลามาหลายรัชสมัย..



ที่คุณย่าผู้แสนใจดีอารีมีเมตตาได้กรุณาเล่าให้ฟัง
และ..
ที่ผมเพียรนิ่งตั้งใจฟังอย่างมาก
ขอสารภาพได้เลยว่า..เพราะ..
ความอยากรู้และอยากเห็น
และ..อยากรู้ความเป็นไป
ของนามนวลน้อง..นวลนาง...นามว่าการะเกด..การะเกด
นี่อย่างไรคือแรงฝันบันดาลใจ..



คุณย่าเล่าหลายอย่าง
ทันทีที่ทราบว่าผมรักความเป็นไทย
มีหัวใจเกินร้อย
ที่จะอนุรักษ์ทุกสิ่งที่แสนดีแสนงามที่ยังให้งามละเมียดละมุน
และกรุ่นด้วยคำว่าประเพณีวัฒนธรรมอันยังงามล้นค่า
ด้วยท่าทีที่ผมเองแสนอ่อนน้อมถ่อมตน



จึงเป็นที่มา
ให้ผมได้ทราบที่มา
แห่งนามนวลน้องนามการะเกดการะเกดไปด้วย

ที่ผมอยากเสกให้เธอ
ที่นั่งพับเพียบได้เดินเกี่ยวก้อยชี้ชวนให้ผมชม
ทุกสรรพสิ่ง ที่นิ่งเงียบงามรายรอบบ้านเรือนไทย
ให้ผมประกอบการรับฟังถึงเรื่องราวหนหลัง


ที่ผมแสนโชคดีได้มาเกี่ยวพันโดยบังเอิญ
ฤาว่าพระพรหมสรรสวรรค์แกล้งก็ยังมิอาจคาดเดา

เอาเป็นว่าผมได้รู้ถึงที่มาที่ไป
แห่งนามนางในดวงใจนางในฝันราวรักแรกพบ
ก็คงจะเริ่มต้นไม่เลวนักดอกนะครับ
........
.........



คุณย่าเริ่มเล่าถึงเรือนไทยแสนงาม
และที่มา...
ในขณะที่เธอนั่งพับเพียบได้เรียบร้อยรออยู่มิไกล
และคอยทำตาดุใส่ผมเป็นระยะ ระยะ
เมื่อเห็นผมทำท่าซักถามในบางเรื่องมากเกินไปที่เกี่ยวข้องกับชีวิตเธอ
ที่แสนแปลกดี ...




ที่ผมเพียรบันทึกตราจำไว้ในซอกลึกถึงบึ้งใจ
ในความทรงจำที่แสนงามล้ำ
ได้อย่างแม่นยำมาจนถึงนาทีนี้
และ..
โดยเฉพาะทุกเรื่องราวที่เกี่ยวกับความเป็น..*เธอ*
อิสสตรี...
ที่ผมหลงละเมอรอมาแสนนานราวชั่วกาลกัปป์กัลป์..!!!



อิสสตรีที่นาทีนี้..
ผมอยากคุกเข่าลงพลีภักดิ์สารภาพรัก
อย่างมิพักรอรีแม้นสักนาทีเดียวให้เสียเวลา



มาสิมามาฟังความเป็นเธอที่เลิศเลอล้ำ
ด้วยการได้รับการอบร่ำพร่ำบ่มให้คงค่าคำงามล้ำ

*อย่างหยาดน้ำค้างกลางไพรบนใบบัวในยามอรุณรุ่ง..
ที่รุ่งใสราว.*กุลสตรีไทย*โบราณ



จากคุณย่าผู้มิจิตไสววิสัยทัศน์แจ่มกระจ่าง
อย่างที่คุณเองก็คงเห็นด้วย 
หากผมจะเทิดทูนเธอและรักเธอ
เสมอเกียรติ์ศักดิรักจริงแท้อย่างลูกผู้ชาย

..........
และนี่คือ..ที่มา..จากน้ำคำคุณย่า...ผู้แสนน่ารักนัก
.....
......




เพราะ...บรรพบุรุษของเรา
ที่รักนิยามความงามแบบไทยไทย
ผู้มีใจดวงทองดวงพุทธ์ดวงพิสุทธิ์งาม
อยากหยุดโลกโศกสุขที่แสนหมุนเร็ว
ให้ยังคงมีค่าความงามล้ำคำกุลสตรีไทยใจดวงนวลนวล


ให้ช่วยกันคอยค่อยประคองรู้รักษ์
วัฒนธรรมแห่งชาติไทยประเพณีไทยให้ยังธำรงคงมั่น
สืบสานต่อไปในทุกวิถีพุทธภูมิสุวรรณภูมิแห่งอุษาอาคเณย์
อันแสนน่าปิติภาคภูมิใจในงามแสนงาม
แสนมลังเมืองประเทืองประทับใจไปทั่วโลกแล้ว..!!!



ครอบครัวการะเกด
จึงยังคงมีใจดวงละมุนละไมรักดวงดอกไม้ไทยไหวกิ่งฝัน
รักแมกไม้นานาพรรณแทบทุกชนิด
และ...
ในรอบหลายสิบปีหลายชั่วอายุคนมาแล้ว



ที่ยังคงมุ่งมั่น
ยังคงอนุรักษ์ทุกวัฒนธรรมประเพณีที่แสนละเมียดเอาไว้
รวมทั้งเรือนไทยแมกไม้เรือกสวนไร่นา

ที่คิดว่าคือวิถีทางอมตะงามแสนงาม
ตราบชั่วดินฟ้าตราบนานเนานิรันดร์

มิหันเหไปจากระบอบประกอบการเกษตรกรรม
ที่จะยังคงต้องทำกินมีกินทุกถิ่นที่ทั่วไทยทุกผอง
หากยังมีท้องร้องหิว..ใช่กินวัตถุมากมีในโลกแสงสีศิวิไลซ์ได้เสียที่ไหน



ให้อนุชนคนไทยรุ่นหลัง
ยังได้คงรู้ค่างามแห่งพลังความงามเรียบง่าย
ที่ใช้ชีวีอยู่บนพื้นฐานแห่งความพอดีพอเพียงเลี่ยงความวายวุ่น
รู้คุณค่าความเงียบงามสงบสุขสมถะที่คือพาให้
มิเบียดเบียนรุกเร้า



รู้ใช้เพียงธรรมชาติเป็นที่พึ่งพิงพึ่งพา
ได้มีดวงวิญญาราวหัวใจเจ้าดวงดอกไม้ไทยที่ราวกับอัญมณีไพรแห่ง
ผืนดินถิ่นทองให้ปองฝันพบยอดพระรัตนตรัย
ให้สร้างจิตดวงสวยใสสงบงาม
เพื่อฝึกเพียรพร่ำภาวนาพบพระธรรมอันแสนเรืองรองผ่องผุดพิสุทธิพราย



และ
นี่คือที่มา..แห่งร่มไม้ชายคาแห่งรักที่

รายรอบเรือนไทยยังคงมีแต่ต้นไม้..
ดวงดอกไม้ที่แสนหวานแฉล้มแต้มสวยสดสะพรั่งไปทุกที่

จนราวกับว่า..
การะเกดคนดี..เกิดมาก็มีมิ่งมิตรที่แสนดีตั้งแต่ยามเยาว์
นั่นคือแมกไม้ และสายน้ำนครไชยศรี
ที่ไหลรี่ไหลรี่ ไหลวนกล่อมกมลให้แสนรักธรรมชาติเสียเหลือเกิน



การะเกด ....
ได้เรียนรู้ชื่อต้นไม้ไทยหอมงามแปลกที่จดจำได้จนขึ้นใจ
เพราะมีตัวอย่างให้เห็นในทุกพัฒนาการ 
ราวเติบใหญ่มาพร้อมกัน



