6 กันยายน 2546 22:07 น.

คืนฝนพรำกับเรือนจำปี!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=367

เย็นนี้..ฝนมาพร้อมพายุพัดแรง..
ร่มสีเหลืองคันใหญ่ยักษ์ ที่ไพลกางไว้ประดับโต๊ะนั่งเล่น
เอียงกระเท่เร่ เลยแลสังเกตเห็นพญาสัตตบรรณไม่ออกช่อชั้น
เท่าที่ควร เพราะคงร่มแดด..นั่นเอง..

ดอกเล็บมือนางบานสะพรั่งพรึบ คลอรั้ว
ไพลเด็ดมาวางมุมนั้นมุมนี้ ดูดีดีวิมานดินราวสวนดอกไม้ก็มิปาน!

ไพลนั่งมองฝนพรำเงียบๆ บนเรือนจำปี
กล้วยไม้หลากสียังมีดอกดกเป็นพวงยาว
ที่แขวนพราวริมชายคารอท่ารับหยาดละอองฝน..

ไพลค่อยๆนอนคว่ำลงกับเบาะแอบดูนกสองตัวที่บินกลับรัง
ใต้ต้นมะม่วงสูงใหญ่เลยหลังคาบ้าน
ใบพลูด่างยักษ์ เกาะหนึบหนับเหมือนในหนังย้อนยุคไดโนเสาร์
ในป่าดงดิบที่ไหนสักแห่งใจกลางโลกไร้ผู้คน

กล้วยเล็บมือนาง..กำลังออกหวีไหวห้อยลงมารอวันเปลือกนวลยองใย
จะได้ชวนกันลงไปให้ลองลิ้มชิมรสมือเย็นของคนปลูก..ที่คอยลูบๆคลำๆ
ด้วยภาคภูมิใจ ในผลงามงอน..

กรงนก..โคมไฟยังแกว่งไกวไปมาตามแรงลม
และ..
ไพลได้มาใช้ร่มเรือนจำปี 
เป็นที่นอนออดอ้อนจันทร์และดวงดารามาหลายคืนค่ำแล้ว
อาจจะเป็นที่สถิตถาวร นอนนับดาวและดูฝนพราว..ยาวนานเลยก็ได้
ตามประสาคนชอบรนหาเรื่องลำบากอยากโรแมนติ๊ก..โรแมนติก..

ทิ้งระเบียงบน อีกด้าน อีกข้างให้อ้างว้างใจ พร่างไปด้วยดอกชวนชม
แดงดกเฝ้ารอคนให้ไปเก็บมาชูช่อล้อนัยน์ตารัก..

กลางคืน ไพลจะจุดเทียนสีมีกลิ่นหอม และใช้โคมไฟไม้ไผ่ให้แสงเงา
ทอทอดลอดออกมาวูบไหวล้อเล่นลม วะวับ..

เทียนผลไม้ ได้ใช้ทุกยามราตรี 
เทียนสมุนไพรตะไคร้ก็ใช้ดีกันยุงและหอมโล่ง
ละเมียดอกใจคนที่ชอบหายใจไม่ออกยิ่งจะดี..นะ

ชะลอมหลายใบมีทั้งเล็กใหญ่
ได้มาตอนข้ามไปเที่ยวเกาะเกร็ด 
ที่ยังมีร้านแบบโบราณขายของติดดินถวิลไพรมากมี ที่ชอบแวะดู
บางที่ซื้อสวิงสีสีที่ถักสวยด้วยมือ..
นำมาแขวนลูกแก้วหรือลูกบาสเกตบอลนอนนอนดูก็สวยดี

ชะลอมที่ว่านำมาใส่ดอกไม้สดสด ที่เก็บๆเอารายรอบบ้าน
การะเวกบ้าง ดอกพุด ดอกเข็มขาว 
หอมเย้ายวนใจมาก..ดอกไม้ไทยในยามค่ำนะ

ฝันว่าสักวันคนไกลของเราจะคืนรังมาฝังฝากใจ
มาสบตากันให้หวามไหวใต้แสงเทียนใต้เงาดาว
หรืออาจจะมีกวีกระวาดสักคนผ่านมา แลกความงดงามผ่านจิตวิญญาณ
ที่ได้ร่วมสานฝัน สร้างวันดี คืนกลับให้โลกนี้ 
เป็นฝันพลีที่ยิ่งใหญ่สำหรับเราเราทุกดวงใจทุกชีวี..ที่รักรจนา

และอีกไม่นาน..นางฟ้าดวงใจของไพลก็กำลังจะติดปีกฝันเฉกเช่นเดียวกัน
บินข้ามฟ้ามหานที ที่กว้างไกล
ไปเกี่ยวเก็บประสบการณ์ในทุกถิ่นที่ที่แสนดีแสนงาม 
ที่แสนกว้างใหญ่ไพศาลของโลกใบนี้
..สำหรับไพลคนนี้นั้น.อาจจะบางทีได้ไปนั่งฝัน
ดายเดียวเปลี่ยวเหงาตาม ณ.ปลายโลกร้างลำพัง..

ผู้หญิง คนที่ชอบแสงเทียน ชอบพงไพร ชอบทุ่งนา รวงข้าวคราว
รับลมละล่องข้าวเบา เพราพลิ้วพรายคล้ายระลอกคลื่น..
ฟ้าสีครามยามเดือนสามที่เขยิบสูงงามตามยอดไผ่ไหวระริกรับ..
กับโคลนเลนสาบวัวควายกับเรียวรุ้งคุ้งโค้งลำประโดง..ลำคลอง
กับบึงบัวบานหวานสล้างเกสรพร่างหลากสีสัน ราวสวรรค์สรวงในรวงใจ

กับทุกร้างไร้  ขอแค่มิใช่เป็นโลกวัตถุ..เป็นพอใจ

ของามเงียบ เงียบงามในกลางใจ 
ให้หัวใจใสสว่างสงบ
พบแต่ความเป็นธรรมชาติธรรมะธรรมดาๆ
ก็น่าจะพอเพียงและเพียงพอแล้วนะดวงใจ!
จริงไหมเล่าเอ่ย..


แด่คนดีที่ครีฟแลนด์ดินแดนแห่งความฝันค่ะ
เขียนสดค่ะ เลยกระตึ๊กกระตั๊กนิดหน่อยนะคะ 
ขออภัยค่ะต่อท่านผู้อ่านคนดีทุกดวงใจ
ที่มีน้ำใจอุปการะคุณมาโดยตลอดนะคะ



      
คาราบาว : : Key F  
เดือนเพ็ญ สวยเย็นเห็นอร่าม
นภาแจ่มนวลดูงาม เย็นชื่นหนอยามเมื่อลมพัดมา
แสงจันทร์นวล ชวนใจข้า คิดถึงถิ่นที่จากมา
คิดถึงท้องนา บ้านเรือนที่เคยเนาว์

กองไฟ สุมควายตามคอก
คงยังไม่มอดดับดอก จันทร์เอยช่วยบอก
ให้ลมช่วยเป่า
สุมไฟให้แรงเข้า พัดไล่ความเยือกเย็นหนาว
ให้พี่น้องเรา นอนหลับอุ่นสบาย

เรไร ร้องดังฟังว่า
เสียงที่เจ้าพร่ำครวญหา
ลมเอยช่วยพา กระซิบข้างกาย
ข้ายังคอย อยู่ไม่หน่าย
ไม่เลือนห่างจากเคลื่อนคลาย
คิดถึงไม่วาย เมื่อเราจากกัน
ลมเอย ช่วยเป็นสื่อให้
นำรักจากห้วงดวงใจ ของข้านี้ไป
บอกเขานั้นหนา
ให้เมืองไทยรู้ว่า ไม่นานลูกที่จากมา
จะไปซบหน้า กับอกแม่เอย

เรไร ร้องดังฟังว่า
เสียงที่เจ้าพร่ำครวญหา
ลมเอยช่วยพา กระซิบข้างกาย
ข้ายังคอย อยู่ไม่หน่าย
ไม่เลือนห่างจากเคลื่อนคลาย
คิดถึงไม่วาย เมื่อเราจากกัน
ลมเอย ช่วยเป็นสื่อให้
นำรักจากห้วงดวงใจ ของข้านี้ไป
บอกเขานั้นหนา
ให้เมืองไทยรู้ว่า ไม่นานลูกที่จากมา
จะไปซบหน้า กับอกแม่เอย
ให้เมืองไทยรู้ว่า ไม่นานลูกที่จากมา
จะไปซบหน้า กับอกแม่เอย... 
 



  วิมานดิน   
นันทิดา แก้วบัวสาย : : Key Eb  
ฝากรักเอาไว้ ฝากไปในแสงดวงดาว
ที่ส่องประกายวับวาว วาว อยู่บนฟากฟ้า 
ให้แสงสุกใส ได้เป็นเสมือนดวงตา
คอยส่องมองเธอด้วยแวว ตา แห่งความภักดี
เก็บฟ้ามาสาน ถักทอด้วยรักละมุน
คอยห่มให้เธอได้อบ อุ่น ก่อนนอนคืนนี้
ให้เสียงใบไม้ ขับกล่อมเป็นเสียงดนตรี
คอยกล่อมให้เธอฝันดี ดี ให้เธอเคลิ้มไป
เป็น วิมานอยู่บนดิน 
ให้เธอได้พักพิง พิง และนอนหลับไหล
เก็บ ดาว เก็บเดือนมาร้อยมาลัย
เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร
มาคล้องใจเราไว้รวมกัน
ก่อนฟ้าจะสาง ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล
ยังอยู่กับเธอข้างเคียง กาย อยู่ในความฝัน
ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปในสายลมผ่าน
ข้ามขอบราตรีที่ยาว นาน ให้เธอฝันดี

เป็น วิมานอยู่บนดิน
ให้เธอได้พักพิง พิง และนอนหลับไหล
เก็บ ดาว เก็บเดือนมาร้อยมาลัย
เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร
มาคล้องใจเราไว้รวมกัน
ก่อนฟ้าจะสาง ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล
ยังอยู่กับเธอข้างเคียง กาย อยู่ในความฝัน
ฝากเสียงกระซิบ ฝากไปในสายลมผ่าน
ข้ามขอบราตรีที่ยาว นาน ให้เธอฝันดี
ให้เธอได้อบ อุ่น และนอนฝันดี
ให้เธอได้อบ อุ่นอยู่ใน วิมาน... 

				
6 กันยายน 2546 18:57 น.

ทุ่งข้าวแห่งความหลัง ความฝัน!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=919
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=223

ไพล..ยืนนิ่ง........
ใต้ลั่นทมขาวพราวดอกพร่าง จนมองแทบไม่เห็นใบ

มองไปไกล เห็นทิวเขาสลับสล้าง  โอบกอดผืนนาชอุ่มเขียวตอง
ที่ยอดรวงเรียวกำลังถูกหยอกล้อพะนอด้วยพระพายพรายฝัน

พลิ้วพรมพร่าง พัดวูบไหว ระบัดรวงเรียวพร้อมพรึบ 
คล้ายระลอกคลื่น..กลืนหายไปในฝั่งฝัน..

ฟ้าเป็นสีหวาน ซ่านด้วยลออละอองสีส้มอ่อน 
ชมพู ม่วง คราม น้ำเงินอมเทาจางๆ
สลับสล้างดั่งเลื่อมสลับลาย...
ทอ...ทอดลอดโลมไล้ให้เรียวเมฆ เปล่งประกายงามราวรุ้งเฉิดฉันท์

ไพล..ติดปีกหัวใจลอยละลิ่วปลิวคว้าง
ให้ร่างขึ้นไปนั่งไกวชิงช้าเมฆ..
ร่ายมนต์เสกรวงดาวมากอบกำเต็มอุ้งมือ..แล้วหว่านโปรย...

คิดถึงบทกลอนที่เคยแต่งไว้ยามนอนดายเดียว..ชื่อชิงช้าเมฆ
บนผืนทรายริมชายหาดกว้างที่ไร้ร้างผู้คน..ลำพัง...

ไพลดึงร่างและหัวใจ...กลับมา..
ก้มลง..เก็บลั่นทมที่ร่วงหล่นบนผืนหญ้า..มาดอมดม
ทัดหู เคลียผมเคลียแก้ม ให้หอมระทม 
อวลไปในสายลมเย็นร่ำ..แทรกฉ่ำชื่น ชื่นใจ

จูบกลางกลีบแผ่วแผ่ว 
แว่วเสียงกระซิบอ้อนริมหูนานมา..
...
จูบแก้มสาวเคล้าลั่นทมนี่หวานดีพิลึก
อยากจูบหวานนานเนิ่นไปอย่างนี้ทุกราตรี นะคนดีที่แสนรักเอย

โอ้ละหนอ..ความทรงจำ..อันหอมหวานซ่านซึ้ง..
ที่ช่างฝากฝังฝากฝันในคะนึง ให้ระกำ 
ให้หวานล้ำ ให้โหยหามายาวนานจนป่านนี้..มิมีเลือนลบ..จากใจ..


แนบหน้านวลริมหน้าต่าง..
ฟังเพลงหวานแว่วคลอใจ หวังลอยละล่องไปกับสายลม
ประโลมภูผา ทุ่งนา ป่าเขาลำเนาไพร 
ลำธารใสหวานระริน..ที่กำลังออดอ้อนซอนเซาะริมฝั่งชล

......

..
สี่ในสี่ห้องหัวใจฉันให้คุณหมด
หมดไม่มีเหลืออยู่...
คุณไม่รักและไม่เอ็นดู
พอหัวใจคุณเปิดประตูไม่มีฉันอยู่ในนั้นเลย
เก็บความหม่นทนระทม
ทุกข์ตรมความโศกโลกสร้างมาเหลือเอ่ย
ฉันทุ่มใจรักเขาหมดเลย
พิโธเอ๋ยเหมือนโดนหนามยอก
หัวใจของคุณคงแบ่งปันสักพันสักหมื่น
แต่ใจฉันนั้นมันขมขื่น
เพราะคุณยื่นความช้ำความชอก
ไม่รักฉันอยู่ตั้งนานแล้วไยไม่บอก
ฉันรักคุณแล้วพูดไม่ออก
ให้คุณบอกไม่รักสักคำ...
ไม่รักฉันอยู่ตั้งนานแล้วไยไม่บอก
ฉันรักคุณแล้วพูดไม่ออก
ให้คุณบอกไม่รักสักคำ...



โน่น..ตะแบกบานแล้วร่วงสีม่วงที่พี่ชม..
หรีดหริ่งระงม..พี่เอยน้องระทมรอมา
กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย...

......
และ นั่นต้นตาลเดี่ยว เดียวดาย 
คล้ายรอสาวนากลับมาฟังเพลงขลุ่ยพลิ้วปลิวแผ่วหวานแว่วจาก
หนุ่มคนซื่อ ริมลอมฟางกลางนวลดาว 

กับผิวพราวน้ำผึ้งรวง ละออแดด

ท่ามกลางโลมไล้ใต้เงาจันทร์
กับกลิ่นร่ำราตรีกอริมชานเรือน

กับโมกพิร่ำพิไรริมบ่อน้ำ
ยามสาวนุ่งผ้ากระโจมอกค่อยค่อยยกขันขึ้นอาบน้ำกลางวามดาว
กับเงาไม้ร่ายระริกรับ
กับหอมพรายพร่างของลำดวนดงกลางพงไพร..

ไหนจะดอกกระถิน ดอกผักบุ้งริมบึง 
ให้คะนึงถึงมนต์เพลงรักลูกทุ่ง
ลอยละล่องมาตามโค้งคุ้งคลอง สองฟากฝั่ง..

แล้ว..

ในคลองใจในมโนก็พลันมีบึงบัวตรงหน้า
มีขวัญกับเรียมไล่เลี้ยวเที่ยวท่องกอดตระกอง
ใต้บัวช่อหลากสี  ที่หอมเกสรพราย



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=223
  ขวัญเรียม   
เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ ของเรียม
หวนคิดผิดแล้วขมขื่น ฝืน ใจเจียม 
เคยโลมเรียม เลียบฝั่ง มาแต่หลัง ยังจำ
คำ ที่ขวัญเคยพรอดเคยพร่ำ
ถ้วนทุกคำยังเรียกยังร่ำเร่าร้องก้องอยู่
แว่ว แว่ว แจ้ว หู ว่าขวัญชู้ เจ้ายังคอย
เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ คงหงอย
หวนคิดคิดแล้วยิ่งเศร้า เหงา ใจคอย
อกเรียมพลอย นึกหน่าย คิดถึงสาย น้ำนอง
คลอง ที่เรียมเคยเที่ยวเคยท่อง 
เมื่อเราสองต่างว่ายต่างว่องล่องไล่ไม่เว้น
เช้า สาย บ่าย เย็น ขวัญลงเล่น กับเรียม

เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ คงหงอย
หวนคิดคิดแล้วยิ่งเศร้า เหงา ใจคอย
อกเรียมพลอย นึกหน่าย คิดถึงสาย น้ำนอง
คลอง ที่เรียมเคยเที่ยวเคยท่อง 
เมื่อเราสองต่างว่ายต่างว่องล่องไล่ไม่เว้น
เช้า สาย บ่าย เย็น ขวัญลงเล่น กับเรียม... 





อ้าว..แต่ทำไม..
หัวใจกลับเห็นภาพต่อไป
ครานี้..
แปร เป็นขวัญขี่วัว..กลางรอยไถ กลางทุ่งโคลน

ขวัญกำลังใช้มือตระโบมลูบไปที่ใต้คอนิ่มละมุน
ที่ละไมกลิ่นหวานหอมของกลิ่นโคลนสาบวัว
ผสมปนเปไปกับกลิ่นนมสดสะพรั่งละหลั่งริน
ที่พาให้ถวิลถึงความงามดิบงามดิน  งามเดิมเดิมที่เคยเคยคุ้นคุ้น..


เห็นต้นไม้..กลางนา..
เป็นต้นไม้ธรรมดาที่สวยเศร้า จนยากบรรยาย..

ใบสีน้ำตาลระริกรับลม พร่างแสงเล่นสีวะวาววับ 
ราวสลัดประกายทองวูบไหวกับแดดโลมไล้ พร่างพราย
ต้นไม้...งาม สีน้ำตาลทอง สวยแผก 
รอลมหนาวแรกพัดพลิ้วปลิดปลิวใบคว้างกลางวสันต์ลีลา
น้ำตาซึม..หยุดซึ้งซึมซับกับต้นไม้โศก 
กับโลกสีน้ำตาล ตรงหน้ากับภาพเหว่ว้ายามใบไม้ร่วง
ลอยคว้าง ตกต้องแตะแต้มตรงกลางดวงใจ
ให้หวั่นไหวทิ่มแทง อย่างดายเดียวกลางผืนไพร ไร้ผู้ใดรู้เห็น..

รอฤดูกาลผ่านฤดีระกำ..
รับหวานหวังใหม่ให้ดอกไม้ในดวงใจในไพรพง .
หมุนวนกลับมาเหมือนดั่งดวงสุริยาชักรถกลับมาฉายแสงแห่งอรุณรุ่งใหม่
ทำหน้าที่เอื้อฝัน ปันน้ำใจให้โลกละมุนสว่างไสว 
ส่องนำทางใจ พึ่งพาพึงพิงกันและกันตามวิถี..

ความเอ๋ย..ความสุข 
ความเอ๋ย..ความรัก 
เหมือนดอกไม้ 
เหมือนสายลม 
เหมือนมนต์ใบไม้ 
คล้ายธรรมชาติ
กำลังสอนสั่ง ทุกสรรพสิ่ง ให้หยุดนิ่งให้รำงับ 
ให้รู้ดับเยื่อใยเสน่หา ที่จักพาทุกข์ตรม
มีพบ มีพราก มีจากลา 

ขอเพียงหัวใจเรียนรู้ค่าธรรมะธรรมชาติธรรมดาๆนี้
ที่โลกและเธอหยิบยื่นให้
ให้ยอมรับวงจรชีวีนี้ ที่ไม่มีผู้ใดเลยจะหลีกลี้หนีพ้น 
นอกจากเพียรเพาะบ่มห่ม
ด้วยจากการฝึกสมาธิมีปัญญาพาให้พ้นบ่วงกรรม..
ที่ตามวนมาให้เราชดใช้คล้าย
รอยกรรมรอยเกวียนเวียนๆวนๆไม่รู้จบรู้สิ้นในถวิลสวาท

เหมือนโลกได้หยิบยื่นพลังรัก มิรู้จบมิรู้สิ้น จนกว่าผืนดินจะกลบหน้า
และ..ตราบจนกว่า..เราจะไปถึงซึ่งฝั่งฝัน อันว่างมิรู้จบ..
สงบสะอาดสว่างพร่างพรายในหัวใจให้อิ่มเต็มอิ่มใจไปชั่วนิจนิรันดร..........



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=919
  ชมทุ่ง   
เห่เฮ้ห่าฮากรู้

เห่เฮ้ห่าฮาเสร็จจากงานนา
แล้วเมื่อเวลาเย็น เย็น
เป่าขลุ่ยและพาเจ้าทุยเดินเล่น
ลมพัดเย็น ๆ มาเดินเล่นไปตามคันนา
แสน-สุขใจนั่งบนหลังควาย
ควายก็และเล็มหญ้า
นั่นกบร้องอ๊บ อ๊บ อยู่กลางนา
เสียงเขียดร้องจ้า เมื่อฝน-พรำ
ดนตรี
นกน้อยบินจรนกเขา
คืนดอน ก็เมื่อตอนจะค่ำ
ลมทุ่ง พัดโชยชื่นฉ่ำ
สาว สาว อาบน้ำ อยู่ที่ลำประโดง
ดนตรี
นกกระยาง ย่างเดินเหลียวมอง
จ้องหาปลาตัวโก่ง
นั่นปูนับร้อย นั่นตัวหอยโข่ง
ฝั่งลำประโดง สาวยังคงลอยคอ
ดนตรี
เขียวเหลืองเรืองรอง
ข้าวรวงสีทอง มองไสว ชูช่อ
นั่นคันไถ เอ๊ะนั่นใครยกยอ
เสียงกอไผ่สีซอ ฟังเป็นเพลงตะลุง
ดนตรี
มั่นหมาย ใจปอง ถ้าได้นวลเนื้อทอง
มาขี่หลังควาย ชมทุ่ง
คงสุขคงสันต์ ทั้งวัน ยันรุ่ง
เต้นจังหวะตะลุง บนหลังควายในตอนเย็น

เห่เฮ้ห่าฮาเสร็จจากงานนา
แล้วเมื่อเวลาเย็น เย็น
เป่าขลุ่ยและพาเจ้าทุยเดินเล่น
ลมพัดเย็น เย็น มาเดินเล่นไปตามคันนา
เขียวเหลืองเรืองรอง
ข้าวรวงสีทอง มองไสว ชูช่อ
นั่นคันไถ เอ๊ะนั่นใครยกยอ
เสียงกอไผ่สีซอ ฟังเป็นเพลงตะลุง
มั่นหมาย ใจปอง ถ้าได้นวลเนื้อทอง
มาขี่หลังควาย ชมทุ่ง
คงสุขคงสันต์ ทั้งวัน ยันรุ่ง
เต้นจังหวะตะลุง บนหลังควายในตอนเย็น
เห่เฮ้ห่าฮาเสร็จจากงานนา
แล้วเมื่อเวลาเย็น เย็น
เป่าขลุ่ยและพาเจ้าทุยเดินเล่น
ลมพัดเย็น เย็น มาเดินเล่นไปตามคันนา... 
				
1 กันยายน 2546 22:12 น.

เมล์ใจถึงใครดีละหนอ!

พุด



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4407

ที่รัก..ของใครไม่รุ?
เดินเจเจ วันนี้เหงาๆขนาดคนห้าล้านกว่า..
ไม่มีเสียงขยี้หัวใจขยี้ฟองเบียร์คอยตามคุยไง..ว่าเข้าน่าน..
เลยได้ผ้าถุงชาวเขาสวยสุดใจมาหนึ่งผืน มีสามสีในหนึงเดียว..บนแดง 
กลางน้ำเงิน ล่างสุดเป็นลายทอมือลายนกยูงรำแพน
งามมากกกก....หลับตาคิดนะว่าจะงามปานไหน
ถ้าไพลนุ่ง..หวิวซะ..

และเป็นผ้าทอมือมีหนึ่งเดียวในโลก..
ถือเป็นโชคที่ได้ใส่ จะเหาะได้หรือไม่..
ใจก็ติดปีกฝันสู่พงไพรสู่แสงตะเกียงสู่หูกทอ
สู่ไหมละออเลื่อมพรายละลายใจ..
ให้รักงามเข้าให้แล้ว

ที่งามมากจากจิตวิญญาณจากสมองสองมือ..
ของสาวชาวภูที่หัวใจคงละมุนละม่อมละเมียดละไม
ในยามหมุนวงกี่..
ที่ใช้ดวงใจรักถักทอทอดสอดรับประสานผสานงามเงานวล..
กว่าจะเป็นหนึ่งผืนหนึ่งไหมหนึ่งใจหนึ่งค่าคน..มาถึงเรานะ..ที่รู้ค่างาม

ได้กล้วยไม้หลากสี มาช่อยักษ์ สวยคลาสสิคดี

ได้ชุดผ้าไหมสีน้ำตาลอมทองผ่องผุด 
เป็นชุดคล้ายกิโมโนผสมคอจีน
แบบที่พระเอกMAXTRIX .
ใส่คลุมร่าง สะบัดพลิ้ว..ยามย่าง เยื้องชำเลืองเดิน



ได้ต้นนางแย้มแกมดอกออกช่อมาเต็มราวกิ่ง
ชื่อนางแย้ม 
หอมไห้ถวิลจนคิดถึงบทกวีของอัลมิตรา..
กับนางแย้มที่ยอมแย้มยวนยั่วให้เห็นบัวบานสะพรั่ง
ที่ให้ชายเซซังอยากมานอนระทดระทวยเคียงข้าง เฮ้อ..
เลยต้องผวาไปขอซื้อดอกบัวบานมาประดับใจประทังใจแทน.ดีกว่านะ.


และได้กระดานสั่งรายการอาหาร 
ที่มีขาตั้ง เอามาวางไว้เขียนรายการอาหารประจำบ้านประจำวัน 
ไอเดียเลิศล้ำ..สะแมนแตน..

ได้เทียนหอมรสผลไม้ หลากพันธุ์ไว้จุดยามค่ำ

ได้ไปดื่มด่ำกับลอดช่องน้ำกะทิหอมหวาน
ที่คิดว่าเจ้าของคงไม่ขูดมะพร้าวเองดอกนะ
หรือว่าไปปีนต้นตาลไปเก็บน้ำตาลมาเคี่ยวไว้ใช้ทำเองอีก
ถึงได้อร่อยแบบดิบเดิม..โบราณ..
ที่ขนมต้องหวานมันส์และหอมหวานกลิ่นตาลเคี่ยว..

ได้ดาหลา มาห้าดอก เพราะหอบไม่ไหวแล้วจ้า
มองไปมองมาเหมือนหน้าเรากำลังลอยละอออยู่กลางดงดอกไม้ไพร..

....
และยามเย็น.ใกล้ตะวันลา..กลับมาออกกำลังกาย

เดินเดียวดายดายเดียวไปตามทาง..ตามถนนสายโศก..

(ที่ตั้งชื่อให้เองก่อนการเปิดเป็นทางการ..อีกไม่นานนี้)

ท่ามกลางพระจันทร์ครึ่งดวงเหว่ว้า 
และได้ยินเสียงมือถือดังตะริดติดติ๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ..
ใครกันนะ โทรมา.
มีเสียงเตือนว่า
อย่าเดินใจลอยให้รถชนตายเสียก่อนนะ
ก่อนจะช่วยเขียนคว้ารางวัลคำขวัญประกวดโรงงาน 5  ส.ของเธอ...

เฮ้อ! อะไรกันนักหนานี่..
ที่เศร้าซะ ไม่มี ..นอกจากไม่มีคนรักคิดถึงแล้ว 
ยังมีคนตามมาทวงงาน
ที่คิดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่อยากเขียนอยากทำเล้ย..
แถมมีเพลงข้างล่างนี้ตามมาคลอใจในรู้สึกมาตลอดทาง..
ให้แสนอ้างว้างใจ
ไม่เป็นอันกินอันนอนอันทำงาน..จริงๆนะ..ดวงใจ


 พิษรัก   
ฮอทเปเปอร์ : : Key C#m  
อยากจะถอนพิษที่คั่งฝังใจ
พิษรักที่คุณฝากไว้
ช่างแสนร้ายกาจ
ถึงเป็นไข้ กินยาก็ยังหายขาด
แต่พิศวาสตัดไม่ขาดอนาจใจ
ไม่ควรริรักที่เกิดระทม
พิษรักนี่มันขื่นขม
ตรอมตรมหมองไหม้
เหมือนในอก
หมกเพลิงราวภูเขาไฟ
ตัดรอนถอนพิษไม่หาย
ก็เปรียบดังตายไปแล้วทั้งเป็น
อยู่ตรงไหน
เปรียบเหมือนอยู่ในป่าช้า
อยู่กลางแสงจ้า
เหมือนคนในตาไม่เห็น
เบิ่งตาลอย คอยรักทั้งเช้าทั้งเย็น
พิษรักมันบีบมันเค้น
ไม่เป็นอันกินอันนอน
อยากจะถอนพิษที่คั่งฝังทรวง
พิษรักที่คุณหลอกลวง
ทำฉันร้าวรอน
ฝังในเลือด
เชือดกายต้องตายแน่นอน
โอ้ความรักทำเดือดร้อน
ถ้ารู้มาก่อนไม่ริรักเลย

อยู่ตรงไหน
เปรียบเหมือนอยู่ในป่าช้า
อยู่กลางแสงจ้า
เหมือนคนในตาไม่เห็น
เบิ่งตาลอย คอยรักทั้งเช้าทั้งเย็น
พิษรักมันบีบมันเค้น
ไม่เป็นอันกินอันนอน
อยากจะถอนพิษที่คั่งฝังทรวง
พิษรักที่คุณหลอกลวง
ทำฉันร้าวรอน
ฝังในเลือด
เชือดกายต้องตายแน่นอน
โอ้ความรักทำเดือดร้อน
ถ้ารู้มาก่อนไม่ริรักเลย... 
				
1 กันยายน 2546 21:28 น.

ร่มรักในเรือนใจ!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=290

เรือนไทยเรือนร่มใจเรือนร่มรัก
ให้ร้อยรัดให้ผูกใจให้ไฟฝัน
ให้ความหวานหว่านดอกไม้เพาะผูกพัน
ให้เธอฉันฝันออดอ้อนนอนฝันดี..
เรือนไทยใครใคร่ปลูกดอกใดเล่า
ไม้ให้เงาหรือดอกรักฝากศักดิ์ศรี
หรือธรรมะธรรมชาติวาดฉิมพลี
หรือบางทีแค่แวะมาหาน้ำค้างพร่างพรมใจ
เรือนริมบึงยามวสันต์ฝันผลิดอก
งามแตกยอดเกสรพร่างสว่างไสว
กลางนัยน์ตาวาววะวับรับซึ้งใจ
บทหวั่นไหว วาบหวาม ยามนางครวญ
เรือนไทยเรือนดวงใจเรือนผูกภักดิ์
ใจสลักติดตรึงคะนึงหวน
นวลเนื้อน้องน้องเนื้อนวลนวลแก้มนวล
เรือนหอมอวลมีนางใจห่มสไบแพร..พี่แพ้นวล!



เรือนรักของทุกดวงใจ..
ที่พาให้ไหวหวั่นกับฝันค้างในระยะนี้ที่มีพายุแรงแกล้งพัดโบก
ให้ไม้ไทยไหวกิ่งหอมรอรับขวัญวันพบรัก...
รอทุกดวงใจนักฝันมาฝันฝากใจถึงเธอ..มาเพ้อครวญ 
กับโรยควันไฟกับแมกไม้ปลายนา..กับรวงเรียวรอท่าคมเคียวเกี่ยวรวงลาเลือน..
				
1 กันยายน 2546 20:55 น.

พิกุลแกมแก้มนวล!!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=287

ดอกพิกุลพร่างพรมลมริ้วร่วง
พราวดอกดวงห่มพื้นพรายพรากเพลงฝัน
สิ้นภมรเชยบุหงาลดาวัลย์
ดอกสวรรค์ลาหวานกิ่งทิ้งต้นใจ..

นั่นดอกพุด หยุดรักแล้ว.ละสิหนอ
บานคากอพ้อคนเก็บมิรอไหว
หอมคาต้นชูช่อรอคนไกล
เด็ดดมใจดูดดื่มฝันวันเคล้าทรวง..

หอมลุ่มลึกนวลจำปีคลี่กลีบค้าง
กระดังงาร้างไร้ไฟลนคนเคยหวง
การะเวกไหวหวั่นกอพ้อกลีบร่วง
ลดาดวงแตกดอกฉ่ำร่ำหาใคร

ในเรือนไทยที่เอนกายหมายหลับฝัน
เด็ดลดาวัลย์โลมลูบจูบกลีบไหว
รักดอกโน้นหวงดอกนี้สับสนใจ
ปล่อยดอกใจบานคาต้นหนทางเดียว!
.......


บันดาลใจจากนอนมองดอกพิกุลร่วงพรายพร่างควะคว้าง..ควะคว้าง
ราวดวงดอกฝนสีทองตกต้องกลางดวงใจ
ที่บ้านเรือนไทยโบราณ..
ดอกดวงใจอ่อนหวานจึงผุดซ่านเต็มซึ้งใจ..ในวันวสันต์โปรย..
ฝากกระซิบคนดี..คิดถึง..และคิดถึง.
พิกุลแกมแก้มหอมนวล..นานเนา..ในนึกลึกล้ำ!.

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด