19 ตุลาคม 2547 22:03 น.

ลอมบอค..บาหลีที่รัก

พุด


http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=4
(จงรัก)

ลอมบอค..Lombok(อัญมณีแห่งตะวันออก)..บาหลีที่รัก
ภาคแรก
**************

บาหลี..ชื่อ..บาหลี
แต่ทว่านาทีนี้
บาหลีมิได้เดินทางย่างเหยียบไปเกาะบาหลี
อย่างที่น่าจะไป...

อาจจะเป็นเพราะว่า
ณ.ที่เกาะแห่งนั้นที่เคยเป็นดั่งสวรรค์บนดินนั้น
พลันนะบัดนี้
ได้กลายกลับเป็นเกาะนรกน่าวิตก
ในใจนักท่องเที่ยวต่างชาติไปแล้วอย่างไม่หวนคืนกลับ 


นับตั้งแต่นาทีในคืนวันที่13ตุลาคม2545
ที่มีการก่อวินาศกรรม
ให้ผู้มีคนนับร้อยผู้บริสุทธิ์
ได้ล้มตายบาดเจ็บซ้อนทับถมกัน

เพราะตึกไนท์คลับชื่อส่าหรีได้ถูกถล่ม
ถูกวางระเบิดจากเงื้อมมือผู้ก่อการร้าย
ที่ร้ายได้อย่างน่าสยดสยอง


อย่างอยุติธรรมต่อทุกดวงใจ
ผู้ที่รอคอยรับรู้รับเศร้าอยู่เบื้องหลัง

ญาติมิตรแม่พ่อ
และลูกเมียและผู้อันเป็นที่รัก 
ที่จักทำใจให้ยอมรับได้อย่างแสนลำบากยากเย็น
ในโศกนาฎกรรมนี้


แม้นว่าอาจจะยังโหดร้ายน้อยกว่าการที่
ตึกเวิลด์เทรดถล่มที่นิวยอร์คอเมริกา

ที่พาให้โลกทั้งโลกต่างตื่นตกตะลึงขวัญผวา
มาจนถึงนะวันนี้

ที่ได้กลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่ง
แห่งมวลมนุษยชาติบนโลกมนุษย์นี้
ที่นับวันแสนจะไม่มีอะไรให้มั่นใจในความปลอดภัย
ด้วยไร้ซึ่งสมานฉันท์ความเมตตาปรานีต่อกัน
ด้วยสิ้นไร้คุณธรรม


นอกจากความก้าวร้าวเห็นแก่ได้
แบ่งแยกเผ่าพันธุ์ ไร้ความฝัน
ที่จะพยายามรักษาความสงบร่มเย็น

ด้วยผู้นำต่างคิดต่างอุดมการณ์..ขัดแย้งทางการเมือง
ต่างก็พยายามที่จะรักษาผลประโยชน์
ของแผ่นดินตัวเองไว้ให้อย่างดีที่สุด
และ
จะตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความถูกต้องหรือไม่ก็ตาม
อย่าถามหาความยุติธรรมนั้น
เพราะแม้กระทั่งศาลโลกยังมิอาจจะพิพากษาได้
***********




บาหลี..
จึงเลือกที่จะมานั่งอยู่บนเครื่องบินแบบใบพัดฟอคเกอร์
เพื่อจะรอเวลา
ค่อยๆถาร่อนลงตรงรันเวย์สนามบิน*เซอลาปารัง*
(Selaparang)ณ.เกาะลอมบาค (Lombok)
 แทนที่จะไปยังดินแดนเดียวกันกับชื่อของเธอ



หัวใจดวงเดียวดาย ดายเดียว
เลือกที่จะเกี่ยวเก็บประสบการณ์ลำพัง
ทิ้งความเศร้าความหลัง
ความฝันอันพังภิณฑ์ไว้เบื้องหลัง
กับโลกชุลมุนที่ตัดสินใจพรากมา
ที่พรากลา

โลกที่มีแต่ป่าคอนกรีต.
.และทุกสรรพชีวิตมีแต่เร่งรีบแข่งขัน
ที่ผู้คนอลหม่านราวมดเมือง 
หาความประเทืองประทับใจในน้ำใจ
และธรรมชาติได้ยากยิ่งขึ้นทุกวัน
หันหลังชนกันหันหน้าไปก็พบแต่
ความแล้งไร้ 



ซึ่งยิ่งหลอมละลายให้น้ำนวลในเนื้อจิตเนื้อใจ
นับวันจะค่อยๆหายไปสลายไปตามกาลเวลา
ไปกับฟ้ากับดิน
ที่ไม่เคยถวิลมีเวลาแม้นจะแหงนมอง

ว่านะบัดนี้
ฟ้ายังสีฟ้าดีอยู่หรือไร
หรือว่าแปรไปเป็นมืดดำเทาทึมด้วยมลพิษ
รอเวลา
จะมืดมิดไปตราบจนชั่วนิจนิรันดร์กาลแล้วหรือยัง



ด้วยพลังความชั่วร้ายรายรอบจากมนุษย์ทุกผู้
ทั้งผู้ประกอบการและผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์
ที่สรรสร้างสารพิษ
ผลิตผลิตภัณฑ์ทุกสรรพสิ่งหลากหลายประเภท
ออกมาจากโรงงานนานานับล้าน

มาเสนอสนองความเป็นอยู่นี้
ที่มิได้ใช้หลักการความสมถะพอเพียง
มาหลอกล่อเชิญชวนทางโฆษณา
เรียกร้องความต้องการตามๆกันไป
ให้มนุษย์ผู้สิ้นไร้ปัญญา
พากันดื่มกินบริโภคทรัพยากรเกินความจำเป็น



และจะเอาเวลาไหนแหงนเงยเล่า
หากหน้าตาและปากจ่อตลอดเวลา
อยู่ที่เครื่องมือสื่อสาร
ที่พูดจ้อจนน้ำตาลกระจายกระจุย
ไม่เลือกถิ่นที่

บางทีก็ทั้งตลกทั้งน่าขัน
ยามได้ยินเรื่องบางเรื่องในที่สาธาณะ
ที่หลุดออกมาจากคนพูดแบบไม่ได้ตั้งใจ



จนต้องหันหน้าหนีออกไปเบือนยิ้มด้วยกลั้นไม่อยู่
แล้วคิดดูๆให้ปลงตก
กับโลกแสนรก
แสนจะมากมีเทคโนโลยี่

ทั้งวี่วันกับสวรรค์นานา
ที่ต้องใช้เงินแลกมาใช้ความเครียดแลกไป



อย่างนี้จะมีเวลาที่ไหนให้ไหวเปิดละมุนละไม
ให้เนื้อใจแสนดีได้รับรสสดฉ่ำร่ำริน
ของธรรมชาติพิลาสพิไลได้เล่า



และนี่คือบทบาทชาวเมือง อันนะบัดนี้
ที่บาหลีมิเคยประเทืองประทับใจเอาเสียเลย
บาหลีจึงได้เพียงแต่พยายามวางเฉย
เฝ้าอดทนรอเวลา

เพียรพาร่างห่างมาจากลามาให้ลางเลือน
จากทุกสรรพสิ่งเสียง
แห่งดนตรีเมืองดนตรีคน
อันอลวนอลเวงวายวุ่นหมุนโลก
ให้ราวใกล้จะขาดเกลียวผึงออกจากกันไปทุกทีขณะทุกนาที..



บาหลี..ผู้หญิงช่างฝัน 
ที่พยายามปันหอมหวาน 

จึงแบ่งร่างและหัวใจ ไหวสะออนมารอออดอ้อนวอนเว้า
ให้ธรรมชาติแห่งเกาะในฝันสวรรค์สะอาดบริสุทธิ์
ที่ยังเงียบงามพิสุทธิ์ใสยังไกลห่างไกลโลกมายา



มาดูมาสัมผัสความฝันในวัยเยาว์อีกรูปแบบหนึ่ง
ที่ยังถูกซ่อนเร้นจากรอยเท้ามนุษย์มากมีมากมาย
ที่จะพากันมาบุกทำลายฝากรอยไว้ให้ทรายงาม
ราวถูกหยามเหยียบ



ทันที่..
ที่เครื่องบินจอดนะรันเวย์
และบาหลีสะพายกระเป๋าใบงามออกมา

รับกลิ่นบรรยากาศไอร้อนที่พร่างพรูมาทุกทิศทาง
 แทนอากาศแอร์คอนดิชั่นฉ่ำเย็น
อย่างตามสนามบินหรู
คู่อาคารผู้โดยสารขาเข้าออกตามเมืองใหญ่ๆทั่วโลก



ที่ทำให้หัวใจดวงหดหู่เหงาเศร้า
ก็ราวกับดวงดอกไม้เมืองร้อนได้บานรับ
แสงตะวันจริงตะวันใจอีกคราครั้ง
อย่างวิญญาณนักท่องเที่ยวผจญไพร



บาหลี..ติดต่อกับบริษัทรถเช่าผ่านทางอินเตอร์เนต
ที่แสนสะดวกรวดเร็วและนะบัดนี้รถก็มาจอดรอรับ
เป็นที่เรียบร้อยเสร็จสรรพพร้อมที่จะขับออกไป

เธอ ก้าวขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ
พร้อมกับโยนกระเป๋าไปทางเบาะหลัง
พร้อมกันกับที่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ที่จากนรกเมืองมาเสียแสนห่างไกลได้



เตรียมพร้อมเผชิญโชค
กับโลก..กับเกาะ*ลอมบอคในฝัน*อันคือสวรรค์ทายท้ารอพิสูจน์
ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

เธอสูดลมหายใจยาวอีกครา
รับเอาอวลหวานหอม
ของมวลพะยอมดวงดอกไม้เมืองร้อน

ที่กำลังร่ายฟ้อนเริงระบำอ้อนพรายแดดสลับสีสะพรั่ง
อยู่ริมสนามสองฟากฝั่งอาคารที่มุงหลังคาด้วยจาก
หากถูกออกแบบให้งามขึ้น


 
บาหลี..ยิ้มหวาน และค่อยๆสตาร์ทรถอย่างช้าๆ
พร้อมกับกางหนังสือแผนที่เส้นทาง
ที่มีไว้คู่กายไว้ใช้สำหรับวิญญาณนักผจญภัย
วางเคียงใจตรงหน้ารถ..

ใจดวงหวานละไมเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
และ
นี่แหละคือสีสันของชีวิตนักเดินทาง
ที่ดังต้องมนต์เสน่ห์
ให้หัวใจและร่างอยากแรมรอนร่อนเร่
มิหยุดโอ้ละเห่หัวใจ
ให้ติดปีกโผผินบินท่องไป
ราวนกไพรหัวใจพเนจรไม่รู้สิ้นสุด..



ให้มนุษย์ผู้รักการแสวงหาชีวิต
แปลกเปลี่ยนได้สัมผัสรสชาติอันแสนหวานหอม
ทั้งของสถานที่
ทั้งธรรมชาติทั้งเมืองทั้งไพรทั้งผู้คน
ที่จะแปลกเปลี่ยนไปไม่มีวันเหมือนกัน

 

ได้เรียนรู้ประเพณี ภาษาวัฒนธรรม 
ความเป็นอยู่ในวิถีอันแตกต่างกันไป
ที่จะนำมาเร้าไหวปลุกชีพชื่น
ให้รู้ตื่นมารับความจริงว่า



ธรรมชาติในโลกกว้างไกลนี้
ยังมีถิ่นที่อันแสนยิ่งใหญ่
อีกมากมายนักรอให้เราไปทายทัก
ไปค้นหาไปพักใจไปเสพสุนทรีย์
และ
พลีน้อมรับความจริงแห่งชีวิตว่าเรานี้ราวธุลีดิน


บาหลี..เพลินคิดไปนิดเดียว
พร้อมกับค่อยๆเหยียบคันเร่ง
พารถเคลื่อนตัวออกช้าๆ

หากแต่..!ทันพอที่จะเหลียวเห็นจากกระจกหลัง
ว่ามีใครบางคนวิ่งตามมาโบกมือให้ชะลอรถ..



บาหลี..จึงจำต้องหยุดรถ..
และค่อยๆเลิกแว่นสายตา
ดูใบหน้าผู้วิ่งตามหลังมาอย่างละล้าละลัง
อย่างน่าสงสาร 

ที่กำลังยืนหยุดหายใจด้วยความเหนื่อยหอบ
เพราะบนหลังยังมีเป้เดินทางใบใหญ่พอกันกับของบาหลี
ที่สะพายบนบ่ามาด้วย..



เขา..คนดีตรงหน้า
คือหนุ่มใหญ่ผิวคร้ามสีทองแดง
หากแต่สังเกต
ให้ดีราวจะแกล้มไปทางดำราวกับ
เพิ่งไปอาบแดดที่ไหนมา

และ
ที่บาหลีแสนรู้สึกดี
ที่แสนมีพลังตรึงใจให้บาหลีชะงักงันคือ
นัยน์ตาสีสนิมเหล็กที่แสนเศร้า
ดูสงบล้ำลึกราวผลึกน้ำค้างกลางใบบัวยามอุษาฟ้าสาง
ที่งามแผกพินิจ 



ที่นะบัดนี้น้ำนัยน์ตาสวยเศร้านั้น
ราวกำลังทอแสงวะวิบวับรับแสงสีเงิน
ของเรียวแดดในยามสาย
ให้สะท้อนพรายงามจนน่าตะลึงหลงงงไปชั่วขณะ



บาหลีอึ้งอั้น ตกใจ!
ด้วยไม่เคยคิดว่า
ชั่วชีวิตหนึ่งนี้จะได้พบบุรุษที่
เกิดมาชาตินี้เธอคิดว่าเขาแสนจะโชคดี

ที่ได้รับพรประทานให้มีดวงตางาม
ราวเทพ..พรหมพลีใจปั้นตั้งใจส่ง
สั่งตรงให้ลงมาเกิดผิดที่
มาประดับผืนโลกนี้แทนสวรรค์
ในร่างผู้ชายกำยำที่ช่างหายากยิ่งนัก



ให้เกิดประกายรัศมีงามฉ่ำเย็นยามสบตา..
ราวกับมีพลังแสงแห่งเมตตาปรานีกระจายพรายพร่าง

คล้ายละอองน้ำค้างพร่างรินกระเซ็น
รายรอบให้สดชื่นในหอมห้วงแห่งดวงใจ

แล้ว
บทสนทนาเสียงนุ่มหนักแน่น
หากทว่าแฝงพลัง
อันอบอุ่นอ่อนโยนก็ตามมา



ที่นะนาทีแรกนั้น
บาหลีก็พลันลงความเห็นในใจ

*ผู้ชายอะไรช่างดูดีไปหมด..*ได้แค่นั้น
แม้กระทั่งน้ำเสียงนุ่มนวลชวนฝัน
อันอ่อนนุ่มราวขยี้ฟองเบียร์
ก่อนที่จะเอียงหน้าตั้งใจฟังคำบอกเล่าสนทนา



*ผมต้องขอโทษก่อนนะครับ
ที่มาโบกรถคุณให้หยุดกระทันหัน

ผมเห็นคุณ..ในเครื่องบินแล้วครับ
เพราะคิดว่าคุณต้องเป็นคนไทย

ผมกำลังจะหารถไปที่พักครับที่ Novotel  Coralian Resort
ที่มีความผิดพลาดทางเทคนิคเกิดขึ้นครับ
รถของทางรีสอร์ทเกิดสตาร์ทไม่ติด
และ
ต้องรออีกคันมารับนานมาก



บังเอิญเจ้าหน้าที่
บอกว่าคุณกำลังจะไปที่นั่นครับ
แนะนำให้ผมลองตามคุณมาขออาศัยติดรถไปด้วยกัน
หากขี้เกียจเสียเวลานั่งรอจนมืดค่ำ
และบอกว่าเราสองคนชาติเดียวกันด้วย..
ผมจึงหวังว่าคุณจะกรุณานะครับ



เอาละซี..นะ
บาหลีคิด..ในใจ
จะทำไงดี
ทั้งที่ตั้งใจจะแวะชมสถานที่ต่างๆ
ตามรายทางก่อนจะถึงที่พักเพื่อเช็คอิน
 


เพราะนี่เพิ่งจะสายนิดเดียวเองยังมีเวลาเหลือเฟือ
บาหลี..หยุดคิด..และตัดสินใจบอกเขา
*ไม่รังเกียจค่ะ 
เพราะเราคนไทยด้วยกัน

หากต้องให้คุณคิดตัดสินใจใหม่
ระหว่างรอรถมารับ
กับแกร่วห้อยตามฉันไปทุกที่
หลายที่ท่องเที่ยวรายทาง

ที่ฉันจะหยุดรถแวะชมก่อนถึงที่พัก
ให้คุณตัดสินใจว่าจะไปหรือจะอยู่รอนะคะ
จะได้มาบ่นว่าฉันทีหลัง



เพราะ
ฉันตั้งใจจะดูพระอาทิตย์ตกที่..ที่หาดมาวูน
ก่อนจะไปนอนฝัน
รอวันพรุ่งนี้ที่จะได้ออกสำรวจเส้นทาง

ผู้ชายนัยน์ตาช่างฝันอันแสนอบอุ่นอ่อนโยน 
ใช้เวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที
ก่อนที่จะระล่ำระลัก 
*ตกลงเลยครับดีเสียอีก
และขอบคุณคุณด้วยซ้ำที่ให้นั่งรถแล้วยังจะพาผมไปด้วย
เกรงแต่จะไปรบกวนคุณเท่านั้นเองครับ*



*ไม่เป็นไรค่ะ
ฉันเห็นใจเราคนไทยต่างบ้านต่างเมือง
และที่สำคัญ
คุณอุตส่าห์วิ่งตามมาตั้งไกล 
หากให้คุณเดินแบกกระเป๋ากลับไปอีกรอบท่าจะลิ้นห้อยค่ะ*

อ้าวขึ้นมาค่ะ.
เสียเวลาเที่ยวแล้วละค่ะหากช้าไป*



*ตกลงคุณให้ผมขับดีไหมละครับ
ผมจะได้สบายใจว่าไม่รบกวนคุณเกินไปนะครับ*

ได้ค่ะยินดี มาค่ะ
งั้นส่งเป้มาฉันจะช่วยเก็บค่ะ*

และแล้ว...ราวฟ้าดินมีตา
หรือว่าโลกเรานี้
อยู่ในเงื้อมมือพระพรหมผู้บันดาล
ให้ร่างสองร่างต่างไม่รู้จักกันมาก่อน
ได้มานั่งอิงอ้อนเคียงกันไป


ราวกับ..
คู่หนุ่มสาวเกี่ยวก้อยกัน
มาดื่มน้ำผึ้งฝันพระจันทร์หวาน
ในท่ามกลางเวิ้งฟ้ากระจ่างใส

กับ
เรียวเมฆขาวละมุน
ดวงดอกแดดละอออ่อนอุ่น
กับสายลมพรายพร่างพรายพัด
ให้อบอุ่นอ่อนหวานอ่อนโยน
พลันบังเกิดเกิดขึ้นในหัวใจคนไกลบ้าน
ให้ได้เริ่มฉากฝันสวรรค์หวานขึ้นนะบัดนี้

**********
จบภาคแรก..ยังมีต่อรอติดตามค่ะ




http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=4
จงรัก   
ศรีไศล สุชาติวุฒิ : : Key F  
โปรด อย่าถาม ว่าฉันเป็นใคร
เมื่อในอดีตและโปรด อย่าถาม 
ว่าอดีต ฉันเคย รักใคร
รู้ไว้อย่างเดียว เดี๋ยวนี้รักเธอ
และรักตลอดไป รักมากเพียงไหน 
กำหนดวัดได้ เท่าดวงใจฉัน
อย่า เพียรถาม ว่าฉันจะรัก 
เธอนานเท่าใดฉันตอบไม่ได้ 
ว่าฉันจะรัก ชั่วกาล นิรันดร์
เพราะชี วิตฉัน คงไม่ยืนยาว
ไปถึงปานนั้นรู้แต่เพียงฉัน 
หมดสิ้นรักเธอเมื่อ ฉันหมดลม

อย่า เพียรถาม ว่าฉันจะรัก
เธอนานเท่าใดฉันตอบไม่ได้ 
ว่าฉันจะรัก ชั่วกาล นิรันดร์
เพราะชี วิตฉัน คงไม่ยืนยาว
ไปถึงปานนั้นรู้แต่เพียงฉัน 
หมดสิ้นรักเธอเมื่อ ฉันหมดลม...

 
				
18 ตุลาคม 2547 20:51 น.

ในอ้อมกอดเจ้าดวงดอกไม้

พุด


url http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=594
(วันคอย)
*********

เย็นนี้กับตะวันดวงรอนรอน
ดวงอ่อนหวานหากดูงามเศร้ายิ่งกว่าทุกวัน
ไพลนั่งทอดตาดายเดียวเงียบๆลำพัง
ดูดวงดอกไม้สะพรั่ง..ริมชานเรือน..กระท่อมสีเบจ

กระท่อมกาแฟ..
ที่ดวงดอกกล้วยไม้หลากสี
กำลังชูช่ออวดสีสันหลากพันธุ์
ตามคาคบที่เกี่ยวเกาะ
ไปกับพญาสัตตบรรณ
ที่เป็นช่อชั้นแผ่กางกั้นราวร่มสีไพลสีธรรมชาติ
คันงามคันใหญ่

ร่มไม้แห่งรัก
ร่มใจที่ไพลได้มานั่งอาศัยริมชายคาแห่งรักนี้
ได้มาพักใจประจำทุกยามย่ำสนธยา

น้องสาวแสนงาม
ที่ไพลรักและสนิทมานาน
ในร้าน..บอกไพลว่า



พี่ไพล..สังเกตมั้ยคะ
หลายวันมานี้กล้วยไม้ของพี่ไพล 
ที่พี่ไพลนำมาให้นั้น
พากันผลิชูช่อ..ราวกับจะ
แข่งกันอวดดอกละอองามไสวพร่างไปทุกราวกิ่ง

และ
น้องสังเกตเห็นว่า
เพราะ
หมู่นี้พี่ไพลมีความสุขร่าเริงอิ่มเอิบใจ
ก็แปลกดีนะที่กล้วยไม้และโมก
ที่พี่ไพลแสนรักเอยแสนรักในกมล
เฝ้าคอยประคบประหงมช่วยดูแล
พากันเอาใจพี่ไพลร่ายฟ้อนอ้อนหวานใส่เลย..ค่ะ
จริงๆนะ
น้องสังเกตมานานแล้ว
กล้วยไม้พี่ไพลไม่มีดอกมานานแล้วค่ะ
ขนาดให้ปุ๋ยแล้วนะคะ

คงเพราะดอกไม้คงเฝ้าดูเฝ้ารับรู้นะคะน้องว่านะ

อ้าวหรอกเหรอคะ.?.
ไพลหันไปหัวเราะตลก

แล้ว
วันนี้ทำไมไม่หุบกลีบล่ะคะ
เพราะว่ากลีบดวงใจพี่ไพล
ทำท่าจะหุบๆเหงาๆยังไงไม่ทราบเลยแล้วละค่ะ
นับจากนี้อีกหลายวัน
แต่ก็โอเคค่ะ..นะคะ


ชีวิตคนเรา
ก็ต้องมีทั้งวันทุกข์ท้อ
วันรอ..วันคอยใครบางคน

ผ่านมาในเส้นทางชีวิตนี้
ที่แสนวกวนเวียนว่าย
ให้มาทดสอบจิตก็ดีเหมือนกันว่าจริงไหมละคะ

จำได้ไหม
เมื่อหลายวันก่อน
พี่ไพลหน้าหวานบานแฉ่งเลย
มาเต้นไปยิ้มไป..

แล้ว
พอจะจำได้ไหม
ในวันนั้น
ดอกไม้ร่ายฟ้อนเริงระบำ
ด้วยความสุข
ยักเอวยักไหล่ไหวตามพี่ไพลไหมละคะ
ตอนที่พี่ไพลเต้นอย่างมีความสุข

ไพลหันไปหลิ่วตาล้อถามเธอ

พี่ไพลไปเต้นก่อนนะคะ
แล้ว
ฝากสังเกตกล้วยไม้ด้วยนะคะ
ว่าวันนี้
กล้วยไม้ไหวเอนอรชรอ้อนสายลมยามค่ำไหม
และไหวกิ่ง
ยิ้มหวานเศร้า
กับจันทร์เสี้ยวบนเรียวฟ้าเหมือนพี่ไพลมั้ยนะคะ
บาย..

***********



ยังมีต่อค่ะรจนาสด
เพิ่งกลับมาจากออกกำลังกายค่ะ
รอติดตามนะคะทุกดวงใจ

พุดไพรขอเวลานอก..พักครึ่ง
เดินเดียวดายไปเด็ดดอกการะเวก
และไปชมจันทร์เสี้ยวดวงเศร้าสักแป๊บนะคะ

เพียงอยากฝากใจฝากจันทร์
ไปถึงใครบางคนแค่นั้นค่ะ
ที่
คงอาจจะกำลังนั่งทำงานขมักเขม้น
และไม่มีเวลานั่งริมระเบียงดูทะเล
หรือดูจันทร์เสี้ยวอันแสนงาม
ที่กำลังคลี่ยิ้มหวานเศร้า
ราวรับรู้ความในใจ
ที่ใครคนนี้ฝากความรักห่วงใยถึงนะคะ

ฝากงานเรื่องน้ำตาดวงน้ำตาดาว
มาให้อ่านแทน

จนกว่าจะเติมรจนาต่อค่ะ
นะคะทุกคนดีที่รัก
และ
หากไม่กลับมาก็แสดงว่าไปสวดมนต์เข้านอนแล้วนะคะ

เพราะว่าหัวใจสะออนเหนื่อยจังค่ะ
**********


น้ำตาดวง..น้ำตาดาว พุดพัดชา 


ค่ำคืนนี้....
ดวงมีเวลา....ทอดน่อง.....
ทอดอารมณ์....ทอดใจ...ทอดสายตา........ 

ไปตามถนนสายงามเส้นเล็กๆ...
หน้าบ้านของดวง.....ซึ่งแสนเงียบสงบ........ 
มีแต่เงาไม้...งามเรียงราย.....สองฟากฝั่ง........ 

สิ้นสุดซอย....
จะมีบ้านงาม..หลังใหญ่..ราวปราสาท....แทรกในดงไม้.. 
ตะคุ่มพุ่มพฤกษ์สูงลิบ..คลอรั้วสูงลิ่ว ..ปานกัน......... 

ดวงชอบที่จะเดินผ่าน..ต้นไม้ที่รายเรียงเหล่านั้น...... 
และสมมุติตัวเองว่า....
กำลังเดินในป่าใหญ่....ที่ไหนสักหนแห่ง....... 
แลลอด..แมกไม้ ใบบัง....



ดาวประจำเมือง....โผล่พ้นทิวไม้..ใสสุกปลั่ง..... 
ราวราชินีดาว...รายเรียง
ด้วยรวงดาราดารดาษ....
พริบพราว..ล้อเลียนให้ดวงแย้มยิ้ม........ 
เลิกหม่นเศร้า......ร้าวรานใจ............. 

ทุกคราครั้ง..
ที่..สายตา..สายใจงาม แลลืมไปเห็น...ฟ้ากว้าง....ในยามมืดหม่น........ 
พาใจ..ไหวหวั่น..อ่อนโยน..เดียวดาย....ประหลาดล้ำ........... 

น้ำตาจากใจดวง...ร่วงพราวพร่าง....
ราวน้ำตาดาวร่วงหล่น.....ยามจากลาลับฟ้างาม....... 

ในคืนฟ้ามืด...ที่ไร้สิ้นแสงแห่งเดือน.............. 
.น้ำตาดวงกับน้ำตาดาว.....ใครกันเล่า...จะร้าวระบม.....กว่ากัน...
ในค่ำคืนเดียวดาย 
โดยลำพัง.....ณ..ยามนี้........ 

.
แก้ว...หน้าบ้านยืนต้นหม่นเศร้า....
ไร้ร้างราดอก..นับจาก..ฝนลาฟ้าหม่น...ทิ้งใบเหลืองพราว 
เกลื่อนกล่น..ให้กวาดเช้า... เย็น 

กล้วยกองาม...อวดใบสล้าง....แม้ในเงามืด.......
อิ่มเอิบราวสาววัยผลิบาน.... 
รอรับสายฝน....ยามวสันตฤดูเยือน............. 
รูปทรง...งาม.....เรียบง่าย...ไร้มารยา....
มากล้นคุณค่า...จากรากลึก..สู่ใบ..ไปถึงผลงาม.... 

ม่ช้านานใบเขียวอ่อน...งามสล้างเผยอ..
รอรับหยาดน้ำค้างอรุณรุ่ง..ที่โลมไล้...พาใจให้ใสสดตาม 

กลิ่นดอกวาสนา....ใกล้ราโรย......
หอมอวลลอยลม.....ชวนดอมดม....... 
มิพักรอ..วาสนาอื่นใด........ใจก็ชื่น..ก็ฉ่ำพอแล้ว
กลิ่นหอมแผก...พันธุ์ไม้นานา...ยามทิวาลาลับไป.......... 

ราตรี.....โมก....เล็บมือนาง...มิหลับไหล...
ล้วนส่งกลิ่นฟุ้งหวาน.แทรกลมเย็นยามค่ำ 
อบร่ำให้ใจแสนเศร้า..เฝ้าถวิลถึง...ใครบางคน....ที่แสนไกลห่าง........ 

การะเวกเหลืองอ่อน..นวลนุ่ม..บอบบาง..ราวผิวสาวไร้มือชายเชย..... 
แค่สัมผัสพลัน...ร่วงหล่นพราวพื้น....พ้อลา.......... 
อยากดอมดม...พรมจูบ...ให้ชื่น..ต้องเหนี่ยวโน้มเบามือ........... 

ไม้คู่สุข....คู่เศร้าเคล้าใจดวงงามตลอดปีเดือน...
ทนทาน...หวาน..หอมลึก......... 
ประโลมใจ.......ไม่เคยหวั่นไหว.....แม้แดดลม......


.. 
ดวงดาริกา.....กระจ่างใส.....ในห้วงนภา....
แม้ฟ้าหม่นมัว......พันธุ์ไม้ไทย...แย้มกลีบหอม... 

ทายทักราตรี.....สงบงาม.....พาใจทุกดวง.......ให้ไหลหลง...ลุ่มลึก.......... 

แม้ในความมืด..มีความงามงด....ซ่อนเร้นทุกอณู.......
เพียงใช้ใจสัมผัส..แผ่วเบา...ไม่รานรุก.. 
เปรียบดังยามชีวิต..และใจ..สิ้นไร้หวัง...หมองหม่น...ราวเมฆมืดบัง......... 

ทอดน่องช้าๆ........ชายตา.....ชายใจ....สัมผัสทุกสรรพสิ่ง........... 
พลังธรรมชาติ..แฝงฝัง ..เรียบง่าย สงบงาม 
ตามพุ่มพฤกษ์ไพร ในโลกกว้าง 


หยาดน้ำค้าง....ดวงดารา....ฟ้ามืดหม่น 
ด้วยใจทั้งดวงที่..สงบนิ่งล้ำลึก......... 

ปิติใจ ปิติงาม ปิติเงียบ 
เปิดประตูใจให้กว้างกับโลกใบนี้......... 
ที่มีสองด้านเสมอ 

ใช้สายตา สายใจที่มีเยื่อใย เกี่ยวพัน .....ถึงน้ำ... 
ถึงดิน.....ถึงลม .....เติมไฟฝัน....มิมีวันมอดสิ้น............ 

ฝากใจ ดวงงามล้ำค่า ยามราตรีนี้ 

ผ่านสายลมหนาว ฟ้ากว้าง 
ขุนเขาลิบลิ่ว ทิวเมฆสล้าง 
เพื่อเคียงชิดใกล้ ห่มใจด้วยใจ.......ให้คนไกล.. 

ได้ไออุ่น....หนาวคลาย....
เพื่อเร่งวันรอคืน กลับสู่ร่มรักเรือนใจแสนงาม......... 
ที่มีผู้มากล้นใจรักภักดี...ร่ำร้อง.
เรียกหาทุกนาที........ที่ผันผ่านแม้นานนับ......นะดวงใจ... 
............... 

 




http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=594
วันคอย   
เพลงเก่า : : Key F  
ยอดรัก จงมองที่ขอบฟ้า
โอบๆโค้งลงมา
นั้นคืออ้อมกอดจากฉัน
ฮือๆ ฮือๆๆ
ยามเมื่อเราไกลกัน
เธอฉันดังอยู่เคลียไคล้
ยอดรัก สายลมแผ่วละมุน
นั่นคือสายลมอุ่น
ฉันพรมและจูบลูบไล้
ฮือๆ ฮือๆๆ
เธอรู้บ้างหรือไม่
รักใครไม่เท่าเทียมฉัน
คืนวัน จะผันแปรเปลี่ยนไป
แต่ใจฉันไม่อาจเปลี่ยนเวียนผัน
ซื่อตรง จงรักจนนิรันดร์
หากลืมฉัน ฉันคงต้องกลั้นใจตาย
ยอดรัก การจากทั้งผูกพัน
ย่อมจะคิดถึงกัน
เร่งวันคืนกลับเคียงกาย
ฮือๆ ฮือๆๆ
ครองรักไม่รู้หน่าย
วันตายนั่นแหละวันลืม

ยอดรัก การจากทั้งผูกพัน
ย่อมจะคิดถึงกัน
เร่งวันคืนกลับเคียงกาย
ฮือๆ ฮือๆๆ
ครองรักไม่รู้หน่าย
วันตายนั่นแหละวันลืม...

 
  

				
18 ตุลาคม 2547 09:31 น.

เรือนแก้วร่มขวัญ!

พุด


URLhttp://thaipoem.com/web/songshow.php?id=4258
ณ.วันนี้   

***********************


ในม่านฝนในม่านฝันคืนค่ำนี้..
แย้มยิ้มกับไพลสิคนดี ..ทุกดวงใจ
ไพล..จะพาคุณไปเยือน วิมานใยบัว วิมานฝัน
ยังสรวงสวรรค์บนดิน
เรือนริมบึง เรือนไทย เรือนใจ เรือนร่มรักแห่งเรา..

เรือนไทยหลายหลัง ที่ซ่อนตัวฝังแฝงในร่มแมกไม้ไทยนานาพันธุ์ 
ในดงดอกลำดวนหวานหอม 
ในดงดอกจิกหว่านพราวพริ้ง
ทิ้งชมพูพร่างสายกลางสายชล..สายธารให้หวานระริกระรื่นชื่นฉ่ำ
มีชานเรือนเชื่อมกัน ราวสายฝันมิพรากลา
ชานเรือนที่ร่มเย็นในเงาไม้ มีเถารสสุคนธ์กรีดกราย เลื้อยพันชูช่อ มีซุ้มกอลัดดาวัลย์
สายน้ำผึ้งฝัน สอดประสานก้านเกี่ยวเกาะ กันไป
ให้ร่มเงาให้ดวงใจได้ไหวหวาน งดงามแสนดี ตลอดปีตลอดไป..



ตรงหน้าเรือน..คือบึงบัวหลากสีหลากพันธุ์ 
ค่อยค่อยคลี่กลีบ แย้มชูชันบานรอรับหวานหยาด
จากสายวสันต์พรำพร่างกลางกลีบเกสร..งาม

ในเงาจันทร์ ในม่านเมฆฝน นั้น เห็นดอกฝน ลางเลือน
เหมือนดวงดอกฝัน ดวงดอกไม้ดอกนิดนิดดอกน้อยน้อย 
ค่อยค่อยกระจาย หายไปเป็นวงกว้างกลางบึงบัว
ดั่งดอกไม้สายวสันต์ ท่ามกลางเรือนฝันเรือนใจ..ในสายชล..

ให้ห้องหับทับเรือนไทย แสงตะเกียง ริบหรี่ วับแวม 
จุดวางไว้ ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง แบบโบราณ ที่มีบานกระจกโค้งมน
เป็นรูปไข่ และมีกระจกสี มีหูช้าง ด้านข้างไว้เป็นที่ปิดเปิดที่เก็บเครื่องหอมร่ำ
ที่หูจับลิ้นชักทุกอัน เรียกเม็ดมะยมทำเลียนของจริงด้วยกระเบื้อง..



ใกล้กันมีโถลายคราม บรรจุด้วยดอกไม้ไทยแสนหอมงาม 
เล็บมือนางสามสีสลับสวยสดชื่น..ข้างข้างมีพานทองเหลืองใส่
การะเวก มะลิลา มะลิซ้อน อ้อนตามด้วยดวงดอกลั่นทมนวลเศร้า..ระทม.

บนเตียงนอนโบราณที่มีเครื่องนอนหมอนมุ้งสีขาว 
มีม่านลายลูกไม้รายรอยที่ถูกจีบจับไว้ด้วยโบว์ผ้าไหม
รับร่างงาม ที่พาดตัวยาว นอนสยายผม ราวสายไหมแผ่กระจาย
ใบหน้านวลผ่องผุดดุจงาช้างเนียนละออ ล้อแสงตะเกียง ที่ทอทอดจับ
โลมไล้ร่าง ให้เสี้ยวหน้ายิ่งงามละมุนละม่อม..ราวนางในฝัน..



เธอใส่ชุดนอนผ้าลินินสีขาวลายลูกไม้ ยาวกรอมเท้า..
และใกล้หมอนปัก..ลายเถาวัลย์พันช่อดอกดวง
มีดอกพุดซ้อน.ซ่อนหวานแซมใบเขียว วางไว้สามสี่ดอก
ร่างงาม พลิกตัว เอื้อมคว้าหนึ่งในดอกนั้น มาทัดหู เคลียแก้ม แซมผม
และอีกดอก อีกคว้า เธอนำมาดอมดมพรมจูบด้วยรัก 
ในงามพิสุทธิ์ผุดผ่อง ซาบซึ้งเศร้าหวานเร้าใจ ..

เธอหลับตา พริ้มฝัน กับเสียงฝนพรำพรมนอกชายคา นอกหน้าต่างเรือน
ที่เปิดรอทิ้งไว้ให้หยาดละอองฝนพรายพร่าง
มาตกต้องกลางร่างกลางดวงใจให้ไหวงามตามฝันตามฝน..



กลิ่นการะเวก ใกล้กอซุ้มลัดดาวัลย์
กับกลิ่นดอกโมกพราวพร่างใกล้ชายคาเรือน
หอมกระจาย อวลมากับสายลมยามค่ำ
มาทายทักพะเน้าพะนอพ้อพลอดใจ

ไหนจะกอราตรีที่กำลังบานเต็มช่อดอก
เกสรบัวก็พลอดพรายกลิ่นแย้ม..มาแตะแต้มดวงใจ
ต่างพยายามคลอเคล้า ให้เจ้าของหวานหอมหลอมละลาย..

เธอควานคว้ากระดาษ มารจนาบทกวีบทนี้ถึงเขาคนดีผู้เป็นที่รัก!





ดอกปีบหวานบานเศร้าร้าวรานรัก
ดงดอกรักขึ้นเป็นกอรอรู้เห็น
ดอกลำดวนหวนหาทุกเช้าเย็น
ดอกราตรีไม่เว้น..บานรอท่า.ทุกราตรี
ดอกพุดซ้อนซ่อนใจใครกันหนอ
ดอกเข็มกอแทงใจใครหน่ายหนี
ดอกบานเช้าเย้าย้ำรอคนดี
ดอกมะลิที่บ้านนี้ลอยรอเธอ
ดอกจำปีกี่ปีแล้วลาเลือนลับ
ดอกเทียนนับเป็นร้อยห้อยพ้อเพ้อ
ดอกพุทธชาดสวาทหวังยังละเมอ
ดอกรอเก้อบานวันนี้ที่รอรอ.. 


และ
ณ...เรือนไทยท่ามกลางแสงตะเกียงฝันอันริบหรี่ รุบหรู่ 
กับเสียงดนตรีธรรมชาติจากสายฝน
กับเสียงจิ้งหรีดเรไร ระงมขับกล่อมประสาน

นานนานจะได้ยินเสียงนกไพร 
ดุเหว่าหวานดังแว่วกังวานมาแต่ไกล
เธอเปิดเพลง ไทยบรรเลง ที่ได้ยินเสียงขิมพริ้งพราว
เสียงกบเขียดในบึงกว้างร้องประสานเสียงหวานระงม
เสียงดวงดอกฝนหยาดสายพร่างลงนะกลางบึงบัว



ราวจะฝากไปให้ใครบางคนได้ยินตามได้ไหวหวามตาม
ราวกับจะฝากความคิดถึงแสนงาม 
ข้ามไพรพฤกษ์พนา พาโบกบินไปปลอบประโลมใจ
คนในดวงใจ ในยามนี้ 

ที่เธอนอนดายเดียวเฝ้าฝันเฝ้าหลงรอ 
ขอเพียงให้เขาคืนกลับมา..
หลอมละลายใจร่าง มีห่างหาย ให้ดาวพรายบนฟ้าอิจฉา
ให้บัวกลางบึงเหว่ว้า หลงเฝ้ารอหมู่ผึ้งภมร
มาเชยชมคลึงเคล้าเกสรตาม..
***************




เขียนบทนี้ วันที่พายุพัดแรง
ราวแกล้งให้ใจพุดพัดชาไหวตาม
กับแสงเทียนหวามไหว กับฉากในฝันที่มีจริงในวิมานดินพุดพัดชา
ทำให้อยากรจนา งานงามเงียบหวังเฉียบฉ่ำพรำรินลงตรงกลางใจทุกดวง
ยามดึกดื่น ที่ดาวลาดวง..เดือนลาลับ..มิคืนกลับมา..



และพุดพัดชา
อยากให้มาร่วมฝันร่วมพันผูกกับฉากเหว่ว้า 
มาฝากรัก ฝากใจ ที่เราถูกโชคชะตานำมาให้มาพบมารักกัน
นะทุกดวงใจไฟฝันในฝัน 
ณ.ที่แห่งนี้ ร่มเรือนไทย เรือนใจ เรือนขวัญ 
วิมานสวรรค์สรวงของเราในโลกฝันอันแสนงาม
ด้วยพลังแห่งใจละมุนละไม ..ไปด้วยกัน ด้วยใจต่อใจ



และด้วยพุดพัดชาเบื่อโลกแสงสี เบื่อโลกวัตถุมากมี
และทุกคราที่ดวงตาดวงใจสัมผัสสายวสันต์ ลีลาวสันต์
พลันจะก่อเกิดงามพร่างกลางใจ ที่อยากรจนามากำนัล
ให้ทุกท่านทุกดวงใจนั้น ได้หลับฝันดี

และยินดีมอบบทนางเอกให้นะนาทีนี้นะคะ
ยกเว้นมวลหมู่ภมร ที่อยากร่อนภิรมย์ชมบัวคลึงเคล้าเกสรบัว
บัวกลางบึง ที่ทายท้า รอท่าผู้กล้า สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย 
ที่มิใช่แค่หมายลอยคอรอคอย
จนบัวน้อยเหี่ยวแห้งคาบึง..นะคะคนดี..



พิสูจน์ซี หากอยากได้
บัวทองผ่องพิสุทธิ์นะเรือนไทยนี้ที่มากมีมากมาย
ด้วยใช้ใจดวงดี ดวงงาม ตามแลกแบบ
ใจดวลใจ .ใจเดิมพันใจ.ดีไหมคะ!ดวงใจ

*****************


http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=4258
ณ.วันนี้   
ละครทีวี เรือนมยุรา : : Key B  
ญ ดังมี สิ่งใดมาดลใจฉัน
ดังใจ โอ้เอยเฝ้าคอยเธอนั้น
นานแสนนาน ฮืม
จึงมาเจอกัน
คล้ายบางสิ่งผูกพัน
ร้อยใจเราร่วมกัน
ช ดังมี สิ่งใดมาดลใจฉัน
ดวงใจ โอ้เอย มีเพียงเธอนั้น
นับวัน ฮืมจนแรกเจอกัน
ใจฉันเพียงต้องการ แต่เธอตลอดมา
ช ฝากคำสัญญา ฝากวาจา
รักเธอไม่เสื่อมคลาย
ญ หมื่นพันสัญญา
ร้อยวาจา หนึ่งเดียวที่เข้าใจ
ช รอคอย ผ่านวันเนิ่นนานเพียงไหน
ญ คืนวัน ผ่านไปไม่มีความหมาย
พร้อม นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป

ช ฝากคำสัญญา ฝากวาจา
รักเธอไม่เสื่อมคลาย
ญ หมื่นพันสัญญา
ร้อยวาจา หนึ่งเดียวที่เข้าใจ
ช รอคอย ผ่านวันเนิ่นนานเพียงไหน
ญ คืนวัน ผ่านไปไม่มีความหมาย
พร้อม นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป
นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป...

 


				
17 ตุลาคม 2547 00:52 น.

พับกลีบบัวน้ำตาปริ่มอิ่มปิติ!

พุด


urlhttp://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=973
ดวงใจในฝัน)
********************


ร้อยมาลัยพุดซ้อนและกลอนรัก
แทนอ้อมตักอ้อมใจยามไกลแสน
ร้อยมาลัยห่วงหารัดร้อยแทน
อุ่นอ้อมแขนแทนอ้อมขวัญอันห่วงใย


พับกลีบบัวน้ำตาปริ่มอิ่มปิติ
ดอกมะลิลามะลิซ้อนงามอ่อนไหว
อธิษฐานกราบพระพุทธพร้อมพลีใจ
ยอดดวงใจพรากลาอีกคราแล้ว


จิตเกษมหอมห่มธรรมย้ำรอท่า
ทุกทิวาภาวนาใจใสดั่งดวงแก้ว
น้ำค้างฝันจันทร์หวานทั่วถิ่นแนว
กระซิบแผ่วน้องคนนี้พลีรักรอ..

มองดูจันทร์ฝันฝากใจนะยอดรัก
จันทร์ใจภักดิ์คงมั่นฝันเฝ้าพ้อ
จะเนิ่นนานสักปานไหนใจเฝ้ารอ
จะมิท้อดอกธรรมหวานบานในใจ


จะส่งจูบส่งใจไปคลายหนาว
ห่มร่างร้าวเหนื่อยนักพักหวั่นไหว
ให้เดือนดาวกระซิบพราวออดอ้อนใจ
ยังมีใครคนนี้ที่รักนัก...

ดอกพุดไพรฝากใจห่มหอมกว่าหอม
หวังจิตหลอมสัญญามั่นขวัญรวมภักดิ์
น้ำค้างพรมลมลูบไล้มาทายทัก
ดาราจักรหมุนวนรอคนดี..

น้ำค้างแก้วพราวใสจับใบไม้
น้ำตาพรายซึ้งเศร้าหนาวคืนนี้
นับวันรอยอดหฤทัยกี่ราตรี
ใจดวงดีกราบขอพรวอนสวดมนต์


ฝากท้องฟ้าโอบกอดแทนห่วงหา
ฝากดาราประจำเมืองทุกเวหน
ฝากคำมั่นสัญญากลางกมล
ฝากเทพดลบันดาลประทานพร


ฝากใบไม้ร่ายฟ้อนแทนคำหวาน
แทนร้าวรานรักรอขอออดอ้อน
ฝากหมอนน้อยคอยเคลียแก้มก่อนจะนอน
กระซิบอ้อนวอนว่านิทรารมย์..นะดวงใจ..

********




ดึกดื่นคืนนี้ราตรีสิ้นไร้ดาราฝัน


ก่อนดวงตาเดียวดาย..จะพรายพร่า 
หยาดน้ำตาค้างแก้มแต้ม...ใจขวัญ 
กรุ่นกลิ่นรักกลิ่นดาว...หนาวคืนวัน 
ปีกความฝันนกไพร...ไยโบกบิน


ค่ำคืนดึกดื่นค่ำ..รำพันหา 
ใยดวงตามองไม่เห็น...สายถวิล
กี่ความฝันทิ้งไว้...น้ำตาริน 
ดาราสิ้นแสงเต็มฟ้า....ลับลาไป 


แหงนมองฟ้าไม่เห็นดาว..พราวพรายพร่าง 
วิญญาณร่างไร้ฝันริบหรี่ไหว
เหลือความหวังยังสถิตเป็นเพื่อนใจ
หนาวเพียงใดใครเคียงกายหว่านสายดาว 


ราตรีกาลมาเยือนเตือนให้หลับ 
แม้นล่วงลับคืนฝันอันเหน็บหนาว 
ในห้วงลึกยังศรัทธา....ค่าคู่ดาว 
ฟากฟ้าหนาวปรารถนาบินฝ่าไป 


เพียงแต้มฝันอันสกาวคราวฟ้าหม่น 
เพียงปลุกคนปลุกชีวิตกระจ่างใส
เพียงเป็นแสงแห่งอรุณ...อุ่นอาบไอ
นำทางใจดาราฝันปันมวลชน..... 


*************



เย็นนี้  ฟ้าสวยเหลือเกิน  
สีฟ้าอ่อนอมเทาบางเบา เจือส้ม ชมพู ม่วง
จนยากจะแยกออกว่าเป็นสีใด 

รู้แต่ว่าเป็นสีท้องฟ้า ที่อ่อนหวาน

ปานสายไหมเลื่อมพรายพราว

ตะวันเรี่ยยอดไม้โรยตัวลงช้าๆ
ทิ้งแสงสีราวรุ้งทาบทา
เป็นช่อชั้นส้มปนแดง 
จับเมฆหวานปานวิมาน ยามใกล้ค่ำ

จันทร์เสี้ยวตะแคง ขี้เกียจ 
แขวนอยู่กลางฟ้ากว้างแล้ว 
รอเวลาทายทักราตรี
ที่จะจุดเทียนแสงดาวประดับฟ้า
ให้พราวพรายนับพันล้านเล่ม เต็มอ้อมฟ้า เต็มอ้อมฝัน..

ชาวสวนหลังบ้านก่อกองไฟ..
ควันไฟลอยอ้อยอิ่งแตะปลายกิ่งไผ่ที่ไหวเอนล้อลม....
พ้นดงไม้ขึ้นมา ช้าๆ 
ให้ได้สัมผัสกลิ่นนี้
ที่หวนไห้คิดถึง ท้องทุ่งนา 
ท่ามกลางป่าดงและไพรกว้าง

ยอดโดม..สีขาวบ้านเพื่อนบ้าน 
ล้อแสงตะวันราวอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน...

ยามนี้..
ที่ฉันราวอยู่ลำพัง...คนเดียวในโลก .........

เวทีท้องฟ้า..เล่นแสงสวยช้าๆ
ให้จับนัยน์ตาในใจ..ไล่โทนสีไปเรื่อยๆ..
ด้านโน้น ด้านนี้  

ฟ้าเปลี่ยนสี เหมือนจะบอกเรานี้ว่า 
ใจคนเราก็ยังไม่สายที่จะเปลี่ยนแปลง..

เป็นลำพัง...ที่แสนดี 
ในความคิดความรู้สึก 
มีเพียงนกน้อยๆ 
เกาะกิ่งโมกอย่างโดดเดี่ยว เป็นเพื่อนใจ

ฟ้า..มืดแล้วนะ..แต่ใจกลับนิ่ง สว่าง สงบ 
ไม่พบกับความวุ่นวาย สับสน ด้วยได้อยู่ลำพัง..

เอนกายราบ..
ทอดตาจับฟ้าเบื้องบน 
ฟ้าเริ่มมืดหม่น..

แต่จันทร์เสี้ยวกลับทอแสงนวลใยโลมไล้ราตรี...
และใจดวงนี้ ให้คลายหม่นราวเมตตา........

มองจากเบื้องบนลงมา
หากฟ้ามีตา.....
คงเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง..

นอนนิ่งเงียบ..เดียวดาย..ลำพัง..กับฟ้ากว้างและจันทร์แรม..






http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=973
ดวงใจในฝัน   
อรวรรณ เย็นพูนสุข : : Key Eb  
รำพึงรำพัน ฝันรัก รักเอยใฝ่หา
ยังจำติดตาชวนปลื้ม ฉันลืมไม่ลง
เป็นรอยพิศวาส ปักใจมั่นคง
ฝังใจพะวง หลงรอคอย
อาวรณ์ใจครวญ หวนคิด คิดจนพร่ำเพ้อ
พาใจละเมอหมองหม่น คิดจนเลื่อนลอย
ยามนอน ถอนสะอื้น ตื่นตาแลคอย
คิดจนดาวลอย คล้อยเมฆา
ฝันกอดเชยชม ภิรมย์รื่น พี่ชื่นตื่นผวา
จนใจ ไม่มีใครเมตตา
เพียงนิทรา นิจจานึกว่าสุขเอ๋ย
บางคืนมองจันทร์หรรษา นิจจาอกฉัน
บางคืนขาดจันทร์เยือนหล้า น้ำตาหลั่งเลย
ลมเอยพริ้วยังแผ่ว ไม่มีแววเลย
เหงาใจจริงเอย หลงเชยแต่เงา

บางคืนมองจันทร์หรรษา
นิจจาอกฉัน
บางคืนขาดจันทร์เยือนหล้า
น้ำตาหลั่งเลย
ลมเอยพริ้วยังแผ่ว
ไม่มีแววเลย
เหงาใจจริงเอย
หลงเชยแต่เงา...

 
  

				
16 ตุลาคม 2547 09:19 น.

กระท่อมพุดไพรในว่ายเวิ้งฝันนิรันดร์รัก

พุด


urlhttp://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=82
(รักข้ามขอบฟ้า)
************


ในวันที่ฝนพรำฟ้าฉ่ำฝน
วันที่..
ดวงดอกไม้จริงในทุกแหล่งหล้า
กำลังร่ายมนตราออดอ้อนฟ้อนเสน่หา
สายวสันต์ลีลา
ที่ราวกำลังรอเวลา
กล่าวคำอำลาพรากจากไปอีกคราครั้ง


ดอกไม้..ใจ...ก็ได้รับซองจดหมายปิดผนึก
ที่ทำให้หัวใจเธอ..เต้นตึกตักเสียยิ่งกว่าเสียงกลอง
และ
ราวกับว่า
จะได้รับกลิ่นหวานหอมของหญ้าหวานชนิดหนึ่ง
อวลระคนปนมาในซองจดหมาย



เธอค่อยๆเปิดซองอย่างช้าช้า
พลัน..
น้ำตาก็เริ่มปริ่มเต็มเรียวตา
เมื่อเห็นลายมือหนักแน่นคุ้นชินเริ่มชัดขึ้นๆ
และ
กับข้อความในจดหมาย
ที่ชาตินี้เธอ..ตระหนักชัดที่จิตที่ใจว่า
หามีใครไม่แล้ว
ที่จะรจนาภาษาใจได้หวานหอมเท่า
ที่เร้าร้อยรัดรึงตรึงให้ดวงใจผู้อ่านผ่านตา

โดยเฉพาะผู้หญิงหัวใจละมุนคนนี้
ต้องร่ำไห้สะอึกสะอื้นทุกครั้งครา
กับทุกประโยค
ที่ช่างแสนหายากยิ่งนักในปฐพีนี้

ที่เธอคิดว่า...
เธอคือผู้หญิง...ที่ช่างแสนโชคดีที่สุดในโลกนี้

ที่ได้รับเกียรติได้รับความรัก
อันหนักแน่นแสนพิสุทธิ์ใสนั้น

จากสุภาพบุรุษ
ที่เป็นดั่งดวงใจเป็นผู้ดีด้วยกายวาจาใจ
ด้วยความรักยิ่งใหญ่ด้วยธรรมหอมห่ม
ให้เธอได้เกิดความซาบซึ้งปิติใจ 
ด้วยความภูมิใจ
ด้วยความรู้สึกลึกล้ำ

เกินกว่าจะหาคำ
มาบอกเล่าได้ทั้งสิ้นทั้งหมดความรู้สึกแสนงดงามนี้
ที่จะตราตรึงให้คนทั้งสอง
ยิ่งคิดถึงคะนึงหากันและกันอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
ให้ยิ่งซึ้งค่า รู้ค่ารัก รู้ค่า คำ
ที่จะพลีทะนุถนอมโอบเอื้อใจกัน


เพื่อสรรสร้างให้มีพลังจิตเกษมกระจ่าง
ดั่งดวงแก้วงามดวงแก้ววิเศษงาม
ที่จะนำทางไปสู่ความรักนิรันดร์


เกินกว่าที่ใครจะคาดคิดว่าในโลกนี้
สิ่งศักดิ์สิทธิย่อมมีจริง
ย่อมประทานพรมาให้
กับผู้*ให้*ผู้*เมตตา*
ผู้เพียรค้นหาทางธรรมมาน้อมนำทางใจ
ให้ไสวพร่าง
ประคองร่างประคองจิตให้งามใสไปด้วยกัน
อย่างกัลยาณมิตร..


เธอ..จึงอึ้งอั้นเมื่อ
พร้อมกันกับจดหมายนั้น
เธอได้รับลายแทงให้เธอเตรียมเดินทางไกล
ไปตามหาฝันที่แสนยิ่งใหญ่ที่มีเขาคนดีรออยู่

ที่สุดที่รักในดวงใจของเธอเขียนมาว่า
*ดวงใจของพี่..
อย่าร้องไห้นะคนดีทันที่ได้รับจดหมายนี้

เพราะพี่รู้
ถึงแม้นน้องจะเป็นคนเข้มแข็ง
และเพียรต่อสู้โลกและอุปสรรคชีวิตได้ในทุกเรื่องราว


ไม่ว่าจะเศร้าสุขที่ผ่านมา
หากทว่า
พี่รู้ดีว่าน้องคนดีจะร้องไห้อีก
ด้วยความปิติตื้นตัน
ที่ทราบว่าพี่นั้นยังมีชีวิตอยู่


คนดี..ครับ
พี่กำลังรอ..น้องให้มาพบพี่
พี่จะรอรับที่จุดนัดพบ


เมื่อถึงเวลา
และให้น้องบินตรงมายังสนามบินอุบลราชธานี
ในวันเวลาตามตั๋ว
ที่พี่แนบมาได้ระบุวันเวลาชัดเจนแล้ว


ให้น้องทำใจให้สบายรักษากายให้ดีนะครับ
ให้คิดนะครับว่า
ไม่กี่ที่ทิวาราตรีแล้วที่เราจะได้พบกัน
จะได้อยู่ในอ้อมแขนกันและกันแล้ว


คงไม่มีอะไรที่จะงามใจ
ไปกว่านี้อีกแล้วใช่ไหมครับดวงใจของพี่

พี่จะนับวันนับนาทีรอนะน้องน้อยนะครับ
ด้วยรักห่วงใย
จากใจพี่ ..
อย่าลืมดื่มนมก่อนนอน
และดูแลสุขภาพดีดีนะครับคนดีของพี่...


.............
และนั่นคือสิ่ง..บันดาลดล
ที่ทำให้เธอกำลังมานั่งนิ่ง
ราวตกอยู่กมลฝันอยู่ในภวังค์รัก
บนนกยักษ์...
นะวันนี้



ที่กำลังพาร่างใจจิตวิญญาณของเธอ
ผกโผผินบินผ่านม่านหมอกเมฆแสนหวาน
และดวงดอกไม้ไพรในทุกแหล่งหล้าธาตรี
ที่กำลังบานสะพรั่งพรึบพร้อมพลีอวยพรให้เธอ
เดินทางอย่างปลอดภัย


เพื่อไปตามล่า..หาฝันตามหายอดดวงใจของเธอ

ที่อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
จากขอบฟ้ากว้างใหญ่
ก็พลันจะค่อยๆแคบเข้าๆ
ราวกับฟ้าดินกำลังเฝ้าอวยพรรับรู้


และ
เข้าใจยอมแพ้พ่าย
อำนาจความรักความคิดถึง
คะนึงหาอันแสนยิ่งใหญ่
ในเนื้อใจมนุษย์
ในดวงใจมนุษย์
ที่แสนพิสุทธิ์ใสเป็นยิ่งนักแล้ว
............


เธอหลับตา ...
และ..ไม่นานนาที
เสมือนฝันเป็นจริงพร้อมรออยู่ตรงหน้า
เมื่อถึงสนามบิน


ที่เธอ..เริ่มได้ยินเสียงผู้คนสับสนอลหม่าน
พากันแยกย้ายเดินทางรอนแรม
หรือกลับบ้านสู้อ้อมแขนครอบครัวสู่รวงรังแห่งรัก
******


ที่นะบัดนี้
เธอ..คนดีกำลังยืนคว้างอย่างละละล้าละลัง
เพื่อรอร่างใครบางคน
ที่กมลภายในเธอ..โหยหามาอย่างนานเนิ่นเกินนับ

ที่ขอแค่ได้เพียงกลิ่นกาย
ที่คุ้นชินได้ยินเสียงนุ่มนวล
ปลอบประโลมใจก็พอเพียงก็เพียงพอแล้ว


และนั่น..
ผู้ชายของเธอ....ทั้งในโลกฝันและโลกจริง
ร่างเพรียวของเขายืนอยู่นั่น
ในท่าอันเจนตาเจนใจ
กับ
รอยยิ้มอันแสนสดใสแสนอบอุ่นอ่อนโยน


เธอ..ทนไม่ได้ค่อยๆเดินแกมวิ่งและ
ถาโถมเข้าใส่เขาเหมือนเด็กเล็กๆ
ที่เขาก็กำลังอ้าแขนรอเวลาโอบรัด
กระชับร่างงามบอบบางนั้นด้วยความรักมากล้น


ให้ยอดดวงใจแสนรัก..
ทิ้งทอดร่างงามกอดรัดเขา
และ
พร่ำกระซิบจูบริมหูเบาๆ
และกับคำพูดที่แสนซึ้งซาบ
ที่ได้ยินกันเพียงสองคน
*น้องคิดถึงๆๆๆๆค่ะ*
*เช่นกัน*มากที่สุดเลยจ้า
พร้อมเค้าเคลียคางสากริมไรผม
และดอมดมพรมจูบแผ่วผิว
หากแสนหวานซึ้ง
จากใจที่หนักแน่นมั่นคง


เสมือน
ยามที่ภูผาปล่อยให้เมฆนวลเคล้าเคลียอย่างมิรู้เบื่อหน่าย

ให้เธอ..ได้คลายรู้สึกรักคิดถึง
จนกว่าจะหนำใจ


แล้วๆค่อยๆผละออกจากอ้อมอกอุ่นละมุนละไม
เมื่อเขาพยายามหมุนร่างเธอวนดูรอบๆ


ฝากทุกสายตาเอ็นดูผ่านมาชื่นชม
กับภาพแบบนี้
ในสนามบินที่ใครๆ
พากันเห็นกันจนชินตา
กับภาพอำลา...
หรือภาพรับขวัญประทับใจ


ที่สามารถเรียกน้ำตาได้
ทั้งผู้ที่กำลังจะจากไปจากไกล
และสำหรับผู้ที่มาเยือน
ที่คืนเรือนมาให้ครอบครัวได้รับขวัญอย่างพร้อมหน้า


จนกลายเป็นภาพแห่งความเคยชินธรรมดาๆ
และ
ที่ทุกคนมองมายังคู่เธอนั้น
เพราะ
ดูราวกับว่าพี่ชายกำลังพบหน้าน้องสาวก็มิปาน
ค่าที่ใบหน้านั้นละม้ายกัน
และงามละมุนใจทั้งคู่
กับความสุภาพที่แฝงอยู่ในเรือนร่างบึกบึน
อย่างสุภาพบรุษของพี่ชายคนดี


เธอยิ้มหวาน..เขายิ้มกว้าง
และ
ร่างใจราวกำลังหลมอละลายกันเป็นหนึ่งเดียว
เมื่อสบตากันฉ่ำชื่นชื่นใจ


และ
ราวกับโลกและฟ้าดิน
กำลังค่อยหยุดเคลื่อนไหวลงอย่างช้าๆ
ราวกำลังจะรอเวลาหยุดหมุนเอาใจช่วยอวยพร
เฝ้าดูปาฎิหารย์รักมหัศจรรย์แห่งรักนี้ที่รอคอย
ที่ยากยิ่งนักที่ผู้ใดจะเข้าใจ..

เขา...มีคนขับรถจิ๊ปคันใหญ่
มาให้เธอนั่งเป็นเจ้าหญิง

และ
ตลอดเวลาตลอดระยะทาง
ทั้งสองดวงใจ
จะนั่งเอนอิงพิงไหล่และ
เกาะกุมมือกัน
ราวจะใช้ใจถึงใจหลอมละลายแนบประกบ


ราวกับจะถ่ายทอดพลังแห่งหัวใจ
ที่แสนงดงามเปี่ยมแปร้
ด้วยความคิดถึงๆและคิดถึง


ที่ไม่จำเป็นต้องกล่าวคำใดออกมา
ต่างก็สบตากันและกันอย่างแสนซาบซึ้ง
ที่เป็นความรู้สึกงามล้ำดำดื่ม
นะภายในก้นบึ้งแห่งดวงวิญญาญ์

ตลอดเวลาตลอดทาง..
เธอ..ไม่มีคำถาม
เพียงเพียรพยายามใช้สายตาสำรวจเส้นทาง
ที่รถขับผ่านไป...ผ่านไป...อย่างไม่เร็วนัก


เสมือนจะให้เธอที่รัก
ได้ทอดทัศนาสิ่งแวดล้อมรายรอบ
ที่เริ่มจะชัดเจนขึ้น


ให้เธอ..เริ่มอึ้งงงงัน
และ
พลันในรายรอบสายตาเธอก็เริ่มชัดขึ้นๆ
ราวกับฝันไปในเวิ้งจินตนาการ...


เมื่อ..รถจอดสนิท
เขาบอกเธอให้หลับตาช้าๆ..
และบอกว่า..
อย่าลืมตาจนกว่าเขาจะบอก..


เธอ..ได้กลิ่นดวงดอกไม้บางชนิดที่ชั่วชีวิตนี้
ไม่มีวันที่เธอจะลืมเลือนจะจำไม่ได้..


*กลิ่นดวงดอกพุดซ้อนที่หวานหอมแสนเศร้า*
และ
ยิ่งยามนี้
ยามที่สนธยาใกล้ค่ำ
ก็ราวยิ่งอบอวลระรินร่ำ
ราวทำให้เธอตกอยู่ภวังค์ฝัน
ในดงดวงดอกไม้ไพรดอกไม้ในดวงใจในความฝัน
ที่เธอผูกพันมาตั้งแต่อ้อนแค่ออกแต่แรกเกิดก็ว่าได้


เขาบอกให้เธอค่อยๆลืมตาขึ้น..อย่างช้าๆ
และ
นั่น...!!!!!1
ตรงหน้า
ภาพในคลองตา
ที่เธอใช้คลองใจคลองจิตวิญญาณ
บ้านภายในใช้ใจดวงสวยใสสว่างกระจ่างสัมผัสงาม...
ในยามที่เธอตั้งใจต้องการรับรู้รับทราบ
กับทุกภาพยามชิดใกล้ยามได้อยู่ใกล้พี่ชายแสนรักคนดี



ที่เธอนี้..
อยากจะมีอยากจะเก็บทุกส่วนเสี้ยว
แห่งความทรงจำอันมักจะหวานหอมห่ม
ให้ห้องห้วงใจได้รับหวามไหวงดงาม
ในทุกยามกับกาลเวลาเนานานที่ผันผ่านฝากดี


และ
นั่น..!!
ราวสวรรค์ชลอ...ฟ้าประทาน..

ให้พลันปรากฎความงามแสนยิ่งใหญ่
ตรงหน้า...
ราวกับว่าเป็นวิมานแก้ววิมานทิพย์

ภาพกระท่อมในฝันในใจ
ที่โผล่พลันขึ้นมาในท่ามกลาง
สายหมอกรำไรในดงดวงดอกไม้ไทยสะพรั่งกลิ่น


ที่
หันไปทางไหน
มีแต่ดงดวงดอกพุด..สีขาวๆและสีขาว
ที่ออกดอกดกมากมาย
กำลังพรายพร่างกระจ่างใจ
ที่กำลังส่งกลิ่นประทิ่นระรินร่ำประโลมใจดวงเศร้า

ให้หยาดน้ำตาใสใส
ราวน้ำค้างแก้ววะวาววับจับจิตจับใจ
หล่อเลี้ยงในเรียวตา
รอเวลาเพียงละหลั่งรินรับ
กับงามประทับใจจนเกินกล่าว

ให้พี่ชายผู้แสนดีทนไม่ได้ต้องหันไปบอกว่า
คนดี..
อย่าร้องไห้..
พี่กำลังจะกระซิบเล่าอะไรให้ฟัง

เอียงหูมานะครับ
และสัญญานะครับคนดี..

ว่า..
น้องน้อยจะต้องหยุดร้องไห้เสียที
ก่อน
ที่พี่จะเล่าเรื่องราวทั้งสิ้นทั้งหมด
ที่ปรากฎแก่สายตาน้อง
นะบัดนี้นะนาทีนี้..!

ให้น้องน้อยได้รับทราบได้รับฟัง
อย่างหมดจดใจ
อย่างถอดใจ..นะครับสัญญา.*
 

น้ำตาเธอยิ่งพร่าพราว
เมื่อเขาเล่าเรื่องจบลง
และ
ทุกสิ่งฝัน
ได้ค่อยๆชัดเจนขึ้นให้เธอเพ่งพิศ
ด้วยดวงใจด้วยดวงตาด้วยน้ำตา
ที่เริ่มจะระรินไหลอีกคราหนึ่ง
อย่างมิรั้งรอมิอาจหยุดยั้ง


กับภาพ
ตรงหน้า..
ราว*สวนประหนึ่งฝัน*
ปานประดุจดั่งวิมานแก้ววิมานทิพย์


ดั่งสวรรค์เนรมิตร
สวนทิพย์สวนขวัญ
มากำนัลมามอบให้ด้วยมากเมตตา

วิมานดิน..กระท่อมทิพย์วิมาน
ที่งามล้ำเคียงหล้าเคียงใกล้ผืนน้ำโขง


ที่กำลังส่องแสงพรายพร่างงามระยับระยิบ
ดั่งมือนางฟ้าเพิ่งมาปรายโปรยเกร็ดเพชร
ลงในท้องน้ำเบื้องล่าง..ให้งามพรายอย่างหาที่ติไม่ได้


และนั่น
อาคารเป็นสไตล์ล้านนาท้องถิ่น จำลองมา
ให้ราวแยกเป็นสองส่วน
มีอาคารหลักราวแบบวิหาร


และ
มีอาคารเปิดโล่ง โปร่ง
เพื่อเปิดรับสายลมเย็นและกลิ่นไม้หอม
ดวงดอกไม้ป่าดวงดอกพุด
ที่กำลังล่งกลิ่นสะพรั่งรินอวลมาเป็นระยะๆ
กับสายลมหนาวในยามค่ำ


ที่ตะวันดวงโตสีไพล
กำลังค่อยๆผันดวงลงสู่ผืนน้ำอย่างละมุนละไม


อีกอาคารรองถัดมา
มีลักษณะเป็นศาลาบาตร 
สำหรับรับรองแขก
ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวเป็นพิเศษ


เพราะ
มีเตียงสี่เสาและตั่งสำหรับนั่งเอกเขนก
มีหมอนขวานหมอนอิง
ที่ใช้ผ้าไหมหลากสีมาประดับตกแต่ง
แบบตะวันออก


อาคารและการก่ออิฐถือปูน
การใช้ไม้ในการปลูกสร้าง
เป็นการยืนยันเอกลักษน์ของสถาปัตยกรรมท้องถิ่น
ที่ดัดแปลงให้เข้ากับการใช้งานจริง


มีหน้าบันวิหารเก่าแบบล้านนา
เครื่องเรือนอื่นๆเช่นตู้ โต๊ะ ตั่งเตียง
ก้ล้วนแล้วแต่ใช้ช่างฝีมือพื้นถิ่นทำ
เพื่อรักษาวิถีภูมิปัญญาไทย


รวมทั้งงานศิลปะ
รูปสลักหินทุกทุกชิ้น
ที่สื่อแสดงความเป็นไทยโบราณ
ย้อนรอยอดีตอันงดงาม..แต่กาลก่อน
ที่วางประดับตามสวนในมุมต่างๆ


ที่นะบัดนี้ 
สายแสงเทียน
กำลังอวดแสงโชนจากทุกดวงโคมไผ่
ที่ซุกซ่อนไว้ตามสุมทุมพุ่มพฤกษ์


และ
กำลังถุกจุดขึ้นทำหน้าที่พร่างไสววะวูบวับ
รับล้อกับตุงผ้าฝีมือประดับไปรายรอบเรือน
และ
ที่แสนงามใจอย่างที่สุดคือ
มีชานเรือนไม้ที่ยื่นชิดออกไป
ให้คลอชิดใกล้สายน้ำโขง
ที่กำลังไหลระรินอย่างช้าๆ


มีลั่นทมหลากสี
ที่เคลียใกล้ชายคาแห่งรักแห่งฝัน
และ
ราวกับกำลัง
ได้ยินเสียงมหากาพย์ดนตรีแห่งพงไพร
และเสียงแห่งสายน้ำที่ราวกำลังร้องเพลงเห่ครวญ 
ให้สุดหวนไห้ในดวงใจอย่างหวานเศร้าละมุน
ในท่ามกลางความสงบสงัด


และมีเสียงเรไร จั๊กจั่น 
กำลังช่วยบรรเลงเพิ่มเติมตามต่อคลอใส
ด้วยเสียงหวานหวานหวาน

ในท่ามกลางนวลพรายสายแสงจันทร์
ที่กำลังลอยเลื่อนพ้นดงไม้รำไรๆ
ข้ามพ้นขอบโค้งภูเขามาอย่างช้าๆ


ในคืนหนาว
ที่ดาวกำลังระดะดวงเต็มอ้อมฟ้าอ้อมฝัน
ที่นางฟ้าได้มาปันโปรยหว่านหวาน
ให้ทั่วทั้งท่องนภาฟ้ากว้างราวมีทางช้างเผือก
ประดับประดา


กับทุ่งดวงดอกหญ้า
ทุ่งดอกไม้ป่าดอกไม้ไพร
กับเถาวัลย์ที่กำลังพันเลื้อย
ออดอ้อนกิ่งมะลิวัลย์


กับเสียงวิหคไพร
ที่กู่ก้องร้องเพลงหวานแสนหวานมาจากแมกไม้
กับมนต์หวานในม่านเมฆงามเงา
กับกลิ่นของความเป็นชนบท


และ
ที่สำคัญที่สุดคือกับความงดงาม
แห่งเนื้อใจของผู้อันเป็นที่รักภักดิ์พลี
ที่ได้มีโอกาสมาเคลียคลอพ้อฝันชิดใกล้กัน
............


ดวงดอกไม้พุดไพร..น้อยๆ
จึงค่อยๆหยุดร้องไห้
พร้อม
กับเอนอิงนั่งพิงลงในตักของพี่ชาย
******


พลางโน้มน้อมคอดอมดมพรมจูบไปทั่วทั้งใบหน้า
อย่างอ่อนหวานอ่อนโยน
อย่างละเมียดละมุนใจ
อย่างแสนขอบคุณแสนซึ้งใจ
ในน้ำใจอันแสนหนักแน่นยิ่งใหญ่
อย่างยากที่ผู้หญิงคนใดจะได้รับ


ที่
เธอแสนรักเอยแสนรักในกมล
เสียเป็นยิ่งนักแล้วนะยอดดวงใจของน้องน้อย

และพร้อมกันกับที่..พี่ชาย..แสนดีของเธอคนนั้น
ก็พลันค่อยๆจูบประทับรับขวัญ
ตอบกลับมา
ที่หน้าผากน้องน้อย
อย่าละมุนละม่อม
อย่างแสนรักแสนอ่อนโยนเฉกเช่นกัน


ให้ฟ้าดิน..สวรรค์พลันรับรู้
เพื่อโปรยพรให้กับทั้งสองดวงใจ..ที่ช่างแสนสุข...ล้ำ..
ในสวรรค์ไพรสวรรค์บนดิน

*ในกระท่อมพุดไพรในเวิ้งฝันนิรันดร์รัก..!!


************


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=82
รักข้ามขอบฟ้า   
ศรีไศล สุชาติวุฒิ : : Key F  
ขอบฟ้า เหนืออาณาใดกั้น
ใช่รักจะดั้น ยากกว่านก โบยบิน
รักข้ามแผ่นน้ำ รักข้าม แผ่นดิน
เมื่อความรักดิ้น ฟ้ายังสิ้นความกว้างไกล
ขอบฟ้า ทิ้งโค้งมาคลุมครอบ
อ้าแขนรายรอบโอบโลกไว้ ภายใน
เหมือนอ้อมกอดรัก แม้ได้ โอบใคร 
ชาติภาษาไม่ สำคัญเท่าใจตรงกัน
รัก ข้ามขอบฟ้า รักคือ สื่อภาษาสวรรค์
อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง
ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์
ขอบฟ้า แม้จะคนละฟาก
ห่างไกลกันมาก แต่ก็ฟ้าเดียวกัน
รักข้ามขอบฟ้า ข้ามมา ผูกพัน
ผูกใจรักมั่น สองดวงให้เป็นดวงเดียว

รัก ข้ามขอบฟ้า รักคือสื่อภาษาสวรรค์
อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง
ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์
ขอบฟ้า แม้จะคนละฟาก
ห่างไกลกันมาก แต่ก็ฟ้าเดียวกัน
รักข้ามขอบฟ้า ข้ามมา ผูกพัน
ผูกใจรักมั่น สองดวงให้เป็นดวงเดียว...
 

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด