16 ธันวาคม 2546 11:10 น.
พุด
เพียงคำเดียว....
ผมรอ...
คำเพียงคำเดียว.... จากคุณ....
มานานแสนนานแล้ว
คำเดียว
ที่ผม..ต้องแลกกับหลายสิ่ง..หลายอย่าง..ในชีวิตของผม....
ความคิดถึง.... รอคอย.... โหยหาและเดียวดาย....
ความเจ็บปวดรวดร้าวใจ....
ที่ต้องคอยเฝ้าถามตัวเองเสมอมา....
จะหยุด.... หรือ.... จะเดินต่อไป.... ในเส้นทางแห่งรักนี้....
คำตอบ.... ที่ใจผมตอบกลับมาคือ....
คุณแสนดีมีค่า เกินกว่าที่ใจผมควรจะคิดท้อ....
แม้จะต้องรอ.... นานแสนนาน....
ผมโชคร้าย หรือโชคดีกันแน่
ที่เป็นลูกผู้ชายแบบนี้....
แบบที่มีใจรักมั่นคง....
มิหวั่นไหว หนักแน่น.... ดั่งแผ่นผา
หาญกล้า ท้าทายสายลมแรง...
แสงแดดกล้า.... แผดร้อน.... เผาไหม้ใจ....
ท้าทายโชคชะตาฟ้าลิขิต....
ดั่งชีวิตข้าเอง ไม่ยำเกรงดินและฟ้า....
ผมรอคำ.... คำเดียว คำที่มีค่าใหญ่หลวง
คำที่.... ผมแสนรักแสนหวง
มิคิดเคยจะเอ่ยออกมา บอกใครได้ง่ายๆ....
เมื่อผมตัดสินใจเอ่ยกับคุณ....
มันคือคำที่รวมชีวิต.... วิญญาณของผมทั้งสิ้นทั้งปวง....
ที่ผมวางไว้ในอุ้งมืองามวางไว้แทบเท้าของคุณ....
เพื่อรอให้คุณ.... พิพากษารัก....
ตัดสินใจ.... จะโยนทิ้งให้แตกสลายไร้ค่า....
หรือโอบอุ้มนำมาแนบชิด.... สถิตเนา....
ในใจของคุณจนตราบวันตาย ก็สุดแท้แต่ใจของคุณ....
ผมเดินมาไกล.... แสนไกลมากแล้ว....
เหนื่อยนัก อยากหยุดพักใจ....
ฝังฝากกายซบตักของคุณ
แต่ผมจะหยุดได้อย่างไร....
เมื่อทางข้างหน้านั้น....
ผมยังมองไม่เห็นคุณที่จะร่วมทาง....
ร่วมเรียงเคียงข้าง ฝ่าฟัน ผองภัย....
และเส้นทางใจไฟฝันของผม....
ที่แสนยาวนาน จะอ้างว้างว่างใจสักเพียงใด....
หากผมต้องเดิน.... โดยลำพัง....
เพียงคำเดียว....
ที่ผมใช้เวลานานนับเดือน.... นับปี....
และไม่รู้อีกกี่ปี.... ที่ผมจะต้อง.... รอและรอ....
คนดี.... ที่รักของผม....
ผมไม่กลัวคำตอบ....
เพราะผมคือลูกผู้ชาย
ที่พร้อมแล้วที่จะอดทน....
คุณจะตอบผมว่าอย่างไร
ผมมิอาจหยั่งเดา.... ได้....
แต่สำหรับใจของผม....
ผมหาคำตอบให้ตัวเองได้แล้ว.... ว่า....
ผมเกิดมาเพื่อที่จะรัก.... และรอคุณ....
ตราบจนวันสุดท้ายแห่งลมหายใจของผมนี้.... นะที่รัก....
***********
ถ้าเธอ.... มีหัวใจเหมือนฉันสักหน่อย
เธอคงไม่ปล่อย.... ให้ฉันต้องคอยอย่างนี้
เธอคงมองซึ้ง ถึงไมตรี
เธอคงมองซึ้ง ถึงความหวังดี ที่มีเรื่อยมา....
สู้รอ.... รอแล้ว.... รอ.... รอไม่สิ้น....
รอจนใกล้ดับ.... ถมทับ แผ่นดิน.... แผ่นฟ้า....
เธอมองไม่ซึ้ง.... ถึงสายตา....
เธอมองไม่ซึ้ง.... ถึงความบูชา....
ว่าฉันศรัทธาเพียงใด....
น้ำหยดบนหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน....
แต่หัวใจอ่อนอ่อน ของเธอทำด้วยสิ่งใด
ช่างไม่สะทก.... สะท้าน.... สะเทือน.... เหมือนหัวใจ
ช่างไม่หวั่นไหว.... ว่าใครเขารัก.... เขารอ....
สิ้นลม.... ลมหายใจ.... ของฉันเมื่อไหร่....
เธอคงจะรู้.... ว่าใครเฝ้าง้อ....
ใครกัน มีรัก มีรัก เพียงพอ....
ใครกันรอแล้ว.... แล้วยังเฝ้ารอ....
เขารอ.... เขารอ.... เขารอ.... เขารอ!..
********
เขียนด้วยแรงบันดาลใจ....
ว่าน่าจะมีลูกผู้ชายคนดี....
ที่ยังมีใจรักมั่นคง หลงเหลืออยู่บ้างในโลกนี้
และตราบใดที่คุณยังไม่เคยรักใครมากพอ....
คุณๆอ่านแล้วอาจจะบอกว่ามากไป....
แต่วันใดที่คุณรักใครสักคน
วันนั้นคุณจะบอกว่าเขียนน้อยไป....
ด้วยแรงแห่งรักที่ยังคงทำให้โลกหมุน....
จากใจ รักค่ะ....
16 ธันวาคม 2546 07:40 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2530
นับถอยหลัง..ตั้งต้นใหม่ลืมใจเหงา
ความเป็นเรา..ทิ้งไว้ไร้ความหวัง
เริ่มปีใหม่ไม่มีแล้วใครเหนี่ยวรั้ง
ไม่เซซังซมซานหวานหาใคร..
นับถอยหลัง..ทุกนาทีคงมีค่า
กระซิบว่าใครอยากเอ่ยเผยสิ่งไหน
รีบบอกมาอย่าซ่อนไว้ให้เสียใจ
ปีผ่านไปไม่มีฉันฝันระบาย..
นับถอยหลัง..คือเส้นตายที่หมายมาด
หยุดพิสวาสหยุดดวงใจไกลเกินสาย
หยุดหยั่งรากรักลมลมตรมไม่วาย
หยุดทำร้ายทางอ้อมยอมพ่ายเธอ..
นับถอยหลัง..ลบหวังวาดสวาทหวาม
ทุกโมงยามนับนาทียอมให้เพ้อ
ฝากทุกสิ่งทิ้งงดงามไว้ให้ละเมอ
ให้เสนอยอมสนองร้องไห้มา..
นับถอยหลัง..ฝังรอยใจลืมสิ้นซาก
ถึงลมปากลมลวงบ่วงเสน่หา
ตัดสวาทขาดกันปีเก่าลา
หนี้เสน่หา..ใช้ให้หมด..รดน้ำอโหสิกรรม!
*******
บันดาลใจจากปฎิทินที่ได้รับแจกทุกวัน
ว่า..ใกล้ถึงวันปีใหม่แล้วนะคะ
ใครติดค้างใคร อยากทำอะไร
เรามักอยากเริ่มต้นใหม่..ตั้งใจในวันนี้
ทั้งๆที่จริงๆแล้ววันก็คือวัน
เอาเหอะนะ..
นับถอยหลัง..สำหรับคนอยากฝังอดีต
ก็ลองดู..ว่าจะทำสำเร็จมั้ย
รับบอกให้ดวงใจรักรับรู้กันนะคะ
ก่อนจะสายเกินไป..
ทุกสิ่งไม่มีวันหวนกลับมา
***********
*ดั่งสายน้ำเชี่ยวโกรกไหล
ไหลไปแล้วไม่กลับมา
คิดเปรียบไปก็คล้ายเหมือนว่า
รักเอยไม่เคยหวนมา
จากลาไปยังหนใด
คิดถึงเมื่อก่อนเคย
รักฉันเป็นสุขเอย
ไหนเลยจะต้องจากลา*(ต้องมาเพิ่มเนื้อทีหลังค่ะไปหาซีดีก่อน)
***********
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2530
สาวสะอื้น
วงจันทร์ ไพโรจน์ : : Key C
โอ้ ตัวเรา
คิดไปชวนเศร้า ใจหนักหนา
บ้านอยู่เขา ลำเนาพนา แดนดงป่า
เราเกิดมาอาภัพยิ่ง
เมื่อมีชาย หมายปอง ปองมั่น
ทำให้หวั่นใจหญิง
ขอฝากรัก แต่มักไม่จริง ยังเกรงกริ่ง
นึกกลัวจริง ๆ น้ำใจผู้ชาย
เราเป็นหญิงชาวเขาป่าดง
ชายประสงค์เพียงหลงรูปกาย
ได้ชม พอสมใจก็หน่าย
ความหวานคลาย กลับกลายเป็นรอยน้ำตา
เจ็บและอาย เหมือนคนใจง่าย
ใครเขาไม่นำพา
หญิงเช่นเรา อับเฉาเกิดมา ไร้ราคา
หัวใจวาจา ยังซื่อสัตย์เอย
เราเป็นหญิงชาวเขาป่าดง
ชายประสงค์เพียงหลงรูปกาย
ได้ชม พอสมใจก็หน่าย
ความหวานคลาย กลับกลายเป็นรอยน้ำตา
เจ็บและอาย เหมือนคนใจง่าย
ใครเขาไม่นำพา
หญิงเช่นเรา อับเฉาเกิดมา ไร้ราคา
หัวใจวาจา ยังซื่อสัตย์เอย...
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=451
ไฟเสน่หา
เพียงพิศ เลิศวิไล : : Key Eb
เพลง ไฟเสน่หา
รู้อยู่เต็มอก ซึ้งอยู่ในใจ ว่าเขาไม่รัก
สุดจะหัก ห้ามดวงใจ ดับไฟเสน่หา
รู้อยู่ทุกครั้ง ที่คิดถึงเขา แสนทรมา
ก็เพราะรู้ว่า เขาไม่เคยซึ้ง คิดถึงเราเลย
รักเอย เพิ่งเคยซึ้งตรึงดวงจิต
ไม่อยากคิด ก็ยิ่งคิด นิจจาเอย
รู้อย่างนี้ จะไม่รัก ให้หนักใจเลย
โอ้ใจเอ๋ย ใจเรารัก เขาแล้วเอย
รู้อยู่เต็มอก ซึ้งอยู่ในใจ ว่าเขาไม่รัก
สุดจะหัก ห้ามดวงใจ ดับไฟเสน่หา
รู้อยู่ทุกครั้ง ที่คิดถึงเขา แสนทรมา
ก็เพราะรู้ว่า เขาไม่เคยซึ้ง คิดถึงเราเลย
รักเอย เพิ่งเคยซึ้งตรึงดวงจิต
ไม่อยากคิด ก็ยิ่งคิด นิจจาเอย
รู้อย่างนี้ จะไม่รัก ให้หนักใจเลย
โอ้ใจเอ๋ย ใจเรารัก เขาแล้วเอย...
15 ธันวาคม 2546 13:38 น.
พุด
หลายวันมานี้
เบื่อรจนาเรื่องหวานๆ หรื่อใช้ภาษาสวยๆ..
วันนี้..เลยไปดูหนัง..ช่วงที่รอดูหนัง ..
ไปอ่านหนังสือก่อน
อ่านฟรี..ที่ร้านนายอินทร์ ..
และด้วยความที่เป็นคนอ่านหนังสือเร็วมาก เลยจบลงโดยไม่ต้องซื้อ
เพราะว่าเป็นคนที่ ชอบหนังสืออีกแบบ..
ไม่ฮิตตามใครๆ แต่จะไม่ตกข่าวถ้ามีหนังสือดีๆ..
หลังจากดูหนังจบ..
ก็เลยคิดว่า ทั้งหนังและหนังสือมันต่างกัน ในบางแง่มุม..
แต่..สรุปคือ..น่ารักดี
กับความรู้สึกเป็นธรรมชาติ ธรรมดาๆ
ของความเป็นผู้หญิง ไม่ว่าชาติภาษาไหน
แม้สาวไทยจะใจไม่ถึงเท่าในเรื่องรักแบบสาวยุโรป
ที่กล้าแสดงออก
นั่นเพราะเค้าเกิดมาคนละวัฒนธรรม
และเป็นการไม่รู้สึกแปลกแยก
ที่จะทำสิ่งที่ออกมาจากใจ จากความรู้สึก ..
แต่สาวไทยเรา..วันนี้คงมีบ้าง..ที่อยากจะลองรัก..ค้นหา..
อยากบอกแค่ว่าตราบใดที่เรายังอยู่ในสังคมนี้
ที่ผู้ชายใจยังไม่กว้างพอ เราเท่านั้นจะเสียเปรียบ..ใช่ใคร
จงคิดไตร่ตรองนะสาวเอย...จะบอกให้!
ออกจากโรงหนัง...
ก็เดินเรื่อยเปื่อย ไปดูร้านรวงเล็กๆมากมาย
ที่เปิดใหม่ ..ดูๆไม่ค่อยมีคนซื้อ
มีแต่คนขาย....
ริมถนนสายนี้..น่ารักมาก
จะมีร้านขายปลา ขายกระถาง ขายต้นไม้ ขายของจากเมืองจีน..
เลยเดินเข้าไป ในสวนสวย
ที่รุกขชาติกำลังดาระดาษ
แย้มหวานบานสะพรั่งสีสด เต็มไปหมด
จากเดินเล่น เลยกลายกลับเป็นโดนเสน่หาต้องมนต์จังงัง
ต้องควักกระเป๋าเป็นพัลวัลเพื่อซื้อ ซื้อ และซื้อ
ต้นไม้ ต้นไม้และต้นไม้
มีลั่นทมสามสีสามสวย สามระทมแข่งกันตรมกันตรอมในใจดวงนี้..
ได้พญาสัตบรรณ ฟอร์มสวยช่อชั้น แสนงาม
ได้พุดสามสี หอมฟุ้งขจรขจายให้โลกนี้จรุง
ได้หางนกยูง ดอกสวยหวาน
สีแสดจัดจ้า ท้าแดดจัดไสว
ได้หมาก ที่ลำต้นเป็นสีแดงทำให้คลายคิดถึง
มะพร้าวจริงๆที่ปลูกไม่ได้ แทนความคิดถึงบ้านเกิด
ที่มีมะพร้าวเป็นเพื่อนใจคอยสานใบคลุมศรีษะน่ากลัวจะหล่นใส่..
ได้ไม้แขวนมากมี
ได้ชบาฮาวายสีสวยจัด ดอกโตเท่ากระด้งใบเล็กนะ
ที่สดสีงาม และที่สำคัญ....
ได้ความรู้สึก..เบิกบาน
มีความหวานความสุขภายในใจดวงนี้
ที่ได้กลับมาพร้อมกับต้นไม้แสนรัก
ที่พลิ้วไสวล้อลม เต็มคันรถ...
กลับมาบ้าน...มาวางไว้บนระเบียงบน
ที่แสนกว้าง จัดวางให้ดูเป็นสวนกลางแจ้ง..
และค่ำคืนนี้หมายตาหมายใจ
จะมาอาบน้ำแกล้มไปกับลั่นทมแดง ชมพู เหลือง
ที่กำลังออกดอกพราวหอมเร้าใจ
ไปกับพุดสามสี กุหลาบและโมกสวย..
คงแสนดีในความรู้สึกจังเลยนะ..
พอยามเย็นมาเยือน
จะถีบจักรยานพร้อมตะกร้าสานคู่ใจ
ไปเก็บดอกปีบ ที่ร่วงหล่นขาวพราวพื้น
ที่โรงถ่ายหลายรายการของคุณปัญญาและคุณมยุรา
เคยเข้าไปดู เห็นคุณมยุราตัวจริง
สวยมาก สวยที่สุด
เมื่อตะกร้าสานเต็มด้วยดอกปีบแล้ว
เราก็จะกลับมาหาแก้วใบเล็กๆบรรจุลงไป
มีแก้วใบหนึ่งแสนสวย
ที่เหมาะมาก และเป็นของขวัญจากชนะงานเขียน
เราจะวางดอกปีบไว้ทุกที่
ในห้องน้ำ หัวนอน และนาทีนี้
ใกล้จอคอม..
แกล้มหวานให้เรื่องที่กำลังลง..นะนาทีนี้!..
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=5060
บ้านเราท้องนา
เช้าขึ้นมาออกทุ่ง
ใจที่คิดหมายมุ่ง ลงแขกนา
ตั้งใจ เอาไว้ว่า
เสร็จหน้านาแล้วพาเที่ยวงาน
วัดข้างบ้านมีงานประจำปี
หนุ่มสาวนัดกัน
หวังเที่ยวงานเป็นหมู่
เราซิคนไร้คู่ ช้ำชีวี
ตั้งใจ รอหวังที่
คนรักมาพาเราเที่ยวงาน
แล้วก็ผ่าน วันงานด้วยน้ำตา
บ้าน เรามีแต่สาวชาวทุ่ง
ไร้กลิ่นน้ำปรุง มีแต่กลิ่นไม้ป่า
ฝากลม วิงวอนว่า
ช่วยนำพารักมาให้ฉัน
รักสั้นๆ จริงๆหนอเรา
บ้านเราท้องนา
เช้าขึ้นมาฟ้าผ่อง
ลมบ้านเราพัดล่อง หนาวก็หนาว
คนกรุง คงจะถูก
กักตัวไว้เขาไม่ให้มา
สาว บ้านป่า ก็คงจะเลิกคอย
บ้านเราท้องนา
เช้าขึ้นมาออกทุ่ง
ใจที่คิดหมายมุ่ง ลงแขกนา
ตั้งใจ เอาไว้ว่า
เสร็จหน้านาแล้วพาเที่ยวงาน
วัดข้างบ้านมีงานประจำปี
หนุ่มสาวนัดกัน
หวังเที่ยวงานเป็นหมู่
เราซิคนไร้คู่ ช้ำชีวี
ตั้งใจ รอหวังที่
คนรักมาพาเราเที่ยวงาน
แล้วก็ผ่าน วันงานด้วยน้ำตา
บ้าน เรามีแต่สาวชาวทุ่ง
ไร้กลิ่นน้ำปรุง มีแต่กลิ่นไม้ป่า
ฝากลม วิงวอนว่า
ช่วยนำพารักมาให้ฉัน
รักสั้นๆ จริงๆหนอเรา
บ้านเราท้องนา
เช้าขึ้นมาฟ้าผ่อง
ลมบ้านเราพัดล่อง หนาวก็หนาว
คนกรุง คงจะถูก
กักตัวไว้เขาไม่ให้มา
สาว บ้านป่า ก็คงจะเลิกคอย...
******
พุด..กำลังเรียบเรียงผลงาน
มิให้สับสนค่ะ
ต้องขอโทษด้วยค่ะ
15 ธันวาคม 2546 01:12 น.
พุด
แพม ขอบคุณมาก
ที่มีท่านผู้อ่าน ที่แสนดี มากมีน้ำใจ
ที่ได้ให้กำลังใจ และยกย่อง เรียกว่า นักเขียน....
สารภาพนะคะ..ว่าจั๊กกระจี้
และแสน ละอายใจ ที่ได้ยินได้ฟัง ใครมาเรียกอย่างนี้
ทั้งๆที่อยากจะเป็น อยากจะรับไว้ใจจะขาด...
โอ้.. คำที่แสนดี....นักเขียน...อื้อฮือ...
ช่างแสนสวย แสนงาม ในความรู้สึก
แต่ขอบอก..นะคะ ว่า..มันคงเป็นไปไม่ได้.
เพราะคำคำเดียวนั้นมัน..ยิ่งใหญ่..
ไกลเกินคำว่า... ดาวเอ๋ยดาวน้อย
ที่ลอยสูงเด่น..ซะอีกนะ แม้อยากจะคว้าไขว่
คำว่า นักเขียน นั้น
สำหรับในใจในความรู้สึก ของแพม
มันล้ำลึก ลึกลับเลอเลิศ สูงค่า สูงส่ง
ราวกับดาวอังคาร ที่ไกลเกินเอื้อมเลยค่ะ ไม่ใช่ดาวน้อยธรรมดาๆ
ยิ่งได้อ่านผ่านตา
วิถีคนกล้าของการฟันฝ่า
เพื่อมาเป็นนักเขียนใหญ่ อย่างกวีซีไรต์
ของคุณ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์
ที่รักจะเขียน วรรณกรรมเพื่อชีวิตแล้ว...
ยิ่งเหี่ยวห่อ เป็นยิ่งนักนะใจ ไม่ใช่อย่างอื่นเหี่ยว....นะคะ
เพราะ..หนังสือ เล่มล่า
ชื่อ หุบเขาฝนโปรยไพร
ของคุณกนกพงศ์นั้น
ยิ่งตอกย้ำทำให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า...
คนเราจะเป็นนักเขียนที่ประสพความสำเร็จได้นั้น
ต้องมุ่งมั่น มากมีความเพียรพยายามเพียงใด
บางคนถึงกับต้องเสียสละ ความรักแบบครอบครัว
เพื่อเอาเวลามาทุ่มเท ให้กับงานฝัน
งานจินตนาการ งานเขียน
ที่ต้องใช้ความคิด คิด และคิด
เพื่อ..ก้าวผ่านพ้น คำว่ารักแบบดึงแข้งดึงขา
ที่จะแย่งเวลา แย่งความสงบ ..สมาธิ...
นี่คือ นักเขียนที่หวังสูง มีอุดมคติมากล้น เกินคนธรรมดาๆ
บางที อ่านไปอ่านมา
ถึงการต่อสู้กับความต้องการของตัวเอง
แล้วก็เศร้าแทน คุณกนกพงศ์
แพมคิดว่า ไม่มากไปหน่อยหรือ คุณกนกพงศ์ คะ!
แต่คนเรา
มักคิดอะไรต่างกันในมุมมองของชีวิต
แม้วิถีนั้นมันจะสุดโต่ง
แต่เขาก็ทำด้วยความรัก ความพอใจนี่นา
แล้วเราจะมาเอาศีรษะ ไปหนักแทนทำไมกัน....
แต่ขอบคุณนะคะ
ที่เป็นแรงบันดาลใจ บันดาลฝัน ให้แพมสามารถ รจนา
เรื่องจากดวงจันทร์ ถึงดวงใจได้เรื่องหนึ่ง หลังอ่านจบ
นี่ถ้าไม่อาย
จะส่งไปให้คุณกนกพงศ์อ่าน นะท่าจะดี
แค่อยากบอกเป็นนัยๆว่า
ทำอะไรน่าจะเดิน สายกลาง
ให้มีความพอดี ความว่าง ความพอใจ น่าจะเข้าทีดีที่สุด
สำหรับแพม คิดว่า
ถ้าต้องแลกกับคำว่า..
นักเขียน..ยิ่งใหญ่ไปถึงโลกไหนในอนันตกาลจักรวาลสุดหล้า..
ด้วยชีวิตที่ว่างเปล่า เหลียวไป ไม่มีรัก
ไม่มีอบอุ่น แบบปุถุชน คนเดินดินแล้ว
แพม...คงไม่...ขอเป็น จะดีที่สุด
และเพราะรู้ว่า อยากแค่ไหน ก็ใช่จะเป็นได้ทุกคนซะเมื่อไหร่....
คนมีอุดมคติสุดขั้ว ในโลกนี้ มีมากพอแล้ว
ขอให้เขาเดินไปในเส้นทางนั้นเถิด
ถ้าเขามองเห็นทางนั้นสวยสด
และถึงฝั่งฝันได้อย่างไม่ยากเย็น...
แพม..ทนขวากหนาม
ความอดทน ความยากลำบาก
เพื่อพิสูจน์คุณค่า ในตัวเองไม่ไหวแน่
คงพ่ายแพ้เพลี่ยงพล้ำ เสียก่อน
เพราะพลังใจไม่กร้าวแกร่งพอ
จึงขอสดุดี..นักเขียน
และศิลปินทั้งหลาย ในหล้าโลกนี้
ที่ประสบกับเกียรติยศ
กับความชื่นชม ความสำเร็จ
สามารถก้าวพ้นผ่าน ด่านอรหันต์ มหันตภัย
จนได้ฝากผลงาน ไว้เพื่อเป็นเกียรติ
เป็นประวัติศาสตร์ของชีวิต และของโลก
แพม...ขอก้มศีรษะและดวงใจ ลงคารวะ
แด่ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ที่น่าชื่นชมสุดขั้วหัวใจ
แพม..เป็นแค่..นักอยากจะเขียนแค่นี้ ก็แสนดีแล้ว
เพราะทุกวันนี้ก็มีคนตัดพ้อ
และเหน็บแนม แกมประชดแพม
ด้วยสมญานาม มากมี....เช่น
โคโค่เพ้อ โคโค่พลอมแพลม
ลับๆล่อๆแล้วแต่สถานการณ์อารมณ์
ที่เป็นดั่งนี้..เพราะเหตุว่า..... เวลาในชีวิต
ได้ถูกงานเขียนมาแบ่งปัน
ไปบางส่วนและมากมีในบางวัน...
บางคืนค่ำ นอนอยู่ดีๆ ก็เหมือนผีเข้า
เด้งดึ๋งได้ แบบนักยิมนาสติก ไวปานนั้น
เพราะคิดคำกลอนได้
แม้จะธรรมดาๆ แต่สำหรับแพม...
มันแสนดี มีค่ามากเลย
ที่อยากมอบให้ ผู้อ่านผ่านตา นะคนดีที่รักยิ่ง.....
และเชื่อไหมว่า
ตั้งแต่มาจับงานเขียน แบบมือใหม่สมัครเล่นแล้ว
ไม่ว่าไปไหนๆ ใจดวงที่ปลอดโปร่งโล่งงาม
ก็ไม่วายจะสรรหา เรื่องมาคิด คิด คิด
ทั้งที่มีสาระและไม่มี
ที่มัก จะออกมาในแนว
พร่ำเพ้อละเมอหารัก เสียเป็นส่วนมาก
เพื่อ เสนอสนองอารมณ์
อยากเขียนของตัวเองนะซี จะมีอะไร
บางทีคิดเอาว่า น่าจะมีใครสักคน รู้ใจ
ราวเพื่อนร่วมฝัน ร่วมเส้นทางแห่งกำลังใจ
ที่ทอดยาวไกล ให้เดินดุ่ม ค้นหา ไม่รู้จบ..
เพื่อมอบสิ่งดีๆ ที่อยากรินรด จ่ายแจก
ให้เห็นงามตามกันไป ใน ทางสายสวยใส เส้นนั้น
ชีวิตนี้...จึงราว..ถูกพันธนา
ด้วยความฝัน อันอลังการ
ตามประสาใจคนอยากเขียนอยากถ่ายทอด
ที่รอเวลาจะระเบิดพวยพุ่ง..
เป็นความฝันที่แสนงามราวสายรุ้ง...เลื่อมสี.
แม้นมิเคยคิด คาดหวัง
ไฉนเลยใจยังเป็นไปได้ถึงเพียงนี้...หนอ
ที่ ทั้งทุ่มเท ทุ่มใจ ไม่เหน็ดเหนื่อยเลย
งานการเขียนนั้น
ถ้าจะให้ดี ต้องเขียนให้ถูกใจผู้อ่าน
และมีสาระ ย่อยเรื่องยาก
ให้กลายกลับเป็นเรื่องง่ายๆ น่าสนใจติดตาม
และ...ยังมีกลวิธีซับซ้อน
ที่เป็นเทคนิคในการเขียนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน.....
นักเขียนส่วนมาก
มักผ่านการเป็นนักอ่านตัวยงมาก่อน
แล้วลองพัฒนาตัวเอง พยายามลองเขียนดู
ถ้าไม่รักการอ่าน
อยู่ๆจะเขียน คงต้องเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์
และมีความเป็นอัจฉริยะ ในตัวตน..อย่างล้ำเลิศ...
เขียนมายาวย้วย
เพียงอยากบอกว่า ชีวิตแพม..ช้าไป แล้วต๋อย
ที่จะทุ่มเทมากมายกว่านี้ได้ จนหมดใจ
เพราะหมดไฟหาหนทาง....
ที่จะก้าวย่างไปไกลสู่โลกบรรณพิภพ ของคำว่านักเขียน..
อยากฝากใจ ฝากบอก
ถึงนักเขียนสมัครเล่นรุ่นใหม่..แค่นั้น
ที่ยังเป็นคลื่นลูกใหม่ไฟฝันยังแรงร้อน ว่า....
ทุกสิ่ง ไม่ไกลเกินเอื้อม ถ้าเริ่มวันนี้
เพราะยังมีหนทางไกลให้ลองก้าวเดิน
จงทำด้วยใจ ด้วยรักนะคะ
และ..แพมคนนี้....
จะขอเคียงข้างให้กำลังใจ....ไปเสมอ
เพียง..แค่ขอ..เห็นใครสักคน
สานฝัน....ในใจแพมนั้น...ให้สำเร็จ เป็นจริง
ด้วยรักนี้..จากใจโคโค่แพมนะคะ.
แด่นักเขียนสมัครเล่นทุกท่านในร่มรักเรือนไทยนี้....
ที่ให้โอกาสเราทุกคน
ก้าวเดินไป...ตามหาฝัน..วันแสนดี...แสนยิ่งใหญ่..ของเรา ค่ะ
15 ธันวาคม 2546 00:35 น.
พุด
จากดวงจันทร์ถึงดวงใจ!
กวีหรือนักเขียน ศิลปินหรือผู้สร้างงานศิลปะ
ประชาชนคนเดินดินธรรมดาๆทุกๆคน
ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นอาร์ติสก็ได้
ขอเพียงแค่ให้ มีใจดวงละมุน..
มักจะใช้จันทร์ฉาย จันทราจากฟากฟ้า เป็นแรงฝัน แรงบันดาลใจ
ทั้งดาว เดือน ดาริกา ผีเสื้อ
และมวลหมู่ดอกไม้ ท้องฟ้า ผืนดิน
ธรรมชาติรายรอบ ที่งามสิ้นในโลกหล้าจักรวาล
คือสิ่งที่หล่อหลอมให้บรรดาศิลปิน
และผู้อยากจะเป็นได้ฝันใฝ่ไม่รู้สิ้น
มีจินตนาการอันบรรเจิด..เพริศแพร้วมลังเมลือง..เกินธรรมดาๆ
ถ้าเอาแต่มองน้ำครำ
หรือมีชีวิตลำเค็ญท้องกิ่ว ไม่มีจะกิน
ก็คงคิดอะไรไม่ออก
ถ่ายทอดออกมาเป็นจินตนาการได้ยากยิ่ง
เพราะคงได้ยินแต่เสียงท้องร้องจ้อกๆ
แทน ท้องทุ่งนา ป่าเขา ลำเนาไพร
ข้าวรวงเรียว ที่เห็นก็อยากแค่เอามาเคี้ยว
แทนการเขียนบรรยายให้เห็นแค่งามนะซี....
มีเหมือนกัน ศิลปินไส้แห้ง
ที่มีอุดมคติ ที่ทำงานด้วยใจรัก แต่มักจะอยู่สร้างฝัน
ไม่ได้นานรีบ ตายเสียก็เยอะ
เพราะโรครุมเร้า เล่นงาน จนทุกข์ทน..
เหมือนดั่งพระพุทธองค์
ที่ทรงแสวงหาทางสู่นิพพาน ความว่าง
ความตรัสรู้ ด้วยการบำเพ็ญทุกกริยา
เพียรทรมานทรกรรมร่างกายจนผ่ายผอม
จนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ก็หาได้บรรลุไม่..
เพราะเป็นทุกข์ใจกับสังขารจนไม่มีสมาธิ...
พระองค์จึงหันกลับมาเดินทางสายกลาง
ทางสายที่พอดีๆไง ไม่หลงใหลในรูปรสกลิ่นเสียง ตู้เตียงฟูกหนา
หรือแม้แต่กามโลกีย์ เพียงแต่ปล่อยวางเพื่อพบความว่าง
จากทุกสิ่งที่จะทำให้ไม่ยึดติด และไม่ทำร้ายตัวเองอีกต่อไป..
อดหยากมากไป
ใจของเราก็จะกระวนกระวาย สับสน
คิดแต่เรื่องหาใส่ปากใส่ท้อง
ที่ร้องจนน่าตกใจ พาให้รบกวนสมาธิ และพลังงาน การสร้างฝัน
ใช้ชีวิตสุดหรู เกินไป
ไม่ ติดดินเอาเสียเลย ก็เป็นศิลปินยาก
เพราะต้องอาศัย ความโดดเดี่ยว
ให้มีสมาธิ ที่ต้องนำมาใช้เขียน
ใช้คิด ใช้จินตนาการ ให้งานออกมาจากกระพี้
แห่งความจริงแท้แน่นอนของชีวิต
ที่มีความคิด คิด คิด เป็นเครื่องมือ
ตอนสมองว่างๆ อย่างผู้ที่หวังผลิตงาน
คือการเขียน เป็นเป้าหมายและผลผลิต.....
ถ้าร่างกาย ทรุดโทรมมากเกินไป
ด้วยโรคภัย สมองที่ไหนจะมาสร้างฝันแสนสวย แสนดีอยู่ได้
เพราะฉะนั้น สัจจธรรมที่แท้
ไม่ว่าจะเป็นนักเขียน หรือนักอะไร
ต้องมีความเป็นกลาง ความรู้จักคำว่าว่าง รู้จักคำว่าพอดีๆ..
ถ้ายอมทรมานตัวเอง เพื่อค้นหา
ยอมทิ้งความสุขทุกสิ่งอย่าง
มันก็ดี แต่ต้องมีขันติ และอดทนเป็นเลิศ
กว่าจะไปถึงดวงดาว
อาจจะยอม ท้อแท้ แพ้พ่ายเสียก่อน..
กว่าจะไปถึงคำว่าศิลปินใหญ่
น่าจะมีสองสิ่ง คู่กัน คือพรสวรรค์ พรแสวง...
สำหรับดวง มาจับปากกาเอาตอนนี้
และที่เขียนด้วยความรัก
ความสุข สบายใจ จะดีหรือไม่ ก็คิดว่านั่นคือผลพลอยได้
เหนือสิ่งใด คือเราต้องทำด้วยใจ ด้วยความรัก ความสุข
ฝากบอกทุกดวงใจวัยอลวน ลองเริ่มต้น
ตั้งใจเขียนนะ แสวงหาแนวทาง
และค้นคว้าอย่างตั้งใจซี
ทำมันให้ดีด้วยชีวิตด้วยดวงใจทุ่มทั้งดวง
เพื่อเก็บดาว.....พราวพรายฟ้า มากมี
ที่ทอแสงรอท่า นำมาประดับใจ
ประดับเกียรติ ให้ภาคภูมิ
อ่านให้มาก คิดให้มาก
และเปิดใจกว้าง กับทุกเรื่องราว ให้เข้ามาเป็น
ประสบการณ์ชีวิต ไม่ว่าร้ายหรือดีก็มีคุณค่า
ถ้านำมาเป็นบทเรียนสอนใจ
ให้มองโลกเป็น เห็นงาม เห็นความว่าง ความพอดี....
บางที เวลาดวงเข้าร้านหนังสือ
จะได้สัจจธรรม นำมาสอนใจนะ
ว่าโลกนี้มีหลายเส้นทาง
เพราะหนังสือยังมีหลากหลายรูปแบบ
และแนวทาง ของใครของมัน..
ทั้งวรรณกรรมเพื่อชีวิต ทั้งข้อเขียนขำขัน
ให้ความบันเทิงใจ ทั้งศาสนา ปรัชญา
นวนิยาย งานแปล งานประดิษฐ์ มากมายรายเรียง
และสุดแท้แต่นักเขียนจะถนัดแนวไหน
ให้เลือกหามาอ่านตามรสนิยม....
ดูแต่งานเขียนของ คุณอุดม แต้ สิ
ที่เขียนจนสนั่นเมือง เพราะสามารถถ่ายทอดเรื่องราว
สนุกสนานใกล้ตัว มาปรุงรสชาติ
ให้มันส์ ให้ถูกใจวัยรุ่น ในวันนี้
จนขายดีต้องพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
ดวง....อ่านงานหลากหลาย
และแม้แต่นิยายประโลมโลกย์ ประโลมใจ
ในวัยวันหนึ่ง ของชีวิต
เพราะเวลานั้นอ่านแล้วมันแสนจะโดนใจ
ในเวลานี้
หันมาอ่านหนังสือศาสนา ปรัชญา
และวรรณกรรมเพื่อชีวิต
และค้นพบว่า จริงๆ งานที่ดี
ที่ชอบคืองานที่เรียบง่าย ใช้ภาษาบริสุทธิ์ใสใส
ทั้งที่ตัวเองแสนจะยอกย้อน เวลาพรรณณา....ในงานเขียน
แม้ใจอยากเขียนแบบนั้น
แต่ก็เขียนไม่ได้ ไม่ถนัด
และพยายามไม่ฝืนใจ
แปลกดีไหม ที่เขียนได้แค่นี้
และยอมรับคำว่า นักเขียนเรื่องน้ำเน่า....
ที่เป็นทัศนะของท่านผู้อ่านบางคน....
ถ้าเป็นน้ำเน่า
ก็ขอแค่ ให้ข้อคิด ในงานเป็นดั่งสะพาน ดั่งบันไดไม้ที่มากมีรัก
เพื่อให้ผู้อ่าน ข้ามผ่าน ไปสู่สิ่งที่ดี
ที่สร้างสรรกว่า..ของชีวิต และให้ปีนขึ้นไป
พบความสวยงาม ที่รอท่าต้อนรับ
ผู้ที่รักงานเขียน และมีความเพียรพยายาม
กับงานที่ต้องขับเคี่ยวกับตัวเอง
บนความว่างเปล่า ของหน้ากระดาษ ที่รอให้รจนา
ออกมายังประโยชน์แก่โลกใบนี้ ที่บิดเบี้ยวขึ้นทุกๆวัน....
ขอให้พบกับโชคดี ที่ฝัน ที่ต้องการนะคะ
จากดวงจันทร์ ถึงดวงใจ และจากผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อดวง..
ที่พร้อมจะเคียงข้างเป็นกำลังใจ
ด้วยรักและปรารถนาดีนะคะ