ที่ทุกคืนฝันวันงาม 
*การะเกด*ได้เดินดอมดมชมเพลินและสังเกตดู
มีซ่อนกลิ่น  พลับพลึง  กระดังงา 
ที่แยกไปเป็นกระดังงาไทย กระดังงาใหญ่ สะบันงา สะบันงาต้น
การะเวก จำปูน นมแมว บุหงา ลำดวน สายหยุด กุมาริกา ชำมะนาด
บานบุรีหอม พญาสัตตบรรณ พุดจีบ พุดฝรั่ง โมก ยี่โถ
ลั่นทม หิรัญญิการ์ จอก เดหลี ขจรชะลุดช้างนมตำเรีย



ปีบ ชงโค แสลงพัน โศก สายน้ำผึ้ง 
อุณากรรณ เล็บมือนาง
ลดาวัลย์ แสงจันทร์นวล เสาวคนธ์ จันทร์กะพ้อ 
พะยอม กาหลงบุนนาค
สารภี กัลปพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ ตันหยง 
เถาวัลย์เปรียงปริกกันเกรา ราชาวดี



เทียนกิ่ง จำปา จำปี  มณฑา ยี่หุบ มโนราห์ ประยงค์ กระถินวิมาน
สนสร้อยบานเย็น นิลุบล สิธาสิโนบล มะลิวัลย์ 
พุทธชาติ  กล้วยไม้ หมาก ลำเจียก ประดู่
เสาวรส พวงแก้วกุดั่น พวงแก้วมณี 
กุหลาบ กาแฟ เข็มหอม เขี้ยวกระแต คัดเค้า
พุด พุดซ้อน พุทธชาติสามสี 
แก้ว พิกุล แวววิเชียร ราตรี กฤษณา สายน้ำผึ้งนางแย้มมหาหงษ์




และ..นี่เพียงเท่าที่...การะเกดจำได้
เพราะจะไม่มีวันลืมไม่ว่ายามตื่นหรือยามหลับ

ราวกับว่าทุกดวงดอกได้
มาร่ายฟ้อนมาฝากซ่อนกลิ่นอันแสนหอมหวาน
เศร้า อย่างอ่อนโยน..มาปลอบประโลม
ใจดวงน้อยเสมอมา



จนเสมือนเธอจะมีนาสิกที่แยกกลิ่นได้ไว 
จนรู้ว่ากลิ่นใดมาจากดวงดอกใดในพสุธานี้
ที่เพราะเหตุนี้เธอ จึงมีอารมณ์สุนทรีย์
ชอบนำดอกไม้หอมมาทำถุงหอมห้อยไว้ในตู้เสื้อผ้าและ
คอยคิดประดิดประดอย คอยปรุงน้ำหอมจากพันธุ์ไม้นานาและ




การะเกดจึงเลือกสาขาเรียนเกี่ยวกับพันธุ์ไม้พฤกษศาสตร์
ที่การะเกดอยากเรียนรู้และมีประสบการณ์
ในเรื่องสมุนไพรไทย
ที่สามารถนำมาใช้เป็นยานับพันนับหมื่นชนิด 



และ...
อยากให้มีการค้นคว้านำมาใช้ในชีวิต ของคนไทย
การะเกด ...
จึงได้เพียรปลูกพืชผักและสมุนไพรในเนื้อที่รอบๆ รั้วบ้าน
ให้สมกับค่ำคำของคนไทยมาตั้งแต่อดีต 
ดังคำเปรียบเปรยว่า คืบก็ยา ศอกก็ยาและอาหาร 


รอบรั้วเรือนการะเกด
จึงมีทั้งสมุนไพรที่เป็นทั้งอาหารและยา 
เช่น ผักเครื่องจิ้มทั้งหลาย เครื่องแกง ขิง ข่า ตะไคร้ 
ใบมะกรูด มะนาว โหระพา กะเพรา ยี่หร่า ผักชี 
ปลูกไว้รอบรั้วบ้าน เมื่อจะใช้ปรุงอาหาร
ก็สามารถเก็บมาปรุงได้ตลอดเวลา 
โดยไม่ต้องไปหาในป่าอีกต่อไป 

เพราะ..
การะเกดแสนภูมิใจในภูมิปัญญาของไทย
เธอจึงขยันปลูก 
ผักพื้นบ้าน ผักริมรั้ว 
ที่ล้วนแล้วแต่มากมีคุณค่าทางอาหาร 
เช่น กระถินมีโปรตีนสูง ตำลึงมีวิตามินเอสูง 
นอกจากนี้ยังมีผักอีกหลายชนิดที่มีคุณค่าทางอาหาร
และโปรตีนสูงกว่าผักที่ขายในท้องตลาด 

เป็นภูมิปัญญาที่น่ายกย่องในการเลือกผักเป็นอาหาร 


และ
จากการค้นคว้าศึกษา
เธอจึงทราบว่า
ผักที่นิยมใช้รับประทานบ่อยๆ 
สามารถปลูกไว้รอบบ้านได้นั้นมีมากถึง 67 ชนิด 
เช่น กล้วย ถั่วฝักยาว กะทือ ถั่วพู กระเจี๊ยบมอญ 
กระชาย กะเพรา ขมิ้นชัน ข่า ขิง ขี้เหล็ก ช้าพลู เป็นต้น 



ซึ่งหากได้มีการฟื้นฟูกันอย่างจริงจัง
เพื่อหารูปแบบการปลูกให้เกิดความสวยงาม ไม่รกรุงรัง 
และ..
ได้ประโยชน์ใช้สอย นับว่าเป็นการท้าท้าย
ภูมิปัญญาของคนรุ่นใหม่ ว่าจะสู้บรรพบุรุษได้หรือไม่ 
ในการสร้างสรรความงามให้คู่กับการดำรงไว้ซึ่งคุณประโยชน์



เพราะชีวิตเธอ ..
เกิดมาเพื่อผูกพันกับวิถีวัฒนธรรมธรรมชาติ
สายใยในชีวิตที่เธอซึ้งดีว่าคือพรหมลิขิตสวรรค์บันดาล
ให้ใจดวงงามของเธอสัมผัสถึง
ความงามล้ำลึกที่ตกผลึกภายในจิตวิญญาณของเธอ
ที่เธออยากผสมผสานความรู้ความสามารถ
เพื่ออนุรักษ์ความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้



เพราะความอุดมนี้
คือพื้นฐานของวิถีไทย ภูมิปัญญาไทย
ไม่ว่าจะการสร้างบ้านเรือนไทย 
การแกะสลัก การนุ่งห่ม ด้วยผ้าไหม ฝ้าย การใช้ยาสมุนไพร
 การดัดตน การนั่งสมาธิ
หรืออยู่ภายใต้เงาไม้ร่มไม้
ที่เป็นป่าแบบธรรมชาติ 
การใช้พืชผักใบหญ้ามาปรุงอาหาร...



ก็ด้วยจากความอุดมสมบูรณ์ของป่าและพืชพรรณ
อันเป็นเอกลักษณ์ไทยให้ยิ่งมีรสชาติและสีสัน
เพราะเมืองเรามีวัตถุดิบมากมาย
โดยเฉพาะอาหารและผักพื้นบ้านต่างๆ 



ที่การะเกดคิดว่าจะปล่อยให้สูญพันธุ์ไปได้หรืออย่างไร ในอนาคต
หากจึงมิเพียรปลูกแต่ไม้
ที่ไม่มีคุณค่าหรือเหตุผลในวิถีชีวิต 



หรือปลูกไม้ต่างประเทศซึ่งเน้นเรื่องความสวยงามเท่านั้น
 ที่จะทำให้ไม้พันธุ์พื้นเมืองสูญพันธุ์ไปในที่สุด 

เธอ...คนดีจึงคิดว่าควรหันกลับมาฟื้นฟูรณรงค์ปลูกพันธุ์ไม้พื้นบ้าน
ทุกแง่ทุกมุม เพื่อให้คงอยู่คู่สังคมไทยตลอดไป 



และดวงใจการะเกด 
ถูกอบรมให้หอมร่ำพร่ำด้วยความงาม
คุณย่า สอนให้การะเกดได้เข้าใจว่า

ทำไมเราต้องปลูกต้นไม้รายรอบบ้าน
ทั้ง 8ทิศ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงลัทธิประเพณีความเชื่อเท่านั้น 
แต่ยังมีคุณค่าในการนำมาเป็นอาหารและเป็นยา ด้วย



และ
เป็นการเสริมสร้างขวัญกำลังใจ เป็นประโยชน์
เช่น การปลูกต้นมะยมไว้หน้าบ้าน 
เชื่อว่าจำทำให้คนยกย่อง 

ปลูกต้นยอเชื่อว่าจะทำให้อยู่ในสังคมได้อย่างเป็นสุข 
มีเกียรติมีศักดิ์ศรี มีคนเชิดหน้าชูตา 
ปลูกต้นมะขามเชื่อว่าจะทำให้คนเกรงขาม อยู่ได้อย่างสงบ 



จะเห็นได้ว่าต้นไม้ต่างๆ 
ที่กล่าวมาแล้วนั้นล้วนมีประโยชน์ทั้งเป็นอาหารและยา 
นับว่าการปลูกต้นไม้ตามความเชื่อก็เป็นกุศโลบายอันหนึ่ง
ที่ทำให้คนไทยต้องขยันปลูกต้นไม้ไว้รอบบ้าน 
เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์โดยไม่ต้องเข้าไปหาในป่า
และยังส่งเสริมสุขภาพจิตได้อีกด้วย 
...........
..........



ทุกราตรีที่ดาวระดะดวง
กับปวงต้นไม้หอม ไม้ดอก ไม้ประดับ
ที่งามระยับไหวไกวกิ่งก้าน

ให้การะเกดได้สานฝันปันพลีจิต
และอุทิศชีวิตนิดน้อย
เพื่อคอยศึกษารอท่าเวลาเพียงแค่คืนกลับแก่ผืนดินแม่มาตุภูมิทอง



การะเกด มีความรักศรัทธาและเชื่อมั่นว่า
ว่าวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทย ด้านสิ่งแวดล้อมนั้น
ไม่ใช่เรื่องที่ล้าหลังแต่มีความทันสมัย 
ในขณะที่โลกกำลังร้อนขึ้นทุกวัน 
การดำรงชีวิตติดดินถวิลไพรจึงเป็นเรื่องจำเป็น



การะเกดจึงพลีพลังเป็นวิทยากรพื้นบ้าน
ที่เพียรอยากฝากฝังให้ทุกดวงใจไทไทย
ช่วยกันมีวิสัยทัศน์ใหม่ในดวงจิต
รู้รักต้นไม้ให้มาก รู้ปลูกไม้หลากหลาย
คือปลูกทุกครอบครัว



จะช่วยให้อากาศรอบๆ ตัวในครอบครัว ชุมชน
 และสังคมบริสุทธิ์ โดยเป็นผลมาจากต้นไม้
ช่วยฟอกอากาศให้ 

ปัจจุบันเป็นยุคที่ต้องการอากาศปลอดสารพิษ 
ยังให้ความร่มรื่น ร่มเย็นเป็นร่มเงา
ป้องกันแสงแดด ช่วยส่งเสริมด้านกำลังใจและคติความเชื่อ 
ใช้เป็นอาหาร รวมทั้งเป็นยา 


จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายภูมิปัญญาของคนปัจจุบัน
ว่าจะสามารถต่อเทียนภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไว้ได้หรือไม่
โดยเฉพาะอาหารและผักพื้นบ้านต่างๆ 
จะปล่อยให้สูญพันธุ์ไปหรืออย่างไร 
.........
..........



และ....

นี่คือ...*อิสสตรี**
ที่คือรักคือความยิ่งใหญ่ในดวงใจผม
ผู้ชายคนกวี..ที่หลงรักสายลมแสงแดด ดินน้ำลมไฟ
ที่มิเคยปันใจวิ่งตามโลกศิวิไลซ์ได้เลย



ผม..ผู้ชายชาติไพร
ที่มีจิตดวงใสเชื่อในลิขิตสวรรค์มั่นใจในเรื่องบุพสันนิวาส
ที่ฟ้าเบื้องบนได้ประทานพรมาให้
ทุกบทตอนแห่งมนุษย์ชาติ
มีชีวิตผิดแผกแตกต่างกัน..ไปตามวิบากกรรมวิบากเก่า

หรือเงาแห่งแรงบุญหนุนนำน้อม
เพื่อมาให้พบมาหลอมร่างพลี
ได้มามีชีวีรักกัน..เข้าใจกัน



หากสำหรับผมนั้น..ทุกคืนวันที่เพียรอธิษฐานจิตภาวนา
หากฟ้าเป็นใจขออย่าให้ผมได้พบรักพันธนาเลย..!!!!
และ
หากกรรมเก่ายังมิหมดจำต้องให้ชดใช้



ก็ขอให้ได้เลือกรักภักดีผู้หญิงในฝัน
ที่ผมมีเพียงสิ่งเดียว
คือขอให้เธอคนนั้น

มีพลังรักศรัทธาเชื่อมั่น
ในความงามแบบสมถะรู้ค่าคำความพอดีพอเพียง
และมีธรรมะ รักธรรมชาติ
ในชีวิตดวงน้อยนิดในจิตวิญญาณนี้

ที่แค่มาวางพลี
เพื่อเสพธรรมและปันแบ่งเพื่อผองชนใช่กอบโกย!!!!
.........




นาทีนี้ผมจึง คิดว่าหากผมโชคดีได้มีเธอคนดี
ที่ชื่อ...*การะเกด..การะเกด ..มาพลีร่างวางจิต
มาเป็นคู่ชีวิตมาเคียงข้างมิร้างแรมทางธรรมะ ธรรมชาติ
ผมคงไม่เสียชาติเกิด
ที่จะได้ประคองกันไป..
สู่ร่มรัก...
ร่มพระรัตนตรัย..
ที่เรียกกันว่าคือ*ความสุขนิรันดร์.*.........!!!!!!!!!!!

*********************


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song45.html
บุพเพสันนิวาส 
สุนทราภรณ์ ประพันธ์ สุนทรจามร 
เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด
บุพเพ สันนิวาส ที่ประสาทความรักภิรมย์
คู่ ใคร คู่ เขา รักยังคอย เฝ้าชม
คอยภิรมย์ เรื่อย มา
ขอบน้ำขวางหน้า ขอบฟ้าขวางกั้น
บุพเพยังสรรค์ประสบ ให้ได้สบ พบรักกันได้
ห่าง กัน แค่ ไหน เขาสูงบัง กั้นไว้
รักยังได้ บู ชา
ความ รัก ศักดิ์ ศรี รักไม่มี พรหมแดน
รักไม่มี ศาสนา
แม้น ใคร บุญ ญา ได้ ครอง กันนา
พรหม ลิขิต พาชื่นใจ
รักเหมือนโคถึก ที่คึกพิโรธ
ความรักเช่นนั้นให้โทษ
จะไปโกรธ โทษรักไม่ได้
ไม่ ใช่ บุพ เพ สันนิวาส แน่ไซร้
รักจึงได้ แรม รา

ความ รัก ศักดิ์ ศรี รักไม่มี พรหมแดน
รักไม่มี ศาสนา
แม้น ใคร บุญ ญา ได้ ครอง กัน มา
พรหม ลิขิต พาชื่นใจ
รักเหมือนโคถึก ที่คึกพิโรธ
ความรักเช่นนั้นให้โทษ
จะไปโกรธ โทษรักไม่ได้
ไม่ ใช่ บุพ เพ สันนิวาส แน่ไซร้
รักจึงได้ แรม รา... 
 
  

 


				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด