10 มกราคม 2549 10:04 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song101.html
หยาดเพชร..
................
อรุณแรกอีกครา..
*อมรเบิกฟ้า*
กำลังคลี่ดวงพวงชมพูหวานบานพราว
สดฉ่ำพรำน้ำค้างเต็มกระถาง
ที่..
แขวนไว้ให้ระย้ำย้อยใต้ตอไม้มะม่วง
ที่เพิ่งถูกโค่นลง
ให้เจ้าของปลงอนิจจัง เลิกหวังหวาน
และ..
เลิกฝากรานโศกในดวงฤดี...
ที่มิอยากยึดมั่นถือมั่นให้จางคลาย...
เพราะ..
ถึงมาตรแม้นเป็นต้นไม้ในภักดิ์
ที่เป็นดั่งร่มรักทายทักใจมานานปี มานานวัน
และ..
ได้ใช้รจนาฝากฝันปันดี
พลีธรรมชาติมาในหลากราวเรื่องก็ตามที
หากโลกนี้ยังมีดอกความดีที่คงมากมีค่า
ที่เรียกกันว่าดอกศีล ทาน ภาวนา
งามเสียยิ่งกว่าจะมาเสียใจ..
เพราะ
อย่างไร อย่างไร
ดอกไม้งามในดวงใจดั่งเพชรพราวก็จักมิมีวัน
ร่วงโรยฤาใครมาขโมยไปได้..
หากมีเพียงบางคราเท่านั้นที่
เจ้าของยืนอ้อยสร้อยปรอยปรายตาเหว่ว้า
ราวกับว่า..
กรายกิ่งไหว
ยังเคยฝากรอยใจพริ้งพราวให้..ลบลืมหนาวใจ
ยามแลไปพบ *รังนกน้อยในดวงใจ*..
ที่..
เคยเห็นจนเจนตาชินใจประทับใจเพียงนั้น
ด้วยดวงใจรักกรุณา
จนเสมือนว่า....
รวงรังแห่งรักนั้น
ได้ปันพลี
ความเอื้อโอบมาให้ใจดวงละมุนได้อุ่นไอไปด้วยกัน
ในทุกทิวาวัน ราตรีกาล...
ทุกยามแล้งสิ้นไร้น้ำใจใคร สักคน
มา..
เกื้อกมล..มาเข้าใจ...
ในเหงางามแสนเงียบสงบ ยามพลบลำพัง
และกับ...
โลกหนาวยามเช้านี้...
ที่ยังมาเยือนแย้ม มาแต้มใจ
มาไหวฝากสอนสัจจธรรมแม้นจะเพียงแสนสั้น...
ราว...
ฤดีคน..ที่หมุนวนไม่รู้จะสักกี่หนต่อวัน
ทั้ง..
ฝันดี ฝันร้าย ทั้งรานร้าวเศร้าหมอง
ทั้ง...ครองสุขทั้งทุกข์ร้อน
เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวหัวเราะ
เดี๋ยวอ่อนหวานอ่อนไหว
ให้...
ทุกหัวใจดวงอรชร
ควรรู้วางรู้ว่าง
ให้ซึ้งซาบสอนสัจจะจิต
ดั่ง..
รับบทละครโลกย์ละครชีวิต
มิซ้ำโศก..สักฉากตอน..
จนกว่า..
ดวงชีวาชีวีจะอำลาโรงละครโลก..นี้
ลงโลงกรรม เป็นนิรันดร์
แล้วกลับมาวนซ้ำรอยวิบาก ยากจะหนีพ้น ..
หากไปหลงโลกย์สมมุติหลงลมมายา
ก็คงนานช้ากว่าจะผุดผลิพ้นโคลนตมปลักใจ
หาก
มิเพียรค้นพบทาง..สว่างไสวสะอาดสงบ
จนจิตพบความกระจ่างแจ้ง
ให้แสงพร่างนั้นนำทาง
ให้รู้วาง..
มิรับรกมาเปื้อนปกแปดเปื้อนในดวงใจ..จนใสหาย
ได้ยิน..*บทเพลงหยาดเพชร*.ในคะนึง
แล้ว...
เลยจึงรจนาบทกวีบทนี้ออกมา
ด้วยหยาดน้ำตาที่กำลังเอ่อซึมด้วย
บางสิ่งที่แสนซาบซึ้งตรึงใจ
พลีให้กับ...
*ใจดวงงามดวงดี*
ดวงที่..*มีดอกศีล ทาน ภาวนาบานประดับใจ*
ให้มีใครคนมากมาย
อยากได้ไว้ครอบครอง
จับจองบูชา
ด้วยรู้ค่าคนค่าเพชรแท้
*อัญมณีจิต*
ที่
แสนไสวพร่างสว่างพราว
ราวมณีรุ้งอัน..อะคร้าวเหนือมณีดวงใด
ด้วยดวงใจอันแสนพลีให้...อย่างไร้ร้องขอ...
พร้อมกราบพระด้วยหยาดน้ำตา
ท่ามแสงเทียนแจ่มจ้า
ถวายมาลัยมะลิบูชา
เพียงอธิษฐานจิต
*ปรารถนาใดในชีวิตที่ดี...
จงย้อนพลีคืนกลับ...
ให้แด่เธอ..ผู้เป็นที่รักนิรันดร์...สมดั่งฝันดั่งหวังด้วยเทอญ...
..................
เธอคือเพชรกลางใจพร่างพราย
เธอคือดวงดอกไม้อรชรอ่อนหวาน
เธอคือน้ำใสระรินธาร
เธอคือน้ำผึ้งหวานแม่ยอดรัก
เธอคือความหวังประดับหล้า
เธอคือนางฟ้าแสนงามโลกประจักษ์
เธอมีธรรมทาน งามพร้อมภักดิ์
เธอคือรักในดวงใจไพรเทพี...
เธอมีหยาดน้ำใจดั่งน้ำค้าง
เธอรินพร่างลบโศกแด่โลกนี้
เธอเพียรสร้างเพียงงามใจงามชีวี
เธอพร้อมพลีเมตตากรุณารัก
เธอคือกาลหวานหอมถนอมขวัญ
เธอคือวันคือคืนชื่นฉ่ำนัก
เธอคือดาวพราวแสงด้วยแรงรัก
เธอคือศักดิ์คือศรีชาติประกาศคุณ
เธอคือกุลสตรีที่งามจิต
เธอสนิทแนบเนาตราบโลกหมุน
เธอคือดอกไม้ประดับใจไหวหอมกรุ่น
เธอคืออุ่นลบหนาวคลายยามใกล้ชิด
เธอคืองามเกินกว่าที่ตาเห็น
เธองามเย็นงามเหนือหล้าฟ้านิรมิต
เธอคือดอกศีลล้ำค่าดั่งทองทิพย์
เธอคุ้มจิตคุ้มใจคุ้มขวัญไพรเทพี ตราบชีพนี้เป็นนิรันดร์.....
............
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song101.html
หยาดเพชร
เปรียบ เธอเพชรงามน้ำหนึ่ง
หวาน ปานน้ำผึ้งเดือนห้า
หยาด เพชร เกล็ดแก้ว แวว ฟ้า
ร่วง มา จากฟ้า หรือไร
หยาด มาแล้วอย่าช้ำโศก
ปล่อย คนทั้งโลกร้องไห้
หยาด เพชร เกล็ด แก้ว ผ่อง ใส
นั้นอยู่ไกล เกิน ผูก พัน
แม้ ยามเพชรหยาดจากฟ้า
ร่วงลงมา ฟ้าคง ไหว หวั่น
ดวงดาวก็พลอยเศร้า โศก ศัลย์
มิอาจกลั้น น้ำตา อา ลัย
เอื้อม มือคว้าหยาดเพชรแก้ว
เผลอ รักแล้วจึงฝันใฝ่
หยาด เพชร หยาดละออง ผ่องใส
แม้นอยู่ใน ความ มืด มน
แม้ ยามเพชรหยาดจากฟ้า
ร่วงลงมา ฟ้าคง ไหวหวั่น
ดวงดาวก็พลอยเศร้า โศก ศัลย์
มิอาจกลั้น น้ำตา อา ลัย
เอื้อม มือคว้าหยาดเพชรแก้ว
เผลอ รักแล้วจึงฝันใฝ่
หยาด เพชร หยาดละออง ผ่อง ใส
แม้นอยู่ใน ความ มืด มน...
8 มกราคม 2549 15:40 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song369.html
ในโลกแห่งความฝัน
................
ฝัน มีหลายรูปแบบ
ทั้ง..
ฝันดี ฝันร้าย ฝันหวาน ฝันค้าง
ฝันกลางวัน ฝันกลางคืน
และ..
ฝันพอแค่ตื่นแล้วให้ชุ่มฉ่ำราว*ฝันกลางฤดูฝน*
และหาก..
ทุกฝันที่ก่อเกื้อกลางกมลนั้นมิทำให้ใครเดือดร้อน
เป็น...
เพียงฝันหวังปลอบประโลมใจตน..
ที่ไร้คนไร้ใครเข้าใจ
ก็คงฝันฝันฝันไป
ให้..
ดวงใจแสนไสวสว่าง
แสนสวยพร่างสงบเย็นสงบงาม
เพื่อต่อเต็มเติมตาม นำมาสร้างพลังใจไฟฝัน
ให้ได้มาปันพลี ปันดี พลีแด่กันและกัน
ฝันบางเรื่องราว เป็นจริงได้
ฝันบางราวเรื่อง เปล่าเปลืองใจ
ทั้งชาตนี้ชาติหน้า
หาก
ฝันเกินจริงเกินวาสนา
เกินความพอดีพอเพียง..
สำหรับ..ขวัญยิหวา
เกิดมาก็ชื่อขวัญแล้วยังช่างฝันสมชื่อ
แถมมีขวัญกลางหน้าผาก
ให้ไรผมหมุนพร้อยดูลอยวนแสนแปลกดี
และ...
กับมากมีทัศนะ
ที่ทั้งคนดี คนร้าย มากรายกล้ำ กระทบกระแทก
แกล้งหยอกล้อ กระทบกระทั่ง กระทุ้ง
พยายามเข้ามายุ่งมาเกี่ยว
แม้นกระทั่งความฝัน
หากเธอคนดี
ก็มิเคยสะดุ้งสะเทือนกับคำคนคำใคร
ยังคงตามใจฝันฝันฝัน
หาก
ฝันนั้นมิพาให้ใครเดือดร้อนแถมพลันพาให้
มีเงินทองมากองไว้ตรงหน้ากองใหญ่..
ไม่เป็นไร..ไม่เป็นไร และไม่เป็นไร
คือคาถาที่เธอเพียรท่อง
หาก..
พบเจอคนที่มาพิพากษาเธอพิพากษาใจ
หากตราบใด..ใจดวงอัญมณีไพร
ยังคง..
ซ่อนซุกสุขซึ้งเหงางามเงียบ
และ
ยังรักในวิถีความเรียบง่ายไร้พิษภัย
ไม่เคยมีใจคิดร้ายใครเลย...
ขวัญยิหวา..
มีโปรเจคฝันมิใช่พันล้าน..หากผ่านมานับพันเรื่อง
ให้ประเทืองประทับใจ แค่ใครสักคนสักใครก็ยังดี
คนที่..
รักวิถีไพร...
มีใจรักพลังโอบเอื้อจากอวลอุ่น
แห่งมวลแมกไม้สายลมดงข้าวตาลนา
กับฟ้าสลัวชิดบึงบัวบังใบ
รัก..
ร่มใจคือแมกไม้ไพรไทย
ใกล้ชานเรือนเคียงกระท่อมวิมานน้อยวิมานนา
มีฟ้าสวยแปร
มีแท้เที่ยงธรรม มีงามตามธรรมชาติ
มีแสงตะเกียงแสงเทียนเสน่หา
มีสายธาราระรินแสนใสฉ่ำเย็น
มีปวงดวงดอกไม้ป่า
มีลีลาแห่งดนตรีจากระงมส่ำสัตว์
มีวัด..โบสถ์คร่ำ
มีเสียงระฆัง เสียงสงฆ์สวดมนต์
มีบทเพลง
ดั่งมนตราทิพย์..จากผืนดินนวล
มีลมอวลกลิ่นสุคนธรสแสนสดชื่น มาในยามค่ำ
มีตะวันดวงโต สีส้มสุก ค่อยๆรุกไล้ระเรี่ยเคลียนาข้าว
ให้อาบพราวราวทองทาบ
ให้..
ฟ้าฉาบด้วยแสงสีเรียวรุ้ง ยามทิวารอน
อ้อนมวลหมู่นกกา
ที่พากันผกโผผินบินกลับสู่รวงรังแห่งรัก
มี..
ลอมฟางหอมให้นอนนับดาว
มีพราวน้ำค้าง แพรวหยาด
ดั่งอัสสุชลสะอาดปานหยาดน้ำผึ้งสวรรค์
หยดเย็นเป็นเม็ดกลมกลิ้งพริ้งพร้อย
บนใบบัวน้อยยามกระทบสายแสงอาทิตย์อุทัย..
และ
ทุกฝันฝันฝันของขวัญยิหวา
เป็นเพียงลีลาฝันที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานจิต
ที่คิดแค่ความสมถะพอดี พอเพียง
ที่..
แสนรักรักรักเป็นยิ่งนักในงามธรรม งามธรรมชาติ
ที่ดั่งสร้อยโซ่มนตราเสน่หา
ที่พึงขาดจากกันมิได้..
นาทีนี้..
จึงอยากมาปันพลี..
มากระซิบบอกทุกคนดีในดวงใจว่า
จงฝันไปเถอะนะ..
และ
พยายามสร้างสรรให้ฝันดีฝันงามนั้น
ได้พลัน..
เอื้อโอบให้ผองชนผู้คนบนผืนโลกใบน้อยนี้
ได้มีชีวีสดสวยฉ่ำเย็น
เป็น
*ดั่งฝันฝน*อันพร่างพราย
ดับไร้แล้งแห่งเนื้อใจมนุษย์
ให้มีนวลน้ำผ่องผุดผลิพิลาสสะอาดหอม
แห่งดวงดอกไม้ใจ ..จากต้นใจ
ที่คงงามไสว
ดั่งเพชรพรายฉายฉานไปตราบชั่วนิจนิรันดร์กาล
ให้จิตใสนั้น
ดั่งอัญมณีเพชร
ที่มีก้านกิ่งพริ้งพราวโอบหนาวใจ
ให้ใสงามเพื่อสร้างสรรปันเพียงดีพลีแด่กันและกัน
ราวสวนขวัญสวรรค์ทิพย์
ที่..
ผลิผลให้หยิบแลกมิแบกงามไว้เพียงผู้เดียว
ให้เปลี่ยวเหงาใจ...
ให้..
เก็บเกี่ยวกินกันไปอย่างมิ่งมิตร
สนิทในจิตวิญญาณ ตระการแก้วแววประภัสสร...
ได้..
ดับร้อนผ่อนเย็นเป็นดั่งพลังใจพลังไฟ
ในการจะทำสิ่งดีพลีกลับแด่โลก
วันนี้..
ขวัญยิหวาจึงมิโศก หากสุขนัก
เมื่อมีฝันล่ามาแรงแฝงฝังในฝั่งใจ
ที่อยากพลีด้วยใจรักระบาย
มาบอกกล่าว..ให้มิ่งมิตรน้องพี่
และ..
ให้ใจดวงดีดวงดินดวงดายเดียวได้ดำรงรอ
มิท้อแท้ยังมิแพ้พ่าย
เพื่อได้สานฝันนั้นให้พลันจริงสักวัน
แม้น..
อาจจะไม่มีวันนั้น
ก็จักฝันต่อไปว่า
คง..
มีใครสักคนที่เข้าใจขวัญฝัน..คนชิดใกล้ได้สานต่อ
ก่อพลังให้เกิด..ให้เบิกบานไปในเส้นทางสะอาดสงบ
พบเพียงฝันดี ที่ฝันนี้แค่ฝันนิดฝันน้อย
อย่าได้ลอยดับลับลาไปเลย
ฝัน..ในดวงใจ
ในนาทีนี้
คงมีภาพฝันในจินตนาการ
ให้หวานหวัง *ดั่งวิมานลอย* แนบนิ่งอิงผาธรรมชาติ
ชิดใกล้ราวหนึ่งเดียว
ให้ได้..
เกี่ยวเก็บดาวดวงรวงดาวดารางามในท่ามราตรี
ราว..
ร่างเรานี้...
ลอยเยี่ยมยลชมวิมานแก้ว
ด้วยแพรวเมฆหวานระยิบ
กับ..
กระพริบพร่างแห่งดารารายพรายพร่างสว่างสุกใส
ราวจะเอื้อมมือคว้าไขว่ได้มาวางไว้ในอุ้งมือ
แล้ว..
ได้..หว่านโปรยโรยร่วงรวงดาวราย
ให้..
พรายพร้อยลอยละลิ่ว
ปลิวลงไปณ..เบื้องล่าง
ท่ามผืนหล้า..ที่มีผู้คนรอเวลาจะได้หยิบชม
ด้วยลมหายใจแห่งความปิติเกษมไปตราบนิรันดร์.....
..............................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song369.html
ในโลกแห่งความฝัน
ในโลกแห่งความเป็นจริง
เธออาจเป็นหญิง ของใครก็ได้
และค่าแห่งความสนใจ
ย่อมน้อยลงไปจากเขา
ในโลกแห่งความเป็นจริง
เธออาจเป็นหญิง หัวใจแสนเศร้า
ฝืนทนชื่นบานหวานเอา
เพื่อข่มความเศร้าในใจ
มาพบกับฉัน มาพบกับฉัน
ในฝันดีกว่า ในฝันดีกว่า
ฝันนั้น จะพาให้จิตสดใส
ลืมชีวิต เมื่อตื่นชื่นใจ
มาพบคนเก่ากันใหม่ในฝัน
ในโลกแห่งความเป็นจริง
เธออาจเป็นหญิง ของใครไม่หวั่น
แต่ในโลกแห่งความฝัน
เธอเป็นของฉันเสมอ
มาพบกับฉัน มาพบกับฉัน
ในฝันดีกว่า ในฝันดีกว่า
ฝันนั้น จะพาให้จิตสดใส
ลืมชีวิตเมื่อตื่นชื่นใจ
มาพบคนเก่ากันใหม่ในฝัน
ในโลกแห่งความเป็นจริง
เธออาจเป็นหญิง ของใครไม่หวั่น
แต่ในโลกแห่งความฝัน
เธอเป็นของฉันเสมอ
7 มกราคม 2549 09:12 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3892.html
ต้นไม้ของพ่อ
................
ฉันเสกหวานหว่านเมืองให้สงบ
ให้งามงดด้วยปวงป่าพฤกษาสวรรค์
มีกลิ่นดวงดอกไม้เคล้าแสงจันทร์
หว่านดวงดอกขวัญให้โลกฉ่ำชื่นสุนทรีย์
ทุกเพาะผลิที่เพียรดั่งเพชรพราว
ทุกกรายกราวหนาวร้อนสอนชีพนี้
ทุกกิ่งก้านโอบกอดดวงชีวี
หลอมฤดีให้รู้รักษ์ภักดีธรรม..
เสมือนนกหลงฟ้าปลาผิดน้ำ
ในท่วมท่ามทะเลโลกย์โศกรินร่ำ
ไร้ฝนใจไร้น้ำค้างมาพรมพรำ
ไร้น้ำคำไร้น้ำใจใครเมตตา
พลีน้ำตาให้ต้นไม้เจ้าเพื่อนยาก
ทุกกิ่งพรากทุกกิ่งใจเยื่อใยเสน่หา
ยังฝังจำยังฝังใจรอยเวลา
โลกเหว่ว้าไร้กิ่งฝันโอบปันรัก
เหลือต้นใจในฤดีมิหนีหาย
แตกช่อพรายดั่งเพชรพร่างกลางจิตภักดิ์
ต้นความดีพลีสอนใจสงบสงัด
ต้นความรักยังคงอยู่คู่กัป์ปกาล.....
....................
ไพล..หลั่งรินน้ำตาพลีบูชานางไม้
มาหลายเพลาแล้วและ
พลีสังเวยให้กับปวงเทวา
และ..
หากเป็นไปได้
คงขอหลั่งพลีล้างเท้าเทวดา
เสมือน..
*ดั่งบทเพลงน้ำตาลาไทร*ที่แสนงาม
ในทุกยาม
ที่..
ไพลรำลึกนึกเศร้าสะเทือนใจ
ไปกับทุกไหวกิ่งฝันรายรอบวิมานดินวิมานไพร
ที่เคยโอบปันพลี
ให้หัวใจไพลดวงดินดวงดายเดียวนี้
ที่ราวปลาผิดน้ำ
ได้ยังคงทนดำรงอยู่ได้ใน*บึงเมือง..กรงเมือง*
ไพล...โศกสะเทือน
และ..
เพียรเตือนตนสอนใจ
ให้มีเมตตา ปรารถนาดี
มิยึดมั่นฝันร้ายใด
ให้มากรายหมองนาน
ให้รานมลาย หายไปกับความกรุณา
ดั่งน้ำตานางฟ้า
ที่ยินดีพลีหลั่งดับหล้าแล้ง แห้งน้ำใจแห่งผู้คน
ต้องรู้ทนรู้ทำหน้าที่
จนกว่าชีพนี้จะมอดดับไปกับกาล...
ให้สิ้นหวานไร้หวังใด....
คง..
เหลือเพียงอัญมณีใจอัญมณีไพร
ในดวงจิตที่จักตามติดสถิตไปเป็นนิรันดร์...
..................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3892.html
ต้นไม้ของพ่อ เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์
นานมาแล้ว
พ่อได้ปลูกต้นไม้ไว้ให้เรา
เพื่อวันหนึ่งจะบัง ลมหนาว
และคอยเป็นร่มเงา
ปลูกไว้เพื่อพวกเรา ทุกๆคน
พ่อใช้เหงื่อแทนน้ำรดลงไป
เพื่อจะผลิดอกใบ ออกผล
ให้เราทุกๆคน
เติบโตอย่างร่มเย็น ในบ้านเรา
ผ่านมาแล้วห้าสิบปี
ต้นไม้นั้นสูงใหญ่
ลมแรงเท่าไร ก็บรรเทา
ออกผลให้เก็บกิน
แตกใบเพื่อให้ร่ม เงา
คอยดูแลเรา
ให้เรายังมีวัน อยู่ต่อไป
จนวันนี้
ใต้เงาแห่งต้นไม้ ต้นใหญ่
ลูกได้อยู่ได้คอย อาศัย
แผ่นดินยังกว้างไกล
แต่เหมือนว่าหัวใจ
พ่อกว้างกว่า
ลูกที่เกิดตรงนี้นั้นยังอยู่
และยังอยู่เพื่อคอย รักษา
จะรวมใจเข้ามา
จะมีที่สัญญา ในหัวใจ
จากวันนี้สักหมื่นปี
ต้นไม้ที่พ่อปลูก
ต้นสวยทั้งงดงาม และยิ่งใหญ่
สืบสานและติดตาม
จากรอยที่พ่อตั้งใจ
เมื่อเราจะเทไป
ให้ต้นไม้ ของพ่อ ยังงดงาม
จากวันนี้สักหมื่นปี
ต้นไม้ที่พ่อปลูก
ต้นสวยทั้งงดงาม และยิ่งใหญ่
สืบสานและติดตาม
จากรอยที่พ่อตั้งใจ
เมื่อเราจะเทไปจากหัวใจ
เพื่อเราจะเทไป
ให้ต้นไม้ ของพ่อ ยังงดงาม...
6 มกราคม 2549 09:41 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song513.html
(สายน้ำไม่ไหลกลับ)
...............
นวลนาง.
มานั่งนิ่งนิ่ง ริมสายน้ำ
และ..
ยิ่งแสนนิ่งในมโนนึก
เมื่อ..ทิ้งความคิดนึกทั้งปวง
ที่แสนห่วงใยทุกคนทุกใคร
พักสายตาพาสายใจ
ให้แสนสวยใส..สงบสงัดงาม
ตามตะวันรอน ตะวันลา
ที่*อยุธยา*เมืองเก่าของเราแต่ก่อน
เมือง...
ที่ฝากความอาวรรณ์อาลัย
โศกสลดรันทดใจมิรู้สิ้นในทุกยามที่ถวิลถึง
ที่..
ยังแสนซาบซึ้งในมนตราแห่งอดีตอันเรืองรุ่ง
สลักเงื้อมงามเงาเอาไว้มากมาย
ในรอยใจรอยจำไทยทุกดวงจิต
ให้ผู้อยู่หลังได้คร่ำครวญ
ได้บทเรียนชีวิต..อย่างมิมีวันลืมเลือน
นอก..
จากนำมาเตือนตน เตือนใจ
ในวันเริ่มต้นปีใหม่
ที่..*ต้นใจ*กำลังชูช่อบานไสว
ในบึงใจแห่งอัญมณีขวัญ ฝันฝัน
นวลนาง..
เห็นเงาปรางปราพระเจดีย์ทรากปรักหักพัง
หากทว่า..
ยังให้งามในนวลเนื้อกมล
ทุกยามเยือนยลอย่างล้ำลึก ดื่มด่ำ ในดายเดียวลำพัง
เสมอมา และจนกว่าชีพนี้จะสิ้น..
ปีผ่านไป...
มายาโลกโศกใด..ดั่งบททดสอบ
ให้รู้ทันเท่า เฝ้าตามความคิดนึกให้ทัน
ไม่ว่า...
ฝันฤาจริง
สุดท้ายก็ต้องทิ้งไว้เบื้องหลังกับวันเดือนปี
ที่คงมิหวนย้อนรอยถอยหลัง..วนกลับคืน
ดั่ง*สายน้ำมิไหลกลับ*
นอกจาก..
ตื่นขึ้นมารับชื่นรับฉ่ำกับตะวันใหม่
ดวงใสดวงกลม ดวงที่ยังมั่นคงซื่อตรงเคียงคู่ฟ้า
และ..
นี่คือสัจจะแห่งธรรมชาติฟ้าดิน
ที่จะไม่สิ้นรักมวลมนุษย์
หากรู้ให้รู้รักษ์โลก..มิเพียงฝากโศกทำลายเช่นกัน
นวล..นางอ้างว้างใจ
ดู..*สายน้ำใจเจ้าพระยา*ไหลเรื่อยๆระรินมิสิ้นสาย
ราว..
เพียรพลีฝากให้ ทุกดวงใจไท
ได้ตระหนักชัด ถึงความภักดิ์แผ่นดินและผองชน
ให้..
ยังคงมีสายชลใสสะอาด
ให้ยัง มีชีพชอบได้ประกอบกรรมดี
มีน้ำมีนา มีปลามีไร่
ให้ผืนดินอุดมผลิพลี ให้มีอาหารอิ่มท้อง
ได้ครองกายใจ ไปเพียรพบ
ความสงบร่มเย็นอันคือแก่นใจแก่นชีวิต
ที่จักตามติด ไปได้ตราบชั่วกาลกัป์ปกัลป์
ใช่..หลงวนดั่งมดปลวกในสุสานหิน
ที่กำลังคืบคลานผลาญพฤกษ์ไพร
ให้เหี้ยนสิ้น แปรเป็นตึกใหญ่ แทนเขียวใสเขียวพร่าง
ให้..
วัฎฎแห่งน้ำดินลมไฟ
ยังได้เคียงข้างประคองผองชน
ให้มิต้องวนลงนรกเร็วเกินไป..ด้วยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
นวลนาง..หนาวเหน็บใจ
หาก..ใครเล่าจะเข้าใจ ใครเล่าจะรับรู้
ทุกผู้คน ..
ต่างดิ้นรนเอาตัวรอดเพียงเลี้ยงร่าง
ให้ห่างไกลความอดอยาก
ส่วนจะ..เหลือฝากสิ่งใดไว้แด่โลก
นั่นค่อยคิดกัน ในวันที่สายเกิน..
เพราะ...
มัวเพลินเดินทางชีวิตติดกับ
ในวัฎฎวัตถุเลิศหรู
ดูเปล่าเปลืองลมหายใจชีวิต
ที่..
กำลังค่อยๆก้าวทีละนิดๆ
ไปสู่ความพรากลา ลงสู่พื้นหล้า
อย่างมิอาจจะรู้ว่าวันใด นาทีใด ....
ราว..
ลั่นทมที่กำลังพรายพรมห่มหอมพื้น
ตรงหน้า..นวล..นี้
ที่..
เธอ..คนดี..ค่อยๆเอื้อมมือประคอง
ดวงดอกที่ยังสดงามไว้ในอุ้งมือ
แล้ว..
ค่อยๆวางอย่างถนอมลงในสายน้ำ
ให้พัดลอยพร้อยพร้อยพลิ้วพร่าง
ละลิ่วคว้างณ..กลางชล
ทิ้ง..
เพียงงามหอมเศร้า..ไว้ในนวลกมลนวลใจ
ในหอมให้แห่งความทรงจำ
อันจักจำตราไว้มิรู้เลือน...
และ..
เสมอเสมือนในยามนี้
ที่นวลนางยิ่งแสนหนาวใจ
ด้วย...
ความคิดถึงใครบางคนจับจิตจับใจ..
คนที่มี..*ค่าคน..มีดวงจิตแจ่มไสว*
รู้ว่า...
จักก้าวย่างสู่หนทางแห่งชีวิตไปในทิศทางใด..
และ
จักสถิต..ฝากงามใดดีใดไว้ในโลกหล้า
ก่อนที่ฟ้าดินจะสิ้นเมตตา
และ...
ถึง*วันลา*ไปตราบชั่วนิจนิรันดร...
.................
เป็นสร้อยรักอักษรางามกว่าเพชร
เป็นเมล็ดแห่งฝันสวรรค์หวาน
เป็นความงามความดีพลีตราบกาล
เป็นสายธารระรินโลกลบโศกลา
เป็นน้ำใจใสเย็นแสนพิสุทธิ์
เป็นประดุจดั่งน้ำค้างกลางเวหา
เป็นสายธรรมทองคล้องขวัญนะดวงชีวา
เป็นขวัญหล้าให้พลีภักดิ์รู้ค่ารักคู่กัป์ปกัลป์..ชั่วนิจนิรันดร....
..............
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song513.html
สาย น้ำเชี่ยวโกรกไหล
วกวนแล้วไหล ไป
ไหลไปแล้วไม่กลับมา
คิด เปรียบไปก็คล้ายเหมือนว่า
รักเอยไม่คืนหวนมา
จากลาไปยังหนใด
คิด ถึงเมื่อก่อนเคย
รักฉันเป็นสุขเอย
ไหนเลยจึงต้องจากไกล
คอย เฝ้าคอยคร่ำครวญหวนไห้
รักเอยจากไปแล้วไย
จากไปเหมือนสายน้ำวัง
ร้าง ไปร้างไกลสุดหวัง
ล่องลอยไปไกลเหมือนดัง
สู่วังแม่เอยสายชล
ฉัน สิยังคร่ำครวญเพ้อบ่น
ไหว้วอนให้สายน้ำวน
ช่วยดลให้รักฉันคืน
เขา คงไม่กลับมา
หัวใจพร่ำเพรียกหา
น้ำตาหลั่งนองกล้ำกลืน
นอนหลับตาต้องผวาตื่น
สายน้ำไม่เคยไหลคืน
ไม่คืนเสียแล้วรักเอย
เขา คงไม่กลับมา
หัวใจพร่ำเพรียกหา
น้ำตาหลั่งนองกล้ำกลืน
นอนหลับตาต้องผวาตื่น
สายน้ำไม่เคยไหลคืน
ไม่คืนเสียแล้วรักเอย
คงไม่คืนเสียแล้วรักเอย
2 มกราคม 2549 09:12 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4867.html
น้ำตาลาไทร
...............
วันปีใหม่..
ไพลพาตัวมานั่งนิ่งๆ
บนลานหินใหญ่ใต้ร่มไทรสาขา
ที่..
รากระย้าย้อยห้อย
*ราวกับม่านไทรย้อย*
ในบทเพลงก่อนเก่า
ที่แสนงามจิต..
ไพล..
เห็นบางคนใช้สายไทรผูกเป็นเปลกระจิ๊ด
ไว้ไกวเล่น คงให้เด็กๆมาสนุกสราญ
บานเบิกใจยามมาวัด...
ที่ที่สงบสงัด หากให้งามจิตงามชีวิต
หาก..
เราได้เพียรฝึกให้เด็กตัวน้อยๆ
ได้คอยเข้าวัด..มาทำบุญ ตั้งแต่ยามเยาว์
เฉกเช่นวิถีนานเนา
สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งก่อนเก่ากาลโบราณ
ดีกว่า..
การพาเข้าห้างเข้าโรงหนัง
ที่ๆหนวกหูเสียงดัง
และ
พาให้จิตผู้คนทุรนร้อน
สอนให้เพิ่มความอยากมิรู้พอ
ไพล..
ห่มสไบแพรสีไพล แสนงาม
มารับลมหนาว..*ในยามเช้าแรกวันแห่งปี*
ใจดวงดีดวงดายเดียวดิบดินยังดวงเดิม
เพิ่ม...
มาเพียงวันเวลา กับหลายสิ่ง
ที่คือ....
บทเรียนและประสบการณ์มากค่า
ให้ซึ้งใจจำรำลึก
ที่มีทั้งดีร้ายให้คอยเฝ้าแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
และ...
กับชีวิตที่จักตั้งปณิธาณ
เพียรเพิ่มเติมเต็มจิตวิญญาณ
ด้วยการทำความดี ความดี และความดี
เพราะว่า...
ไม่รู้นาทีไหนที่ลมหายใจเรา
จะวูบวับดับไปอย่างไร้ร่องรอย
เช่น...
เปลวเทียนน้อยๆ
ที่คงค่อยๆระริกระริบหรี่ ในราตรี
ที่..
ลมพายุแรงมากระชาก
ให้พรายพลัดพรากจากไป.
ในท่ามงามเงียบ..เงียบงาม...
ฉะนั้น...
วันส่งท้ายปีใหม่..
ในยามตะวันรอนๆ
ไพล..จึงพาร่างอรชร
ไปนั่งริมสายน้ำใจ..*เจ้าพระยา*
ดู..เรือโยง เรือลาก
ที่คงมาจากปากน้ำโพ
ไพล...ได้แต่ให้จิตโผเกาะตามไป
ดั่ง..
นกไพรพเนจร
ฝากใจให้ลอยล่องท่องไปด้วยกัน
ตามลำน้ำสายงาม
ไป...
ผจญไพรตามจิตนึก
ไปตามล้ำลึกดายเดียวแห่งดวงวิญญาณ..
ที่..
ยังคงสัตย์ซื่อถือตรงดำรงมั่น
ใน
วิถีงามเงียบเรียบง่าบแสนสงบงามริมสายน้ำ
รักกระท่อมบ้านเรือนริมลำประโดง
รักโล่งน้ำแลละลิบ
ที่มีเพียงผักตบชวา
มีเรือนท่าโย้เย้ริมน้ำ
ให้ฝากใจงามให้ได้สัมผัสรัดร้อย
ให้คอยเฝ้าดู
ควันไฟลอยอ้อยอิ่งทิ้งตัวม้วนสายสวย
จากทุกแทบครัวเรือนกระท่อม
จากท้องนาท้องไร่
ยามตะวันลาเมื่อฟ้าใกล้ค่ำ
มี..
เสียงนกกาผกโผผิน
มีดงหญ้ากอกกถวิลรักริมฝั่ง
มี..
เสียงกลองระฆังหง่างเหง่ง วังเวงแว่ว
ให้พระสงฆ์องค์เจ้า
พร้อมเข้าโบสถ์คร่ำทำวัตรเย็น
และ..
นี่เป็นดั่งดวงจิตแจ่มกระจ่างในนิมิต ที่คิดนึก
ให้ทุกครา..
ได้ย้อนรอยรำลึก..
ถึงภาพงามในเงื้อมเงาแห่งอดีต
และ..
คงปิตินัก..หากมีสักวัน
ได้ทำดั่งดวงใจปรารถนา
ไป..
นอนเรือนริมแพริมน้ำเหว่ว้า
ฟังเสียงปลากระโดดผึง
ฟังเสียงบทเพลงจากซอซึงริมชายชลฉอเลาะ
กับ..
แม่ดวงดอกผักบุ้ง
กับเรียวรุ้งยามตะวันลา
กับฟ้าดวงโพล้เพล้สีไพล
กับใจดวงที่คงสุขล้ำเกินรำพันรำพึง
..............
หากสิ่งหนึ่งนาทีนี้เพียงสิ่งดีสิ่งเดียว
ที่ไพลพลีทำได้คือ
ไพล..
ได้ปล่อยปลาและอธิษฐานจิต
ให้ทุกชีวิตคนดีที่ไพลรัก
จงได้ตระหนัก..ถึงคุณค่า
แห่งลมหายใจ นี้..ที่แสนสั้นนัก
และ...
มิใช่รักเพียงลมหายใจเฉพาะตัว
หาก..
ไม่ควรมีจิตหมองมัวมืดหม่น
ทำลายคนทำลายธรรมชาติ
ให้ลมหายใจแผ่นดินขาดสิ้นรอนในเร็ววัน
อย่าได้คิดทำกรรมใด..
หากรู้
ทำในสิ่งดีที่พอเพียงรู้เพียงพอเพียงนั้น..ก็น่าจะพอ
และ...
ไพล..ก็ก้มศิระลงกรานกราบ
*พระพุทธไสยาสน์แสนงามปลั่ง*
กับ..
ลมหายใจที่มิเคยสิ้นหวัง
และมิเคยขอพรใด..
ไพลคิด ...
พรใดไหนเล่า
จะช่วยเราได้..หากจิตเรามิเคยฝึกการให้
มิเคยคิดดสละออก
มิเมตตาปราณี
มิเคยมีกตเวทิตา
ตอบแทนนวลเนื้อใจ พลีให้ใครให้คน
ไม่..
เคยมีกมล
แม้นปิดทองทำดีเบื้องหลังองค์พระปฎิมา
ใจก็คง...ต้องเหว่ว้าน้ำตาริน
มิรู้สิ้นไร้ภาคภูมิปีติใดปิติใจ
และ..
พรใด
ที่ขอให้สุขให้รวยมิรู้สิ้น
ที่ได้ยินได้ฟังว่าตามๆต่อๆกันมานั้น
คง..
มีมีวันได้ใด สมดังใจปรารถนา
หากแล้งไร้น้ำใจกับคน
ไม่..
แม้กระทั่งกับวัวควาย
สัตว์ทุกตัวที่ร่วมเกิดตายบนผืนโลกนี้
ที่เราควรพลีรัก รักษ์..
.............
และนั่นคือ...กิจวัตรใจของไพล
ในวันส่งท้ายปี
และ...
กับวันนี้ นาทีนี้
ในวันปีใหม่
ที่ไพล...มานั่งน้อมใจฟังธรรมจากหลวงพ่อ
ผู้ยึดมั่นเพียงเพียรสอนให้ทุกคน
ทำความดี..ความดี และความดี..
ในวัดที่...
ราวป่าไพรในเมืองกรุง
ใหัชีวิตผู้คนที่รุ่งริ่งกังวล..
ได้พบทางสว่างเรืองโรจน์
พบ..
แสงโรจน์รัตน์ ประดุจดั่งรัศมีเย็น
จากน้ำพระอมฤตธรรม
อันดื่มด่ำ กว่าน้ำเมามัว
ที่มวลมนุษย์พากันแหวกว่ายดื่มกิน
ในวันสิ้นปี..
ที่ร่ำรินจอกแล้วจอกเหล้า
และ..
จนไร้สติสิ้น จนมิมีวันปี...ได้ตื่นขึ้นมารับวันใหม่
ได้..มีวันแปรใจภักดิ์
หันมารักมารับรสพระธรรม..อีกต่อไป....
ลมหายใจ ที่พรากแผ่วไป
คงสะอึกสะอื้นไห้
คงอยากฝืนขอพญามัจจุราช ให้ทรงได้ประทาน
ให้โอกาสอีกสักครั้งครา...
และ..
หากฟื้นมาได้ ..
คง..
อยากกลับมาฝากคำ..เตือนใจ
ไว้ให้ผู้คนบนผืนหล้า
และ..
ฟ้าดินได้รับรู้ประจักษ์
ถึงค่าคำที่ว่า...
พึงจักอย่าประมาท
จงฉลาดใช้วันเวลานาทีทุกลมหายใจดี..
ที่แสนสั้นยิ่งนักแล้วนั้น..
กับ..
วันคืน กับคนดีที่แสนรัก
กับโลกอย่างภักดิ์พลี
ที่จะพร้อมจะทะนุถนอม..
ออมทรัพยากรธรรมชาติให้ยาวยืน
ให้..
ลูกหลานไทย..ไท..มีดวงใจอิสรา
ได้..ตื่นมารับธรรม ธรรมชาติ
อันแสนสวยงามสะอาดหอม
ตราบนานเนานิรันดร์
ใน..
ร่มธรรมร่มไทร่มทองร่มฉัตรเพชรพราวผ่อง
ที่แสนสุดประเสริฐ...เพริศแพร้ว..
ให้สมค่า..
ได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนาแล้ว..!
........................................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4867.html
น้ำตาลาไทร พร ภิรมย์
ลาแล้วแก้วตา
สัญญาให้ไว้ยังจำ
บุญหนีบาปนำ
พี่มาไม่เจอนวลนาง
ทั่วถิ่น พนาตามหาหมดทาง
เจ้าทิ้งสัญญาหรือนาง
พี่อ้างว้าง อารมณ์
นางไม้แม่เอย
ไยเฉยให้ช้ำวิญญา
นวลน้องไม่มา ยิ่งพาอุราระบม
หรือเจ้า เขาไพรบังไว้ซ่อนชม
ข้าขอจอมไพรพนม
ยอมสิ้นลมบวงสรวงจอมไพร
เทพารักษ์ ร่มไทรสาขา
อุ้มสมพานางน้องมา
ให้ข้าเถิดหนาพระไทร
มีน้ำตา ข้าหลั่งรินจากใจ
ขอหลั่งไว้ ล้างเท้าเทวดา
ขอหนุนตักนาง จนสางอรุโณทัย
ยอมแม้สิ้นใจ
เซ่นสรวงแด่ปวงเทวา
คอยเจ้า แม้เงาไม่เห็นเจ้ามา
พี่นี้มีเพียงน้ำตา
รินหลั่งลารากไม้ไทรงาม
เทพารักษ์ ร่มไทรสาขา
อุ้มสมพานางน้องมา
ให้ข้าเถิดหนาพระไทร
มีน้ำตา ข้าหลั่งรินจากใจ
ขอหลั่งไว้ ล้างเท้าเทวดา
ขอหนุนตักนาง จนสางอรุโณทัย
ยอมแม้สิ้นใจ
เซ่นสรวงแด่ปวงเทวา
คอยเจ้า แม้เงาไม่เห็นเจ้ามา
พี่นี้มีเพียงน้ำตา
รินหลั่งลารากไม้ไทรงาม...