24 ตุลาคม 2548 11:19 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html
(คำมั่นสัญญา)
..............
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html
(คำมั่นสัญญา)
..............
เส้นทางสายเล็กๆ..
ทอดแหวกกอหญ้าสูงท่วมศีรษะ
พา..
ลัดเลาะผ่านไป..
ทั้งในป่าโปร่งและป่ามืดครึ้ม
ที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้น..คลี่คลุมรายรกไปทั่ว
มีทั้ง..
ไม้ยาง ตะเคียนทอง
ไข่เขียว ตะเคียนทราย
สยาขาว กระบากดำ กระบากขาว
พันจำ หลุมพอ เอียนเซียด อบเชย
เทพธาโร จำปาป่า ก่อต่างๆ
แดงคาน แดงเขา ยมป่า ที่แสนหายาก
ให้เดินเดินไปได้ตลอดทั้งวัน
หรือตลอดทั้งเดือนก็ไม่พ้นเขตป่า
ป่า..
ที่มีทั้งป่าดิบเขาและป่าดิบชื้น
แถมยังมี..
เทือกเขาสูงสลับซับซ้อน
ก่อให้เกิดมีต้นน้ำลำธารหลายสาย
ที่มี..
เนื้อที่เกินกว่าสามแสนไร่
และครอบคลุมไปหลายอำเภอ
มีถ้ำ น้ำตก ยอดเขา ทิวทัศน์ต่าง ๆ
และ...
สัตว์ป่านานาชนิด
ที่พบว่า..
ในอุทยานแห่งนี้
จะเป็นถิ่นที่อยู่อาศัย
ของสัตว์ป่าไม่น้อยกว่า 327 ชนิด
เช่น....
สมเสร็จ เลียงผา ลิงกัง
เม่นหางพวง เสือลายเมฆ เก้ง กวาง เสือดำ
เสือโคร่ง หมีหมา ค่างดำ ค่างแว่นถิ่นใต้
สัตว์จำพวกนก ....
เช่น
นกอินทรีดำ
ไก่ฟ้าหน้าเขียว ไก่ป่า นกเขาเปล้าธรรมดา
นกหว้า นกเงือกหัวหงอก นกเงือกปากดำ
นกกก นกชนหิน
นกโพระดกหลากสี และนกกินปลี ฯลฯ
..............
และ...
ใกล้ๆกับ.ณ..ที่แห่งนี้..
จะมี
*กระท่อมไม้ซุงแสนงาม*
ซ่อนตัวอยู่อย่างโดดเดี่ยวสงบ
ริมลำห้วยสายสวย...
ที่มีก้อนหินใหญ่น้อยระเกะระกะ
และราวกับ..
*เมืองลับแล*..ที่ผมชอบมาฝากฝังตัว
ให้ไกลห่างจากโลกภายนอก
ที่แสนหลอนหลอกลวงใจ
และ..
ที่สำคัญอันแสนน่าภาคภูมิใจ
คือ..
ตัว*ผม.*.ได้เป็นผู้ครองผืนไพรแห่งนี้
ที่..
เป็นมรดกจับจองตกทอด
สืบมามาตั้งแต่ครั้งสมัยบรรพบุรุษ
จนตกมาถึงผม..
ผืนดินที่...
ครอบครัวเรามีประวัติตำนานแสนตื่นเต้นมากมาย
หลายร้อยเรื่องราว
ที่..
แสนยาวนานเกี่ยวกับการผจญภัย
กับป่าใหญ่ไพรกว้างณ..ที่แห่งนี้
ที่จะเล่าให้ใครๆฟัง...
ที่จะมิมีวันร้างแรมรัก
อันเนื่องมาจาก..ผม..เป็นคนรักผืนดินและป่า
และจะมิมีวันยอมทิ้งถิ่น
ยอมขายแลกเงิน
ที่จะนำมาใช้ให้มลายหายไป..ไม่กี่วันก็หมด
ผม..ต้องการเก็บอัญมณีไพรผืนนี้ไว้
ตั้งใจว่า*จนตราบลมหายใจสุดท้ายแห่งผมเลยทีเดียว*
คืนนี้..
หลังเลิกงานและจัดการบางเรื่องราวแล้วเสร็จ
ผมก็...แพ๊คกระเป๋าและของใช้จำเป็น
คว้ามอร์คันเก่าคันเก่งคู่ใจ.
บิดบึ่งเข้ามาในป่าท่ามราตรี
ที่...
เดือนยังระดะพราวเต็มราวฟ้า
จันทร์เสี้ยวดวงเศร้า
ทอดตาหวานลงมาราวปลอบประโลม
ทั้งดวงใจผมและป่าทั้งป่า...
ให้หลับไหลอย่างแสนสงบสุข
ทุกวันหยุด..
ผมจะมาใช้ชีวิตที่นี่
ที่ที่ใกล้ๆ..กับอุทยานแห่งชาติ
เพื่อ..
วาดวงฝันปันดวงจิต..ให้กับชีวิต
และธรรมชาติที่แสนเงียบสงบงาม..
ตลอดเส้นทาง...
กลิ่นหอมหวานแห่งดวงดอกไม้ป่าและกล้วยไม้ป่า
อีกทั้ง
พันธุ์ไม้นานา
พากันอวลกลิ่นหอมจรุงไปทั่ว
ป่าที่..
ยังมีกุหลาบพันปี กุหลาบป่า
หรือ..
กุหลาบเขาหลวง เต่าร้าง บิโกเนีย
หรือ
ก้ามกุ้งหลายชนิด มหาสดำ (เฟิร์นต้น Tree Fern)
พืชในวงศ์กล้วยไม้ที่มีอยู่มากกว่า 300 ชนิด
บางชนิดเป็นกล้วยไม้เฉพาะถิ่น
ที่พบเพียงแห่งเดียวในโลก
เช่น
สิงโตพัดเหลือง สิงโตอาจารย์เต็ม ขนตาสิงโต
เอื้องสายเสริตสั้น เอื้องแดงหิน
กล้วยปลอก เอื้องคีรีวง เป็นต้น
พันธุ์ไม้พวกนี้ที่นับวันจะยิ่งหายาก
และน่าจะปล่อยให้แพร่พันธุ์
เพื่อ..
รักษาความงามอันแสนสมดุลย์ของป่า
ดีกว่าพากันไปบุกรุกทำลาย
..........
ฟ้าแจ่ม..
แต้มด้วยดาวดวงดารารายกระพริบพรายพร่าง
ส่องประกายสว่างสีเงินยวงสะท้อนสายน้ำในลำห้วย
จน..
กลายเป็นสีเงินงาม...
ผม..พาตัวมาถึงกระท่อมในยามใกล้ดึกแล้ว..
และ..
ตั้งใจจะนอนค้างที่นี่สักสองสามคืน
ให้หัวใจได้หอมชื่นสดฉ่ำ..ด้วยเสียงสายน้ำระรินไหล
และ..
ได้นิทราหลับไหลไปกับกลิ่นกล้วยไม้ป่า
ที่พากันแจกจ่ายตระการหวานหอมไปทั่ว...พงไพร
ผม..จุดเทียนหอมขับไล่ความสลัว
ให้แสงมัวมัวระริบระริบหรี่
พลีแข่งกับแสงแห่งเดือนดาวในราตรี
และ.
วางไว้ที่หัวนอน
ไม่ลืมจะค้อมเด็ดดวงดอกพุดซ้อนและลีลาวดี
ที่บานคลี่ริมชายคากระท่อม
มาวางไว้เคลียหมอนรอดอมดมให้หลับฝันดี
แต่..คนดี..
กับ..
ฟ้าสลัวในคืนเดือนแรมอย่างนี้
แม้นจะหนาวแสนหนาว...
ด้วยความเคยชิน
ผม..
ก็ยังต้องลงไปอาบน้ำอย่างลำพังในลำห้วย
สายน้ำ...ที่ราวกับมิเคยหลับไหล
ยังระรินระรี่ไหล..ซอนเซาะเซาะ..ซอน
อย่างแสนอ่อนหวานอย่างไม่มีวันหยุดพัก
ผมทรุดตัวนั่งลงบนหิน
แล้ว..
วักน้ำเย็นเยือกขึ้นพรายพรมตัว
ก่อน...
ที่จะแหงนเงยมองฟ้าคืนแรมสลัว
ราวหวังซ่อนหยาดน้ำตาลูกผู้ชาย
ที่..กำลัง
แสนเหน็บหนาวในหัวใจเสียยิ่งกว่า..เนื้อนอกเสียอีก..
เพราะ....
นาทีนี้ผมคิดถึงคุณมากมาย นะคนดี
และ..
ในทุกคราที่มานั่งที่นี่ ณ..ที่ตรงนี้
ที่ที่..
เคยมีคุณอยู่ชิดใกล้ภายในอ้อมอกอ้อมใจผม
และเราได้อาบน้ำด้วยกัน
ใน..
ท่ามแสงจันทราและดาวพากันกระพริบตาล้อเลียน
ที่ผมเฝ้าแต่เวียน..วนรักคุณ อย่างมิรู้เบื่อ..
เพื่อ...
เอื้อให้ไออุ่นให้ร่างคุณได้หนาวคลาย..
............
แล้ว.....ไยเล่า..ราตรีนี้
ราวฟ้าสิ้นไร้ดาวไร้เดือน
แม้น..
จักพราวพรายฉายแสงระริบหรี่
ระรุบหรู่อยู่ก็ตามที...
เพราะเพียง..
ผมมองมิเห็นงาม..ในท่ามม่านน้ำตาแห่งลูกผู้ชาย
ที่กำลังสะอื้นไห้อย่างมิอายฟ้าดิน..
............
โลก..แปรไป..
หัวใจและหน้าที่แห่งความจำเป็น
ทำให้ทุกอย่างพลอยเปลี่ยนไปไฉนเลย..
กระท่อมไม้ชุงแสนงาม
ที่ผม..เลื่อยไม้ทุกท่อนด้วยตัวเอง
สร้างด้วยแรงรัก แรงใจ แรงกาย
เพื่อพลีไว้รอรับขวัญคุณ..
ให้มาเป็น
นางใจนางไพร..
นางกลางดวงใจแห่งรักภักดี
ที่..ณ..บัดนี้..
มาทอดทิ้งผมไว้ลำพัง
ให้ราวกับหัวใจจะหมดสิ้นหวัง
แสนดายเดียวเปลี่ยวเหงาในเงามืด..
พอกันกับ
เงาหม่นในห้องแห่งใจเจ้าของผู้ทุกข์ทนรอ
ที่...
หัวใจเพียรจะยังมิท้อเลิกรอฝัน..ขวัญ
ยังได้ยินเสียงรำพันรำพึงกระซิบ
ฝากตราตรึงให้..คะนึงหา
ด้วยสลักพันธนา...แห่งรักอันแสนหนักแน่นมั่นคง
ยามที่..
เราสองคน
ต่างพากันเคลียคลอออดอ้อนพะนอในม่านมุ้ง
จนใกล้อรุณรุ่งฟ้าใกล้สาง..สว่างรำไรๆ
จนได้ยินเสียงไก่ป่าขันกระชั้นถี่มา
และ..
ดุเหว่าเรไรพากัน
ร่ำร้องพร้องหวานไปทั่วทั้งราวไพร ..
ณ กลางใจกลางกระท่อม
ที่..
หอมด้วย
ละออละอองหยาดน้ำค้าง
แลหยาดน้ำผึ้งแห่งรักกำลังระรินรด..
*เค้าจะกลับมานะ
คือคำมั่นสัญญา
เขาจะมากลับมาและจะอยู่ที่นี่
ตายที่นี่ในอ้อมอกตัว อย่ากลัวไปเลย...*
*รอเค้านะ... สิบปี ...
*คงไม่นานไปนะ
และ..
อย่าร้องไห้..นะคนดี
กับวันคืนที่ร่างเราต้องแรมร้าง
ห่างไกลราวสุดขอบฟ้า...*
*ตัวจำไว้นะ ..
เค้าจะคอยมองตัวจากฟ้าแจ่มจันทร์แรม*
ที่..
ทุกคราคราว...ยามตัวหนาวใจ
ขอเพียงให้แหงนเงยมอง
ไม่ว่าเขาจะท่องอยู่แดนดินไหนในโลกกว้างนี้
เรา..
ก็ยังคงมีจันทร์ให้ปันพลี
ให้สองดวงใจเรานี้ได้ฝากรักภักดีแด่กันและกัน
ตราบที่ยังมีจันทร์ดวงเดียวกันนะ*
*คนดี ...
คนเราเกิดมาต้องทำหน้าที่
เค้าขอเวลาไม่นานเลย..แค่สิบปีเอง
สิบปี...ที่ตัวเองคงรอคอยเขาได้นะ
และ..
ตราบใดสายน้ำในลำห้วยยังระรินไหล
ดวงใจเขาก็..ยังรักตัวเองไปเสมอ..
ตราบชั่วนิจนิรันดร์*นะจำไว้
............
ใช่...
นั่นคือ..*คำมั่นสัญญา..*
ที่เขาคงรอท่า และมีหน้าที่เพียงรอ..รอ..และรอ..
รอ..
นับวันนับเดือนนับปี..
และรอ..มานานตราบจนถึงวันนี้.....
และ..
เธอ..คนดีจะรู้ไหมนะ..
ว่า..
จะสักกี่ปีกี่ภพชาติ..
เขา..
ก็ยังยินดีจะเฝ้ารอ รอ และรอ
ขอเพียงได้พบเธอ..
ผู้หญิงในดวงใจพิสวาทเสน่หา
มิคลาดคลา..อีกสักคราสักครั้ง..ก็เกินคุ้ม..!!!!!
.................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html
คำมั่นสัญญา..... พิ้งค์ แพนเตอร์
ถึง ม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร
ไม่ สิ้นสุด ความรัก สมัครสมาน
แม้ อยู่ใน ใต้หล้า สุธาธาร
ขอ พบพาน พิศวาส ไม่คลาดครา
แม้น เนื้อเย็น เป็นห้วง
มหรรณพ
พี่ ขอพบ ศรีสวัสดิ์ เป็นมัจฉา
แม้ เป็นบัว ตัวพี่ เป็นภุมรา
เชย ผกา โกสุม ปทุมทอง
แม้ เป็นถ้ำ อำไพ
ใคร่เป็นหงษ์
จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง
ขอ ติดตาม ทรามสงวน
นวลละออง
เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป
แม้ เป็นถ้ำ อำไพ
ใคร่เป็นหงษ์
จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง
ขอ ติดตาม ทรามสงวน
นวลละออง
เป็น คู่ครอง พิศวาส
ทุกชาติไป...
.................
23 ตุลาคม 2548 08:37 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song90.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2940.html
(ฝนหยาดสุดท้าย..รักเอ๋ยรักข้า)
...............
ผมกำลังพายเรือ... ในทะเลสาบสีทอง
ทะเลสาบ...
ที่ผุดพร่างราวแผ่นสีทองลำยองใย
ขึ้นมาในท่ามดงดอกหญ้าแสนสวยเศร้าอรชร
ที่..
กำลังชูช่ออ่อนอ่อนอ้อนสายลมไหว
ไปกับแสงตะวันรอนยามใกล้ตะวันลา
ฟ้าโพล้เพล้ใกล้ค่ำ...
ฉาบไล้ไปด้วยรัศมีแดดอ่อนละมุน
ราวรุ้งพราย ฉายฉาน.. หาก..งามเงียบสงบ
เสียงนกกินปลาในหนองน้ำ ร้องระงมผสานมากับสายลม
และเสียงแห่งสรรพสัตว์ราวสังคีตไพร
แล้ว..
ดวงอาทิตย์ดวงกลมสีทองสุกปลั่ง..
ก็ค่อยๆหย่อนตัวลงมา...
สัมผัส..
ทายทักดงดอกหญ้า
และเส้นตัดขอบฟ้าอย่างแสนอ่อนหวาน
ผม..หรี่ตา.. ดูตะวันและฟ้าอันแสนบรรเจิด
ผ่านเรียวไสวของใบหญ้า
ที่กำลังกรายฟ้อน..ช่างแสนงามซึ้งนัก
ผมคิดถึง..ฉากหนึ่งในหนัง..OUT OF AFARICA
ที่มีฉากแสนงดงาม
ยามที่..
พระเอกขับเครื่องบินเล็ก
พานางเอกร่อนภิรมย์ชมวิวทิวทัศนียภาพเบื้องล่าง
และ..
ก่อนที่จะไปนั่งอ้างว้าง
เอนอิงกันดูภาพตะวันอันแสนสวยราวภาพฝัน...
ผม..ห่อตัว
เมื่อสายลมหนาวพรูผ่านมา
ราวกับจะปลอบประโลมใจ
พลัน..
มีหยาดลีลาวสันต์พรมพร่างลงมาในท่ามบึงงามสงบ
พาให้หัวใจผม..พบสงบสุขตาม...
และ..
ในท่ามเพลงฝนหล่นพร่าง
ลงมาอย่างเบาบางบางเบา
หัวใจดวงเหงาเงียบงาม
ก็..
ย้อนรำลึกนึกถึงบทเพลงหนึ่ง
ในอดีต ที่กำลังมากรีดก้องในห้องใจ
ราวกับ..
ใครสักคนกำลังร่ำไห้รำพึงรำพันฝันฝากรัก
ไปกับฤดูกาล...ที่..กำลังจะผ่านเลย..
.......................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song90.html
ฝนหยาดสุดท้าย สุนทราภรณ์
ฝนหยาดสุดท้ายหัวใจหวั่นไหวให้ตรม
ซ่อนรอยน้ำตาขื่นขม ร้าวระบมสุดที่จะฝืน
ถึงคราวจำพราก โศกช้ำกล้ำกลืน
ฉันนอนซบหมอนสะอื้น
ค่ำคืนผวาโศกศัลย์
ฝนหลั่งสั่งฟ้านิจจาจำร้างห่างกัน
อย่าลืมรักเคยผูกพัน ทุกคืนวันอย่าลืมเสน่หา
ถึงกายจะห่าง แต่รักอย่าลา
เธอเคยสัญญาไว้ว่า
จะมาเมื่อฝน เยี่ยมเยือน
จงหมั่นจำความหลังอย่าลืม
สองเรา เคยรักเคยปลื้ม
ด่ำดื่มจำไว้อย่าเลือน
คอย ฉันคอยจนฝนใหม่เยือน
หวั่นเกรงรักลวงลอยเลื่อน
เพื่อนใจอยู่ไหนไม่มา
ฝนหยาดสุดท้ายเขาใยปล่อยฉันให้คอย
ส่งกระแสใจเลื่อนลอย
หลงรอคอย คอยร่ำเรียกหา
ฝนเอยอย่าด่วน สิ้นร้างสร่างซา
เพราะชื่นหัวใจของข้า
ไม่มาฝนจ๋า ข้าตรม
ฝนหยาดสุดท้ายเขาใยปล่อยฉันให้คอย
ส่งกระแสใจเลื่อนลอย
หลงรอคอย คอยร่ำเรียกหา
ฝนเอยอย่าด่วน สิ้นร้างสร่างซา
เพราะชื่นหัวใจของข้า
ไม่มาฝนจ๋า ข้าตรม...
..............
ผม..
แหงนเงยยิ้มรับฝนหยาดสุดท้าย
ที่กำลังพร่างรินด้วยหยาดน้ำตา
และนอนพาดตัวนิ่งนิ่งกลางลำเรือ
คอยเฝ้าดู..
ตะวันกำลังลับฟ้า...
ในม่านหมอกมนต์แห่งสายฝน..เสน่ห์วนา
และ..
บึงกว้างมิร้างไร้แรมรัก..
และ..
จักหมุนวนกลับมาทายทักมวลสรรพสัตว์ในเช้าวันใหม่
ให้ทุกดวงใจ ...ได้คลี่ยิ้มหวานๆ
รอรับวันหวานวันหวัง..
รับพลังธรรมแห่งธรรมชาติที่แสนพิลาสพิไล
มาส่องนำทางใจ
อย่างไม่มีวันสิ้นสุด
อย่าง..ไม่มีวันสายเกิน
ที่จะเริ่มต้นใหม่ในทุกลีลาชีวิต
หากรัก..
ที่จักลิขิตชะตา ใช่รอท่า..เพียงพรพรหม...!
และ..ในไม่ช้า
สายลมหนาวจะกราวกรูมา
พวงพยอมยังคงบานตระการคู่หล้าประดับใจ
พงพฤกษ์ไพรยังคงรอสายฝนสายฝัน
ที่จักหยาดรินมาใหม่..มิสิ้นสายใยแห่งรัก
น้ำค้างไพร..
ยังคงทายทักระริน..
ที่จะยังคงรอพร่างพรายพรม
ลบระทม..คืนสดชื่นให้ แด่..ทุกดวงดอกไม้
ฤดูกาลผ่านมาสอนทุกข์สุขให้ทุกฤดี
ได้มีชีวี
และ..
ลมหายใจตระหนักชัด ถึง..
*พลังแห่งรัก..มหัศจรรย์แห่งรอ*
โลกละออให้ศิลปะอันแสนอ่อนช้อย
ที่ถึงเพชรพลอยร้อยพัน ใช่..!จะแทนที่กันได้
และ..
หากตราบใด...
ฟ้ายังคงเปลี่ยนสี
สายนทียังรี่ไหล
เรา...
ยังมีดวงตาสวยใส
ดวงใจนวลนุ่ม
ดวงที่หวานละมุนราวกลีบดอกไม้
ดวงที่
คิดเพียงพลีให้รักน้ำใจ
แด่ทุกดวงใจ...อย่างไม่สิ้นเมตตาปรารถนาดี
ไว้รอรับทุกนาที ที่..จะได้สัมผัสฝัน
อันจัก.
มาเพาะพันธุ์พร่างให้สว่างหอมในหอมห้วง
แห่งเนื้อดินใจ..
อันคืออัญมณีไพร อัญมณีจิต
ที่จักตามติด..ให้เกิดก่อทิพยนิรมิต
ไปตราบทุกภพชาติ
ตราบจนวันตาย
ตราบจนชั่วฟ้าดินสลาย..!
..................................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2940.html
รักเอ๋ยรักข้า ...สวลี ผกาพันธ์
รักเอ๋ย รักข้า
คิดยิ่งเหมือนพา
กังวลอุรา หวนไห้
เดี๋ยวรัก ก็ชื่นฉ่ำใจ
เดี๋ยวรักก็จากไปไกล
ไม่เคยสดใส จีรัง
รักเอ๋ย รักข้า
ครั้งแรกรักมา
เหมือนดังผกา สพรั่ง
ดูรัก เจ้าช่างจริงจัง
แสนชื่นชุ่มฉ่ำประดัง
แทรกมนต์ที่ขลังอาจินต์
รักเอยรักจงอย่าเฉย
แรมไกล
รักเจ้าโปรดเห็นดวงใจ
หวนไห้ถวิล
น้ำตา ร่วงริน
ท่วมฟ้า ท่วมดิน
ไม่อยากจะกินจะนอน
รักเอ๋ย รักข้า
เคล้าด้วยน้ำตา
หรือน้ำผึ้งพาใจอ่อน
บางครั้ง รักเจ้ารุ่มร้อน
เดี๋ยวรัก ก็จากก็จร
อกเอ๋ย สะท้อนดวงใจ
รักเอยรักจงอย่าเฉย
แรมไกล
รักเจ้าโปรดเห็นดวงใจ
หวนไห้ถวิล
น้ำตา ร่วงริน
ท่วมฟ้า ท่วมดิน
ไม่อยากจะกินจะนอน
รักเอ๋ย รักข้า
เคล้าด้วยน้ำตา
หรือน้ำผึ้งพาใจอ่อน
บางครั้ง รักเจ้ารุ่มร้อน
เดี๋ยวรัก ก็จากก็จร
อกเอ๋ย สะท้อนดวงใจ...
19 ตุลาคม 2548 10:26 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song65.html
ความรักไม่รู้จบ
ถึงจะอยู่สุดหล้าฟ้าดิน
แม้จะสิ้นสิทธิ์และเสรี
แต่วันนั้น ใจฉันยังคงที่
ความรัก ความภักดี ไม่มีสิ้นสลาย
ถึงโลกแตกแหลกเป็นผงคลี
รักเต็มปรี่ ไม่มีรู้คลาย
ชีพถูกฝัง ความรักยังเวียนว่าย
เคียงคู่เธอมิคลาย
ฝากวิญญาณ ไว้เตือน
ด้วย ความรักไม่รู้จบ
แม้ผืนดินกลบ ยากเพราะความรักเลือน
จะเนิ่นนาน กี่วันกี่ปี กี่เดือน
ดินฟ้าจะคล้อยเคลื่อน ใจมิเลือน รักเธอ
ทุกทุกอย่างบนทางรักจริง
ทุกทุกสิ่งบนทางรักเธอ
จะสมหวัง หรือพบความเพ้อเจ้อ
เป็นที่ใจของเธอ จะจริงจังฉันใด
ทุกทุกอย่างบนทางรักจริง
ทุกทุกสิ่งบนทางรักเธอ
จะสมหวัง หรือพบความเพ้อเจ้อ
เป็นที่ใจของเธอ จะจริงจังฉันใด...
...........................
ฟังเพลง*ความรักไม่รู้จบ*ลบโลกโศก
พลีให้โลกรับขวัญมอบวันหวาน
ดอมลั่นทมลืมระทมเลือนร้าวราน
หวังดอกไม้บานกลางดวงใจใครทุกคน
ชีพแสนสั้นวันแสนซึ้งอย่าพึงพร่า
ลมหายใจแสนมีค่าอย่าสับสน
มอบรักกันให้วันดีเหนือค่าคน
พาตัวพ้นเหนือโลกย์โศกนินทา
รักษาใจให้ไหวหวามงามสงบ
รู้จิตจบวางวายวุ่นหมุนมาหา
กับคำคนคำใครใจเหว่ว้า
ไม่พิพากษาผู้ใดรักษ์ใจงาม
เป็นนิยามเมตตานะที่รัก
ฝากใจภักดิ์รักปรารถนาดีมิหยาบหยาม
ไม่มีเขาไม่มีเราใจก็งาม
เพียรต่อตามเติมใจมอบไมตรี
โลกภายนอกวายวุ่นด้วยกรุ่นแค้น
ให้งามแสนโลกภายในใจดวงนี้
ดั่งอัญมณีผ่องแผ้วแววประภัสสรนะคนดี
หวังชีวีมีดวงใจไสวธรรม
เพียรให้รักให้อภัยใจก็สุข
หมดสิ้นทุกข์มีสายธารหวานรินร่ำ
พลีน้ำใจอย่าฝากเศร้าสร้างรอยกรรม
ชีพชนม์สั้น ปันแบ่งดี...นี่คือ..บุญ..!
.....................
ในอ้อมโอบแห่งรัก
ดวงเขียนเรื่องนี้
ด้วยใจที่สุขสงบ..เหลือเกิน...
เป็นดึกดื่นคืนเพ็ญ....
จันทร์ดวงงาม..ลอยเด่น
ประดับบนฟากฟ้า..
สลับกับดวงดาราระยิบกระพริบพราวพราย.....
เสียงหรีดหริ่งเรไรระงม.....
พรมพร่างด้วยน้ำค้างกลางหาว......
นานๆจะมีเสียงพลุ
และประกายสีสันจากดอกไม้ไฟพรูพร่างท่ามกลางฟ้ามืด.....
ดวงจุดเทียนรายรอบ
และ..
วางไว้ในโคมเพื่อใช้เขียนหนังสือ......
ทิวไม้งามรายล้อม..แลดูตะคุ่ม
โดมสีขาวจากบ้านเพื่อนบ้านโผล่พ้นดงไม้ ดูราวกับ
ปราสาทแห่งความฝัน...........
บางค่ำคืน ...
เมื่อม่านฝนพรำโรยตัวเป็นหมอกหนา........
ดวงจะอาบน้ำท่ามกลางแสงเทียน
วับแวม ให้หวามไหว
ซุกตัวในอ่างน้ำแสนอุ่น
และจากกระจกบานกว้าง...
มองออกไปยังฟากฟ้า แสนไกล.....
ซึ่งดูราวกับฉากแห่งม่านฝันรำไรในสายฝน
สลับสล้าง สวยเหลือใจ................
ดวงคิดเสมอ....
ว่าโลกนี้อยู่ที่ใจเราจะเนรมิต......
ดวง..สามารถสร้างโลกในฝัน...
ให้เป็นโลกแห่งความจริงที่สวยงาม...เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์
และโดยมิพักต้องลงทุนมากมาย...................
ดวงปล่อยให้...การะเวกเลื้อยพันเป็นลวดลายงาม..
ขึ้นมาทายทักจนถึงระเบียงดาดฟ้ากว้าง
ที่ดวงใช้เขียนหนังสือ....
กลิ่นการะเวกยามเย็น
ทำให้งานเขียนของดวงลื่นไหลตราตรึง...
การะเวกเกาะเกี่ยวเกิดเป็น..
ม่านลายลูกไม้ธรรมชาติ ตามกระจกรอบๆบ้าน..แทนม่านหรู.
แถมเป็นม่านที่มีกลิ่นจรุงใจ..งดงาม หวานหอม.......
เป็นม่านผืนที่ต้องใช้ใจถักทอเพียงเท่านั้น....ถึงจะมีสิทธ์ได้มา........
บ้านของดวง....มีลวดลายจากใบไม้นานาพรรณ......
มาถักทอและบดบังให้แลลอดรำไร
เป็นม่านเย็นตา เย็นใจ
ทุกโมงยาม ที่ใจดวงงามได้สัมผัส....
ต้นแก้วสูงถึงชายคา........
แผ่กิ่งก้านอวดดอกขาวพราวต้นเมื่อยามวสันตฤดู.....
กลิ่นหวานเศร้า
เคล้าสายฝนจะแทรกเข้ามาเห่กล่อม
ให้หลับไหลอย่างแสนสุข....
ดวงมีเล็บมือนางสวยเลื้อยพันเป็นซุ้มหน้าบ้าน.....
ไว้เกาะเกี่ยวใจของคนที่มาเยือน....
มีต้นมะม่วงสูงใหญ่
ที่ไว้เป็นที่ให้นกกามาอาศัย..ทำรัง
และให้ นกเขามาร้องขันคูปลุกในยามเช้าตรู่
เมื่อถึงฤดูกาลออกผล แค่เอื้อมมือไปก็เด็ดได้ไม่ยาก...
แล้วไหนจะจำปีที่ชิดเชยถึงชายคา..เรือนจำปี
ที่อยากเก็บแแซมผมก็เพียงสัมผัส......
มีดอกพุด...ที่มีใครบางคน..ปลูกไว้ให้
ราวกับจะเป็นไม้เสี่ยงทาย....
ให้ดวงเฝ้ารดน้ำพรวนดิน
ทะนุถนอมแทน ..
เพื่อรอดูตุ่มแรกของดอกที่จะผลิบาน..........
แล้ว... ดวง..ตั้งใจจะเก็บไปถวายพระพุทธรูป
ที่ดวงจุดเทียนสวดมนต์กราบไหว้ทุกค่ำคืน....
เพื่อเป็นมงคล เป็นพุทธบูชา....
และ..ดวงจะอธิษฐานจิต
ให้ดอกพุดนั้นแทนรักที่งดงาม........
บริสุทธิ์ใส และเบิกบาน ให้เจ้าของสมหวัง...ดั่งใจ เฉกเช่นเดียวกัน.....
เราทุกคนมีใจดวงเล็กๆเหมือนกัน...
ใจดวงที่สามารถจะเปิดให้ความงามที่รายล้อม
รอบรอบตัวเข้ามาสัมผัส....
ง่ายแสนง่าย.ใกล้แสนใกล้......แค่มือคว้าใฝ่..............
เพียงมีใจปราถนารับความละเมียดละมุน..มาต่อเติมใจ
ให้ไฟฝัน มิมีวันมอดสิ้น.........
ชีวิตนี้สั้นนัก.....
ไม่ช้านาน
เราทุกคนก็ต้องลาจากโลกสมมุตินี้ไป.....
แล้วไฉนเล่า ...
ไม่เบิกบานกับชีวิต....
และเตรียมทำใจยอมรับความจริงของชีวิต
*การพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์
การประสบกับสิ่งที่ไม่รักก็เป็นทุกข์*
เมื่อเราก้าวเข้ามาในโลกแสนสวยใบนี้....
สิ่งเดียวที่เราจะหยิบยื่นให้แก่โลกนี้ได้
คือไม่เบียดเบียนโลก...ไม่เบียดเบียนตัวเอง
ไม่เบียดเบียนเพื่อนร่วมโลก..
เราแค่ผ่านมาทักทายและอาศัยพักใจเพื่อรื่นรมย์
และฝึกจิตที่พร้อมจะยังประโยชน์ให้คืนกลับ แก่โลก
และผู้ที่จะตามมาในภายหลัง...
โลกนี้อยู่ได้ด้วยรัก...
รักที่สวยงามจะเป็นพลังสรรสร้างทุกๆสิ่ง.....
รักทำให้โลกหมุน.....
และโลกจะไม่โหดร้ายจนเกินไป
ถ้าเราจะช่วยกันแบ่งปันแก่ผู้ยากไร้สิ้นหวัง.....................
ดวงขอจบด้วยบทเพลงหนึ่ง
ซึ่งดวงกำลังเปิดฟังในค่ำคืนที่มีมนต์ขลังนี้
ให้มันลอยแทนใจ
แทนความคิดถึงทุกทุกคน
ถึงใจทุกทุกดวงที่รู้ซึ้งถึงคุณค่าแห่งรักทุกๆรูปแบบ
และโดยเฉพาะ
คนพิเศษในใจของดวง...
ที่บ้านเกิดเกาะแสนงาม..
ที่อเมริกา...แคนาดา...และออสเตรเลีย...
รวมทั้งเพื่อนแสนรัก
ทุกคนที่ญี่ปุ่น....สิงคโปร์...
ผู้ที่ดวงหวังใจว่า..เกิดมาเพื่อรัก...
และรู้ความหมายของการเมตตาเสียสละนะจ้ะ
.......................
เพลงรักไม่รู้จบ...................
ถึงจะอยู่สุดหล้าฟ้าดิน....
แม้จะสิ้นสิทธิ์และเสรี
แต่วันนั้น..ใจฉันยังคงที่
ความรัก..ความภักดี ไม่มีสิ้นสลาย
ถึงโลกแตกแหลก..แหลกเป็นผงคลี
รักเต็มปรี่..ไม่มีรู้คลาย
ชีพถูกฝัง ความรักยังเวียนว่าย
เคียงคู่เธอ ไม่คลาย ฝากวิญญานไว้ครอง
ด้วยความรักไม่รู้จบ
แม้ผืนดินกลบยากลบรอยรักเลือน
จะเนิ่นนาน..กี่วัน..กี่ปี...กี่เดือน
ดินฟ้าจะคล้อยเคลื่อน ใจไม่เลือนรักเธอ.......
ทุกทุกอย่างบนทางรักจริง
ทุกทุกสิ่งบนทางรักเธอ
จะสมหวังหรือพบความเพ้อเจ้อ
เป็นที่ใจของเธอจะจริงจังฉันท์ใด
...........................................................
ใช่เลยใช่ไหม ถ้าใจเธอหนักแน่นพอ...............
ด้วยรักจากใจ
18 ตุลาคม 2548 10:00 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song183.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song196.html
(คืนกระจ่างฟ้า..โปรดเถิดดวงใจ)
ค่ำคืนนี้ลมสงัด
เดือนและดาวชัดสวย...ลอยดวงเหนือราวฟ้า
ดูใกล้แสนใกล้..ราวกับจะเอื้อมมือคว้าไขว่ได้
บนเรือนจำปี..
ที่..
ดวงดอกดกกำลังพลีกลิ่นหอมให้หวานกับร่างๆหนึ่ง
ที่นอนนิ่งๆพิงหมอนขวานอย่างแสนงามเงียบสงบสุข
ราวสาวโบราณย้อนยุค..
เธอ..คนดี...
จุดเทียนหอมกลิ่นกุหลาบให้ยิ่งกำซาบซึ้ง
และ..
หวังลอยลมไปแสนไกล*ถึงดินแดนฟ้าจรดทราย*
ในดวงตา..
ที่คลับคล้ายจะแสนซึ้งเศร้าตามธรรมชาติ
ราวกับ..
จะมีหยาดน้ำตาราวหยาดเพชรพราวรอพรายร่วง
คอยคลอคลอง
พร้อมหยดพลี ให้แด่ทุกเรื่องปิติ
ใช่เพียง..
เรื่องรานร้าวเศร้าหมอง..หนาวเหน็บใจ
ตรงหน้า..
มีพวงดอกเล็บมือนาง...
กำลังกรายฟ้อนอ้อนนัยน์ตาเธอ
เธอคิดถึง...*นางมโนราห์*
ยามกรีดกรายร่ายรำ
และ...
แสนคิดถึง*คำใครบางคน*ลอยลมมาในยามนี้
*มันโกงเค้า
มันโกงที่ดินเค้าที่เค้าอุตส่าห์จับจองไว้*
น้ำเสียงแสนรานร้าว..และเค้าไม่สบายใจ
จึงพาตัวเอง
ไปนอนที่เทือกเขาหลวง มา
ไปหาที่ให้ตัวเอง ตามคำมั่นสัญญาไง
มี...
ลำห้วยและน้ำตกด้วยนะ สวยเชียว
แต่รู้ไหมเขาเสียใจจัง
ประมูลไม่ทัน ติดต่อตัวเองไม่ได้
22ไร่แค่เจ็ดแสนเอง
รู้ไหม..เหมือนที่*ในฝัน*เลย
ในทุกเรื่องที่ตัวเองรำพันไว้นะแหละนะ
รับรู้นะว่าหากเขาตายไปก็เพราะเขาขาดสติ
เขาทนคนโกงไม่ได้...อย่าปลอบเค้าเลย
ตัวเองเป็นคนดี ที่ขอเค้าว่า
*ทุกอย่างอย่ายึดมั่นถือมั่น
กับทุกสิ่งที่คือวัตถุภายนอกนั้น
ตราบใดที่..ยังมีสมองสองมือ
มีดวงตาดวงใจที่ยังได้มองโลกสวยใส
ก็..น่าจะขอบคุณฟ้าดินแล้ว
แถมยังมี..
อัญมณีใจดั่งอัญมณีไพรมิรู้สิ้น
สักวันฟ้าดินจะเมตตา..นะ*
เค้าเชื่อ..คำตัวเองนะ
แต่ว่า...ทำไมบางคราเค้าอยากทำลายมัน
เค้าหมดหวังเลย*
เค้า..ขอบคุณนะที่จะส่งพี่ที่ดินไปช่วยไกล่เกลี่ย
พรุ่งนี้ผู้ใหญ่จะนัดเจราจากัน
เค้าหวังทุกอย่างจะคลี่คลาย แล้ว
ย้ำนะ หากเค้าไม่ตายหรือติดคุก..จะกลับมา*
...........
หัวใจดวงเหว่ว้า..
ในนาทีนี้ที่แสนทุกข์เทวษ
กับทุกเภทภัยในผองเพื่อนมนุษย์..
ทั้งคนไกลคนใกล้
ที่ราวกับ..
มิหยุดผลาญพร่าทำร้ายทำลายใจกันและกัน
ไม่แม้จะเข้าถึงสัจจธรรม
แห่งการพึ่งพาพึ่งพิง
ทุกสรรพสิ่ง..
ในโลกหล้ารวมทั้งเมตตาธรรม
กำลังจะล่มสลายกลายกลับแล้วละกระนั้นหรือ..!
เธอ..นอนนิ่งๆทิ้งถอนใจทอดใจ
ในดวงใจอ่อนล้า
นาฬิกาโลก
กำลังจะหมุนโศกสะเทือน
กลับมาย้อนสอนสัจจะใจด้วยแสนพิโรธ
แด่มวลมนุษย์มากหน้า..
ที่..
ไม่รู้คุณค่าแห่งการได้เกิดมา
บนผืนพสุธาแสนงาม
ในท่ามความสวยบริสุทธิ์ใสของ
มวลดอกไม้ สายธาร หวานหอมแห่งธรรมชาติไพร
ขอเพียงให้มีธรรมดาใจ..ที่รู้ค่าคำวางว่าง
ก่อให้เกิดกระจ่างทิพยนิรมิต
ที่จะเลือกรู้ใช้ชีวิต ..
อย่างแสนสมถะพอเพียงพอใจ
ให้ได้..
สนิทแนบแอบอิงไปกับความงามความดี
ผสานชีวีไปกับดินน้ำลมไฟ อย่างไม่คิดทำลาย..แค่นั้น..
ในราตรี...
ที่จันทร์กระจ่างฟ้า...
เธอ..
อยากวอนฟ้าฝากดิน..ให้อภัยเพื่อนมนนุษย์
ทุกผู้คนบนโลกหล้า..ที่ยังหลงผิด
ไร้ดวงตาเห็นธรรม ธรรมชาติชีวิต
ยังมืดบอดหลงทาง..
ยังแสนอ้างว้างว่างใจ....
ยังไม่รู้ฝากฝันฝากใจเพียงกับพงไพรไร่นา
กับฟ้าสวยดาวเจ่ม
กับดวงดอกไม้ป่าคลี่แย้มบาน
กับ..
ตระการแห่งดวงจิต
ที่อยากเป็นเพียง*ผู้ให้*
เธอหวัง..
พลีฝากบทเพลงแสนงาม
มาพลีปลอบมอบกำนัลแด่ทุกดวงใจในหล้าโลก
ลบโศกแสนเศร้าลบเลือนเหน็บหนาวในดวงใจ
ให้ลอยลมไปไกลแสนไกล..ไกลแสน
ถึง....
ทุกคนดีที่ชิดใกล้ในดวงใจ
ในเรือนไทยเรือนทอง
ร่มรักแห่งมิ่งมิตรน้องพี่ผองเรา
แด่..
ทุกผู้คนที่เหงาใจไกลบ้าน
แด่ทุกรานโศก
แด่ทุกทุกข์เพื่อนร่วมโลกที่กำลังร้อนระอุปะทุเดือด
ด้วยไฟสงคราม...
แด่..
ทหารหาญ
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายผู้หาญกล้าแห่งแผ่นดิน
ให้..ชีวินทุกฝ่ายได้เลิกบ้าอำนาจ
ขาดสติ คิดเพียงทำลายกันและกัน
แม้นกระทั่ง...
ลืม..แผ่นดินที่ให้ข้าวให้น้ำ
ให้สองเท้าได้หยัดยืน
อย่างทรนงดำรงไท มาอย่างช้านาน
..........................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song183.html
คืนกระจ่างฟ้า..
ใน คืนกระจ่าง ฟ้า
ดวงจันทราคือดวงทอง ส่องสวรรค์
เมฆปองฟ้า คือม่านทอง ต้องสีจันทร์
หรีดเรไรนั้นคือดนตรีจากเทวา
เป็น คืนเสพสุขสันต์
ใจตรงกัน ฝันก็ตื่น ชื่นหรรษา
สอดอ้อมแขนตรึงกายแนบสองกายา
ในแววตา บอกภาษารักแก่ กัน
การะเกดเป็นเหมือนเกศน้องแกล้วเกล้า
ราตรีแย้ม เหมือนจันทร์เจ้าเฝ้าใฝ่ฝัน
กระดังงาเหมือนผิวเจ้าเร้าแสงจันทร์
หอมพุ่มพวงทรวงเจ้านั้นซ่านดวงแด
จวนอรุณ ใกล้ สาง
อกพระพลางยามจะพรากจากอกแข
ต่อแต่นี้คงเหงาใจ ใครจะแล
เฝ้าชะแง้คอยคืนเพ็ญจะคืนทรวง
จวนอรุณ ใกล้ สาง
อกพระพลางยามจะพรากจากอกแข
ต่อแต่นี้คงเหงาใจ ใครจะแล
เฝ้าชะแง้คอยคืนเพ็ญจะคืนทรวง...
................
เธอ..หลับตาภาวนา...
หยุด..ความคิดทุกข์ใจ
ตามคำสอนแห่งพระอรหันต์ในแผ่นดิน
หลวงพ่อชา..
ที่ตราจำไว้ในดวงใจไว้สอนสัจจะใจ
ยามที่พบขยะใจขยะใด
ที่มาแผ้วพานให้รานหมองแม้ชั่วครู่
ให้รู้อยู่รู้รักรู้เมตตาปรารถนาดี
แล้วให้รู้ปล่อยไปดั่งสายน้ำไหล..อย่ากักเก็บไว้นาน..
ดวงชีวีก็จะเบิกบาน
*ดั่งบัวพ้นน้ำ*
ที่พร้อมรอ
สายแสงทองราวสายแสงธรรมมาน้อมนำใจ
ในทุกอรุณรุ่ง...
ที่ทุกอุทัยโลกหมุนยังคงหมุนวนหมุนเวียนมา
ให้สายแสงแห่งดวงชีวาชีวิต
ส่องดวงจิตให้จักหอมกรุ่น
ด้วยดวงดอกแห่งความละมุนละเมียด
ไม่เบียดเบียนผู้ใด
ให้รู้รักษาใจใส
ให้เพียงเพียรใฝ่ทำความดี
ที่..
พร้อมยอมพลี*ให้*
แด่ทุกดวงใจเพื่อนผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตาย
และ..
จงได้พิทักษ์ใจดวงงาม
อย่าให้สิ่งร้ายใดมารานแวะเลย..
และ..กับค่ำคืนนี้..เมื่อเดือนต่ำดาวตก
น้ำค้างยังหยดเยียบเย็น
เธอ..
จะปลุกตัวเอง
ราวแม่นกไพรราวนวลนางณ..กลางไพร
ตื่นขึ้นฟังเสียงไก่ขัน
ประชันกับเสียงขันคูกู่ร้องของนกเขา
และ..
คงมิเหงาใจ
ราวกับมีเสียงดนตรีไสวหวานรายรอบบ้าน
พร้อม
เปิดเพลงคุณ*ทูล ทองใจ*
*โปรดเถิดดวงใจ*ให้หวามไหวไปด้วยกัน
อย่างฝันพลี..
แล้ว..
รอที่จะหุงข้าวมะลิหอมๆใหม่ๆ
ด้วยดวงใจแห่งศรัทธาปสาทะ
แล้ว..
จะค่อยค่อยบรรจง
พับกลีบบัวด้วยดวงใจละไมละมุน
พร้อมใส่บาตร..แล้วยกขันข้าวทองจากครรลอง
แห่งหอมงามใจ พลีจิตไสวอธิษฐาน
ให้..
เพื่อนมนุษย์ทุกทั่วหล้า
ทั่วฟ้าไทยและตัวข้าเอง
อย่าได้..รานโศกอย่าให้โลกได้แล้งไร้..
ให้ทุกคนดี..
ได้พบพระพุทธศาสนาทุกภพทุกชาติไป..ด้วยเทอญ
......
ยามเช้าเจ้าพุดซ้อนจะไปไหน
นกเป็นเสียงนาฬิกาว่าเช้าแล้ว
พวงดอกแก้วร่วงพรูคู่ฟ้าสาง
เสียงไก่ขันกระชั้นถี่บนลานกว้าง
โลกสว่างดาวแขวนฟ้าราตรีนวล..
รับอรุณกับราตรีที่หอมเศร้า
หอมข้าวเช้าตัดใบตองร่องท้ายสวน
โรยมะลิในขันข้าวขาวใจนวล
ผลไม้สวนเอื้อมเด็ดมาใส่ตะกร้างาม
นุ่งผ้าซิ่นผืนสวยลายดอกไม้
ริมแก้มซ้ายทัดชวนชมให้วาบหวาม
เด็ดดอกไม้รายรอบสวนผูกช่องาม
อธิษฐานตามให้งามใจละไมละมุน..
พระ.พายเรือ มารอ รับบิณฑบาตร
ขอทุกชาติสร้างผลบุญได้เกื้อหนุน
เป็นสาวนารักสายธารหวานดอกไม้ลมละมุน
ตราบโลกหมุนสร้างศรัทธาพาดวงใจพบสุขจริง...พบสุขใจ
...........................
พับกลีบบัวน้ำตาปริ่มอิ่มปิติ
ร้อยมาลัยพุดซ้อนและกลอนรัก
แทนอ้อมตักอ้อมใจยามไกลแสน
ร้อยมาลัยห่วงหารัดร้อยแทน
อุ่นอ้อมแขนแทนอ้อมขวัญอันห่วงใย
พับกลีบบัวน้ำตาปริ่มอิ่มปิติ
ดอกมะลิลามะลิซ้อนงามอ่อนไหว
อธิษฐานกราบพระพุทธพร้อมพลีใจ
ยอดดวงใจพรากลาอีกคราแล้ว
จิตเกษมหอมห่มธรรมย้ำรอท่า
ทุกทิวาภาวนาใจใสดั่งดวงแก้ว
น้ำค้างฝันจันทร์หวานทั่วถิ่นแนว
กระซิบแผ่วน้องคนนี้พลีรักรอ..
มองดูจันทร์ฝันฝากใจนะยอดรัก
จันทร์ใจภักดิ์คงมั่นฝันเฝ้าพ้อ
จะเนิ่นนานสักปานไหนใจเฝ้ารอ
จะมิท้อดอกธรรมหวานบานในใจ
จะส่งจูบส่งใจไปคลายหนาว
ห่มร่างร้าวเหนื่อยนักพักหวั่นไหว
ให้เดือนดาวกระซิบพราวออดอ้อนใจ
ยังมีใครคนนี้ที่รักนัก...
ดอกพุดไพรฝากใจห่มหอมกว่าหอม
หวังจิตหลอมสัญญามั่นขวัญรวมภักดิ์
น้ำค้างพรมลมลูบไล้มาทายทัก
ดาราจักรหมุนวนรอคนดี..
น้ำค้างแก้วพราวใสจับใบไม้
น้ำตาพรายซึ้งเศร้าหนาวคืนนี้
นับวันรอยอดหฤทัยกี่ราตรี
ใจดวงดีกราบขอพรวอนสวดมนต์
ฝากท้องฟ้าโอบกอดแทนห่วงหา
ฝากดาราประจำเมืองทุกเวหน
ฝากคำมั่นสัญญากลางกมล
ฝากเทพดลบันดาลประทานพร
ฝากใบไม้ร่ายฟ้อนแทนคำหวาน
แทนร้าวรานรักรอขอออดอ้อน
ฝากหมอนน้อยคอยเคลียแก้มก่อนจะนอน
กระซิบอ้อนวอนว่านิทรารมย์..นะดวงใจ..
......................
และนั่นคือ..*พลังปิติเกษม*
ที่เธอ..รอไปวัดทำบุญในวันออกพรรษา
วันเวลาแห่งงามบุญงามใจ
สร้างความไสวให้ใจตัวเอง ..
และ....
หวังสานธรรมทอง
ให้พุทธศาสนา
ได้ดำรงส่องผ่องพรายฉายฉายรัศมีแก้ว
ให้แววประภัสส์ไปทั่วทั้งแผ่นดิน
อย่าง..มิสิ้นสายน้ำแห่งรักนิรันดร์
ให้ยังมี..
เรือธรรมพร้อมพาผู้คนผู้พร้อมบำเพ็ญ
เพียรพายรู้รักษาร่างกายให้หอมสะอาด
ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา
และ
ได้พาพบฝั่งฝันอันแสนใกล้
ณ..ภายในจิตไสวแห่งเราเอง..ใช่ไกล
หากมีดวงใจดวงตาเห็นธรรม...
เสียงสายน้ำแห่งรักยังระรินร่ำ
ฝากพร่ำหอมห่มบ่มงามแห่งห้วงอนันต์ใจ
ในบึงกายเธอเสมอมาและตราบจักชั่วฟ้าดินสลาย...!
.........................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song222.html
ฉันรักเธอเสมอ
หากตราบใด สายนที ยังรี่ไหล
สู่มหา ชลาลัย กระแสสินธุ์
เกลียวคลื่นยัง กระทบฝั่ง เป็นอาจินต์
เป็นนิจสิน ตราบนั้น ฉันรักเธอ
เช่นตะวัน นั้นยังคง ตรงต่อเวลา
แน่นอนนัก รักท้องฟ้า สม่ำเสมอ
เช่นกับฉัน มั่นคง ตรงต่อเธอ
ฉันรักเธอเสมอ ฉันรักเธอเสมอ
ชั่วนิจนิรันดร์
เช่นตะวัน นั้นยังคง ตรงต่อเวลา
แน่นอนนัก รักท้องฟ้า สม่ำเสมอ
เช่นกับฉัน มั่นคง ตรงต่อเธอ
ฉันรักเธอเสมอ ฉันรักเธอเสมอ
ชั่วนิจนิรันดร์...
...............
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song196.html
โปรดเถิดดวงใจ ทูล ทองใจ
โปรดเถิดดวงใจโปรดได้ฟังเพลง นี้ก่อน
อย่าด่วนหลับนอนอย่าด่วนทอดถอน ฤทัย
จำเสียงของพี่ ได้หรือเปล่า
จำเพลงรักเก่า เราได้ไหม
เคยฝากฝังไว้แนบในกลางใจนาง
ดึกดื่นคืนนั้นเคยร่วมผูกพัน แน่นหนัก
เคยฝากความรักว่าด้วยใจภักดิ์ ไม่จาง
เสียงน้องออเซาะ ขอรักมั่น
รำพึงเสียงสั่นเมื่อใกล้สาง
ไม่อยากจากนาง ห่างรัก ที่เริ่มลอง
แต่พออีกไม่นานนัก ความรักที่เคยหวานซึ้ง
เปลี่ยนจากหนึ่งกลับกลายเป็นสอง
ลืมรักลืมรส ลืมไปหมดที่เคยทดลอง
อ้อมแขนที่เคยประคอง
น้องอยู่ในอ้อมแขนใคร
ดึกดื่นคืนนี้พี่คงเฝ้าคอย เหมือนก่อน
มิได้หลับนอนเฝ้าแต่ทอดถอน ฤทัย
พี่หลงบรรเลงเพลงรักเก่า
ตัวเธอนั้นเล่าอยู่แห่งไหน
ดูช่างโหดร้าย ให้เราเฝ้าคร่ำ ครวญ...
16 ตุลาคม 2548 22:00 น.
พุด
จุดเทียนหอมฟังบทเพลงบรรเลงเศร้า
แล้วก็หนาวในดวงใจไปกับฝน
*เสน่หา*ลีลาน้ำตาปน
ร้างไกลกมล*เหมือนคนละฟากฟ้า*น่าเศร้านัก
*ร้องไห้กับเดือน*เตือนใจใครกันล่ะหนอ
เคยพร่ำพ้อทุกราตรีฝากพลีภักดิ์
*สุกี้ยากี้*บทเพลงนี้ที่แสนรัก
มาทายทักใจดวงร้าวให้หนาวใจ
ดูเดือนทองส่องเต็มฟ้าราตรีนี้
ดอกจำปีคลี่เคลียหมอนจนรอนไหว
หนาวน้ำตาหนาวคำลาหนาวฤทัย
ใกล้แรมไกลใจแรมร้างอ้างว้างรอ
*ในโลกแห่งความฝัน*ฉันเฝ้ารอพ้อเพ้อหา
โลกมายามาคลี่หอมยอมร้องขอ
วอนดวงใจอย่าพรากไกลใครเฝ้ารอ
กลับมาพ้อคืนมาเพ้ออย่าเผลอใจ
*เดียวดาย*ดายเดียวยามเหลียวหา
ทุกทิวาราตรีพลีหวามไหว
ขวัญเอ๋ยขวัญเคยภิรมย์อ้อนหาใคร
มาแรมไกลมาแรมร้างอ้างว้างนัก
*ผิดทางรัก*ประจักษ์จิตนาทีแรก
พระเจ้าแจกแม้นไม่เอาให้ลองรัก
*ชั่วนิจนิรันดร*อยากถอนใจนะ*ที่รัก*
*เพ้อ*ฝากภักดิ์พลีเพียงนี้*ไม่มีวัน*
จบตรงนี้ที่*เหมือนคนละฟากฟ้า*
ยอมเหว่ว้ายอมร้างไร้คล้ายสิ้นฝัน
ลืมทุกสิ่งลืมให้สิ้น*เคยรักกัน*
สิ้นสายขวัญสวรรค์ลา..อย่าเสียใจ...!
....................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song173.html
เหมือนคนและฟากฟ้า
มีประโยชน์อื่นอันใด
ที่หัวใจเรารักกันปานจะกลืน
แต่กายต้องห่างดั่งอาทิตย์ไกลกลางคืน
มืดมนทนฝืนฝืนโชคชะตา
ได้แต่หลอกปลอบใจกัน
ว่าสักวันความรักสมจินตนา
จนสิ้นใจจาก ได้ครองรักเพียงอุรา
เกินเอื้อมมือคว้าวิวาห์ดูหมดทาง
ต่างกันทุกฐานันดร
ดั่งมีสิงขรปิดประตูกั้นขวาง
ถึงเราสัญญารักกันว่ามั่นจีรัง
แต่ดูเหมือนดังอยู่คนละฟากฟ้า
คิดสลัดตัดใจไกล
สุดฝืนใจด้วยรักแรกตรึงอุรา
จำฝืนใจข่มอยู่กับรักอย่างทรมาน
รอวาสนาชี้ชะตาจนกว่าจะตาย
ต่างกันทุกฐานันดร
ดั่งมีสิงขรปิดประตูกั้นขวาง
ถึงเราสัญญารักกันว่ามั่นจีรัง
แต่ดูเหมือนดังอยู่คนละฟากฟ้า
คิดสลัดตัดใจไกล
สุดฝืนใจด้วยรักแรกตรึงอุรา
จำฝืนใจข่มอยู่กับรักอย่างทรมาน
รอวาสนาชี้ชะตาจนกว่าจะตาย...
................
*ซึ่งเป็นคำถาม...???*
คืนนี้รอบข้างเงียบมาก...
ฉันไม่ได้แหงนมองจันทร์เช่นทุกคืน..
ท้องฟ้าดูเงียบเหงา เทาทึมตั้งแต่เย็นแล้ว
ฉันตาฝาดไปรึเปล่าหนอ..
ที่วันนี้..
ดูโลกรอบข้างและท้องฟ้าราวทาบทาด้วยสีน้ำเงิน..
อีกคราครั้ง..ในรอบสิบปี..
เย็นมาก ใกล้ค่ำ
ได้ยินเสียงจิ้งหรีดกรีดร้องระงม..
ฉันจุดเทียนอาบน้ำ..
ปล่อยให้สายน้ำจากฝักบัวกระหน่ำหนัก..รินรด..
มืดทั้งบ้าน...ฉันพยายาม...เช็ดผมให้แห้ง...
ทั้งๆที่มือและใจทำไมอ่อนแรงไร้พลัง...
ทรุดตัวลงนั่งนิ่งๆ
ทิ้งใจและตัวในความความมืดมิด..ดิ่งจม..ในห้องนอน
ริมหน้าต่าง
มีใบจำปีซัดส่าย ไหวไกวกล่อมเป็นเพื่อน...
ในภวังค์ ฉันง่วงงุน...งีบหลับไป..
ฉันฝันร้าย น่ากลัว..
ฝันว่าตัวเอง
วิ่งหนีอีกแล้ว วิ่ง..วิ่ง..วิ่ง..หนีจากผู้ชายคนเดิม..
ที่เคยฝันเห็นหลายครา.....
ฝันนี้..ฉันไม่โชคดีเหมือนคราวก่อน..
เขาไม่ได้ปรานี..ปล่อยฉันไป..
แต่กลับ...
จ้วงแทงตรงกลางใจฉัน..หนักหน่วง..รุนแรง..อย่างสาสะใจ..!
ในฝัน..ฉันมิได้กรีดร้อง..
แต่....
แค่แหงนมองเขา..ด้วยสายตาที่เป็นคำถามและหยาดน้ำตา..!..
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song11.htmlเสน่หา
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4590.htmlร้องไห้กับเดือน
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song718.htmlเดียวดาย
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song369.htmlในโลกแห่งความฝัน
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song147.htmlผิดทางรัก
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song313.htmlชั่วนิจนิรันดร
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song138.htmlที่รัก
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song161.htmlเพ้อ
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song418.htmlไม่มีวัน
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song173.htmlเหมือนคนละฟากฟ้า