19 ธันวาคม 2548 22:32 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song18.html
แสนแสบ
................
พอกันทีวันนี้นะที่รัก
พอเพียงรักเพื่อช้ำแล้วเลยผ่าน
แสนโศกใจศรัทธาขวัญรอมานาน
ภักดิ์ผันผ่านนานปีคือมายา
เราจากกันวันนี้นะที่รัก
ไม่ต้องทักต้องถามตามห่วงหา
มันสายเกินหันหลังกล่าวคำลา
โลกเหว่ว้าวิปโยคแสนโศกใจ
ฉันเดียวดายดายเดียวเปลี่ยวและเหงา
เหมือนหลงเงาหลงฝันหวั่นหวามไหว
รอนาทีสบตาเศร้าเลือนหนาวใจ
แล้วทำไม....ยิ่งเหน็บหนาวเศร้ากว่าเดิม....!!!!!!
...................
พอ...ชื่อพอเพียง
หากวันนี้กลับทำบางสิ่งที่ไม่เพียงพอ
และไม่เหมือนชื่อพอเพียงที่แสนเป็นมิ่งมงคล
เพราะวันนี้พอ..กลับวอนขอ..ความเมตตา
จากคุณ..คนดี
คนที่สอนพอเสมอมาว่า..
ทำอะไรกับใครแล้วอย่าคาดหวัง
หากเราคิดว่าทำดีแล้วก็ต้องได้ดี
ไม่มีวันที่ปลูกมะม่วงมันส์แล้วจะกลายพันธุ์เป็นแตงโมไปได้..
แต่..นาทีนี้
พอ..ขอเถียงเลี่ยงบาลี ว่าสิ่งที่คุณพูดมันไม่ถูกไม่จริง
เพราะ..
พอเพียรปลูกกอรักรินรดด้วยน้ำรักภักดี..พลีให้
แล้วไยดัน..กลายกลับร้าย..กลายเป็นกอระกำ...ให้แสนช้ำตรมไปเสียได้
คุณว่าจริงไหม...ใช่ไหมล่ะ พอขอถาม..สักคำ...
พอ..เลยไม่เข้าใจ ...และจะไม่มีวันเชื่อว่า
ในความรักนั้นมีเหตุผลอีกต่อไป
พอ..
ให้รักด้วยความดี แต่บางทียิ่งดียิ่งให้
กลับได้มาซึ่งความระทม ขมขื่น
ที่คุณหยิบยื่นมาให้อย่างไร้ไยดี..ไม่มีหัวใจ..ไม่มีน้ำใจ..
และ..
มาตรแม้นรักนี้ที่พอพลีให้ไป
เพียงเพื่อสอนสัจจะใจ
ให้รู้มีน้ำใจสวยใสเย็นแสนงาม
รู้การกตเวทิตาคุณ
รู้เกื้อการุณย์แด่โลกและเพื่อนมนุษย์
แด่ผองชนคนยากไร้
ให้ได้รับน้ำรักรินรด
หวัง..
แตกช่อ
ก่อกมลกระจายตระการ
ผ่านดวงดอกความดีที่แสนงอกงาม
ที่...
คือความศรัทธาความเมตตา
อันแสนมากล้นค่าที่แสนจีรัง..ยั่งยืน..
เพื่อคืนให้โลกนี้ที่ดีกว่า..
แต่..
คุณก็ยังทำหน้าที่มิได้
ฉะนั้นแลเช่นฉะนี้
พอ..จึงใช้สมองตรองอีกที..ว่า...
นับเนื่องจากนาทีนี้..
ในจิตดวงดี ดวงพอ..ของพอ..ควรพอ..เสียที..
กับ...รักนี้..ที่เคยให้คุณคนดีด้วยหัวใจ..ซึ่งไม่มีหัวใจ..
ที่แปรใจ..ที่เปลี่ยนไปแล้ว..ใช่ไหมเล่าเอย...!
...........................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song18.html
แสนแสบ
อกพี่กลัดหนอง พี่หมองดั่งคลองแสนแสบ
เจ็บจำดังหนามยอกแปลบ แปลบ
แสบแสนจะทน
โอ้ว่ากังหัน ทุกวันมันพัดสะบัดวน
อยากจะรู้จิตคน จะหมุนกี่หนต่อวัน
ย่างเดือนสิบสอง ฟากคลองเจิ่งนองน้ำหลั่ง
อยู่ไกลกันคนละฝั่ง ฝั่ง ยังร้องสั่งกัน
สิ้นเดือนสิบสอง น้ำนองแห้งคลองขอดพลัน
สิ้นความรักจากกัน
เหมือนกังหันเปลี่ยนทางลม
แสนแสบ แสบแสนเปรียบแม้นชื่อคลอง
นี่คือโลงทองของเรียม ขวัญ เขาฝากชีพจม
แต่คลองยังช้ำ เหลือไว้แต่น้ำขุ่นตม
พี่จึงช้ำจึงช้ำขื่นขม ขม ตรมเสียกว่าคลอง
เจ้าจากพี่มา เจ้าลืมทุ่งนาฟ้ากว้าง
เจ้าลืมฟากคลองสองฝั่ง ฝั่ง ลืมทั้งทุ่งทอง
จวบจนบัดนี้ มิเห็นมีน้ำเจิ่งนอง
ชื่อว่าแสนแสบคลอง
เหมือนคนหมองต้องแสบแสน
เจ้าจากพี่มา เจ้าลืมทุ่งนาฟ้ากว้าง
เจ้าลืมฟากคลองสองฝั่ง ฝั่ง ลืมทั้งทุ่งทอง
จวบจนบัดนี้ มิเห็นมีน้ำเจิ่งนอง
ชื่อว่าแสนแสบคลอง
เหมือนคนหมองต้องแสบแสน
18 ธันวาคม 2548 09:51 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song392.html
(ดอกไม้ใกล้มือ)
.............
ดอกวาสนาบานรับขวัญในวันนี้
พราวฤดีหอมงามในท่ามฝัน
ดอกพุดซ้อนมาอ้อนใจซึ้งรำพัน
ดอกดวงขวัญคลี่แย้มแต้มดวงใจ
ดอกฤดีคลี่รอหยาดน้ำค้าง
อุษาสางรับอรุณหมุนมาใหม่
นะคนดีนะที่รักรินน้ำใจ
เพื่อดวงใจได้หอมงามท่ามโลกลวง
เอียงแก้มหอมทัดดอกไม้ให้อวลกลิ่น
หอมระรินหอมรำไรไม่ห่วงหวง
เพียงขอดอมด้วยภักดิ์อย่ารักลวง
ยอมพลีดวงหลอมใจไปด้วยกัน
เหมือนรวงเรียวรอเกี่ยวเก็บจากใจซื่อ
ชายยึดถือคำมั่นสัญญาขวัญ
พร้อมพลีดีพลีอ้อมใจไปด้วยกัน
สู่ทางธรรมทางทองปองทางทิพย์
เหมือน
ดอกไม้ภักดิ์ดอกรักขาวพราวชูช่อ
เหมือนละออบัวขาวงามพราวพริบ
บานพ้นน้ำรอตะวันทิพย์นิรมิต
สู่แดนทิพย์แดนทองปองวิมาน
สู่แดนว่างกระจ่างแจ่มงามปาริชาติ
พิไลพิลาสเฉิดฉายสีแดงฉาน
ดั่งเลือดรักภักดีกามนิตวาสิฏฐีพลีกัป์ปกาล
ฝากตำนานเหนือโลกหล้าเหนือฟ้าดิน..มิสิ้นรัก...มิสิ้นภักดิ์..!
.................
ยามอุษา...
ที่ฟ้า..ยังรำไรรำไร..ด้วยแสงดาว
ดวง..
ตื่นขึ้นมาเดินดายเดียวเดียวดาย
กับ..
พรายแสงจันทรา..ที่ยังค้างฟ้าให้พาฝัน
โน้มลีลาวดีและวาสนาอันอ่อนช้อยช่อพราว..
ที่..หนาวน้ำค้างยังจับกลางกลีบ...
มาดอมดมพรมจูบด้วยรัก..
และ..
แสนซึ้งนัก...
กับ...
พรรณเพื่อนไพรรายรอบวิมานดินวิมานวนา
ที่..ราวรับรู้สิ้นในทุกสิ่งทุกครา
และ..
ปลอบประโลมเสมอมา
เสมือนแม้นเพื่อนผู้ภักดี มิมีแปร..
ไม่ว่ายามใด ..ในชีวีชีวิตดวง
สิ้นไร้ใคร ... แสนเหว่ว้า
ฤาจะมีวาสนาบารมี
ได้รับสิ่งแสนดีแสนงาม
ที่ฟ้าดินมิสิ้นเมตตาประทานพร
ให้หัวใจดวงอรชรอ่อนหวาน
ได้รับคำพรจากสวรรค์เบื้องบน
เพื่อ..
ให้กมลได้มีลมหายใจ..สร้างสรรสิ่งดีพลีฝาก*ให้*ฝาก*ไว้*
ก่อนกายจะแตกดับลับลาไป ในแดนดินใดก็ตาม...
มิสิ้นเพียรพยายาม...
สร้างบุญกุศล..
แม้นจะทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ
ก็จะมิหวั่นใจ มิหวั่นเลย...!
...................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song392.html
ดอกไม้ใกล้มือ มัณฑนา โมรากุล
มวล เหล่าดอกไม้ใกล้มือ
เป็น สื่อ ให้คนเด็ดถือชมเชย
เจ้า อยู่ในที่เปิดเผย
เขา ใคร่ เชย เห็นเจ้าก็เลยเด็ดมา
คน เด็ดก็เพราะมันใกล้
ใคร ใกล้ เด็ดไปได้สมอุรา
บานล่อใจใครจะรู้ ค่า
ต่างปรารถนาจะได้ชม
ทิ้งไว้หมองไหม้เสียเปล่า
ขืนปล่อยเจ้าผึ้งไม่เคล้าก็เฉาด้วยลม
ทิ้งไยให้ตรม เหยื่อผึ้ง เหยื่อลม
ให้คนเขาชมดีกว่า
ดีกว่าจะทิ้งคาต้น
โรย หล่น ผู้คนไม่เห็นราคา
เจ้าใกล้มือเจ้าต้องถือ ว่า
ไม่ใช่ดอกฟ้าที่ห่างไกล
ดีกว่าจะทิ้งคาต้น
โรย หล่น ผู้คนไม่เห็นราคา
เจ้าใกล้มือเจ้าต้องถือ ว่า
ไม่ใช่ดอกฟ้าที่ห่างไกล...
17 ธันวาคม 2548 11:01 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song14.html
(คนเดียวในดวงใจ)
................
ท่ามกลางม่านหมอกหม่นมัวแห่งม่านน้ำทะเล
กระจายกระทบหน้าต่างกระจกเรือบานกว้าง
จนแตกพรายพร่างคล้ายสายน้ำตกคอยสาดซัดซ่าตลอดเวลา
เรือที่...
กำลังวิ่งฝ่าฟองคลื่น
จากฝั่งฝันสวรรค์พะงันงาม...ตรงไปยังเกาะสมุย
ในท่ามทัศนวิสัยแสนน่าหวั่นวิตก
ด้วยลมพายุที่มีชื่อว่าลมพัทยา
และ..
ท่ามกลางสายฝนบนฟ้าที่เทลงมาราวฟ้ารั่วอย่างไม่ลืมหูลืมตา
ทะเล..นั่งทอดตานิ่งงัน..
ดูคลื่นที่กำลังถาโถมทอยทอดมามิขาดระยะที่สูงท่วมลำเรือ
จนดูราวกับว่า...
เรือสปีดโบ๊ทลำใหญ่ยักษ์
ที่พานักท่องเที่ยวนักเดินทางทั้งไทยเทศ
เกือบครึ่งพัน..กำลังหาฝั่งฝันมิพบเจอ
เสมือนฝ่าฟันไปท่ามทะเลมืดดำมาทุกทิศทาง
ด้วย..
พลังใจที่ไร้ไหวหวั่นไร้หวั่นไหว
ไม่วิตกกังวลใด...มากมายนัก
ราวคลื่นลมตรงหน้าที่มาทายท้ามาทายทัก
คือบททดสอบจิตทดสอบใจ
ว่า...
หัวใจดวงนวลไสวของลูกผู้หญิงทะเลคนนี้
ที่มีชีวิตเลือดเนื้อเกิดมากับทะเลเหว่ว้าตรงหน้า
กับฟ้ากว้างแสนกว้างกระจ่างใสยามไร้พายุ
กับ..
ทุกนิยามแห่งความกล้าแกร่งแฝงความรู้อดรู้ทน
จะ...ยังคงหลงเหลือรอยที่คอยเคล้าคลุกในเนื้อกมล
จนเป็นหนึ่งเดียวกับเนื้อดินหรือไม่
และกับ...
ทุกพายุใจพายุจริง มรสุมชีวิต
ที่ถูกลิขิตให้เกิดมากับคำว่า...*คืบก็ทะเลศอกก็ทะเล*
ว่า..
ณ..บัดนี้..นวลเนื้อจิต
จะยังคงน้ำเนื้อชีวิตแบบลูกทะเล..ทะเล
ที่..
ไม่ว่าพายุใจพายุจริง...จะวิ่งมาชน
สักกี่รอบก็ยังคงรู้นิ่งรู้ยอมรับธรรมชาติ
รู้สกัดความกลัว
รู้กล้าเผชิญ ....
และ..
ในท่ามพายุจริง...นาทีนี้
ทะเล..จึงเพียงนั่งนิ่งทิ้งใจถอดใจ
แลหลังไปยังฝั่งฝันแผ่นดินแม่มาตุภูมิ
ที่..กำลังพรากลา กำลังพรากมา...ด้วยหยาดน้ำตา
ที่...
กำลังรินบ่าพร่ารดอย่างรันทดท้อ ...
ณ..ภายในใจดวงใสแสนงาม
ด้วย..
แสนรานร้าวเศร้าหมองไปกับครรลองแห่งวิถีชีวิตผู้คน
และ...
ธรรมชาติที่กำลังแปรปนเปลี่ยนไป อย่างยากย้อนคืน...
..............
ทะเล... คืนหลังกลับบ้านมาเพียงไม่กี่วัน
หากบรรยากาศที่นั่น ได้ผันแปรไปอย่างรวดเร็ว
ตามกระแสกิเลสโลกย์โศกมากกว่าสุข
ที่ดูเพียงเปลือกนอกแล้วคือแสนสนุกเริงรื่นชื่นบาน
กันไปถ้วนหน้าด้วยเงินงามสะพัด
หาก..
แฝงทุกข์ถนัดในหลากเรื่องราวให้แสนเศร้าหมอง
เมื่อใช้จิตตรองให้ลึกล้ำ
ถึง..ปัญหาที่ซ่อนเงื่อนงำฝากธรรมคอยย้ำเตือน
ให้เห็นผู้คนพากันเพลิน..
หลงเลือกเดินบูชาวิถี..ที่มากับเงินงาม
ในท่ามความเตือนภัยจากธรรมชาติ
จาก..หลากหลายบทเรียน..
ไม่ว่าน้ำป่าที่ไหลบ่ามาจากเทือกเขาสูง
ที่ณ..บัดนี้เปลี่ยนยอดเขียวใสเป็นทิวตึกไสวไปเสียแทบทุกเขาแทน
และ...นับวันจะยิ่งแน่นขนัด
ให้ความเขียวไพรหายไป
จน..
ไม่มีมิ่งไม้ใหญ่คอยกักกั้น..มิให้น้ำป่านั้น
ไหลลงอย่างช้าช้า ... ใช่...!ลงมาอย่างรวดเร็ว จนรับมือไม่ทัน
จนมาท่วมขัง..ไม่มีทางไป...
ในเมื่อทางน้ำไหล..ลงทะเล...
ถูกปิดกั้น....หันมาใช้เนื้อดินแสนแพงนั้น
มาทำธุรกิจเกื้อประโยชน์กันทุกธุลีดิน
จน..
ไม่มีใครถวิลคิด ตระหนักชัดว่า
กำลังทายท้าฝ่าฝืนธรรมชาติ อย่างไม่น่าให้อภัย...
และ..
หากวันใดธรรมชาติทนไม่ไหว ใช้บทลงโทษพิโรธขึ้นมา
ก็คงสายเกินจะกล่าวคำว่าเสียใจอย่างภัยพายุสึนามิ
ที่แสนโศกสะเทือน...!
ทะเล...เศร้าใจ...ยามนั่งเครื่องแล้วมอง
ลงมาบนพื้นพสุธา จากฟากฟ้าเบื้องบน
ที่ดูดูผู้คนเปรียบดั่งธุลีหล้า
ราว..
มดปลวกมากมายต่างพากันใช้ชีวิตตะเกียกตะกาย
หมายเอาตัวรอดปลอดภัยให้มีกินมีใช้
หากมิใช่เพียงนั้น
เพราะมีบางใครบางคน
นอกจากไม่รู้คืนกมลให้รู้รักษ์โลก
ยังคิดฝากโศกทำลายให้ย่อยยับอัปรา
แม้นจะยอมรับว่าโลกใบนิดน้อยนี้
ที่มีแผ่นดินเพียงหนึ่งในสี่
และ..
มีมหันตภัยจากน้ำรอมากรายกล้ำท่วมล้ำรายรอบ
ให้บอบช้ำ ให้ทุกชีวันชีวีรอบรรลัย
เพราะ..
ไร้พลังบารมีใดจะมาหยุดยั้งกั้นกิเลสในหัวใจคนคนคน
ที่มากล้นด้วยความอยากอยาก และอยาก
และ..
แสนยากที่จะห้ามการทำลาย...
คล้ายน้ำเงินงาม..
ได้ถูกหว่านโปรยโรยไปทั่วหล้าพาหลอมละลายจิตวิญญาณ
แห่งความรู้ผิดชอบชั่วดีกลายกลบเสียงพลังแห่งฟ้าดิน...สิ้นแล้ว
อาจมีเพียงมนุษย์คนดีสักหยิบมือเดียว
ที่ยังเพียรมิท้อ ขอปิดทองหลังพระ
พอจะร่วมมือกันพิทักษ์รู้รักษ์โลกหล้า...รู้ค่าแห่งพลังธรรม
อันคือ...ความงามล้ำเลอค่าแสนยิ่งใหญ่
ที่มนุษย์น่าจะเฉลียวใจว่า..
*ไม่มีผู้ใดจะเอาชนะได้*
แม้นมีอำนาจเงินมากองท่วมฟ้า..ก็อย่าได้หวังเลย...!
..............
นั่นคือเรื่องราวแห่งพายุจริง..พายุใจ.
สิ่งที่ทะเลกำลังประสบสะเทือนในนาทีตรงหน้า
หากทว่า...
อีกบทหนึ่งคือ..*เรื่องราวแห่งชีวิตจิตวิญญาณ*
ที่แสนสวยใสแสนงาม...
ราวภาพ..ค่อยๆลอยเลื่อนไหล...
เข้ามาในคลองจิตอย่างช้าช้า...ช้าช้า...
จาก...
คืนวันก่อนหน้า
ให้ย้อนรอยถอยหลัง..ฝังฝากบทเรียนแห่งชีวิต
ที่เป็นอีกบทหนึ่งอันแสนงดงามตราตรึง
ในท่ามโลกอันอึงคะนึงแล้งไร้..
แสนวายวุ่นวกวน..สับสนปนเปแปรผัน
ในท่ามกลางผู้คนนับหลายพันล้าน...
แล..
ดั่งเรานั้น...คือธุลีหล้า..
ที่เพียงฝากค่าความทรงจำไว้ลำพัง..ให้ฝังจำในรอยใจ...
ก่อนชีพเราจะลาลับดับไป ...ในไม่นานวัน...อันคือสัจจะแน่นอน...
มิมีวันย้อนหวนคืน...
........
ภาพ....
คนดีที่ทะเลเคยรักภักดี..มา..*สิบห้าปีที่รอคอย*
มานั่งทิ้งตาอ้อยสร้อยรอ..*ทะเล..*ริมฝั่งฝัน
กับ..
คืนจันทร์เสี้ยวดวงเศร้า ที่คลี่ดวงบนราวฟ้า
พร้อมรอเวลาแย้มนวลพักตร์พูนดวงรับฝันทุกมวลหมู่มนุษย์
ให้พบพลังฝันมหัศจรรย์รัก
ให้พลังจันทร์ประดุจดั่งพลังใจ
แด่ทุกผู้คนที่พากันหลั่งไหลมาจากแดนไกล
ด้วยใหลหลงในมนต์ฝัน*วันพระจันทร์หวาน*
จนเกิดงานปาร์ตี้สนั่นโลก..*ฟูลมูลปาร์ตี้*
และ..
ในทุกถิ่นที่
ไม่ว่าในราวเมืองหรือราวไพร...
ไม่เลือกที่รักกับผู้ใด
เพียงพลีมอบให้ทุกผู้คนบนผืนโลกอย่างเท่าเทียม
ทั่วทั้งผืนดินไทยแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง
และ...
ที่ยังมีดวงตาสองข้างไม่มืดบอดให้ได้จ้องมองพอกัน
เพื่อทอฝันไสว
เพื่อเป็นพลังใจพลังจันทร์
ได้พลีปันแบ่ง...ยามต้องแสงฉาย...
คล้ายดั่งพลังฝัน
ไม่ว่ายามชิดใกล้ กัน..ฤาพรากไกล..ให้ในรู้สึกได้ล้ำลึกในอารมณ์ร่วม..
ได้หลอมรวมใจ..ได้ฝันฝากใจ..
.........
และ
ระหว่างเรา ระหว่างจันทร์
ระหว่างคืนวันแสนนาน
ที่นับเนื่องเนิ่นนานผ่านทิวากาลรานร้าว
ผ่านราตรีแสนเศร้าดายเดียวเปลี่ยวเหงา
มีเพียงเงาใจกันและกัน
วันที่ทะเลคืนหลังกลับบ้าน
และ..
อีกคราครั้ง
ที่คุณ...ย้ายกลับมา
ดำรงตำแหน่งอันแสนทรงเกียรติน่าภาคภูมิใจ
เพื่อทำหน้าที่ให้สมกับ*ข้าแห่งแผ่นดินไทย*
ในแผ่นดินแม่มาตุภูมิที่ทะเลภูมิใจและแสนรัก
และ....
เพียรหวังฝังฝาก
ให้สมกับได้เกิดมาใต้ร่มฟ้าร่มพระรัตนตรัย
ใต้ร่มฉัตรอันแสนยิ่งใหญ่
มากล้นน้ำพระทัยมากพระเมตตาพระบารมี
ให้ทุกดวงใจแสนร่มเย็นเป็นสุข
ไปทุกหย่อมหญ้า..อย่างควรรู้ค่ากตเวทิตา..คุณตอบแทน..
และกับ
อีกคราครั้งราวโลกหล้าฟ้าดินเมตตาพากันจับวาง
ให้โลกที่เคยเหว่ว้าอ้างว้างได้เติมเต็ม..
*เราสบตากัน*..
ในท่ามพระจันทร์หวาน
กับ...
เสียงลมที่เลิกคราง..
เสียงคลื่นที่เลิกพ้อ..
ทิวมะพร้าวที่ขอแค่ไหวใบรับรู้...
ดู..
หยาดน้ำตาพราวในท่ามเงาเดือนดาว
ที่พลีหลั่งริน
ร่วมรับขวัญมิสิ้นกับวันเวลาแห่งราตรีรักภักดี
ที่พลีรอมานาน สิบห้าปี...
กับ..
คนดีที่ยังเหมือนเดิม..เหมือนเดิม
เพิ่มมาเพียงความซาบซึ้งเกินซาบซึ้ง
ให้ตรึงตรา..สัจจะธรรม..
แห่งพลังจิตวิญญาณรักอันแสนหนักแน่นมั่นคง
อย่างสอนให้ตระหนักชัด..
ถึงคำว่า...
*รักแสนดีแสนงามนั้น*
ใช่..!หวังเพียงแค่ครอบครอง เนื้อหนัง
ใช่...!เพียงไม่รู้ผิดชอบชั่วดี
หากโลกนี้รักนี้ยังมีอีกหลายรูปแบบ
*รักอย่างมิ่งมิตร*
ที่จักสถิตทอดทอขอเพียงช่วยเหลือห่วงใย
มอบเพียงน้ำใจแสนดีพลีให้แก่กันและกัน
และ..
กับ..*กาลเวลาที่เป็นดั่งเครื่องพิสูจน์...*
เรา...อยู่ในอ้อมขวัญอ้อมกอดกันนิ่งนาน
ในท่ามน้ำตาแห่งปิติ
คุณเวียนพลีจูบริมแก้มหอมอย่างถนอมขวัญซ้ำๆซากๆ
เสมือนพี่ชายแสนดี
ผู้พลีใจรอรับขวัญน้องน้อย
ผู้พรากไกลบ้านมานานวัน...ให้หลงฝันเฝ้ารอ
ราว...พรานทะเลพเนจรผู้เหว่ว้า
เห็นเพียงฟ้ากับน้ำ ได้หันหลังคืนฝั่ง
คืนหลังสู่อ้อมกอดแม่ยอดยาใจ...ในที่สุด
ได้หยุดลมหายใจแสนภักดิ์..
ไว้ในอ้อมตักอ้อมใจในอ้อมรักไปตราบชั่วกาลนานเนานิจนิรันดร์...
และ....
ในท่ามจันทร์ค่อนดวง
กับลมทะเลอวลรำเพยกลิ่นเทพีไพรในดวงใจ
ที่คุณเฝ้ากระซิบริมแก้มบอก
เราสบตา ..กัน..
กุมมือมั่น..นั่งเคียงกันชี้ชวนชมทะเล
คลื่นแปรเป็นบทเพลงเห่อวยพร
ดาวอ้อนแทนด้วยแสงกระพริบพราวราวล้อเลียน...
แสงเทียนวิบวับ จับหยาดน้ำผึ้งนัยน์ตาภักดิ์
ในความเงียบงาม
ในท่ามแมกไม้ไทยไหวกิ่งพราว
เฝ้าอวลหอมหวาน มวลดอกไม้ค่อยๆแย้มกลีบเผยอบาน
ราวคลี่ม่านมงคลอวยพร...
ให้...
หัวใจดวงอรชรอ่อนหวาน
หากรู้อดทน..มานานปี..
ให้นวลกมลคนดีได้พบฝันดี..
ในราตรี...
ที่ฟ้าดินทวยเทพเป็นพยาน
ให้รักรานของสองเราแสนพิสุทธิ์
ประดุจดั่งหยาดน้ำค้าง...
ที่พร้อมพลีพร่างดับโลกแล้งไร้
ให้ทุกสรรพชีวิต...ได้พบค่าคำอันล้ำล้นนั้นเฉกเช่นกัน..
*รักเหนือรัก รักเหนือโลกย์ รักเหนือโศกเหนือเศร้า..*
รักไร้ร้องขอ
พอเพียง แบบเมตตา เข้าใจ อภัย
และเคียงข้างในยามอ้างว้างเหว่ว้า
ไม่ว่า...
กี่วันเดือนปีจะผันผ่านลา..ก็จะคุ้มค่ากับ..*วันนี้ที่รอคอย...!*
.......................................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song14.html
คนเดียวในดวงใจ ศรีไศล สุชาติวุฒิ
เธอ มาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันไม่เคยคิด รู้ แต่บัดนี้ เธอมาสถิตย์
มาอยู่ใกล้ชิด ในดวงใจฉัน
เธอมาจากไหน จากดินผืนใด
หรือจากสวรรค์ ฉันก็จะรัก
รักเธอเท่ากัน ไม่เคยจะหวั่นแม้คำนินทา
คนเดียวเท่านั้น ในชีวิต
คนเดียวสนิท แนบ อุรา
คนเดียวที่ฉัน บูชา
ยอดปรารถนา คนเดียวในโลก
เธอ มาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันถือเป็นโชค แม้รักเธอแล้ว
ฉันต้องเศร้าโศก เป็นคนโชคร้าย
ในโลกก็ยอม
คนเดียวเท่านั้น ในชีวิต
คนเดียวสนิท แนบอุรา
คนเดียวที่ฉัน บูชา
ยอดปรารถนา คนเดียวในโลก
เธอมาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันถือเป็นโชค แม้รักเธอแล้ว
ฉันต้องเศร้าโศก เป็นคนโชคร้าย
ในโลกก็ยอม...
9 ธันวาคม 2548 09:54 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song594.html
วันคอย
...............
กับ..ลมหนาวคราวพรากลา
รจนาจากดวงใจอรชรขวัญ
ฝากมาลัยดอกพุดซ้อนอ้อนรำพัน
คล้องฝากขวัญฝากใจก่อนไกลกัน
ลมหายใจเธอฉันในวันนี้
พลีทำดีสร้างกุศลทานสานสิ่งฝัน
เธอขึ้นเหนือฉันลงใต้เพื่อแบ่งปัน
จิตนิรันดร์หลอมรวมรักภักดิ์ทำดี..
โลกชีวิตนิดน้อยนับถอยหลัง
เมื่อเรายังมีพลังในชีพนี้
สร้างสิ่งควรไม่เรรวนนะคนดี
คืนโลกนี้โลกหน้ารอท่าเรา
สวรรค์ฤาวิมานสถานทิพย์
เป็นเพียงสิทธิ์รอคนดีใช่คนเขลา
ทำนาทีปัจจุบันไม่หวั่นไหวในจิตเรา
มิหลงเงาหลงมายารอท่าใคร...
ไม่ต้องบอกโลกนี้ไปทั้งหมด
สิ่งงามงดงามจิตอัญมณีใส
ปิดทองหลังองค์พระปฎิมาปณิธานใจ
ส่องไสวนำทางบุญหนุนทุกวัน
ดั่งมิ่งไม้ในสวนขวัญสวรรค์ทิพย์
มีดอกทิพย์ผลทองให้ปองขวัญ
ให้ปวงเทพได้ชื่นชมเป็นนิรันดร์
ไม่มีวันโรยร่วงดั่งดวงใจ พร่างเพชรพราว...!..
................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song594.html
วันคอย..
ยอดรัก จงมองที่ขอบฟ้า
โอบๆโค้งลงมา
นั้นคืออ้อมกอดจากฉัน
ฮือๆ ฮือๆๆ
ยามเมื่อเราไกลกัน
เธอฉันดังอยู่เคลียไคล้
ยอดรัก สายลมแผ่วละมุน
นั่นคือสายลมอุ่น
ฉันพรมและจูบลูบไล้
ฮือๆ ฮือๆๆ
เธอรู้บ้างหรือไม่
รักใครไม่เท่าเทียมฉัน
คืนวัน จะผันแปรเปลี่ยนไป
แต่ใจฉันไม่อาจเปลี่ยนเวียนผัน
ซื่อตรง จงรักจนนิรันดร์
หากลืมฉัน ฉันคงต้องกลั้นใจตาย
ยอดรัก การจากทั้งผูกพัน
ย่อมจะคิดถึงกัน
เร่งวันคืนกลับเคียงกาย
ฮือๆ ฮือๆๆ
ครองรักไม่รู้หน่าย
วันตายนั่นแหละวันลืม
ยอดรัก การจากทั้งผูกพัน
ย่อมจะคิดถึงกัน
เร่งวันคืนกลับเคียงกาย
ฮือๆ ฮือๆๆ
ครองรักไม่รู้หน่าย
วันตายนั่นแหละวันลืม...
6 ธันวาคม 2548 05:41 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song72.html
(หนึ่งในร้อย)
.................
ฝนหลงฤดูโปรยมาใกล้รุ่ง
เสมือนหยาดสายพระพิรุณจากทวยเทพไท้
พร่างพรายพรมพรลงมาให้ดวงใจไทย
ในเมืองฟ้าอมรได้รับพลังสดชื่นฉ่ำ
รับพลังสายธาราเกษม
ในวัน*มหามิ่งมงคล อันแสนยิ่งใหญ่นี้*
ดวงตื่นขึ้นมากับเรื่อไรแสงฟ้ารำไร
กับไพรพฤกษ์รายรอบบ้าน
ที่ยังหลับไหล
เสียงนกกายังไม่ออกหากิน
ผู้คนคงยังนอนซุกตัวอุ่นนิ่งใต้ผ้าห่ม
ดวงชงชาร้อนๆมาถืออุ่นไว้ในมือ
พร้อมเปิดวิทยุฟังรายการธรรมะ
ควบคู่กับการรจนาเรื่องนี้..
มาพลีรับฝัน
รอรับพลังสายแสงแรก...
จากดวงตะวัน...อันอ่อนอุ่นโอบเอื้อ
ไปทุกถิ่นที่ ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง...
อีกไม่กี่วัน...หัวใจดวงคงได้อิสรา
ผกโผผินบินกลับรวงรังแห่งรักแรกเริ่ม
ไป..เติมความรักหรือความเบื่อโลกเพิ่มก็ยังไม่รู้ได้
เมื่อหันไปเห็นหลายสิ่งหลายอย่าง...
ที่ถูกผู้คนทำลายทำร้าย
ไม่ว่าป่าไม้ หรือธรรมชาติงาม
แล้ว...ยิ่งพาใจหาย..ยิ่งเศร้าหมอง
แต่นี่แหละ..!
คือครรลองโลก...แบบคนไม่รู้จำโศกสะเทือน
จากความพิโรธแห่งมวลสรรพสิ่ง ดินน้ำลมไฟ
ให้..
พวกมากลากไปเข้ารกร้ายใจ
มิใช่รกไพรพง ด้วยใจรักธรรมชาติ
หัวใจดวงสะออน
จึงต้องสร้างภูมิพลังอันเข้มแข็ง
เอาแรงใจไปเพียรทำความดี
แม้น..
จะเป็นดั่งเม็ดทรายในธุลีหล้า
ไปฟังเสียงคลื่นครวญเหว่ว้า
เฝ้าฟ้องเฝ้าร้องไห้มากับสายลม
ในยามค่ำตะวันลา...
ไปฟัง..
ผืนทรายและทิวมะพร้าวเพื่อนยากซัดส่าย
ที่ยอดกำลังจะตายด้วนด้วยโรคร้ายที่กำลังกรายกัดกิน
และ
รอการเยียวยาแก้ไข..
ก่อนที่เกาะทั้งเกาะ
จะเหลือเพียงเกาะหัวโล้นแบบคนที่ถูกโกนหัวใหม่ในทุกๆวัน
แม้นเกาะมิใช่พระ ก็ตามที
ดวง..ตั้งใจเต็มที่ คราวนี้จะออกศึก
ที่ดวงคึกในดวงใจ..
ตั้งใจจะไปฝากคำคมให้กมลคน
ที่มีหน้าที่รับผิดชอบบ้านเกาะเมืองเกิดของดวง
ได้หันมาใคร่ครวญ..
ร่วมด้วยช่วยกันสักนิดน้อยก็ยังดี
ก่อนที่...
*ประวัติศาสตร์โศก..*อีกหน้าหนึ่งจะถูกบันทึกไว้
ว่า..
น้ำ..ป่าซัดพาผู้คนจมหายไปใต้สายน้ำทะเลอย่างกระทันหัน
มิทันได้ตั้งตัวติด ...อย่างมิทันคิดถึงภยันตราย..!
ที่..
ตอนนี้บันทึกร้าย...
ได้ย่างกรายหมายมาฝากเตือนแล้ว
เมื่อ*น้ำท่วมเกาะสมุย*
ซึ่งร้อยวันพันปี หาเคยมีไม่...
บางครั้งดวง..แสนล้าใจ อ่อนแรงกับ
มากภัยร้ายที่แฝงฝังมากับ
โลกอันแสนศิวิไลซ์นี้
ที่ความเสื่อม
ย่อมเป็นดั่งเพื่อนคู่กันมา
เยี่ยมเยือนพร้อมความเจริญทางวัตถุ
หาใช่....
คู่มากับจิตวิญญาณ
แห่งความรู้รับผิดชอบรักธรรมชาติฤาก็หาไม่
และ..
แม้นดวงจะเป็นเพียงแสงหิ่งห้อยน้อยแสง
ไร้แรงบารมี
มีเพียงพลังจากจิตดวงดี
ที่ขอแค่คิดพลีมอบชีวีชีวิตดวงนิดน้อยหนึ่งนี้
ที่ตั้งใจอธิษฐาน...
เพียงเพียรทำความดี ...ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด
ไม่ว่าจะทำแบบไหน
ก็จะขอ..*ปิดทองหลังองค์พระปฎิมา*
ดั่ง..
ท่อนหนึ่งแห่งบทเพลง
*ความฝันอันสูงสุด*ยิ่งใหญ่
...............
...................
*ขอทนทุกข์ รุกโรมโหมกายใจ
ขอฝ่าฟัน ผองภัย ด้วยใจทะนง
จะแน่วแน่แก้ไข ในสิ่งผิด
จะรักชาติ จนชีวิต เป็นผุยผง
จะยอมตาย หมายให้ เกียรติดำรง
จะปิดทอง หลังองค์ พระปฏิมา....
..........................
............................
และ...
กับ..
อีกบทเพลงหนึ่ง
ที่ฤดีดวง..
นำมาสอนใจ...มาเป็นพลังใจ..ในทุกครา
ยาม..เผชิญหน้าเผชิญใจ...กับคนแล้งไร้น้ำใจ
ที่ไม่เสมอค่ากัน..
และ..
กับโลกและผู้คนทุกวันนี้..
ที่มัก
พลันได้ปลื้มกับคนกับสิ่งแปลกใหม่
จนไร้ใจไร้เวลา
ไม่...!
แม้นจะมีค่าคำ ...
ที่..จะนำมาให้ขวัญให้กำลังใจ..
ไม่..
แม้นจะไยดี..ที่จะซึ้งใจ ซึ้งจริง ....!!!!!!
......................
หนึ่งในร้อย..
*ความ ดี คนเรานี่ ดีใด
ดี น้ำ ใจที่ให้แก่คน ทั้งปวง
อภัย รู้แต่ให้ไปไม่หวง
เจ็บ ทรวง หน่วงใจให้รู้ ทน
รู้ กลืน กล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน
ชื่น ชอบตอบ ผล ร้อยคน มีหนึ่งเท่านั้นเอย
รู้ กลืนกล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน
ชื่น ชอบตอบผล ร้อยคน มีหนึ่ง เท่านั้นเอย...*
...............