17 มกราคม 2549 10:23 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song774.html
(สี่แผ่นดิน)
ผม..
พบเธอคนดี..
ที่ชื่อแสนแปลกแปลกแสน
แม่* ดอกจำปูน *
ที่งามแสนงาม
งามเข้มงามเต็มไปด้วยสีสัน
งามให้..
ชวนฝันชวนใฝ่
ชวนให้ดวงใจใหลหลงพะวงคลั่งเพ้อ
ละเมอถึงคะนึงหา..มิเว้นว่าง..มิเว้นวัน
คนดี หากทว่า..
ระหว่างเราแสนน่าเศร้าใจนัก
ที่คุณมาช้าไป
เพราะ...
ผม..เลือกตัดสินใจแล้วว่า..
ตราบชั่วชีวาชีวิตนี้
จะไม่ขอพลีมีรักพันธนาใคร...ไปตราบชั่วนิจนิรันดร์
ไม่..
แม้น..บางวันบางครั้ง
ใจผมจะเหว่ว้าตามประสาปุถุชนบ้าง
เพราะผม..
ก็คือคน...คน..ที่ยังมีเลือดเนื้อหัวใจ
หาก
ผมเลือกที่จะมั่นคงหนักแน่นใจเดินไปในทางธรรม
ทาง..อันแสนงามล้ำ..ที่ผมได้เลือกแล้ว..!
ทาง...สายแก้ว สายสวยฉ่ำเย็น
สายที่...
สอนเน้นย้ำว่า...
ทุกข์รักนั้น....
จักพาให้พันผูกรัดร้อยดั่งสร้อยโซ่ตรวน
และแล้ว..
ล้วนไม่นาน..
ก็จักพานพบกับสัจจธรรมความจริง
ว่า...
แท้แล้ว..
สิ่งที่แน่นอนที่สุด..*คือทุกรักคือบ่วงคือห่วงคือทุกข์*
ที่..
ต้องเวียนว่ายอดทน
จำผจญทำหน้าที่พลีไปตามพันธนารัก
อัน..
จักจบด้วยความมิมีวันหลุดพัน
ต้องทนมีชีวีพลีรับกรรมใจกรรมจิต...
ไปจนตราบชีวิตจะหาไม่...
คุณ..ไม่จำเป็นต้องหันมาเหล่ตา
ทำนองว่า..
*ผมองุ่นเปรี้ยวเลยนะครับ
เพราะ
ชีวิตผม..ผ่านพบรักมา..เสียจนทะลุปรุโปร่ง
จน..
แลโล่งเห็นแท้เที่ยงแล้ว
และเลย..เลือกแล้ว..
ที่..
จะไม่ยึดมั่นอย่างแน่แน่ว
จะไม่มีวันแล้ว...ที่..จะหลงวนในห้วงรักเหวลึกอีกเป็นอันขาด
และ...
หากวิบากกรรมวิบากรักภักดียังมิหมด
ผม..
ก็จะยินดีพลีใจชดใช้ให้
โดยการ
เป็นเพียงเพื่อน..ดั่งมิ่งมิตรกัลยาณมิตรธรรมทางจิตวิญญาณ
ที่จะ..
ละหลั่งรินสาย..ธารน้ำอมฤตธรรมให้
มาปันพลี..ความดีความงาม...
หาก..
ใครสิ้นไร้ใจไฟฝัน
ผม..
จะชี้ทางสวรรค์...กระจ่างแจ่ม
ที่แสนสวยใสสงบพร่างสว่างเย็น
ให้ได้ก้าวย่าง..พลันพร้อมเพียรพลี..เคียงข้างกันไป..
และ...
กับ
แม่ดอกจำปูน..ในดวงใจ ในราตรีกาล
ไม่ว่า..
เธอจะหวานงามเช่นไร
ผมจึงได้แต่เผยใจบอกว่า..
หัวใจผมนั้นไซร้ไม่มีแล้ว
หัวใจผม....*กลายเป็นแก้วใส*
ที่..
จะไม่มีวันให้หมองมัวหมองไหม้..ได้ครองเศร้าราน
ฤาว่า..
บอบบางร้าวแยกแหลกยับ...
ติดกับทุกข์ทุกรักอีก..
ไม่ว่า..
ภพชาติใดนะคนดี.. นะ..*แม่ดอกจำปูนในราตรีกาล...*
ที่..จงอย่าได้รานเศร้าเลย..
และ
ไฉนเลยคนดี
จงหันมาพลีภักดิ์รักแผ่นดิน
และผองชนคนทุกข์ยาก
ฝากดีพลีไว้ก่อนกายจะถมทับดับลงดั่งเถ้าธุลี
ในมิช้านานไปตราบชั่วกัป์ปกาลเวลา..
ดีกว่านะ..แม่ยอดดวงหฤทัย....!
.................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song774.html
คนมี ชีวิตและกายา
ถือ กำเนิดเกิดมา
เป็นหญิง หรือว่าเป็นชาย
ผู้มี พระคุณอันแสนยิ่งใหญ่
กว่า สิ่งใด ก็คือแผ่นดิน
เป็นแดน ที่ให้ชีวา
พึ่งพา อาศัยและอยู่กิน
คุณใด จะเปรียบแผ่นดิน
เอื้อชีวิน จากวันที่เกิด จนตาย
ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน
ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน
ความทุกข์เยือน เรือนกาย
หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้
สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา
ยามดี เราดีตาม
ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา
บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์
หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน
ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน
ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน
ความทุกข์เยือน เรือนกาย
หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้
สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา
ยามดี เราดีตาม
ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา
บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์
หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน
หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน...
15 มกราคม 2549 20:54 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song646.html
สิ้นกลิ่นดิน
ในม่านมุ้งสีขาวพราวละมุน
สาวนาหนุนหมอนนิ่มนอนชิมฝัน
ฟังบทเพลง*สิ้นกลิ่นดิน*แกล้มนวลจันทร์
ไร้คนฝันร่วมทางอ้างว้างนัก
กอราตรีชานกระท่อมหอมซึ้งเศร้า
น้ำค้างหนาวพราวรวงเรียวรอเคียวรัก
ลีลาวดีมาลีลาพาพรากภักดิ์
คนเคยรักเคยฝันมาปันใจ
จำปีหวานผันผ่านมากี่ปีแล้ว
เจ้าดอกแก้วยังหอมดอมคราวไหน
กล้วยแตกกอกี่ครั้งฝังฝากใจ
แล้วเหตุใดหนอคนดีมิหวนมา
ช่อมาลีมาลารวงพวงหวานหอม
พราวกิ่งพร้อมพลีให้ลืมเหว่ว้า
มาลัยทองคล้องดวงใจอาลัยลา
มะลิลามะลิซ้อนอ้อนใครกัน
พุดหุบกลีบไร้กลิ่นสิ้นใครรัก
โรยกลีบภักดิ์ร่วงพราวสิ้นรอยฝัน
ทั้งสายหยุดหยุดเสน่หาน้ำผึ้งจันทร์
สิ้นแล้วขวัญฝากสายใจสายใยภักดิ์
นอนนิ่งนิ่งนับดาวภาวนา
นอนมองฟ้ามองเดือนพราวหนาวเหน็บนัก
เธออยู่ไหนไกลเกินเอื้อมนะที่รัก
คงลาลับไปกัปป์กาล...นานเกินรอ...
................
คืนเดือนแจ่มดวง
ที่กำลังพรายแสงแสนหวาน
อาบโลมไล้ไปทุกหย่อมหญ้า
ขอ
ฝากฟ้าฝากดิน
ฝากสายใจสายใยถวิล*น้ำผึ้งจันทร์*
ให้..
ไปพลันพร่างโปรยโรยหวาน
ใส่ทุกร่างงาม ที่ยังนอนหนาวดายเดียว
ไม่ว่า..
จะที่ไหน ไกล...ใกล้
ในไพรกว้าง ในราวเมือง
ในทุ่งทอง ท้องนา หรือว่าในวิมานดิน
วิมานทุกถิ่นไทย
ให้
ทุกดวงใจ
ได้รับพลังจันทร์ให้พบพลังไฟฝันแจ่ม
เติมเต็ม
จิตวิญญาณ ให้รู้รักงามเงียบดายเดียว
แม้นเปลี่ยวเหงาลำพัง...!
............
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song646.html
โฉม ยง เจ้าคงไม่รักเราจริง
เรา ซิเชื่อทุกสิ่ง
รักจริงแต่เจ้าแจ่มจันทร์
รู้ ไหม ใครเขาคอยเฝ้าฝัน
คิดถึงเจ้าทุกวัน
แจ่มจันทร์เจ้าไม่กลับมา
โบย บิน ลืมสิ้น คนท้องนา
เดี๋ยวนี้เจ้าเป็นดารา
เรียกหาเจ้าไม่ได้ยิน
โฉม ยง เจ้าคงจะลืมเราสิ้น
ค่าของเราเพียงดิน
ได้ยินแต่คำนินทา
โฉม ยง เจ้าคงไม่รักเราจริง
เราซิเชื่อทุกสิ่ง
รักจริงแต่เจ้าแจ่มจันทร์
รู้ ไหม ใครเขาคอยเฝ้าฝัน
คิดถึงเจ้าทุกวัน
แจ่มจันทร์เจ้าไม่กลับมา
โบย บิน ลืมสิ้น คนท้องนา
เดี๋ยวนี้เจ้าเป็นดารา
เรียกหาเจ้าไม่ได้ยิน
โฉม ยง เจ้าคงจะลืมเราสิ้น
ค่าของเราเพียงดิน
ได้ยินแต่คำนินทา...
14 มกราคม 2549 15:52 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6370.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2315.html
ปลายฟ้า..ว้าเหว่
..............
กระท่อม...หลังคาจากเรียบง่าย
ไล่ลดหลั่น จากเนินผาท้าตะวันดวงงาม
ที่ ณ..นาทีนี้
กำลังลอยอวดองค์อรชรแสนอ่อนอุ่นละมุนหวาน
ด้วยไรแสงแรกดั่งเรียวรุ้ง
ที่..
ค่อยๆแหวกม่านฟ้าหมุนมากับทิวากาล
เหนือ โค้งอ่าวรูปเดือนเสี้ยว
ที่..
โอบรายล้อมทะเลสีน้ำเงินงามราวมรกต
กระจ่างใส...จนแทบแลเห็นกรวดทราย
ณ..เบื้องล่างที่กำลังสะท้อนพร่างรับพรายแดดวะวับวิบ
ทรายขาวนวลละมุน
ยามรับแดดไล้โลมลูบจูบพ้อคลื่นครางครวญ
ที่ไล่ทะยอยทอยทอดซัดฝั่ง ในยามเช้า
ให้พรายฝอยแตกกระจายหายไปในรอยทรายริมชายชล
มวลหมู่นกนางนวล
ขยับปีกโผผินตัดกับฟ้าสีคราม
ดูแสนเริงร่ายามถลาโฉบเหยื่อ
เหนือผืนน้ำงามระยิบราวแผ่นเงินจรดฟ้าไกล
ในอรุณ..ละมุนด้วยดวงดอกแดดละออ
เรือเร็วลำน้อยบรรทุกผู้โดยสารไม่กี่ชีวิต
แหวกผ่านม่านน้ำสีเงินยวงตรงมายังโค้งอ่าว
ที่มี..
ทิวหินใหญ่น้อยซ้อนสลับอย่างสงบ
รอ..ผู้มาพบมาเยือนจากแดนไกล
ทิวเขาไพรทอดตัว ในม่านหมอก ณ..เบื้องหลัง
ในราวฟ้าพราวฉ่ำฝน
จนทำให้ทัศนียภาพอวลด้วยอากาศสดใสแสนดี
อันแสนลี้ลับราวเกาะในฝันมหัศจรรย์รัก
เพราะมีเส้นทางเดียว...
*ทางเรือ*
ที่จะพาผู้คนจากผืนแผ่นดินใหญ่ตรงเข้ามารุกล้ำล้ำรุก
หาความสุขจากความงามเงียบราวเกาะไร้ร้าง
ห่างแผ่นดินใหญ่หลายร้อยพันไมล์
ปริม..เลือกมาพักที่นี่
หลังจากที่..
เพียรหาข้อมูลว่าจะหนีความวายวุ่นในวนเมือง
มาสัมผัสความประเทืองประทับใจ
แบบ..
ที่ยังมีธรรมชาติ ป่าไพร
โขดเขินเนินไศลน้ำตกโตรกธาร
ในป่าใหญ่ไพรกว้างณ..กลางเกาะ
และ...ที่สำคัญ...
เบื้องหน้ากระท่อมที่พักนั้นจะมีเวิ้งฝันแสนงาม
ด้วยน้ำทะเลไล่โทนสีพลิกพริ้วราวแพรไหม
ราวมีมือเทวดามาค่อยแต่งแต้ม
ให้แปรสี เล่นแสง สวยใสไม่เว้นสักเวลา
กระท่อมที่พัก..
เป็นโครงสร้างไม้มีลักษณะงามเฉพาะ
ด้วยหลังคา
ที่มุงตับจากฝากลีลาแบบเวียตนามพื้นถิ่น
และการเข้าไม้โดยมิใช่ตะปู
แต่..
ใช้วิธีการเข้าลิ่ม สลักและการเข้าเดือย
ผนังและบานหน้าต่างทำจากแผงไม้ไผ่สาน
มีกระจกซ่อนงามไว้ณ..ภายใน
ให้เห็นทัศนียภาพจนเอิบอาบล้นไปได้แสนไกล
แบบให้ไหลเลื้อยเข้ามาได้ถึงที่นอนยามผ่อนพัก
ราวกับ..
ได้นอนนับดาวเดือนอย่างดายเดียวเปลี่ยวเหงางาม
ได้ชม..
ธรรมชาติทะเลเหว่ว้า ที่ไร้สิ่งใดมาขวางกั้น
พาให้ใจทุกดวงที่อุตส่าห์ดั้นด้นฝ่าฟันมาถึงนี่
ได้ผ่อนพักอย่างเต็มที่
ราวโลกนี้มีคนเพียงไม่กี่คน
ที่..
ต่างซ่อนตนภายในที่พัก
จะ...มาพบพาทายทักกันบ้าง
ก็เมื่อยามอาหารเย็นมาเยือน
ใต้เงาแสงเดือนพราว..
ใต้แสงดาวกระพริบรำไรรำไร
ท่ามเงาใจไหววูบวับ
ไปกับ..
แสงเทียนอันพรายพร้อยยามลมพัดพร่าง
ปริม..นอนทอดตานิ่งซุกตัวในที่นอน
หัวใจดวงอรชรมองออกไปยังเวิ้งน้ำฟ้าไกล...
เคียงชายคากระท่อม
มี..
ผาหินใหญ่ให้พาตัวไปนอนนับดาวพราวฟ้า
ดวงสุกใส ในยามค่ำคืน
ที่ราวกับจะเอื้อมมือคว้าไขว่ได้
หนาวน้ำค้าง หนาวใจ
หากทำไมใจจึงสุขสงบราวพบสวรรค์บนหล้า
และ
ปริมเพิ่งซึ้งค่าคำที่ว่า สุขใดเกินความสงบเป็นไม่มี
และ..
คุ้มแล้วกับนาทีนี้
ที่ปริมเพียรพลีพาร่างให้ห่างไกลแสงสี
หนีมนต์เมืองมายามาไกลบ้าน
มานอนในท่ามกระท่อม..
อันหอมอวลด้วยมวลแมกไม้รำเพยกลิ่น
มานอนยลยินเสียงคลื่นซัดซ่า
มองฟ้าไกล..ที่กระจ่างใสแสนสดชื่น
ได้ตื่นมารับอากาศดี
ได้เดินหลีกลี้วิถีผู้คนอลวลราวมดปลวก
พาตัวเข้าไปในไพรกว้างร้างไร้..
มี..
เพียงพันธุ์ไม้ไพรพันธุ์แผกราวป่าดงดิบ
กับคนนำทางจะค่อยๆหยิบจับ
แล้ว..
บรรยายให้ฟังว่ามีพันธุ์อะไรบ้าง
ที่ยังงามสล้างไร้มือใครเชยยังมิเผยงาม
ซ่อนบริสุทธิ์ประดุจอัญมณีอยู่กลางป่า
และ...
ปริมภาวนา
อย่าให้ป่าเร้นลับนี้..ได้มีคนไร้แล้งใจ..
ไม่รักธรรมชาติพอเพียง
มาผลาญพร่าทำลาย
ขอให้..
ยังดำรง ให้แค่คนที่ควรค่า ซึ้งค่า
มาฝากเพียงประทับตามาประทับใจ
มาขอแค่ชมมารับภิรมย์ร่ำให้เย็นฉ่ำใจ
แล้วลาเลยไป อย่างไร้รอย...
ปริม...นอนฟังเสียงฝนหลงฟ้าประปราย
ฝนชะช่อมะม่วง
ฝนชะลานนวดข้าว
ที่..
ร่ายมนต์พรำมาผิดฤดูกาล
หากให้หวานเศร้าในดวงใจอย่างที่สุด
แล้วใจดวงผ่องผุด ...ก็..ผลิงามรับความเงียบสงบ
ในยามพลบค่ำโพล้เพล้เหว่ว้า ณ..ปลายฟ้าเพียงลำพัง...
.......................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6370.html
ปลายฟ้า
ปลายฟ้าปลายฟ้า
แค่หลับตาลง คงพบกัน
โอบกอดดวงใจ สายสัมพันธ์
ท่ามกลางความฝัน ของเรา
ดาวน้อยดาวน้อย
โปรดลอยมาลง ตรงหัวใจ
เก็บเกี่ยวความคิด ถึงฉันไป
ให้เธอที่ปลายฟ้าไกล
คิดถึงเพียงเธอ
ในใจฉัน คิดถึง เพียงเธอ
ไม่มีคำใด จะแทน จิตใจ
มากมาย เท่าคำ นี้เลย
ดาวน้อยดาวน้อย
โปรดลอยมาลง ตรงหัวใจ
เก็บเกี่ยวความคิด ถึงฉันไป
ให้เธอที่ปลายฟ้าไกล
คิดถึงเพียงเธอ
ในใจฉัน คิดถึง เพียงเธอ
ไม่มีคำใด จะแทน จิตใจ
มากมาย เท่าคำ นี้เลย
ดาวน้อยดาวน้อย
โปรดลอยมาลง ตรงหัวใจ
เก็บเกี่ยวความคิด ถึงฉันไป
ให้เธอที่ปลายฟ้าไกล...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2315.html
ว้าเหว่....
ว้า เหว่ เร่ไปกับหัวใจ ช้ำ
เหงา กระหน่ำ ค่ำลงนอนนับดาว
โอ้เราประคองรักไม่เป็น
กฎเกณฑ์การเอาใจสูญเปล่า
ฟ้าในคืนนี้จึงดูเศร้า
เดือนเสี้ยวแขวนแทนดาว
ราวฟ้าดูริบหรี่
ว้า เหว่ อยากเร่ไประบาย สี
เขียว ขจี ห่มชีวีพฤกษ์ ไพร
อยากบินไปทาสีฟากฟ้า
ให้ดูงามตาเป็นฟ้าใหม่
สีดำคือรอยช้ำในดวงใจ
จะทาสีขาวให้ ใครใครหัวใจงาม
โอ้เราประคองรักไม่เป็น
กฎเกณฑ์การเอาใจสูญเปล่า
ฟ้าในคืนนี้จึงดูเศร้า
เดือนเสี้ยวแขวนแทนดาว
ราวฟ้าดูริบหรี่
ว้า เหว่ อยากเร่ไประบาย สี
เขียว ขจี ห่มชีวีพฤกษ์ ไพร
อยากบินไปทาสีฟากฟ้า
ให้ดูงามตาเป็นฟ้าใหม่
สีดำคือรอยช้ำในดวงใจ
จะทาสีขาวให้ ใครใครหัวใจ งาม...
12 มกราคม 2549 17:35 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1463.html
สไบแพร
..................
สิ้นสไบนวลสไบนางนิยามภักดิ์
สิ้นสไบรักสไบฝันแม้นวันไหน
สิ้นหวังหวานฤารานเศร้าในดวงใจ
สิ้นไร้ใครหลงโลกโศกมายา
สิ้นสไบขวัญสิ้นวันหวาน
สิ้นตำนานสิ้นเดือนพราวหนาวเหว่ว้า
สิ้นดายเดียวเปลี่ยวเหงาไร้น้ำตา
สิ้นกาลเวลาเนานานผ่านภพรัก
สิ้นสยบศรัทธาค่าคำอันล้ำโลก
สิ้นรอยโศกรอยสุขทุกข์จากภักดิ์
สิ้นมนตราเสน่หาอาลัยนัก
สิ้นเพลงภักดิ์เคยร่วมฝันร่วมปันใจ
สิ้นสไบนวลสไบนางท่ามเทียมโลก
สิ้นแววโศกไร้หวังหวั่นหวามไหว
สิ้นอาวรณ์เคยออดอ้อนยอดดวงหฤทัย
สิ้นสายใยพันธนาฟ้ารับรู้
สิ้นสูญขวัญวันซึ้งใจรับความจริง
สิ้นทุกสิ่งสิ้นลมลวงดั่งเงาคู่
สิ้นสวรรค์วันหวานคอยเฝ้าดู
สิ้นรับรู้เธอไปไหนกับใครกัน
สิ้นสไบไม่มีแล้วเคยชิดใกล้
สิ้นเงาพรายมนต์แพรมาปลอบขวัญ
สิ้นสไบนวลอวลหอมดอมทุกวัน
สิ้นรำพันขวัญรำพึง..ถึงสไบ..ในมายา...
...............
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1463.html
สไบแพร
สไบน้องแทนกาย
หอมมิวายคลายกลุ้ม
หอมกระถินกลิ่นปทุม
ดั่งไฟรุมสุมทรวงห่วงหา
สไบเจ้าเอ๋ยแทนกาย
หอมมิวายคลายพร่า
ทุกค่ำคืนกลืนน้ำตา
ปวดอุราเพราะเจ้าของสไบ
รักคนที่เขาไม่รักเรา
จึงต้องเศร้าเคล้าแต่สไบ
แสนสุดระทมใจ
โอ้สไบขอให้เจ้าเป็นพยาน
อกข้านี้คงต้องร้าวราน
ทรมานทุกวันคืน
แม้ชีวิตจะขมขื่น
ข้าทนฝืนยอมรักเพียงสไบแพร
อกข้านี้คงต้องร้าวราน
ทรมานทุกวันคืน
แม้ชีวิตจะขมขื่น
ข้าทนฝืนยอมรักเพียงสไบแพร...
12 มกราคม 2549 11:57 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6359.html
ทางชีวิต
..............
ทางของใครยาวไกลในโลกกว้าง
ทางของฉันอ้างว้างมีเพียงฝัน
ทางของใครทอดไกลไปสู่ดวงตะวัน
ทางของฉันทอดดับลับลงพื้นพสุธา
ทางของใครรอดวงใจเฝ้ารอรับ
ทางของฉันมิอยากติดกับความห่วงหา
ทางของใครมีคนรักมากเมตตา
ทางของฉันเหว่ว้ายอมไร้รัก
ทางของใครดูบรรเจิดราวฟ้าแจ่ม
ทางของฉันแกมพราวขาวดอกธรรมภักดิ์
ทางของใครทอดสู่ดาวโลกประจักษ์
ทางของฉันนิ่งนักเกินใครนึก
ทางของใครสวยใสดอกไม้หวาน
ทางของฉันพราวพร่างวางรู้สึก
ทางของใครมีบ้างไหมใจล้ำลึก
ทางของฉันสำนึกแสนสั้นวัน
ทางของใครมากเสน่หามายารัก
ทางของฉันชั่วกัป์ปดับสิ้นฝัน
ทางของใครหวังมีใครเคียงข้างเอื้อมคว้าจันทร์
ทางของฉันไปลำพังมิหวังใด
ทางของฉันมีมากคนพ้นล่วงหน้า
ทางแจ่มจ้าสว่างกระจ่างใส
ทางนำจิตชีวิตอัญมณีไพร
ทางที่ใจเลือกแล้ว..
*ทางสายแก้วสู่พุทธเพชรภูมิ..*..!
.........................
นกเขามาปลุกดวงยามเช้านี้
ให้ดวงค่อยๆหรี่ตามองหา
ดวงพลิกร่าง
และหันไปในทิศทาง
ที่
ยังคงมี..ม่านใบไม้..ลายดอกแก้วระยิบพร่าง
รับพรายแสงอาทิตย์สีทอง
ดวงตาช้ำหนัก..กับทุกข์ผัสสะยิ่งใหญ่
ตามประสามนุษย์ปุถุชน
คน..
ที่ยังต้องเผชิญกับทุกข์ทนให้รู้ทันเท่า
เฝ้าวางคลาย
ที่..
คล้ายมากระทบใจให้ไหวระทมทับ
ในรอบสิบปีหากนับนึก
กับการที่เราได้รับข่าวร้ายในรู้สึก
กับเรื่องราว..ที่เมื่อได้ฟัง
ราวกับ..
หัวใจหวิวหวั่นตกวูบลงไปในบึ้งเหว
ดวง..นอนไม่อยากตื่น
อยากซุกตัวอย่างนี้
หากไม่มีหน้าที่รอคอย คอยรอ
ให้ดวงท้อแท้ แพ้พ่ายมิได้
ใจดวง..
ที่ใครมักกระทบกระแทก
แดกดันเปรียบเปรยเย้ยเยาะ
ว่า..
แสนไหวหวาน
คงมีเพียงความอ่อนหวานอ่อนแอ
หากมิเคยแหวกแลดู
รู้ทุกเรื่องในหนหลังที่ดวงฝ่าฟัน
และ..
อย่างมิหวั่นเกรง..เพรงกรรมอุปสรรคใด
จนเสมือน..
ใจดวงน้อยดวงนิดคล้ายจะนิ่งสนิท
ชาชินกับการได้ยินได้ฟัง
กับคำคนพิพากษา
กับ..กระจกด้านเดียว
ที่..
มิเคยมีใครแลเหลียว
มาส่องดูให้รู้แน่ในทุกฉากตอน
แห่งละครโลกย์ โศกสู้
ดวง...
มีภาระกิจมากมาย
ที่ต้องใช้พลังสมองฟันฝ่า
บางเวลาได้มาพักนิ่งๆ
ทิ้งทอด ถอดใจ มาสะสมพลังใหม่รอ
และ...
จักมิท้อ..
ขอ..เลือกเดินบนทางดายเดียวแสนเปลี่ยวงาม..
แม้นโดยลำพัง...
..............
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6359.html
ทางชีวิต
บน ถนน สาย เล็กเล็ก
แคบแคบ สายหนึ่ง
ก็คือ ถนน ชีวิต ของฉัน
ที่ ต้องเดิน ก้าวไป
เผชิญ ปัญหา เรี่ย รายทาง
ไม่เคย ได้หยุด
อยู่กับ ความฝัน
ที่ไกล เหลือเกิน
ไม่รู้ เมื่อไร จะคว้าได้
ผ่านปัญหา มาก มาย
นับร้อย พัน
กี่แดดฝน ฉัน ทน มันมา ได้
มีน้ำตา อ่อน แอ และเสีย ใจ
ไม่เคย ท้อ เลย
ทาง ชีวิต ทาง แห่งฝัน
ฉันยัง ว่าง เปล่า
มัน เหน็บหนาว
เดียวดาย เหลือเกิน
ฉัน ไม่เคย มีผู้ใด
สู่ทางฝัน ฉัน เดิน
เพียงลำ พัง
ก็เพียงหวัง หวัง เพียง
ใครซัก คน ที่แสน ดี
อ่อน โยน และเห็น ใจ
ไว้เดิน ร่วม ทาง
ผ่านปัญหา มาก มาย
นับร้อย พัน
กี่แดดฝน ฉัน ทน มันมา ได้
มีน้ำตา อ่อน แอ และเสีย ใจ
ไม่เคย ท้อ เลย
ทาง ชีวิต ทาง แห่งฝัน
ฉันยัง ว่าง เปล่า
มัน เหน็บหนาว
เดียวดาย เหลือเกิน
ฉัน ไม่เคย มีผู้ใด
สู่ทางฝัน ฉัน เดิน
เพียงลำ พัง
ก็เพียงหวัง หวัง เพียง
ใครซัก คน ที่แสน ดี
อ่อน โยน และเห็น ใจ
ไว้เดิน ร่วม ทาง