11 พฤษภาคม 2547 10:05 น.

วสันต์ฤาสิ้นรินสายเสน่หา!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=60
(สิ้นสวาท)
url=http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=198
(ปรารถนา)
............

แก้วรับฝนหอมพร่างกลางวสันต์
ในคืนฝันฝนรินมิสิ้นสาย
แก้วกลางใจไยลาลับมากลับกลาย
ดารารายเรียงดวงร่วงพรูฟ้า..

โอ้พุดซ้อนมาอ้อนใจใครละหนอ
เล็บมือนางไกวกอพ้อห่วงหา
การะเวกเสกสิ้นหวานบานโรยรา
กุมาริกาหมองเศร้าราวเข้าใจ..

จำปีเอ๋ย..ไยนิ่งเฉยลืมปีหวาน
ยอมร่วงรานยอมโรยราฤาไฉน
โมกดอกน้อยน้อยใจร่วงทวงถามใจ
บานบุรีไยแย้มเย้ยคนเคยรัก...

ดวงดอกปีบบานบีบใจไยทิ้งต้น
พวงครามหล่นปลิดปลิวลิ่วลืมภักดิ์
กาหลงเอยไปหลงใครไยพรากรัก
เกลียวสวาทหักคาต้นหล่นรอใคร...

ชมนาดวาดฝันรอพ้อดอกฝัน
บุหงาสวรรค์บุหงาส่าหรี่คลี่กลีบไหว
บานไม่รู้โรยโหยหาคนในใจ
ดาวประดับใจประดับรักภักดิ์เพียงเธอ...

กระดังงาว้าเหว่เสน่หา
อมรเบิกฟ้ามิเบิกใจไยรอเก้อ
หีบไม้งามยังหวามไหวหลงละเมอ
อัญชัญเพ้อเผยอม่วงทวงถามคำ..

รสสุคนธ์นางแย้มแกมกลีบเศร้า
ราชาวดีราวไร้ราชินีราตรีช้ำ
รักดอกม่วงร่วงคาต้นคืนฝนพรำ
รำเพยย้ำอย่าเอ่ยเผยความใน...
 
พวงชมพูเคยบานหรูพรูคาต้น
พุดจีบหล่นพราวพื้นฝืนไม่ไหว
พุทธชาดเลิกวาดหวังพิสวาสใคร
พุดน้อมใจเด็ดพุทธรักษาบูชารัก...

มะลิลามลุลีคลี่ดอกหวาน
แย้มตระการมะลิวัลย์พันผูกนัก
มะลิซ้อนซ่อนซึ้งใจใครเคยภักดิ์
มะลิฉัตรระบัดดอกบอกระทม...

สายน้ำผึ้งเคยซึ้งใจในความหวาน
สายหยุดรานหยุดกลิ่นสายคล้ายขื่นขม
เสาวรสหมดสิ้นรักรอเพียงตรม
เหลือลั่นทมบานเศร้า...หนาวกลางใจเพียงดอกเดียว!


****************



http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_32123.php
 
  ในอ้อมโอบแห่งรัก   
..................... 

ดวงเขียนเรื่องนี้
ด้วยใจที่สุขสงบ..เหลือเกิน...
เป็นดึกดื่นคืนเพ็ญ....
จันทร์ดวงงาม..ลอยเด่น 
ประดับบนฟากฟ้า..
สลับกับดวงดาราระยิบกระพริบพราวพราย.....

เสียงหรีดหริ่งเรไรระงม..... 
พรมพร่างด้วยน้ำค้างกลางหาว...... 

นานๆจะมีเสียงพลุ 
และประกายสีสันจากดอกไม้ไฟพรูพร่างท่ามกลางฟ้ามืด.....
ดวงจุดเทียนรายรอบ 
และวางไว้ในโคมเพื่อใช้เขียนหนังสือ......
ทิวไม้งามรายล้อม..แลดูตะคุ่ม 
โดมสีขาวจากบ้านเพื่อนบ้านโผล่พ้นดงไม้ ดูราวกับ 
ปราสาทแห่งความฝัน........... 

บางค่ำคืน ...
เมื่อม่านฝนพรำโรยตัวเป็นหมอกหนา........
ดวงจะอาบน้ำท่ามกลางแสงเทียน 
วับแวม ให้หวามไหว 
ซุกตัวในอ่างน้ำแสนอุ่น

และจากกระจกบานกว้าง...
มองออกไปยังฟากฟ้า แสนไกล.....
ซึ่งดูราวกับฉากแห่งม่านฝันรำไรในสายฝน 
สลับสล้าง สวยเหลือใจ................ 

ดวงคิดเสมอ....
ว่าโลกนี้อยู่ที่ใจเราจะเนรมิต...... 
ดวงสามารถสร้างโลกในฝัน...
ให้เป็นโลกแห่งความจริงที่สวยงาม...เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ 
และโดยมิพักต้องลงทุนมากมาย................... 

ดวงปล่อยให้...การะเวกเลื้อยพันเป็นลวดลายงาม..
ขึ้นมาทายทักจนถึงระเบียงดาดฟ้ากว้าง 
ที่ดวงใช้เขียนหนังสือ....

กลิ่นการะเวกยามเย็น
ทำให้งานเขียนของดวงลื่นไหลตราตรึง...
การะเวกเกาะเกี่ยวเกิดเป็น..
ม่านลายลูกไม้ธรรมชาติ ตามกระจกรอบๆบ้าน..แทนม่านหรู. 
แถมเป็นม่านที่มีกลิ่นจรุงใจ..งดงาม หวานหอม....... 
เป็นม่านผืนที่ต้องใช้ใจถักทอเพียงเท่านั้น....ถึงจะมีสิทธ์ได้มา........ 

บ้านของดวง....มีลวดลายจากใบไม้นานาพรรณ......
มาถักทอและบดบังให้แลลอดรำไร 
เป็นม่านเย็นตา เย็นใจ 
ทุกโมงยาม ที่ใจดวงงามได้สัมผัส....
ต้นแก้วสูงถึงชายคา........
แผ่กิ่งก้านอวดดอกขาวพราวต้นเมื่อยามวสันตฤดู.....

กลิ่นหวานเศร้า 
เคล้าสายฝนจะแทรกเข้ามาเห่กล่อม
ให้หลับไหลอย่างแสนสุข....

ดวงมีเล็บมือนางสวยเลื้อยพันเป็นซุ้มหน้าบ้าน.....
ไว้เกาะเกี่ยวใจของคนที่มาเยือน.... 
มีต้นมะม่วงสูงใหญ่
ที่ไว้เป็นที่ให้นกกามาอาศัย..ทำรัง 
และให้ นกเขามาร้องขันคูปลุกในยามเช้าตรู่ 
เมื่อถึงฤดูกาลออกผล แค่เอื้อมมือไปก็เด็ดได้ไม่ยาก...

แล้วไหนจะจำปีที่ชิดเชยถึงชายคา..ริมระเบียง 
อยากเก็บแแซมผมก็เพียงสัมผัส...... 

มีดอกพุด...ที่มีหนุ่มคนไกล..ปลูกไว้ให้ 
ราวกับจะเป็นไม้เสี่ยงทาย....
ให้ดวงเฝ้ารดน้ำพรวนดิน 
ทะนุถนอมแทน ..
เพื่อรอดูตุ่มแรกของดอกที่จะผลิบาน.......... 

แล้ว ดวงตั้งใจจะเก็บไปถวายพระพุทธรูป
ที่ดวงจุดเทียนสวดมนต์กราบไหว้ทุกค่ำคืน.... 
เพื่อเป็นมงคล เป็นพุทธบูชา....

และดวงจะอธิษฐานจิต
ให้ดอกพุดนั้นแทนรักที่งดงาม........ 
บริสุทธิ์ใส และเบิกบาน ให้เจ้าของสมหวัง...ดั่งใจ เฉกเช่นเดียวกัน......... 

เราทุกคนมีใจดวงเล็กๆเหมือนกัน...
ใจดวงที่สามารถจะเปิดให้ความงามที่รายล้อม 
รอบรอบตัวเข้ามาสัมผัส....
ง่ายแสนง่าย.ใกล้แสนใกล้......แค่มือคว้าใฝ่.............. 

เพียงมีใจปราถนารับความละเมียดละมุน..มาต่อเติมใจ 
ให้ไฟฝัน มิมีวันมอดสิ้น.........
ชีวิตนี้สั้นนัก.....
ไม่ช้านาน
เราทุกคนก็ต้องลาจากโลกสมมุตินี้ไป.....
แล้วไฉนเล่า 
ไม่เบิกบานกับชีวิต....
และเตรียมทำใจยอมรับความจริงของชีวิต

*การพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์
การประสบกับสิ่งที่ไม่รักก็เป็นทุกข์*

เมื่อเราก้าวเข้ามาในโลกแสนสวยใบนี้....
สิ่งเดียวที่เราจะหยิบยื่นให้แก่โลกนี้ได้ 
คือไม่เบียดเบียนโลก...ไม่เบียดเบียนตัวเอง
ไม่เบียดเบียนเพื่อนร่วมโลก..

เราแค่ผ่านมาทักทายและอาศัยพักใจเพื่อรื่นรมย์ 
และฝึกจิตที่พร้อมจะยังประโยชน์ให้คืนกลับ แก่โลก 
และผู้ที่จะตามมาในภายหลัง...

โลกนี้อยู่ได้ด้วยรัก...
รักที่สวยงามจะเป็นพลังสรรสร้างทุกๆสิ่ง.....
รักทำให้โลกหมุน..... 
และโลกจะไม่โหดร้ายจนเกินไป
ถ้าเราจะช่วยกันแบ่งปันแก่ผู้ยากไร้สิ้นหวัง..................... 

ดวงขอจบด้วยบทเพลงหนึ่ง
ซึ่งดวงกำลังเปิดฟังในค่ำคืนที่มีมนต์ขลังนี้ 
ให้มันลอยแทนใจ 
แทนความคิดถึงทุกทุกคน 
ถึงใจทุกทุกดวงที่รู้ซึ้งถึงคุณค่าแห่งรักทุกๆรูปแบบ 

และโดยเฉพาะ 
คนพิเศษในใจของดวง...
ที่บ้านเกิดเกาะแสนงาม..
ที่อเมริกา...แคนาดา...และออสเตรเลีย...

รวมทั้งเพื่อนแสนรัก 
ทุกคนที่ญี่ปุ่น....สิงคโปร์...
ผู้ที่ดวงหวังใจว่า..เกิดมาเพื่อรัก...
และรู้ความหมายของการเสียสละนะจ้ะ 

...............


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=65

เพลงรักไม่รู้จบ................... 

ถึงจะอยู่สุดหล้าฟ้าดิน.... 
แม้จะสิ้นสิทธิ์และเสรี 
แต่วันนั้น..ใจฉันยังคงที่ 
ความรัก..ความภักดี ไม่มีสิ้นสลาย 

ถึงโลกแตกแหลก..แหลกเป็นผงคลี 
รักเต็มปรี่..ไม่มีรู้คลาย 
ชีพถูกฝัง ความรักยังเวียนว่าย 
เคียงคู่เธอ ไม่คลาย ฝากวิญญานไว้ครอง 

ด้วยความรักไม่รู้จบ 
แม้ผืนดินกลบยากลบรอยรักเลือน 
จะเนิ่นนาน..กี่วัน..กี่ปี...กี่เดือน 
ดินฟ้าจะคล้อยเคลื่อน ใจไม่เลือนรักเธอ....... 

ทุกทุกอย่างบนทางรักจริง 
ทุกทุกสิ่งบนทางรักเธอ 
จะสมหวังหรือพบความเพ้อเจ้อ 
เป็นที่ใจของเธอจะจริงจังฉันท์ใด 
...........................................................
ใช่เลยใช่ไหม ถ้าใจเธอหนักแน่นพอ............... 
ด้วยรักจากใจ  
 
 
 


				
9 พฤษภาคม 2547 23:09 น.

สายฝนสายฝันนิรันดร์รัก

พุด


url=http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=129
(หยาดฝน หยดน้ำตา)
....................

ฟ้าเศร้า..งามด้วยเงาเมฆเทา 
ทอทอดหมองครองระทมทุกทิศทาง

ผู้หญิง..ในชุดขาวยาวกรอมเท้า 
สวมหมวกลายลูกไม้
ปล่อยผมยาวสยายรุ่ยร่าย
ให้สายลมพัดพาปลิวไปเบื้องหลัง
ราวไม่ใยดี ราวกับโลกนี้มีเธอเพียงลำพัง..ลำพัง
ในยามฟ้าโพล้เพล้เหว่ว้า..สนธยาเงียบงาม

เธอ..
ยืนทอดร่าง 
อย่างอ้างว้างดายเดียว เดียวดาย.........
ใต้ต้นหางนกยูง
ที่กำลังอวดดอกแดงสะพรั่งพรึบไปทั้งต้น
กับลมพัดใบไม้ไหวกระจาย
คล้ายพัดพาใจเธอกระเจิง..


งามดวง..ดอกไม้..ธรรมชาติ
ข้างทางสายเก่า สายเคยคุ้น
ที่กำลังหมุนละมุนวันคืนแสนหวาน
ที่ตระการตาตระการใจ
ด้วยดวงดอกไม้ฟายฟ้อน
ที่เคยออดอ้อนละเมอเพ้อรำพัน
ฝากฝันฝากใจฝากสายใยรัก
มากับสายวสันต์งาม
ราววันนี้
ลมพัดหวลอวลย้อน
ให้คืนฝันวันแสนดีแสนหวาน 
นานนับปี..คืนกลับมา

ดูราวกับว่าเหมือนเดิม..
แต่
ไม่เหมือนเดิม!
เพราะ
เพิ่มจำนวนนับมากขึ้น..
และคงมากขึ้นทุกปีทุกทีนะทุกดวงใจนะยอดดวงใจ

ฤดูกาล..ก็เหมือนฤดีคน 
ที่หมุนวนหมุนเวียน
เปลี่ยนผันแปรฝันแปรหวังแปรหวาน
เป็นรานร้าว
อาจจะ
มีร้อนหนาวเคล้าคลุก
สุขเศร้าเหงาเปลี่ยว..ตามกรรมตามกาล

เปลี่ยนก็เพียงฉากตอน...
สุดแล้วแต่ใครจะนำมาสอนใจ..
ไขว่คว้าคว้าไขว่มาใส่ร่างใส่ใจใส่จิตวิญญาณ
ให้งามพร้อมพลี..
ที่จะเลือกรัก..หักใจ..ตัดใจ..หรือ..ยอมรอ..รอและรอ..

มีเพียงบางใครบางคน
ไม่แปรใจไม่แปรพรากจากลา..ไม่..ไม่..
เพราะว่ามีใจดวงหนักแน่นมั่นคงซื่อตรงในรักดั่งภูผา

ที่รับรู้รับรักรับรสระหว่างกันและกัน..
ระหว่างคนสองคน..
มิปนมีแปลกมิเปลี่ยนไป
ตามคำตัดสินของใจของใครของคน..
ที่
คือใจเขาก็ใจเขามิใช่ใจเรา..มิใช่ใจรัก..ภักดิ์พลี
และ
มี
หวัง..ฝัน
ฝัน..หวัง
สำหรับเรา..นะคนดี..นะดวงใจ
ว่า
ยังคงมี
ใจเดิมพันใจ
ใจเข้าใจในมหัศจรรย์รัก
ใจรู้จักวางใจ
ใจเชื่อใจ
ใจมั่นใจ
ใจรู้ใจ
ใจให้ใจ
ใจเติมใจ
ใจ..จึงได้ใจ
และใจก็จะหลอมละลายกลายเป็นใจดวงเดียวกัน
เป็นขวัญพร่างกระจ่างใจ
ผูกพันกันไปเป็นพิสวาทมิคลาดคลาทุกชาติภพ
รอบรรจบเกาะเกี่ยว
เป็นพลังจิตพลังใจพลังวิญญาณดวงใสดวงงาม
ตราบชั่วกาลชั่วกัปป์กัลป์ชั่วนิจนิรันดร....

มาสร้างงามหอมด้วยดวงดอกความดี
ดอกธรรม นี้ที่รู้พลีดำรงร่างอย่างคนเหนือโลก
รู้ลบโศกลบเศร้า อุทิศร่างร้าวใจไร้
ให้ร่มธรรมเป็นร่มใจ
นำทางใจให้สวยใสสะอาดสว่างสงบ

รอพบเพียรสร้างกุศล
รอวาสนา  รอ..รอ..และจะรอ..จนกว่า

สักวัน..ต้องมีสักวัน..
ที่พระเบื้องบนจะเห็นใจคนดี
นะคนดี..
อย่าท้อใจหากใครผิดหวังในรัก..
จง
รู้จักสร้างพลัง
ด้วยดวงดอกความดี ความดี และความดี
พลี...พลีและพลี..
สู่ทางวางแอกใจ..ไม่ท้อใจไม่ทุกข์ทน..
ไม่..สับสน..หากรักให้เป็น
ให้เย็นให้ใจ..
ให้น้ำใจหยาดสายใสสู่กัน
ดั่งหยาดฝนพรำ..พรม...

............
ฝนเทลงมาแล้ว
เธอ..แหงนเงยหน้ารอหยาดทิพย์โปรยหล้า
จากฟ้าสู่ผืนดิน มิรู้สิ้นรู้จบ

แม้นใจไร้..ร่างร้าว..จะหนาวแสนหนาว
ราวรอ..นกปีกหัก
กลับมาซุกซบสู่อ้อมอกอ้อมตักอ้อมใจ
สู่รังรักอันอบอุ่น..รอ..รอ..และ

จะรอทุกอุทัยโลกหมุน..
นับนานผ่านปี..ปี..และ..
จะสักกี่ปี..กี่ภพ
ก็จะไม่จบสิ้นรักนับ
จากวันนี้นาทีนี้
จนตราบถึงวันสิ้นลม..

...........................


อ้อนใจ! 

ขอเขียนกลอนอ้อนใจใครคนหนึ่ง
คนฝากซึ้งตรึงใจในวสันต์
คำคิดถึงซึ้งรุนแรงแข่งแสงจันทร์
นำทางฝันส่องสว่างกลางนวลใจ..

มองแมกไม้กับเงาจันทร์ขวัญฝากพ้อ
และอ้อนขออย่าแรมไกลใจหวั่นไหว
ในโลกฝันฉันมีเธอเพ้อเพ้อไป
เป็นเงาใจรจนาฝันวันแสนดี..

สายวสันต์พาฝันเก้อเพ้อกลอนหวาน
แม้นร้าวรานหวานดวงใจใครคนนี้
ฝากคิดถึงซึ้งเศร้าถึงคนดี
ในฤดูมีฤดีมีรักรอ..

เด็ดดอกไม้หอมหอมกล่อมหลับฝัน
ขอฝากจันทร์ฝากใจใครละหนอ
วางเคียงหมอนราวนอนใกล้หอมละออ
สวดมนต์ขอรอชาติหน้ามาคู่เคียง! 
.............




แถมอีกเรื่องแสนสุดรักค่ะ
*********
พ้นพันธนา!    
พุดพัดชา  


พ้นพันธนา.
หัวใจของฉัน ผู้หญิงคนนี้ 
ที่คิดว่าน้อมรับธรรมชาติมาแต่อ้อนแต่ออก 
บอกใครถ้วนถี่ก็มิได้หมดใจ 
นอกจากพยายามรจนาออกมาได้บ้าง 
เป็นบางส่วนเสี้ยวของชีวิต...  

ตอนเป็นอาจารย์ มักจะยกตัวอย่างธรรมชาติงาม
มาน้อมนำใจให้ลูกศิษย์ สาวชาวกรุง 
ผู้มิเคยได้สัมผัสของจริงได้รู้ว่า ฟ้างาม นั้นน่าตะลึงหลงเพียงใด 

มันเปลี่ยนสีไปราวเวทีธรรมชาติ 
ที่เล่นแสงสี แสงสวยโดยไร้มือผู้ใดบังคับควบคุม 
ทุกสิ่งที่ฉันได้ซึมซับ กลับรื่นรินไหลให้กับดวงใจอ่อนเยาว์ 
ให้อ่อนโยนที่ละนิดทีละน้อย อ้อยสร้อย รวมเป็นกอบกำ 
จนยึดครองสี่ห้องหัวใจของฉันไปหมดสิ้น...

จนถึงวันนี้ นาทีนี้..  
ฉันเคยมียามเช้าที่แสนดี มียามเย็นที่แสนงาม 
มีพระจันทร์ให้ฝันในยามค่ำ 
มีพระอาทิตย์เริงระบำ ตั้งแต่เช้าจนตกเย็น
เป็นราวเพื่อนใจในทุกโมงยาม 

มีหาดทรายกว้าง มีน้ำทะเลสวย 
มีดวงดาวสุกใส สว่างระยิบระยับ 
ใกล้จนแทบเอื้อมมือคว้าไขว่ได้ นับดาวแทบไม่ทัน 

เป็นคืนฝันวันงดงามแจ่มกระจ่างใจ 
จนเขียนออกมามิได้หมดสิ้น..  

เมื่อย่างสู่วัยสาว วัยร้าวไหว กับคนและความรักเพรียกหา 
สองตาจะมืดบอดสนิท ลืมคิดลืมมอง ธรรมชาติ 
เฝ้าโศกตรม รำพึงรำพันฝันหาบ้าๆบอๆ กับพิษรัก 
ที่หลงลมคว้าไขว่ ให้ใจมีพันธนา 
แทบเป็นบ้าเป็นหลังไม่เป็นอันกินอันนอน..

และในยามนั้น ใช่จะมีไทยโพเอมให้ฝากฝันฝากรักระทม 
ถ่ายเท ใจอย่างในยามนี้เสียที่ไหนกัน 
ที่มากมีคนหัวอกเดียวกัน มากมายมากมีมาปลอบประโลมใจ..  

วิธีหนีทุกข์ ยามอกหัก ยามนั้นคือ...
ได้พักใจนั่งรถไฟซมซานกลับบ้าน 
เสียงรถไฟชึ่กชั่ก ๆๆ กับเส้นทาง สายงามทอดยาว 
จะช่วยลดร้าวระบมใจลง และค่อยๆลืมหมองหม่น
ไปจนตลอดทาง..ยาวไกล......... 

เคยนั่งอ้างว้าง บนเรือโดยสารยามเย็นกลางทะล 
และยามอาทิตย์ใกล้จะลาลับฟ้า
เป็นภาพ ที่สวยจนพรรณาไม่ออกบอกไม่ถูกเอาเลยที่เดียว 
ได้แต่นิ่งงันฝันคว้างลอยเลื่อนราวมีวิมานตรงหน้า 

และทุกคราครั้งเมื่อถึงบ้าน..ฉันจะกระโจนลงทะล 
ให้หายว้าเหว่ เปล่าเปลี่ยวใจ   ไปลอยคอกลางทะเล
มีพระอาทิตย์เป็นเพื่อน มีดาวเดือนเห่กล่อม..
บางทีดำลงไปนิ่งนานให้น้ำเค็มขมของทะเลสอนใจ 
ยามที่รักแบบโงหัวไม่ขึ้น

เพื่อรอคำถามว่าจะเลือกโผล่ขึ้นมาหาหวานมันส์ให้กับชีวิต
หรือว่าจะโง่งมงายให้ขมปี๋กัดกินใจและร่าง.....ต่อไป.... 
และบางทียามที่ไม่มีน้ำทะเลช่วยเห่กล่อม 
จะมีแต่น้ำตาเป็นสายเดียวกับน้ำจากฝักบัวพรูพร่าง 
ยามตรอมตรม..ฉันจะพุ่งดิ่งตรงไปใต้ฝักบัวปล่อย
ให้สายน้ำพรูพร่างหยาดรด.. เปียกโชกแล้วนั่งค้างนิ่ง 
รอให้สายน้ำใสรุนแรงละลายหยาดน้ำตาไปกับสายน้ำราว.. 
ประโลมร่างไร้ใจให้คืนกลับ......ด้วยใสเย็น..  

เคยร้องไห้ กลางสายฝนเดียวดาย 
กับยามไกลบ้าน เคยข้ามเคเบิลคาร์
พาร่างบอบช้ำและใจมืดหม่น เดียวดาย 
ไปนั่งดูไฟพริบพราวจากเรือในโค้งอ่าวสิงคโปร์ที่เกาะเซนโตซ่า.....  

เคยและเคยมาทุกรูปแบบ 
ที่ระบมกับพิษรักที่หนักยิ่งกว่าพิษไข้เสียเป็นไหนๆ.. 

แต่มาวันนี้..ใจดวงนี้ ถึงที่สุดแล้ว 
แม้จะมีน้ำตา แต่คงแค่ไหลออกมาระบาย
ใช่จะยอมรับไม่ได้ กับความผันแปรมิแน่มินอน
ของเกมรักซ่อนเงื่อน..ซ่อนใจ..

รู้ระกำ รู้ทำใจ ปล่อยวาง รู้ว่าง รู้ปลดปล่อยจิตให้อิสระ 
ไร้พันธนาด้วยโซ่ตรวนแห่งกรรม 
ไม่ว่าจากใคร จากใจต่อใจ จากเขา จากเราเอง.. 
ไม่มีอะไรแน่นอน..เท่ากับความว่างความพอดี 
ความรู้ทัน....รู้เท่าทุกสิ่ง..ที่เป็นธรรมดาๆโลก 
ที่มนุษย์มากมีต้องเวียนว่าย หนีไม่พ้นเพรงกรรม
ที่เคยร่วมสร้างกันมาแต่ภพก่อน ปางก่อน.. 

เวลาผ่านไป ไม่ช้านาน ทุกร่างรัก 
ที่แย่งชิง ริษยา เสน่หา มืดบอด หวงแหน
ก็จำต้อง โรยรา ร่วงหล่น ปนเปื้อน คืนกลับสู่ผืนดิน..ทุกตัวตน...
ยามสนธยาแห่งชีวิตมาเยือน.. 
....................
 



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=129
หยาดน้ำฝน หยดน้ำตา   
ดาวใจ ไพจิตร : : Key Gm  

หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
หลั่งความขื่นขมที่ถมอยู่ใน ใจตน
หยาดย้อยจากปรางสวรรค์เบื้องบน
สู่กลางแก้มดินในฐานถิ่นคน
นั้นคือหยาดฝน ฉ่ำใจ
สาดสายพร่างพรายพรมผืนไร่นา แนวเนิน
ป่าดอนโขดเขินคลองขลุงทุ่งหนอง นองไป
หล่อเลี้ยงพืชพันธ์ มีผลดอกใบ
โลกเคยหลับไหล พลันฝืนตื่นใจ
สวยงามสดใส จริงเอย
ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา
พลันน้ำตานางฟ้าระเหย
เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย
ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน
หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน
แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล
ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน
ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ

ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา
พลันน้ำตานางฟ้าระเหย
เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย
ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน
หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน
แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล
ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน
ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ... 


				
2 พฤษภาคม 2547 20:44 น.

รอดวงดอกฝนไร้ดวงดอกฝัน!

พุด


URLhttp://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=496
(หยาดรุ้ง)
*********

ดอกดวงใจแตกพรายราวเพชรพร่าง
งามกระจ่างกลางใจไม่ชอกช้ำ
ดอกความดีที่เคยให้ได้รินร่ำ
คือดอกธรรมดอกจริงใช่สิ่งลวง..

ดอกน้ำใจใสเย็นเช่นหยาดฝน
หวานหอมหล่นผ่านปีที่ลาล่วง
ให้พลังให้ความหวังให้ความห่วง
แล้วก็ร่วงแล้วก็ร้าวไร้เข้าใจ

ดอกข้าวหอมน่าจะตอมตามมาติด
มาสถิตดอกดวงใจในแน่นหนัก
น่าเสียดายคล้ายเสียใจดวงดอกภักดิ์
หลงนานนักหลงลืมนึกลึกซึ้งลวง..

ดอกตัดใจแตกกอรอฝนใหม่
หวังผลิใจราวผลิช่อรอหยาดสรวง
ให้ฝนใหม่ล้างใจลืมลมลวง
ราวกับรวงร้างเคียวเลิกเกี่ยวใจ

ขอดายเดียวเดียวดายทางสายโศก
เหมือนกับโลกแสนว่างวางหวั่นไหว
นับแต่นี้ไม่มีขวัญบ่มหอมใจ
เหลือเพียงใจกลางกลางร้างไร้รอ..

****************


น้ำตาดวง...น้ำตาดาว......


ค่ำคืนนี้
ดวงมีเวลา  
ทอดน่องทอดอารมณ์ทอดใจทอดสายตา........ 
ไปตามถนนสายงามเส้นเล็กๆ  
หน้าบ้านของดวงซึ่งแสนเงียบสงบ
มีแต่เงาไม้...งามเรียงราย.....สองฟากฝั่ง........ 

สิ้นสุดซอย....
จะมีบ้านงาม..หลังใหญ่..ราวปราสาท....แทรกในดงไม้.. 
ตะคุ่มพุ่มพฤกษ์สูงลิบ..คลอรั้วสูงลิ่ว ..ปานกัน......... 

ดวงชอบที่จะเดินผ่าน..ต้นไม้ที่รายเรียงเหล่านั้น...... 
และสมมุติตัวเองว่า....กำลังเดินในป่าใหญ่....ที่ไหนสักหนแห่ง....... 

แลลอด..แมกไม้ ใบบัง.....
ดาวประจำเมือง....โผล่พ้นทิวไม้..ใสสุกปลั่ง..... 
ราวราชินีดาว...รายเรียงด้วยรวงดาราดารดาษ....พริบพราว..
ล้อเลียนให้ดวงแย้มยิ้ม........ 
เลิกหม่นเศร้า......ร้าวรานใจ

ทุกคราครั้ง..
ที่..สายตา..สายใจงาม 
แลลืมไปเห็น...ฟ้ากว้าง....
ในยามมืดหม่นพาใจ..ไหวหวั่น..
อ่อนโยน..เดียวดาย....ประหลาดล้ำ

น้ำตาจากใจดวง...ร่วงพราวพร่าง....
ราวน้ำตาดาวร่วงหล่น.....ยามจากลาลับฟ้างาม....... 
ในคืนฟ้ามืด...ที่ไร้สิ้นแสงแห่งเดือน.............. 

น้ำตาดวงกับน้ำตาดาว.....
ใครกันเล่า...จะร้าวระบม.....กว่ากัน...ในค่ำคืนเดียวดาย 
โดยลำพัง.....ณ..ยามนี้........ 


แก้ว...หน้าบ้านยืนต้นหม่นเศร้า....
ไร้ร้างราดอก..นับจาก..ฝนลาฟ้าหม่น...
ทิ้งใบเหลืองพราว 
เกลื่อนกล่น..ให้กวาดเช้า... เย็น 

กล้วยกองาม...อวดใบสล้าง....แม้ในเงามืด
อิ่มเอิบราวสาววัยผลิบาน.... 
รอรับสายฝน....ยามวสันตฤดูเยือน
รูปทรง...งาม.....เรียบง่าย...ไร้มารยา....
มากล้นคุณค่า...จากรากลึก..สู่ใบ..ไปถึงผลงาม.... 

ไม่ช้านานใบเขียวอ่อน...งามสล้างเผยอ..
รอรับหยาดน้ำค้างอรุณรุ่ง..ที่โลมไล้...พาใจให้ใสสดตาม 

กลิ่นดอกวาสนา....ใกล้ราโรย......
หอมอวลลอยลม.....ชวนดอมดม
มิพักรอ..วาสนาอื่นใด ใจก็ชื่น..ก็ฉ่ำพอแล้ว

กลิ่นหอมแผก...พันธุ์ไม้นานา...ยามทิวาลาลับไป


ราตรี...โมก....เล็บมือนาง...มิหลับไหล...
ล้วนส่งกลิ่นฟุ้งหวาน.แทรกลมเย็นยามค่ำ 
อบร่ำให้ใจแสนเศร้า..
เฝ้าถวิลถึง...ใครบางคน....ที่แสนไกลห่าง.. 

การะเวกเหลืองอ่อน..นวลนุ่ม..บอบบาง..
ราวผิวสาวไร้มือชายเชย..... 
แค่สัมผัสพลัน...ร่วงหล่นพราวพื้น....พ้อลา
อยากดอมดม...พรมจูบ...ให้ชื่น..
ต้องเหนี่ยวโน้มเบามือ

ไม้คู่สุข....คู่เศร้าเคล้าใจดวงงามตลอดปีเดือน...
ทนทาน...หวาน..หอมลึก
ประโลมใจ....ม่เคยหวั่นไหว.....แม้แดดลม

ดวงดาริกา.กระจ่างใสในห้วงนภา....
แม้ฟ้าหม่นมัว....


พันธุ์ไม้ไทย...แย้มกลีบหอม... 
ทายทักราตรี...สงบงาม.....
พาใจทุกดวง...ให้ไหลหลง...ลุ่มลึก.

แม้ในความมืด..
มีความงามงด....ซ่อนเร้นทุกอณู

เพียงใช้ใจสัมผัส..แผ่วเบา...ไม่รานรุก.. 
เปรียบดังยามชีวิต..และใจ..สิ้นไร้หวัง...
หมองหม่น...ราวเมฆมืดบัง


ทอดน่องช้าๆ   ชายตา   ชายใจ....สัมผัสทุกสรรพสิ่ง
พลังธรรมชาติ..แฝงฝัง ..เรียบง่าย สงบงาม 
ตามพุ่มพฤกษ์ไพร ในโลกกว้าง 


หยาดน้ำค้าง....ดวงดารา....ฟ้ามืดหม่น 
ด้วยใจทั้งดวงที่..สงบนิ่งล้ำลึก......... 

ปิติใจ ปิติงาม ปิติเงียบ 
เปิดประตูใจให้กว้างกับโลกใบนี้
ที่มีสองด้านเสมอ 

ใช้สายตา สายใจ
ที่มีเยื่อใย เกี่ยวพัน .....
ถึงน้ำ... ถึงดิน..ถึงลม .....
เติมไฟฝัน....มิมีวันมอดสิ้น

ฝากใจ ดวงงามล้ำค่า 
ยามราตรีนี้ ผ่านสายลมหนาว ฟ้ากว้าง 
ขุนเขาลิบลิ่ว ทิวเมฆสล้าง 

เพื่อเคียงชิดใกล้ ห่มใจด้วยใจ....ให้คนไกล.. 
ได้ไออุ่น....หนาวคลาย....
เพื่อเร่งวันรอคืน กลับสู่ผืนดินเกิด แสนงาม

ที่มีผู้มากล้นใจรักภักดี...ร่ำร้อง.เรียกหาทุกนาที
ที่ผันผ่านแม้นานนับ......นะดวงใจ... 

				
2 พฤษภาคม 2547 14:01 น.

ในว่ายเวิ้งฝันนิรันดร์งาม!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=420
(รางวัลชีวิต)
URLhttp://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=594
(วันคอย)
*************

สนธยา..แล้ว..
ตะวันดวงสีทองผ่องผุดราวสีหมากสุก
กำลังระดะสาย..พรายแสงเรียวงาม
ราวเรียวรุ้งในทุ่งดอกไม้เมฆ..งามระยับยิบ
เหนือเจดีย์องค์ใหญ่วัดใหญ่ชัยมงคล..อยุธยา

ที่ฟ้าสีไพลงามฉ่ำดวง
กำลังระร่ำแสงรอนรอนภิรมย์อาบห่ม
ลอยดวง..เหนือยอดเจดีย์ 
ที่ช่างเป็นภาพแสนงามในดวงใจ


ที่ลดหลั่นละไล่
งามคล้ายดั่งเมืองแมนแดนสวรรค์
ในตรึงขวัญงามเงาในอดีตลาเลือนเลยลับ
และ
ราวบท*เห่ครวญ*แสนโศกใจไหวงามของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์
ลอยหวานเศร้าอะคร้าวโศกร้าวสะเทือนโลกสะเทือนฟ้า
สะท้านใจไหวแว่วแผ่วมาพร้อมกับ
วะแว่วเสียง
มโหรีบรรเลงขับกล่อมเพลงเสภาโศกสะเทือนคลอ

***********************


รอนรอนสุริยคล้อย  สายัณห์ 
เรื่อยเรื่อยเรื่อแสงจันทร์  ส่องฟ้า 
รอนรอนจิตกระสัน	เสียวสวาท   แม่เอย 
เรื่อยเรี่อยเรียมคอยถ้า	ที่นั้นห่อนเห็น ฯ 
 
     เรื่อยเรื่อยมารอนรอน	สุริยาจรเข้าสายัณห์ 
เรื่อรองส่องสีจันทร์	ส่งแสงกล้าน่าพิศวง 
    
ลิ่วลิ่วจันทร์แจ่มฟ้า	เหมือนพักตราหน้านวลผจง 
สูงสวยรวยรูปทรง	ส่งสีเจ้าเท่าสีจันทร์ 
    
เอวอ่อนชอ้อนองค์	โฉมอนงค์ทรงสาวสวรรค์ 
หาไหนไม่เทียมทัน	ขวัญเนตรพี่นี้น่ารัก 
    
ขาวสุดพุดจีบจีน	เจ้ามีสีนพี่มีศักดิ์ 
ทั้งวังเขาชังนัก	แต่พี่รักเจ้าคนเดียว 
    
นอนนั่งตั้งอาลัย	สายสุดใจไม่แลเหลียว 
หวังชมสมกลมเกลียว	ควรฤาน้องข้องใจเคือง 
    
ขาวสุดพุดซ้อนแซม	เนื้อแอร่มอร่ามเหลือง 
โฉมอ่ากว่าทั้งเมือง	หนแห่งใดไม่เหมือนเลย 
    
ได้น้องทองนพมาศ	มาสังวาสพาดชมเชย 
ร่วมเรือนเพื่อนพิงเขนย 	เคยวิงวอนอ่อนหวานคำ 
    
ฝนตกยกปีกป้อง	ฟ้าร้องต้องเอาตนงำ 
ชิดเชื้อเนื้อนวลขำ	อ่อนลมุนอุ่นอกเรียม 
    
รักนุชสุดสายใจ	ต้องฤทัยไม่เท่าเทียม 
ขอต้องน้องอายเหนียม 	เกรียมจิตเจ้าเฝ้าทุกข์ทน 
    
ฝนตกฝนหากตก	แก้วกับอกอย่าโกรธฝน 
ลมพัดรับขวัญบน	แก้วโกมลมานอนเนา 
    
ฝนตกไม่ทั่วฟ้า	เยนแหล่งหล้าในภูเขา 
ไม่เยนในอกเรา	เพราะเพื่อนเคล้าเจ้าอยู่ไกล 
    
เรียมร่ำน้ำตาตก	อกร้อนรุ่มดังสุมไฟ 
แสนคนึงถึงสายใจ	เจ้าไกลสวาทนิราศเรียม ฯ 



เสียงสรวลระรี่นี้	เสียงใด 
เสียงนุชพี่ฤาใคร	ใคร่รู้ 
เสียงสรวลเสียงทรามวัย	นุชพี่   มาแม่ 
เสียงบังอรสมรผู้	อื่นนั้นฤามี   ฯ 
 
    
เสียงสรวลระรี่นี้	เสียงแก้วพี่ฤาเสียงใคร 
เสียงสรวลเสียงทรามวัย	สุดสายใจพี่ตามมา 
    
ลมชวยรวยกลิ่นน้อง	หอมเรื่อยต้องคลองนาสา 
เคลือบเคล้นเหนคล้ายมา	เหลียวหาเจ้าเปล่าวังเวง 
    
ยามสองฆ้องยามย่ำ	ทุกคืนค่ำย่ำอกเอง 
เสียงปี่มีครวญเครง	เหมือนเรียมคร่ำร่ำครวญนาน 
    
ล่วงสามยามปลายแล้ว	จนไก่แก้วแว่วขับขาน 
ม่อยหลับกลับบันดาล	 ฝันเห็นน้องต้องติดตา 
    
เพรางายวายเสพย์รส	 แสนกำสรดอดโอชา 
อิ่มทุกข์อิ่มชลนา	อิ่มโศกาหน้านองชล 
    
เวรามาทันแล้ว	จึ่งจำแคล้วแก้วโกมล 
ให้แค้นแสนสุดทน	ทุกข์ถึงเจ้าเศร้าเสียดาย 
    
งามทรงวงดังวาด 	งามมารยาทนาดกรกราย 
งามพริ้มยิ้มแย้มพราย	งามคำหวานลานใจถวิล 
    
แต่เช้าเท่าถึงเยน	กล้ำกลืนเขญเปนอาจิณ 
ชายใดในแผ่นดิน	ไม่เหมือนพี่ที่ตรอมใจ   ฯ 
 
เรียมทนทุกข์แต่เช้า	 ถึงเยน 
มาสู่สมคืนเขญ 	หม่นไหม้ 
ชายใดจากสมรเปน	ทุกข์เท่า   เรียมเลย 
จากคู่วันเดียวได้	ทุกข์ปิ้มปานปี   ฯ
*******************


มวลหมู่นกไพรพากันโผผินบินร่อนร้องระงม
ราวตรอมตรมกับตะวันลาพาภิรมย์รอน
ซุกปีกอันอ่อนล้ากลางกอละออดวงดอกดกลั่นทมพราวเต็มราวกิ่ง
ที่หอมหอม..หวานระรินร่ำพรำพรมไปกับสายลมในยามค่ำ


ผู้หญิง..ในชุดผ้าซิ่นไหมสีทองผ่องกระจ่าง
พาร่างงามสล้างโปร่งบางกลึงกลม
ห่มงามนิ่มเนินเนื้อหนั่นแน่น
และนวลไหล่สล้างละมุนละเมียดละไม
ด้วยสะไบแพรสีไพล
ที่ซัดส่ายพลิ้วไหวสะบัดทุกรอยงามยามย่างเยื้อง
ให้งามตรึงตาจนทุกคนต้องเหลียวหันมามอง


ด้วยสายตามีคำถาม...
แกมความซาบซึ้งตรึงตรา..ประทับใจ
ไย..เล่า..
ภาพงามดั่งอดีตฝันพราวราวฝันไป
พลันมาปรากฏนะกลางใจไสวสว่างตรงหน้าได้ด้วยไฉนเล่า


ไย..
นางคืองามเนรมิตรลอยสถิต
ดั่งมาประดับหล้า
ลอยพรากมาจากฟากฟ้าไหนละหนอ
ลงมาเยือนโลก มาแต้มหล้าพาโศกซึ้งตรึงตรา
ประทับประเทืองใจให้วาบหวามไหว
ในแสงรำไรรำไรยามตะวันดวงสีไพลโพล้เพล้ชิงพลบ
ราวสยบโลกให้งามเย็น


และกับใจ
ดวงหวานเศร้าดวงดายเดียวเหว่ว้า
ดวงสุขสงบงามเงียบ
เธอค่อยๆแหงนหน้ารอ และรอ ใต้ร่มกิ่งลั่นทม
รอนวลระทมหอมให้
พรายพลิ้วละลิ่วดอกร่วงควะคว้างพร่างดวงดอก
ร่วงกระจาย กรายกลีบแย้มหอมอวลทุกนวลอณูเนื้อใจละออให้ไหวรับ
สู่กลางอุ้งมือสวยไสวที่สวมใส่กำไลเงินวะวาววับ
รับสะท้อนเรียวดวงดอกแดดละมุน


ที่ค่อยๆยกขึ้นช้าช้าราวเอื้อมไขว่คว้า..คว้าไขว่
ในหอมงามให้หอมพร่างลงกลางใจใสวะวับวาว
ในนะบัดดล..
ที่ดอกลั่นทมก็พลันร่วงหล่นพรมพราวราวพลีพร้อม
ลงมาสังเวยดวงใจภักดิ์แห่งรักเธอ


เธอ..ค่อยค่อยหยิบมาทัดแก้มแซมผมหอมเกศเกล้ากรุ่น..
พาให้ใจดวงละมุนเริ่มพร่างหยาดน้ำตาระริน

คิดถึง..คิดถึง..และแสนคิดถึงคะนึงหา
ยอดดวงใจ..คนดี..
พร้อมสะไบภักดิ์สะไบรักสะไบแพรผืนงาม
ที่ห่มหวานระทมทับจับใจดวงโศกราน


ราวย้อนโลกย้อนรอย
ให้ละห้อยหวนหา..อดีต
ใน*คำมั่นสัญญารัก*
ที่แสนงามงดหมดจดจิตวิญญาณภักด์พลี
ที่ผู้ใด ใครไหนเล่า ในโลกสับสนใบนี้
จะเข้าใจจะซึ้งถึงก้นบึ้ง
*แห่งมหัศจรรย์ใจมหัศจรรย์รักภักดิ์นิรันดร์ดวงนี้*


ในนาทีหลังจากนั้น ..ที่
พลันเธอ..ค่อยๆทรุดร่างงาม
น้อมศิระลงกรานกราบ
อธิษฐานต่อเบื้องหน้า..
พระพักตร์พระพุทธผู้พิสุทธิคุณในโบสถ์คร่ำ
และ
หวังจักแค่มีเพียงงามรักหนักแน่น 
มิเคยคิดแหนหวง..ครอบครองใครเป็นเจ้าของ
หรือลวงล่อหลอกใจหลอกใครให้ไหวตรมตาม


เธอ..ผู้บูชาความรัก
และเชื่อว่าศรัทธารักเพียงนั้น
จะยังคงสร้างพลังให้โลกหมุน
ฝากหอมกรุ่นสรรสร้าง
หาก
ดวงใจเราทุกผู้นั้น 
ยังมิได้หันไปใช้ชีวิตแบบนักบวช
ไปเสียสิ้นทั้งโลกหล้า..


เพราะ
โลกจะเหว่ว้าสักเพียงใด
หากหัวใจทุกมนุษย์ปุถุชนทุกผู้...สิ้นไร้รักภักดีใจ
หมดพลังใจพลังงาม
ปล่อยวาง..ให้โลกไร้ทิศทางอยู่ในมือมาร
ที่ยังต้องมีทั้งคนดีคนชั่วคละเคล้า


ใช่..แล้วคนดี
เราทุกคนแค่เพียรทำหน้าที่พล้อมพลีไปด้วยกัน
เพียงแค่เรา
รู้รักเป็นรักเย็นรักงามให้
รู้ว่าความตายคือสิ่งสุดรอบ
และรีบสร้างคุณงามความดี
เลิกมีมิจฉาทิฐิอิจฉาอยากเอาชนะซึ่งกันและกัน


เพราะ
ทุกกมลในโลกนั้น
ยังคงต้องดำรงชีพชอบประกอบกิจ
ยังต้องมีชีวีชีวิตดำรงร่างเพื่อปากท้อง
เพื่อตัวเองและพ่อแม่พี่น้องเพื่อทุกดวงใจ
พร้อมเพียรทำใจสร้างงามภาวนา


อย่า..
ทิ้งภาระทิ้งความรับผิดชอบ
ทิ้งโลกและผุ้คนให้อดหยากหิวโหย
ทิ้งดวงใจทิ้งความรักจริงทิ้งความดี
ทิ้งแล้วเดินหนีจากสังคมจากผืนดิน
ที่ให้กมลและร่าง
ที่ให้เราหยัดยืนเป็นคน
แล้วโลกและคนคนคนจะหมุนไป
ในทิศทางใดเล่าเจ้ายอดดวงใจ


ขออย่าหวั่นไหว
ขอเพียงเจ้า..
ผู้เคยทำผิดพลาดในอดีตอันใหญ่หลวง
ล่วงรู้สำนึกตน
รู้รัก..รู้ลำดับหน้าที่
รู้วัยวันแห่งชีวี
รู้เมตตารู้อภัย
รู้วางใจว่างใจทำหน้าที่ตน
ให้กมลแสนงามแสนดีอย่าผิดซ้ำตอกย้ำใจ
ก็คงพอเพียงพอเพียงแล้วนะเจ้าแก้วขวัญจอมใจ


ใช่..แล้ว
เราทุกคนควรคิดถึงความตาย
และใช้มันมากระซิบย้ำให้ไม่ประมาทกับทุกบทบาทชีวี
แต่ใช่ว่า..
จะละเลยรักแสนดีแสนงามหากพบพานคนดีนะดวงใจ


เพราะคนเราทุกคนคงต้องการน้ำเลี้ยงชีวา
ที่จะนำพาเส้นทางใจให้พบไสวสว่าง
ต่างล้วนมีหัวใจดวงดี
มีเหตุผลมีความรับผิดชอบ
ประกอบชีวีมาต่างกัน..
จงให้ความรักความเข้าใจ
และสำหรับ


เธอ..ผู้มากมีหลายคนห่วงใยมากหวังดี
ขอแค่ดวงชีวีชีวันได้ฝันไกล..ไกล
พาหัวใจไปตามฝันอันเพริศแพร้วพริ้งพราว
ราวเกิดก่อแก้วกระจ่างใจสว่างใจ
ก็ไหวก็งามพอก็รู้พอ
ขออย่าห่วงเลย..นะ
จงรับรู้เพียงนั้น
เพียงแค่ขอเปิดใจดวงขวัญฝัน
หวัง..สร้างสรรโลกและรักนี้ให้จักดำรง
ด้วยศีลธรรมควบคู่หน้าที่แห่ง
คุณงามความดีของทุกผู้คน
ที่ยังคงต้องดำรงได้ด้วยปัจจัยสี่

และ
นี่คืองามดวงใจใครเล่ารู้
ที่หวังเพียรพยายามสร้างโลกฝันและโลกใจโลกจริง
ให้ยิ่งมากงามงดหมดจดจริงใจด้วยการให้
ด้วยการรู้รักรู้วางรู้ทันความเป็นไปแห่งโลก


ที่หวังแค่ว่า
ใจดวงดีมีดวงธรรม
ส่องนำแสงใจให้สวยใสเสมอมาเสมอไป
มิโศกรานมิเศร้านาน
อาจจะแค่เพียงผ่านหวานระรินรดร่ำ
ฝากนิยามรักแบบชุ่มฉ่ำใจ..เพียงแค่นั้นเพียงแค่นี้..
อย่ายึดติดยึดมั่น ฝันฝากใจมาห่วงใยมาพะวงเลย


หวังเพียง
ใส่..จินตนาการ..หวานเศร้า
ราวให้หัวใจนางเอกรานร้าว
รานร่างห่างหวานมีเพียงเหงาเศร้าดายเดียว
ตลอดปีตลอดชาติเพื่อความละไมละมุน


ที่มากผู้อ่านมักหมุนใจตามไป
ด้วยอารมณ์รักอารมณ์ร่วมมากมายมากมี
เกิดห่วงใย..ห่วงใย..ห่วงใจ..หวงใจ


และหวังใจ..*ต้องมีสักวัน*
แบบเพลงฝันของคุณจักรพรรณ์..ที่แอบฝันแอบอ้อนไว้
ว่า
นางเอกนางใจนางในฝันในดวงใจขวัญฝัน..ของใครใคร
คงได้มีสักวัน..ต้องมีสักวันไม่ว่าในภพนี้ภพหน้าพา
พบพระเอกในโลกจริงในโลกใจ
อันมีหัวใจดวงใสสวยงามกระจ่างควรคู่
ควรค่ามาเคียงกล้าเคียงใจ
ไปด้วยกันตราบชั่วนิจนิรันดรนะคะทุกคนดี..ทุกดวงใจ
***************




ไพล..ไปอยุธยามาค่ะ
ไปงานแต่งงาน
ที่งานนี้แสนโชคดีเป็นหลายเท่าค่ะ
ที่
ได้ไปไหว้พระงามในโบสถ์คร่ำ
กับไปเห็นงามอดีตอันแสนยิ่งใหญ่
ที่แสนติดตาตราตรึงใจค่ะ
ที่ไพลแสนรักและอยากรินน้ำตาทุกคราครั้ง
ราวร่างใจจิตวิญญาณได้ถอดใจไหวหวาม
ย้อนหลังกลับไปในงามอดีตอันเรืองรุ่ง
อีกคราครั้งอย่าง
ระทึก..ระทมใจ
จริงๆนางเอกไพล
ใส่กางเกงผ้าไหมสีทองอมเขียวผ่องผุดไพลไพลค่ะ
ตอนลงไปนั้นด้วยกเกรงเสื้อคลุมผ้าไหมจะยับ
จึงใส่เพียงเสื้อตัวในรัดรูปสีขาวแนบเนื้อ
และกับสายสร้อยทองโบราณมีอุบะทับทิม
และ
ห่มร่างด้วยสะไบแพรสีทองผ่องผุดพิลาส
อย่างงามเงียบเรียบง่ายค่ะ
****
ขับรถไป
ท่ามกลางรอนรอนแสงตะวันลา
ที่
ใกล้ลาดวงค่ะและ
ดวงดอกไม้สองข้างทาง
ก็กำลังฟายฟ้อน
มีตะแบกม่วงดวงดอกละออละอ่อนซ่อนหวานเศร้า
ที่ราวกำลังควงกลีบหวานละไมละมุน
หมุนควะคว้างพลิ้วไหวรับสายลมอ่อนใส
ยามย่ำสนธยาในฤดูร้อน
กับคูนเหลืองพราวราวสายฝนสีทองห้อยย้อย
งามสะพรั่งที่กำลังสะท้อนละออแดดอ่อนอุ่นค่ะ
ฟ้าก็งามราวเรียวรุ้งม่านไหมเลยละค่ะ
งามมากกก...
ใจไพลแทบอยากจะร้องไห้
อยากมีใครอ้อนสักคนเคียงไปด้วยกัน
และงานนี้
ทำให้ไพลได้ร้องไห้จริงหลายฉากตอนค่ะ
ตอนไปนั่งใต้ลั่นทมเหว่ว้าหน้าโบสถ์งาม
ดูงามสะเทือนใจในยอดเจดีย์ยิ่งใหญ่สูงใหญ่เทียมฟ้าระดะเมฆ
ที่น่าเสียดายนักและหากอยากอ่าน
ประวัติวัดได้จากเวบนี้นะคะ
http://www.ripa.ac.th/ay/WatYaiChaiMonKon.html
และ
ในยามที่
เห็นเจ้าสาวงามอะคร้าวราวเทพธิดาน้อยน้อย
ลอยละล่องท่ามกลางบทเพลงกระหึ่มก้อง
ในชุดขาวยาวกรอมเท้าลากพื้นพร่างพรม
ด้วยดวงดอกไม้กรายกลีบกุหลาบโปรยปราย
ค่อยๆก้าวเดินเคียงกับเจ้าบ่าวในชุดขาวเต็มยศ
ผ่านลอดซุ้มกระบี่..งดงามใจมากค่ะ
และมียังมีบทเพลง
*ขวัญดาว*
ที่เพื่อนร่วมรุ่นนายตำรวจ
ร้องคลอขับประสานมอบให้
ฉะนั้นรอติดตามอ่านรายละเอียด
ในงามรักรจนาจากใจไพลเรื่องต่อไปในเรื่อง
*ขวัญดาว*นะคะคนดีทุกดวงใจ

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด