25 ธันวาคม 2546 11:26 น.
พุด
ในราตรีนี้
ไพล..ออกไปยืนตรงระเบียงบนมองฟ้ากว้าง..
ยามอุษาสาง..ฟ้าใกล้สว่างรำไรๆ
ที่ฟ้าหนาวดูเศร้าสร้อยเทาทะมึน
มองฟ้าไกลออกไป..
เป็นฟ้าไสวที่ถูกกระจายด้วยสีหม่นมัว สลัว สลัว
จนพาให้ฟ้าเศร้าไปอีกแบบหนึ่ง....
วูบหนึ่ง..ของสายลมเย็นที่พัดผ่านมา
ทำให้รู้ว่าลมหนาวแห่งฤดูกาล
ที่มาเยี่ยมเยือนทายทัก...
เป็นลมจากฟากฟ้าไกล ที่ไหนสักแห่ง
ที่นำความชุ่มเย็น มามอบให้โลกนี้
และทุกดวงใจที่กำลังเร่าร้อน ได้เยือกเย็นลง..แม้ชั่วยาม........
หยาดน้ำค้าง..โปรยสายระรินพร่างกลางใบไม้..อย่างแผ่วเบา
พลิ้วๆ พรายๆคล้ายหยาดละอองผ่องใส..
ให้ใจและกายได้เย็นชื่น..รื่นๆฉ่ำๆและ
พาให้ใจไพลคิดถึง..เหมันต์
ในคืนฝันวันที่ผ่านมา....
วันที่ฟ้างามเป็นใจ..ยามได้ผิงไฟอุ่นริมหาดกว้าง..
และด้วยฝันสล้างกลางใจ..ไพลกลับกระโดดลงไปลอยคอในน้ำทะเล
ที่อุ่นแสนอุ่นราวอ่างจากุชชี่ก็ไม่ปาน
รอฟองคลื่นหวานซัดสาดประเล้าประโลมร่างและใจ..
ให้ปลดปล่อยพันธนาการทางใจราวนกเสรี..
และ
นี่คือเสน่หา..ยามราตรี หากมีใครสักคนลองสัมผัส
กับแดนดินแห่งความฝัน มนต์รักทะเลใต้เกาะเมืองร้อน
ที่ซ่อนซุกสุขซึ้งให้ลองไปค้นหาทุกดวงตาทุกดวงใจ
ที่หลงใหลรักธรรมชาติ..
ในท่ามกลางอ้อมกอดแห่งท้องทะเล ไพลรู้สึกดี
ที่ได้ปล่อยให้ร่างกายได้สัมผัสรัดรึงด้วยงามล้ำธรรมชาติ
ท่ามกลางฟ้ากว้าง
ที่ดาระดาดด้วยดวงดาวสุกใสพริบพราว....ใกล้แค่เอื้อมมือคว้า
กับดวงจันทราที่หยาดสายหวาน
ราวม่านมนตราพาพรายพร่างอาบทะเลเงินงามระยิบ
คิดถึงวัยฝันวันอันแสนดี ที่ฝังลึกติดตรึงใจมาช้านาน
ที่มันอาจจะหายไปบ้างกับวิถีคนเมืองมากมี
ที่อยู่ใต้ผืนฟ้านี้ แต่กลับกลัวน้ำ.....
ผิดกับเราที่เห็นคืบก็ทะเลสอกก็ทะเล ให้เหว่ว้าใจยามไกลตา
**********
***********
หยาดเพชรพราวราวร่วงดวงตาเศร้า
คลอแก้มวาววะวับรับรอยหมอง
ฟ้าหลังฝนวนกลับรับรุ้งคอยแหงนมอง
แสงระวีส่องลบรอยร้าวบนแก้มสาวราวรุ้งเยือน
**************
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=417
เพียงแค่นี้
เพียง แค่นี้ ยังผิดวาจา
ต่อไป ถึงวัน ข้างหน้า
จะรัก ตลอด อย่างไร
จะฝาก ใจฝัง
ก็ยัง กริ่งเกรง หัวใจ
ผูกพัน รักกัน ใหม่ใหม่
แต่ หัวใจ เธอไม่ มั่นคง
เพียง แค่นี้ ยังหลอก ตัวเอง
ต่อไป ฉันเกรง จะหลอก
ความรัก ไม่ซื่อ ไม่ตรง
ไม่อยาก จะคิด สะกิด ใจคอย พะวง
แค่นี้ เขาทำ ได้ลง
อย่า พะวง ว่า จะกลับคืน
ลืม ฉัน เสียเถิด ที่รัก
ว่าเรา ไม่เคย รู้จัก
สัก-วันหนึ่ง คงคลาย ขมขื่น
ฉันเจ็บ และจำ
จะทำ เฝ้ากล้ำ เฝ้ากลืน
แค่นี้ ก็พอ จะฝืน
อัน รักอื่น มิ ปรารถนา
เพียง แค่นี้ ยังบาด อารมณ์
เจ็บจำ ช้ำใจ เหลือข่ม
จนตรม ตาย จาก อุรา
ห่างกัน เพียงไหน
ยิ่งไกล จะโม-ทนา
แค่นี้ ช้ำ ไป จนกว่า
สิ้น ชีวา นั่นแหละ คงลืม
ลืม ฉัน เสียเถิด ที่รัก
ว่าเรา ไม่เคย รู้จัก
สัก-วันหนึ่ง คงคลาย ขมขื่น
ฉันเจ็บ และจำ
จะทำ เฝ้ากล้ำเฝ้ากลืน
แค่นี้ ก็พอ จะฝืน
อัน รักอื่น มิ ปรารถนา
เพียง แค่นี้ ยังบาด อารมณ์
เจ็บจำ ช้ำใจ เหลือข่ม
จนตรม ตาย จาก อุรา
ห่างกัน เพียงไหน
ยิ่งไกล จะโม-ทนา
แค่นี้ ช้ำ ไป จนกว่า
สิ้น ชีวา นั่นแหละ คงลืม...
24 ธันวาคม 2546 16:58 น.
พุด
คืนปีใหม่..กับใจดวงเดิม..ดายเดียว
เรามีปาร์ตี้เล็กๆ....ณ..บ้านริมทะเล ชะอำ....
อาหารเพียบ..จัดบนเรือ...
มีแสงเทียน วับแวม พราวพราย รายรอบเรือลำน้อย
ที่ลอยลำอยู่บนบก..แทนทะเลงาม..ยามค่ำคืน........
คลอเคล้า..โลมเล้าดวงใจ..
ด้วยเสียงเพลงปีใหม่...หวานแว่ว...
สอดแทรกใจ...กังวาน.....
เสกสร้างฝัน ..ให้ชีวิตดำเนินต่อ...
ไม่ท้อแท้และสิ้นหวัง
เติมไฟฝันและพลังแห่งชีวีเรานี้ที่ได้เกิดมา
ปีใหม่มีเพื่อ..ให้เรานับต่อ..หรือ..ไม่รีรอเริ่มนับใหม่.
แล้วแต่ใจจะคิด จะฝันใฝ่ให้เป็นไป....
ฟ้ากว้าง....ดาวระยิบ..สุกสกาวพราวใส..ใกล้จนดูแค่เอื้อม........
แสงดาวล้อพราวกับแสงเทียน จากกิ่งไม้..ปลายกิ่งไหว
ที่แขวนให้พริบพราว ..ราวอยากร่วงหล่น..สัมผัสดิน.....
กางเต้นท์ นอนนับดาว...และ...count down.....พร้อมน้ำค้างเย็นเยียบ........
ในคืนค่ำ..ที่จันทร์รูปเคียวเกี่ยวกิ่งฟ้า......คู่ใจหนาวให้นุ่มนวล......
ลบดายเดียว..ชิดใจดวงงาม........
มีของฝาก.....ของขวัญ..มากับปีที่เรียกว่าใหม่..
เล็กๆน้อยน้อย..จากใครบางคน
ที่ซึ้งใจเข้าใจจิตวิญญาณหวานหวามไหวละไมละมุนดวงนี้
ที่มอบปากกา..
เขียนเรื่องให้ลื่นไหลตามใจฝัน.....จากร้าน Loft..
วาทะ..แด่นักอยากจะเขียน....ผู้ยิ่งใหญ่.....
ให้ยืนยงคงกระพันสานความฝัน..
ให้ผ่ายผอมเพราะอดตาหลับ ขับตานอน
มาเสกสรรปั้นแต่งด้วยใจรักภักดีต่อแฟนแฟน.......
เรียกน้ำตาล้นตา..ล้นใจดวงนี้........
ยังมีของขวัญจากสาวน้อย..อีกคน..เอลิสัน.....นักอนุรักษ์ปลาโลมา..
ที่ส่งไกลมาจาก..ฮาวาย. พร้อมภาพเจ้าตัวยิ้มบานแฉ่ง..
แข่งกับโลมาแสนรักขนาบซ้ายขวา....พาใจสดใส........
เป็นกาแฟพันธุ์ดีหลายถุงหลายพันธุ์...
ที่ไพลชงทีไรจะหอมตรลบไปทั้งครัว....
เมื่อต้องการ ให้งานเขียนมีรสชาติ..ละมุนใจ..ละไมลิ้นคนเขียน
ที่ชอบนำมาแกล้มยามง่วงนอนในตอนดึกดื่น....
เอลิสัน..เป็นสาวน้อยแสนดีที่คิดเป็นยิ่งนัก.
.ช่วงเวลาที่มาพักกับไพลทำให้ได้เรียนรู้ว่า.....
สาวน้อยอเมริกันคนนี้นั้น....มีคุณค่าต่อโลกนี้ยิ่งนัก.....
พอๆกับจอร์จ..เพื่อนรักของเธอที่เป็น... นักอนุรักษ์ป่า......
และกำลังหลงไหลเอเชียเมื่อได้มาสัมผัสเป็นเดือน........
ของขวัญอีกชิ้น..มากล้นน้ำใจ...เป็นน้ำหอม..
ที่เพื่อนรักคู่ใจขับรถนำมาให้ถึงบ้าน เพื่อให้กายหอม..พอๆกับใจ
ที่พยายามฝึกร่ำให้หอมด้วยคุณงามความดีต่อทุกผู้ที่พอจะทำได้.....
ด้วยใจดวงที่ไม่ท้อแท้แม้เพียงเล็กน้อย.....
เพื่อให้ใจหอมนานชั่วชีวิตหนึ่งนี้ที่แสนสั้นนัก....
ไหนจะของขวัญ...ที่แสนเหม็น...กะปิระนองอย่างดี..
ที่เพื่อนรักจากใต้....นำมามอบให้.... ที่หัวหินเป็นของฝากมัดจำใจ.....
ว่าเรา.จะต้องเนรมิตรวิมานดิน..... ให้เธอริมบ่อปลา..
ที่ไพลจินตนาการไปถึงทะเลสาบสีเงินสายงามของลอร่า.
ในหนังสือชุดบ้านเล็ก ในป่าใหญ่.....
ส่วนของเธอคงจะสร้างที่ท่าศาลา..
รอรักพักใจให้สงบงาม....ตามใจฝัน.ในไม่ช้านาน .........
คงไม่กล่าวถึงของขวัญ....อีกแล้ว.......
ที่นำมาเล่าเพียงเพื่อ..จะบอกว่า...
ของขวัญใดใด....ก็คงไม่เท่าใจที่ชื่นฉ่ำ....
เท่าได้อยู่กันชิดใกล้กับผู้เป็นที่รัก...มีกันและกัน.......
ในคืนฝันวันอันแสนดี......
ที่ดวงใจทุกดวงอาจฉลองปีใหม่กับใครสักคนสองต่อสอง
อาจจะเป็นริมทาง ...หรือ..
กลางภัตตาคารหรู ท่ามกลางแสงเทียนอันริบหรี่
สบตากันด้วยความดื่มด่ำกำซาบซึ้งถึงล้ำลึกแห่งบึ้งดวงใจ
ในรักนี้ที่หนีไม่พ้นและช่างแสนงดงามหวามไหวในรู้สึก..
ขอแสดงความยินดีกับ
ผู้คนนับล้านนับแสนที่โชคดีมีรักสดชื่นสมหวัง
ให้มีพลังใจ สร้างสรรสิ่งดี เพื่อตัวตนนี้และสังคมโลกมนุษย์เรา
คงไม่มีที่ไหนและสิ่งใดจะสุขใจเท่า.....พลังแห่งรักนี้
ที่มวลมนุษย์พากันดิ้นรนแสวงหา
นำมาสร้างพลังใจเพื่อต่อสายใจสายใยรัก
ให้โลกจักดำรงอยู่ด้วยพลังรักอันยิ่งใหญ่
เกินอานุภาพใดในจักรวาล
และขอกระซิบถึงดวงใจทุกดวงให้บอกกับตัวเองว่า.....
*คนเรานั้นสำคัญที่ใจ*
โลกนี้....มีความสุขรายล้อมรอบตัวเราทุกอณู....
ถ้าเพียงแต่เรารู้ทำใจ..ไม่ยอมพ่าย
ไม่ให้ชะตากรรมมากำกับ
จักผงาดยืนหยัดทายท้า..
แม้นดวงใจจะทุกข์ตรมขมขื่นสักเพียงใด
กับบางสิ่งที่เราฝืนชะตาฟ้าดินไม่พ้น
เราก็จะเพียรลบลืมและให้กมลละมัยของเรา
ให้อภัย...และกรุณา.....
คอยเป็นความหวัง....กำลังใจ.....
ให้ศรัทธารักจักธำรงอยู่...
แด่ทุกดวงใจเพื่อนร่วมโลก..
ให้ปีใหม่หรือเก่าของเรา..
หมดโศกพบแต่โชคแสนดีพอกันตราบชั่วนิจนิรันดร์.....
**********
เรื่องรักรจนาในปีที่ผ่านมา..
พลีมอบพรพิเศษพิสุทธิ์จากจิตวิญญาณพุดพัดชา
ที่เหลือเพียงโลกฝันโลกรจนางามพิลาสพิไลค่ะ
แด่ทุกดวงใจเพื่อนพ้องน้องพี่ในร่มรักเรือนไทยนะคะ
ขอให้พบคืนฝันวันแสนดีตลอดปีตลอดไปค่ะ
ด้วยรักรักรัก..ล้นใจ..
21 ธันวาคม 2546 10:16 น.
พุด
โลกนี้มีมนุษย์นับพันล้านคน
ลองคิดดูสิว่า จะมากเรื่องมากราว
ล้านเศร้า ล้านสุข สักเพียงไหน
บนผืนโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลของเรานี้
จากปัญหาส่วนตัว กลายเป็นปัญหาส่วนรวม
เป็นปัญหาสังคม ที่บางที
ก็ยังพอแก้ไขได้บ้าง และ บ้าง
ก็ยังคงคุ กรุ่น รอเวลาระเบิด บ้างก็ระเบิดไปแล้ว
กลายเป็น...
สงครามโลก สองครั้งสองครา
พาให้ผู้คนตายเป็นเบือ และพาให้ได้ บทเรียน
สอนใจมนุษย์ ทั้งหลายที่ยังหายใจอยู่
และยังคงอยู่..คงมี..ความกลัวกับความไม่แน่นอน
ต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด คู่โลกนี้ คู่ใจเรา
เหตุใดไหนเล่า
โลกนี้ถึงต้องมีทั้ง คนดี คนชั่ว ราวขาวกับดำ
เพราะโลกคงอยู่ไม่ได้
ถ้ามีแต่เพียงความโหดร้าย คอยแต่ห้ำหั่น
ทำลายกันเอง และทำร้ายโลกให้ย่อยยับโดยทางอ้อม
จริงๆแล้วระหว่าง
ขาวกับดำ ของผู้คนบนผืนโลก
ซึ่งเปรียบได้ดังคนดี คนชั่วร้าย
ยัง..อาจจะมี..โลกของความเป็นกลาง
คนที่เป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาๆ
ที่อาจจะทำผิดพลาดได้
แต่พยายามแก้ไข เปลี่ยนแนวทาง
เริ่มต้นชีวิตเสียใหม่ ก่อนจะสายเกิน
และยังอาจจะมีโลกเหลื่อมซ้อนกันมากมาย.....
โลกของความคิดที่แปลกออกไป
แต่ยังไงๆก็คือ โลกสองฝ่าย
โลกของการสร้างสรรค์ ...
กับโลกของการทำลายล้าง
เขียนเรื่องนี้
เพื่ออยากบอกว่า เรานั้น
ในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง
ที่ยังมีสิทธิ มีเสรีภาพ
และ
ชีวิตบางคนนั้นยังอ่อนเยาว์
แค่เพิ่งเริ่มต้นกับโลกกับชีวิต
เราก็น่าจะมีสิทธิ์
ที่จะเลือกคิด เลือกเดิน เลือกตัดสินใจ
ว่าเราจะอยู่กับโลกฝ่ายไหนดี
ถ้าเรานี้มีปัญญา
และใช้บทเรียนของมนุษย์นับล้าน
ที่เคยผ่านพบปัญหามาก่อนหน้าเรา
มาทบทวน ไตร่ตรอง เราย่อมจะไม่หลงทาง
เลือกเดินไปในโลก ในเส้นทาง ที่ผิดพลาด
ด้วยการเรียนรู้ที่จะ ฉลาดเลือก
และหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะมายั่วยุ ให้วัยเยาว์ของเรา
ที่อาจจะยังเขลายังด้อยประสบการณ์ ได้นำมาพินิจ พิจารณา
เพื่อค้นหา แต่สิ่งดีๆให้กับชีวิตนี้ที่แสนสั้นนัก
โลกคอมพิวเตอร์อินเตอร์เนต ปัจจุบัน
ก็เป็นโลก
ที่รวบรวมทั้งความดีมีคุณค่า
ให้แสวงหาสิ่งดีๆมาเติมเต็ม
หรือให้บทเรียนทางอ้อม สอนใจวัยรุ่นวัยระเริง...
ด้านที่ชั่วร้าย ก็แสนมากมี ดังดาบสองคม
ที่พาให้มนุษย์นับล้านผู้มีปัญหา
ใช้มาเป็นสื่อนำพาชักจูงใจ มอมเมาเยาวชนให้หลงผิด..
