8 ตุลาคม 2547 06:10 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song161.html
ตะวันดวงโตเท่ากระด้งฝัดข้าว
สีส้มสุกกำลังลอยเรี่ยผิวน้ำทะเล
ที่นะบัดนี้ทั่วทั้งท้องน้ำอาบประกายระยิบระยับ
ราวผืนผ้าไหมทะเล..ทอทองทาบทา...
ริมทะเลสีทองนั้น
หลับตา..
จะพาไปพบกับ
ภาพเด็กผู้หญิงผมเปียสองข้าง
นัยน์ตาสร้อยเศร้า
ผิวบอบบางราวแพรไหมไข่ปอก
ที่มีที่มาที่ไป
ที่คุณแม่เธอเคยเล่าให้เธอฟังว่า
วันที่เธอลืมตาดูโลกนั้น
เป็นที่อัศจรรย์นักกับทุกสายตา
ที่เธอ..เกิดมาผิวนวลใยละไมผุดผ่องจนใครใคร
พากันพูดเป็นเสียงเดียวว่า..งามแปลกนัก
ทั้งๆที่ถิ่นที่เธอเกิดนั้นคนมักจะมีผิวสี
และ
ที่แปลกดีคือหน้าผากเธอ..จะมีชาร์มและมีขวัญ
ใครๆเค้ามีขวัญเดียวแต่เธอมีสอง
อย่างคุณพ่อและน้องชายแบบกรรมพันธุ์แปลก
ที่คนมักทายทักกันไปต่างๆนานา
ที่จนนะบัดนี้ก็ยังปรากฎอยู่
ให้เวลาเธอแสกผมแล้วจะวนเป็นก้นหอยงอนงาม
ตรงกลางหน้าโหนกนูนนั้น..
แทบทุกวัน..เด็กผู้หญิง
เธอจะมานั่งใต้ต้นไม้แห่งนี้
ต้นทองหลางที่ไร้ใบในยามฤดูร้อน
ที่ออกดอกแดงสะพรั่งพรึบเต็มทั้งต้น
ที่ตัดฉับกับผืนฟ้าที่เป็นสีฟ้าจริงๆ
ฟ้ากระจ่างสดสว่างเข้มเต็มผืนแบบไร้มลพิษ
เพราะที่นี่
คือเกาะที่ไกลร้าง
ห่างไกลจากผืนแผ่นดินใหญ่
หลายร้อยไมล์ทะล
ที่ราวไข่มุกทะเล
อันแสนพิไลใสสดขาวพร่างพราวพิสุทธิ์
ที่ถูกซุกซ่อนไว้โดยเงื้อมหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้า
พระพรหมผู้บันดาล
ให้เป็นสถานที่แห่งรักแห่งหวังหวานยิ่งใหญ่
แด่ทุกดวงใจ..คนช่างฝัน
ราวฟ้าดินมอบกำนัลให้เป็นของขวัญ
แด่โลกและมวลมนุษย์ชาติ
ราวสถานทิพยวิมานบนหล้าโลก
มาลบโศก
ให้ได้เสพสุขสงบ พบความสุนทรีย์แห่งชีวาชีวิต
ที่จนถึงนะวันนี้
ก็ยังคงเป็น..
แม้นจะหลีกเร้น
หนีไม่พ้นมนุษย์มนามากมาย
ที่พากันหลั่งไหลมาจากทั่วทุกมุมโลก
มาเพิ่มสุข ทิ้งโศก ฝากไว้แทน
มาสนุกสนานเบิกบานร่ายระบำรับขวัญ
รับหวานจากพระจันทร์ดวงงาม
ที่กล่าวขานไปทั่วโลกแล้วว่าหาที่ใดงามเท่าไม่มีแล้ว
นอกจาก
มีที่อินเดียอีกที่
หากทว่า..ที่นี่ได้องค์ประกอบครบถ้วน
ล้วนเลิศล้ำยิ่งกว่าจะหาถ้อยคำใดมาพร่ำพรรณนา
คือเป็น
สถานที่
พระจันทร์งามขึ้นระหว่างโค้งอ่าว
ที่มีทรายเนื้อละเอียดนวลนุ่มเท้า
ขาวสะอาดราวแป้งเนื้อดี
ที่ทุกยามเต้นรำนั้นหยุ่นนุ่มละมุน
ราวเยื้องย่างบนฟองเมฆสกาวพราวพอกับฟลอร์สวรรค์
ก็มิปาน..
ย้อนรอย
กลับมา...หาเด็กผู้หญิงช่างฝันดีกว่า
ในเมื่อเรื่องเกาะงามวิไลนั้น
เคยเล่ารจนามามากมายหลายฉากแล้วในเรื่องรักๆ
ของนักอยากจะเขียนเพียรฝันคนนี้
เด็กผู้หญิงตัวน้อยที่บอบบาง
เกิดมากับทะเลกว้าง
กับงามงดของทุกสรรพสิ่งที่เป็นธรรมชาติจริง
ที่ใครใครมักงงว่าทำไมเธอถึงหลงใหลในแสงตะเกียง
แสงเทียนในโบสถ์คร่ำกันเล่า
ก็เพราะว่า*งามเงาแห่งอดีตนั้น*
เธอตราหอมแห่งความทรงจำที่ตอกตรึงสลัก
ไว้ในดวงจิตภายในอย่างงามไสวพร่าง
อย่างยากจะลบเลือนหาย
แม้วันปีเดือนจะเคลื่อนจะคล้อยลอยลาลับ..
ยากที่จะย้อนรอยเงาอดีต
อันงามงดสดชื่นแสนหวานหวนกลับมาก็ตามที
ยามนั้น
เด็กหญิงน้อย
ผู้ราวมีหนึ่งร่าง
หากราวสองภาคสองใจในคนๆเดียวกัน
ที่
ทั้งดูเดียวดายเศร้าสร้อยแสนเงียบเหงาช่างฝัน
กับอีกคนอีกภาคนั้นช่างเจรจาพาทีเป็นยิ่งนัก
และมีผู้ทายทักบอกว่าคงเป็นเพราะ
มีไฝเล็กๆสองเม็ด
ที่แทบมองไม่เห็นหากไม่สังเกตุ
แตะแต้มริมเรียวปากด้านซ้ายบนล่างคู่กัน
ภาคเดียวดายนั้น
เธอจะปลีกตัวจากผองเพื่อน
ที่ชวนกันมาวิ่งเล่น
โดยใช้หาดทรายริมทะเลกว้างดั่งสนามผืนโต
และมีสระน้ำทะเลแพรไหมสีมรกตเคียงข้างให้กระโดด
จากต้นมะพร้าวหักงอลงล้อคลื่นตูมตามๆ
ราวเป็นสระส่วนตัว
และราวสวรรค์บันดาล
ให้งามอย่างเกาะในฝันของอภิมหาเศรษฐีชาวกรีก
อริสโตเติ๊ล โอนาซิส ผู้ล่วงลับ
ที่มีเกาะแสนงามเป็นส่วนตัวไว้พักผ่อนลำพัง..
ยามนั้น
เด็กหญิงน้อยผู้เดียวดายช่างฝัน
จะหาทางมะพร้าวแห้งมาปูแทนเสื่อผืนงาม
และ
ค่อยๆเอนตัวลงนอน
เธอจะค่อยๆหรี่ตาดูท้องฟ้างามสีครามเข้ม
ที่นะบัดนี้
ราวถูกแตะแต้มตัดฉับ
ด้วยดวงดอกแดงโดดเด่น
ของดอกทองหลางทองพร่างสล้างไสว
หรือดวงดอกปาริชาติงามแสนงามตามนัยน์ตา
พาดวงจิตเธอดั่งสนิทแนบผสานร่าง
เป็นหนึ่งเดียวราวเกลียวทองผ่องพิลาสพิไล
ที่ใจเธอเท่านั้น..มองเฟ้นมองฝันพลันพาเห็นงาม
ตามดวงใจภายในดวงน้อยๆนี้
ที่ยากยิ่งจะบอกเล่าให้ใครรับรู้
และเข้าใจ
ยามนั้น
เธอฝันไกลและแสนจะขอบคุณในน้ำใจฟ้าแลดิน
ที่ช่างเมตตาปรานีให้ชีวินชีวิตจิตวิญญาณเธอ
ได้มาเกิดกลางเกาะ
ที่เพียบพร้อมแสนหวานแสนงาม
ที่แสนยิ่งใหญ่
ด้วยธรรมชาติแสนสวยสงบสุข
ไม่ให้ไปเกิดในแดนทุกข์ดั่งทะเลทราย
ที่ใครๆเล่าว่า
ผู้คนอดหยากยากไร้ไม่มีแม่น้ำสะอาดดื่มกิน
เด็กๆจะหัวโตพุงโรก้นป่อง
แมลงวันพากันมาตอมน่าเวทนานัก
เธอจึงรักผืนดินฝันอันอุดมผืนนี้
ที่
ในกาลต่อมา..
เธอก็ยิ่งกลับซาบซึ้งรู้ค่ามหาศาล
ว่าเธอนั้นแสนโชคดี
ที่ได้มาพบพานได้มาเกิดใน
*ร่มบุญพระบรมธิสมภาร*
ภายใต้ร่มฉัตรร่มธรรมร่มทอง
อันแสนยิ่งใหญ่
แสนดีแสนงาม
อย่างยากที่จะหาสิ่งใดมาเปรียบประมาณได้อีกเลยแล้ว...
และ
บางคราเธอจะใช้เถาวัลย์
มาถักร้อยดวงดอกไม้
ดั่งสายสร้อยแสนงาม
สวมเป็น
*มงกฎดอกปาริชาติ*
ที่วิลาศวิไล
สำหรับดวงใจเด็กผู้หญิงชาวเกาะชาวไพร
ที่เติบโตมาท่ามกลางความไกลห่างจากความเจริญศิวิไลซ์
ห่างไกล
จากคำว่าเมืองอันเรืองรุ่งด้วยแสงสี
และใจร่างดวงใสดวงดี
ก็แสนจะมีชีวิตชีวาเรียบง่ายติดดิน
ไร้วัตถุใดใดมาหลอกล่อใจ
ให้หลงใหลไปกับเงางามนามวัตถุ
ที่จำต้องแลกซื้อด้วยเงินแพงแสนมาเป็นของเล่นแก้เหงา
แบบกุมารเศรษฐี
แบบที่แม่พ่อมีเงินเปรอปรนเป็นถุงเต็มถัง
และบางเวลา
เมื่อเธอเด็กผู้หญิงน้อยเหว่ว้าอ้างว้างใจ
ดายเดียวอย่างสุดๆ
เธอก็จะมุดร่างใจ
ให้ท้องทะเลสีเขียวราวแพรไหมใสดั่งมรกต
ปลอบประโลมคลี่คลุมห่มร่าง
พาตัวเองดำดิ่งลงใต้ผืนทะเลลึก
อย่างไม่หวั่นสิ่งใด
เธอจะกลั้นลมหายใจให้ยาวนานที่สุด
และค่อยๆพาตัวแหวกว่าย
ราวกับสาวน้อยนางเงือก
เปิดดวงตาเฝ้าดูโลกสีคราม
ที่งามสะพรั่งสีจัดจ้านสวยสุดใจ
ด้วยปะการัง
สาหร่ายสีน้ำตาลแผ่พรายร่ายงาม
ดูดอกไม้ทะเล ฟองน้ำ
หอยเม่นและปลาหลากหลายชนิด
ปลานกแก้ว ปลาผีเสื้อลาย ปลาสินสมุทร
ปลากระเบนทอง ปลาเก๋า
ให้ลืมเหงาใจ
แบบให้ธรรมชาติทะเลไทยทะเลใจ
ที่แสนชิดใกล้ได้เชยชิดชมห่มหอมใจ..
และ
เด็กหญิงน้อยๆ
จะค่อยๆนอนเฝ้าลอยคอรอดู
พระอาทิตย์ดวงโตสีหมากสุก
ค่อยๆลดระดับลงเรี่ยผืนน้ำ
ที่ยามนั้นจะสาดสายแสงสีทอง
ลงอาบต้องทาทาบผืนน้ำราวแสงเพชรพร่าง
วะวิบวับงามจับจิตเลื่อมประภัสสร
รอเวลาให้เธอนับถอยหลัง
จนกว่าตะวันดวงงามยามทิวาหวาม
จะค่อยๆจมหายกลายเป็นตะวันลับฟ้า
ไปกับท้องทะเลผืนงาม
ให้ราตรีตามต่อเติมมาเพิ่มหยาดหวาน
ด้วยพรายแสงจันทร์
มาหอมห่มงามพร่างสายแทน..
ชีวิตเด็กหญิงน้อยช่างฝัน
มีเพียงคุณย่า ให้คอยตามติดเคียงกาย
คุณย่าชรา ที่ช่างงามนักในรำลึก
ภาพหญิงชราผมสีดอกเลา
ที่ยึดมั่นในร่มเงางามศาสนา
ที่สอนให้เธอศรัทธาตาม
ในทุกยามค่ำคืน
ให้พร่ำเพียรท่องบ่นสวดมนต์ภาวนา
จุดธูปเทียนบูชากราบหน้าองค์พระปฏิมาบูชาพระรัตนตรัย
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์..
คุณย่า ที่มีชมรมวรรณคดีสัญจร
นัดไปนอนรวมกันนอกชาน
ที่บ้านเรือนไทยราวในหนังเรื่องโหมโรง
ค่าที่เรือนไทยนั้น
แฝงฝังงามอยู่ในท่ามดงมะพร้าว
และดอกไม้ไทยๆ ไสวพรั่ง
ส่งกลิ่นอวลหอมลอยล่องตามลมมาพาให้ใจยิ่งชื่นยิ่งฉ่ำ
บางค่ำคืน
ที่ท้องฟ้าไร้เมฆ
จันทร์ดวงกลมสีทองราวลูกจันทร์แขวนฟ้า
จะทอแสงงามอร่ามเรือง
แจ่มดวงจรัสเจรืองใจเสียเป็นยิ่งนัก
เด็กหญิงน้อยจะได้ยินเสียงคุณปู่
ที่ขานขับเสภาได้อย่างไพเราะแสนเศร้าประทับ
ในบทของวรรณคดีไทยเรื่องขุนช้างขุนแผน..
และ
เด็กหญิงน้อย
จะค่อยๆผลอยหลับพับไป
กับแสงตะเกียงริบหรี่ไหว
กับเสียงกระรอกไพรวิ่งไล่กันจิ๊กจั๊กเหนือทิวมะพร้าวงาม
กับหอมงามแห่งดวงดอกไม้สะพรั่งริน
กลุ่นกลิ่นโมกมะลิซ้อนมะลิลา
และกอราตรีตรงริมชานเรือน
และ
หาก
ค่ำคืนไหน
ยังพอฝืนนัยน์ตาไหว
ก็จะหวั่นไหวไปกับเสียงเล่าอันเร้าใจ
ในเรื่องรามเกียรติ์
ตอนต่างๆ
ที่ทำให้เด็กหญิงน้อย
ค่อยๆเปิดดวงจิตกระจ่าง
เฝ้าซึมซับรับซึ้งตรึงตราไว้
ด้วยความดำดื่มระรื่นรสรักวรรณคดีไทย
ได้อย่างล้ำลึกเมื่อ
ตรองตรึกนึกมาถึงทุกวันนี้
เด็กหญิงน้อย
มีหน้าที่ตามติดคุณย่าไปทุกที่
เสมือนเงาตามตัว
โดยหารู้ไม่ว่า*วันแห่งการพรากลา*ใกล้เข้าทุกขณะๆ
เธอจะเดินหิ้วปิ่นโตตามหลังคุณย่า
ที่ทูนกระเฌอสานสวยด้วยลวดลายดวงดอกพิกุลแสนงาม
ละเอียดละเมียดละมุนใจ
ในมือน้อยๆจะมีดอกไม้พื้นบ้านหลากสีสันหลากพรรณ
หอมงามประดิดประดอย
รัดร้อยด้วยสร้อยศรัทธาแห่งรักหวังน้อมนำไปถวาย
พลีบูชาพระพุทธในโบสถ์คร่ำ
ที่งามล้ำมลังเมลืองใจ
ให้ใสงามงดสว่างทุกยามที่ได้กราบกราน
สิ่งที่ดวงใจน้อยๆดวงนี้
ยังตรารอยจดจำรำลึกไว้ในดวงจิต
อย่างลึกชึ้ง อีกสิ่งหนึ่งคือคำสอนของคุณย่า
ที่ราวจะอ่อนโยนแว่วมา
ให้ได้สดับในทุกคราวยามรานร้าวเศร้าใจ
กับน้ำคำคนน้ำคำใครที่ไม่เข้าใจ..เรา
คำสอนที่ว่า
*ให้รู้เมตตา มีน้ำใจ ให้อภัย ทุกดวงใจผู้คน*
และ
*อย่าพิพากษาคนพิพากษาใคร ตามคำใครเขาว่า
ไม่นินทาคนลับหลัง
ให้รู้จักคำให้อภัยให้โอกาส คน
ที่สามารถทำผิดพลาดได้
ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนคนเดินดิน
จงใช้และให้ความปรานีมิรู้สิ้น
รินน้ำใจที่ใสงามดั่งหยาดน้ำค้าง
ลงพร่างพรมห่มหอมทุกห้องหัวใจ
ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
เพียรเพาะบ่มฝึกให้มีจิตดวงใสดวงดี
ที่พลีพร้อม
จะให้พลังใจกำลังใจทะนุถนอมทุกผู้คน
ไม่ว่าจนรวย หากทำได้*
ที่ไม่ช้านานเมื่อกาลเวลาลาล่วง
เด็กผู้หญิงน้อยจึงพึงได้ระลึกรู้ว่า
ท่านคือปูชนียบุคคลอันงามจิตงามใจอย่างที่สุด
ที่เป็นดั่งครู
ดั่งแม่ที่แผ่เมตตาสอนจิตใจให้เด็กหญิงน้อย
ได้เติบใหญ่และ
เพียรพยายามน้อมนำมาประพฤติปฎิบัติตาม
ทุกน้ำใจทุกความดีงามหอมห่ม
มาพรมพร่างให้แด่ทุกผู้ที่รักที่ได้ชิดใกล้
ให้เพื่อนมนุษย์
ผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อย่างยินดีอย่างไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
ภาพเด็กหญิงน้อยนั่งดายเดียว
หากใบหน้าเรียวละมุนเศร้านั้น
ดูช่างแสนสวยใสสงบงาม
ด้วยกำลังผสานพยายามสร้างสมาธิ
ตั้งใจ
ร้อยพวงมาลัยดวงดอกพิกุลพราว
ที่ราวธรรมชาติฝากสลักลายแสนบรรเจิดบรรจง
เป็นดั่งโซ่สายสร้อยจากจิตใจผจงเส้นยาว
ที่ได้งามแผกงามหอมมาถึงยามนี้
ที่ยังอวลกลิ่นกรุ่นหวานละมุน
ในอกในใจในมโนนึกทุกครั้งครา..
ยามที่คะนึงนึกระลึกย้อนหลังไปในอดีต..แสนงาม..
ภาพเด็กหญิงน้อย..ช่างฝัน
ที่นั่งพิงเสาในโบสถ์คร่ำ
ยามคุณย่าและพุทธศาสนิกชน
เพียรฟังธรรมในวันเพ็ญเดือนหก
ให้พานพาเงียบสงบหากงามใจ
เมื่อเธอเหลือบไปเห็นพลังกระจ่างสว่างวาบ
ดั่งดวงแก้ววิเศษที่จิตจับได้
ราวเกิดปาฏิหารย์รักจากพลังศรัทธาอันยิ่งใหญ่
ภาพแสงเทียนพรรษาแท่งใหญ่ถูกจุดให้สว่างไสว
จับจีวรสงฆ์งามกระจาย
พรายพร่างดั่งแสงสงฆ์มลังเมลืองพรายไปตามผนังโบสถ์
แสงเทียนเสียงธรรมจากพระสงฆ์
นำบทสวดก่อนให้ทุกจิตนิ่งสนิทสมาธิภาวนาพาพบปัญญาใส
ยามนั้น
ราวโลกเล็กๆใบสวยใสสงบงาม
ในดวงจิตใจดวงใจของเด็กหญิงน้อย
ราวค่อยหยุดคล้อยเคลื่อนหมุนช้าลงๆ
โลกเสมือนสว่างวาบด้วยปลาบปลิมปิติ
ที่จิตไหวรับได้สัมผัสงามที่กระจ่างแจ้ง
ราวพบพร่างว่างวิบชั่วนิจนิรันดร..
********
ยังมีต่อค่ะ..รจนาสดไปเรื่อยหากมีเวลา
ขอลาไปทำงานก่อนนะคะ
***********
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=282
ธาราระทม
ม.ร.ว. ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ : : Key Am
แว่ว ยิน แต่ เสียง
น้ำหลากมาเสมือนยิ่งพาน้ำตาข้าหลั่ง
ธารารักเอยรักเคยฝากฝัง
ท่ามกลางแสงเดือนสะพรั่ง
รักกลับอ้างว้างในคืนเดือนเพ็ญ
รูป รอย ปาง หลัง
ฝังฝากใจมาไร้ความจริงทิ้งให้ลำเค็ญ
มองเดือนครั้งใดหมองใจไม่เว้น
ค่ำคืนรักเชยเคยเช่น
แสงแห่งเดือนเพ็ญเชยฟ้าราตรี
รัก จาก พราก ไป
เหลือ เพียงรอยอาลัยไม่มี
สายน้ำยามเพ็ญ ก่อนเคยได้เป็นสักขี
ยินแผ่วแว่วเสียงวจี
คล้ายเสียงเสียดสีที่เย้ยดวงใจ
โอ้ คำ อธิษฐาน
เสมือนบ่วงมาร มารับเอาคำสาบานข้าไป
มนต์มารร้ายยิ่งรักจริงสลาย
ตั้งปณิธานวอนไหว้
แสงแห่งดวงใจจงพบกันเทอญ
รัก จาก พราก ไป
เหลือ เพียงรอยอาลัยไม่มี
สายน้ำยามเพ็ญ ก่อนเคยได้เป็นสักขี
ยินแผ่วแว่วเสียงวจี
คล้ายเสียงเสียดสีที่เย้ยดวงใจ
โอ้ คำ อธิษฐาน
เสมือนบ่วงมาร มารับเอาคำสาบานข้าไป
มนต์มารร้ายยิ่งรักจริงสลาย
ตั้งปณิธานวอนไหว้
แสงแห่งดวงใจจงพบกันเทอญ...
**********
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2461
ทะเลไม่เคยหลับ ดิอิมพอสซิเบิ้ล : : Key Eb
มอง ซิมองทะเล
เห็น ลม คลื่นเห่จูบหิน
บาง ครั้งมันบ้าบิ่น
กระแทก หินดัง ครืน ครืน
ทะเล ไม่เคยหลับไหล
ใครตอบ ได้ไหม ไฉน จึงตื่น
บาง ครั้งยังสะอื้น ทะเลมันตื่น อยู่ร่ำ ไป
ทะเล หัวใจของเรา
แฝง เอา รักแอบเข้าไวั
ดู ซิเป็นไปได้ ตื่นใจเหมือนดัง ทะเล ครวญ
ยาม หลับไหล ชั่วคืน
ก็ถูก คลื่นฝัน ปลุกฉัน รัญจวน
ใจ รักจึง เรรวน
มิเคย จะหลับ เหมือนกับ ทะเล
ทะเล หัวใจของเรา
แฝง เอา รักแอบเข้าไว้
ดู ซิเป็นไปได้ ตื่นใจเหมือนดัง ทะเลครวญ
ยาม หลับไหล ชั่วคืน
ก็ถูก คลื่นฝัน ปลุกฉัน รัญจวน
ใจ รักจึง เรรวน
มิเคย จะหลับ เหมือนกับทะเล...
*************
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=161
เพ้อ
เห็นลมละเมอเพ้อหวาดผวา
เห็น ฟ้า พะวงหลงโทษโกรธดิน
เห็นสายน้ำหลาก สาดเซาะ แก่ง หิน
เห็น พื้น ดิน แยก แตกเพราะถูกรอยไถ
เห็นใบไม้ครวญหวนอยู่ริมธาร
เห็น ศาล เพียงตาแล้วข้าปวดใจ
เห็นแสงเดือนส่อง ยิ่งมอง ใจหาย
เห็น เธอร้อง ไห้ ช้ำใจเพราะใครเขาทำ
เธอ ช้ำใจเพราะถูกใครลวง
บอกกับฉันอย่ามาหวง ใครลวงให้เธอชอกช้ำ
บอกฉันสักหน่อย อย่าปล่อยให้ใจระกำ
เธอร้องไห้เพราะใครเขาทำ
เธอช้ำเพราะใครหรือเธอ
เห็นเธอระทมขมขื่นตื้นตัน
แล้ว ฉัน ยิ่งตรมขมขื่นกว่าเธอ
ฟ้าสิ้นดินหล่น ขาดลม แรงเพ้อ
หาก ใคร แกล้ง เธอ ฉันนี้ จะยอมตายแทน
เห็นเธอระทมขมขื่นตื้นตัน
แล้ว ฉัน ยิ่งตรมขมขื่นกว่าเธอ
ฟ้าสิ้นดินหล่น ขาดลม แรงเพ้อ
หาก ใคร แกล้ง เธอ ฉันนี้ จะยอมตายแทน...
6 ตุลาคม 2547 16:58 น.
พุด
Url http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=336
(ปีศาจวสันต์)
****************
ดวง..นั่งเดียวดายอยู่ในกระท่อมไม้สน
ในยามสนธยาพลบค่ำยามย่ำเย็น
สายฝนภายนอกยังกระหน่ำหนัก
ให้ต้นไม้ริมชายคาแห่งรัก
ที่ได้พักพิงอิงใจในทุกยามเย็น
ไหวเอนรับหยาดละอองฝนพรำ
ดวงดอกโมก สีขาวพร่างพราวพร้อย
ห้อยพลีดอกคว่ำหน้าลงสู่พื้นพสุธา
ราวสาวไพรผู้น่ารักรู้จักถ่อมตนถ่อมกมลฝันเสียนี่กระไร
เป็นดอกไม้ชนิดที่แผกพิศที่แสนพิเศษพิสุทธิ์
ที่มิเคยแหงนเงยเชยเชิดหน้าท้าทายสายฝนและแสงแดด
ก็น่าแปลกดี ที่จริงๆราวกุลสตรีชาวไพร
ผู้รักดิน มิถวิลจะทะเยอทะยาน
ปานประมาณนั้น
ดวงนั่งรอ..
ให้สายพระพิรุณหยุดพร่างสายพรายพลิ้ว
ตรงหน้ามีแก้วไวน์แดงดั่งสีทับทิม
ที่ดวงสั่งมารินร่ำดื่มให้รื่นรส
ให้หัวใจสลดดายเดียว
ได้รับหยดหยาดหวานชุ่มฉ่ำ
ให้หัวใจดวงช่างฝันได้ตื่นเต้น..
เต้นถี่ถี่ ในยามเย็น
ดับโลกโศกสลดไปกับหยดฝนและหยาดน้ำตา
แม้นจะไร้ใครมาสบตา พาให้หวามไหว
ในท่ามกลางแสงเทียนริบหรี่วูบไหววับแวมก็ตามที
หากทว่าใจดวงหอมงามนี้
ก็ตื่นพร่างก็สล้างราวดวงดอกไม้
ได้รับหยาดน้ำค้างอมฤต
เป็นความว่างร้างไร้ ที่งามเงียบใจ
ที่ได้ปลดปล่อยดวงใจพ้นภาระพันธนา
ได้นั่งทอดตาดูแม่ดวงดอกกล้วยไม้ไพร
ที่ชูช่องงามไสวงามสง่าเลื้อยพันไปกับลำต้น
ของพญาสัตตบรรณ
ที่คงมั่นยืนตรงเป็นช่อชั้นแผ่กางราวร่มยักษ์
ให้พันธุ์ไม้รักไม้เลื้อย
ได้พักอาศัยพันฝากใจเปลือยช่อดอก
นั่นกล้วยไม้หลากสีสัน
ม่วง เหลืองพรายพรรณราย
ขาวสะอ้านที่แสนงามสง่า
ที่ทำให้ทุกดวงตาดวงใจไหวพบ
กับพลังงามงดแห่งความสดชื่นนี้
ที่แสนรื่นรมย์ใจ
สำหรับดวงใจ..ดวงนี้
ที่นั่งๆนึกๆคิดๆลึกๆนึกซึ้งไกล..ไปกว่าใครใคร
ว่าโลกแสนยิ่งใหญ่นี้
ได้กำนัลฝันฟรีดั่งพลีของขวัญล้ำค่าที่สุด
ให้มวลมนุษย์เราได้เชยชิดสนิทเนาในเงาเงื้อมงาม
ธรรมชาติที่ช่างอ่อนหวานอย่างที่สุดแล้วในโลกนี้
ที่ไม่ว่าดวงใจแสนดีจะหันไปในทิศทางไหน
ก็มีพลังงามแฝงยิ่งใหญ่
โอบเอื้อให้หัวใจไหวหวามละมุนรายรอบ
อย่างไม่เลือกถิ่นที่
บนภูไพร ป่าใหญ่รกร้าง
ท่ามโตรกธารธาราระรินหลั่งสะพรั่งสายระริกระริน
กลางห้วงหอมมิรู้สิ้นในกระท่อมใบไม้กระท่อมดง
ในดงดวงดอกไม้ป่า
ในดงดอกหญ้าพัดสะบัดไหว
รับพรายแสงตะวันอ่อนอุ่นยามอาทิตย์อุทัย
หรือยามทิวาหวาม
ยามตะวันดวงเศร้าดวงสวย
กำลังจะลาล่วงลาลับฟ้า
หรือกับเหว่ว้าริมทะเลที่เกลียวคลื่น
กำลังซัดสาดหาดทรายกระซิกระริกระรี้
ราวร้องร่ำพร่ำพ้อเพ้อฝากรัก
ว่ายังคงหนักแน่นมั่นคงตรงมั่นมิผันแปร
หรือ
ยามที่สายแสงพระจันทร์หวาน ทอ ดวงสวยทุกผืนฟ้า
ไม่ว่าจะเป็นคืนจันทร์เสี้ยวเหว่ว้า
หรือ
คืนที่จันทร์เพ็ญเด่นดวงแจ่มจรัส
ที่หยาดสายหวานสะพัดพร่าง
ให้ห่มหอมงามทุกดวงใจ
ในผืนโลก ลบโศกสร้างสุขสร้างฝัน
ไปกับจันทร์ดวงแอร่มแต้มฟ้าหวานหวาน
หรือ
ยามที่อุทัยโลกหมุนหมุนตะวัน
คืนกลับมาคลี่ยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนสาดส่องผืนฟ้า
ให้มวลหมู่นกกาได้เริงร่าผกโผผิน
ให้วัฎฎจักรแห่งทุกชีวิน
ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างเริงร่า
ให้สายธาราระรินไหล
พร้อมดวงดอกไม้ไพรแสนหวานหล่นละลาน
หว่านพรายแตะแต้มเต็มท้องน้ำ งามจนยากบรรยาย
หรือ
ในท่ามกลางผาหิน
ที่นอนเคียงคู่ขวัญอ้อนจันทร์อ้อนใจ
นอนนับดาวพราวไสวสุกเต็มอ้อมฟ้า
ราวทะเลดาวพราวพร่าง
ให้ได้อ้อนสุดที่รัก
ให้เด็ดดาวมาแตะแต้มประดับผม
ให้วะวิบวาวราวมงกุฎเพชร
ราวเพชรจากมือนางฟ้าโปรยปรายให้ชื่นให้ฉ่ำ
ให้สร้างฝันหวามไหว
ไปตามจินตนาการหวานหอมมิรู้สิ้นรู้จบ
หรือ
ในกระท่อมริมทะเลฝัน ในเกาะห่างไกลผู้คน
มีเพียงสองกมลขวัญ
นอนห่มผ้าผืนเดียวกันซุกอกอุ่นไอ
ดูสายฝนพรำ ฟ้าฉ่ำริน
ดูดวงดอกฝนที่แตกดอกพร่าง
กลางเวิ้งน้ำทะเลเขียวมรกต
ที่แสนงดงามราวดวงดอกไม้เล็กๆ
เต็มแต้มแย้มงามพราวไปทั่ว..ผืน
ราวฝืมือจิตรกรเอกมาเสกสรร..วาด
หรือ
กับแสงเทียนวะวูบไหวระบัดพลิ้วไหวไปตามแรงลม
กับโนมเนื้อละมุนอุ่นอิ่มกับหอมกลิ่นกรุ่นกาแฟ
กับหนังสือดีดีในมือสักเล่ม
ให้กระท่อมฝัน
กลายเป็นกระท่อมสวรรค์หวานในชั่วพริบตา ก็มิปาน
และแปลกดีนะ
ที่หัวใจ คนเรานี้ต่างมีคนละดวง
ต่างเก็บไว้คนละทรวง
และต่างจิตต่างใจต่างลิขิตคิดฝันไป
ได้หลายร้อยพันรูปแบบ
ในทิศทางธรรมทางใด
แต่ทว่า
หากสองดวงใจมิสิ้นสายใยสายใจรักถักทอ
ใจดวงแยกนั้น
พลันจะพร้อมพลี
หันกลับมาหลอมละลายรวมกันได้เป็นหนึ่งเดียว
จะเกี่ยวเกาะไว้อย่างแนบแน่น
ไม่ว่าจะห่างกันแค่ไหน
จะไกลสักครึ่งฟ้า
หรือว่าจะว้าเหว่เดียวดายพลัดพรายอยู่ไกลกันคนละซีกโลก
ก็จะมาบินมาสอดผสานผสมห่มหอมหวานในห้วงใจ
ราวเป็นหนึ่งเดียวมิเกี่ยวกับไกลกับกาลเวลา
ใจทุกดวง
เพียงเปิดใจรับสรรพสิ่งแสนงามไม่ว่ายามไหน
กับทุกสิ่งที่แสนยิ่งใหญ่
ที่ธรรมชาติหยิบยื่นให้มา
เพื่อให้มวลมนุษย์
ได้พาพบมาหลอมละลายสงบงามในนวลเนื้อใจ
ให้รู้รักกันแบ่งปันฝันพลีฝันฟรีนี้
ราวกับจะมาสอนบทเรียนแสนดี
ให้มวลมนุษย์ได้หยุดคิดทำลายกันและกัน
รวมทั้งธรรมชาติ
ที่มีแต่ฝากความงามความดี
ให้ดวงใจเรานี้เปิดรับพลังภายใน
เปิดบ้านแห่งจิตวิญญาณ
รับดวงดอกไม้บานรับสายฝน สายฝัน
รับสายแสงทอง
หยาดละอองน้ำค้างในยามเช้า
เฝ้ารอสายน้ำผึ้งหวานจากพรายพระจันทร์ในยามค่ำ
รับหยาดน้ำค้างใสในยามดึกมาดื่มรินราวดวงดอกไม้
ให้คลี่เพียงหัวใจถวิลรับเพียงงามง่ายใกล้ตัว
และ
ให้ดวงใจมิหมองมัวมืดดำ
รู้คิดคืนงาม
ในนิยาม*ให้*แด่เพื่อนมนุษย์
ร่วมโลกโศกสุขทุกข์ร้อนเดียวกันนี้
ที่จำต้องหันมาพึ่งพาพึ่งพิง..
ไม่ใช่ทิ้งธรรมชาติงาม
แล้วมีแต่ตาต่อตารบราฆ่าฟัน
ให้เลือดหลั่งรินให้ใจโศกเศร้าราวอมนุษย์ก็มิปาน
ไยกันเล่าถึงต้องประหัตประหารเข่นฆ่ากัน
เจ้ามนุษย์ผู้โง่เขลาเบาปัญญา
สำหรับดวง..
มีความสุขเหลือล้ำเสมือนหัวใจมีรากแก้วรากขวัญ
ที่ฝังลึกผนึกเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสรรพสิ่ง
ที่สอนให้รู้นิ่งมองงามในทุกยามเหงาว้าเหว่
เหมือนสายฝนสายฝัน
ที่ช่างแยกกันมิออกเลยนะ
เพราะฝนคือพลังมหัศจรรย์
ให้ทุกดวงใจได้พบหวานหวัง
พบพลังสร้างฝันแสนงาม
บางครั้งฟังเสียงสายฝนมาตอกย้ำ
ให้ชื่นฉ่ำชีวาชีวิต
และ
มาตรแม้นบางคราฟังราวปีศาจวสันต์
มากระหน่ำซ้ำเติมใจให้ยิ่งเจ็บช้ำ
ย้ำยิ่งตรมระทมทุกข์
มาร้องคร่ำครางครวญหวนไห้โหยหา
ยามดวงใจอ่อนล้า
สิ้นไร้รักร้างไร้ร่างใครมาเคียงข้างกาย
ที่ทำให้ยิ่งกระหายอยากผวาหาอ้อมอกอุ่นมาซุกซบ
ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน
แล้วสบตาหวานฉ่ำ
กระซิบพร่ำคำรัก
แลกรสรักหวานหวานระร่ำระริน
มิสิ้นสายสวาทเสน่หา
โอ้..กระไรเลย..ใจดวงงาม
แค่นั่งมองสายฝน
ไยต่อสายฝันให้พลันลอยละลิ่วปลิดปลิวไปไกล
ได้ถึงเพียงนี้ละหนอละนี่
มองอีกที..เอ๊ะ!
หรือเพราะว่าไวน์แดงดั่งเลือดรักสีทับทิมพลันพร่องแก้ว
แววหวานเลยวะวับจับจิตจับใจ
ให้ฝันไกลไปได้ถึงไหนไหนนะนี่นะ
จนต้องหันกลับมาหยุดฝัน
ก่อนที่น้ำตาขวัญฝันจะพลันพร่างร่วงริน
เมื่อตระหนักว่าไม่ว่าจะวันนี้วันไหน
หัวใจดวงนี้ก็ยังดายเดียวเดียวดาย
ราวอยู่ท่ามกลางปลายโลกร้าง ลำพังและลำพังนิรันดร...
***********************
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=336
ปีศาจวสันต์
เรา จากกันวันนั้นยังจำ
จากกันวันนั้นฝนพรำ
พรางม่านกรรม คล้ำครึ้มคลุมเวร
ลมครางฝนครวญ ไพรสั่นชวน รวนระเนน
ความกดดัน ขั้นเดน เหมือนจะเค้น ฆ่า กัน
เรา จากกันวันนั้นนานมา
แต่เมื่อวสันต์ลีลา ฤาสร่างซาฝนฟ้าฟูมฟาย
ฤดู ฤดี มันไม่มี วันคืนวาย
มันสาปใจ สาปกาย คล้ายมนต์ร้าย พรายผี
ผี วสันต์ มันหลอก มันหลอน
ปีศาจวสันต์วันก่อน ยังสังวรณ์ เวรนี้
ฟัง โถฟัง ฟังฝนตกซี เหมือนนรกตกตี
ย้ำ ขยี้ ใจ ตรม
ไป จากไป ไปแล้วไปเลย
อย่ามาชวนชิดชวนเชย
ปีศาจเอย ร้างเลยอารมณ์
ลมมา ฝนมา จงอย่ามา พาระทม
เพียงโศกทราม เศร้าซม ฉันจะล้ม ตายแล้ว...
*********
5 ตุลาคม 2547 15:29 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=65
(รักไม่รู้จบ)
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=975
(ไม่อยากให้โลกนี้มีความรัก
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=318
(รอ)
**********************
รอ
ถ้า เธอ
มีหัวใจเหมือนฉันสักหน่อย
เธอคงไม่ปล่อย ให้ฉันต้องคอย อย่างนี้
เธอคงมองซึ้งถึงไมตรี
เธอคงมองซึ้งถึงความหวังดี
ที่มี เรื่อยมา
สู้ รอ
รอแล้วรอแล้ว รอไม่สิ้น
รอจนใกล้ดับ ถมทับแผ่นดิน แผ่นฟ้า
เธอมองไม่ซึ้งถึงสายตา
เธอมองไม่ซึ้งถึงความบูชา
ว่าฉันศรัทธาเพียงใด
น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน
แต่หัวใจ อ่อนอ่อน ของเธอทำด้วยสิ่งใด
ช่างไม่สะทก สะท้านสะเทือนเหมือนหัวใจ
ช่างไม่ หวั่นไหว ว่าใครเขารักเขารอ
สิ้น ลม ลมหายใจของฉันเมื่อไหร่
เธอคงจะต้องได้รู้ว่าใคร เฝ้าง้อ
ใครกันมีรัก มีรักเพียงพอ
ใครกันรอแล้วและยังเฝ้ารอ
เขารอ เขารอ เขารอ เขารอ
น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน
แต่หัวใจ อ่อนอ่อน ของเธอทำด้วยสิ่งใด
ช่างไม่สะทก สะท้านสะเทือนเหมือนหัวใจ
ช่างไม่ หวั่นไหว ว่าใครเขารักเขารอ
สิ้น ลม ลมหายใจของฉันเมื่อไหร่
เธอคงจะต้องได้รู้ว่าใคร เฝ้าง้อ
ใครกันมีรัก มีรักเพียงพอ
ใครกันรอแล้วและยังเฝ้ารอ
เขารอ เขารอ เขารอ เขารอ...
************
ใครบ้างละหนอในโลกนี้ที่มิเคยพบกับคำๆนี้
รอ..รอ..รอ..และรอออออออ
เป็นคำสั้นๆซึ้งๆซึ่งแฝงฝังทั้งสุข และเศร้าที่จะตามมา
รอ...พบกับความสุขสมหวัง
หรือ
รอ..เพื่อพบกับฝันสลายได้พบเพียงความผิดหวัง
รอ..รอ..และรอ...
คล้ายคำคู่กับ*ความฝัน*
คู่กันกับทุกชีวีชีวิตที่มักลิขิตตั้งเป้าหมาย
ไว้รอ..เพื่อที่จะเลือกที่จะเดินไปตามหาฝัน
ความฝัน..
ที่ไม่ว่าจะพบความจริงว่าสุขสมหวังแสนงาม
หรือรานร้าว
หรือเฝ้ารอเพื่อเดินไปพบความเจ็บปวดยิ่ง
ก็คงยังดีกว่าหายใจทิ้งไปเปล่าๆไปวันๆ
รอ..รอ..และรอ..
คำๆนี้ก็เกิดมาคู่กับมวลมนุษย์
พอกันกับคำว่ารัก..รัก..และรัก
ที่มักจะสอนสัจจธรรม
ที่ทำให้ชีวิตเราได้พบทั้งสองรสชาติ
ที่คลุกเคล้ากัน ทั้งสุขและทุกข์
มีคนกล่าวว่า*ความฝัน*
ทำให้ชีวิตมนุษย์มีความหมาย
และ
พยายามใช้เวลาทุกนาทีอย่างมีค่า
เพื่อรอ..เวลาให้ชีวิตตัวเองได้ไปพบกับ
ความฝันนั้นที่อาจจะเป็นจริงได้
หากจิตมิหยุดนิ่งเพียรพยายามทำสิ่งที่แสนดี
ด้วยพลังพรสวรรค์หรือ
ด้วยพลังจากพรแสวง
ที่ต้องใช้สมองสองมือนี้อย่างมีคุณค่า
สู้ผ่าฟันเลือดตาแทบกระเด็น
ถึงจะเห็นผลพวงจากความเพียรนั้นๆ
คนดี..ดวงใจ
ดวง..มาเป็นพลังใจให้คุณ
เริ่ม..ในวันนี้
ไม่รีรอ..ไม่รอรี ไม่ว่าคุณจะรออะไรอยู่
และ
พิเศษพิสุทธิ์สำหรับทุกดวงใจ..
ในเรือนไทยเรือนทองในร่มรัก
ที่พระเจ้าเมตตาฟ้าดินลิขิต
ให้มาพบและรักรจนาราวกับว่า
*กระวีกระวาดนักอยากจะเขียน*
ที่พากเพียรสรรสร้างฝัน
ปันแบ่งแลกประสบการณ์กันมานานเนิ่น
และ
สำหรับผู้หวังเริ่มรักร่ายรจนา
อย่าท้อแท้ใจเมื่อฝันแล้ว
อย่าได้แต่รอ..รอ..
และวางไว้ให้กลายเป็นแค่ฝันค้าง
ช่างร้างไร้อ้างว้างว้าเหว่เสียเป็นยิ่งนัก
ดวง..จึงจักมาวอน
ให้สร้างฝันสร้างหวังให้พลังใจกำลังใจ
ให้ทุกดวงใจเดินก้าวเคียงไหล่เคียงบ่า
ไปบนถนนสายดอกไม้งามนี้
อย่างฉันท์เฉกน้องพี่
พลีใจเคียงข้างประคองไปด้วยกันค่ะ
มาเลยค่ะ..
รวมพลังจิตกระจ่าง
สร้างสมาธิ
และ
ทำเลยค่ะทุกคนดี อย่ามัวรีรอ..รอและรอ
จงรวบรวมพลังปัญญาอันผ่องผุดพิสุทธิ์งาม
ไหว้ครูกวี
ไม่ลบหลู่หยามเหยียดใคร
ให้งานงามใสสวยสด
ดั่งหลั่งมาจากสายธารใจที่ใสสงบงามพอกัน
ฝากนิยามฝัน รัก..รอ ระทม ตรม สุขเศร้า
หรือแม้นให้กำลังใจ
ใช้สมองและสองมือนี้
ที่จะปรุงฝันปั้นตัวอักษร
ให้ออกมากระโดดโลดเต้นเป็นดั่งสิ่งมีชีวิตชีวา
อยู่กับการตวัดปลายปากกา
ปลายนิ้วจินตนาการจะพาไป
สอดใส่หัวใจรักและจิตวิญญาณในทุกตัวอักษร
จะให้หวานฉ่ำชื่นราวน้ำผึ้งเดือนห้า
หรือว่า
จะให้ขมขื่นดั่งบรเพ็ดเข็ดขมยามใจระทมตรมเศร้า
หรือ
จะให้สนุกสนานบานเบิกบอกเล่าถึงความเริงรื่นใจ
ทำมันเสียเดี๋ยวนี้ จะดีจะร้ายให้มันรู้กันไปเสียข้างหนึ่ง
คนดี
เพียง..
อย่า..รอ..รอ..และรอเลยนะ
จงใช้ปลายปากกาพาตัวอักษร
ให้มาออดอ้อนมีชีวิตชีวา
ให้มาระร่ำรินรสจากหยาดหยดหมึก
จากหยาดเลือดรักและน้ำตามาระบาย
เท่าที่ใจเรานึกคิดฝันจินตนาการ
จะร่ายมนตรามายาเสน่หาพาไปไหนกันเล่า
เจ้ายอดดวงใจ...
หลับตา
เนรมิตรมาสิให้ง่ายงามไปตามจิตจินตนาการ
ไปสู่..
สวรรค์หวานชั้นดาวดึงส์หรือนรกหมกไหม้หม่น
ที่ใครๆอยากหนีให้พ้นบ่วงกรรม
อยู่ที่ทุกดวงใจจะจินตนาการ
ให้งานงามราวปานประหนึ่งสายรุ้งพุ่งพราว
ราวสายแสงเพชรพร่าง
เกิดประกายฉายฉานละลานตา
ไปตามทุกบรรทัดที่จัดจดจาร
หรือ
กระชากใจผู้อ่านเข้ามา
หลั่งน้ำตาสงสารสะเทือนใจ
หรือหัวเราะเริงร่า
หรือว่าได้ข้อคิดสะกิดใจ
อยู่ที่ดวงจิตใสเราดวงน้อยนิดนี้
ที่จะเนรมิตรลิขิต
คิดแล้วเขียน
แล้วคลิ๊กเดียวก็จะปรากฎผลงาน
อันงามงดผ่านทุกดวงตาดวงใจ
เป็นประหนึ่งความปิติภาคภูมิใจ..ในชีวาชีวิต
คนดี
คำว่ารอ...แม้อาจจะหนีไม่พ้น
แต่เราทุกคนทุกดวงใจ
อย่ามัวแต่ท้อแท้แพ้พ่าย
จงใช้เวลารอนั้น
ฝันทำสิ่งอันวิไลเลิศในคำนึงแสนงาม
ฝากนิยามความดีคืนผืนพสุธา
ฝากต้นกล้างามแห่งดวงใจใครจะรู้นี้
เททุ่มถ่ายทอดสอดผสานรัก
ที่ถักทอผ่านร้อยรสบทกวี
ใส่ความดีความงามความหอม
หวังหลอมละลายให้โลก
และผู้คนได้ร่มเย็นเติมเต็มงามในเนื้อใจ
ระบายใจ ระบายรัก ระบายฝันออกมาค่ะ
จับปากกาหรือจะเคาะคีย์คอมเข้ามา
ว่ากันตามถนัด
ไม่ว่าชีวีวันนี้จะดีจะร้ายเพียงใด
ใช้ใจดวงสวยใสสงบงาม
ใช้ทุกโมงยามทุกนาทีแห่งชีวิตอย่างมากมีค่า
ยามเศร้าหนักเศร้าหนาก็ได้มาระบายรจนาคลายใจ
ยามสุขก็ให้น้ำใสในหัวใจได้แบ่งปัน
โอบเอื้ออ้อมฝันปันแบ่งแด่ผู้ทุกข์ทน
คนดี..
อย่ามัวรีรอ..
ขอมีพรแสวงแม้นอาจจะแล้งไร้พรสวรรค์
ก็อย่าพรั่นใจ
ในโลกไซเบอร์อันกว้างใหญ่ไร้พรมแดนนี้นั้น
แค่พลันลัดนิ้วคลิ๊กเดียว
ก็สามารถเกี่ยวเก็บข้อมูลได้
ให้มาพูนเพิ่มสติปัญญา
เพียงอย่ารีรอ รอ และ..รอ
จงเพียรอ่านให้มาก
จะได้ฉลาดรอบรู้โลกมีครูครอบจักรวาล
และได้เข้าใจในงามผู้อื่นและโลกนี้
ที่หมุนอยู่ไม่หยุดสักนาทีเดียว ว่าไปในทิศทางใด
อย่ารอ..รอ และรอ
เพราะคำว่ารอจะเพาะบ่มความขี้เกียจ
ให้เพียรอ่านหนังสือมากมายจะยาวจะย้วยของใครๆ
เพื่อสร้างพลังใจ
ให้หอมห่มห้องจิตชีวิตวิญญาณ์
ที่เลือกเสพสุนทรีย์ให้ชีวีชีวิต
ได้รู้รักสนิทแนบแน่นไปกับทุกสรรพสิ่ง
อย่างผู้ฉลาดรอบรู้
ใช้ชีวิตคู่กันไปกับธรรมะ ธรรมชาติที่รายล้อมรอบตัวเรา
มิให้เหงาใจสอนบทเรียนใจมิให้เดินผิดทาง
ไปอ้างว้างเหว่ว้าหลงโลกย์โศกในโลกวัตถุ
ที่ยวนยั่วหลอกล่อก่อให้เกิดความเครียดเข้าไปทุกวันๆ
อย่ารอ..รอ..และ..รอ...
แค่เปิดจิตวิญญาณ เปิดม่านบังตาบังใจ
ค้นพบความงามใสราวแก้ววิเศษ
ที่อยู่ภายในกายเราเอง
อย่ามัวรีรอ รอ..รอ
ที่จะค่อยๆแกะเปลือกนอกออก
ที่หลงโลกย์โศกสุขเสียให้สิ้นซาก
ให้พาพบกระพี้จิตกระจ่างพร่างพรายราวอัญมณี
ที่หามีผู้ใดรู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วไซร้
อยู่นะบ้านภายในจิตของเราเอง
อย่ามัวเกรงกลัวความเคยชิน
ใช้ชีวินไปตามกระแสโลกย์อารยะ
ที่จะพาทุกชีวี
ตกเหวห่วงบ่วงกรรมย้ำๆซ้ำวนวนรอยเดิมเติมตัวทุกข์
มิหยุดไขว่คว้าหาวัตถุ
ที่หามาเติมสักแค่ไหนก็หาสุขไปได้ตลอดไม่
คนดี..
อย่ามัวรอ..รอ..รอ..เสียเวลา
จงเปิดประตูใจและผลักเข้าไปค้นหาความวาง ว่าง
ในร่างเรา ให้เลิกหลงเงาเลิกยึดมั่นถือมั่น
แล้วจะพบความฝันนิรันดร์งามไปตราบชั่วกาลกัป์ปกัลป์ค่ะ
***********
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=975
ไม่อยากให้โลกนี้มีความรัก
อัน แสงสูรย์ ส่องสว่าง แต่ กลางวัน
อัน แสงจันทร์ ส่องประจำ ยามราตรี
อัน ความรัก ร้อนเร่า เผา ฤดี
ส่อง ชีวี ทุกโมงยาม ประจำใจ
มีรักแล้ว ไม่คลาดแคล้ว ต้องตรมฤทัย
เหมือน แบกโลก ทั้งโลกไว้ ให้โศกหนัก
ไม่อยากให้ โลกนี้ มีความรัก
แต่ฉัน สมัคร แบกรักไว้ ไม่หนักเลย
มีรักแล้ว ไม่คลาดแคล้ว ต้องตรมฤทัย
เหมือน แบกโลก ทั้งโลกไว้ ให้โศกหนัก
ไม่อยากให้ โลกนี้ มีความรัก
แต่ฉัน สมัคร แบกรักไว้
ไม่หนักเลย...
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=65
ความรักไม่รู้จบ
ถึงจะอยู่สุดหล้าฟ้าดิน
แม้จะสิ้นสิทธิ์และเสรี
แต่วันนั้น ใจฉันยังคงที่
ความรัก ความภักดี ไม่มีสิ้นสลาย
ถึงโลกแตกแหลกเป็นผงคลี
รักเต็มปรี่ ไม่มีรู้คลาย
ชีพถูกฝัง ความรักยังเวียนว่าย
เคียงคู่เธอมิคลาย
ฝากวิญญาณ ไว้เตือน
ด้วย ความรักไม่รู้จบ
แม้ผืนดินกลบ ยากเพราะความรักเลือน
จะเนิ่นนาน กี่วันกี่ปี กี่เดือน
ดินฟ้าจะคล้อยเคลื่อน ใจมิเลือน รักเธอ
ทุกทุกอย่างบนทางรักจริง
ทุกทุกสิ่งบนทางรักเธอ
จะสมหวัง หรือพบความเพ้อเจ้อ
เป็นที่ใจของเธอ จะจริงจังฉันใด
ทุกทุกอย่างบนทางรักจริง
ทุกทุกสิ่งบนทางรักเธอ
จะสมหวัง หรือพบความเพ้อเจ้อ
เป็นที่ใจของเธอ จะจริงจังฉันใด...
4 ตุลาคม 2547 23:04 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=354
จุดตะเกียงเคียงหัวนอนเขียนกลอนฝัน
ฝากใจจันทร์ถึงคนดีที่พลีภักดิ์
เด็ดดอกไม้วางใกล้หมอนอ้อนยอดรัก
หากเหนื่อยนักหลับตาฝันฉันเคียงใจ.
กระท่อมไพรหลังน้อยดาวรุบหรู่
ไร้คนคู่เคียงหมอนนอนหนาวไหม
ได้ยินเสียงน้ำค้างกลางพฤกษ์ไพร
ราวเสียงใครพ้อหาในราตรี..
ดุเหว่วแว่วแผ่วเพลงใบไผ่พลิ้ว
หอมหวานริ้วพุดซ้อนซ่อนห่วงหา
เศร้าจันทร์เสี้ยวครึ่งดวงยิ่งเหว่ว้า
ยามนิทราฝากจูบหมอนนอนฝันดี
สไบรักฝากให้หอมนำมาห่ม
ลืมระทมแทนใจใครคนนี้
สไบรักแทนอ้อมขวัญนะคนดี
ทุกราตรีหนาวคลายใช้แทนใจ
ฟังเสียงฝนร่ายมนต์หวานผ่านม่านเมฆ
ยิ่งวิเวกยิ่งพบงามทุกยามไหน
ฟังเพลงหวานนิพพานว่างให้งามใจ
ฟังเสียงใจกระซิบย้ำคำสัญญา
จะกี่เดือนกี่ปีที่พลัดพราก
ถึงจำจากจำทนใจห่วงหา
จะไม่พ้อขอเพียงฝันฝากวิญญาญ์
แม้นชาติหน้าบางทีมิพบเจอ
เพียงชาตินี้ดีเท่าไรได้รู้จัก
ได้พบรักยิ่งใหญ่แม้นใจเก้อ
สำหรับฉันถือเป็นโชคได้รักเธอ
เพียงพาเพ้อรักเธอมั่นนิรันดร..
*************
กระท่อมเล็กในป่าใหญ่พงไพรกว้าง
แม้อ้างว้างเพียงใดใจไม่เหงา
มีลำธารผ่านโขดหินสะท้อนเงา
ในลำเนาเขาเงื้อมโงกเป็นโตรกธาร..
ดอกไม้ป่ายามสนธยาส่งกลิ่นหอม
นกขับกล่อมเพลงธรรมชาติฝากเสียงหวาน
จุดตะเกียงเคียงหัวนอนเขียนกลอนกานท์
นอนนอกชานหวานแสงดาวพราวแสงจันทร์..
หนาวน้ำค้างพร่างพรมลมบาดผิว
ปีบร่วงปลิวทิวไม้ไพรไหวปลอบขวัญ
แม้นเดียวดายคล้ายโลกสิ้นแสงตะวัน
แต่ในฝันในใจไกลระทม..
มีท้องฟ้าพาดวงใจติดปีกฝัน
สร้างสวรรค์กลางใจไม่ขื่นขม
ทุ่งดอกไม้ไหวเอนล้อเล่นลม
ลืมระทมท่องธรรมชาติวาดหวังใจ..
พลิ้วรวงข้าวราวพรมทองผ่องโอบหล้า
มองนภาคราเมฆหมอกหยอกเย้าไหว
ฟ้าเปลี่ยนสีเวทีฝันจันทร์เย้ยใจ
ให้ดวงใจใครนิ่งงันวันหมุนเวียน.
โลกพงไพรสอนใจในทุกสิ่ง
คือความจริงยิ่งกว่าจริงสิ่งอยากเขียน
ตะวันลาพาอรุณหมุนวนสอนบทเรียน
คนช่างเขียนคนช่างฝันรอวันละครชีวิตปิดฉากลง..กลางพงไพร..ไม่หวั่นเลย!
*************
ด้วยฤทธิ์แห่งความคิดถึง..
ดวง..ได้รับกำลังใจจากคนดี..ในวันนี้
เป็นกำลังใจที่ทำให้หัวใจดวงร้าวนี้
ที่ราวแก้วบางรอเวลา
ร่วงกราวแหลกยับกับพื้นพสุธา..
ราวกับได้พลิกฟื้นชื่นฉ่ำใจ
ด้วยหยาดน้ำใจ หยาดน้ำอมฤต..
เป็นพลังฝัน พลังใจ
ให้จับปากการจนาเรื่องนี้ เพื่อพลีพร้อมมอบ
ให้ด้วยดวงใจนี้ ที่แสนมีความสุข เป็นยิ่งนักแล้ว..
กับวันนี้..วันแสนดี
วันที่มองดูโลกสวยพราว
ราวมีสายรุ้งพาดผ่านใจ
พัดพาหมอกหม่นในใจ
พัดหยาดน้ำตาที่หลั่งรินมาหลายวัน ให้มลาย..
ดวงเดินไปเด็ดการะเวก ในซุ้มสวนขวัญ
ที่กำลังบานพราวมากำนัล
ในนาทีนี้ นะที่รัก
ให้คุณจุมพิต หากแม้นดวงใจเพียงอยู่ใกล้..
และแม้ไม่ใช่ก็ขอฝากอวลไปในคำนึง..
ให้ลอยไปกับฟ้ากว้าง
กับสายฝนพรำและกับสายลมรำเพยผ่าน....
ดวงเขียนเรื่องนี้..
ท่ามกลางดงดอกไม้หอม นานาพรรณ
การะเวกและลั่นทมดอกดก
บานพราวกิ่งค้อมหอม ระริน ระใบหน้า
เคลียจมูกยวนยั่วให้ดอมดม
พรมจูบด้วยใจดวงละมุนนี้
ที่อ่อนโยนหลงใหลเป็นยิ่งนักแล้ว
ดอกไม้ที่ผูกพัน ผูกขวัญ
สถิตกลางใจ มาตั้งวัยเยาว์ ยาวนาน จนถึงวันนี้..
ที่กำลังโอบอุ้ม เอื้อฝัน เอื้อใจ
ให้ ผู้หญิงช่างฝัน คนนี้ เลิกรานร้าว เศร้าหมอง
นั่นกุหลาบขาวอมชมพู
ที่กำลังตูมตั้ง แรกผลิบานสวยหวานสุดใจ
ราวสาวน้อยแรกแย้มงามไฉไล ยวนใจ
อยากให้หมู่ภมรเชยชิดชมดูดดื่มหวานกลางกลีบเกสรสล้าง
ใกล้สนธยาแล้ว ....
ฟ้ารอนรอนแสง ใกล้อัสดง
นาทีนี้ดวง..นอนเหยียดยาว
ใต้ร่มไม้ใบบางบาง
เป็นร่มกายร่มใจให้พักพิงยามที่ใจอ่อนล้า
แล้วค่อยๆหรี่ตาดูแสงตะวัน แสง สวย
มากระทบใบไม้ก้านกิ่งละออ
ทุกช่อกิ่งพราว
ให้เกิดประกายพร่างพราย สีทองสวยงาม
จนคิดหาคำมาอธิบาย
ไม่ถูกเลยนะ นอกจากบอกว่า
ต้องลองนอนดูเอง เป็นความงาม
ที่ละลายใจ ละลานตา
พาดวงใจสงบสุข สวยงามเสียยิ่งกว่า
ไปยืนส่องดูเพชรน้ำงามเป็นไหนไหน เสียอีกนะ
เขียนเรื่องนี้..
ด้วยใจดวงหวาน ดวงดี เพื่อคุณ นะคนดี..
แทนใจรัก แทนคำขอบคุณ..และ
ไม่นานต่อจากนี้..
จะเสกสรรรจนาเรื่องแสนดีที่งดงามตามมา
เพื่อมอบแด่คุณ..ขอเวลาหน่อยนะ..
และสัญญาได้ไหม..
อย่าทิ้งดวงไป ขอกำลังใจคู่เคียงขวัญ
ให้ผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อดวง
ได้มีคืนฝันวันแสนดี
เพื่อเขียนเรื่องละมุนละไม
เป็นบรรณาการใจแด่คุณ และแด่โลกบรรณพิภพ..
ที่ดวงกำลังจะก้าวย่างขึ้นสู่ถนนสายดอกไม้งาม
ในไม่ช้านี้ ได้อย่างภาคภูมิ
ได้ยินไหม..คนดี..
เสียงกระซิบนี้จากใจดวงซาบซึ้ง ถึงคุณ
ไปกับสายลมเย็น
ผ่านขุนเขา แมกไม้ ฟ้ากว้าง หนทางไกล
ในนาทีนี้ว่า..ขอบคุณ ขอบคุณ และขอบคุณ..
ราวนกน้อยโผบิน
ไปท่ามกลางท้องนภา สวยสงบงาม
ด้วยปีกแห่งรัก..หวานแสนหวาน นี้
ที่กำลังมาขอซุกอยู่กลางอ้อมอกอุ่น
และอ้อมใจคุณแล้วนะคนดีที่รัก..!
******************
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=354
เงาไม้
แสง จันทร์วันนี้นวล ใครชวนให้น้อง เที่ยว
จะให้ เหลียวไป แห่ง ไหน
ชล ใสดูในน้ำ เงาดำนั้นเงา ใด
อ๋อ ไม้ ริม ฝั่ง ชล
สวยแจ่ม แสง เดือน
หมู่ ปลา เกลื่อนดู เป็น ทิว
ฉันชม ลม ริ้ว
จอด เรือ อาศัย เงา ไม้ ฝั่ง ชล
สวย แจ่ม แสง เดือน
หมู่ ปลา เกลื่อนดู เป็น ทิว
ฉันชม ลม ริ้ว
จอด เรือ อาศัย เงา ไม้ ฝั่ง ชล...
4 ตุลาคม 2547 12:52 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=282
(ธาราระทม)
********************
จำได้ไหม..ดวงใจ
ทะเลสาบแห่งนี้ที่คุณเคยบอกว่า
คล้ายกับเรื่อง*บ้านเล็กในป่าใหญ่*
ของลอร่าอิงกัลส์ ไวเดอร์
ที่คุณเคยอ่านมาตั้งแต่เด็ก
ภาพฝันจึงตามมาในจินตนาการ
ถึงภาพป่าใหญ่ไพรกว้าง..ทุ่งกว้างด้วยดงดอกหญ้า
กับตะวันสีทองอ่อนอุ่นอ่อนหวาน
ละลานตาเต็มไปด้วยดวงดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง
ป่าที่ยังอุดม ด้วยสัตว์ป่านานา หมี เสือ สิงโต
และ
ชนชาวอินเดียนแดง
ที่กำลังพยายามปกป้องแผ่นดิน
ที่ถูกคนขาวที่เจริญกว่าเข้ามาจับจองแย่งชิง
หนังสือชุดนี้มีหลายเล่ม
ที่สะท้อนวิถีชีวิตคนอเมริกัน
ที่เพิ่งจะอพยพบุกเบิก
และเริ่มสร้างบ้านสร้างเมือง
คุณผู้ซึ่งหลงรักวิถีไพร จึงอ่านซ้ำไปซ้ำมาแบบไม่รู้เบื่อ
ทุกกระท่อมที่ชาส์ล เลือกและสร้างเองนั้น
ช่างงามง่ายไร้มายา
และภาพที่แคโรไลน์ภรรยา
ทำกับข้าวภายในครัวกระท่อม
ให้หอมอวลกรุ่นน่ากินในคำนึง..
ดวงใจ
นวนิยายเรื่องจริงนี้ เป็นแรงฝันบันดาลใจ
ให้คุณ บอกผมว่า
ให้มาสร้างกระท่อมนะที่ตรงนี้
ที่เคียงทะเลสาบสีเงิน
ยามเราบุกบั่นป่าเข้ามา
และพบ ที่ตรงนี้ที่เป็นบึงกว้าง
เกิดจากการขุดแร่ทำเหมือง..
และถูกปล่อยทิ้งร้างไว้ให้งามราวทะเลสาบผืนใหญ่
ราวผืนแพรไหมสีเงินงาม
ที่กำลังสะท้อนพร่างวะวิบวับรับพรายแดดอ่อนละออ
ที่คุณถึงกับอุทานดีใจเมื่อมาเห็น
ฟ้าสีครามงามเข้ม..ใสกระจ่าง..สดสว่างไสว..สุดตา
ตัดฉับกับผืนทะเลสาบสีเงินระยิบตาตรงหน้าระยับใจ..
ประดุจสวรรค์สรวง
อากาศหอมสดชื่นบริสุทธิ์
กระแสลมแรง..จนแล้งไร้ต้นไม้
มีเพียงร่ายระบำของดงดอกหญ้า
ไหวเอนรับรินร่ำพรายแสงรอนรอน
ละอออ่อนอุ่นยามค่ำย่ำสนธยา
ดวงใจ..
ยามนั้นคุณบอกผมให้หันหลังให้
แล้วถอดเสื้อออกเพื่อกระโดดลงไป
นะกลางสายธารอย่างเริงร่าราวปลาแหวกว่ายในสายชล
คุณ..ว่ายน้ำเก่งราวเงือกสาวและยิ่งดูราวจะยิ่งเหมือน
เมื่อคุณนอนลอยตัวเหนือทะเลสาบสีเงินนั้น
และพลันแผ่สยายเส้นผมงาม
คล้ายสาหร่ายลอยเป็นแพ ล้อมรอบวงหน้าเรียวละมุน
ร่างงามคุณดูโดดเด่น
ในท่าที่คุณนอนหลับตาพริ้มลอยตัวเหนือผืนน้ำ
และ
กระทบกับสายแสงสุริยาที่กำลังจะลาลับฟ้า
จนพาให้ร่างคุณนั้น
งามจรัสเรืองแสงคล้ายนางไพรนางไม้หนีมาว่ายวน
เริงร่าในท่ามกลางป่าไพรในทะเลสาบสีเงิน
กับดวงดอกไม้ป่า
ที่กำลังส่งกลิ่นสะพรั่งรินรายรอบ
ให้ผมแอบชำเลืองดูคุณ
และแทบอยากให้โลกหยุดหมุน
ได้แต่นอนเอนอิงริมตลิ่ง
แล้วเฝ้าวนเวียนสายตาไม่ไกลไปจากร่างคุณ
จำได้ไหม..
ดวงใจ..ยามที่คุณแกล้งลากผมลงมา
แล้วเราสองต่างพากันโอบตระกองกอด
ในอ้อมอกอ้อมฝันของสายน้ำ
ที่พลันอุ่นอิ่มไปกับนิ่มเนื้อนวลหนั่นแน่น
ที่เบียดร่างผมแนบแน่นด้วยแรงรัก
จนทำให้หัวใจผมกระเจิงด้วยมนต์เสน่หา
และ..จำต้องจูบประทับรับขวัญบดขยี้
แทบให้ร่างเราสองนี้กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
ดวงใจ
มาตรแม้นชีวิตผม..ในวันนี้
มีแต่ความเงียบเหงาเปล่าร้างเพราะไร้คุณเคียง
หากชีวีผมก็แสนสุขสงบงามกับทุกโมงยามณ.ที่แห่งนี้
ที่ซึ่ง ราวอาณาจักรไพรริมทะเลสาบสีเงิน..ลำพัง
ผม..จะพาตัวเองไปนอนนิ่งฟังเสียงดนตรีจากทุ่งหญ้า
ทุ่งแห่งความฝัน
ฟังดนตรีไพรร่ายมนตรา
บรรเลงบทเพลงธรรมชาติอันโอบเอื้อพึ่งพิง
ให้ผมเฝ้ามองดูฟ้าเล่นแสงสีราวเวทีธรรมชาติ
ดูเมฆแล้ววาดเป็นภาพงามตามแต่ใจนึก
ดูแมกไม้ไพรพฤกษ์ฝูงสกุณา
ที่พากันผกโผผินบินร่อนมาโฉบเหยื่อ
เฝ้าดูฟ้าที่งามระเรื่อเจือสีชมพูอมส้ม สวยสดเศร้า
กับความเหงางามในใจ
ที่ช่างเป็นความรู้สึกยิ่งใหญ่
ราวเราแค่เศษเสี้ยวธุลี
ที่มาแฝงร่างผสานผสมห่มห่อด้วย
ความงาม อันยากยิ่งจะพรรณนา
นอกเสียจากผู้รักวิถีไพรดิบเดิมเพียงนั้นถึงจะเข้าใจ
ยามที่เราถอดใจถอดจิตราวสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสรรพสิ่ง
ดวงใจ..
ในยามราตรี
ผมจะก่อกองไฟริมกระท่อม
แล้วนั่งจิบกาแฟบนขอนไม้
หาอาหารง่ายๆมานั่งรับประทาน
กับเจ้าสุนัขเพื่อนยาก
ยามนั้นผมจะได้ยินเสียงสายน้ำ
ในทะเลสาบครวญคร่ำระรินราวร่ำไห้อย่างดายเดียว
เสมือนเพื่อนยากผู้รับรู้ความเปลี่ยวเหงาใจ
ยามผมไม่มีคุณ..
ผมจะนอนหนุนแขน
ฟังเสียงฟืนปะทุ
และ
ในอ้อมฟ้าอ้อมฝัน
เฝ้ามองดูดาวประจำเมือง ประจำใจ
ที่พราวพร่างสุกใสนับพันดวง
ดาวใจที่คุณเคยฝากไว้ให้
ส่องนำทางชีวิตจิตวิญญาญ์ผม
ยามอ่อนล้าท้อแท้แพ้พ่ายไร้สิ้นกำลังใจ
ให้น้ำตาลูกผู้ชายชาติไพรซืมซึ้งในเรียวตา
ด้วยเหว่ว้าดายเดียวสุดทน
และ
ดวงใจ
ทุกอุทัยโลกหมุน
ผมพึงใจที่อาศัยริมกระท่อมทะเลสาบสีเงิน
อันงามเงียบนี้ลำพัง..
กับยามค่ำที่ผมได้รจนางานงามอันเลอล้ำค่า
พลีบรรณาการให้แด่โลกบรรณพิภพ
ที่ยิ่งดวงชีวีผมพบความงามเงียบเท่าใด
งานงามของผมก็ยิ่งแสนงามยิ่งใหญ่พอกันเพียงนั้น
ผมมีเวลา ทำงานเพื่อสังคม
ในฐานะเจ้าหน้าที่ป่าไม้
ผู้รักษาอุทยานและป่าทุกผืนในประเทศนี้
ให้ยาวยืนไปจนถึงลูกหลาน
เป็นงานงามที่ราวปิดทองหลังพระ
เหมือนพ่อพระในดวงใจของผม
ที่เคยเททุ่มทำงานฝากอุดมการณ์อุดมคติไว้ให้ชนชาวไทย
ทุกดวงใจได้หันมารับฟังแม้นต้องแลกกับชีวิต
คุณ..สืบ นาคะเสถียร ผู้เพียรพยายาม
แม้นถึงกระทั่งยอมสังเวยชีวิตเพื่อ
เพรียกเรียกร้องสามัญสำนึก
ให้สังคมหันมาสำนึกรำลึกรู้ค่ารักษ์ป่าไพร
ที่ดวงใจ..คุณคงรู้ว่า
หากไร้ป่าแล้วไซร้ เราก็เท่ากับรอวันตาย กับภัยพิบัติที่นับวัน
จะมาฝากพิโรธสอนสั่งให้เราสำนึกรู้
ว่าคนเรานี้จะอยู่ดีมีสุขได้อย่างไรไฉนเล่า
หากไร้ซึ่งเงาแห่งร่มไม้ได้ดูดซับน้ำไว้
ให้โลกได้สงบงามอย่างพึ่งพาพึงพิง
ทุกสรรพสิ่งเป็นวัฎจักร
ที่โลกสรรสร้างมาให้อย่างลงตัว
มีฟ้า มีดิน มีน้ำ ลมไฟ
มีดวงใจที่ใสงาม ตั้งแต่เริ่มเกิด
หากเรามองเมินเพียงเพลินผลาญทำลาย
ทุกสิ่งที่ธรรมชาติให้มาอย่างงามง่ายแสนงาม
ให้หลงละเมอหยาบหยามต่อเติมเพิ่มความทุกข์
รุกล้ำก้ำเกินในทุกสิ่ง แบบโง่เขลาเบาปัญญา
แม้นกระทั่งดวงจิตอันกระจ่างราวแก้วใสภายในตัวเราเอง
ที่พระเจ้าให้มาอย่างบริสุทธิ์ใส
หากเรานั้นหาได้เฉลียวใจไม่
พากันมาเติมตัวทุกข์สุขในโลกวัตถุไม่รู้หยุดรู้พอที่ไม่จีรัง..
ให้หุ้มห่อพอกไว้ยิ่งหนานับวัน
จนยากจะลอกเปลือกออกพบแก่นกระพี้
ที่แสนงามแสนดี
คือจิตกระจ่างงามพราวราวดวงแก้ววิเศษ
ดวงใจ...
ผมก็แค่ธุลีในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้
ที่พัดผ่านมาคละเคล้าไป
ในดงมนุษย์อันมากมีมากมายนี้
หากแม้นเปรียบชีวีแค่ธุลีนี้
ก็ขอแค่ได้มาพลีฝากดีฝากงาม
ก่อนวันจะสิ้นสายแสงแห่งดวงสุริยาใจ
ไม่เป็นธุลีใจที่หมองหม่นปนเปื้อนมลทิน
หากขอเลือกเป็นธุลีดิน
ที่งดงามอุดม
รอเพียรเพาะบ่มให้ทุกต้นกล้าแห่งรักได้หยัดยืน
ให้งานรักรจนา
ได้พาจิตมนุษย์ไสวพร่างกระจ่างจิตไสวชูช่อ
ราวรอรับพรายแสงตะวัน
อันหมุนวนมาสอนบทเรียนใจในทุกวันให้รู้คุณค่า
ว่าทุกดวงชีวามีโอกาสเริมต้นชีวิตใหม่ได้เสมอ
และ
ราวกับพราวนวลจากเดือนดวงงามนามพระจันทร์
ให้ประดับขวัญประดับโลกงาม..
เป็นนิยามความดีสามัคคี
ที่แสนร่มเย็นเป็นสุขใจไปตราบชั่วกาล..
ดวงใจ...
ชีวิตคืออะไรกันเล่า
หากมิใช่เศษเสี้ยว
ที่มาฝากร่างเพียงชั่วครู่ชั่วคราว
ให้ได้มามองดูโลกงาม
ให้ได้มารู้ค่าคำรัก
อันจักเป็นพลังสรรสร้างอันยิ่งใหญ่
หากทุกดวงใจรู้รักเย็น
และ
โชคดีเพียงใด
ที่ได้เกิดมาในผืนดินอันอุดมร่มเย็น
ใต้ร่มฉัตรใต้ร่มธรรมใต้ร่มทองแห่งพุทธศาสนา
ที่จักประคองให้จิตเรา..ใสกระจ่าง
รู้ฝึกวางว่างก่อนจะสิ้นแสงแห่งตะวันใจไปชั่วกาล
ดวงใจ...
ผม..ภูมิใจในตัวคุณ และตัวผมนี้
ที่เกิดมามีนวลเนื้อใจที่แสนบริสุทธิ์ใสแสนงาม
รู้หักห้ามรู้รักเย็น
และ
มาตรแม้นเราเป็นเฉกเช่นชาวดินชาวไพร
หากดอกดวงใจเรานั้นรู้ใฝ่เพียรหาดวงดอกธรรม
และน้อมมาพร่ำห่มหอม..
เผื่อแผ่ให้ทุกดวงใจได้พบใสงาม
ไปด้วยกัน..
และสุดท้าย
ไม่มีอะไร
*จะงามเท่าดอกดวงใจใครเล่าจะรู้นี้*
ที่เราสองต่างพร้อมพลีภักดิ์
เพียรถักทอทองดั่งสายสร้อยภาษาร้อยรักรจนา
เพื่อคืนกลับให้ผืนดินแห่งมาตุภูมินี้
ที่เป็นที่รักยิ่งกว่ารัก
ศรัทธาภักดิ์ยิ่งกว่าศรัทธา
เปรียบประดุจดั่งพสุธาแห่งความฝันอันสูงสุด
ที่แสนหนักแน่นมั่นคงยิ่งใหญ่เหนือ
กว่าสิ่งใดในหล้าโลกนี้
แล้วมิใช่ละหรือ..คนดี..นะยอดดวงใจ!
************
ฉันเห็นเธอในดอกไม้สายลมไหว
มวลนกไพร ในฝนพราย แมกไม้ฝัน
ในดวงดาว ในอุ่นแสง แห่งตะวัน
ในความฝัน ในยามตื่น ชื่นฉ่ำใจ..
ฉันเห็นเธอ ในดวงจันทร์ ฝันเคียงฟ้า
ในเมฆา ในเรียวรุ้ง กระจ่างใส
ในผีเสื้อ ในสายน้ำ ในขุนเขา ในเงาใจ
เธอสถิตอยู่กลางใจในเรียวตาในศรัทธาในรักนี้ มิมีวันจะลบเลือน!
*
************
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_32429.php
ฉันอยู่นี่ที่กลางใจในโลกฝัน...พุดพัดชา
ฉันอยู่นี่ที่กลางใจในโลกฝัน
คอยเคียงขวัญในเงาใจไม่ไปไหน
ในเงาดาวใต้เงาจันทร์ยามฝันไกล
ในดวงใจในดวงตาดารากาล..
อยู่ในรักในอ้อมกอดของยอดรัก
ฝากใจภักดิ์รักเพียงเธอเพ้อคำหวาน
ในแสงทองท้องทะเลดอกไม้บาน
ในสายธารหวานชื่นฉ่ำลำนำไพร
อยู่ใต้หล้าฟ้าพริบพราวเคล้าใจสุข
ไร้รอยทุกข์สุขเคียงขวัญวันไหนไหน
เงาอดีตแค่กรีดรอยฝากแผลใจ
ไม่เป็นไรยอมรับโศกโลกนี้คือละคอน
รอและรอ..ขอคืนหลังยังบ้านเก่า
ลบลืมเหงาเงาใจใครลวงหลอน
พร่ำสวดมนต์ภาวนาเพื่อขอพร
เลิกร้าวรอนสิ้นร้าวรานนานนิรันดร์!..
*
***********
url=http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=222
ธาราระทม
แว่ว ยิน แต่ เสียง
น้ำหลากมาเสมือนยิ่งพาน้ำตาข้าหลั่ง
ธารารักเอยรักเคยฝากฝัง
ท่ามกลางแสงเดือนสะพรั่ง
รักกลับอ้างว้างในคืนเดือนเพ็ญ
รูป รอย ปาง หลัง
ฝังฝากใจมาไร้ความจริงทิ้งให้ลำเค็ญ
มองเดือนครั้งใดหมองใจไม่เว้น
ค่ำคืนรักเชยเคยเช่น
แสงแห่งเดือนเพ็ญเชยฟ้าราตรี
รัก จาก พราก ไป
เหลือ เพียงรอยอาลัยไม่มี
สายน้ำยามเพ็ญ ก่อนเคยได้เป็นสักขี
ยินแผ่วแว่วเสียงวจี
คล้ายเสียงเสียดสีที่เย้ยดวงใจ
โอ้ คำ อธิษฐาน
เสมือนบ่วงมาร มารับเอาคำสาบานข้าไป
มนต์มารร้ายยิ่งรักจริงสลาย
ตั้งปณิธานวอนไหว้
แสงแห่งดวงใจจงพบกันเทอญ
รัก จาก พราก ไป
เหลือ เพียงรอยอาลัยไม่มี
สายน้ำยามเพ็ญ ก่อนเคยได้เป็นสักขี
ยินแผ่วแว่วเสียงวจี
คล้ายเสียงเสียดสีที่เย้ยดวงใจ
โอ้ คำ อธิษฐาน
เสมือนบ่วงมาร มารับเอาคำสาบานข้าไป
มนต์มารร้ายยิ่งรักจริงสลาย
ตั้งปณิธานวอนไหว้
แสงแห่งดวงใจจงพบกันเทอญ...
****************