30 กันยายน 2548 08:21 น.

อ้อนกระซิบฝากใจรับขวัญวันทิวาหวาม..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song27.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2380.html
(ท่าฉลอม..เติมใจให้กัน)
...........


*สนามบินดอนเมือง..*
ที่...
ผู้คนสับสนมากมายทั้งชาวไทยเทศ

ผู้หญิงคนหนึ่งทอดตานิ่งนิ่งซึ้งเศร้า 
ราวดายเดียวเสียเต็มประดา
ใน..
ท่ามกลางความสับสนอลหม่าน..



ทีวีจอยักษ์ กำลังถ่ายทอดภาพประวัติศาสตร์
ที่..
พณฯ.ท่านนายกรัฐมนตรี
กำลังจะทำพิธีเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์
ที่แสนยิ่งใหญ่สู่..*สนามบินสุวรรณภูมิ*
ที่คนไทยรอคอยมาตลอดระยะเวลานานเกือบ45ปี
และ...
เป็นสนามบินที่มีอะไรๆที่สุดในโลกมากมาย
ให้คนไทยได้ภาคภูมิปิติใจ
 และ..
โดยเฉพาะในวงการสถาปนิก
ที่ต่างทราบกันดีว่า..
สนามบินแห่งนี้..
ได้รับการออกแบบอย่างงดงามประณีตที่สุด



เธอ...
ค่อยๆก้าวช้าช้าไปตามเสียงบทเพลงบรรเลง
ที่กำลังพลีพร่างให้สนามบินดูแสนสดชื่นพริ้งพราวขึ้น
ณ..ร้านหนังสือ..
ที่มีหนังสือภาคภาษาอังกฤษ
วางจำหน่ายมากกว่าภาษาไทย

เพราะ..
อาจจะเอาใจจำหน่าย
นักท่องเที่ยวนักเดินทาง 
*คนต่างบ้านต่างเมือง*
และ..
เป็นหนังสือที่เธอคนดีอยากพลิกดูเสียหมดไปทั้งร้าน
เพราะช่างแสนงามและหายาก..



เธอ..
เลือกซื้อแผ่นซีดีสามแผ่นรวด
ของกรีนมิวสิค *คุณจำรัส เศวตาภรณ์*
ด้วยดวงใจ
ดวงอรชรอันแสนอ่อนหวานอ่อนโยนอย่างที่สุดแล้ว
ที่ อยากเก็บไว้สำรองอีกชุด

เธอ...
พลิกปกหลังอย่างละเมียดใจละไมหวาน
กับ..คำนิยาม...

*เรื่องราวทั้งมวลล้วนมากับสายลม
เป็นสายใยของชีวิต เป็นเสียงกระซิบอันแผ่วไหว
เป็นชีวิตที่เป็นไป เป็นความไร้ในความจริง
ไม่ไกลแลไม่ใกล้ ไม่หวั่นไหว ไม่หยุดนิ่ง
ไม่เป็นศูนย์ไม่เป็นสิ่ง มาสู่สิงทุกวารวัน*



เธอ..เอมอิ่มกมล
และ..
อนุญาติให้ใช้ซีดีของเธอทดสอบ
ฝากหวานรายรอบร้าน
ฝากตระการบรรเจิดจิต
ให้..
ทุกชีวิตในสนามบินได้พบฝันอันแสนพริ้งพราย
ไร้ดายเดียว...
หากราวได้พบงามเงียบในท่ามโลกสับสนแล้งไร้ใบนี้..
................


ไม่นานนัก..
ผู้เป็นที่รักดั่งดวงใจก็ปรากฏกาย

ร่างสองร่างหลอมละลายเข้าสู่อ้อมกอดกันและกัน
ด้วยดวงใจที่แนบแน่นราวหนึ่งเดียว

แก้มแนบแก้ม... 
ด้วยหัวใจอันไร้สิ่งใดมากีดกั้น
ไม่ว่า...หนทางกว้างไกลสักแค่ไหน
และ...
มาตรแม้นร่างจะไกลแสนราวอาศัยคนละซีกโลก..ก็ตามที..



โลกสวย....ดวงดอกไม้หวาน..
มาบานสะพรั่งในหอมห้วงหัวใจ
ในนาทีนั้น...นับนาทีนั้น..เป็นต้นมา..
และ...
นับอีกหลายทิวาราตรี..
ตราบจนกว่า..
จะถึงวันที่..
จำต้องพรายพรากจากกัน..อีกหนอีกครา
ให้เพียงร่างไกลกันคนละครึ่งฟ้า...

หากทว่า..
ดวงกมลยังคงมั่นคอยเติมใจให้กันและกัน
มิผันแปรเปลี่ยนไป
*ไม่มีวันที่สิ่งใดจะมาแยกสายใยสายใจรักได้เลย*



ในอุษา ฟ้าเริ่มกระจ่าง
เธอ..จุดเทียนหอมพร่าง
รับ...ความกระจ่างใสรับพลังไหวหวามไสวสว่าง
รับ..เจ้าจันทร์เจ่มในดวงใจ



แล้ว..ฟังเปียนโนบรรเลงบทเพลงโบราณๆ
*เติมใจให้กัน*
*ท่าฉลอม*
ที่แสนหวานหอมมาก..
จนยากจะอธิบายบอกใคร
หากนวลใจไม่ไหวละมุนละเมียดพอ



เสียงพริ้งพราว..
ราวสายน้ำกำลังซัดระลอกแล้วระลอกเล่า
จาก..ปลายนิ้วอันพลิ้วพรายของผู้เล่น

ทำให้...
ดวงใจในยามเช้า..
ราวได้รับหยาดน้ำค้างลงพร่างพรมพอกัน...
...................



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song27.html
ท่าฉลอม ชรินทร์ นันทนาคร

พี่ อยู่ไกลถึงท่าฉลอม
แต่พี่ไม่ตรอมเพราะรักพยอม ยาม ยาก
ออกทะเล จะหาปลา มาฝาก
แม่คุณขวัญใจคนยาก รับของฝากจากพี่ได้ไหม
โปรด เมตตารักพี่สักนิด
พี่มอบชีวิตอุทิศให้สาว มหาชัย
แบกความรัก ข้ามทะเล มา ให้
ฝ่าลมและคลื่นเท่าไหร่ รักจึงได้ว่ายน้ำข้ามมา
ท่าฉลอม กับมหา ชัย 
จะคิดทำไมว่าไกล เชื่อมความรักไว้ดีกว่า
บอกเพียงสักคำ ว่าไม่รักจะหักใจลา
ซ่อนตัวตามประสา จะหนีซ่อนหน้า ห่าง ไกล
เรื่อง ทะเลนั้นพี่พอรู้
แต่เรื่องเจ้าชู้ไม่รู้จะทำ ฉันใด 
หยั่งทะเลพอคะเน ดู ได้
แต่ความรักเกินครวญใคร่
ลึกเท่าไหร่ไม่รู้หยั่งถึง

ท่าฉลอม กับมหาชัย 
จะคิดทำไมว่าไกล เชื่อมความรักไว้ดีกว่า
บอกเพียงสักคำว่าไม่รักจะหักใจลา
ซ่อน ตัวตามประสา
จะหนีซ่อนหน้า ห่าง ไกล
เรื่อง ทะเลนั้นพี่พอรู้
แต่เรื่องเจ้าชู้ไม่รู้จะทำ ฉันใด 
หยั่งทะเล พอคะเน ดู ได้
แต่ความรักเกินครวญใคร่
ลึกเท่าไหร่ไม่รู้ หยั่ง
..............


เธอ..อยากจบด้วยคำๆนี้
พลีปัน..
ให้ทุกดวงใจได้ฝันพลีให้ได้ใช้ดวงชีวีอย่าง
รู้คุณค่าทุกลมหายใจ
เสมือนรายการ.*.เจาะใจ*ในราตรีที่ผ่านมา
ได้สะท้อนเรื่องราว
ของ...
ท่านพิธีกรชื่อดัง ดร.อภิวัฒน์ วัฒนวรางกูร
ที่ท่านได้ป่วยเป็นมะเร็ง.
และ...
ได้ฝากข้อคิดไว้มากมาย
ราวกับได้เตือนให้ทุกคนดี 
ได้รู้จักรู้ค่าคำมรณาณุสติ
และ
การรู้ค่าคำการใช้ชีวี
อย่างถูกทางอย่างมีสติอย่างมิประมาท...



ทุกคนดี...ดวงใจ
ชีวีนี้แสนสั้นนะ..

จงรับเอาความรักเมตตาอภัย
อันล้ำล้นเลอค่ามากน้ำใจ..

จาก..
ใจดวงใสดวงแก้วนี้..
ในยามอรุณรุ่งเริ่มงาม
ที่..
ยอมพลีสิ้นให้ด้วยบทเพลง..*เติมใจให้กัน*..แล้วนะ..
ขอให้..
พบแต่ความรักความสุข..เสมอไปเสมอใจ..พร้อมกันไปเป็นนิรันดร์...!!!!

................




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2380.html
เติมใจให้กัน ....มัม ลาโคนิค 

ตอบใจตัวเองมานาน แอบรอคอยเธอก็รู้
อยากให้เธอลองตรองดู
ในความทรงจำ เก็บไว้
ต่างคนมีทางต้องเดิน อาจมีเวลาต้องไกล
หนึ่งคนยังคงคอยใจ ยังคงคอยไปอย่างนั้น
อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจถึงกัน
จะโยงใยความสัมพันธ์ จนมาพบกันใกล้ตา
ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ
แบ่งปันในยามทุกข์ตรม ไม่หวั่น
ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกัน จนเต็ม
ตอบใจตัวเองมานาน แอบรอคอยเธอก็รู้
อยากให้เธอลองตรองดู
ในความทรงจำ เก็บไว้
ต่างคนมีทางต้องเดิน อาจมีเวลาต้องไกล
หนึ่งคนยังคงคอยใจ ยังคงคอยไปอย่างนั้น
อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจถึงกัน
จะโยงใยความสัมพันธ์ จนมาพบกันใกล้ตา
ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ
แบ่งปันในยามทุกข์ตรม ไม่หวั่น
ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกัน จนเต็ม

อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจถึงกัน
จะโยงใยความสัมพันธ์ จนมาพบกันใกล้ตา
ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ 
แบ่งปันในยามทุกข์ตรม ไม่หวั่น
ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกัน จนเต็ม... 
 
  

				
28 กันยายน 2548 09:02 น.

เพียงคำเดียว..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3207.html
(เพียงคำเดียว)

พุดพัดชารจนาบทนี้..
ด้วยน้ำตาแห่งศรัทธารัก
ที่จักพลี..มอบคารวะให้
*แด่วีรบุรุษในดวงใจ**ลูกผู้ชายในดวงใจ*

*คุณรัฐภูมิ อยู่พร้อมค่ะ*



*ผมพิชิตพันห้าร้อยไมล์ 
ที่ไม่เคยมีใครไปถึงมาก่อน 

ด้วยพลังของพ่อ ความรักของแม่ ความคิดถึงของครอบครัว 
แม้ไกลแสนไกล ผมก็จ้วงไปทีละพายและไม่ยอมแพ้ ทุกวัน...

หลังจากหัวเรือพันห้าร้อยไมล์แตะพรมแดนไทย-กัมพูชา 
ในวันมาฆะบูชา ปี 2547 ผมก็กลับมาใช้ชีวิตบนบกอีกครั้ง 
ก็ได้แต่รำลึกถึงชีวิตในทะเล 1 ปี 6 เดือน 

จนบางวันทนไม่ไหวต้องเปิดแผนที่ทะเลไทย 
ที่แทบจะเอาชีวิตไม่รอดออกมาดูเพื่อคลายความคิดถึง 
วันนี้ ลมหายใจของผมยังคงมีกลิ่นจางๆ ของทะเลเสมอ 
และ..
กังวลว่าวันหนึ่งมันจะหายไป 
แม้จะมีโอกาสกลับไปเยี่ยมทะเลอีกหลายครั้ง 
ทั้งยามปกติเพื่อเยี่ยมเยียนทุกข์สุข
ของครอบครัวเทวดาตามรายทาง
ที่เคยให้ความช่วยเหลือ 

และ
รีบกลับไปในยามวิกฤติหลังเหตุคลื่นยักษ์สึนามิโถมเข้าอันดามัน
 แต่ไม่มีเช้าใดที่รู้สึกใกล้เคียงกับ 500 กว่าวัน 
บนเส้นทาง 1500 ไมล์ตามคำพูดของพ่ออีกเลย 



น่าแปลก...ที่ทุกวันนี้ ผมยังรู้สึกเหมือนว่า
พ่อ แม่และหลานสาวยังอยู่ข้างๆ กาย 
ไม่เคยห่างหายไปไหนเลยสักวันเดียว 

ทำให้ต้องทบทวนใจตัวเองว่าความคับแค้นแบบเดิมๆ 
ยังแอบซ่อนอยู่ตรงไหนหรือเปล่า 

ดีใจที่ค้นเท่าไรก็ไม่เจออีกเลย 
เหมือนกับว่า...
 ผมใช้ความทุข์ครั้งนั้นเป็นพลังที่จ้ำเป็นล้านๆ พายจนหมดสิ้น 

นี่กระมัง...ทุกข์ใหญ่ใกล้ตัวหากรู้เท่าทัน
 ก็กลายเป็นเพื่อนเสนดีที่ให้คุณ 


มีคำถามเสมอว่า ผมรอดจากทะเลมาได้เพราะอะไร
 แบบง่ายๆ ก็คงตอบว่า 
*รอดเพราะทุกข์ *
แต่หากมีเวลาคิดอีกนิด 
คำตอบใกล้ตัวและตรงกับใจมากที่สุดก็คือ
* รอดเพราะ...รัก... *

และ
ต้องใช้*ความรัก...เท่านั้น ถึงจะรอดจากความทุกข์...*


http://www.1500miles.com/
http://www.1500miles.com/webboard/show.php?Category=1500miles.com&No=196535
http://www.1500miles.com/webboard/show.php?No=196535
http://www.1500miles.com/webboard/show.php?Category=&No=164484
http://www.1500miles.com/webboard/show.php?No=164454
http://www.1500miles.com/webboard/show.php?No=164463
http://www.1500miles.com/webboard/show.php?No=164466
http://www.1500miles.com/webboard/show.php?No=164477
http://www.1500miles.com/webboard/show.php?No=167266
http://www.1500miles.com/webboard/show.php?No=179920
http://www.1500miles.com/webboard/show.php?No=179926
...........
................
ตามติดไปสถิตเอาความงาม
แห่งความหาญกล้า
และ

ทายท้าด้วยพลังแห่งรักได้ตามเวบที่พลีกำนัลให้นะคะ

*************************************



เพียงคำเดียว...พุดพัดชา


เพียงคำเดียว....ที่ทำให้มนุษย์ในหล้าโลกนี้ได้เกิดมา
เพียงคำเดียว....ที่ทำพระบรมศาสดาตรัสเอาไว้
                         *ที่ใดมี..ที่นั่นทุกข์*
เพียงคำเดียว.... ที่หากแฝงมากับความสนุกแล้วจะทุกข์ถนัด
เพียงคำเดียว.... ที่คนเข้าวัดมักจะรู้สัจจธรรม
                          และหวังจะตัดพันธนาได้

เพียงคำเดียว.....ที่พาให้ได้ทั้งชิดใกล้และพบพรากลา
เพียงคำเดียว.....ที่ขนาดพระราชายังยอมพ่าย

เพียงคำเดียว....ที่มีฤทธิ์ร้ายชนิดน่าสยองฝัน
                         หากใครคนนั้นใช้มันไม่เป็น

เพียงคำเดียว....ที่ทำให้เห็นทั้งสวรรค์แลนรก ยามพบฤาพรากจาก

               
เพียงคำเดียว....ที่ทำให้คนดีอาจกลายเป็นคนบ้า
                         ฤาแสนหาญกล้าทำสิ่งประหลาดมหัศจรรย์
                         ฤาทำสิ่งอันแสนน่าสะพรึงกลัว

เพียงคำเดียว....ที่ทำให้ฟ้าแสนงามดูเศร้าสลัว
                         ราวมีเมฆบังยามไม่ได้ดั่งใจ

เพียงคำเดียว....ที่รัดร้อยใจให้คนมีพลัง
เพียงคำเดียว....ที่ฝังคนให้ตายก่อนตาย
เพียงคำเดียว... ที่ทั้งร้ายทั้งดี
เพียงคำเดียว... ที่ทำให้มนุษย์ทุกคนแสวงหา
เพียงคำเดียว... ที่ขอฟ้าสักเท่าไรยากจะประทาน
เพียงคำเดียว... ที่แล้วแต่บุญกรรมในกาลก่อน
เพียงคำเดียว... ที่ทำให้หัวใจแสนอ่อนหวานอ่อนโยน
เพียงคำเดียว...ที่พาให้กระโจนสู่ห้วงเหวลึก
เพียงคำเดียว...ที่ทำให้คึกคนองมากพลังทำเรื่องแสนดีพลีได้สิ้น
เพียงคำเดียว....ที่ทุกคนถวิลหวัง
                         จะได้พบจบด้วยหวานเป็นดั่งตำนานแห่งชีวิต
เพียงคำเดียว....ที่ฟ้าฤาพรหมลิขิตยังสงสัย
เพียงคำเดียว....ที่เกี่ยวใครสองคนมารวมกันอยู่
                         สู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง
เพียงคำเดียว....ที่แสนซึ้งแสนหวานแสนรานโศก
เพียงคำเดียว....ที่จะประกาศิตให้โลกทั้งโลกคลายมืดหม่น
เพียงคำเดียว....ที่ทุกผองชนหวังจะบังเกิด
                        ให้โลกได้กลายเป็น*น้ำหนึ่งใจเดียว*
เพียงคำเดียว....ที่แสนเปล่าเปลี่ยว
                        หากหันไปไม่มีอ้อมกอดใครสักคนที่มาจากคำนี้
เพียงคำเดียว....ที่ทุกคนหนีไม่พ้นเมื่อเกิดมา
เพียงคำเดียว....ที่คือสร้อยโซ่พันธนา
                         หากทว่ามนุษย์ทั่วหล้ายังอยากแหย่ขาเข้าไป*ติดกับ*
เพียงคำเดียว....ที่นับอนันตสขงไขยกาลเวลาที่พาให้มีสิ่งมีชีวิต
เพียงคำเดียว....ที่ดั่งทิพยนิรมิตศรัทธาไม่ว่าจะมีกับศาสนาฤาว่าสิ่งใด
เพียงคำเดียว....ที่ทำให้ไทยยังคงเป็นไทยด้วยคำนี้ที่ปรารถนามี
                         เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ตราบสิ้นลม

เพียงคำเดียว....ที่พร่างพรมให้มีพลังสรรสร้างงาม
                         ในท่ามโลกแล้งไร้ร้อนรรอุ
เพียงคำเดียว....ที่ควรคู่คงค่าหากรู้นำมาใช้ในทางสร้างสรร
เพียงคำเดียว....ที่ทำให้คนค้นพบสัจจธรรมพาตัวหลุดพ้นพบพระนิพพาน
เพียงคำเดียว....ที่จักเบ่งบานเย้ายวนหวานหอมหากยอมพลีที่จะมี
เพียงคำเดียว....ที่ทุกชีวี..แสวงหาและท่ารอ
เพียงคำเดียวที่..ก่อให้เกิดปาฏิหารย์..มหัศจรรย์..


และ..
เพียงคำเดียว....คำเดียว..ที่ฉันมิจำต้องฝากคำมั่นสัญญา

หากเธอคือ..คนดีในปรารถนาที่พึงได้รับ...*รักนิรันดร์.*.



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3207.html
เพียงคำเดียว ...รณชัย ถมยาปริวัฒน์ ต้นน้ำ 

เพียง คำเดียว ที่ปรารถนา
อยากฟัง ให้ชื่นอุรา ใจพะว้า ภวังค์
นาน เท่านาน พี่คอย จะฟัง
คำนี้ คำเดียวที่หวัง อยากฟังจากปากดวงใจ
คำ คำนี้มีค่าใหญ่หลวง
พี่รัก พี่แหน พี่หวง เพียงดั่งดวงฤทัย
พี่ ไม่เคย เฉลยกับใคร
แต่แล้วพี่บอกเจ้าไป เพื่อให้เจ้าตอบเช่นกัน
มี หลายคราที่เคย
เหมือนเจ้าจะเอ่ย เปิดเผยเฉลย คำนั้น
โอ แล้วใยอัดอั้น
มิกล้าจำนรรค์ กลับตื้นกลับตัน ทรวงใน
ฤา เจ้ามีคู่เคียงอุรา เจ้ารักเป็นหนักเป็นหนา
ตรึงติดตราหัวใจ
จึง จดจำถ้อยคำพี่ไว้ แอบเอาไปบอกคู่ใจ
ทอดทิ้งพี่ให้อกตรม

มี หลายคราที่เคย
เหมือนเจ้าจะเอ่ย เปิดเผยเฉลย คำนั้น
โอ แล้วใยอัดอั้น
มิกล้าจำนรรค์ กลับตื้นกลับตัน ทรวงใน
ฤา เจ้าลืมถ้อยคำคำนี้ จึงทำไม่รู้ไม่ชี้
ดังไม่มี เยื่อใย
แม้น เจ้าลืมเจ้าเลือนเคลื่อนคลาย
พี่เตือนให้อีกก็ได้ ก็รักอย่างไร เจ้าเอย... 






				
27 กันยายน 2548 10:58 น.

ใต้เงาดาวหนาวดวงใจ..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song200.html
(ในฝัน)
...............



ในเรื่อเรืองแสงดาวรำไรรำไร..
ยามฟ้าใกล้สาง
ทั่วนภางค์ใกล้สว่างแล้ว
ดวง..
ควานคว้าวิทยุเปิดเพลงนักร้องในดวงใจ

*ในฝัน.*
กำลังบรรเลงบทเพลง
ที่แสนหวานชดช้อยจริงใจ 
และ..
ในท่ามความละเมียดละไมแห่งภาษา..



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song200.html
ในฝัน ทูล ทองใจ

หากฝันว่าฉันและเธอ 
ละเมอความรักร่วมกัน ทุกๆ วันแสน สุขฤทัย
หากความรักนั้นหนักเหลือ
แนบเนื้อเชื้อ รักดังไฟ ฉันขอตายบน ตักนาง
หากเราได้รักร่วมกัน 
ผูกพันกระสันแน่นเหนียว 
ขอรักเดียวไม่ จืดและจาง
หากเป็นดั่งเช่นที่หมาย 
จะตายฉัน ไม่ขอห่าง
ขอรักนางเนื้อนวลแน่นอน
มอบ ใจ และกาย ทุกสิ่งมั่นหมาย
ถึงตัวตายไม่คลายรักก่อน
สู้ ทน อ้อนวอน ยอมฝันแม้ยามหลับนอน
ทนกอดหมอน นานมา
หากฝันฉันไม่หลอกหลอน
ตื่นนอนคงพบหน้าน้อง สมดังปองใจปรารถนา
หากเป็นดังเช่นที่หมาย
จะตายฉัน ไม่นำพา ขอบูชาน้องนางแน่นอน

หากฝันฉันไม่หลอกหลอน
ตื่นนอนคงพบหน้าน้อง สมดังปองใจ ปรารถนา
หากเป็นดังเช่นที่หมาย
จะตายฉัน ไม่นำพา ขอบูชาน้องนางแน่นอน..
................


กี่ปีแล้วนะ..
ที่หัวใจดวงอ้อยสร้อย
ยังอยู่กับความเหว่ว้าในความสมถะงามเงียบ
ไม่มีวันแปร...
 แม้น....
โลกนี้จะหนาวจะร้อน
จะมากมายพายุร้ายจากพายุใจพายุจริง


หันไปทางไหน
 ช่างแสนน่าเดียวดายใจเสียเหลือเกิน
เพราะ..
มีสัญญาณเตือนราวนาฬิกาปลุกแล้ว
กับ....
ทุกข์จากภัยธรรมชาติแลภัยจากอมนุษย์รายรอบ
ไม่ว่าจะ..
พายุสึนามิ ฤาเฮอริเคนแคทรีน่าและริตา
ที่กระหน่ำซ้ำซัดระลอกแล้วระลอกเล่า



ไหนจะโรคระบาด หวัดนก 
ที่แสนน่าจะวิตกเป็นที่ยิ่งนัก

ที่ราวกำลังจะค่อยๆคืบคลานใกล้เข้ามา ๆและ
จะพาให้พลเมืองโลกพบวิปโยคอย่างยากแก้ไข..



โลกงาม...กำลังพบเศร้า
ด้วยเงื้อมเงาแห่งความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ของคนบนผืนโลกนี้  
ที่เกิดมา...
ก็มีแต่จะเรียกร้องเอาจากโลก
แล้ว...ไม่คืนกลับ ไม่พิทักษ์รักษ์และรู้ค่า


*อกแผ่นดิน*.. กำลังท่วมบ่า
ด้วยน้ำตาจาก..*เทพเจ้าแห่งความระทม*

*แผ่นฟ้า*..กำลังจะจ่อมจมด้วยภัยจากมวลมลพิษ
ภาวะเรือนกระจกโลก...


และ...
ทุกผองชีวิต กำลังจะถูก..*ประกาศิตสั่งสังหาร*
จาก...
ความพิโรธของ..ดิน..น้ำ..ลม..ไฟ
อย่างยากที่จะหนีพ้น...ไม่ว่าจะหน้าไหน
หาก...
ฟ้าดินอินทร์พรหมยมพญา
จะมาเรียกร้องหาความยุติธรรม



หัวใจดวงสะออน...ไหวหวั่น
สิ่งที่จะทำได้คือ..
รีบทำทุกสิ่งที่ฝันไว้
อย่างแสนดีแสนงาม ให้แด่ผู้ชิดใกล้
และ..
คืนกลับแด่โลกงาม
ในทุกยามที่พึงจะทำได้
แม้นเพียงจะน้อยนิด
ก็คิดว่า..
ทุกชีวิตย่อมมีสิทธิ์จะลิขิตชะตา
รู้ค่าแห่งการได้เกิดมาบนพื้นพสุธานี้...



กับ...ปวงดวงดอกไม้ป่าที่แสนงาม
กับ...แมกไม้สายธารระรินร่ำ
กับ...เสียงน้ำค้างขวัญน้ำฝนแก้ว
        ยังพร่างรินดับร้อนไปทุกถิ่นที่
กับ...เสียงดนตรีแห่งเพลงไพร
กับ...เสียงเต้นของหัวใจที่ยังรู้ค่ารักรู้จักการให้
กับ...เสียงทายทักของสายลมไหว


กับ...เสียงร่วงปลิดปลิวโปรยไปของใบไม้ในราวป่า
กับ...เหว่ว้าที่สอนให้รู้ค่าความเงียบงาม
กับ....ทุกทุกข์นิยามที่สอนให้รู้
        นำน้ำพระอมฤตธรรมมาด่ำดื่ม

กับ...กลิ่นชื่นแห่งไอดินหลังสิ้นสายวสันต์ลา
กับ...ฟ้าแปรสีราวเวทีแห่งธรรม ธรรมชาติ
        อันหมายมาดมาสอนสัจจะใจ
กับ...รวงเรียวไสวสีทองสุกปลั่ง
        กำลังค้อมพวงรอเคียวควงมาเกี่ยวเก็บ


กับ...หนาวเหน็บในดวงใจ
        ยามดูจันทร์อันอำไพ
        แล้วในอ้อมกอดไม่มีเธอ

กับ...เสียงนกละเมอ กู่ก้องยามท่องไพรลำพัง
กับ...ความหวานหวัง
        ที่จักทำสิ่งแสนดีพลีเพื่อแผ่นดินและผู้เป็นที่รัก
กับ...หยาดน้ำค้างหยาดพรายภักดิ์ลงบนกลีบดอกไม้


กับ...สายน้ำแสงแดดสีทองอันอ่อนอุ่นเอื้อโอบหล้า
กับ...ดวงตาดวงใจที่สวยใสแสนงาม
        ยามลืมแลในทุกอรุณรุ่ง
กับ...จรุงแห่งกลิ่นเกสร
        กำลังอ้อนออดมวลหมู่ภู่ผึ้งภุมรินทร์
กับ...สายถวิลแห่งเมตตามากล้นค่าน้ำใจ
        ที่จะรินใส่ให้แก่เพื่อนผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตาย


กับ...คำว่าตายก่อนตาย 
        ที่ฝึกไว้อย่างผู้เตรียมพร้อม
กับ...หอมแห่งยอดพระรัตนตรัย
        ที่คือฉัตรใจ ฉัตรไทยคอยคุ้มเกล้า
กับ...เดือนดาวที่แสนงามในยามราตรี
กับ...คนดีที่...ควรรู้ค่าก่อนสายเกิน...


และ..
กับ...ลมหายใจ..น้อยนิด 
 จากทุกทุกข์ชีวิตหนึ่งนี้ที่ช่างแสนสั้น
ให้คอยเฝ้าจักรู้ทันเท่า

คอยเฝ้าดูว่า..
มิวันหนึ่งวันหน้าวันไหน..อาจจะหยุดลง.!
ให้เตรียมปลง เตรียมใจ 
ไม่ว่ากับใครกับคนไหน ที่เรารักแสนแสนรัก



และ..
กับ..ความพลัดพรากจากลา
ในท่ามแสงตะวันรอนๆ
ฤาว่า...
ในท่ามกลางดาวเดือนร้องร่ำ
ก็จักหันหลังคืนกลับมาก็หาได้ไม่...


และ
เมื่อเรายังมีลมหายใจ ..

ไย...!...จึงปล่อยให้ทุกสิ่ง
ที่เราแสนรักประดุจดั่ง *สุดสายใจ*
ต้องมาแหนงหน่าย..คล้ายไร้สิ้น..อภัยปรานี

มีเพียงทิฐิมาบดบัง ...
ให้เซซังซมซาน..รานโศก..แสนเศร้า..ด้วยเล่า...
ทุกเจ้ายอดดวงใจ...ช่างกระไรเลย....!!
.......................


				
25 กันยายน 2548 12:26 น.

ด้วยปีกแห่งฝัน...

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song82.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song19.html
(รักข้ามขอบฟ้า..อาลัยรัก)
.................



จันทร์เสี้ยว...ดวงเศร้า
ลอยคว้างอย่างแสนงาม..ในท่ามฟ้าแจ่ม

ผม..
จุดเทียนวะวับแวมวะวิบวาว
ในค่ำคืนที่เหงาเปลี่ยว
ที่ยังพอมีไรแสงดาวระริบหรี่


ราตรีนี้...
ผมตั้งใจมาพลีร่างจิต
มาสถิตนอน ณ..เรือนจำปี..นานๆที 

แบบที่..
อยากย้อนรอยถอยบรรยากาศ
ให้แสนสุขเกษมเปรมปรีย์
แบบ..ที่
ให้หัวใจดวงสะออนได้รับกลิ่นไอฝนระรินร่ำ


ที่ไม่ว่าจะเป็น
กลิ่นไอฝนไอฝัน..กลิ่นไอดินที่ไหนไหน
ในพื้นพสุธาในหล้าโลกนี้..
ที่...
ผมเคยไปใช้ชีวีชีวิตมาอย่างนานเนานับสิบปี
อย่างคนเหงาใจอย่างคนไกลบ้าน 

ก็มิหวานหอมให้ไสวไออุ่นละมุนละเมียด
ณ..ภายในดวงจิตสถิตงามเป็นสุขนิรันดร์
ได้เท่าเทียมกันกับ
กลิ่นไอดินแห่งผืนแผ่นดินไทยนี้..
ที่เป็นดั่ง..*ผืนดินเกิด..*


และกับ..
ในราตรี...ยามนี้
ที่ดวงดงดอกไม้ไทย
กำลังไหวหวาน
กำลังพร่างผลิผุดช่อละออรวงดวงดอกตระการ
ไม่ว่า..
แก้วสราญ ฤา การะเวก  จำปี 
 ที่กำลังน้อมพลีพวง
ให้แสนหอมห้วงในนวลใจ...ในดวงใจ..


ในท่ามความเงียบงามสงบสุข 

ผม...แอบซุกตัวเองกับหมอนนิ่มนวล
พร้อมกับหลับตา...
รับอวลหอมอวลงามเงียบแห่งทุกสรรพสิ่ง


ผมนอนนิ่งๆ
ทิ้งใจให้ผสานไปกับความสงบสงัด
ที่แสนชัดลึกในมโน...นึก
และ...
โน่น..บนฟากฟ้า
ที่มีแสงเดือนพราวดาวระเรื่อราง

ผมเห็น...นกเหล็กสีเงินงาม 
กำลังกางปีก ร่อนบินไปยังแดนดินไหนก็ไม่รู้


ทำให้ผม..
แสนคิดถึงคนในดวงใจ...อย่างที่สุด

ที่.ราวนกไพร แสนงาม
ได้ติดปีกแห่งฝัน..
พลันบินไปทั่วโลกหล้านี้
และอย่างมีอิสราเสรีอย่างมีความสุข...

ผม...
ได้ยินบทเพลง..
วะแว่วหวานมาในท่ามภวังค์รักภวังค์ฝัน
......................



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song82.html
รักข้ามขอบฟ้า ศรีไศล สุชาติวุฒิ

ขอบฟ้า เหนืออาณาใดกั้น
ใช่รักจะดั้น ยากกว่านก โบยบิน
รักข้ามแผ่นน้ำ รักข้าม แผ่นดิน
เมื่อความรักดิ้น ฟ้ายังสิ้นความกว้างไกล
ขอบฟ้า ทิ้งโค้งมาคลุมครอบ
อ้าแขนรายรอบโอบโลกไว้ ภายใน
เหมือนอ้อมกอดรัก แม้ได้ โอบใคร 
ชาติภาษาไม่ สำคัญเท่าใจตรงกัน
รัก ข้ามขอบฟ้า รักคือ สื่อภาษาสวรรค์
อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง
ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์
ขอบฟ้า แม้จะคนละฟาก
ห่างไกลกันมาก แต่ก็ฟ้าเดียวกัน
รักข้ามขอบฟ้า ข้ามมา ผูกพัน
ผูกใจรักมั่น สองดวงให้เป็นดวงเดียว

รัก ข้ามขอบฟ้า รักคือสื่อภาษาสวรรค์
อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง
ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์
ขอบฟ้า แม้จะคนละฟาก
ห่างไกลกันมาก แต่ก็ฟ้าเดียวกัน
รักข้ามขอบฟ้า ข้ามมา ผูกพัน
ผูกใจรักมั่น สองดวงให้เป็นดวงเดียว
...........


วันนี้..................
ในยามบ่าย..
ผมพาตัวเองเดินดายเดียวในตลาดนัด
ทั้งๆที่มีคนมากมายเดินกันขวักไขว่ราวมดปลวก

ผม..
เพียงแค่อยากลองหลีกลี้หนีความจำเจ
ที่ผมเคยชินทุกวารวัน
ลองไปเดินดูสวรรค์บนดินของนักจับจ่าย


ที่มิใช่...
มีเพียงชาวไทย
หาก..
มีผู้คนนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก
มาจับจ่ายอย่างเมามันส์อย่าง...สุขสันต์
ได้..
เติมสุข
ด้วยวัตถุที่มีทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า..ท้าเงินงาม
ที่จะวิ่งตามย้ายที่ออกไปตุงในกระเป๋าคนที่ผลิต..



แต่.............
สำหรับชีวิต..ผม.
แค่มาทอดทัศนาความเป็นไป
และ
พอให้หัวใจได้สัมผัสแผกบ้าง
ใช่ฝังตัวเองเพียงบ้าน 
และทำแต่งาน งานและงาน..


ผม...เดินดู บัว บัวเผื่อนบัวผัน...
บัว...ที่มากี่ครั้งๆ
แม่ค้าเจ้าประจำผู้รู้ใจจะรีบจัดใส่ถุงให้

ดูต้นไม้....กรายกลีบลีลา
กล้วยไม้นานาหลากพันธุ์
ดู ...
ไอเดียแห่งความฝัน
ของนักประดิษฐ์รุ่นใหม่
ที่แสนจะมีไฟแรงในด้านต่างๆ


และ...
พลัน...หัวใจดวงไร้อยาก..
ก็จำพบวิบาก
ให้อยากเทเงินงามออกนอกกระเป๋าเข้าให้แล้ว
ตามประสามนุษย์ปุถุชนคนธรรมดา 

ที่บางคราก็ยังหนีไม่พ้น..
แม้นรู้อดทนที่จักรำงับดับได้นาน
ในทุกกิเลสลามไล้ให้ อยาก อยาก
 เสียมากจนเกินพอดีพอเพียง



แต่นาที..นี้..
ที่รายรอบพลีเต็มไปด้วยวัตถุๆ..
จะอยู่เฉยไปไย...

ก็แค่ตามใจตัวเองนานๆที
นั่น..ไง...
ของที่อยากพลี อยากได้..วางไว้ตรงหน้านี่แล้ว

*เจ้าโคมไฟ ...*
ที่ใช้เชือกควั่นไปมา หากทว่านำไปชุบสีสัน
ให้มลังเมลืองฝัน ต่างๆกัน...


*โคมไฟ ..*
ที่ทำจากมือน้อยๆของน้องๆ
ที่
กำลังขะมักเขม้นร้อยฝันพันถักทอ..อยู่ตรงหน้า
ให้ผมละล้าละลัง...



ผม..หยุดเดิน..
และไม่กี่นาทีตามหลังมา...ก็ตัดสินใจ
 ขอเป็นหนึ่ง
ในเจ้าของโคมไฟสีน้ำตาลไพลน้ำตาลไหม้

ที่คล้ายทายทัก..รอให้ผมควักเงินซื้อ
ผม..
คนที่มักซึ้งซาบอาบอิ่มกับงานทำมือทุกชนิด


และ..
ที่แสนพิสมัยเพราะโคมไฟนี้ราคาไม่แพง
แถม..
ให้สีแสนโรแมนติก 
คิดว่า..
ยามแขวนไว้จะ..
พรายพร่างกระจ่างแจ้งวะแวมวับ
ราวกับ..
ดาวมากระพริบระริบหรี่ล้อเลยทีเดียว...



ผม..คิดว่า 
คงราวแสง
ในคืนเดือนเสี้ยวประมาณนั้นประมาณนี้

ที่ มาตรแม้น...
แสงใดไหนเล่า
จะงามเท่าแสงธรรม แสงธรรมชาติ
แต่...
หากจิตใสใจดวงงามเรา
ยังอยากพิลาสพิไล
ให้มี...ไออุ่นอวลเอื้อถึงในห้องหับ
ที่อยากจะเนรมิตให้บรรเจิด...จิตน่าพิสมัยพอกัน


และ...
ไม่นานนาที...
ที่ สองขานี้ได้เดินมาเดินไป
เหตุไฉนเล่า..
สายตาแสนซึ้งเศร้าซุกซน
จึงพากมล..ให้ไปต้องใจกับข้าวของบางสิ่งเข้าอีกแล้ว..


*ปลอกหมอนสีขาว* ขาว
สะอาดใจสบายตา

ที่ผมนี่หนา..เป็นโรคแพ้ความขาว
แห่งเครื่องนอนหมอนมุ้ง 
ที่มีแต่ขาวๆไสว...ไม่ก็นวลๆไข่ไก่

เพราะอะไร...
เพราะร่างและหัวใจผมรู้สึกสะอาดสว่างสงบ
ยามพบพาตัวเองไปนอนนะซี..

ยามที่ได้ชิดใกล้ความขาว..
ราวความงามง่ายไร้สีสันใดใด...



และ...
ในท่ามอากาศร้อนระอุ
ด้วยอุณหภูมิชีวิต 
ใต้หล้าใต้ฟ้าไทย ณ..นาทีตรงหน้า

ในสายตาสายใจผม
ไยพลันพาพบกับความหนาวเหน็บ..


ในอณูนึกแห่งทุกทุกข์ผู้คน...
ผองชนที่มากมายในใต้ฟ้า 
ในหล้านาทีนี้ 
ที่ผู้คนพากันมองผ่านเฉย

มีชายหญิงวัยชรา สองตายาย
พากันมานั่งขอทานจากผู้ผ่านใจบุญ

ร่างอันทรุดโทรมดูซ่อมซ่อ รอต่อหวัง
สามี..ชรานั้น
เพียรเอาน้ำให้ภรรยาดื่ม เพราะอากาศร้อน



ผมหยุด...มองนิ่งนาน..
สะเทือนสะท้อนสะท้านใจ

เสมือน
ย้อนดูละครแห่งชีวาชีวิตมวลมนุษย์
ที่..
ยังมิสิ้นทั้งทุกข์โศกโรคภัย
 แลมากดวงใจมืดบอดในความยากไร้

รอต่อยอดแตกกอบุญ
รอหยาดละมุน
จากน้ำค้างน้ำใจ น้ำใสน้ำอมฤตธรรม
ที่จะ..
คอยพร่างพรมรินรดหยดให้
อย่างมากมีเมตตากรุณา
ราว...
เพื่อนร่วมโลกชะตากรรม
 มาเกิด แก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น



และสำหรับผม...
กำลัง..ใช้สายตา 
พาสายใจสอนสัจจะใจบทเรียนจริง
อย่างนิ่งทบทวน ในภาพตรงหน้า..

และ...
ด้วยดวงใจสะเทือนไหวอ่อน
อย่างอ่อนโยนที่สุดแล้ว
หัวใจผม..ดวงแก้ว
ราวลอยมิหยุดยั้ง ...ติดปีกขึ้นเหนือราวฟ้า...ไกล..

มองเห็น..
ทะเลโลกย์ทะเลโศก ทะเลคนทะเลน้ำตา
ที่..
กำลังวนว่ายฟันฝ่า
ทั้งจากพายุใจ พายุจริง..รอ..ท่วมนอง



หัวใจผม..ดวงใสเริ่มหม่นหมอง
กำลังสะอื้นไห้...
กับมากทุกข์ทนหลายชะตากรรมชีวิต
ที่ถูกลิขิตมา อย่างหนีวิบากรักวิบากกรรมมิพ้น..



และ...
แม้นกระทั่งตัวผมเอง..
ที่ยังจำต้อง..
เวียนว่ายปะปนกับทุกข์สรรพสิ่ง

รอเพียงจิตรู้วางนิ่ง สลัดทุกข์พันธนาออกไป
ด้วยตัวตน..ด้วยกมล..ที่ฝึกจิต..
 อย่างมิท้อแท้ยอมแพ้พ่าย...
ให้รู้ทันเท่า  ..
รู้คิดดี  คิดได้  คิดให้ 
อย่างมิยอม..ลด  ละ เลิกเพียร...



ผม......
ค่อยๆดึงจิตกลับมา..
และ
กับหน้าที่ เพื่อนร่วมโลก ..ชะตากรรม

ผม..ค่อยๆวางเงินให้
แล้วหันหลังลามาอย่างช้าช้า 
อย่างแสนมีความสุขสว่าง ณ กลางใจ..



ผม..
คิดว่าชีวิตผม..
มิยึดติดทุกข์ทนกับเรื่องเงินงาม..
ก็เพราะ..
กุศลจิตแห่งความมากเมตตาทานบารมี
ทั้งๆที่...ชีวิตผมนี้ใช่จะร่ำรวย

หากทว่า...
ผมก็ไม่รู้ด้วยเหตุใด
ที่ผมได้เกิดมากับใจดวงนี้

ดวงที่มีกระแสธาร..การให้
 พร่างพรายอยู่ในสายเลือด
ในชีวาชีวิตมาตั้งแต่ยามเยาว์
ที่จิตใส คิดได้คิดดี เอง ใช่อยากบรรเลงกระซิบบอกใคร..



และ..
ทุกนิยามขั้นตอนแห่งประสบการณ์ชีวิต
ที่เพียงนิดน้อยหนึ่ง..
มาพึง..มาเพียรเล่า

เพราะ..
ผมแค่..  
อยากระบาย...ให้สายธารแห่งเกษมบุญนี้
ได้พลี..
เป็นดั่งบทเรียนไหลละมุน

เพื่อเผื่อแผ่แก่ผู้ที่ยังทุกข์ทน...
ผองคนแห่งผู้ชิดใกล้
ที่ยังมีอีกมากมายนัก..

อย่างผู้ที่...รู้รัก..รู้เสียสละ..รู้ปันแบ่ง..มิแล้งไร้น้ำใจ
ดั่งบัวแล้งน้ำ..



ให้ทุกนวลเนื้อ..
แห่งหอมกรุ่น..งามใจ 
ได้...
 รู้คำล้ำเลอค่า
คำที่ว่า *ยิ่งให้ยิ่งได้* 
แม้นเรามิหวังได้ใด..

หากน้ำใส  ...น้ำพระธรรม..
จะคืนหลังกลับมา..
มา..
ระร่ำรินให้ดวงชีวินชีวิตเรา
ได้พบสิ่งแสนศักดิ์สิทธิ์
ได้พบ..
ทิพยนิรมิตพลังธรรมแห่งปิติเกษม..อย่างมิรู้สิ้นรู้จบ..


ได้พบแสงธรรมแสงทอง...
คอยทอดทอรอให้พบ
ความสว่าง..
คอยนำทางใจ..ให้แสนไสวพร่างกระจ่างจิต
ดั่งดวงชีวิตคือ อัญมณีแก้ว ..

ที่จัก...
แพรวพรายฉายฉันท์..กระจ่างขวัญ 
 ตราบ...จนถึงวันสุดท้าย...
แห่งลมหายใจนี้
ที่ช่างแสนสั้นเป็นยิ่งนักแล้ว...



ผม...
นอนดูธรรมชาติ ...ในวาดวงว่าง
และ..
กับใจดวงเริ่มวาง  ในงามนิ่ง
กับทุกสรรพสิ่ง

ทิ้งทุกทุกข์มายา...


ที่พาดล..ให้ดวงกมล...
ผมลอยเหนือหล้าและเหนือฟ้าดิน

มิถวิลอยาก...ทั้งทุกข์สุขมารุกโหม

ให้หมองหม่นในกมลนาน กมลราน..อีกเลย..
ตราบชั่วกาลกัป์ป...ตราบชั่วฟ้าดิน..!
.........................




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song19.html
อาลัยรัก ...ชรินทร์ นันทนาคร 


ฉัน รักเธอ รักเธอ ด้วยความไหวหวั่น
ว่า สัก วัน ฉัน คง ถูกทอดทิ้ง
มินานเท่าไร แล้วเธอก็ไป
จากฉันจริงจริง
เธอ ทอด ทิ้ง ให้อาลัย อยู่กับความรัก
แม้ มีปีก โผบิน ได้เหมือนนก
อก จะต้อง ธ-นู เจ็บปวดนัก
ฉันจะบิน มา ตาย ตรงหน้าตัก
ให้ยอดรัก เช็ด เลือด และ น้ำตา

แม้ มี ปีก โผบิน ได้เหมือนนก
อก จะ ต้อง ธ-นู เจ็บปวดนัก
ฉันจะบิน มาตาย ตรงหน้าตัก
ให้ยอดรัก เช็ดเลือด และน้ำตา





				
23 กันยายน 2548 09:30 น.

แล้ว..ก็สายเกิน..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1752.html


เป็นคำถาม..นิยามสุดท้ายคล้ายจบรัก
เมื่อสิ้นภักดิ์สิ้นเพ้อละเมอหา
ให้จากกันวันนี้ด้วยคำลา
ยอมเหว่ว้าตายดับกับน้ำคำ

ให้จำจดความดีนับพันครั้ง
ลืมเรื่องหลังเรื่องร้ายใช่ร้องร่ำ
แค่นับร้อยหากคอยเผลอฝากระกำ
สายใจย้ำแสนยินดีที่พบเธอ

ทั้งรอยยิ้มหม่นหมองฝากร้องไห้
ระหว่างใกล้ระหว่างชิดสนิทเผลอ
มีน้ำใจมีน้ำคำล้ำเลิศเลอ
แล้วไยเธอจะหาใหม่ใครมาเทียม

ฉันคนซื่อถือมั่นสัญญาภักดิ์
ใช่เพียงรักหากศรัทธานั้นเต็มเปี่ยม
พลีดวงจิตสนิทเนาราวขวัญเรียม
หวังลอยเยี่ยมวิมานสถานทิพย์

เธอไม่ซึ้งถึงกาลผ่านมาสอน
ใจดวงอรชรหยาดหวานให้จารจิบ
เธอทำลายคล้ายรอให้ลาลิบ
ทั้งไร้สิทธิ์มีเพียงฝันฉันยอมพลี

เป็นคำถามสุดท้ายสายเสียแล้ว
ใจดวงแก้วแหลกยับกับวันนี้
ไม่เหลือแล้วแววหวังนะคนดี
สายเกินที่*คนเสียขวัญ*จะหันมา..!

.................................



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1752.html
เพชฌฆาตใจ ....ชินกร ไกรลาส 

น้อง เอ๋ย
ใครเขาเคยเหมือนพี่บ้างไหม
ช้ำ ช้ำ เท่าไหร่ พี่เป็นแผลใจ
ใคร จะเห็น
เจ็บเท่านี้เจ้ายังทรมาน
หรือเป็นพรานล่าใจ
ผลาญหัวใจใครเล่น
หรือเจ้าเป็นเพชฌฆาต
ที่เชี่ยวชาญ
โปรดฆ่าพี่เสีย
อย่าอ้างเอ่ยความสงสาร
จงประหารถ้าแม้ว่าเจ้าไม่รัก
ฮืม ฮืมฮืมฮืมฮืมฮืม

อิเหนา เอ๋ย
เคยรักนุชบุษบา
พี่ หลงไหลยิ่งกว่า
พี่สัญญาได้ ในเรื่องรัก
ปวดและช้ำในดวงฤดี
เหมือนดังมีมีดคม
ฝังใจจมเจ็บหนัก
รักของเจ้าฆ่าพี่อย่างเลือดเย็น
พี่เจ็บดวงใจคงไม่มีใครเล็งเห็น
เวร นี่เวรเธอเห็นพี่เป็นเช่นไร
ฮืม ฮืมฮืมฮืมฮืมฮืม...
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด