11 สิงหาคม 2548 17:05 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6196.html
(บทเพลงพระราชนิพนธ์*รัก*)
ดวงใจ...ของหทัย
ในขณะที่พี่อ่านจดหมายฉบับนี้
พี่คงเหน็บหนาว...
กอดปืนอยู่ที่ไหนสักแห่งในป่าไพร
แถวสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ที่คงเต็มไปด้วยภัย..ภยันตราย
ที่พี่เคยกระซิบบอก กับหทัยว่า
ตราบใดที่ลมหายใจพี่ยังมี
พี่คนดี จะพลีแม้นเลือดหยาดสุดท้าย
ที่จะฝากรินรดไว้ให้กับมาตุภูมิทองแผ่นดินแห่งผองเรา
พี่คะ
พี่จำได้ไหม..
คืนที่
กลางชานเรือนไทยของเราหอมด้วยกลิ่นราตรี
และมวลบุปผามาลีฝากหวานเศร้า
อย่างลีลาวดีที่ดูราวกำลังสยายกลีบร่ำไห้
ยามใกล้ถึงเวลา
แห่งการพลัดพรากจากกันไกลตาทว่าใกล้ใจระหว่างเรา
คืนที่
เดือนเคยพูนดวง
ยามพี่ประคองนวลแนบเนื้อหทัย
ให้ไหวหวาน อิ่มสุขเสมอมา
หากราตรีนั้น
ดูราวกับว่า
เดือนดาวต่างพากันถวิลเทวษ แสนทุกข์ทนแทน
เป็นคืนแรม
ที่ฟ้าหมองราวรับรู้
คืนที่ฟ้าดิน อินทร์พรหมยมพญา
คงพากันมาพร่างพรมอวยพรให้เราทั้งคู่ได้รู้ทำใจ
ให้ใสว่าง กระจ่างจิต อย่างผู้รู้ตน
ที่จักมีชีวีดำรง ธำรงตน
อย่างงดงาม อย่างสมภาคภูมิ
อย่างมิเสียชาติเกิด
ที่ได้เกิดมาในหล้า
ใต้พระมหาบารมีแห่งเบื้องพระยุคลบาท
แห่งพระบรมมหาราชจักรีวงค์
ใต้ร่มพระเศวตรฉัตร
ที่ดำรงธรรม ดำรงไทย
ให้สว่างไสวดั่งเพชรกล้าในฟ้าพุทธภูมินี้
ที่เราแสนโชคดีนักนะที่รัก
ได้เกิดมา พบชาติ ศาสนา และพระมหากษัตรย์เจ้า
และ...
สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
คู่ขวัญหทัยแห่งพระสยามเกล้าเจ้าแห่งแผ่นดินสยาม
อันสงบสุขแผ่ไพศาล ไปทั่วโลก
ที่ต่างกล่าวขานยกย่องสดุดี
ชื่นชมโสมมนัสในน้ำพระราชหฤทัย
และ
ได้ทูลถวายรางวัล
อันยิ่งใหญ่แด่พระองค์ท่านทั้งสองอย่างมากมาย
ในพระราชกรณีกิจ
ที่ได้ทรงเพียรอุทิศเสียสละหยาดพระเสโท
ราวหยาดสายพระโลหิต
เพื่อพิชิตความยากไร้
ให้คนไทย ในแผ่นดินธรรม
ได้คงยังมีผืนดินทอง
ได้ครอบครองเพื่อดำรงชีพ
ได้พลีชีวิตเพื่อพบน้ำอมฤตธรรม
ได้ฝากฝังงามให้แด่ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า
อย่างสมค่า คำมนุษย์ ผู้สุดแสนประเสริฐใจเป็นยิ่งนัก
พี่คะ
คืนที่พี่เข้าไปยังหอพระเพื่อกราบลา
และ
บอกให้หทัยเพียรอธิษฐานจิตตาม
คืนที่สองเรางามเศร้าในท่ามเทียนทอง
ที่เราพลีถวายจุดเป็นพุทธประทีปบูชา
พี่คะ
คืนที่เราสองกราบพระนิ่งนาน
และเพียรนั่งสมาธิภาวนา
รักษาจิตให้สงบ
และ
เพื่อพบว่า
น้ำตาแห่งปิติเกษมของเราทั้งคู่พร่างพราย
ร่วงรินคล้ายหยาดเพชรร่วง
อย่างที่นานๆที
ที่น้ำตาลูกผู้ชายชาติทหาร..อย่างพี่จะร้องไห้
ในท่ามงามเงียบเฉียบเย็น
ราวโลกกำลังจะหยุดหมุนรับรู้
สายน้ำตาที่หลั่งริน
มิได้แสดงถึงความสูญสิ้นใดๆ
หาก
พี่เพียงกระซิบริมแก้มหทัยว่า
น้ำตาพี่วันนี้
พี่ขอฝากพลีบูชาแทนความรู้สึกทั้งปวง
ที่ซ่อนซึ้งอยู่ ณ ภายใน
ที่มีผู้หญิงสองคนในดวงใจเท่านั้น ที่จะได้เห็น
หญิงหนึ่งคือ
แม่ ที่พี่แสนรักเทิดทูน
และ
อีกหนึ่งหญิงคือ
*เทวีแห่งหทัยถวิลสวาทเสน่หา
คู่บุญญาบารมีคู่ธรรมทอง*
และ
น้ำตาพี่...ที่หทัยคิดว่ายิ่งใหญ่ในราตรีนั้น
ราวกับฟ้าร้องไห้ไปพร้อมๆกัน
ที่...
พี่ขอพลีพร้อม
ให้กับชาติบ้านเมืองหากเกิดเหตุการณ์วิกฤต
ที่
พี่บอกว่าทั้งร่างจิต ดวงวิญญาณชีวิตพี่นั้น
ยอมแลกได้อย่างมิกลัวตายเลย
ขอเพียงให้ร่างได้ตายภายในสนามรบ
อย่างนักรบคนกล้า
ที่รอท่าให้ปลายดาบ
ได้ลิ้มรสเลือดศัตรูผู้คิดทำลายแผ่นดิน
ให้สิ้นซาก..!
และ
ทุกหยาดเลือดรักภักดี
ได้ใช้ชะโลมหล้าดั่งสายธาราระริน
จนตราบสิ้นหยดสุดท้าย
เพื่อแผ่นดินแม่มาตุภูมิ
และ....
หากจะมีน้ำตา
ในวันเหว่ว้าเดียวดาย
ไร้อ้อมตักอ้อมใจ
ไร้มือแม่ยอดดวงหฤทัยคอยปิดเปลือกตาให้
ก็ขอเพียงพลีให้กับความปิติเกษม
ยามใกล้นิทรานิรันดร์
ขอให้ได้หลับตาตายอย่างชายชาตินักสู้ผู้กู้ชาติ
ให้ร่างฝากไว้ใต้ผืนธงไตรรงค์
ได้ทำหน้าที่ชายชาติทหารไทย
ผู้มีใจเหี้ยมหาญอย่างสมภาคภูมิ
คนดี..
หทัยทราบว่า
นั่นคือนาทีแห่งความยิ่งใหญ่
วันที่พี่ทราบดีว่า เป็นวันที่พี่มากราบลา
ณ..เบื้องหน้าพระพักตร์พระพุทธ
ที่คือที่ยึดเหนี่ยวเกี่ยวใจ
และ...
ลาหทัยซึ่งอาจจะเป็นการจากลาตราบชั่วนิจนิรันดร
และ
ระหว่างเรา..
พี่เคยเพียรสอนเพียรบอกว่า
*ในคืนวันแห่งกาลเวลาที่พี่มิอาจอยู่ชิดใกล้หทัย*
หากให้ดวงใจหทัยจงจำไว้ให้แม่นยำ
ว่า
แม้นร่างจำห่างหทัยไปไกลสุดหล้าฟ้าดิน...สักเพียงไหน
หากดวงใจพี่...ไม่เคยถวิลอยากพรากไกลไปไหนเลย
ทุกห้องหัวใจพี่
ได้พลีลั่นดาลรักสลักปิดให้สถิตสนิทเสน่หา
ให้ฝังฝากไว้ณ..กลางใจดวงหทัยแม่ยอดรักแล้ว
จะกี่ภพกี่ภักดิ์ก็จักรักเพียงหทัยเจ้าคนเดียว*
พี่คะ...
หทัยทำตามคำขอพี่
ว่าจงอย่าพลีน้ำตารอ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามที
เพราะชีวีชีวิตพี่นั้นแสนอิ่มสุขนัก
ยามที่พี่ได้พรากเรือนรักเรือนใจจากหทัยไป
เพื่อทำหน้าที่แสนงามยิ่งใหญ่ เกินใดจะประมาณ
ในชั่วลมหายใจหนึ่งนี้ที่แสนสั้นนัก
ในท่ามเกลียวโลกโศกระทม
ที่ผู้คนจักเพียงคอยแย่งชิงประหัตประหาร
อย่างไร้ความเมตตาปรานี
ที่ทุกประวัติศาสตร์สอนใจไม่เคยมีใครจดจำ
และ
เพียรทำโศกนาฏกรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อย่างโง่เขลาเบาปัญญา
คอยเข่นฆ่าผู้คนบริสุทธิ์ อย่างไร้ความยุติธรรม
คอยห้ำหั่นอย่าเลือดเย็น ให้แผ่นดินลุกร้อนเป็นไฟ
ทุกสายน้ำใส นาข้าวไสวดั่งรวงทองผ่องพรรณราย
ทุกแมกไม้ชายคาบ้านเรือนที่เคยสุขสงบ
กลับต้องมาพบแต่ความวิโยคโศกเศร้าสะเทือนใจ
ไหนจะต้องพรายพลัดพราก จากกัน
ไหนจะระส่ำระสาย คล้ายไร้รัก สามัคคี
ไม่รู้ดีชอบประกอบบุญ
มิรู้คุณแผ่นดินที่ให้ข้าวแดงแกงร้อน
ให้ที่นอนหลบพัก หลับตา
ให้ได้รู้จักความสุขสงบแสนมากมีค่า
พบความงามเงียบสมถะพอเพียงเพียงพอ
คนดี...
ใจหทัย ไม่มีอะไรจักทุกข์เทวษเท่า
ยามได้ฟังกระแสพระราชเสาวณีย์
ของ*สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ*
ที่...
ทรงเฝ้ารับสั่ง
ด้วยความห่วงใยด้วยน้ำพระทัยล้นพระเมตตา
ที่มิปรารถนาทรงเห็นความเลวร้ายแห่งคนไทยด้วยกัน
ที่ต้องมารบราฆ่าฟันกันเอง
ที่มิหันหน้ามาปรองดองสมานฉันท์กันดั่งน้อง..พี่
อย่างที่เรา
ต่างก็อาศัยใบบุญแห่งร่มพระบารมีพระโพธิคุณ
พระบรมโพธิสมภาร มาอย่างยาวนาน
ให้ลูกหลานได้มีผืนพสุธาหยัดยืน
ได้มีธรรมธาราทองคอยพายพาล่องสู่แดนพระนิพพาน
ให้ได้พบความยิ่งใหญ่แห่งผืนดิน
ที่มิเคยสิ้นสงบสุขมาชั่วลูกหลาน
ได้สร้างบ้านสรรเมือง
ให้เรืองรุ่ง
ด้วยขนบธรรมเนียมประเพณี อย่างแสนมีความสุขสงบเย็น
เป็นแบบอย่างอันแสนร่มเย็นให้ทั่วโลกได้ประจักษ์
พี่คะ...
หทัยจึงภูมิใจ ที่พี่ได้ทำหน้าที่ยิ่งใหญ่
แม้นเราจะเป็นเพียงธุลีหล้าข้าไท
หาก
ได้ทำหน้าที่
ปกบ้านป้องเมืองจากการรานรุก
จากทุกอริราชศัตรูผู้มาบุกโหม
มาหยิบยื่นให้แผ่นดินเรานี้ลุกเป็นไฟด้วยใจมืดดำ
และ
เราจักทนนิ่งเฉยมิได้
ในความอยุติธรรมมาทุกยุคทุกสมัย
เสมือนเรา
มีวิญาณนักรบไทยผู้กล้าในดวงใจ
และ
เสมือนดั่งบทเพลงชาติเรา
ที่ฝากบ่มกล้าไว้ในเนื้อใจ
*ให้ไม่รานรุกผู้ใด
แต่ทว่ายามมีศึกสงคราม
ก็จักหาได้ขลาดกลัวไม่
ให้โลกได้รู้ว่า
หัวใจเราคนไทยนั้นทรนงองอาจ
และมิขาดรักสามัคคี
ที่พร้อมจะพลีชีพเพื่อความถูกต้อง
และ
จักไม่ยอมพ่าย
ให้กับความอำมหิตโหดเหี้ยม
ที่มาเข่นฆ่าเอาชีวิตคนไทยด้วยกันเอง
ที่ฆ่าได้แม้นกระทั่งกับพระสงฆ์องค์เจ้าและผู้บริสุทธิ์..
และ...
พี่คะ...วันนี้ ...
เป็นวันที่
*ดวงพระประทีปจากสายใจไทยทุกดวง*
จะได้ร้อยรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน..นับหกสิบล้าน
ให้ตระการไสวไปทั่วทั้งราวไพรพนา
และ
ราวฟ้าราวเมืองสวรรค์เมืองฟ้าอมร
ให้ทวยเทพเทวาฟ้าดินมาเป็นพยาน
ให้ลูกหลานไทยได้ตระหนักถึงค่าแห่งความจงรักภักดี
และ
ร่วมพลีจิตก้มถวายอัญชุลีศิระกรานแทบเบื้องบาทแห่งพระองค์
ให้พระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
พระผู้งามเลิศงามใจเกินกว่ายอดหญิงใดในปฐพี
งามหทัยเทวีดั่งหยาดฝน
ดั่งน้ำมนต์ทิพยพร่างกลางหล้าให้ฉ่ำเย็น
ดั่งหยาดฟ้าเลอสรวงสวรรค์
เกินกว่าดาวดวงแห่งห้วงอนันตจักรวาลวรรณพิภพใด
เกินกว่าใจจะสดุดีรำพัน พลีได้หมด
ในทุกอณูแห่งหยาดน้ำพระราชหฤทัยมากพระเมตตา
เปี่ยมท้นท่วมด้วยความเสียสละ
มากพระอัจฉริยะที่ทรงมองเห็นการณ์ไกล
จึงมีพระราชดำริให้มีโครงการต่างๆไว้มากมาย
เพื่อให้คนไทยได้มีที่ทำกินให้อยู่ดีกินดีมีสุข
เช่น
โครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง
ที่ให้นักวิชาการมาเผยแพร่ให้ราษฎรในสามจังหวัดภาคใต้
ได้รู้วิธีสร้างฟาร์มปลาเลี้ยงสัตว์และเพาะปลูกอย่างถูกต้อง
ไหนจะพระราชเสาวณีย์เกี่ยวกับ
โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่
ที่สอนให้รู้อนุรักษ์ป่าใหญ่ไพรกว้าง
ให้เลิกทำลายต้นน้ำลำธารรู้รักษ์หวงแหน
และ
ถนอมสัตว์ป่านานาพันธุ์อันหายาก
ที่อาจจะจะสูญพันธ์ไปในไม่ช้า
ไม่ว่านกหรือเต่าทะเล
และ
ยังมีโครงการต่างๆที่สำคัญอีกมากมายนัก
เช่น
โครงการศิลปาชีพที่เป็นที่รู้จักกันดีมาอย่างช้านาน
ว่า
ได้สร้างสานฝึกฝน
พัฒนาคนระดับรากหญ้าของประเทศ
ที่แสนมีฝืมือ
ให้ได้เลื่องลือเล่าลือเป็นที่ประจักษ์สายตา
แก่ทั้งชาวโลก และชาวไทย
ให้คนศิวิไลซ์รู้คุณค่าการสร้างงาน
การอนุรักษ์การทอผ้าพื้นบ้านภูมิปัญญาไทย
โครงการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม
และ
งานมืฝีอไทยทำไทยใช้ไทยเจริญ
ที่ทำจากมันสมองและสองมือทองของชาวนาไทย
และของผองชนคนยากไร้
ให้ได้มีชีวิตลืมตาอ้าปากได้
และ
ทุกวันเวลานาที
ที่โลกนี้...
ยังมีดวงดอกไม้ สายน้ำใส
มีหวานหอมตระการแห่งพันธุ์ไพรพง
มีนกในดวงใจรักอิสรา
มีฟ้าพุทธภูมิให้มุ่งเพียรทำความดี
พลีจิตวิญญาณไปพบฝั่งฝัน
มีดวงตะวัน จันทรายังคงหมุนเวียนมาประดับโลก
ข้าพระบาททุกร่างใจ
ในผืนดินไทยแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง
ขอพลีแซ่ซร้องร่วมน้อมถวายพระพรชัยมงคล
ด้วยชีวิตจิตวิญญาณ
ให้ทรงพระเจริญ
เป็นขวัญเกล้าชาวไทยไปตราบชั่วกาลนานนิรันดร์...เทอญ
.......................................
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า พุดพัดชา
สมาชิกเรือนนักกลอนไทย ไทยโพเอ็มด็อทคอม
วันศุกร์ที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช๒๕๔๘
พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ
http://www.queen6cyclebirthday.in.th/jur_queen1.htm
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6196.html
รัก...บทเพลงพระราชนิพนธ์
รักทะเล
อันกว้าง ใหญ่ไพศาล
รักท้องฟ้า โอฬาร สีสดใส
รักท้องทุ่ง ท้องนา ดั่งดวงใจ
รักป่าเขา ลำเนาไพร แสนสุนทร
รักพฤกษา รุกขชาติ ที่ดาษป่า
รักปักษา ร้องกู่ บนสิงขร
รักอุทัย สว่าง กลางอัมพร
รักทั้ง รัตติกร ในนภดล
รักดารา ส่องแสง สุกสว่าง
รักน้ำค้าง อย่างมณี มีโภคผล
รักทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่ได้ยล
รักนวลนาง รักจน หมดสิ้นใจ
รักพฤกษา
รุกขชาติ ที่ดาษป่า
รักปักษา ร้องกู่ บนสิงขร
รักอุทัย สว่าง กลางอัมพร
รักทั้ง รัตติกร ในนภดล
รักดารา ส่องแสง สุกสว่าง
รักน้ำค้าง อย่างมณี มีโภคผล
รักทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่ได้ยล
รักนวลนาง รักจน หมดสิ้นใจ...
10 สิงหาคม 2548 09:47 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3700.html
แค่เริ่มต้นบนเส้นทางที่หมายฝัน
ไยไหวหวั่นรับดอกโศกโลกสิ้นซึ้ง
ดอกบัวงามเพิ่งพ้นน้ำรอรักหนึ่ง
หยาดน้ำผึ้งคนรู้ค่ารอท่าใจ..
ตะวันสีไพลโพล้เพล้ดูเหว่ว้า
เพียงนำมารื่นรมย์อย่าตรมไหว
ทางข้างหน้าของเจ้าทอดยาวไกล
เส้นทางใจรอรักหอมในอ้อมดาว
เกิดเป็นชายเก็บน้ำตาไว้อย่าพ่ายแพ้
ตามเกมแก้เกมคนทนปวดร้าว
ทรนงคงมั่นฝันให้จริงทุกเรื่องราว
ทุกย่างก้าวเคล้ากลีบดอกไม้บาน..
เรือลำน้อยคอยคนคู่ควรค่า
ช่วยกันพาช่วยกันพายร่ายหวังหวาน
ถึงฝั่งฝันพลีใจภักดิ์นิรันดร์กาล
อย่าร้าวรานรอรักร้อยสร้อยชีวี..
คำสัญญาแค่ลมลมตรมยึดมั่น
ปีกแห่งฝันวันหนึ่งถึง..อยากลี้
ลืมรังน้อยซอมซ่อเสียคนดี
รังธุลีรอคืนลับดับสู่ไพร..
ดอกไม้ป่าบานไสวไร้ยึดมั่น
หอมห่มขวัญประดับทุ่งรุ่งไสว
รักงามเงียบแตะแต้มโลกใช่หลงใด
เคียงคู่ไพรเคียงคู่ดินมิสิ้นภักดิ์..
อย่าสัญญาอะไรในวันนี้
โลกยังมีคืนวันผันแปรรัก
รักษาใจรักษาขวัญรออ้อมตัก
รอยอดรักดอกเยาว์นานเนาว์ใจ..
ไม่มีจุดจบสุดท้ายที่ปลายฟ้า
หากทว่าหอมกลางใจน้ำค้างใส
ให้ดอกไม้แห่งศรัทธารักนำทางใจ
คลี่กลีบไหวน้ำใจงามลงพร่างริน..
แม้นผืนดินกลบหน้าตาซึ้งเศร้า
ใจดวงร้าวยังร้าวลึกยากลบสิ้น
มันสายเกินกับน้ำคำที่ราดริน
เจ็บจนสิ้น..หวังทุกชาติ..ให้คลาดคลา...
ตะวันใจของเจ้าเฝ้ารอที่ปลายฟ้า
ใช่!ตะวันไพลเหว่ว้าอย่าโหยหา
ตะวันตกดินเคียงคู่ใจยามเยาว์มา
คือใจดวงล้าดวงน้อยรับรอยกรรม...
เส้นทางใจเส้นทางฝันรอเจ้าอยู่
อย่าหลงคู่หลงใครไหวตอกย้ำ
รอเชิดหน้า คว้าดาว โลกจดจำ
ดวงตาช้ำรอหลั่งน้ำตาจากฟ้าบน...
โลกใบนี้เป็นเวทีให้นักสู้
คอยหมุนคู่หมุนใจไม่สับสน
อย่าสัญญาให้ใครไร้ค่าคน
เก็บกมลฝากนิยามงามเนื้อใจ..
ดวงตาจริงหญิงหนึ่งซึ้งซึ้งเศร้า
อาจบอดร้าวลางเลือนสะเทือนไหว
มิอาจเห็นมิรับรู้ดูดวงใจ
เหลือสายใยผ่านดวงตาสวรรค์..ฝันอาภัพ...!!!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3700.html
ม่านไทรย้อย ....อรวรรณ เย็นพูนสุข
ลืม ลืมหมดแล้วหรือไร
แม้จันทร์ ที่เคยเป็นใจ
หลบบัง ร่มไทรย้อยกิ่ง
กระซิบรำพัน
แฝงจันทร์ เคยแอบเอนอิง
หนาวลม แนบอกเธอผิง
สุขซึ้งใจจริง หาใดปาน
ลืม ลืมหมดแล้วน้ำคำ
ซึ้งจำ ติดรอยใจพิมพ์
เคยชิม ว่าเป็นน้ำตาล
ยังหวานตรึงใจ
รสใด จะเปรียบประมาณ
แท้จริง ลมปากเธอหวาน
หลอกฉันมานาน ร้อยหมื่นอย่าง
กิ่งไทร ย้อยร้อยรักไว้
ลมไหวไทรเอน ใจเต้นคล้ายลาง
แอบออดชู้ ชูกิ่งพลาง
ไทรเจ้ากางใบบัง
งามเหมือนดัง ม่านทอง
ลืม ลืมหมดแล้วสายลม
แม้ไทรที่เคยชื่นชม
รื่นรมย์ แทนเรือนหอห้อง
ไทรเอ๋ยเคยเอน
พักเป็น แดนสุขเคียงครอง
เย้ายวน กันอยู่เพียงสอง
ขาดรักไทรมอง หมองวิญญา
กิ่งไทร
ย้อยร้อยรักไว้
ลมไหวไทรเอน ใจเต้นคล้ายลาง
แอบออดชู้ ชูกิ่งพลาง
ไทรเจ้ากางใบบัง
งามเหมือนดัง ม่านทอง
ลืม ลืมหมดแล้วสายลม
แม้ไทรที่เคยชื่นชม
รื่นรมย์ แทนเรือนหอห้อง
ไทรเอ๋ยเคยเอน
พักเป็น แดนสุขเคียงครอง
เย้ายวน กันอยู่เพียงสอง
ขาดรักไทรมอง หมองวิญญา...
9 สิงหาคม 2548 19:26 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2379.html
(วนาสวาท)
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song401.html
(ฟ้าแดง)
.....................
หากตราบใดที่ยังมีสวน
ตราบนั้นยังมีวันข้างหน้า
และตราบใดที่ยังมีวันข้างหน้า
ตราบนั้นชีวิตยังมีชีวา
JOHN RICHARD MORELAND
และ....
หากฟ้ามีตาและสวรรค์มีใจ
คงมองลงมาเห็น*หญิงหนึ่ง*
นอนนิ่งทิ้งตัวเหนือเนินหิน ผาสูง อย่างโดดเดี่ยว เดียวดาย
ผมของเธอสยายแผ่ราวพัดคลี่สีอำพัน
สะท้อนแสงสีส้มสุก ยามตะวันลา...
ฟ้าโพล้เพล้แล้ว ...!
หากราวกับเธอจะไม่ยอมรับรู้กาลเวลา
ในหนาวปรารถนา ....
เธอหลับตา
แล้วใช้หมวกสานปิดเสี้ยวหน้า
บังสายแสงแดดสีทอง
ที่กำลังพรายส่องล่องลอดไล้โลมร่าง
ผ่านกอไผ่ใบเรียวบาง เข้ามา
และ
หากฟ้าสังเกตสักนิด
จะเห็นแวววะวิบวับ
ราวกับหยาดเพชรรุ้งร่วงแตะแต้มตรงปลายตา
และค่อยๆไหลริน ลงมาอย่างช้าช้า ท่ามงามเงียบ
น้ำตา..
ที่พร่างรินมิใช่หมายถึงความสูญสิ้น
หรือถวิลเศร้าถึงผู้ใด
หากทว่าคือ
น้ำตาจากปิติใจเกษมสุข
ในทุกภูมิใจ..
ทุกรอยเท้า
ที่ได้ก้าวเดิน ผ่านมาในทุกลีลาชีวิต
ที่สอนบทเรียนและสัจจธรรมให้กับเธอ
ให้กล้าเผชิญ
ไม่ว่าพายุร้ายจากใคร
หรือใจหวังมากรายกร้ำมาฝากระกำระทม
หาก
หาได้ฝากรอยตรมตรอม
ฤาฝากรอยจำไว้ณ..กลางใจ..ดวงบริสุทธิ์ใสของเธอไม่
ด้วยเพียรอภัยลบลืม มากเข้าใจ เมตตา
และเรียนรู้ค่าคำ
*พลังเกษมแห่งชีวิตให้จงพยายาม
คิดในทางบวกแด่พื่อนมนุษย์เสมอ*
ให้หยุดคิดแค้นเคืองต่อทุกสิ่งที่ไม่ประเทืองประทับใจ
เพียงคิดว่าแค่ ขยะใจขยะใด มิปล่อยไว้ให้ค้างคา
สุดท้ายคือ
เธอปล่อยให้กาลเวลาได้เป็นเครื่องพิสูจน์
ได้เยียวยารักษาใจด้วยตัวมันเอง
ในทุกข์วิบากกรรม วิบากรัก
ที่เคยทุกข์หนัก..วนรักมาย้ำรอย
ให้เธอพลอยก้มหน้ารับชะตา
ยอมรับกับทุกเรื่องราวดินฟ้ากำหนด
ที่ราวกงกรรมกงเกวียน
เวียนรอยถอยกลับมาให้จำต้องชดใช้
และ
ในความไร้แล้งราวจะสิ้นแรงใจไฟฝัน
ได้ฝากให้มีพลังในอีกด้านหากคิดเป็นเห็นงาม
ที่ได้ตามเตือนตอกย้ำฝากความเข็มแข็งไว้ให้
ให้ใจดวงงามยิ่งกล้าฝ่าฟันแข็งแกร่ง
ยิ่งโชนแสงราวเพชรกล้าพร่างใส
มิมีวันหมองมัวด้วยกิเลสใดกิเลสใจ
จากใคร...จากผัสสะใดที่มาพิพากษา
ที่แค่มาสอนมาให้บทเรียน
ให้คิดว่าแค่ลมลมลมมิให้รานไหวระทมนาน
เสียงจั๊กจั่น จิ้งหรีด เรไร
กรีดปีกร้องระงม ไปทั่วทั้งวิมานวนา
ทั้งราวป่า..ลอยลมมาเป็นระยะๆ
จากทุกแนวแถวถิ่นไพร ทั่วทิศทุกทางรายรอบ
เธอเพิ่งจ้างคนงานพม่า...ราว10คนมาถางสวน
เพียงหมดเงินไปยี่สิบพัน
เพราะรวมเป็นสองครั้งแล้วในรอบปี
สำหรับการให้มาฟาดฟันดงหญ้าและกอหนาม
ที่คนงานทุกคน
ถูกกำชับว่า...ให้คิดแล้วคิดอีก
เลือกแล้วเลือกอีก
ก่อนจะฟันฉับลงไป
ว่าจะไม่ไปกระทบกับพันธุ์ไม้ต้นไหนต้นใด
ที่เจ้าของ...รักแสนรัก...หวงแสนหวง..ดั่งดวงใจ
เธอบอกว่าอยากพิทักษ์ปกป้องเอาไว้ให้ตราบนาน
ให้ฝากหวานหวังให้จรัสแจ่มหล้า
ใต้ผืนฟ้า ดั่งรัศมีพสุธา..อัญมณีไพร ณ..กลางเกาะมหัศจรรย์แห่งนี้
ให้ราวกับดินแดนในฝัน สวรรค์พนา
ที่เธอทิ้งร้าง มานานนับสิบปี
ให้แมกไม้นี้ได้เติบกล้า
ดั่งสวนขวัญ สวรรค์สรวง
ดารดาษด้วยพวงรุกขชาติเทวา
จากน้ำมือเทวดานางฟ้า
ที่พากันช่วยมาหว่านโปรยโรยเมล็ดพันธุ์
พร้อมกับพาฝนมาฝากฝัน ให้พลันชื่น
มาโปรยระรื่นร่ำให้มวลไม้รอวันผลิแย้ม แต้มสวย
ไปทั่วทั้งราวไพรเลยทีเดียว
นั่น...
กอรสสุคนธ์มณฑาทิพย์ มณฑาทอง
แสนหอม หวานพรายขึ้นป่ายปะปน
ไปกับพื้นหญ้า
เกาะเกี่ยวด้วยเถาวัลย์ชื่อว่าม่านพระอินทร์
แถมมีดอกไม้ป่าให้ถวิลหอม
ที่รอให้เธอค้อมดวง
มาดอมดมให้มิสิ้นสุดมิหยุดรักได้เลย
ที่เธอเผยว่าอยากจะขนานนามเอง
เธอตั้งใจจะบรรเลงชื่อ
ให้อย่างไพเราะเพราะพริ้งพราว..ฝากประดับหล้าประดับใจ
วันที่ฟ้าคงเฝ้ารอให้เธอกลับมา
และให้สถิตคู่วิมานหล้าวิมานวนา
ฝากจิตวิญญาญ์ร่างใจไว้ที่นี่ไปตราบชั่วกาล
ให้มาแตกช่อกอฝัน มาหว่านหวังหวาน
มาดมกลิ่นระรินบานของหอมอวลมวลพะยอมไพร
ด้วยใจดวงเหว่ว้า
หากทว่าคงสุขล้นจนเกินรำพึงรำพัน....
วันนี้
ริมชายสวนวิมานวนา
มีตะแบกม่วงอมฟ้า
มีศรีตรังสดสะพรั่งแจ่มดอก
มีสักทองออกช่อพราว
มีทองกวาวและเหลืองละมุนช่อชัยพฤกษ์
และ
นับไม่ถ้วนกับอีกพันธุ์พฤกษ์ไพร
ที่เพียงบันทึกไว้ในใจมิได้เป็นลายลักษณ์อักษร
แค่นำมาฝากอรชรเท่าที่พอจะจำได้
คนงานพม่า
ชมเจ้าของสวนตลอดเวลา
ด้วยภาษาพูดไม่ชัด
ที่พาให้เจ้าของสวนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
อย่างพยายามคิดว่านั่นคือความจริงใจ
แบบสบายๆใจ
แบบรู้สึกไม่ค่อยคิดเข้าข้างตัวเองสักเท่าไรเลย
ว่าจริงไม่จริงก็นิ่งไว้ก่อนจะดี...
และยิ่งพาให้ต้องยิ้มขำขำไปตามคำชมมิให้เหลิงลมลอย
ต้องค่อยๆยันเท้าไว้ให้ติดดิน
เจ้าของสวน
ที่จำต้องใส่กางเกงลูกฟูกสีฟ้าแจ่มตัวโปรด
และใส่เสื้อยืดรัดรูปผ้านิ่มนวลชวนฝันสีขาว
ก่อนที่จะทับด้วยแจ๊กเก๊ตยีนส์ตัวเก่งอย่างมิดชิด
ทำไมนะหรือถึงต้องปิดเนื้อหนังขนาดนั้น
เพราะว่า
ป่าทั้งป่าจะฮือกันออกมาด้วยฝูงยุง
ที่แสนชุกชุมจะพากันมากลุ้มรุมกัดกินเลือดอย่างหิวโหย
ให้คันผิวลายพร้อย ห้อยจ้ำเลือดไปทั่ว
เพราะสภาพป่าปิดมานาน
ทั้งๆที่ใกล้ชิดทะเลฝันสวรรค์ลอยนิดเดียวเอง
เจ้าของ
จะใส่หมวกสานปีกกว้างแสนเท่ห์ราวสาวชาวไร่
เพราะกันแดดได้และไว้พัดวียามไร้ลม ด้วย
เธอนอนราวเจ้าหญิงไพร บนเนินผาในท่ามวิมานวนา
เพราะ
คนงานช่วยกันระดมกวาดลานหินอย่างสะอาดงาม
ให้เธอได้พักบ้าง
หลังจากเดินปีนเขาไปมา
จนล้าแรงแล้วไม่รู้ว่าจะสักกี่กิโลเมตร
หากนับเป็นระยะทาง
เธอ ...
จึงนอนแย้มยิ้มยินดีพลีใจฝัน
เมื่อจิตสงบงามดีแล้ว
หลังจากหลั่งรินน้ำตาไปกับฟ้ายามค่ำ
ฟังเสียงเรไรร่ำร้อง
ราวดนตรีธรรมชาติ
มาวาดพลีบูชาเทพแห่งไพร เทพีแห่งไพร
และกับ
ดวงใจแสนรื่นรมย์เป็นสุข
เธอนอนแย้มยิ้ม
เพราะนึกตลกคนงานหนึ่งในสิบ หยิบมือเดียวของเธอ
ที่ต้องนุ่งโสร่งพันทับกางเกงทำงาน
เขาเพียรอธิบายว่า
เพราะทำให้เขาทำงานสบายสะดวกขึ้น
ทั้งๆที่เธอดูจะแสนเกะกะตา หากทว่าเขาบอกว่ามันทำให้ชิน
คนงานคนนี้ที่ตาเศร้า และขยันมาก
ที่เฝ้าวอนของาน
บอกว่าเมียเพิ่งตายได้แค่สองเดือนเอง
และ
ลูกก็ยังไร้เดียงสา รอท่าพ่อหาเงินส่งกลับบ้าน
เขาบอกเมียเป็นไข้ ยามไร้เขาไม่ยอมกินยา กลัวมาก
และหากมีเขาเคียงข้างถึงจะกิน
และ
เธอก็สิ้นลมอย่างอ้างว้าง
ไร้ร่างเขาเคียงคู่ดูลมหายใจสุดท้าย
ที่พรายพลัดไปในยามพลบค่ำ
เพราะ
เขาต้องมาทนตกระกำลำบาก
เพื่อทำงานเพื่อเงินงาม เพื่อปากท้องที่ร้องหิวโหยที่เฝ้ารอ
นี่คือละครโลก ละครชีวิตจริง
ที่มากโศกพรากสุขทุกข์กระหน่ำแด่ผู้ยากไร้
หากยอมพ่ายแพ้...จักหยัดยืนไม่ได้
จักต้องตายไปด้วยความตรอมตรมระทมทุกข์
แต่สำหรับเขาคือผู้กล้า
ผู้ขอทายท้าชะตาโชค
อย่างมิยอมงอมืองอเท้า
จึงทำงานได้ทุกสิ่งอันพันละน้อยค่อยๆเก็บหอมรอมริบ
เพื่อแลกกับการได้ฝันไกลไปให้ถึง
มีเงินสักก้อนหนึ่ง
ไปต่อสายใยชีวิตให้ลูกน้อยตาดำดำ
ที่เฝ้าคอย...
เธอ..จึงแสนเศร้าหากคิดมาก
นอกเสียจากรู้ทำใจให้ใสว่าง
หัดวางว่า *วิบากใครวิบากเขา*
วิบากเรา เราก็รับ
หากให้พิงพักได้
ก็แค่โอบเอื้อช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้
แก่เพื่อนมนุษย์
ผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
เธอ..
จึงนอนนิ่งมิไหวติง มิคิดใดนานให้รานโศกสลดใจ
ทั้งๆที่ในตัวปวดร้าวระบม ราวพิษไข้
จึงแค่ราวนอนสมาธิภาวนา
พยายามใช้ลมหายใจเข้ากำกับไว้ว่า
ให้วาง ว่างใส ไม่เจ็บไม่ปวดรวดร้าวใด
เพียงแค่ตามลมหายใจทุกอณู
นึกรู้ละเมียดละมุน อย่างช้าช้า
ไป
กับฟ้ากว้าง
กับพร่างระยิบใบของพันธุ์ไพรพฤกษา
ที่กำลังร่ายฟ้อนทาบไล้ด้วยพรายแดดสีทองอันอ่อนอุ่นเอิบอาบ
กับเสียงอ้อนของชะนีป่าเพรียกหาตัวผู้
กับเสียงกู่ของสายลมกลางวสันต์..ราวพายุกำลังจะมา
กับฟ้าเริ่มพรายแสงสีฉ่ำเย็นเป็นเรียวรุ้งที่ใกล้ค่ำเต็มทีแล้ว
คนงานเริ่มหยุดพัก
พร้อมกับเดินมาทายทักเธอ
เธอเผยอตัวดูฟ้าสลัวสลัวด้วยพรายหมอกตรงหน้า
เบื้องล่างนั้น
คือทะเลเหว่ว้า
เวิ้งน้ำสีทองรับฉ่ำฟ้าแสงสีแสนสวย
ทอทาบไล้ไปด้วยตามตะวันสีทอง....
นกกาเริ่มบินกลับรัง
ทะเลฝัน ผืนกว้างตัดเส้นขอบฟ้าไกล
ดูละลิบในเงาเมฆหม่นรางเลือน
เสมอเสมือนดั่งวิมานหล้าในนาทีนั้น...!!!!!!!!!
***********************
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2379.html
วนาสวาท .........ม.ร.ว.ถนัดศรี-รวงทอง
ช ฉันคิดถึงเธอ ตั้งแต่หัวค่ำ จนอุษาสาง
ญ จนอุษาสาง
ช ด้วยเกิดความรัก ผุดขึ้นที่กลางหว่างหทัย
ญ หว่างหทัย
ช พอรู้ตัว ก็รักเธอ เต็มดวงใจ
ญ รักเต็มดวงใจ
ช ยอดพิสมัย ยอดรักอาลัยโอ้จอมขวัญชีวี
ญ ฉันคิดถึงเธอ ตั้งแต่หัวค่ำ จนอุษาสาง
ช จนอุษาสาง
ญ ด้วยเกิดความรัก ผุดขึ้นที่กลางหว่างฤดี
ช หว่างฤดี
ช ใจเราตรงกัน
ญ วิญญาณสัมพันธ์
ช เพราะวนาลี
ญ วนาลี
คู่เราจะรักภักดี ร้อยวิญญาณชีวี
ที่วนาลีเอย
ดนตรี
ญ ฉันคิดถึงเธอ ตั้งแต่หัวค่ำ จนอุษาสาง
ช จนอุษาสาง
ญ ด้วยเกิดความรัก ผุดขึ้นที่กลางหว่างฤดี
ช หว่างฤดี
ช ใจเราตรงกัน
ญ วิญญาณสัมพันธ์
ช เพราะวนาลี
ญ วนาลี
คู่เราจะรักภักดี ร้อยวิญญาณชีวี
ที่วนาลีเอย...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song401.html
ฟ้าแดง .......สุนทราภรณ์ อโศก สุขศิริพรฤทธิ์
สนธยาฟ้าแดง
สุรีย์ร้อนแรงโรยอ่อนรอนแสงหม่นมัว
สกุณาเรียกหารังตัว
ชะนีเรียกผัว รัวเร้าร่ำกำสรวล
โอ้ชีวิตชีวิตจิตใจ มันหนาวเย็นเป็นไข้
พิไลพิลาศครวญ
สิ้นตะวันสรวลสันต์จาบัลย์รัญจวน
เห็นลางพบพรางร่างนวล
ให้โหยหวนชวนเศร้า
สิ้นแสง สิ้นสีโศลกแดงแฝงแทงใจเรา
สายัณห์เงื้อมเงา
ลบล้างสล้างเสลา จางห้วงหาวพราวใจ
ฟ้าแดง ฟ้าแดงผันแปรเปลี่ยนแปลงแผลงไป
ตราบอาสัญฉันยังฝันใฝ่
จูบแดนฟ้าอาลัย ฝังรอยรักใคร่ฝากเธอ
สิ้นแสง สิ้นสีโศลกแดงแฝงแทงใจเรา
สายัณห์เงื้อมเงา
ลบล้างสล้างเสลา จางห้วงหาวพราวใจ
ฟ้าแดง ฟ้าแดงผันแปรเปลี่ยนแปลงแผลงไป
ตราบอาสัญฉันยังฝันใฝ่
จูบแดนฟ้าอาลัย ฝังรอยรักใคร่ฝากเธอ...
...................
8 สิงหาคม 2548 18:59 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song718.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song223.html
เดินทางไกลในสายธารม่านหมอกหม่น
ในม่านมนต์ทิวาหวามผ่านกาลสมัย
ร่ายลำนำถึงป่าเขาลำเนาไพร
พลีบูชาเทพีไพรแห่งผืนดิน
หวังเกี่ยวเก็บดาวดวงร่วงจากฟ้า
อาลัยหล้าออดอ้อนสายถวิล
ฝากลำนำน้ำค้างคำหยาดระริน
คล้องชีวินดอกธรรมพราวราวทองธาร
กับดายเดียวเปลี่ยวเหงาเขลาแห่งโลกย์
ท่ามเพลงโศกทายทักสิ้นไร้หวาน
ไร้จันทร์แรมฟ้ามืดมิดอนันตกาล
ไร้สายน้ำละมุนอุ่นโอบรัก
และ...จักเป็นเช่นนี้กี่วสันต์
ราวสวรรค์ไร้เมตตาหนาวเหน็บนัก
ไม่เป็นไรหนาวเพียงใจไร้ใครภักดิ์
ชีพก็จักดำรงมั่นฝันฝากดิน
กับดอกไม้สยายกลีบรอบกระท่อม
กับพะยอมหอมทุ่งธารหวานกลีบกลิ่น
กับน้ำตาแห่งเหว่ว้าหลั่งระริน
กับหทัยถวิลตราบสิ้นลมลืมตรมตรอม
ให้แสงธรรมน้อมนำใจใสสว่าง
พบกระจ่างกลางจิตเข้าห่มห้อม
กี่รักร้าวกี่เศร้าโลกสิ้นโศกยอม
ฟังเพลงพร้อมพรหมชะตาข้าพลีแล้ว
ให้มณีไพรมณีใจใสสอาด
แพรวพิลาสพิสุทธิ์งามดั่งดวงแก้ว
หวังสร้างโลกทิพย์นิรมิตไสววะวับแวว
ดั่งฉัตรแพรวเพชรพร่างณ..กลางใจ
เป็นสาวนาสาวป่าสาวบ้านทุ่ง
รักสายรุ้งรวงทองผ่องไสว
รักวัวควายไร่นารักป่าไพร
งามดวงใจรักดินเดิมเพิ่มตามกาล
หอมข้าวใหม่สไบเก่าห่มไปวัด
วันพระจัดดอกไม้จากใจหวาน
เสียบดอกไม้ริมแก้มแย้มคลี่บาน
หอมตระการเจิมขวัญวันแสนดี
เดินตามรอยสายหมอกหยอกรวงข้าว
สู่ทางขาวทางธรรมนำชีพนี้
ทางสายทองพาลอยล่องกลางวารี
ราวมหานทีเนรัญชราท่าเทียบใจ
สู่ฝั่งฝันอันสว่างมิสุขโศก
ราวเหนือโลกบัวพ้นน้ำบานไสว
รอชูช่อรับแสงทองผ่องอำไพ
จรัสใจกระจ่างแจ้งสายแสงธรรม
จึง..เงียบงามในทุกยามใต้ผืนฟ้า
กับผืนนากับฟ้ากว้างกลิ่นไม้ร่ำ
กับลำเนาไพรกับงามดวงใจในลำนำ
กับสวรรค์บึงบัวสลัวลาง
กับกระท่อมหลอมรวมภักดิ์รอรักคู่
กับสายลมไล้อณูเกสรสล้าง
กับกลิ่นโคลนสาบควายเรไรคราง
กับฟ้าสางดุเหว่าร้องก้องพงไพร
กาลเวลาถึงวันนี้กี่ปีแล้ว
เจ้าขวัญแก้วยังหอมพร่างมิพรากไหน
ยังหวานล้ำหวานงามท่ามท่วมใจ
กี่ฟ้าใหม่กี่ฝนเศร้ายังเฝ้าภักดิ์...จงรัก....รอ...!!!!!
..........................
ฝนโปรยไพรโปรยฟ้ามาให้ชื่น ชุ่มฉ่ำ
กลิ่นดวงดอกไม้ไพรและเรณูในนคร
ยังหวานหอมฉม
มาให้ดอมดมเด็ดดวงเชยชมเฉกเช่นเดิม
ใจดวงไพรดวงดี
ดวงที่ยังดายเดียว..เดียวดาย เดียวดาย
แม้นฟ้าจักพรายกลายสี..แปรแสง...วันแล้ววันเล่า...
ทุกชีวีในร่มรักเรือนฝันสวรรค์หวาน
ก็ยังคงระร่ำรินรักรจนา...
มาพลีปลอบ
มาหมายมอบภักดิ์ดีพลีหวานแด่ผองเพื่อน
ทุก
เพื่อนใจเพื่อนใหม่เพื่อนไพร
และเพื่อนที่ผ่านมาผ่านไป
หากทว่าคือใจดวงเดียวกัน
คนในโลกฝัน..โลกสวรรค์รักอักษรา..
ทุกทิวาหวาม....ราตรีฝัน..
ยังคงมีจันทร์ดวงงาม...ทั้งขึ้นแรม
ทั้งหว่านแจ่มแอร่มดวง
ทั้งแรมล่วง..รอลาเลย
ที่ค่อยค่อยเผย
แตะแต้มแย้มบานให้หอมหวานหวังใจ
เย้ยสิ้นงามไสวยั่วไปสามโลกทั้งดินอินทร์พรหมยมพญา
ให้ไหวหวาม
ให้หวามหวิวปลิวฝัน
ฝากความรำลึกนึกถึงกันและกัน
ให้แสนซ่าน..หวานซึ้งคะนึงหา..
ราวหยาดสายธาราน้ำผึ้งรวง
ผ่านปวงดาวดวงยวงเมฆหมอก
กระซิบบอกสั่งฟ้ากว้างหนทางไกล
หากตราบใด..ยังมีจันทร์ไสว ดวงเดียวกัน
คอยร้อยพันเกี่ยว..เหนี่ยวโน้มน้อม
ให้หลอมรักฝากภักดีพลีใจ.มิรู้สิ้น...รู้จบ
และ
ในทุกโมงยาม
ตราบยังคงมีอรุณวดีคลี่ดวง
ยังคงมีอาทิตย์อุทัยพราย
ไล้รวงเรียว..คลี่ไขแสง
ฝากแรงร้อน อ่อนอุ่นโอบเอื้อ
ราวเสมือนจะหมุนมาสอนสัจจะใจ..ว่า
*ไม่มีอะไรสายเกินไป สำหรับการเริ่มต้นใหม่
และหากสายพิรุณใสยังคงมี
หยาดน้ำค้างในฤดีแก้วกลางเกสร..ยังพลีแพรวแวววะวิบวับ
จับดวงดอกไม้ให้ระยับยิบพริบพริ้งพราว
ราวรอมวลหมู่ภมรภู่ผึ้ง อภิรมย์
ให้มิกรายกลิ่น มิสิ้นจากพรากลา
ยังหวังฝากขวัญหล้าขวัญไพรด้วยใจดวงรักรักรัก
และ
โลกยังคงหมุนมาทายทักกับ กาลเวลา
ให้พักพิงอิงอ้อมใจในอ้อมขวัญ
ให้
ทุกดวงใจในฝันนั้น..พบทั้งเหว่ว้าและสุขสม
ทั้งรักชัง
ทั้งหวังหวานรานเจ็บเหน็บหนาว เศร้าหม่น
หากคือ
กมลจักต้องรู้ทันเท่า
เฝ้ายอมรับชะตากรรม วิบากเก่า
ให้รู้เขารู้เรา*หากจะรักก็จักต้องลืมคำว่าเสียใจ*
ดั่งพุทธพจน์อันแสนอมตะยิ่งใหญ่
ที่พระพุทธองค์
ทรงบำเพ็ญเพียรภาวนาค้นพบ
จบด้วยทางกระจ่าง
ทางแห่งอริยสัจจ์สี่
ที่จักรู้ที่มาที่ไปให้ใจดวงดีจิตดวงงามรู้วางว่าง
จากคำทุกข ์ สมุทัย นิโรธ มรรค
อยากดับทุกข์ทุกรัก
ก็จงหัก...ดับดอกรักหวาน ที่จักบานชูช่อรอเสียใจ
ให้กิ่งไหวระทม
ได้หักรานลงอย่างอย่าเหลือตอ
อย่าให้แตกช่อกอระทม
กระจายกรายกิ่งฝากตรอมตรมอีกเลยนะทุกดวงใจ
จงฝึกจิตดวงไสว
ให้อยู่กับสวรรค์ไพรธรรมชาติไพร
กับใจดวงดายเดียวดวงเดิม
อย่าหวังเพิ่มเติมรักเติมสุขจากใคร
แม้นจักเปลี่ยวเหงา
หากใจเรารู้เงียบงาม
ก็พึงจัก
พบนิยามรักไร้ครอบครอง
ให้หอมพร่างสว่างพราวราวอัญมณี ..
หากชาตินี้มิพบเจอคู่บุญบารมี
ที่จักเพียรพาลอยล่อง
ท่องไปสู่แดนดินแห่งความงามสงบ
สยบร้อนรัก
รุกบุกโหมโถมถากระหน่ำ ดั่งไฟโลกันตร์ประโลมโลกย์
ให้พบโศกทุรนทุราย
จำต้องทนว่ายวนวิบาก
พรากสิ้นสุข ทุกข์ ไปตามกระแส รายเรียง
เคียงมาท้าประลองกองทัพธรรม ย่ำยีใจเรานะดวงใจ
หวัง ทุกหอมห้วงหัวใจ
ที่ยังมิมอดไฟรัก จักรู้รักเป็น รักเย็น
เห็นเส้นทางงามนะยอดดวงชีวี
และ
จากปรารถนาดีจริงใจห่วงใยจริงจัง
หวังทุกมิ่งขวัญในร่มรักคุ้มใจ
จักพบทางยิ่งใหญ่..แทน..
หากอกหักรักร้าว..อย่าเศร้ารานเศร้านานเลย...!!!!!!!!!
...................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song223.html
ขวัญเรียม
เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ ของเรียม
หวนคิดผิดแล้วขมขื่น ฝืน ใจเจียม
เคยโลมเรียม เลียบฝั่ง มาแต่หลัง ยังจำ
คำ ที่ขวัญเคยพรอดเคยพร่ำ
ถ้วนทุกคำยังเรียกยังร่ำเร่าร้องก้องอยู่
แว่ว แว่ว แจ้ว หู ว่าขวัญชู้ เจ้ายังคอย
เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ คงหงอย
หวนคิดคิดแล้วยิ่งเศร้า เหงา ใจคอย
อกเรียมพลอย นึกหน่าย คิดถึงสาย น้ำนอง
คลอง ที่เรียมเคยเที่ยวเคยท่อง
เมื่อเราสองต่างว่ายต่างว่องล่องไล่ไม่เว้น
เช้า สาย บ่าย เย็น ขวัญลงเล่น กับเรียม
เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ คงหงอย
หวนคิดคิดแล้วยิ่งเศร้า เหงา ใจคอย
อกเรียมพลอย นึกหน่าย คิดถึงสาย น้ำนอง
คลอง ที่เรียมเคยเที่ยวเคยท่อง
เมื่อเราสองต่างว่ายต่างว่องล่องไล่ไม่เว้น
เช้า สาย บ่าย เย็น ขวัญลงเล่น กับเรียม...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song718.html
เดียวดาย
ขวัญ เอ๋ย
เคยภิรมย์ชิดชื่น สุขสันต์
หลง เพ้อฝัน
รักมั่น มิทันจะเนิ่น
เธอ เมินหมาง
โอ้ อ้างว้างอารมณ์ ฤดี
เหมือนโนรี
จากคอน หลงรังนอน
ลืม พี่ เหมือนชีวี
เดียวดาย เอกา
โอ้ ดึกเดือนคล้อย
เดือนเจ้าจะลอย จากตา
มอง นภายังเห็นดารา
เรียง ราย
เหลียวหา จนทิวาโฉมเจ้า แล หาย
หรือ รักแล้วแหนงหน่าย
รักเอ๋ย ลืมง่าย
ใย เมินเฉย
โอ้ ใจเอ๋ยใจเลย แรมรอน
ฉันยังจำ ติดตา
ทุกทิวาคืนก่อน
เหลืออาวรณ์ใจเอย ค่ำลง
โอ้ ใจสะท้อน
จะหลับจะนอนพะวง
ลืมไม่ลง
มันเหมือนมีมนต์ ดล ใจ...
5 สิงหาคม 2548 16:18 น.
พุด
http://media.9dset.com/movie/AUD/AUD0182/7.wma
ดั่งนางนวลในทะเลเห่คลื่นฝัน
ดั่งนางสวรรค์มาเยือนหล้ามาแต้มโลก
ดั่งดวงดอกไม้ร่ายมนตรามาลบโศก
ดั่งเหมือนโลกหวานหอมพะยอมไพร
ดั่งนางนวลปีกขาววะวาววับ
งามระยับกับระยิบแสงฟ้าใส
กับทะเลกว้างกระจ่างแจ้งกลางหทัย
กับหวามไหวหวิวหวั่นสวรรค์ภักดิ์
กับตราตรึงซึ้งหวานในม่านน้ำ
กับลำนำเพลงไพรใครฝากรัก
กับเสน่หาอาวรณ์อ้อนหนุนตัก
กับบทรักบทแรกแทรกล้นล้ำ
กับเกลียวคลื่นกระแทกแทรกร่องหิน
กับถวิลดอกฝนพร่างระรินร่ำ
กับเสน่หาอาวรณ์ทุกอ้อนคำ
กับรอยกรรมรอยเก่าพาเขลาไป
กับวันนี้ที่กลับมาเยือนบ้านเก่า
กับความเหงากลางน้ำทะเลใส
กับอดีตกรีดรอยรักเคยภักดิ์ใคร
กับน้ำใสในแววตา..ว่ายังคอย....!!!!
.............................
ฝากเรื่อง*รักของเราไม่เก่าไม่เกี่ยวกับกาลเวลา*
ในเวอร์ชั่นทะเล ทะเล เหว่ว้า
แบบจินตนาการหวานหอม
ที่รจนานานมานะคะ ยังไม่เคยแสดงเองค่ะ
หาพระเอกโรแมนติกแบบนั้นไม่พบเจอเลยค่ะ
**********************
นานมาแล้ว....หลายปี ที่ทิพย์ทอง..มีโอกาส ฉลองวันเกิดริมทะเล
กับคนรัก และรู้ใจ เพียงสองคน สองดวงใจ แต่ไม่เดียวดาย....
กับเสียงคลื่น ราวดนตรี กับราตรีที่มีดวงดาวนับพันอวยพร
กับพลิ้วแผ่วของลมทะเลบางเบา กับสองเราในอ้อมอกอุ่น หวานละมุนมิรู้สิ้น..
กับดินฟ้า ที่รู้เห็นเป็นพยานรัก แม้ผ่านมานานนัก แต่ยังฝังใจจำ...ถึงวันนี้...
คนดี...เตรียมกระทงน้อยลอยแสงเทียนงาม วับวามไหว ไปในทะเลกว้าง
เสี่ยงทาย ให้เราสอง ครองรักกัน....ยืนยาว......
เราเป่าเทียนพร้อมกัน เทียนดับพลัน จูบดื่มด่ำก็ตามมา นิ่งนาน หวานล้ำ
จนใจทิพย์ทอง ลอยละล่องราวฟองเมฆ.......สู่สวรรค์....
เรานอนนับดาวพราวฟ้า ใต้ผ้าห่มผืนเดียว
กลิ่นหอมจากกาย ไร้สิ่งใดขวางกั้น จนใจเกินทานทน
ปนเป ด้วยแรงรัก แรงฤทธิ์พิษสวาท
พาใจและร่างเรา หลอมละลายกลายเป็นเนื้อเดียว หนึ่งเดียว
เนิ่นนาน หวานหอม.....
วันเกิดปีใดไหนเล่า จะสุขเท่าปีนั้น
ที่ทิพย์ทองมีเธอ และฉลองฝันวันหวาน แสนหวานกับเธอ
กับพระจันทร์คืนเพ็ญเด่นดวงที่ทะเลงาม
เสียงเพลงอวยพรใด ไหนเล่า จะหวานเท่า
คำออดอ้อน วอนขอรัก จนอ่อนใจ
ยอมทอดใจ ระทวยกาย ไปกับเธอ....
ความอบอุ่น จากงานใดไหนเล่า
จะยิ่งใหญ่เทียบเท่า ความโอบเอื้อ
จากอกอุ่นแข็งแรง ยามเธอโอบกอด....
วันเกิด ปีแล้ว ปีเล่า ใจทิพย์ทองไม่เคยเศร้า
เมื่อใจดวงร้าวคิดถึงคืนนั้น นานมาที่หวานหอม
หลอมรวมให้ใจเราสองนี้
ยิ่งเป็นหนึ่งเดียว
ไม่เกี่ยว ไม่เก่าไปกับกาลเวลา..นะดวงใจ
.................
หาดทราย สายลม ไม่มีสองเรา
ทะเล...เขียนเรื่องนี้
ใต้ต้นหางนกยูงที่ดวงดอกแดงเจิดจ้าพราวไปทั้งต้น
ตรงหน้า..คือทะเลสีน้ำเงินแกมมรกตสวยใส
เวิ้งว้าง กว้างไกลสุดตา
มองเห็นฟองคลื่นขาวนวลม้วนตัว..
เคลียเคล้าแตะแต้ม พลิ้วพราย
พาทะเลนวลละมุนไปด้วยริ้วราย
ราวเรียวเมฆโลมไล้ไล่ระริกระริ้วไหว ไปตามแรงลม...
กระทบฝั่งเสียงซ่าซ่า......
.
ทะเลเดินไปหยุดยืนเหนือเนินทราย..
ที่ร้างไร้ผู้คน มีเพียงหาดทราย..กว้างสุดตา..
และทะลตรงหน้าที่แสนสวยใส แต่ทว่าคงกว้างสุดใจ..
จนยากจะหยั่งถึง .......
ดงดอกหญ้ารายรอบพลิ้วไหวเอน...
สายลมบางเบาพัดแผ่วผ่าน
ทิวสนซัดส่าย ซู่ซ่า
สอดสลับรับเสียงเกลียวคลื่นที่ซัดสาด เซาะทราย
กระซิบกระซาบวอนเว้า ราวดนตรีเห่กล่อม..
ลมทะเลปะทะใบหน้า..
เส้นผมปลิวสยายไปเบื้องหลัง
ทะเลยืนนิ่งงัน ต้านลมพายุไหว
ที่พัดไกวผ่านร่างของผู้หญิงช่างฝันคนนี้ราวโลมเล้าละมุน
ใจดวงเงียบงาม หวามไหว
ราวต้องมนต์ขลังให้ฝันควะคว้าง ปลิดปลิวไปตามแรงลม..
ใจดวงงาม.... ในยามนี้
กับเรื่องราวมากมีที่รายเรียงมาท้าทาย
ให้หัวใจบอบบาง รานร้าวไหว..
กับฟ้ากว้างสีส้มอมชมพูปนเทา
โศกสะเทือนทาทาบ บางเบา..นุ่มนวล ชวนฝัน
ราวสายไหมหลากสีสันสล้างเลื่อมพรายพราว
ราวประภัสสรเฉิดฉันท์ แจ่มจ้า
ราวสรวงสวรรค์นฤมิต..
หรือไม่ก็คงเป็นลิขิตฝีมือของศิลปินช่างฝันสาดสีทิ้งทีแปรง..
แต้มแต่งกลมกลืน..ดั่งภาพฝัน แสนงาม
ให้ดวงใจดื่มด่ำ อิ่มฝัน อิ่มใจ จนเต็มตื้น..
แค่เพียงหลับตา..พริบวิบเดียว..
ที่รัก..คุณตามติดมาในฝัน สล้าง
ให้อิงไหล่กว้างเคียงข้างชมทะเล
ในภาพฝันเคียงใจนั้น ทะเลอ้อยอิ่งพิงไหล่ดอมดมพรมจูบคุณ
ด้วยรักภักดี มิรู้เบื่อ..
ช่างน่าขันนัก..
ใจหนอใจที่ไร้พ้อไร้เพ้อ เพียงแค่ละเมอ หวั่นไหว..
ว่ามีคนดีเสมอมา ในทุกนาทีคะนึง..
ทะเลเอนร่างลงนอนช้าช้า..
พลางหรี่ตาดูสรรพสิ่งแสนงามของธรรมชาติรายรอบในโลกจริง..
มองผ่านหางนกยูงดวงดอกแดงเจิดจ้าอีกคราครั้ง
ที่ตัดฉับกับตะแบกม่วงพราวหวานเศร้าเต็มต้น เคียงกัน..
ราวสุขเศร้า..กับฟ้ากว้างงามเข้มที่สวยใส
ไม่ไยดีรับรู้กับหมองหม่น ของคนนับพันล้านบนผืนโลกนี้
ที่วนเวียนเวียนวนมิสิ้นสุด
ตราบใดที่ยังไม่ยอมหยุดหัวใจรัก หัวใจฝัน...
ทะเล..ติดปีกให้หัวใจรัก ปล่อยใจฝัน แสนงาม
ให้โบยบิน ข้ามฟ้ากว้าง ข้ามทะเลไกล
มาซุกกายซุกใจอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของคุณแล้วนะ..
ในนาทีนี้นะดวงใจ..
คิดถึงบทเพลง เพลงนี้ที่ทำให้ใจทะเลเลิกหนาวร้าวไหว..
ไปกับลมทะเลที่พัดตึง! ..........
ถึงฟ้าจะกั้น ให้ฉันและเธอไกลกันสุดตา
หรือว่าภูผาทอดยาวขวางหน้าบังตาแค่ไหน
แม้นมีทะเลเหลือหยั่งคะเนมากั้นเราไว้
อย่าได้ตกใจ..ถึงห่างแค่ไหนก็ไม่สำคัญ..
อำนาจใดใดที่ในโลกนี้ไม่มีความหมาย
แม้แต่ภูผาก็อาจทะลายมิอาจขวางกั้น
รักเรามีปีกบินหลีกข้ามฟ้าไปมาหากัน
ขอให้รักฉันแน่นอนเท่านั้น..ฟ้าดินเกรงกลัว...
.............
เงาไม้....... นภา หวังในธรรม : : Key C
แสง จันทร์วันนี้นวล ใครชวนให้น้อง เที่ยว
จะให้ เหลียวไป แห่ง ไหน
ชล ใสดูในน้ำ เงาดำนั้นเงา ใด
อ๋อ ไม้ ริม ฝั่ง ชล
สวยแจ่ม แสง เดือน
หมู่ ปลา เกลื่อนดู เป็น ทิว
ฉันชม ลม ริ้ว
จอด เรือ อาศัย เงา ไม้ ฝั่ง ชล
สวย แจ่ม แสง เดือน
หมู่ ปลา เกลื่อนดู เป็น ทิว
ฉันชม ลม ริ้ว
จอด เรือ อาศัย เงา ไม้ ฝั่ง ชล...
ตั้งชื่อทะเล..เป็นนางเอกนอนระทวย
เห็นไพเพราะแปลกดี..ฉะนั้นและฉะนี้เมื่อคนดีอ่านทุกดวงใจ
ก็อย่าหวามไหวคิดว่าคือพุดผู้หยุดรักแล้วเลยอีกนะคะ..ที่รักทั้งหลายคะ
ทั้งๆจริงๆแล้วก็อยากนอนระทวยแบบนั้นแหละ
แต่กลัวฉลามมางาบไปกิน...!