22 สิงหาคม 2546 23:03 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=556
ฝันเศร้ากับเจ้าพระยา
ดวง..เคยไปพัก บนคอนโดหรู เคียงคู่ไปกับ ฝั่งฝัน ลำน้ำเจ้าพระยา
และเวลานั้น ดวงจะนั่งฝัน สรรสร้าง งานเขียน ริมสระว่ายน้ำ
ที่แสนสงบงาม เคียงข้างไปด้วยกันกับเจ้าพระยา...
สระว่ายน้ำนี้ จะมีต้นไม้ไทยๆ เช่น โมก แก้ว หอมงาม
เป็นดังฉากกั้นบังตาแม้จะอยู่เหนือพสุธา ดังลอยเลื่อน..
มองออกไป จะเห็น สวนวชิรปราการ ที่อยู่ย่านถนนพระอาทิตย์
ที่มีนักท่องเที่ยว เที่ยวท้อง เดินกันคลาคล่ำ .....
เพราะเต็มไปด้วย เกส์ตเฮาส์ ผุดขึ้นมารองรับ ราวดอกเห็ด....
ใกล้ๆกันคือ...ถนนข้าวสาร ที่เลื่องลือ ไปทั่วโลก จนฝรั่งยกกองมาถ่ายหนัง
ฉากแรก เรื่อง เดอะบีช ก็ที่นี่..
เป็นที่ๆ เกิดตำนานมากมีของคนเดินทาง ผ่านมาพบ มาแลกเปลี่ยนทัศนะ
ก่อนที่จะฝากกระเป๋า แล้วขึ้นเหนือล่องใต้ ออกอิสาน ตามอัธยาศัย
มีที่พักแสนถูก จะดีหรือไม่ ไม่รับประกัน เพราะยังไม่เคยลองไปใช้บริการ
แต่ที่แน่ๆ คือสินค้ามากมี ที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกภาคของประเทศนี้ และบางทีมาจากแดนไกล เพื่อซื้อขาย....เป็นของที่ระลึก..
นอกจากนี้ยังมีอาหาร นานาชาติ และอาหารไทย
ที่แสนอร่อย นำมาประดิดประดอยดัดแปลง ให้ถูกปาก ถูกลิ้นฝรั่ง
ผู้เป็นดั่งเทวดา ในยามนี้ ยามที่เราทุกคนกำลังจนกรอบ
และประเทศต้องการ เงินงามจากนักท่องเที่ยว
เดินไม่ไกล ก็ถึงบางลำภู ตลาดของคนไทย ที่เป็นดงเสื้อผ้า ข้าวของ มากมี
กลับมา......ที่คอนโด....
มีเวลาทอดทัศนา รายรอบ ..จะมองเห็น วิวทิวทัศน์ วัดวา
ยอดหลังคาโบสถ์อร่ามเรือง เลื่อมพรายพราวดั่งทองทา
โน่น พระบรมมหาราชวัง และวัดพระแก้ว ในยามค่ำ จะมลังเมลือง
พราวพร่าง งามระยับจับนัยน์ตา ราวเมืองฟ้า เมืองสวรรค์ ที่ฟ้านี้ประทานให้
หันมาอีกที..ราตรีของเจ้าพระยา จะมีไฟพริบพริบ
จากเรือลำน้อยลำใหญ่ ที่ลอยละล่อง
พานักท่องเที่ยว ทาน อาหารมื้อค่ำ ท่ามกลางแสงเทียนวับแวม เยือนแย้มงาม กับบรรยากาศของลำนำ ลำน้ำ สองฟากฝั่ง ที่ถูกความมืดดำช่วยกลบเกลื่อน รอยแผลเน่าไว้เจ้าพระยาคงเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า อยากผ่อนพัก จึงทอดตัวเงียบเหงา ในความมืด
ไม่ว่า....ในยามกลางวัน หรือ กลางคืน เสน่ห์งาม นาม... เจ้าพระยา...
ก็ยังคง ตราตรึงใจ ทั้งทั้งที่เวลานี้ เจ้าพระยาแสนเศร้าร้าวรอน กับการถูกย่ำยี
จากน้ำมือมนุษย์ ที่ไม่รัก(รักษ์) สายน้ำ แสนงามเงียบ สายนี้ ที่เฝ้าหล่อเลี้ยง
ผู้คน และพืชพรรณ มายาวนาน ราวเพื่อนยาก เพื่อนผู้รู้ใจ...
ดวง...ยังอาลัยอาวรณ์ เสน่ห์เจ้าพระยา ไม่รู้สิ้น ไม่รู้ลืม เพราะเคยชิดใกล้กันมา
ดั่งเพื่อนใจ ในโมงยามของชีวิต ยามที่ดวงต้องข้ามไปมา
แถวหน้าพระลาน แดนดินถิ่นที่มีมนต์ขลังฝังฝากใจ ให้ชาวหน้าพระลานทุกคน
ิมิลืมเลือน ความรัก ความหวัง ความสนุกสนาน และความหลังที่ต้องจำจด
บางทีต้องอาศัยเรือข้ามฟาก ที่ช้ามาก แต่ได้อารมณ์กับสายน้ำ..
ในวันนี้ ดวงได้กลับมา ทายทักพักใจ ไปอีกคราครั้งกับ เจ้าพระยา
ในคลอคลองสายตา สายใจ จึงใสเย็นด้วยซาบซึ้ง ด้วยตื้นตัน
ตรงข้ามกับคอนโด นั้น จะมีตึกโบราณ หลังหนึ่ง ราวคฤหาสน์ในฝันในจินตนาการอันงามตระการ ต้องตาต้องใจ ดวงอย่างที่สุด อดีตที่ผ่านมาคงเรืองรุ่ง มีมโหรีขับกล่อมระทึกไปกับลำนำเจ้าพระยา ในยามค่ำ ที่มีงานเฉลิมฉลอง...
ดวงหลับตาฝันว่า คงสุขนัก ถ้าได้เยือนย้อน หวนกลับไป
และคงสุขล้ำ ถ้าดวงได้เป็นหนึ่งในนั้น นุ่งผ้าซิ่นไหมกรอมเท้า
ใส่เสื้อแขนกระบอก ปล่อยผมสยายยาว ทัดด้วยดอกไม้หอม เคลียแก้ม
ยามนั้นคงมีท่าเทียบเรือ ให้นั่งผ่อนพัก ทอดตาดูเรือพาย ดูสายน้ำใสไหลเย็น
ที่คงยังชื่นฉ่ำ สะอาดงาม
และอาจจะมีพระเอกในฝันก้าวขึ้นมาจากเรือเพื่อจุมพิต.....
ลืมตาพลัน ฝันทั้งหลาย ก็แค่ฝัน ยากเป็นจริง ฝันทุกเรื่องราว มาบัดนี้
ถูกกาลเวลา กลืนหาย ให้มลายหายลับไปกับตา เหลือไว้เพียงตึกร้างราไร้ผู้คน
และกับสายน้ำ เจ้าพระยาในวันนี้ที่คงเคยเห็นความทรงจำอันหวานหอม..
มาบัดนี้ เจ้าพระยาเอง ยังครวญ คร่ำ ร่ำไห้ ขอรัก(รักษ์)..คืน
ตะวันนวลด้วยพรายแดดอ่อนอุ่น ในทิวา
รอนรอนล้าอ่อนอ่อนแสง ที่ใกล้ลาลับไปกับผืนน้ำสีทองของเจ้าพระยา..
ตะวันลา ก็คงแค่ชั่วคืน ก็คงหวนกลับ
มาทายทักปลอบประโลมเจ้าพระยาว่า
อย่าหวั่นไหว ให้กำลังใจ อย่าอ่อนแอ
อย่ารอรา ด้วยยังไม่สิ้นหวังว่า สักวันหนึ่งคงมีคนรู้รัก รู้คุณค่า
เพิ่มมากขึ้น ของลำนำลำน้ำแห่งชีวิตนี้ ที่ชื่อเจ้าพระยา......
ดวงขอฝากบทเพลงแสนดี ไว้ในใจของทุกคนด้วยนะคะ
หวังว่าจะรักกันไปไม่เสื่อมคลายดั่ง
มนต์ขลังสายน้ำแห่งเจ้าพระยา..
ที่คู่ไทย คู่ใจเรามาเนิ่นนาน และจะเป็นนิรันดร์.....
ลุ่มเจ้าพระยา เห็นสายธาราไหลล่อง
เพียงแต่มอง หัวใจให้ป่วน
น้ำไหลไป มักไม่ ไหลทวน
ชีวิตเรา ไม่มีหวน ไม่กลับทวนเหมือนกัน
เราเกิดมา ผูกใจรักกัน ดีกว่า
เพราะว่าชีวาแสนสั้น
เราอย่าได้กระเทือนหัวใจต่อกัน
ทิ้งชีวิตอันสุขใจ
อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชยชิดมั่น
จงผูกพันรักกันด้วยใจ
ขอจงเป็นเหมือนเช่นนกไพร
ที่เหินบินคู่กันไป
หัวใจ....คู่กัน
22 สิงหาคม 2546 21:59 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=556
โลกหมุนไป ใจสั่นสะเทือน
เหมันต์จากไป.....วสันตฤดู เข้ามาเยี่ยมเยือน
พร้อมกับ สายฝนพรมพรำ ในยามย่ำสนธยา
ฤดู..ยังคง ผลัดเปลี่ยน เวียนกันมาทายทักโลกนี้.....ในขณะที่....
ฤดี....ของมนุษย์ บนผืนโลก ยังคงมีสุข..มีโศก..เคียงคู่ใจ ไม่สูญหายไปไหน......
โลกหมุนไป..พาดวงใจ ให้หมุนวนตาม.........
โลกธรรมชาติ..และสิ่งแวดล้อมมากมาย ถูกทำลายให้นับวัน ยิ่งน่าเป็นห่วง....
ในขณะที่โลกแห่งจิตใจของมนุษย์ นับล้านดวงก็ถูกความเจริญครอบงำ และย่ำยี
ให้สูญเสีย ความสงบงาม ไปตามกัน
วันนี้ ฉันได้ดูรายการทีวี..
วันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลก..เตือนภัยถึงเหตุร้ายภายภาคหน้า
ถ้ามนุษย์เรา..ยังไม่หันมา ช่วยกัน ทำความเข้าใจ และรัก(รักษ์)โลก..
โลกที่เคย สงบงาม..จะกลายเป็นโลก ที่โหดร้าย ลงโทษให้ พวกเราบนผืนพสุธานี้ ได้รับผล..จากการกระทำของเรากันเอง......
ภาวะเรือนกระจก จะทำให้โลกนี้ร้อนระอุ ...
และจะเกิดปัญหามากมายตามมา อย่างไม่น่าเชื่อ....
น้ำจะท่วม..ทุกถิ่นที่ ที่เรานี้ช่วยกันตัดต้นไม้ ทำลายป่า....
จงลองหลับตาคิดดู...สิว่า ถ้าเรานี้ต้องเผชิญภาวะ
ที่หันไปทางไหน มีแต่น้ำ น้ำ และน้ำ
แล้วเราจะอยู่อย่างไรกัน มันแสนน่ากลัว มิใช่หรือ...
ในขณะที่..ทีวี..บางช่องกำลังนำเรื่องราวของ โลกแห่งความจริง
ของธรรมชาติออกมา ตีแผ่..เพื่อเตือนภัย......
.ฉัน..ก็แสนสะเทือนใจ..เมื่อคลิ้ก ไปพบกับ ข่าวจากเรื่องราว
ของเพื่อนร่วมโลก.. คนร่วมแผ่นดิน...เดียวกัน..
ที่กำลัง เสื่อมตามไปกับการเปลี่ยนแปลง
ของโลกนี้....ที่เรา มิอาจจะหยุดยั้งได้..ได้แต่เศร้า..สะเทือนใจ จนสุดทน......
มีการสัมมนา..การขายบริการทางเพศ ของนิสิต
นักศึกษา บางคน ในบางสถาบันของประเทศไทย
ภาพที่หญิงสาว ถูกปิดหน้าตา แต่ออกมาสารภาพ ว่า
ทำทุกอย่าง เพื่อเงินเพื่อนำมาเป็นค่าเล่าเรียน
เพื่อชีวิตนี้ ที่ต้องการมีวัตถุ เหมือนคนอื่นๆ
ที่ยอมรับนับถือว่า เงิน คือพระเจ้า
ที่สามารถเนรมิตให้คนในสังคมยอมรับนับถือ....
ช่างน่าเศร้า เสียเหลือเกิน ในใจของฉันนี้
ที่เกิดมา เป็นลูกผู้หญิง เช่นเดียวกันกับเธอคนนั้น....
ภาพถ่ายทอด ให้เห็นถึง...โลกกลางคืน ที่ฉันไม่ค่อยได้ไปสัมผัส....
ทำให้ฉัน..ตระหนักว่า มีมนุษย์บับล้านๆคน
บนโลกเรานี้ ต่างมีมุมมืด... มีมุมที่..
อาจพาให้ก้าวหลงผิดไป ด้วยอ่อนวัย
อ่อนต่อประสบการณ์ ที่ตามโลกไม่ทัน...
ในมุมมืดนั้น..อาจจะมีทั้งสิ่งบันเทิงใจ
และสิ่งชั่วร้าย หลบซ่อนแอบแฝงอยู่
เพื่อรอเวลา ตะครุบเหยื่อ ผู้ที่หลงแสงสี ยามที่ขาดสติ ...
ทันที ที่มีจังหวะ....
เหมือน..ซาตาน ที่ออกล่าหาสมุน ยามราตรี
ที่มีความมืดดำอำพราง อำยวนใจนี้ให้มืดบอด
ซาตาน..... ในร่าง ของชายหนุ่ม หรือหญิงสาว รูปงาม
ที่ใช้ เกมโลกีย์ มาโหมไฟในร่าง
ให้เร่าร้อน อยากทดลอง ....
โดยหารู้ไม่ว่า เหมือนแมลงเม่า บินเข้ากองไฟ..ถ้าใช้ไฟนี้ผิดทาง
มนุษย์ ทุกผู้เกิดมา เพื่อแสวงหาความสุข
แต่ลองคิดดู ถ้าสุขนั้น ตั้งอยู่บนความไม่จีรัง
ดังสุขชั่วคืน ดังสุขหลอกหลอน...ซ่อนเงื่อน..
ไม่สวยใส บริสุทธิ์ ไม่ถูกทำนองคลองธรรม
แล้วไฉน ใจเรา ยังจะเรียกร้องต้องการอีกละหรือ.....
เหมือนมาลี มีค่า...นานาพรรณดวงดอกไม้
ไม่ว่าจะเป็นดอกฟ้า หรือ ดอกหญ้าริมทาง น่าจะเลือกบานไสว
ประดับใจ ประดับท้องทุ่ง กับตะวันอ่อนอุ่นและผีเสื้อผู้รู้ค่า
ถนอมงาม อย่างจริงใจ.....
ให้หอมนั้น...เป็นนิรันดร์ ไปกับ โลกนี้ที่ แสนสงบสุขเรียบง่าย... ไร้มายา....
ดีกว่า..เป็นเช่นดอกไม้ พลาสติก
ที่ไร้คุณค่า หาความหอมงามไม่พบเจอ.....
เหมือนดอกไม้ ที่แม่..พ่อ อุตส่าห์ทะนุถนอม
พรวนดิน ให้บานงาม..แต่ไม่ทันได้ขจรกลิ่น
ก็ถูก ชายไม่รู้ค่า เชยชม เด็ดดม ขยำขยี้ แล้วเหยียบ
ให้รานยับ แหลกไปกับฝ่าเท้า
ให้เน่าคาถนนโลกีย์ ที่แสนเปรอะเปื้อน และน่ากลัวด้วยเชื้อโรคร้าย
เขียนมาในวันนี้ อยากจะบอกว่า ค่านิยม
และสังคมที่คิดว่า... เงิน คือทุกสิ่ง นั้นควรแก้ไข
ถ้า..เงิน ที่ได้มานั้น ด้วยวิธีการ
ที่ไม่สุจริต หรือต้องแลกมาด้วยการขายศักดิ์ศรี
เงิน เหล่านั้น มันจะมารัดคอ
ให้คุณหายใจ ด้วยความกลัว ความปวดร้าวใจ
ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ว่าผลกรรมนั้นมันจะตามทัน...มาหลอกหลอน.....
ไม่ว่า...ผู้ค้ายาบ้าหรือยาเสพติด ที่ต้องคอยหนี ทั้งเงื้อมมือมัจจุราชและจากผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
ที่จะตามล่า พาไปสู่ ตะแลงแกรง ...
เพื่อพิพากษา น่าสยองมั้ยเล่า......
แล้วต่อให้นอนอยู่ในคฤหาสน์ บนฟูกหนา
ก็หานอนหลับด้วยใจเป็นสุขไม่....
สำหรับลูกผู้หญิง..ทุกคนที่กำลัง....ยอมขายร่าง เพื่อแลกมา เพราะคำว่า....
อยากมีวัตถุ เหมือนอย่างเขา
อยากบอกว่าแม้ไม่มีใครรู้ถึงที่มา แต่นรกอยู่ในใจเรา
ทุกคราครั้ง ที่ทอดร่าง จิตวิญญาณและศักดิ์ศรีของเรา..
จะค่อยๆมอดมลายหายลับไป
ทีละน้อย ทีละน้อย
สิ่ง ซึ่งเงินมากค่าเท่าใด ก็มิอาจซื้อหามาชดเชยได้ในวันหนึ่ง
เพราะสิ่งเหล่านี้ มิมีวันจะลบเลือนไปดังสายลม
มันจะตามติดมาหลอกหลอน ให้ใจเรานี้หมองเศร้า
เสียใจไม่จบสิ้นจนกว่าจะชีวาจะลาลับ...ผืนดินกลบหน้า......
วิกฤตของชาติไทย ในวันนี้ และเพราะความยากจน ไร้การศึกษา
ทำให้ ลูกผู้หญิงหลายๆคนต้องตัดสินใจเลือก ทางเดินที่คิดว่าสวยงาม ง่ายๆ
หารู้ไม่ว่า มีพิษภัยมากมีรอท่าทำร้ายอยู่..ทั้งกาย..ใจ...ในวันหนึ่งถ้าหลงทาง
อยากปลอบประโลมใจทุกคนว่า แม้เราต้องเผชิญปัญหา ต้องตัดสินขาย
ทรัพย์สินบรรดามี เพื่อความอยู่รอด...
แต่..อยากให้จำไว้ ว่า..ชาติไทยเราเคยพบวันวิกฤต มาแต่อดีตก่อนเก่า
ที่เราพร้อมจะสู้จนยิบตา ไม่ยอมแพ้พ่าย แม้จะเกิดมาเป็นเพียงหญิง
จนเกิดมีวีรสตรี.....ไทย.....นับไม่ถ้วน....
แม้ในวันนี้ เรามิใช่วีรสตรี ผู้เลิศล้ำเหล่านั้น...
แต่เรา ก็เกิดมา มีศักดิ์ศรี
ที่จะเป็น ลูก ....เป็นเมีย....เป็นแม่....แบบครอบครัวไทย....
ที่ใช้..สองมือ และดวงใจแม่นี้ เห่กล่อม ประคับประคอง
ให้ดวงใจคนดีที่เป็นดั่งสายใจสายใยรักของเรา...
ได้เติบโต....เรียนรู้รักในโลกนี้ที่ไม่มีวันจะแห้งแล้ง
เหือดหายไปกับกาลเวลา......
เรา..ผู้หญิง..จะเร่ขาย..กายใจ ไปไยเล่า เ
มื่อใจเรานี้หนาแสนสำคัญ เป็นดังผู้จรรโลงรัก จรรโลงโลก
จรรโลงสถาบันครอบครัว ให้โลกนี้แสนงามได้
จนตราบนานนิรันดร์ ......อนันตกาลไม่รู้จบสิ้น
เลือก...ทางเดินใหม่ได้..จงเป็นหญิงสาว สมถะ
ที่บากบั่น ฟันฝ่า แม้จะพบพายุร้ายแห่งชีวี ที่โหมแรงกระหน่ำ.......
แม้..ปากจะไร้ลิปสติก ไร้เสื้อผ้าแพรพรรณหรู
ดูงามคลุมร่างไว้ มือที่ไร้แหวนเพชรประดับแสนหยาบกร้าน...
.แต่เรายังมีใจดวงงาม ที่ใสเย็นฉ่ำ ไว้มองดูโลกสวย....
มีสองมือนี้ ที่ดูครั้งใดแสนจะภาคภูมิใจ และยังมีความฝันเหลืออยู่.......
ที่จะใช้สมอง...สองมือนี้ สร้างสรรสิ่งดีงาม ให้โลกรับรู้ว่า....
เราเกิดมา....เป็นลูกผู้หญิง...
มิใช่แค่ดอกไม้ ประดับให้โลกสวยสดเพียงนั้น หรือเพียงสนองตัณหา
มนุษย์ที่ใช้เรารองรับแค่อารมณ์....มืดบอดแค่ชั่วคืน.....
แต่เราหวังเกิดมา......
เพื่อเป็นเพื่อนคู่ทุกข์ คู่ยากฝังฝากใจ
เคียงข้างไปกับใครสักคนที่รู้ค่าของความเป็นมนุษย์...
เพื่อสร้างฝัน สร้างสรรสิ่งดีงาม
สร้างสถาบันครอบครัว ให้แข็งแรงมั่นคง.....
ให้โลกนี้ มีแต่ความงดงาม บริสุทธิ์ใส
เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ความอบอุ่น เป็นสุข...
เป็นเบ้าหลอม ให้ สายเลือด สายใจ สายใยรักของเรา ที่ร่วมกันถักทอ....
ได้รู้จักคำว่า..ความดีที่คงทน ไม่เหยียบย่ำ ทำลายศักดิ์ศรีเพศแม่ ผู้มีแต่..
ให้รักจรรโลงโลก ..มานานแสนนาน......นะคนดี
22 สิงหาคม 2546 21:20 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=99
โลกสีน้ำเงินไม่งามยามสิ้นไร้รัก.....
.............
บางครั้ง บางคราว ยามที่ใจเราหมองเศร้า เสียใจ
เราจะมองโลกนี้ เป็น....สีน้ำเงิน..
ทุกสิ่งรอบข้างที่สว่างไสว สวยงาม พลันดูราวหมองหม่น...มืดมิด.....
พระจันทร์ สีทอง สวยงาม สว่างไสว
เหตุใด เรายังมองเห็น เป็นสีน้ำเงิน หม่นมัว...
ไปด้วย ก็แปลกดี ....ทุกสิ่งนี้ จึงสำคัญที่ใจ...เรา....ใช่อื่นเลย!
บางคนกล่าวว่า.....อย่าใช้ใจ มากกว่าสมอง
ในการมอง และตรองทุกสิ่ง...
โดยเฉพาะ เรื่องของความรัก...
ที่พอเรารักใคร มากมาย....
แล้วใจและตาจะพากันสามัคคี มืดบอด
ให้ตัดสินใจเข้าเข้าตัวเอง ไม่ยำเกรงสิ่งใด
ในพสุธานี้.....ขอให้มีแค่กันและกัน..
แพมเคยมองโลกนี้ เป็นสีน้ำเงิน มาหลายครั้ง หลายหน
แต่ยังโชคดีที่ยังไม่มองว่า มืดมิดเป็นสีดำ ......
สีน้ำเงิน....สีของชาติ แสดงถึงความเป็นปึกแผ่น หนักแน่น มั่นคง...
สีเคร่งขรึม บ่งถึงความสูงส่ง สูงศักดิ์ ดั่งคำว่า เลือดสีน้ำเงิน
เป็นเลือดขัตติยา ของคนดี ที่ยอมหลั่งรินรด หยดให้แผ่นดิน เพื่อเทิดทูน
อย่างผู้มีเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ที่มีความพิเศษ กว่าคนธรรมดา.....
สีน้ำเงิน สีนี้ ที่ผู้ชายมักชอบ เพราะคงเป็นสีที่แสดง ความเข้มแข็ง อดทน
ไม่หวานไหว แบบสาวๆที่ชอบ สีชมพู ฟ้า พาใจเบิกบาน
โลกและชีวิตนี้ ในบางครั้ง เปรียบได้ดัง เฉกเช่นสี....
ยามโลกสวย...ยามมีรัก มักมองโลกเป็นสีรุ้ง เลื่อมพราย
สดใส คละเคล้า ให้สดชื่น มีชีวิตชีวาน่าตื่นเต้น
มองทุกอย่างดูดีเป็นสีชมพู สวยใส พาใจแสนสุข.....
ยามโลกเศร้า.....ราวแบกทุกข์ไว้บนบ่า ใจอ่อนล้า ราโรยแรง...
โลกก็แห้งแล้ง ดังสีดำ สีน้ำตาล สีน้ำเงิน จนใจเกินจะทนรับไหว
แต่ไม่ว่า....โลกใบนี้ จะเปลี่ยนเป็นสีเช่นไร.....
ในใจ ในความคิด ในความรู้สึกเรา ก็ยังมีโลกนี้ ที่มี สีเป็นกลาง..
ที่เป็นโลก แห่งสีธรรมชาติ ธรรมดา โลกแห่งความจริง....
ที่จะสอนใจเรา ให้ยอมรับ สัจจธรรม....
ว่าโลกนี้หนา ขึ้นอยู่กับใจที่ใสเย็น จะมองให้เห็นเป็นธรรมดา
ถ้าใจเรายอมรับ ความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของชีวิต...
ที่ทุกสิ่ง ทุกเรื่องราว ผ่านมาแล้วจะผ่านไป........
เอาอะไรมายึดมั่น ถือมั่นมิได้เลย
มันคงมีทั้งสุข..ทั้งทุกข์ คลุกเคล้ากันไป ให้มีรสชาติ....
ยามใดที่ใจเรา...หมองเศร้า ไม่สมหวังดั่งใจ......
จงคิดดี...คิดว่าโลกนี้
ยังมีสีอื่นๆตามมาให้เรา สัมผัสแลให้เป็นเห็นงาม
ท้องฟ้ายังเปลี่ยนสี ถ้าเราเป็นคนดี คิดดี ทำดี
มีหรือสักวัน ฟ้าจะไม่มอบสีแสนหวาน
ปลอบขวัญ เป็นกำลังใจ ให้เราแลเห็นงาม....
อยากเขียนเรื่องนี้ เพียงเพื่อบอกว่า
อย่า....หวั่นไหว ไปกับ แสงสี ที่วันนี้ พรุ่งนี้ ก็ไม่มีอะไรคงที่แน่นอน
ไม่.....หลงยึดมั้น... ถือมั่น หัดทำใจ ปล่อยวาง
ให้ใจดวงดีที่แสนงาม สว่าง สะอาด สงบ พบทางข้างหน้า
สีขาว สวยใส ให้กายใจเราได้สัมผัส และก้าวเดิน.......
โลก และคืนฝัน วันเวลา เป็น อมตะ...
เราต่างหาก ที่จะก้าวเข้ามา ทายทัก พักใจ
ให้วันเวลาและโลกสอนใจเรานี้ ให้มี
บทเรียน ให้ลืมตามองโลกนี้
ที่เปลี่ยนสีทุกโมงยาม แล้วจะเห็นงาม เรียบง่าย
แม้ในยามที่....โลกนี้ เปลี่ยนเป็น.....สีน้ำเงิน........
22 สิงหาคม 2546 16:20 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=101
ยามตะวันลา รอนรอน อ่อนอ่อนแสงอัสดง..
จะมีร่าง ราวนางไม้นางไพร เดินเดียวดาย เดียวดาย..
สยายผม แต่มิได้ห่มสไบ..
เดินเดินไป ใจดายเดียว ใจเดียวดาย
แต่! เธอ คงมิใช่นางไม้ นางไพร.. เพราะเธอสวมรองเท้าผ้าใบนักกีฬา..
ขาแข็งแรงราวนางกวางป่า นางกวางไพร...
กระโปรงสั้นพลิ้วไหว ไม่สนใคร ไม่สนใจ ใครหันมอง ใครหันมา..
เสื้อยืดสีขาวโปโลธรรมดา ธรรมดา หน้านวลนวล ยองใยยองใย
เธอคือนางใจ..ของใคร ..ของใจ..
ไม่มี..ไม่มี..คงไม่มี เพราะใจเธอคนดี มิวิญญานอิสระ วิญญานไพร..วิญญานไพร
ไร้พันธะ พันธนาการใจ..ไม่มีหัวใจ. ไม่มีไม่มี.
นางไพร นางไพร ...ถอดใจ ถอดใจ วางไว้ วางไว้
กลางสายธรรม กลางสายธาร หวานหวานระรินแห่งชีวินแห่งชีวี
ให้ไหลล่องเลาะเลียบไปสู่พงไพรพงไพร ในเวิ้งใจ ในเวิ้งฝันอนันตกาล..
หวานหวานหวาน.ไม่รู้จบ ว่างไม่รู้สิ้น เลิกถวิลหาใคร หาใคร...
ร่าง เพียงร่าง..ห่างเหนือรัก รู้หักอกรู้หักใจ...
คนและใคร..ใจและคน ที่หมุนวนที่หมุนไป ที่หมุนไว...
ดำรงร่าง สร้างดวงใจ เพื่อสิ่งใดเพียงดวงใจ
ใครเล่าใคร..รักนางไพรปานดวงใจปานดวงตา...
เดิน เดินไป...ในโลกใจ ในโลกไพร ในฝันไพร..
ฝันฝันไกล ไปให้ถึง..ไปให้ซึ้งถึงฝั่งใจ..
ไม่เปลี่ยวเหงา ไม่เปลี่ยวใจ ไม่เดียวดาย ไม่เดียวดาย ..
คล้ายทางใจเส้นสีขาวทอดยาวไกล..ทอดสายใจ ในสงบงาม แสนว่างเปล่า..
ที่พอใจ ที่พอดี ที่พอเพียง
นางไพร..ท่องท่องไป เดิน เดิน .เดิน......
อ้าว? เด็กน้อย ตัวดำดำ ไยระกำ ไยหงอยเหงา เอาตังค์ไป
เจ้าหิวไง..ใจให้ใจ..ใจซึ้งใจ!
เดิน เดินไป นั่น..คนงาน..เจ้าทำอะไร ดงดอกโสนเรา (คิดในใจ)
จิ้มน้ำพริกยังชีพไง ..ไม่สวยใสอย่างนางมอง..อย่าข้องใจ
อีกด้านไงในโลกครึ่งใบ บิดเบี้ยวนี้ ที่ทำใจ ที่เข้าใจ..
เดิน เดินไป แวะพักใจ....
กระท่อมไพร หลังคาจาก ฝนหล่นพราก หยดตึ๊ง... ตึ๊ง... หยดกลางใจ..
อ้าว? (อีกแล้ว) จุดไฟ จุดทำไม จุดทำไม..ไหม้กระท่อมนอนที่ไหน
ลูกอยู่ไย..ไม่ช่วยดับไฟนะ!
ไม่..ไม่..เจ้าของตอบ แค่ชอบชอบไล่ยุงไง ไล่ยุงดี..
และอีกที คิดถึงบ้าน หอมกองฟาง หอมควันไฟ..หอมกลางใจ หอมกลางเมือง
นางนางไพร เดิน เดินไป เดียวดาย เดียวดาย ไร้หัวใจ ทอดถอนใจ
มองฟ้าไกล มองฟ้าไกล ส่งดวงใจ ส่งสายไย ฝากเมฆไป ฝากนกไพร
สู่ไพรกว้าง..สู่สายธาร หวานดอกไม้ ที่รักรอ.ที่พ้อพ้อที่เพ้อครวญ..
21 สิงหาคม 2546 23:16 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=336
เมื่อโลกนี้ไม่มีหญิงช่างฝัน
แค่เงียบงันชั่วครู่ใช่สิ้นหวาน
ฟ้าสีโศกโลกยังสวยดอกไม้บาน
จันทร์ดวงหวานยังผ่านมาในธาตรี..
เสน่หาสวาทหวังยังคงอยู่
โลกหมุนคู่สุขเศร้าเคล้าใจนี้
ดาวยังงามยามเยือนแย้มแต้มราตรี
ปลอบชีวีมีคืนฝันวันฝากใจ
ทะเลยังคงครวญคร่ำมิหลับไหล
ให้ฝันไกลไปสู่ฝันอย่าหวั่นไหว
คลื่นคลอทรายยังร่ายมนต์เรียกดวงใจ
มะพร้าวไกวยังไหวกิ่งทิ้งร้าวราน
ลำธารใสในราวป่าระรินอยู่
นกคลอคู่ยังกู่ก้องร้องเพลงหวาน
พะยอมไพรไหวกิ่งกราวพราวสู่ธาร
รุ้งพาดผ่านยังหวานหวังกำลังใจ
เมื่อโลกนี้ไม่มีหญิงช่างฝัน
ยามมองจันทร์แจ่มกระจ่างสว่างไสว
คิดถึงฉันวันไหนเศร้านะดวงใจ
พร้อมเคียงใจ..ส่องนำทาง ห่างมืดมน..