15 กุมภาพันธ์ 2548 11:46 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=779
(วนาลี)
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=295
(ด้วยแรงแห่งรัก)
................
นอนนิ่งนิ่งแก้มเคลียกิ่งการะเวกไหว
หอมบาดใจดวงเศร้าคราวเย็นย่ำ
เห็นนกไพรโบยบินไปร้าวระกำ
โมกรินร่ำหยาดน้ำตาพร่าพร่างริน..
ใจดวงเศร้าลึกลึกฝึกให้ใส
หากทำไมเหว่ว้ามิรู้สิ้น
ดายเดียวล้ำย้ำหนาวใจชั่วชีวิน
แสนถวิลถึงคนดีที่แสนรัก..
เมื่อรักใครไยจำพรากจากไกลแสน
ราวเดือนแขวนบนฟ้าเหว่ว้านัก
หลงเพียงเงาเขาลอยคอยทายทัก
ให้หลงภักดิ์หลงฝันวันสิ้นลม..
ใจดวงน้อยดวงนิดริบริบหรี่
หนาวใจนี้แสนเหน็บหนาวร้าวขื่นขม
ยิ้มทั้งน้ำตาวอนฟ้าดินสิ้นอินทร์พรหม
ลูกมีลมหายใจทำไมนะ!
**********
ใกล้ค่ำบนระเบียงบน
กับกมลดายเดียวล้ำลึก
กับการะเวกกอใหญ่ที่เลื้อยพันพร่าง
มาโอบกอดร่างมิให้อ้างว้างใจ
มิให้หนาวในนวลเนื้อละมุน
ด้วยกรุ่นกลิ่นหอมพรั่งระร่ำริน
โมกกอพราวห้อยพวงรวงดอกดก
ราวนัดไว้ให้เชยชิดสนิทแนบ
แอบหอมดอมดมเพียงหนึ่งเดียว
และ
เพียงเกี่ยวกอก้านกิ่ง
หวานหอมค้อมคารวะพสุธาไม่นาน
ก็พากันปลิดปลิว
ร่วงโรยโปรยปนเต็มพื้นพราว...
เสียงนกเขาไพรยังร้องขัน
ให้หัวใจหวั่นๆ
คิดถึงวสันตฤดู..รอมาเยือนแย้ม
แต้มเตือน..ให้คิดถึงดุเหว่าไพร..เรไรร่ำ
กลิ่นบุหงาป่านานาพรรณ
เอื้องแซะไม้สวรรค์สีขาวพราวระร่ำริน
มิสิ้นสายสวาทหวามเสน่หา
ยามย่ำสนธยา ณ..ริมวิมานวนา
*พิมานสรวงแสนขวัญ*สวรรค์ไพรสวรรค์ใจสวรรค์บ้านนา
กระท่อมน้อยน้อยพื้นทรายหลังคาจาก
สวาทวนาลีที่คนดีแสนรัก
เททุ่มใจสร้างพลีไว้ให้
*เป็นกระท่อมในฝัน..มหัศจรรย์รัก*
ใกล้เชิงเขา
ในเงาเงื้อมแมกไม้สายน้ำนิรันดร์
อันแสนฉ่ำชื่นระรื่นเย็น
ที่ไหลพรายพร่างแตกฟอง
ตระกองกอดมวลดอกไม้ป่ายามราตรี
ที่กำลังสยายกรายกลีบเกสรสะพรั่งริน
ระริกหวานปานน้ำผึ้งรวง
ให้มวลหมู่ภุมรินทร์ดอมดมพรมจูบไล้ละเมียด
เบียดซุกรุกเร้าเฝ้าเกลือกลั้ว
มิกลัวตายคากลีบหอมของพยอมพิสุทธิ์ไพรพงพนา
เสียงน้ำซัดซ่าเซาะซอก
หว่างผาโตรกธารละหานหิน
แตกกระจายพรายพรมห่มให้ฟังไพเราะ
ราวพลังเสียงดนตรีแห่งธรรมชาติ
อันแสนพิลาสพิไล..
ให้ไหวหวั่น
ให้ฝันหวานแสนหวาน
งามแสนงาม..ในยามผสานสัมผัส
ดั่งแดนสวรรค์สงัดเงียบงาม
ป่าหิมพานต์ที่เหล่านางไม้มาร่ายฟ้อน
อาบอ้อมเริงร่าในสายธารอันแสนหวานใส
มีกรวดทรายไหวพรายพริบราวเพชรพร่าง
ปานประหนึ่งสายน้ำทิพย์..นิรมิตพราย
พร้อมเหล่าสกุณาถลาบินว่อนร่อนภิรมย์
เชยชมอิสราไปทั้งราวป่าราวไพร
ผีเสื้อมากกมาย
สวมกระโปรงลายดอกไม้ไหวร่ายรำ
พลางเกาะกรายสยายปีกประดับ
ผมงามของเหล่านางฟ้านางอัปสร
ให้ย้อนแสงสีทองผ่องอำพันยามตะวันลา
ให้เหล่ารุกขเทวา..อ้อนแอบดู..
เอมอิ่มยิ้มหวานสุขซ่านซึ้งใจ
ไปกับความงามของมวลสรรพสิ่งรายรอบ...
แห่งวนาสวาทสวรรค์ใจสวรรค์ไพร
ไปตราบชั่วดินฟ้าให้ถวิลรักถวิลรอ
และ
ขอเพียงมีดวงจิตนิรมิตงาม
ตามต่อนึกระลึกจับเพียงสิ่งแสนดีแสนงาม
ไปตราบชั่วกาลกัปป์กัลป์..
นะดวงใจแสนแสนรักเจ้าเอย..
จงอย่าได้เมินเฉย..
สร้างจิตใสไหวรับรักในธรรม..ธรรมชาตินะคนดี..ที่รัก..รักรัก..!
**********
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=779
วนาลี
ม.ร.ว. ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ : : Key F
เออเอยวนาลี
คือ วิมาน สมาน รัก
ที่ เราจัก ร่วมเรียง
เคียงคู่ขวัญ
ที่ รักเธอ ยิ่ง นภา
รักดวง ตะวัน
รักยิ่ง กระต่าย
รัก ดวงจันทร์
ใน ราตรี
โอ้ แม่ยอด ยาจิต
วิชุดา เอ๋ย
พี่ ไม่เคย รัก ใคร
มาก เท่า นี้
เธอ เสมือนราชินี
แห่ง วิมานวนาลี
แม่ยอดรัก
ดวงใจของพี่เอย...
ด้วยแรงแห่งรัก
สาว สาว สาว : : Key Eb
สายลมเฉื่อยฉิว
แผ่วพลิ้วพัดพา ความรักมาให้
แนบกลางฤทัย
เราทั้งสอง หมายปองรักมั่น
รักเป็นพลัง แห่งดวงชีวิต คิดสู้ฝ่าฟัน
ได้อยู่ร่วมกัน จวบจนถึงวัน บั้นปลายชีวี
จะอยู่แห่งไหน
ไกลกันสุดหล้า สุดฟ้าธานี
แม้ขุนคีรี จะมีขวางกั้น รักดั้นไปถึง
ด้วยแรงแห่งรัก ชักพาใจให้ ใฝ่ฝันคนึง
แม้ใครฉุดดึง มิอาจหยุดยั้ง รั้งใจฉันได้
เธอ คือดวงใจฉัน คือความฝัน อันแสนพิไล
แม้ เธอ จะอยู่ห่างไกล
ฉันจะตามไป ด้วยแรงรักเอย
จะอยู่แห่งไหน
ไกลกันสุดหล้า สุดฟ้าธานี
แม้ขุนคีรี จะมีขวางกั้น รักดั้นไปถึง
ด้วยแรงแห่งรัก ชักพาใจให้ ใฝ่ฝันคนึง
แม้ใครฉุดดึง มิอาจหยุดยั้ง รั้งใจฉันได้
เธอ คือดวงใจฉัน คือความฝัน อันแสนพิไล
แม้ เธอ จะอยู่ห่างไกล
ฉันจะตามไป ด้วยแรงรักเอย...
14 กุมภาพันธ์ 2548 11:00 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=100
(แต่ปางก่อน)
......................
ตะวันรอน...
ไล้แสงอาบทาบทองทา
ไปทั่วทั้งพุทธมณฑลพุทธานุสรณีย์
เรี่ยนภาเบื้องบน
เบื้องหลังองค์พระพุทธพิสุทธิ์งามแสนงามในยามนี้
ราวรัศมีฉัพพรรณรังสี
สีทองพรายพร่างคลี่คลุมเปล่งประกาย...
ฉายฉานชัชวาล..โชติช่วงเป็นวงทรงกลดรายรอบ
ร่างผู้หญิงในชุดสีขาวผ้าลินิน
ยาวกรอมเท้าใส่หมวกถักลูกไม้สีขาวลายละเมียด
ขับวงหน้าละมุน
กำลังค่อยเยื้องย่างเดินบนทางศิลา
อย่างช้าช้าราวนางฟ้านางพญาผู้ใจดี
ผู้ที่กำลังรอท่าเพียรบำเพ็ญบุญ
ให้หัวใจละมุนรับความว่างสว่างสงบ
นะกลางลานธรรมลานทอง
ลานหอมแห่งงามนวลใจ
ลานกว้างใหญ่เบื้องหน้า..
ที่มี...
พระศรีศากยะทศพลญาณ
ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์
พระพุทธรูป ที่มีพระเกตุมาลา เป็นเปลวสูง
เหนือพระเศียร ทรงห่อจีวรเฉวียงบ่า
พาดสังฆาฏิ อยู่ในท่าย่างพระบาท
และ
มีบัวรองพระบาท
นอกจากนั้นรายรอบยังมี
มีสังเวชนียสถาน แต่ละตำบล
ได้แก่ตำบลประสูติ ตำบลตรัสรู้
ตำบลปฐมเทศนาและตำบลปรินิพาน
มหาวิหารประดิษฐานพระไตรปิฎกหินอ่อน
ลักษณะอาคาร เป็นสถาปัตยกรรมไทย
รูปทรงจตุรมุข ทั้ง 4 ทิศ ใช้
พื้นที่ก่อสร้าง บริเวณเกาะ หลังองค์พระประธาน พุทธมณฑล
ในเนื้อที่ 9 ไร่ มีพระเจดีย์ 9 ยอด
ประดิษฐาน ณ ท่ามกลาง
เป็นที่จารึก พระไตรปิฎก หินอ่อน
ขนาด 1.10 x 2.00 เมตร จำนวน 1,418 แผ่น
มีภาพวาด พุทธประวัติ อยู่ด้านบน โดยรอบ
เริ่มสร้าง ในปี พ.ศ. 2532
แล้วเสร็จ ในปี พ.ศ. 2541
วัดปากน้ำ และสมาคมศิษย์ หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
บริจาคเงิน ในการจัดสร้าง ทั้งหมด
เพื่อเฉลิมพระเกียรติ
และถวายเป็น พระราชกุศล
แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องวโรกาส ทรงเจริญ พระชนมพรรษา 5 รอบ
ค่าใช้จ่าย ในการก่อสร้าง ประมาณ 200 ล้านบาท
แล้วไหนจะยังมี
สวนไม้ดอกไม้ประดับลายไทย
สวนเข็ม หน้าวิหารพุทธมณฑล
พันธุ์ต้นเข็ม ชนิดใบ เล็กแคระ
ปลูกลงใน กระบะลายไทย ตารางเมตรละ 25 ต้น
ใช้เข็มดอกสีแดง 178,166 ต้น
เข็มสีเหลือง 112,249 ต้น
เข็มสีส้ม 67,086 ต้น และ
เข็มสีชมพู 14,285 ต้น
สวนเวฬุวัน สวนไผ่
ทางมุม ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
มีต้นไผ่ กว่าร้อยชนิด มีเนินสระ
และศาลาพักร้อน ซึ่งสามารถใช้ เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ
ในบรรยากาศ อันเป็นกุศล ได้อย่างดี
และเป็น ที่ตั้งของ ศาลาปฏิบัติกรรมฐานด้วย
สวนอัมพวัน (สวนมะม่วง)
ทางมุมทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ปลูกมะม่วง พันธุ์ต่างๆ ประมาณ เกือบร้อยชนิด
สวนธรรม (สวนกระถินณรงค์)
ทางมุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม
หาความสงบทั้งกาย และทางใจ ปัจจุบัน
แบ่งเนื้อที่ สร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ เป็นบางส่วน
สวนลัฏฐิวัน (สวนตาล)
อยู่บริเวณ สังเวชนียสถานปรินิพพาน
ระหว่างทาง เข้าไปสู่ องค์ประธานพุทธมณฑล
สวนสมุนไพร
ปลูกโดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี แห่งประเทศไทย
สาขาวิจัยอุตสาหกรรมเภสัช
และผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ผู้จัดสร้าง
เพื่อรวบรวม สมุนไพรต่างๆ เพื่อการศึกษา วิจัยควบคู่กันไป
มีพันธุ์สมุนไพร อยู่ประมาณ 211 ชนิด
ขณะนี้ ได้จัดสร้าง เป็นโครงการ นำร่อง
เพื่อ ให้วัดทั่วประเทศ ปลูกสมุนไพร
ในวัด จัดตั้งมูลนิธิ
ซึ่ง สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
ได้ประทาน ชื่อว่า มูลนิธิสมุนไพรภัยโรค
ตั้งขึ้นที่ พุทธมณฑลเป็นศูนย์กลาง
นอกจากนั้น
ตามบาทวิถี ระหว่าง ลานจอดรถ 2 ด้าน
ได้ปลูกต้นไม้ พุ่มจำพวก ต้นเข็ม ประดู่ พิกุล
และขนุน รวมทั้งพรรณไม้มากค่านานาพรรณ
............
และ.....
เคียงขนานกับร่างงามมลังเมลือง
ในเรื่อเรืองแสงสายแสนหวาน
ยามย่ำสนธยาต่อราตรี
คือ...
พุ่มดงดอกเฟื่องฟ้าแดงส้มชมพูขาวพราวนวล
พร้อมชวนชมชมชวนอวดพริ้งพราวไร้ใบ
กำลังแข่งกันไสวรับสายลมเย็นย่ำ
พระพายพรายพัดระริน
หมายดับร้อนสิ้นทุกดวงใจ
ในยามสนธยาฟ้าแดงส้มอมชมพู
แกมแถมสีหลากหลายราวเรียวรุ้ง
พุ่งแฉกแหวกม่านฟ้ามาให้ชาวดินทอดทัศนา..
ฟ้าสวย พสุธาพร่างกระจ่าง
ด้วยดวงดอกไม้นานาพันธุ์
นั่นลานฝันลานชมพูพันธุ์ทิพย์
ที่ปลิดดอกพริ้งพราวร่วงปราย
ลงพรายพรมห่มพื้นหญ้าให้กลายสี
เป็นชมพูอมม่วงตามร่วงรวงดอก...พร่างในท่ามกลางเหมันต์ฤดู
นั่นพิกุลพรูพร่างราวเพชรพรม
ห่มหอมหวานไปทั่วทั้งถนน
โน่น..ลั่นทมหรือลีลาวดี
ที่มีแต่ดวงดอกทุกช่อชูชันเป็นแถวทาง
ให้งามเศร้าสดสวยแสนหวาน
ยามหยิบตระการดวงมิหวงลืมแล้วอำลาต้น
ทิ้งกล่นเกลื่อนดวงพร่างพื้นหญ้า
นำมาทัดหูเสียบผม
ให้สายลมรำเพยอวล
ไปฝากยอดดวงใจแสนรักแสนไกลห่าง
ที่มิเคยอ้างว้าง
หากทุกนาทีหัวใจเต้นแสนอิ่มสุข
ในทุกทิวาราตรีที่เรามีกันและกัน
ใช่สำคัญ...
แม้นฟ้าไกลภูเขาใหญ่สูงชันจะกั้นแบ่ง
ก็พ่ายแรงแห่งรักนี้
ที่..มีพลังฝันเคียงกันปันใจได้ในทันที
หากยังมีใจดวงเดียวกัน..
ทั้งขอบฟ้าสายน้ำนิรันดร์
ทั้งไพรพฤกษ์พนา
ทั้งฟ้าแลดินอินทร์พรหม..
มีแต่มาพร่างพรมโปรยพร
ร่วมปิติเกษมเปรมปรีย์ในรักนี้
ที่แสนมหัศจรรย์งามนักงามภักดิ์พลี
งามเกินกว่าที่จะรำพึงรำพันเป็นภาษาฝันภาษาพูด..
เธอ..ก้าวช้าช้า
แสงสนธยาล้อวงหน้านวลหวานแจ่ม
ให้ยิ่งงามแอร่มแจ่มจำรัสกระจ่าง
ราวรูปสลักแต่ปางบรรพ์
ที่พรหมปั้นสวรรค์เมตตา
ใส่ดวงวิญญาญ์ดวงงาม...ดวงให้
ดวงรักทุกข์ทุกความยากไร้เคียงดิน
ทุกสรรพสิ่งธรรมธรรมชาติ
ที่งามเงียบเรียบง่าย
ทุกดวงชีวาที่ได้ชิดใกล้
ได้แนบชิดสนิทใน
ได้พลีน้ำใจมากเมตตา
ให้คำสอนสัจจธรรมที่ล้ำค่า
หากช่วยนำทางใจ
ให้ทุกดวงใจพบไสวพร่างสว่างเย็น
รู้รักเป็นรักให้
ใช้คุณธรรมความดี
พลีแด่ผู้ทุกข์ทนยาก
บนผืนเดินเดียวกัน
มิให้เปลี่ยวเหงา
สิ้นไร้ใครสิ้นไร้ฝัน..สิ้นไร้รัก
และ
นี่คือความรัก
ที่ไร้ชนชั้น
ไร้ช่องว่าง
ไร้ความเป็นเขาเป็นเรา
คือ
งามเงาในเงื้อมแห่งคำสอน
จากพระบรมศาสดา
ที่ทำให้เราซึ้งค่าคำ..*พระยอดรัตนตรัย*
ที่คือมงกุฎรักอันแสนยิ่งใหญ่
แด่มวลพุทธศาสนิกชนไทย
ให้เพียรเดินตามไป...
ในรอยธรรมรอยทอง
อันแสนผ่องผุดพิสุทธิ์พราว
ราว..*บัววิมุตติหลุดพ้นน้ำ*..
จนกว่าจะสิ้นคืนฝันสิ้นวันหนาว..ยาวนานรานร้าว
เลิกรับผัสสะ
ทั้งสุขทุกข์คลุกเคล้าหวานเศร้าดายเดียว
มีเพียงความวาง
ว่างกระจ่างแจ้ง
จนบรรลุ
แสงแก้วแห่งเมืองพระนิพพาน
คือกาลอันไร้ความเคลื่อนไหว
คือจิตใสกายแก้วหยุดนิ่ง...ทิ้งทุกข์ทุกสิ่งทุกอย่าง
พบเพียงพลังพร่าง...จากจิตเกษมภายในนิรันดร์..
มีเพียงความจริงสัจจะธรรม
*คือรักนิรันดร์..
อันคือไร้ความยึดมั่นถื่อมั่น
อย่างรู้เหนือโลกย์โศกสุข
ให้จิตพร่างสว่างสงบพบความสวยใส
งามตระการแก้วแวววะวับวาว
ราวดาวดวงดาราดาระดาษ
ราวดวงดอกมะลิแก้วแพร้วเพริศพรรณราย..
ไร้กายกามกิเลสอีกต่อไป..
เธอ..
ทรุดตัวลงนั่ง
น้อมศิระกราน..กราบองค์พระศรีศากยะทศพลญาณ
ด้วยน้ำตาแห่งความปิติเกษมซึมซึ้ง
ในก้นบึ้งแห่งดวงวิญญาญ์นี้
ที่เธอหลอมรวมดวงจิตรักภักดิ์ พลี
จากยอดดวงใจคนแสนดีแสนงาม..ในห้วงหอมหัวใจเธอ..
ยามนี้
ที่ตะวันดวง..กำลังโรยตัว..โบกอำลาฟ้าทิฆัมพร
มีการนั่งสมาธิภาวนา
เธอ..
อธิษฐานจิตภาวนาภายในใจ
ที่แสนใสว่างกระจ่างแจ่ม
ราวดวงแก้วอัญมณีงาม
ให้ทุกสรรพชีวิตทุกสรรพสัตว์ทุกสรรพสิ่ง
ที่ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
ได้...
เปิดดวงตาภายในดวงตาที่สาม
เพียรพาพบนิยาม
*แห่งความรักในพระธรรม*
มาเพียรสอนฝึกน้อมน้ำใจ ไปจนกว่าจะสิ้นอายุขัย
ให้งามแสนงาม
หวานแสนหวาน..ผ่านร่างรักสนิทเสน่หา
ได้พบ*แดนดินอันแสนยิ่งใหญ่*
มีจิตใสศีลบริสุทธิ์
มั่นคงตรงมั่น
ฝันใฝ่ไปให้ถึง*ความฝันอันสูงสุด*นั้น
ที่มนุษย์นิดน้อยพลันพลอยเห็น
นอกนั้นก็วิ่งเล่นอยู่ริมฝั่ง..ไปตราบอนันกาลกัลปาวสานต์
ขอเพียงเพียร..สร้างพลังใสนิรมิตงาม
ตามไปให้ถึง
มิพึงครวญหวนไห้สักชาติ
หากมีท้อถอย
คอยสร้างแต่สิ่งที่ดีที่ควร...คงมีสักวันที่ฝันเป็นจริง
ดิ่งจิตให้เพียรพบพระนิพพาน..
เธอ...หลับตานิ่งใจดื่มด่ำล้ำลึก
*ในอ้อมหัตถาแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า*
บัดนั้น...
ก็พราวพร่าง
ด้วยดวงดอกมะลิแก้วแพรวพราย
พร่างพรมห่มหอมท่วมศรีษะของเธอคนดี
และทุกผู้...ที่เป็นที่รัก..แสนแสนรัก
ที่ยึดมั่นในธรรม
ในคำสอน
มิสิ้นเพียรภาวนา
ลงมาอย่างมิขาดสาย
จากพรายพริ้มอิ่มบุญพระโอษฐ์งาม..ในท่ามสามโลก..
ให้ทุกข์ทุกดวงใจพุทธพุดหยุดโศกตรม..เสียที..
ตราบชั่วชีวีนิรันดร..กาล........
***********************
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=100
แต่ปางก่อน
ช...รอ คอย เธอมา แสน นาน
ทรมาน วิญญาณ หนักหนา
ระ ทม อยู่ใน อุ รา
แก้วกานดา ฉันปองเธอผู้ เดียว
ญ...เธอเอย แม้เราห่างกันแสนไกล
ชาย ใด ดวงใจฉันไม่แลเหลียว
รัก เธอ แน่ใจจริงเชียว
รัก เธอ รักเดียว นิรันดร์
ช...แม้ มี อุปสรรค ขวาก หนาม
ญ...ขอ ตาม มิยอมพลัดพรากจากกัน
ช...จะชาติไหน ไหน ไม่ยอมห่างไกล กัน
ญ...ดวงจิตผูกพัน รักมั่นมีไว้เพียงเธอ
ช-ญ....คง เป็น รอยบุญมาหนุน นำ
รอย กรรม รอยเกวียนหมุนเปลี่ยนเสมอ
ให้ เรา ได้มา เจอะ เจอ
ฉันและเธอพบกันร่วมสุขสมดังรอคอย
ช...แม้ มี อุปสรรค ขวาก หนาม
ญ...ขอ ตาม มิยอมพลัดพรากจากกัน
ช...จะชาติไหน ไหน ไม่ยอมห่างไกล กัน
ญ...ดวงจิตผูกพัน รักมั่นมีไว้เพียงเธอ
ช-ญ ...คง เป็น รอยบุญมา หนุน นำ
รอย กรรม รอยเกวียนหมุนเปลี่ยนเสมอ
ให้ เรา ได้มา เจอะ เจอ
ฉันและเธอพบกันร่วมสุขสมดังรอคอย...