เราจึงจำต้องเลือกโลกและลิขิตชีวิตเราด้วยความรอบคอบ
*******
โลกของไพล แสนโชคดี
ที่ได้เกิดมากับโลกด้อยพัฒนา
กับโลกธรรมชาติที่เจริญอย่างช้าๆทันกันกับจิตกับใจ
เป็นโลกที่สวยใสสงบงาม
ได้พบกับโลกธรรมชาติมากว่าโลกแห่งวัตถุ
และ โลกแห่งเทคโนโลยี่
ที่บางทีดูแสนแห้งแล้งไร้ชีวิตชีวา
แสนโชคดี ที่ได้เกิดมาในโลกชนบท ในวัยเยาว์
ในคลอคลองของดวงตา ดวงใจ ได้มองเห็น
ทะเลสวยใสตะวันดวงโต ทายทัก ทุกๆเช้า
และในทุกยามค่ำย่ำสนธยาที่จะมองเห็นงามไปอีกแบบ
ยามที่....พระอาทิตย์สีแดงสุกปลั่งคล้ายดังส้มสุกสีทอง
จะค่อยๆลอยเรี่ยลงอำลาอาลัย ไปกับผืนน้ำทะเล
ในยามค่ำ... ที่มีดาวเดือนดาริกานับหมื่นนับพัน
พร้อมเพรียงกันมาให้ความสุข พริบพราว สุกใส
ราวแสงเพชรพราวพร่างพราย บนผืนฟ้าสีกำมะหยี่
ที่ประกายแสงดาวขับราตรี ให้สกาว
ราวมือนางฟ้ามาโปรยหว่านเพชรงาม
เพื่อมอบรางวัลให้กับ
คนช่างฝัน ช่างจินตนาการ หวานหวามมิรู้สิ้น..
มิพัก..วิ่งไปไขว่คว้าหาความสุขจากแสงสี ไฟพริบพริบ
ลวงลวงแห่งโลกกลางคืนในคลับในบาร์
ที่ต้องย้อมใจให้คึกคักด้วยเหล้า ด้วยยา ถึงจะมันส์ ถึงจะสุข...
โลกยามค่ำ
ที่เอนกายได้โดยไม่ต้องใช้เงินซื้อ
บนผืนทรายขาวอ่อนนุ่ม
ที่มีเสียงดนตรีธรรมชาติละมุนใจ
จากเกลียวคลื่นที่ซัดฝั่ง
เห่กล่อมให้ใจเรานุ่มดังฟองคลื่น
แทนเสียงดนตรีที่ปลุกเร้า
กระหึ่มเกินเดซิเบล จนทำร้ายหูเราเอง...
มีสายลมพลิ้วแผ่ว เต็มไปด้วยโอโซน
แทนควันบุหรี่ ที่เหม็นคละคลุ้ง อวลอบให้ปอดพังยับ
ที่จำต้องสูดดม ด้วยขาดสติ
คิดแค่ขอความสุขชั่ววูบ
เพื่อลืมโลก แห่งความจริงนี้ที่วิ่งหนีไม่พ้น
ต้องตื่นมายอมรับความจริง
ใช่จะวิ่งหนีได้ตลอดไป เสียที่ไหน
โลกของไพล
ดังโลกแห่งความสุขของผู้ยากไร้
ที่ไม่จำเป็นต้องมีเพชร คล้อง ชูคอหรูหราในสังคมไฮโซ
โดยไม่ละอายใจว่าเพชรที่ได้มานั้นหนา
มาจากการขายเหล้ายาเสพติด
มอมเมาคนดีๆให้เป็นคนบ้าจากน้ำมือมนุษย์ด้วยกันเอง...
โลกของคนรวย ที่มากมีในประเทศนี้
ที่ได้รับการยอมรับ แค่ขอให้มีเงิน
ไม่สนใจ ไม่แคร์ดอกว่า
เงินงามนั้น..มีที่มาที่ไป เฉกเช่นไร
รู้บ้างไหมว่า คนจนที่ใจไม่จน รู้พอเพียง เพียงพอนั้น
แม้จะยากจนเงินทอง แร้นแค้น แต่แฝงความ
เรียบง่าย สงบงาม น่าภาคภูมิใจ
และยังมีค่ามากกว่า เพียงแค่คิดได้ คิดเป็น
โลกที่ตื่นขึ้นมา กับแสงแดด และฟ้าสวยใสของท้องทุ่งนา
ที่มีป่าเขา ลำธาร มีสายน้ำตกไหลระริน
มีผืนดินให้เพาะปลูกพืชพรรณ
มีฝันมีหวังเล็กๆซุกซ่อน.อยู่กลางใจที่ใสเย็น
เปลวไฟจากเตาหุงข้าว ที่คุๆ
พาให้ข้าวเดือดๆส่งกลิ่นหอมไกลในยามเช้า ...
มือที่ไร้แหวนเพชร..มีแต่เอ็นขึ้นโปน.
ที่เป็นระวิงกับดวงใจที่นิ่งงามด้วยสมาธิ
ที่ตั้งใจจะเตรียมของใส่บาตร
เพื่อสีบทอด สืบสานพระศาสนา
ให้พระสงฆ์ได้มีชีวิตทำกิจ ที่ชอบที่ดี
เพื่อน้อมนำใจทุกดวง ให้ก้าวล่วง สู่ความว่าง ความสงบ
พบทางแห่งความสุขที่จริงแท้
โดยไม่ต้องตะเกียกตะกาย จนร่างกายเหนื่อยล้า
แสนเครียดจนป่วย ด้วยหนี้สิน
ที่อยากจะมี อยากจะเป็น อย่างคนอื่น
ที่หลงบ้าไปตามกระแสโลกแห่งวัตถุ
ที่เรียงรายให้เป็นทาสนายทุนมิรู้สิ้นรู้จบ...
ใจเอ๋ยใจ ดวงดี
ที่จะไม่ต้องเร่าร้อน
ด้วยไฟนรกแห่งกิเลสอยากมีอยากได้
ที่คอยเผาไหม้ คอยตามติดหลอกหลอน
เพียงรู้จักรักเป็น
เห็นความจริงแท้ พอเพียง เพียงพอ พอใจ
กับชีวิตนี้ ที่มีความสุจริตเป็นที่ตั้ง
ใจจะใส จะเย็น มีเวลา พาสายตา สายใจ
ได้ชิดใกล้ธรรมชาติ ธรรมดาๆ
ที่เราดื่มด่ำงามง่าย ไม่ต้องดิ้นรนและซื้อหา
และได้มาแสนง่ายดาย
โดยเฉพาะจะยินดีมอบให้แก่ดวงใจที่ไม่มืดบอด
โดยมิพักต้องทำร้ายตัวเอง และคนในครอบครัวและกลายกลับ
เป็นปัญหาสังคมที่ถมทับจนแก้ไม่ไหว
โลกของไพล ในวันนี้
โลกของคนที่ได้เกิดมาพบเจอโลกทั้งสองทาง
โลกแสนสวยแสนงามของธรรมชาติและ...........
โลกทางวัตถุทางความเจริญ ที่ก้าวไกล
นาทีนี้ อยากบอกว่า
แสนโชคดี ที่มีพื้นฐานจิตที่ดี
ที่เคยได้รับงามงดมาจากอดีต
ได้นำมาเปรียบเทียบ สอนใจตัว
ให้แยกแยะออก ทั้งโลกร้ายและโลกดี
อยู่ที่ตัวเราจะเลือกเป็นสมาชิกขวักไขว่ฝ่ายใด...
เขียนเรื่องนี้
เพราะมีแรงบันดาลใจจากโลกอินเตอร์เนต
ที่ได้ยินได้ฟัง ที่รู้ว่ามีสิ่งชั่วร้าย
มากมีแฝงฝังอยู่ เพื่อมอมเมาเยาวชน
วัยอยากรู้ อยากเห็น อยากลอง และค้นหาผิดทาง
พาให้เลือกเดินไปในเส้นทางที่มืดมน
ที่แค่คิดยังพาให้ใจร้อนรุ่ม
พาให้ตกเหวและหลุมพราง
แค่อยากบอกด้วยรัก ด้วยห่วงใยวัยอลวนว่า
จงฉลาด เลือกเดินไปในเส้นทางสีขาว ที่มีดงดอกไม้
แสนสวย แสนหวาน บานพราว อย่างมีคุณค่า
ให้ดอมดมชมชื่นใจแบบสุขใจไปยาวยืนนิรันดร์..
ไพลขอมอบดอกไม้ แสนหวานเศร้า แสนงาม
ที่บานชูช่อบนกอกิ่ง ของสวนในบ้านไพลในวันนี้
ที่มีนามว่า..ดอกพุด..
ที่ขาวบริสุทธิ์ หอมตรึงใจ ไปแสนไกล...
ดอกไม้ที่ออกเสียงคล้ายคำว่า..พุทธะ...
ที่แปลว่าผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
พาใจให้มีสติ มีปัญญา
บังคับตัวบังคับใจ บังคับพวงมาลัยแห่งชีวิต
ที่เวียนว่าย ให้พูด คิด และทำแต่กรรมดี
ที่งามงดหมดจดใจ
เพื่อยังประโยชน์แก่ดวงใจของตัวเอง
ได้ชื่นบานสดใส
และ
เพื่อเป็นพลังให้ ใจดวงงาม ผลิบานดังดวงดอกไม้
เพื่อหวานบานรับ แสงแรกแห่งอรุณรุ่ง
ยามอาทิตย์อุทัย
และสร้างสรรโลกในใจ ในความเป็นจริง
ให้งามมิรู้สิ้นไปจนกว่า แสงสุดท้ายแห่ง
ชีวิตและตะวันจะลับลา ไปด้วยกันจนนิรันดร......
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=5660
IMAGINE
John Lennon : : Key C
IMAGINE THERES NO HEAVEN
IT EASY IF YOU TRY
NO HELL BELOW US,
ABOVE US ONLY SKY
IMAGINE ALL THE PEOPLE
LIVING FOR TODAY AH
IMAGINE THERES NO COUNTRIES
IT ISNt HARD TO DO
NOTHING TO KILL OR DIE
FOR AND NO RELIGION TOO
IMAGINE ALL THE PEOPLE
LIVING LIFE IN PEACE
YOUYOU MAY SAY IM A DREAMER
BUT IM NOT THE ONLY ONE
I HOPE SOME DAY YOULL JOIN US
AND THE WORLD WILL BE AS ONE
IMAGINE NO POSSESSIONS
I WONDER IF YOU CAN
NO NEED FOR GREED OR HUNGER
A BROTHERHOOD OF MAN
IMAGINE ALL THE PEOPLE
SHARING ALL THE WORLD
YOUYOU MAY SAY IM A DREAMER
BUT IM NOT THE ONLY ONE
I HOPE SOME DAY YOULL JOIN US
AND THE WORLD WILL LIVE AS ONE...
20 ธันวาคม 2546 09:39 น.
พุด
สวรรค์สั่งตรงเธอลงมาเพื่อเชือดฉัน
ให้ผูกพันให้เจ็บปวดให้เสน่หา
แล้วบันดาลใจให้เธอนั้นพลันพรากลา
ให้เดียวดายเหว่ว้าชอกช้ำกัปป์กัลป์รอ...
สวรรค์มิได้แกล้งแล้งน้ำใจไปดอกนะ
เพียงเพื่อจะให้ใช้กรรมให้เพ้อพ้อ
ให้หัวใจเจ็บช้ำเสียให้พอ
แล้วก็ขอฝากบทเรียนรักมักทุกข์ใจ..
ไม่เสียใจในรอยกรรมย้ำรอยแผล
เป็นกรรมแก้กรรมเก่าเงาร้าวไหว
ใครจะทำให้ทุกข์สักปานใด
รู้อภัยไม่ลงทัณฑ์ฝันร้ายเรา..
สวรรค์เพียงเพิ่มบทลดหย่อนโทษ
เธอยังโหดไม่พอพ้อใจเหงา
ฝากน้ำผึ้งปนยาพิษบนปลายลิ้นเอาใจเรา
แท้เพราะเขาไม่อยากทำร้ายตายทั้งเป็น..
ช่างเมตตาน่ารักนักกับบทนี้
ช่างปรานีตีบทแตกให้รู้เห็น
ช่างใจดีที่ยังไม่เลือดเย็น
เชือดเน้นเน้นแล้วทาเกลือที่เนื้อใจ..
เป็นความผิดที่ไปเผลอละเมอหลง
รับตรงตรงไม่โทษเธอทำหวั่นไหว
เป็นกรรมเก่าย้อนรอยรับเสียใจ
ใครทำใครช่างหัวมัน..ฉันยอมทน...
ลูกผู้ชายทรนงคงมั่นหากไม่รัก
ไปพลีภักดิ์กับใครอื่นอย่าสับสน
อย่าทำดีเพียงเพื่อกลัวใครคนนี้จะเจ็บตรม
คนทรนงคือฉัน..วันนี้ขอลาเอง!
*************
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2562
รักคงยังไม่พอ ธนพล อินทฤทธิ์ : : Key D
บทชีวิต คือบทละครที่สวรรค์กำหนด
ได้บทที่เหี้ยมโหด เฝ้าโทษตัวเอง
ก่อนจากหากได้ลา ปัญหาฉันคงทุเลา
เพียงได้สบตา ทุกข์คงบรรเทา
คำว่ารักคงยังไม่พอ
เธอคงไม่รับฟัง รักคงยังไม่พอ
แต่อยากจะขอ ได้พบได้พูดให้เธอเข้าใจ
ให้รู้ในใจ ยังรักเธออยู่
แต่กลัวจะซ้ำเติมทุกข์ ให้เธอเจ็บช้ำ
เพราะรักคงยังไม่พอ
หมดความหมาย แต่บทแสดงยังหายใจอยู่
ถูกคนลบหลู่ บาดใจทุกวัน
ปิดฉากไปเสียดีกว่า แสดงเป็นคนไร้ค่า
อาจมีสักวัน เข้าใจมากกว่านี้
คำว่ารัก คงยังไม่พอ ก็คงยังไม่พอ
เธอคงไม่รับฟัง
รักคงยังไม่พอ ก็คงยังไม่พอ
แต่อยากจะขอ ได้พบได้พูดให้เธอเข้าใจ
ให้รู้ในใจ ยังรักเธออยู่
แต่กลัวจะซ้ำเติมทุกข์ ให้เธอเจ็บช้ำ
เพราะรักคงยังไม่พอ
ดังเรือใบ ล่องหาทิศทาง
แบกภาระ สุมจนเต็มลำ
ติดตามไป คงไม่ถึงฝั่ง
ดูใจดำ แต่ฉันหวังดี
ที่ต้องทิ้งเธอตามลำพัง
ไม่อยากให้เธอ ต้องลำบากด้วยกัน
ความจริงใจ สื่อสารลำบาก
ฝากความหมาย ในเพลงบางคำ
เผื่อสักวันเธออาจเข้าใจ
เผื่อสักวัน เธอให้อภัย...
19 ธันวาคม 2546 18:21 น.
พุด
อาทิตย์ใกล้ลับฟ้า...
ฟ้าเป็นสีฟ้าหวานแปลก
เทาอมส้มชมพูนิดนิดฉ่ำแสงแดงเจือ..
ดวงตะวันแฝงในม่านหมอกหม่นๆ
และนี่คือตะวันชิงพลบสงบงาม ยามสายันห์ในเหมันตฤดู
ที่ทั้งฟ้าแลฤดี..มีวันจะหมองหม่นปนเทาๆทึมๆพอกันกับวันที่ฟ้ามืดเร็ว
*******
ไพล..นั่งอยู่ริมฝั่งฝัน..ริมแม่น้ำนครไชยศรี
เงี่ยหูฟังเสียงดนตรีธรรมชาติแสนหวาน
จากทุกสรรพสิ่ง..รายรอบสองฟากฝั่ง
หัวใจนิ่งงัน..เงียบงามใต้ต้นลำพู สูงใหญ่...
ที่แผ่ใบสล้างเคียงเรือนไม้หลังคาจาก..
ในฉากงามราวย้อนยุคไปสู่อดีตกาล..
ไพล..ทิ้งดวงใจดื่มด่ำกับวันแสนดี
ที่แสนงาม เพียงนิยามเงิน มิอาจซื้อได้.
หากมิใช้..มิมีดวงใจเห็นงาม
ในความเรียบง่าย ไร้มายา งามสมถะ..
และมาตรแม้นวันนี้
มากมีบางสิ่งมากมีค่ากองตรงหน้า..มากมาย
ไพลก็ไม่คิดเริงร่า
ไปเดินหาซื้อเพชรทองแทนในชอปปิ้งเซนเตอร์
แทนที่จะหลงละเมอรอกำไลเงินจากดวงใจ
จากใครบางคนแบบไม่มีวันจะได้มา...
ที่มากล้นค่าเกินนับ
กับ
วันเวลาที่กำลังจะผ่านเลยลาลับ
กับ..
หัวใจดายเดียวดวงเดิม..
มิเพิ่มมิแปรไปตามกระแสสังคมพล่าไหลบ่าบูชาเงินงาม..ตามใครๆ..
หัวใจยังคงเป็นหัวใจ ดวงใสดวงดี
ที่มิว่าจะมีหรือไม่ก็ยังคงเป็นไพล
ผู้หญิงบ้านนอกบ้านนาเกิดมากับแสงตะเกียง.
เคียงใจที่รู้ความพอดีพอเพียงรู้เพียงพอ..
*****
ไพล..ประทับใจรากลำพู
ที่โผล่ออกมาหายใจ
ที่แทงช่อกอแหลมโอบล้อมลำต้น จนน่าพิศวงใจ
ไฉนหนอ..ธรรมชาติจึงสรรสร้างอะไรๆให้โลกไพร
ให้ต้นไม้มีชีวิตดำรงรอดปลอดภัย แม้นในกระแสชล..วนเชี่ยว..
******
ไล่สายตาพาสายใจสายใยรัก..ล้ำลึกรู้สึกในวิถีงามล้ำ
ของเรือนไทยที่รายเรียงสองฟากฝั่งฝัน
แม้นวันนี้จะดูทรุดโทรมโย้เย้..ไปตามกาลเวลา
ที่ไพลอยากมาอยากมีคืนฝันลองฝากฝังใจ
นอนในเรือนไทยริมน้ำแบบโฮมสเตย์สักคืน.
กับใครสักคนที่รักหวังชื่มชมงามเงียบเรียบง่ายใช้ชีวิตแบบดิบเดิม
ฟังเสียงเรไร นกไพรโผผิน เสียงสายน้ำระรินใต้ที่นอน
ฟังเสียงอ้อนท่ามกลางพรายพระจันทร์ให้ฝันหวานๆๆๆ..
จนอุษาสางดุเหว่าร้องแว่วมา
******
ไพล..ขับรถดั้นด้นเข้ามาที่นี่
มาพบบรรยากาศ อย่างนี้ ด้วยความสุขเหลือแสน
สวนผลไม้รายเรียงสองฟากถนน
ที่ไพลแอบให้ฉายา
*เส้นทางมนตรา..เสน่หา..เสน่ห์ไทย*เส้นทางใจ
สำหรับผู้รักงามเงียบได้ลัดเลาะ ซอนเซาะ ซอกแทรกบุกสวนผลไม้เข้ามา
ที่ทำให้นาทีตรงหน้า..น้ำใสในคลองตาซึมซึ้งถึงตื้นตัน
นั่น..เมื่อมองเห็น..ส้มโอห้อยย้อย
อยู่ในขนัดสวนเหนือท้องร่องคลองคูขุดลำเล็กๆ
ทั้งต้นหมากสูง..สวยขนาบ เคียงเรียงไปกับดงละมุด..
*********
ไพลคิดถึงใครบางคนจับใจ..
คนที่ร้องเพลงสาวชาวสวนส้มโอ..
ที่ตื่นแต่เช้าเฝ้าคอยเก็บส้มโอเต็มตะกร้ารอท่าหนุ่มน้อยใจดี
ขอแค่มีความสุขตามประสายาก
*****
ไพล..หลั่งน้ำตากับธรรมชาติเหว่ว้า..
กับธรรมชาติไพรกับธรรมชาติสวนสงบงาม
ที่บัดนี้ตึกรามประเทืองเฟื่องฟุ้งกำลังมุ่งมาเบียดทั้งสองฟากฝั่ง
******
เงิน เงิน เงิน ........ สาวบ้านนา
มนุษย์เรานี้แสนดีนักหนา
ขายไร่ขายนาแถมขายภูเขา
แปรรูปแปรร่างไม้เคยงามเงา
เป็นตู้โต๊ะเอาเก้าอี้แปลกตา
เปลี่ยนเทือกเขาเป็นทิวตึกได้
เปลี่ยนดอกไม้หวานหอมในราวป่า
รองเท้านารีงามบาดใจงามบาดตา
เพาะพันธุ์มากมีค่าส่งนอกออกไทย..
นายทุนหมุนวนจนเงินมากล้นฟ้า
ยังคิดอีกว่าหาให้ลูกหลานไว้
ขายเหล้าขายเบียร์ลามเลียดั่งไฟ
เยาวชนไทยไม่มีสติสตังค์..
คนไทยรึเปล่าชอบกินชอบดื่ม
มอมเมาให้ลืมแสนดีสอนสั่ง
แค่นี้มากพอแม่พ่อทุกข์ประดัง
ใครตายช่างมันขอแค่ข้ามีเงิน เงิน และเงิน.....
********
ช่างมันเถอะนะ..หัวใจ..
ไพลกำลังพยายามฝึกดวงใจให้ไหวอ่อนอ่อนโยนน้อยๆหน่อย
ปล่อยให้โลกนี้..หมุนไปตามกระแสทุนนิยม..
แม้นว่าหัวใจไพลจะตรอมตรมระทมทับดับดวงทีละนิดละน้อยก็ช่างมัน..
เพราะไพล..ไม่มีอำนาจใดใดจะต่อต้านกระแสบ่าโหมนี้
ที่ทุกชีวีชีวามากมายต่างตะเกียกตะกายเป็นทาสตกอยู่ในวังวน..
******
ไพล..จึงได้แต่มานั่งซึ้งตรึงใจขอแค่มาฝากฝันฝากใจ
กับสายชลไหล..สายน้ำใจแห่งผูกพันรัดร้อยวิถีไทย
ธรรมชาติไพร..ชีวิชีวิตติดดินธรรมดาเดิมธรรมดางาม
******
ให้มานั่งตาปรอยอ้อยสร้อยเหงาเศร้า
เคล้าคลุกความผันแปรมิแน่มินอน
สอนดวงใจให้ยอมรับความจริงแท้ของชีวิต
ที่ไหลไปไหลไป...
มิไหลคืนกลับ
ดั่งกระแสชล...ตรงหน้านะเวลานี้..
ยอมรับสิ..อย่าดึงดื้อ เสียใจ
มิว่ากับสิ่งใด ที่พลัดหลงเข้ามา..
ธรรมชาติมากมีค่า..
หรือแม้นกระทั่ง
ชีวาชีวิตจิตวิญญาณของผู้ที่เราค้นหามาทั้งชีวิต
ที่หายากยิ่งนัก..
จงตระหนัก..และกอบโกยด้วยดวงใจใช้ใจเดิมพันใจ..
*ใช้ใจหลอมละลายใจ..ไว้ในเนื้อใจในงามความทรงจำ
ให้งามล้ำหวานลึก..ผนึกแนบเป็นจิตเดียว*
ที่จะตามเกี่ยวตามติดเป็นพิสวาสทุกชาติทุกภพไป
ให้สวยใสรอเวลา..ให้เกิดมาท่ามกลาง*ความแผกพิเศษพิสุทธิ์*นี้
ที่จะมีดวงตาที่สาม.....งามเลอค่า...นามว่าความละเมียดละมุน
ให้มองโลกหอมกรุ่น
รู้ละมุนน้อมใจรับซึ้งถึงบึ้งดวงใจในสรรพสิ่ง
ที่งามง่าย..คล้ายมี..*ฌาณเฉพาะตน*...
*********
ไพล..ดึงหัวใจกลับมา..และบอกกับใจตัวเองว่า
อย่าหยุดหัวใจฝัน..ขอเพียงวันเวลาแสนดี
มีใครสักคนโอบเอื้อฝันอันจรุงท่องไปในแดนดินดินแดน
ที่แสนงดงามเคียงข้างใจ
ที่ยังพอฝากหวามไหวในอารมณ์ดิบเดิมติดดินถวิลไพร
บันทึกภาพ ผ่านเลนซ์ใจ เนื้อใสพิสุทธิ์นี้..เป็นเรื่องรักรจนา..มากำนัล..
ทุกดวงใจในร่มรักเรือนไทย ไปด้วยกันให้มีฝันหวานๆมิรู้สิ้นรู้จบทบทวี..
*****
นั่น..บ้านเรือนไทยดัดแปลง หลังมหึมา
ถามได้ความว่า..เป็นของตระกูลเจ้าของสายการบิน
ที่มีเงินมิรู้สิ้น สามารถซื้อได้ทั้งผืนดิน ผืนฟ้า
ซื้อไว้จนกว่า..
อนาคต มนุษยโลกอย่างเราๆท่านๆต้องอยู่แบบขมิบลมหายใจ
เพราะไม่มีใบจับจอง.
และหากซื้อได้ทั้ง.พระจันทร์อากาศวาดเวิ้งฟ้าดวงดาราดาระดาดทะเลงาม
คนรวยทั้งสยามคงจะจับจองไว้ดูเฉพาะตน..ลำพัง..
ให้หัวใจคนจนแห้งผากดับดวง ดับฝันมอดสิ้น..จิตวิญญาณ..
**********
หันมาดูสองฟากฝั่งดีกว่านะ ที่ยังคงมีความงามหลงเหลือให้เสพให้สุข
ดูความงามของผักบุ้ง ที่ทอดยอด ชะอุ่มงาม เรี่ยริมบึง
เถาถั่วฝักยาว ห้อยย้อย เพลินใจ ไหนจะท้องร่อง
ลำประโดง ที่อ้อมโอบเข้าไปเป็นลำน้ำ สายเล็กสายน้อย
ให้ชาวสวนปลูกผัก ปลูกผลไม้ ฝรั่ง ชมพู่ ดูช่างน่ากิน.....
บ้านผู้คน บนสองฟากฝั่ง แพริมน้ำ น่านั่ง น่านอน
บ้านเรือนดั้งเดิมของชาวสวน และบ้านของผู้ดีมีเงิน
ที่มีฐานะมาจับจองสร้างบ้านสวย ..
เพื่อได้ดื่มด่ำ กับสายน้ำ..งามล้ำ ให้ใจสงบงาม
ไปกับวิถีไทย วิถีใจ ของชาวชนบท ตั้งแต่โบราณ นานมา
ที่มีชีวิตผูกพัน กับสายน้ำ เปรียบดั่งสายน้ำใจ ที่ไหลเย็น
อย่างยากยิ่งจะแยกกันออก......
มีเรือลำน้อย....จะลอยลำ ไปเรื่อยๆ เอื่อยๆ ช้าๆ....
และไปถึงวัด ที่มี
พระพุทธรูปองค์โต ที่อยู่ในโบสถ์ เพื่อขอพร....
วัดริมน้ำ..ที่มีฝูงปลาชุกชุม กระโดด โผงผาง
โชว์ความงามของลำตัว ที่สะท้อนแดด เห็นเกล็ดขาววาววับ....
เพราะมีอิสระ เสรี ราวรู้ดีว่าอยู่แถวหน้าวัดจะปลอดภัย
ไม่มีใครกล้าเอาเบ็ดมาเกี่ยว...
*****
และทั้งหมดทั้งสิ้นนี้คือสายใยเหนี่ยวรั้งให้ดวงใจไพลหวนกลับมา..
ไพลยอมเหว่ว้ายอมดายเดียวเพื่อพบกับความสงบสุขนี้..ที่ยังมี
เสียงเพลงสายชล ครวญคร่ำริมเรือนแพ..
มีดวงดอกไม้มากมายส่งกลิ่นกำจายหอมสะพรั่ง
*พวงคราม*..กลีบม่วงอมฟ้า
ที่พากันรอเวลาสยายกลีบรอหมุนลิ่วปลิวไปตามกระแสลมกระแสชล
*พวงประดิษฐุ์*..เลื้อยประดับคลุมกระชับยอดไม้สีชมพูสดใส
พาหัวใจเบิกบาน สิเงินงามตามคลอที่ชาวเหนือเรียก*เครือออน*
*ช้างกระ ประสีม่วง มิหวงดอกในฤดูนี้ มีชื่อเรียกตามสีดอก
เช่นช้างแดง ช้างเผือก และนั่น
*เอื้องแซะหลวง..*แตกกอ ชูช่อดอกสีขาว
กลีบปากเหลืองละอออมส้มหอมรมร่ำพร่ำกลิ่นจรุงใจอวลไปในทุกอณู
*ปีบ*หอมกลีบบีบหัวใจไพลให้แทบหยุดเต้น
ด้วยหลงใหลในดอกรูปแตร
ที่ไพลนี้ต้องแล่นถลาไปเก็บคว้ามาทัดผมให้พรมหอมร่ำให้ชื่นฉ่ำใจ..
และ...
ในท่ามกลางหวานหอมดอกไม้ริมชายชล
ไพล..พากมลละมัยเดินดายเดียว เดียวดาย ต้านลมหนาวสะท้าน
ใต้กิ่งหวานลำพูพราว และ ราวเฝ้ารอ รอ หิ่งห้อยประดับใจ..ไปชั่วกาล!
******
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=1965
คู่กรรม
ช...ดังนรกชัง ฤาสวรรค์แกล้ง
แกล้งทรมาน ให้ฉันได้เจอ
ญ...เกลียดชิงชัง สุดท้ายรักเธอ
แต่พอเผลอ พรากเธอดับสูญ
ช...เวรกรรมหรือไร แต่ปางไหนนั่น
ญ...สุขเพียงชั่ววัน แต่ช้ำทวีคูณ
ช...ให้ห่างไกล สุดฟ้าอาดูร
ญ...สูญสิ้นเธอ ตลอดกาล
ญ...อธิษฐานจิตใจหากเกิดชาติไหน
ช...ฐานันดรใดใด ทุกสถาน
ช-ญ...ดลให้เรา ได้พบเจอเป็นคู่กัน
วอนสวรรค์ ได้ไหม
ช...วิญญาณฉันรอ ที่ทางช้างเผือก
เลือกเธอรักเธอ ได้ร้างลาไกล
ญ...ดั่งหิ่งห้อย เฝ้าคอยจนชีพวาย
ใต้ลำพู รอคู่กรรม
ญ...อธิษฐานจิตใจหากเกิดชาติไหน
ช....ฐานันดรใดใด ทุกสถาน
ช-ญ...ดลให้เรา ได้พบเจอเป็นคู่กัน
วอนสวรรค์ ได้ไหม
ช...วิญญาณฉันรอ ที่ทางช้างเผือก
เลือกเธอรักเธอ ได้ร้างลาไกล
ญ...ดั่งหิ่งห้อย เฝ้าคอยจนชีพวาย
ใต้ลำพู รอคู่กรรม...