19 ตุลาคม 2548 10:26 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song65.html
ความรักไม่รู้จบ
ถึงจะอยู่สุดหล้าฟ้าดิน
แม้จะสิ้นสิทธิ์และเสรี
แต่วันนั้น ใจฉันยังคงที่
ความรัก ความภักดี ไม่มีสิ้นสลาย
ถึงโลกแตกแหลกเป็นผงคลี
รักเต็มปรี่ ไม่มีรู้คลาย
ชีพถูกฝัง ความรักยังเวียนว่าย
เคียงคู่เธอมิคลาย
ฝากวิญญาณ ไว้เตือน
ด้วย ความรักไม่รู้จบ
แม้ผืนดินกลบ ยากเพราะความรักเลือน
จะเนิ่นนาน กี่วันกี่ปี กี่เดือน
ดินฟ้าจะคล้อยเคลื่อน ใจมิเลือน รักเธอ
ทุกทุกอย่างบนทางรักจริง
ทุกทุกสิ่งบนทางรักเธอ
จะสมหวัง หรือพบความเพ้อเจ้อ
เป็นที่ใจของเธอ จะจริงจังฉันใด
ทุกทุกอย่างบนทางรักจริง
ทุกทุกสิ่งบนทางรักเธอ
จะสมหวัง หรือพบความเพ้อเจ้อ
เป็นที่ใจของเธอ จะจริงจังฉันใด...
...........................
ฟังเพลง*ความรักไม่รู้จบ*ลบโลกโศก
พลีให้โลกรับขวัญมอบวันหวาน
ดอมลั่นทมลืมระทมเลือนร้าวราน
หวังดอกไม้บานกลางดวงใจใครทุกคน
ชีพแสนสั้นวันแสนซึ้งอย่าพึงพร่า
ลมหายใจแสนมีค่าอย่าสับสน
มอบรักกันให้วันดีเหนือค่าคน
พาตัวพ้นเหนือโลกย์โศกนินทา
รักษาใจให้ไหวหวามงามสงบ
รู้จิตจบวางวายวุ่นหมุนมาหา
กับคำคนคำใครใจเหว่ว้า
ไม่พิพากษาผู้ใดรักษ์ใจงาม
เป็นนิยามเมตตานะที่รัก
ฝากใจภักดิ์รักปรารถนาดีมิหยาบหยาม
ไม่มีเขาไม่มีเราใจก็งาม
เพียรต่อตามเติมใจมอบไมตรี
โลกภายนอกวายวุ่นด้วยกรุ่นแค้น
ให้งามแสนโลกภายในใจดวงนี้
ดั่งอัญมณีผ่องแผ้วแววประภัสสรนะคนดี
หวังชีวีมีดวงใจไสวธรรม
เพียรให้รักให้อภัยใจก็สุข
หมดสิ้นทุกข์มีสายธารหวานรินร่ำ
พลีน้ำใจอย่าฝากเศร้าสร้างรอยกรรม
ชีพชนม์สั้น ปันแบ่งดี...นี่คือ..บุญ..!
.....................
ในอ้อมโอบแห่งรัก
ดวงเขียนเรื่องนี้
ด้วยใจที่สุขสงบ..เหลือเกิน...
เป็นดึกดื่นคืนเพ็ญ....
จันทร์ดวงงาม..ลอยเด่น
ประดับบนฟากฟ้า..
สลับกับดวงดาราระยิบกระพริบพราวพราย.....
เสียงหรีดหริ่งเรไรระงม.....
พรมพร่างด้วยน้ำค้างกลางหาว......
นานๆจะมีเสียงพลุ
และประกายสีสันจากดอกไม้ไฟพรูพร่างท่ามกลางฟ้ามืด.....
ดวงจุดเทียนรายรอบ
และ..
วางไว้ในโคมเพื่อใช้เขียนหนังสือ......
ทิวไม้งามรายล้อม..แลดูตะคุ่ม
โดมสีขาวจากบ้านเพื่อนบ้านโผล่พ้นดงไม้ ดูราวกับ
ปราสาทแห่งความฝัน...........
บางค่ำคืน ...
เมื่อม่านฝนพรำโรยตัวเป็นหมอกหนา........
ดวงจะอาบน้ำท่ามกลางแสงเทียน
วับแวม ให้หวามไหว
ซุกตัวในอ่างน้ำแสนอุ่น
และจากกระจกบานกว้าง...
มองออกไปยังฟากฟ้า แสนไกล.....
ซึ่งดูราวกับฉากแห่งม่านฝันรำไรในสายฝน
สลับสล้าง สวยเหลือใจ................
ดวงคิดเสมอ....
ว่าโลกนี้อยู่ที่ใจเราจะเนรมิต......
ดวง..สามารถสร้างโลกในฝัน...
ให้เป็นโลกแห่งความจริงที่สวยงาม...เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์
และโดยมิพักต้องลงทุนมากมาย...................
ดวงปล่อยให้...การะเวกเลื้อยพันเป็นลวดลายงาม..
ขึ้นมาทายทักจนถึงระเบียงดาดฟ้ากว้าง
ที่ดวงใช้เขียนหนังสือ....
กลิ่นการะเวกยามเย็น
ทำให้งานเขียนของดวงลื่นไหลตราตรึง...
การะเวกเกาะเกี่ยวเกิดเป็น..
ม่านลายลูกไม้ธรรมชาติ ตามกระจกรอบๆบ้าน..แทนม่านหรู.
แถมเป็นม่านที่มีกลิ่นจรุงใจ..งดงาม หวานหอม.......
เป็นม่านผืนที่ต้องใช้ใจถักทอเพียงเท่านั้น....ถึงจะมีสิทธ์ได้มา........
บ้านของดวง....มีลวดลายจากใบไม้นานาพรรณ......
มาถักทอและบดบังให้แลลอดรำไร
เป็นม่านเย็นตา เย็นใจ
ทุกโมงยาม ที่ใจดวงงามได้สัมผัส....
ต้นแก้วสูงถึงชายคา........
แผ่กิ่งก้านอวดดอกขาวพราวต้นเมื่อยามวสันตฤดู.....
กลิ่นหวานเศร้า
เคล้าสายฝนจะแทรกเข้ามาเห่กล่อม
ให้หลับไหลอย่างแสนสุข....
ดวงมีเล็บมือนางสวยเลื้อยพันเป็นซุ้มหน้าบ้าน.....
ไว้เกาะเกี่ยวใจของคนที่มาเยือน....
มีต้นมะม่วงสูงใหญ่
ที่ไว้เป็นที่ให้นกกามาอาศัย..ทำรัง
และให้ นกเขามาร้องขันคูปลุกในยามเช้าตรู่
เมื่อถึงฤดูกาลออกผล แค่เอื้อมมือไปก็เด็ดได้ไม่ยาก...
แล้วไหนจะจำปีที่ชิดเชยถึงชายคา..เรือนจำปี
ที่อยากเก็บแแซมผมก็เพียงสัมผัส......
มีดอกพุด...ที่มีใครบางคน..ปลูกไว้ให้
ราวกับจะเป็นไม้เสี่ยงทาย....
ให้ดวงเฝ้ารดน้ำพรวนดิน
ทะนุถนอมแทน ..
เพื่อรอดูตุ่มแรกของดอกที่จะผลิบาน..........
แล้ว... ดวง..ตั้งใจจะเก็บไปถวายพระพุทธรูป
ที่ดวงจุดเทียนสวดมนต์กราบไหว้ทุกค่ำคืน....
เพื่อเป็นมงคล เป็นพุทธบูชา....
และ..ดวงจะอธิษฐานจิต
ให้ดอกพุดนั้นแทนรักที่งดงาม........
บริสุทธิ์ใส และเบิกบาน ให้เจ้าของสมหวัง...ดั่งใจ เฉกเช่นเดียวกัน.....
เราทุกคนมีใจดวงเล็กๆเหมือนกัน...
ใจดวงที่สามารถจะเปิดให้ความงามที่รายล้อม
รอบรอบตัวเข้ามาสัมผัส....
ง่ายแสนง่าย.ใกล้แสนใกล้......แค่มือคว้าใฝ่..............
เพียงมีใจปราถนารับความละเมียดละมุน..มาต่อเติมใจ
ให้ไฟฝัน มิมีวันมอดสิ้น.........
ชีวิตนี้สั้นนัก.....
ไม่ช้านาน
เราทุกคนก็ต้องลาจากโลกสมมุตินี้ไป.....
แล้วไฉนเล่า ...
ไม่เบิกบานกับชีวิต....
และเตรียมทำใจยอมรับความจริงของชีวิต
*การพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์
การประสบกับสิ่งที่ไม่รักก็เป็นทุกข์*
เมื่อเราก้าวเข้ามาในโลกแสนสวยใบนี้....
สิ่งเดียวที่เราจะหยิบยื่นให้แก่โลกนี้ได้
คือไม่เบียดเบียนโลก...ไม่เบียดเบียนตัวเอง
ไม่เบียดเบียนเพื่อนร่วมโลก..
เราแค่ผ่านมาทักทายและอาศัยพักใจเพื่อรื่นรมย์
และฝึกจิตที่พร้อมจะยังประโยชน์ให้คืนกลับ แก่โลก
และผู้ที่จะตามมาในภายหลัง...
โลกนี้อยู่ได้ด้วยรัก...
รักที่สวยงามจะเป็นพลังสรรสร้างทุกๆสิ่ง.....
รักทำให้โลกหมุน.....
และโลกจะไม่โหดร้ายจนเกินไป
ถ้าเราจะช่วยกันแบ่งปันแก่ผู้ยากไร้สิ้นหวัง.....................
ดวงขอจบด้วยบทเพลงหนึ่ง
ซึ่งดวงกำลังเปิดฟังในค่ำคืนที่มีมนต์ขลังนี้
ให้มันลอยแทนใจ
แทนความคิดถึงทุกทุกคน
ถึงใจทุกทุกดวงที่รู้ซึ้งถึงคุณค่าแห่งรักทุกๆรูปแบบ
และโดยเฉพาะ
คนพิเศษในใจของดวง...
ที่บ้านเกิดเกาะแสนงาม..
ที่อเมริกา...แคนาดา...และออสเตรเลีย...
รวมทั้งเพื่อนแสนรัก
ทุกคนที่ญี่ปุ่น....สิงคโปร์...
ผู้ที่ดวงหวังใจว่า..เกิดมาเพื่อรัก...
และรู้ความหมายของการเมตตาเสียสละนะจ้ะ
.......................
เพลงรักไม่รู้จบ...................
ถึงจะอยู่สุดหล้าฟ้าดิน....
แม้จะสิ้นสิทธิ์และเสรี
แต่วันนั้น..ใจฉันยังคงที่
ความรัก..ความภักดี ไม่มีสิ้นสลาย
ถึงโลกแตกแหลก..แหลกเป็นผงคลี
รักเต็มปรี่..ไม่มีรู้คลาย
ชีพถูกฝัง ความรักยังเวียนว่าย
เคียงคู่เธอ ไม่คลาย ฝากวิญญานไว้ครอง
ด้วยความรักไม่รู้จบ
แม้ผืนดินกลบยากลบรอยรักเลือน
จะเนิ่นนาน..กี่วัน..กี่ปี...กี่เดือน
ดินฟ้าจะคล้อยเคลื่อน ใจไม่เลือนรักเธอ.......
ทุกทุกอย่างบนทางรักจริง
ทุกทุกสิ่งบนทางรักเธอ
จะสมหวังหรือพบความเพ้อเจ้อ
เป็นที่ใจของเธอจะจริงจังฉันท์ใด
...........................................................
ใช่เลยใช่ไหม ถ้าใจเธอหนักแน่นพอ...............
ด้วยรักจากใจ
18 ตุลาคม 2548 10:00 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song183.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song196.html
(คืนกระจ่างฟ้า..โปรดเถิดดวงใจ)
ค่ำคืนนี้ลมสงัด
เดือนและดาวชัดสวย...ลอยดวงเหนือราวฟ้า
ดูใกล้แสนใกล้..ราวกับจะเอื้อมมือคว้าไขว่ได้
บนเรือนจำปี..
ที่..
ดวงดอกดกกำลังพลีกลิ่นหอมให้หวานกับร่างๆหนึ่ง
ที่นอนนิ่งๆพิงหมอนขวานอย่างแสนงามเงียบสงบสุข
ราวสาวโบราณย้อนยุค..
เธอ..คนดี...
จุดเทียนหอมกลิ่นกุหลาบให้ยิ่งกำซาบซึ้ง
และ..
หวังลอยลมไปแสนไกล*ถึงดินแดนฟ้าจรดทราย*
ในดวงตา..
ที่คลับคล้ายจะแสนซึ้งเศร้าตามธรรมชาติ
ราวกับ..
จะมีหยาดน้ำตาราวหยาดเพชรพราวรอพรายร่วง
คอยคลอคลอง
พร้อมหยดพลี ให้แด่ทุกเรื่องปิติ
ใช่เพียง..
เรื่องรานร้าวเศร้าหมอง..หนาวเหน็บใจ
ตรงหน้า..
มีพวงดอกเล็บมือนาง...
กำลังกรายฟ้อนอ้อนนัยน์ตาเธอ
เธอคิดถึง...*นางมโนราห์*
ยามกรีดกรายร่ายรำ
และ...
แสนคิดถึง*คำใครบางคน*ลอยลมมาในยามนี้
*มันโกงเค้า
มันโกงที่ดินเค้าที่เค้าอุตส่าห์จับจองไว้*
น้ำเสียงแสนรานร้าว..และเค้าไม่สบายใจ
จึงพาตัวเอง
ไปนอนที่เทือกเขาหลวง มา
ไปหาที่ให้ตัวเอง ตามคำมั่นสัญญาไง
มี...
ลำห้วยและน้ำตกด้วยนะ สวยเชียว
แต่รู้ไหมเขาเสียใจจัง
ประมูลไม่ทัน ติดต่อตัวเองไม่ได้
22ไร่แค่เจ็ดแสนเอง
รู้ไหม..เหมือนที่*ในฝัน*เลย
ในทุกเรื่องที่ตัวเองรำพันไว้นะแหละนะ
รับรู้นะว่าหากเขาตายไปก็เพราะเขาขาดสติ
เขาทนคนโกงไม่ได้...อย่าปลอบเค้าเลย
ตัวเองเป็นคนดี ที่ขอเค้าว่า
*ทุกอย่างอย่ายึดมั่นถือมั่น
กับทุกสิ่งที่คือวัตถุภายนอกนั้น
ตราบใดที่..ยังมีสมองสองมือ
มีดวงตาดวงใจที่ยังได้มองโลกสวยใส
ก็..น่าจะขอบคุณฟ้าดินแล้ว
แถมยังมี..
อัญมณีใจดั่งอัญมณีไพรมิรู้สิ้น
สักวันฟ้าดินจะเมตตา..นะ*
เค้าเชื่อ..คำตัวเองนะ
แต่ว่า...ทำไมบางคราเค้าอยากทำลายมัน
เค้าหมดหวังเลย*
เค้า..ขอบคุณนะที่จะส่งพี่ที่ดินไปช่วยไกล่เกลี่ย
พรุ่งนี้ผู้ใหญ่จะนัดเจราจากัน
เค้าหวังทุกอย่างจะคลี่คลาย แล้ว
ย้ำนะ หากเค้าไม่ตายหรือติดคุก..จะกลับมา*
...........
หัวใจดวงเหว่ว้า..
ในนาทีนี้ที่แสนทุกข์เทวษ
กับทุกเภทภัยในผองเพื่อนมนุษย์..
ทั้งคนไกลคนใกล้
ที่ราวกับ..
มิหยุดผลาญพร่าทำร้ายทำลายใจกันและกัน
ไม่แม้จะเข้าถึงสัจจธรรม
แห่งการพึ่งพาพึ่งพิง
ทุกสรรพสิ่ง..
ในโลกหล้ารวมทั้งเมตตาธรรม
กำลังจะล่มสลายกลายกลับแล้วละกระนั้นหรือ..!
เธอ..นอนนิ่งๆทิ้งถอนใจทอดใจ
ในดวงใจอ่อนล้า
นาฬิกาโลก
กำลังจะหมุนโศกสะเทือน
กลับมาย้อนสอนสัจจะใจด้วยแสนพิโรธ
แด่มวลมนุษย์มากหน้า..
ที่..
ไม่รู้คุณค่าแห่งการได้เกิดมา
บนผืนพสุธาแสนงาม
ในท่ามความสวยบริสุทธิ์ใสของ
มวลดอกไม้ สายธาร หวานหอมแห่งธรรมชาติไพร
ขอเพียงให้มีธรรมดาใจ..ที่รู้ค่าคำวางว่าง
ก่อให้เกิดกระจ่างทิพยนิรมิต
ที่จะเลือกรู้ใช้ชีวิต ..
อย่างแสนสมถะพอเพียงพอใจ
ให้ได้..
สนิทแนบแอบอิงไปกับความงามความดี
ผสานชีวีไปกับดินน้ำลมไฟ อย่างไม่คิดทำลาย..แค่นั้น..
ในราตรี...
ที่จันทร์กระจ่างฟ้า...
เธอ..
อยากวอนฟ้าฝากดิน..ให้อภัยเพื่อนมนนุษย์
ทุกผู้คนบนโลกหล้า..ที่ยังหลงผิด
ไร้ดวงตาเห็นธรรม ธรรมชาติชีวิต
ยังมืดบอดหลงทาง..
ยังแสนอ้างว้างว่างใจ....
ยังไม่รู้ฝากฝันฝากใจเพียงกับพงไพรไร่นา
กับฟ้าสวยดาวเจ่ม
กับดวงดอกไม้ป่าคลี่แย้มบาน
กับ..
ตระการแห่งดวงจิต
ที่อยากเป็นเพียง*ผู้ให้*
เธอหวัง..
พลีฝากบทเพลงแสนงาม
มาพลีปลอบมอบกำนัลแด่ทุกดวงใจในหล้าโลก
ลบโศกแสนเศร้าลบเลือนเหน็บหนาวในดวงใจ
ให้ลอยลมไปไกลแสนไกล..ไกลแสน
ถึง....
ทุกคนดีที่ชิดใกล้ในดวงใจ
ในเรือนไทยเรือนทอง
ร่มรักแห่งมิ่งมิตรน้องพี่ผองเรา
แด่..
ทุกผู้คนที่เหงาใจไกลบ้าน
แด่ทุกรานโศก
แด่ทุกทุกข์เพื่อนร่วมโลกที่กำลังร้อนระอุปะทุเดือด
ด้วยไฟสงคราม...
แด่..
ทหารหาญ
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายผู้หาญกล้าแห่งแผ่นดิน
ให้..ชีวินทุกฝ่ายได้เลิกบ้าอำนาจ
ขาดสติ คิดเพียงทำลายกันและกัน
แม้นกระทั่ง...
ลืม..แผ่นดินที่ให้ข้าวให้น้ำ
ให้สองเท้าได้หยัดยืน
อย่างทรนงดำรงไท มาอย่างช้านาน
..........................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song183.html
คืนกระจ่างฟ้า..
ใน คืนกระจ่าง ฟ้า
ดวงจันทราคือดวงทอง ส่องสวรรค์
เมฆปองฟ้า คือม่านทอง ต้องสีจันทร์
หรีดเรไรนั้นคือดนตรีจากเทวา
เป็น คืนเสพสุขสันต์
ใจตรงกัน ฝันก็ตื่น ชื่นหรรษา
สอดอ้อมแขนตรึงกายแนบสองกายา
ในแววตา บอกภาษารักแก่ กัน
การะเกดเป็นเหมือนเกศน้องแกล้วเกล้า
ราตรีแย้ม เหมือนจันทร์เจ้าเฝ้าใฝ่ฝัน
กระดังงาเหมือนผิวเจ้าเร้าแสงจันทร์
หอมพุ่มพวงทรวงเจ้านั้นซ่านดวงแด
จวนอรุณ ใกล้ สาง
อกพระพลางยามจะพรากจากอกแข
ต่อแต่นี้คงเหงาใจ ใครจะแล
เฝ้าชะแง้คอยคืนเพ็ญจะคืนทรวง
จวนอรุณ ใกล้ สาง
อกพระพลางยามจะพรากจากอกแข
ต่อแต่นี้คงเหงาใจ ใครจะแล
เฝ้าชะแง้คอยคืนเพ็ญจะคืนทรวง...
................
เธอ..หลับตาภาวนา...
หยุด..ความคิดทุกข์ใจ
ตามคำสอนแห่งพระอรหันต์ในแผ่นดิน
หลวงพ่อชา..
ที่ตราจำไว้ในดวงใจไว้สอนสัจจะใจ
ยามที่พบขยะใจขยะใด
ที่มาแผ้วพานให้รานหมองแม้ชั่วครู่
ให้รู้อยู่รู้รักรู้เมตตาปรารถนาดี
แล้วให้รู้ปล่อยไปดั่งสายน้ำไหล..อย่ากักเก็บไว้นาน..
ดวงชีวีก็จะเบิกบาน
*ดั่งบัวพ้นน้ำ*
ที่พร้อมรอ
สายแสงทองราวสายแสงธรรมมาน้อมนำใจ
ในทุกอรุณรุ่ง...
ที่ทุกอุทัยโลกหมุนยังคงหมุนวนหมุนเวียนมา
ให้สายแสงแห่งดวงชีวาชีวิต
ส่องดวงจิตให้จักหอมกรุ่น
ด้วยดวงดอกแห่งความละมุนละเมียด
ไม่เบียดเบียนผู้ใด
ให้รู้รักษาใจใส
ให้เพียงเพียรใฝ่ทำความดี
ที่..
พร้อมยอมพลี*ให้*
แด่ทุกดวงใจเพื่อนผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตาย
และ..
จงได้พิทักษ์ใจดวงงาม
อย่าให้สิ่งร้ายใดมารานแวะเลย..
และ..กับค่ำคืนนี้..เมื่อเดือนต่ำดาวตก
น้ำค้างยังหยดเยียบเย็น
เธอ..
จะปลุกตัวเอง
ราวแม่นกไพรราวนวลนางณ..กลางไพร
ตื่นขึ้นฟังเสียงไก่ขัน
ประชันกับเสียงขันคูกู่ร้องของนกเขา
และ..
คงมิเหงาใจ
ราวกับมีเสียงดนตรีไสวหวานรายรอบบ้าน
พร้อม
เปิดเพลงคุณ*ทูล ทองใจ*
*โปรดเถิดดวงใจ*ให้หวามไหวไปด้วยกัน
อย่างฝันพลี..
แล้ว..
รอที่จะหุงข้าวมะลิหอมๆใหม่ๆ
ด้วยดวงใจแห่งศรัทธาปสาทะ
แล้ว..
จะค่อยค่อยบรรจง
พับกลีบบัวด้วยดวงใจละไมละมุน
พร้อมใส่บาตร..แล้วยกขันข้าวทองจากครรลอง
แห่งหอมงามใจ พลีจิตไสวอธิษฐาน
ให้..
เพื่อนมนุษย์ทุกทั่วหล้า
ทั่วฟ้าไทยและตัวข้าเอง
อย่าได้..รานโศกอย่าให้โลกได้แล้งไร้..
ให้ทุกคนดี..
ได้พบพระพุทธศาสนาทุกภพทุกชาติไป..ด้วยเทอญ
......
ยามเช้าเจ้าพุดซ้อนจะไปไหน
นกเป็นเสียงนาฬิกาว่าเช้าแล้ว
พวงดอกแก้วร่วงพรูคู่ฟ้าสาง
เสียงไก่ขันกระชั้นถี่บนลานกว้าง
โลกสว่างดาวแขวนฟ้าราตรีนวล..
รับอรุณกับราตรีที่หอมเศร้า
หอมข้าวเช้าตัดใบตองร่องท้ายสวน
โรยมะลิในขันข้าวขาวใจนวล
ผลไม้สวนเอื้อมเด็ดมาใส่ตะกร้างาม
นุ่งผ้าซิ่นผืนสวยลายดอกไม้
ริมแก้มซ้ายทัดชวนชมให้วาบหวาม
เด็ดดอกไม้รายรอบสวนผูกช่องาม
อธิษฐานตามให้งามใจละไมละมุน..
พระ.พายเรือ มารอ รับบิณฑบาตร
ขอทุกชาติสร้างผลบุญได้เกื้อหนุน
เป็นสาวนารักสายธารหวานดอกไม้ลมละมุน
ตราบโลกหมุนสร้างศรัทธาพาดวงใจพบสุขจริง...พบสุขใจ
...........................
พับกลีบบัวน้ำตาปริ่มอิ่มปิติ
ร้อยมาลัยพุดซ้อนและกลอนรัก
แทนอ้อมตักอ้อมใจยามไกลแสน
ร้อยมาลัยห่วงหารัดร้อยแทน
อุ่นอ้อมแขนแทนอ้อมขวัญอันห่วงใย
พับกลีบบัวน้ำตาปริ่มอิ่มปิติ
ดอกมะลิลามะลิซ้อนงามอ่อนไหว
อธิษฐานกราบพระพุทธพร้อมพลีใจ
ยอดดวงใจพรากลาอีกคราแล้ว
จิตเกษมหอมห่มธรรมย้ำรอท่า
ทุกทิวาภาวนาใจใสดั่งดวงแก้ว
น้ำค้างฝันจันทร์หวานทั่วถิ่นแนว
กระซิบแผ่วน้องคนนี้พลีรักรอ..
มองดูจันทร์ฝันฝากใจนะยอดรัก
จันทร์ใจภักดิ์คงมั่นฝันเฝ้าพ้อ
จะเนิ่นนานสักปานไหนใจเฝ้ารอ
จะมิท้อดอกธรรมหวานบานในใจ
จะส่งจูบส่งใจไปคลายหนาว
ห่มร่างร้าวเหนื่อยนักพักหวั่นไหว
ให้เดือนดาวกระซิบพราวออดอ้อนใจ
ยังมีใครคนนี้ที่รักนัก...
ดอกพุดไพรฝากใจห่มหอมกว่าหอม
หวังจิตหลอมสัญญามั่นขวัญรวมภักดิ์
น้ำค้างพรมลมลูบไล้มาทายทัก
ดาราจักรหมุนวนรอคนดี..
น้ำค้างแก้วพราวใสจับใบไม้
น้ำตาพรายซึ้งเศร้าหนาวคืนนี้
นับวันรอยอดหฤทัยกี่ราตรี
ใจดวงดีกราบขอพรวอนสวดมนต์
ฝากท้องฟ้าโอบกอดแทนห่วงหา
ฝากดาราประจำเมืองทุกเวหน
ฝากคำมั่นสัญญากลางกมล
ฝากเทพดลบันดาลประทานพร
ฝากใบไม้ร่ายฟ้อนแทนคำหวาน
แทนร้าวรานรักรอขอออดอ้อน
ฝากหมอนน้อยคอยเคลียแก้มก่อนจะนอน
กระซิบอ้อนวอนว่านิทรารมย์..นะดวงใจ..
......................
และนั่นคือ..*พลังปิติเกษม*
ที่เธอ..รอไปวัดทำบุญในวันออกพรรษา
วันเวลาแห่งงามบุญงามใจ
สร้างความไสวให้ใจตัวเอง ..
และ....
หวังสานธรรมทอง
ให้พุทธศาสนา
ได้ดำรงส่องผ่องพรายฉายฉายรัศมีแก้ว
ให้แววประภัสส์ไปทั่วทั้งแผ่นดิน
อย่าง..มิสิ้นสายน้ำแห่งรักนิรันดร์
ให้ยังมี..
เรือธรรมพร้อมพาผู้คนผู้พร้อมบำเพ็ญ
เพียรพายรู้รักษาร่างกายให้หอมสะอาด
ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา
และ
ได้พาพบฝั่งฝันอันแสนใกล้
ณ..ภายในจิตไสวแห่งเราเอง..ใช่ไกล
หากมีดวงใจดวงตาเห็นธรรม...
เสียงสายน้ำแห่งรักยังระรินร่ำ
ฝากพร่ำหอมห่มบ่มงามแห่งห้วงอนันต์ใจ
ในบึงกายเธอเสมอมาและตราบจักชั่วฟ้าดินสลาย...!
.........................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song222.html
ฉันรักเธอเสมอ
หากตราบใด สายนที ยังรี่ไหล
สู่มหา ชลาลัย กระแสสินธุ์
เกลียวคลื่นยัง กระทบฝั่ง เป็นอาจินต์
เป็นนิจสิน ตราบนั้น ฉันรักเธอ
เช่นตะวัน นั้นยังคง ตรงต่อเวลา
แน่นอนนัก รักท้องฟ้า สม่ำเสมอ
เช่นกับฉัน มั่นคง ตรงต่อเธอ
ฉันรักเธอเสมอ ฉันรักเธอเสมอ
ชั่วนิจนิรันดร์
เช่นตะวัน นั้นยังคง ตรงต่อเวลา
แน่นอนนัก รักท้องฟ้า สม่ำเสมอ
เช่นกับฉัน มั่นคง ตรงต่อเธอ
ฉันรักเธอเสมอ ฉันรักเธอเสมอ
ชั่วนิจนิรันดร์...
...............
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song196.html
โปรดเถิดดวงใจ ทูล ทองใจ
โปรดเถิดดวงใจโปรดได้ฟังเพลง นี้ก่อน
อย่าด่วนหลับนอนอย่าด่วนทอดถอน ฤทัย
จำเสียงของพี่ ได้หรือเปล่า
จำเพลงรักเก่า เราได้ไหม
เคยฝากฝังไว้แนบในกลางใจนาง
ดึกดื่นคืนนั้นเคยร่วมผูกพัน แน่นหนัก
เคยฝากความรักว่าด้วยใจภักดิ์ ไม่จาง
เสียงน้องออเซาะ ขอรักมั่น
รำพึงเสียงสั่นเมื่อใกล้สาง
ไม่อยากจากนาง ห่างรัก ที่เริ่มลอง
แต่พออีกไม่นานนัก ความรักที่เคยหวานซึ้ง
เปลี่ยนจากหนึ่งกลับกลายเป็นสอง
ลืมรักลืมรส ลืมไปหมดที่เคยทดลอง
อ้อมแขนที่เคยประคอง
น้องอยู่ในอ้อมแขนใคร
ดึกดื่นคืนนี้พี่คงเฝ้าคอย เหมือนก่อน
มิได้หลับนอนเฝ้าแต่ทอดถอน ฤทัย
พี่หลงบรรเลงเพลงรักเก่า
ตัวเธอนั้นเล่าอยู่แห่งไหน
ดูช่างโหดร้าย ให้เราเฝ้าคร่ำ ครวญ...
16 ตุลาคม 2548 22:00 น.
พุด
จุดเทียนหอมฟังบทเพลงบรรเลงเศร้า
แล้วก็หนาวในดวงใจไปกับฝน
*เสน่หา*ลีลาน้ำตาปน
ร้างไกลกมล*เหมือนคนละฟากฟ้า*น่าเศร้านัก
*ร้องไห้กับเดือน*เตือนใจใครกันล่ะหนอ
เคยพร่ำพ้อทุกราตรีฝากพลีภักดิ์
*สุกี้ยากี้*บทเพลงนี้ที่แสนรัก
มาทายทักใจดวงร้าวให้หนาวใจ
ดูเดือนทองส่องเต็มฟ้าราตรีนี้
ดอกจำปีคลี่เคลียหมอนจนรอนไหว
หนาวน้ำตาหนาวคำลาหนาวฤทัย
ใกล้แรมไกลใจแรมร้างอ้างว้างรอ
*ในโลกแห่งความฝัน*ฉันเฝ้ารอพ้อเพ้อหา
โลกมายามาคลี่หอมยอมร้องขอ
วอนดวงใจอย่าพรากไกลใครเฝ้ารอ
กลับมาพ้อคืนมาเพ้ออย่าเผลอใจ
*เดียวดาย*ดายเดียวยามเหลียวหา
ทุกทิวาราตรีพลีหวามไหว
ขวัญเอ๋ยขวัญเคยภิรมย์อ้อนหาใคร
มาแรมไกลมาแรมร้างอ้างว้างนัก
*ผิดทางรัก*ประจักษ์จิตนาทีแรก
พระเจ้าแจกแม้นไม่เอาให้ลองรัก
*ชั่วนิจนิรันดร*อยากถอนใจนะ*ที่รัก*
*เพ้อ*ฝากภักดิ์พลีเพียงนี้*ไม่มีวัน*
จบตรงนี้ที่*เหมือนคนละฟากฟ้า*
ยอมเหว่ว้ายอมร้างไร้คล้ายสิ้นฝัน
ลืมทุกสิ่งลืมให้สิ้น*เคยรักกัน*
สิ้นสายขวัญสวรรค์ลา..อย่าเสียใจ...!
....................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song173.html
เหมือนคนและฟากฟ้า
มีประโยชน์อื่นอันใด
ที่หัวใจเรารักกันปานจะกลืน
แต่กายต้องห่างดั่งอาทิตย์ไกลกลางคืน
มืดมนทนฝืนฝืนโชคชะตา
ได้แต่หลอกปลอบใจกัน
ว่าสักวันความรักสมจินตนา
จนสิ้นใจจาก ได้ครองรักเพียงอุรา
เกินเอื้อมมือคว้าวิวาห์ดูหมดทาง
ต่างกันทุกฐานันดร
ดั่งมีสิงขรปิดประตูกั้นขวาง
ถึงเราสัญญารักกันว่ามั่นจีรัง
แต่ดูเหมือนดังอยู่คนละฟากฟ้า
คิดสลัดตัดใจไกล
สุดฝืนใจด้วยรักแรกตรึงอุรา
จำฝืนใจข่มอยู่กับรักอย่างทรมาน
รอวาสนาชี้ชะตาจนกว่าจะตาย
ต่างกันทุกฐานันดร
ดั่งมีสิงขรปิดประตูกั้นขวาง
ถึงเราสัญญารักกันว่ามั่นจีรัง
แต่ดูเหมือนดังอยู่คนละฟากฟ้า
คิดสลัดตัดใจไกล
สุดฝืนใจด้วยรักแรกตรึงอุรา
จำฝืนใจข่มอยู่กับรักอย่างทรมาน
รอวาสนาชี้ชะตาจนกว่าจะตาย...
................
*ซึ่งเป็นคำถาม...???*
คืนนี้รอบข้างเงียบมาก...
ฉันไม่ได้แหงนมองจันทร์เช่นทุกคืน..
ท้องฟ้าดูเงียบเหงา เทาทึมตั้งแต่เย็นแล้ว
ฉันตาฝาดไปรึเปล่าหนอ..
ที่วันนี้..
ดูโลกรอบข้างและท้องฟ้าราวทาบทาด้วยสีน้ำเงิน..
อีกคราครั้ง..ในรอบสิบปี..
เย็นมาก ใกล้ค่ำ
ได้ยินเสียงจิ้งหรีดกรีดร้องระงม..
ฉันจุดเทียนอาบน้ำ..
ปล่อยให้สายน้ำจากฝักบัวกระหน่ำหนัก..รินรด..
มืดทั้งบ้าน...ฉันพยายาม...เช็ดผมให้แห้ง...
ทั้งๆที่มือและใจทำไมอ่อนแรงไร้พลัง...
ทรุดตัวลงนั่งนิ่งๆ
ทิ้งใจและตัวในความความมืดมิด..ดิ่งจม..ในห้องนอน
ริมหน้าต่าง
มีใบจำปีซัดส่าย ไหวไกวกล่อมเป็นเพื่อน...
ในภวังค์ ฉันง่วงงุน...งีบหลับไป..
ฉันฝันร้าย น่ากลัว..
ฝันว่าตัวเอง
วิ่งหนีอีกแล้ว วิ่ง..วิ่ง..วิ่ง..หนีจากผู้ชายคนเดิม..
ที่เคยฝันเห็นหลายครา.....
ฝันนี้..ฉันไม่โชคดีเหมือนคราวก่อน..
เขาไม่ได้ปรานี..ปล่อยฉันไป..
แต่กลับ...
จ้วงแทงตรงกลางใจฉัน..หนักหน่วง..รุนแรง..อย่างสาสะใจ..!
ในฝัน..ฉันมิได้กรีดร้อง..
แต่....
แค่แหงนมองเขา..ด้วยสายตาที่เป็นคำถามและหยาดน้ำตา..!..
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song11.htmlเสน่หา
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4590.htmlร้องไห้กับเดือน
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song718.htmlเดียวดาย
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song369.htmlในโลกแห่งความฝัน
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song147.htmlผิดทางรัก
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song313.htmlชั่วนิจนิรันดร
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song138.htmlที่รัก
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song161.htmlเพ้อ
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song418.htmlไม่มีวัน
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song173.htmlเหมือนคนละฟากฟ้า
15 ตุลาคม 2548 08:48 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song129.html
http://www.oldsonghome.com/music/listen.php?song_id=1712
(หยาดน้ำฝน หยดน้ำตา..สุกี้ยากี้)
...................
ฟ้าร้องครืนครางมาจากเวิ้งฟ้าไกล
ที่..กำลังมืดหม่นมัวสลัวด้วยแรงพายุและลมบน
ที่กำลังค่อยๆพรายพรม*น้ำตาฝน*มาพลายพลิ้ว
และ...
คงหยาดไปทั่ว ทั้งทิวทิพย์ทุ่งทอง...แล้วณ..บัดนี้
ดวง..ไม่สบาย..
เลยนอนนิ่งนิ่งดูสายฝนพรำ
ที่กำลังพร่างสู่แมกไม้
ให้หยดคล้ายน้ำค้างแก้วแวววะวับ
จาก..
ริมหน้าต่างเหนือเตียงโบราณ
ที่มี..
เพียงม่านใบไม้ลายดอกแก้วขวางกั้น
ให้พบฝันงาม
ในทุกยามแห่งลีลาวสันต์
ให้พบฝันแสนสุขซึ้งตรึงใจเสียไม่มี
ดวง..
มีความสุขกับสายฝน
ที่ราวกับจะมาพลีปน
ต่อ..
สายฝันสายสวรรค์ให้ผุดพร่างขึ้นณ..กลางใจ
ใน*สวรรค์ไพร กับเสียงฝนพรำ *
ที่มาย้อนย้ำให้รำลึก
นึกไปถึง
* วิมานไพร..วิมานดิน*ในยามที่เคยใช้ชีวิต
ที่บ้านบนเนินเขา..ในต่างบ้านต่างเมืองมานานปี
เมืองที่...
ซ่อนตัวในแมกไม้ระย้าระย้อย
ห้อยใบดกไปทั่ว
และ..
มีอากาศสลัวสลับชวนให้แสนโรแมนติก
ด้วยสายฝนพรำเกือบตลอดทั้งปี
และ...
ที่แสนดีนักตรงที่ดวง
ได้เดินฝ่าเส้นทางสายฝนสายฝัน
เส้นทางสายเล็กๆละหลั่นลัดลดเลี้ยว
ผ่านละเมาะไม้มากมาย
ที่กำลังกรายกิ่งไกวไหวระบัด
เพื่อเดินกลับบ้าน จากตลาดที่อยู่ไม่ไกล..
อันแสนอวลอบหอมร่ำไปด้วยกลิ่นขนมปัง
กับ..
อวลหวานสะพรั่งไปด้วยพันธุ์ไม้ดอก
และ..
ผลไม้สดฉ่ำจากเมืองไกล
เช่นพรุน พลัม แอปเปิ๊ล ท้อ..สาลี่
ที่ดวง.นี้.จะชอบซื้อ
และ..
ยังมีเกาลัดลูกโตๆที่คั่วใหม่ๆร้อนๆ
ให้หอมตรลบน่ารับประทานเป็นยิ่งนัก
ดวง..ชอบเออออใช้ภาษาถิ่นแบบงูๆปลาๆ
ทายทักแม่ค้าดอกไม้เจ้าประจำ
แล้วก็ยิ้มขำตัวเอง ที่เค้าพยายามฟังจนเข้าใจ
ดวง..
แสนสุขเสมอใจเมื่อย้อนนึกรำลึกไปถึง
*ภาพเพื่อนคนญี่ปุ่น*ที่ชื่อเคียวโกะ
ที่ชอบเล่นแมนโดลินให้ดวงฟัง
แล้วก็พากัน...
ร้องเพลงสุกี้ยากี้ที่คือเพลงญี่ปุ่นเพลงเดียว
ที่ดวงพอจะดำน้ำได้
แล้วพากันประสานเสียงดัง
พร้อมเสียงหัวเราะอันแสนเบิกบาน
ราวโลกนี้..
ตระการด้วยดวงดอกไม้ไร้พรมแดน
มีเพียงแน่นแฟ้นแห่งคำคำว่ามิ่งมิตรสนิทใจ
.
และ...
ทุกคราที่หัวใจได้ยินบทเพลงอมตะนี้
กลับมากรายใกล้
มาก้องกังวาน...ให้น้ำตาเอ่อซึม..ยามย้อนรำลึกนึกถึง
เพื่อนคนดีทุกคราครั้งไป..
เพื่อน..
ที่มีมารยาทงาม..รักสงบเงียบใช้ชีวีเรียบง่าย
รักดนตรี สมถะและรักธรรมชาติพอกันกับดวง
และ..
ชอบชวนให้ดวง..
ไปแสดงฝืมือทำกับข้าวไทยให้รับประทาน..
*เธอกระซิบ..บอกอาหารไทยอร่อยที่สุดในโลก*
บางครั้ง..
เราจะชวนกันไปลอยคอในสระว่ายน้ำส่วนตัว
แล้ว
นอนมองฟ้านิ่งนิ่งแล้วพากันหัวเราะ
เมื่อเราพูดภาษาอังกฤษแบบ..
*เข้าใจกันดีเฉพาะระหว่างคนสองคน*
ดวง..ย้อนนึกถึงสังคม
ที่ดวงเคยใช้ชีวิตในอีกวิถีหนึ่ง
แล้ว..
ก็เพิ่งมาซึ้งใจว่า
ดวง..นี่หนา
ได้ผ่านมาทุกลีลาชีวิตแบบไม่เสียชาติเกิด
เพราะ..
ดวงผู้หญิงที่เกิดมากับแสงตะเกียงรำไร
กับเสียงฝนหล่นบนหลังคา
กับชีวาชีวิตที่ได้ชิดใกล้เคียงดิน
กับรอยถวิลแห่งทุกเงางามอดีต
ที่คือสัจจะจริง
ไร้สิ่งมายาสิ้นวัตถุใด..ที่ดูรกรุงรังใจรุงรังตา
และ
รายรอบชีวีดวงนั้น
ยามวัยเยาว์..
ยังมีกระท่อมไพรกระท่อมหลังคาจาก
ให้คนจนยากบางคนได้พักอาศัย
หากทำไม...
ดูเขาแสนมีความสุขใจเสียจังในความไม่มี
ที่ได้นอนนิ่งฟังเสียงแห่งทุกสรรพสิ่ง..
ที่คือเสียง
แห่งงามจริงงามจิต..
มาพลีสอนให้รู้จักรสชาติชีวิตธรรมดาๆ
ให้รู้ค่า ความพอดีพอเพียง
ให้แสนมีชีวีสมถะ
สนิทสถิตเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
และ...
ในทุกลีลาวสันต์
ดวง...ยังจดจำได้
ดวงชอบเล่นน้ำฝนจนคางสั่น
จนไข้ขึ้น เพราะดวงเด็กช่างฝัน
จะทนฝันทนฝนได้อย่างไรกันเล่า..ที่จะไม่โผเข้าใส่
และ....
มาวันนี้น่าแปลกดี
ที่จิตวิญญาณการชอบเดินท่ามสายฝนพรำ
ยังตามย้ำมาคอยเตือนในทุกครา
ให้อยากพาตัวโผผวาออกไปยามฝนพร่าง
ที่..
กำลังสาดสายพรายพรม ให้ห่มหอมในห้วงใจ..
และ..
เมื่อวาน
ยามค่ำก็ได้สมหวังสมปรารถนาดั่งใจ
เมื่อ..
เพื่อนคนที่ขับรถมารับดวงไปเต้นทุกวันพร้อมกัน
เกิดสตาร์ทรถไม่ติด
เพราะรีโมทค้าง
ทำให้ดวง
ต้องเสียสละเดินอ้างว้างตากฝนพร่างออกไป
เพื่อไปตามช่างมาให้เพื่อน..
กว่าจะ..
เดินฝ่าสายฝนลมแรงราวแสร้งให้ดวงสาสมใจ
กับความละไมละมุน
ให้สายฝนมิการุณย์
หากฝากสุนทรีย์หนาว...
ด้วยหยาดน้ำพราวให้เย็นเยียบไปทั้งตัว
และ
นี่คือที่มาแห่งความไม่สบายราวจับไข้เล็กๆ
แต่..
ไม่เป็นไรนะ ยังไกลหัวใจ..
เพราะ
เคยไหม..
ที่ยามเราไม่สบายแล้วได้นอนตัวรุมรุม
เราจะรู้สึกดีกับชีวีที่ได้ชิดใกล้สัจจธรรมอันแสนล้ำค่า
คือความเจ็บ คือความ ระบม
ที่ต้องนอนซุกตัวในที่นอนระทม
และได้....
สัมผัสชิดใกล้
ความรู้สึกดายเดียวเปลี่ยวร้างแสนอ้างว้างใจลำพัง
เป็นความรู้สึกดื่มด่ำ
ยิ่งกับยามนี้...
ที่มี..
*น้ำตาฝนน้ำตาฟ้า*..พากันพลีสิ้น
ให้..
ผู้คนทั่วทั้งแผ่นดิน ที่มีทั้งรักชัง
ได้พบหวังหวานฤารานเศร้า..คลุกเคล้ากันไป
สุดแต่ใจใครจะไขว่คว้า..
และรู้ว่า...
แท้ที่จริง
ทุกสรรพสิ่งในโลกหล้า..
ไม่ว่าฤดูกาลหรือฤดีระกำ
ก็จักผันผ่านแปรไป ..ไม่ ..มิยั่งมิยืน
มิฝืนยึดมั่นถือมั่น
ฝันรักได้นานกันสักเท่าไรเลย...
...........................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song129.htm
lหยาดน้ำฝน หยดน้ำตา .....ดาวใจ ไพจิตร
หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
หลั่งความขื่นขมที่ถมอยู่ใน ใจตน
หยาดย้อยจากปรางสวรรค์เบื้องบน
สู่กลางแก้มดินในฐานถิ่นคน
นั้นคือหยาดฝน ฉ่ำใจ
สาดสายพร่างพรายพรมผืนไร่นา แนวเนิน
ป่าดอนโขดเขินคลองขลุงทุ่งหนอง นองไป
หล่อเลี้ยงพืชพันธ์ มีผลดอกใบ
โลกเคยหลับไหล พลันฝืนตื่นใจ
สวยงามสดใส จริงเอย
ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา
พลันน้ำตานางฟ้าระเหย
เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย
ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน
หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน
แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล
ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน
ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ
ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา
พลันน้ำตานางฟ้าระเหย
เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย
ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน
หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน
แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล
ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน
ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ...
14 ตุลาคม 2548 09:00 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4689.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song72.html
(ร้อยบุปผา..หนึ่งในร้อย)
.................
นอนนิ่งนิ่งมองสายฝนหล่นพร่างกลางใบไม้
ส่องประกายคล้ายสายเพชรเก็จแก้วใส
หยาดฝนพราวราวกระทบกลางกลีบใจ
นั่นนกไพรไกวเปลอ้อนตอนอรุณ
เห็นใบตองทองอ่อนราวสไบนางฟ้า
เห็นลีลาวสันต์ฝันไกลทุกอุทัยโลกหมุน
เห็นยอดไผ่ไหวรับแดดพร่างละมุน
เห็นควันไฟกรุ่นจากกระท่อมชาวสวนล้วนแสนรัก
เห็นการะเวกพร่างพ้อจากกอเศร้า
เห็นจำปีเฝ้าเตือนใจไหวหวามนัก
เห็นโมกกอค้อมคลอดินถวิลภักดิ์
เห็นลมทักยอดไม้ใกล้ชายคา
เห็นหัวใจตัวเองบรรเลงบทเพลงเศร้า
เห็นเรื่องราวหนหลังฝังห่วงหา
เห็นวันนี้ชีวีแสนสั้นเต็มประดา
เห็นเวลาของโลกโศกสะเทือนใจ
ให้ลืมเรื่องราวร้าวรานเมื่อกาลก่อน
แล้วหันย้อนมองดูใจให้สวยใส
โลกอดีตเมื่อวานให้ผ่านไป
เริ่มต้นใหม่ยังไม่สาย..ให้เมตตา...
ทุกชีวีนิดน้อยต่างพลาดผิด
ตามลิขิตกรรมเก่าวาสนา
ให้อภัยด้วยน้ำใจแห่งเมตตา
และหันมาเป็นมิ่งมิตรน้องพี่..มอบดีกัน
โลกความจริงสรรพสิ่งกำลังโศก
วิปโยคเกินกว่าเรื่องรักพักสับสน
ลืมมายาฝันยิ้มรับตะวันเกื้อกมล
หยาดสายชลสายธรรมนำทางใจ
เป็นน้ำทิพย์น้ำทองจากหอมห้วง
จากใจดวงอัญมณีไพรแสนไสว
รักกันนะรักกันให้น้ำใจ
จงอภัยจงรู้ค่ามรณารอ
เป็นคำวอนจากใจดวงอ่อนหวาน
ดวงโบราณดวงสงบมาร้องขอ
สร้างสรรงามเป็นนิยามโลกเฝ้ารอ
หวังคำพ้อถึงทุกดวงใจ....ทุกเรือนใจในร่มรัก....
...................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4689.html
ร้อยบุปผา..สุนารีราชสีมา
ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก
ร้อยสำนัก ประชันแข่งใจ
มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน
ร้อยดอกงาม เด่นตระการ
แย้มบานในดวง ใจ
ชู่ ช่อ ธรรม สง่า งาม ในนาม ศิลปิน
มาสร้าง งาน ศิลป์ ชุบชีวิน มนุษย์ชาติ
สะอาดสดสวย ด้วยบทเพลง แห่งสวรรค์
ให้มาลัย ฝากรัก มอบใจภักดิ์ ร่วมกัน
จุดไฟ ความฝัน พร่างพลัน ประกาย เพลิง
มาเถิด พี่น้อง ร่วม ร้อง เพลงเพื่อ
กลั่นจาก เลือด เนื้อ หยาดเหงื่อ เร่าร้อน
เราจะเร่ง แนวรบ ไม่สยบ อ้อนวอน
เริงระบำ รำฟ้อน ร้อยกรอง กวี กานต์
มาร่วม ใจรัก พร้อม พรักพลีชีวาตม์
ผงาด อาจ หาญ สร้างตำนานตระการฟ้า
แต่งเติม โลกศิลป์ ให้ผ่องพิณ โสภา
ด้วยวิญ ญานท้า ทรนงเทิดคง ธรรม
ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก
ร้อยสำนักประชันแข่งใจ
มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน
ร้อยดอกงาม เด่นตระการ
แย้มบานในดวง ใจ
ชู่ ช่อ ธรรม สง่างาม ในนาม ศิลปิน
....................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song72.html
(หนึ่งในร้อย)
พราว แพรว อันดวงแก้วแวว-วาว
สด สี งาม หลายหลากมากนาม นิยม
นิล-กาฬ มุกดา บุษรา คัมคม
น่า ชม ว่างาม เหมาะสม ดี
เพชรน้ำหนึ่ง งามซึ้ง จึงเป็น ยอดมณี
ผ่อง แผ้วสดสีเพชรดี มีหนึ่งในร้อยดวง
ความ ดี คนเรานี่ ดีใด
ดี น้ำ ใจที่ให้แก่คน ทั้งปวง
อภัย รู้แต่ให้ไปไม่หวง
เจ็บ ทรวง หน่วงใจให้รู้ ทัน
รู้ กลืน กล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน
ชื่น ชอบตอบ ผล ร้อยคน มีหนึ่งเท่านั้นเอย
รู้ กลืนกล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน
ชื่น ชอบตอบผล ร้อยคน มีหนึ่ง เท่านั้นเอง...
Url http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=287
(นัดพบ)
*********
ปริม..
กำลังนอนคลี่ยิ้มหวานหวานบนเรือนจำปี
เรือนรักเรือนใจ...
เรือนที่ปริมชอบมานอนอิ่มขวัญ..ลำพัง
ใต้ร่มไม้สายใจใต้ใบบัง
ใต้เขียวไพลเขียวพร่าง
เขียวสอ้านสะอาดพิลาสพิไล
เขียวที่สอดผสานกัน
ราวร่มพฤกษ์คันใหญ่
มาต่อสายใจมาเติมใยรัก
มาเติมไฟฝันนักรักรจนา
มาฝากฟ้าฝากดิน ดูดาว
มาเหน็บหนาวดายเดียว
และ
มาชิดใกล้ธรรม ธรรมชาติ
มาฝากร่างให้เอนอิงพิงพัก
มากระซิบรักกับ
อ้อมกอดดวงดอกจำปี
อ้อมฝันที่เลื้อยพันมาเกาะเกี่ยว
ราวอ้อมแขนแน่นเหนียว
ปลุกปลอบใจให้มีพลัง...
กับทุกเช้าที่เฝ้าดู...
ตะวันดวงกลม
ในยามเช้า ที่เฝ้าเพ่งพินิจ
ด้วยรักแสงตะวันจัดจ้า
และจะชอบทำทุกครา
ยามบอบช้ำจากโลกและชีวิต
ราวแสงมหัศจรรย์สามารถปลุกชีวิต
ให้มีชีวาท้าทายโลกอีกสักหน สักครั้ง....
ทุกนาทีที่ตะวันเยือน แย้ม
ค่อยๆโผล่พ้นทิวสน เบื้องหน้า
ผ่านดงไม้ ขึ้นมาอย่างช้าช้า
เคลียเคล้ากับแสงฟ้าสวยใส สดชื่น
อ่อนหวานสว่างไสว..
ดวงตะวันสีส้มเปลือกบาง อ่อนอุ่น
ดวงกลมสวยงามเจิดจรัส
รัศมีจ้าจับตาเป็นยิ่งนัก..
พลังตะวัน กำลังรินไหล เข้าสู่ใจดวงกลม ดวงบอบช้ำ
ดวงช่างฝันนี้ที่พยายาม มองฟ้าท้าตะวัน ปลุกไฟฝัน
ปลุกหัวใจให้อย่าท้อ รอรับฝัน วันแสนดีให้คืนกลับ
หยาดน้ำค้าง ละออ ตกต้องค้างงาม
ตามดอกใบ สวยใส บริสุทธิ์
เกิดประกายวับแวม
ราวหยาดเพชรพราว รอระเหยหาย........
มวลหมู่นกกา เริ่มถลาบิน ออกจากรวงรัง
ทำหน้าที่ หาอาหาร ว่อนวน ..เคียงข้าง...
เป็นฉากละคร..ของสัตว์โลกทุกชีวิตทุกปากท้อง..
ประจำวันซ้ำๆซากๆ
เพื่อประทังชีวิตให้อยู่รอด ปลอดภัย
ได้มีใจดวงทั้งดีและร้ายมาหมุนวน
ตามโลกที่หมุนเวียน.ไปวันวันมิสิ้นสุด.
ดอกเข็มขาว เริ่มแทงช่อ ออกจากกระเปาะเขียว
เป็นพวงขาวระย้าเต็มต้น เต็มตื้นหัวใจดวงนี้ ที่ชอบเฝ้าดู.
.ตั้งใจคืนนี้จะน้อมนำไปบูชาพระ
และภาวนาขอให้มีสติปัญญาบริสุทธิ์แหลมคม
พ้นบ่วงกรรม ตามติดมาให้ชดใช้......
ขอให้มีสมองสองมือนี้
ได้เขียนสิ่งดีดี อันเป็นที่รัก
ไว้พักใจ ยามดายเดียว ไปตราบนานเท่านาน
ในจิตวิญญาณที่ยากที่ผู้ใด
จะเข้าใจและหยั่งถึงก้นบึ้งแห่งจิตใสงามนี้...
ที่บานสะพรั่งดั่งดวงดอกไม้ในราวไพร
บานท้าตะวันฉาย
แม้บางครั้งจะโรยราร่วงหล่นปนเปื้อนดิน
ก็จะผลิฝันหวานหวาน บานกลับมาใหม่ มิมีวันมอดสิ้น...
ตะวันดวงกลม..หมุนวน ไม่เคยท้อแท้ มิรอรา
รู้หน้าที่ เพื่อธำรงอยู่ ยังประโยชน์ให้มวลมนุษย์
ฉันท์ใดก็เฉกนั้น
ขอให้ดวงใจ ดวงฝัน จงอิ่มเต็ม
ด้วยความฝันสล้างสวยงาม
ด้วยงามแห่งปัญญา สมบูรณ์
หมุนพาใจตนก้าวข้ามผ่านพ้น
เรื่องหมองหม่นทดลองใจให้ฝ่าฟัน
เรื่องธรรมดาๆโลกที่มี โศกมากกว่าสุข
มาคลุกเคล้าให้เปรียบเทียบสอนใจ..
ในทุกโมงยาม..มิแน่มินอน..
ให้แสงตะวัน แรงกล้า
นำพามนุษย์ทุกดวงใจ
ทำหน้าที่งดงาม สู่เส้นทางชีวิตยาวไกลข้างหน้า
รู้จักลืมตามองโลกให้เป็นเห็นงาม.
.และแบ่งปัน..ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ในวันนี้และวันหน้านะดวงใจ
***************
เช้าหวังเช้าหวานก่อนอุษาสาง
ที่จะมีนกมากมายมาร้องเพลงธรรมชาติให้ฟัง
มี*นกเขาขันเสียงใสราวระฆังแก้ว*
แว่วหวานวิเวกมาปลุกราวนาฬิกาปลุก..ดั่ง*นกตะวัน*
ค่าที่มาพร้อมกันกับสายแสงแรก
สีทองอันอ่อนอุ่นโอบเอื้อ
ที่..
ปริมขอเรียกชื่อเพื่อรำลึกนึกถึงพี่ชายผู้แสนดี
ผู้ที่รักนกราวชีวิตจิตวิญญาณ
พอกันกับเจ้าของเรือนหอมหวานหอมงามแห่งนี้
และ
นกตัวนี้จะมาร้องขันคูคู่วิมานไพรวิมานดินทุกวันค่ะ
ราวดงดอกดวงจำปีล้ำค่าเตือนสอนใจ
ให้มั่นคงให้ตรงมั่นราวนกตะวันรักท้องฟ้า
ราวปลารักน้ำ ไฉนฉะนั้นเลย..
และ
ทุกเช้าที่เจ้าของเรือนรักหนักแน่นใจ
จะมิเคยลืมที่จะส่งจูบส่งใจข้ามขอบฟ้า
มหาสมุทร ผืนแผ่นดิน ทุ่งนา ป่าเขาลำเนาไพรแมกไม้
สายชลระรินไหลให้กระซิบรักถึงทุกดวงใจ
ในร่มรักเรือนไทยเรือนทองแห่งผองเรา
ปริม..
ขอส่งกมลอันปรารถนาดี
ประดุจดังดอกไม้แรกแย้มในยามดึก
ที่ค่อยค่อยคลี่แย้มเกสร
ออกรับผลึกเพชรเกล็ดแก้วหยาดละออละอองน้ำค้าง
ที่พรายพร่างพฤกษ์ ราวกันจะดื่มกินได้
ให้สายแสงแดดสีทองส่องผ่านมา
ในยามอุษาสางอุษาแก้ว
ยามฟ้าผ่องแผ้วรำไรรำไรราวรัศมีรุ้ง
กระจายพรายแพร้วเพริศเฉิดฉาย
พร่างพรรณรายทุกถิ่นที่
ฝาก
กมลดวงดีดวงหวานหอม
ราวหยาดน้ำผึ้งฝันพระจันทร์หวานในยามราตรี
หวังให้น้องพี่
ที่มีหัวใจดวงทองผ่องผุดพิสุทธิ์ละมุน
ได้มีใจดวงงามหอมกรุ่น
ได้รจนาภาษารักภาษากวีภาษาดีดีงามๆ
ฝากพลีบรรณาการแด่โลก ดับร้อนผ่อนเพลา
ให้เย็นฉ่ำราวน้ำคำคือน้ำค้าง
รินนะกลางใจ..ไม่มีวันแห้งเหือดหาย
วอนให้ใช้ปลายปากกา
ราวมาจากปัญญาจิตมิมุ่งคิดร้ายผู้ใด
มีใจดวงเที่ยงธรรม
มีฝันมีรักมีร่มธรรม
อันคือเครื่องคุ้มกันภัยกันใจไปตราบชั่วกาล
มีเมตตา
และหวังว่า
ทุกดวงใจจะพบงามทองในหอมห้วงแห่งดวงใจ
มีงามแท้งามธรรมงามขวัญอันแสนยิ่งใหญ่
มาประดับใจประดับหล้าประดับนภากวี
ที่ยังมีที่ว่างอนันต์
รอผู้กล้าผู้ฝันใฝ่
พาดวงใจราวรวงดาว
มาเรียงพราวเฉิดฉายแสงพร่างสุกใสสว่าง
มานำทางใจแด่ผองชนนะคะ
ขอให้เป็นเฉกเช่นดวงดอกไม้หวานตระการ
จะบานประดับหล้าอยู่นะที่ไหน
ในราวป่า..ในราวไพร ..ในราวเมือง
ขอแค่ให้สร้างประเทืองประทับใจ
ด้วยหยาดน้ำใจที่ใสเย็นดั่งหยาดฝนหยาดน้ำค้าง
เข้าใจ
และคอยเมตตาเคียงข้างเสมอไป
ในทุกผุ้คนที่ยังค้นหาตัวเองไม่พบเจอ
ยังลอยเก้อกลางทะเลโลกย์ทะเลโศกสุข
ใช้กุญแจจิตกุญแจธรรมกุญแจธรรมชาติ
กุญแจวาดหวังดีมีน้ำใจรักอันใสฉ่ำเย็น
มา
เปิดบานประตูหัวใจ
ค่อยๆช่วยเก็บกวาดห้องห้วงใจให้สะอาด
หยิบขยะวัตถุมากมีมากมาย
ค่อยๆกวาดให้ออกไปไม่รกรัดรึงรุงรัง
อันจะพาให้จิตเดิมใสนั้น
ถูกห่อหุ้มด้วยกิเลสใจ
แห่งความอยากได้ใคร่มีจนเคยชิน
มิรู้สิ้นรู้จบตามกระแสโลกย์
ที่
สอนให้ยึดมั่นถือมั่น
ว่าความสุขนั้นมาจากภายนอกหลอกไปวันวัน
จนใจกายนั้นหนักดั่งศิลา
เพราะต้องพาให้ค้นหามาเติมเต็ม
เค้นเฟ้นหาจนพาเครียดเฉียดตายจึงได้สำนึกระสึกรู้
ว่าแม้นแต่ตัวกูมิใช่ของกู..
ให้มีสติมีสมาธิมีปัญญา
อย่าให้ใจมา
คอยปิดบังจิต
และคอยเป็นนาย
มิให้จิตเดิมที่งามใสได้คลี่ฉายแสงเบาสบาย
ว่างพรายไร้ร้างพร่างคล้ายแก้วประภัสสร
ได้ส่องประกายกล้า
พาให้มืดมัวในใจมลายหายวับ
ดับทุกทุกข์ได้..ก่อนสายเกิน..
และนาทีนี้นะคนดี ดวงใจ
ปริม...
ขอมอบดอกไม้จริงดอกไม้จิต ดอกไม้ชีวิต
รักธรรม ธรรมชาติ มาวางฝากไว้ในอ้อมตัก อ้อมใจ
แด่มิ่งมิตรสนิทเนา
จงเปิดใจรับเอาดอกไม้เพชรพร่าง
ที่จะพรายพร่าง
ดั่งแสงแก้ววะวาววับดับทุกสรรพสิ่ง
จากขุมทรัพย์ภายในอนันตกาล
ที่จะบานรอ ผู้รู้ ผู้มีศีลสะอาด
เพียงเพียรพร้อมน้อมพลีภาวนา
และค้นหาดอกไม้จิตนิมิตจริงแท้ที่งามแน่นอน
กว่า...ทุกดวงดอกรักดอกทุกข์ใด ในโลกหล้าค่ะ
ขออวยพร
ให้ทุกดวงใจใสทอง
ประคองตนพาพ้นน้ำ
ดั่งดอกบัวบานรับแสงอรุณธรรมนะคะทุกคนดี.. สวัสดี
************
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song287.html
นัดพบ เพ็ญศรี พุ่มชูศรี : : Key A
ถ้าเราจะนัดพบ กัน
เมื่อตะวันลับไม้
ฉันไม่หลอกจะบอกให้ อย่าเอ็ดไป สิจงฟัง
ฟัง สิฟัง สัก นิด
แล้วอย่าคิดว่าฉันสอน ว่าฉันสั่ง
ฟังสิฟัง ฟังกันเล่นเพลินเพลิน
แต่มันสุขเหลือเกิน ไม่เชื่อเชิญ ลองจำ
ถ้าเราจะนัดพบ กัน
เมื่อตะวัน พลบค่ำ
ธรรมชาติชุ่มฉ่ำ ฉ่ำชื้น ชื่น ใจ
ใต้ ร่มไม้ใบบางบาง แสงสว่างรำไรรำไร
ไม่ต้องระวังไม่ต้องระไว
จะอายทำไมกับพระจันทร์
ถ้าเราจะนัด พบ กัน
ควรให้จันทร์ เห็น ใจ
ลมอ่อนอ่อนพัด ผ่าน
ชูกิ่งก้านช่อใบ
บ้างก็แกว่งบ้างก็ไกว
บ้างเขยื้อนสะเทือนไหว
สะบัดใบไปตามลม
ผสมน้ำค้าง พร่าง พรม
เรไรจิ้งหรีดหวีดผสม
ต่างคลอต่างคล้อต่างล่ออารมณ์ เรา
ให้ชมให้ชื่น ใจ
นี่แหละถิ่นนัดพบ
แต่เราไม่พบกับใคร
เพียงแต่พบกับธรรมชาติ
แล้วเราก็อาจจะสุขใจ
ไม่ต้องไปพบ กับใคร ที่ไหน
เพลินใจ เพลิน ตา...