10 กุมภาพันธ์ 2549 12:46 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song290.html
(รักเอย)
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem86350.html
ต่อจากตอนที่แล้ว..
แด่เธอคนดี...ที่ชื่อ..ศศิมาฆะ..
...............
แสงตะวันโพล้เพล้นวลนุ่ม
ที่..
กำลังโลมไล้ร่างงาม
ราวพร่างแสงกระซิบปลุกให้
ร่าง..
ที่นอนดายเดียวเดียวดาย
ได้ค่อยๆรับรู้เสียงนกกา.....ดุเหว่าพร้อง
พากันร้องเรียกคู่ ตู้วู้ ๆๆ...
เพื่อ..
พากันผกโผผินบินกลับรัง
เธอ..ค่อยๆยันตัวลุกจากที่นอน
ที่เผลองีบไปกลางไพรพงที่แสนสงบเงียบ
มี..
เพียงเสียงเพรียกจากมวลหมู่ส่ำสรรพสัตว์
ในคลองตา
ที่..ค่อยๆเผยอดู...มวลหมู่แมกไม้ไทยรายรอบ
ที่..
เริ่มผลิกลีบส่งกลิ่นพร่าง
ให้หอมหวานมากับสายลมระรินระริน
มาให้..
อวลอาวรณ์รอนถวิลถึงที่นอน
เธอ..แย้มยิ้มกับตัวเอง
เมื่อเห็นต้นไม้ในฝัน
*ต้นมะม่วงหิมพานต์*
กำลังแผ่บานม่านใบเขียวไพล
ราว..
พัดโบกแสนสวยไสวริมหน้าต่าง
และ..
กำลังห้อยย้อยลูกแก้มแดง
แฝงด้วยผลดกพราวมากมาย
กับ...
เม็ดแรกแย้มเพิ่งผลิพรายแทงหน่อโผล่ออกมา
ดูแสนน่ารักนัก
ราวกับมาทายทักเธอให้ฝันดี..
เธอ..ทิ้งตัวลงนอนนิ่งอีกนานนาที
ค่อยๆเรียบเรียงนาทีต่อนาที
ที่..
โลกหมุนกาลเวลาพาให้เธอมานอนถึงนี่
ณ..ที่นี่..กลางหุบเขาไพรฝัน...ได้เช่นไรกัน...
ใช่เล้ว..
เธอมาที่นี่เพราะมีเป้าหมายข้างหน้า
มิใช่..
เพียงมาทอดทัศนาเพียงวิวทิวทัศน์เท่านั้น
เธอ..
กำลังรอ..
วันพระจันทร์วันเพ็ญมาฆปุณมี
วันที่เธอคนดีถือโอกาสกำเนิดเกิดขึ้นมา
เสมือน
*ดั่งคำพิษฐานวาจา*จากใจมารดาผู้มีพระคุณ
ที่..
เฝ้ารอคอยเธอมาแสนนาน
หลังแต่งงานแล้ว
ที่ไร้เลือดเนื้อเชื้อไขมาก่อบุญมาต่อบุญ
มารดา..
ที่ชอบเล่าตำนานหวานหวานแห่งดวงใจ
ยามหวนนึกไปคราใดเมื่อท่านบอกว่า
*ทุกวันพระ.
แม่จะหาบัวดอกงามที่สุด
ไปถวายพระพุทธรูปองค์โต
ในโบสถ์คร่ำ
และ
จะนั่งกรรมฐานสมาธิภาวนา เป็นเวลานานสองนาน
และ..
มิเคยหยุดทำบุญให้ทานตลอดมา..*
ตราบ..
จนอธิษฐานวาจาเป็นจริง
ที่...
ได้กราบไหว้วิงวอนปวงเทวา
ให้..
ส่งธิดาจิตงามลงมาเป็นเพื่อนทางจิต
เคียงชีวิตวิญญาณไปตราบวันตาย
ให้..
ยอดเยาวธิดาแสนรัก..
ได้มาเกิดในวันสำคัญทางศาสนา
เพื่อ..
จะได้ลงมาพบคำสอนแห่ง
*พระบรมศาดา*
ผู้งามล้ำค่าเกินกว่าสิ่งใดแล้วในผืนปฐพี
แล้ว..
ปาฏิหารย์ก็มีจริง
พร้อม..
กับชีวีเธอ...คนนี้
ที่..
ทุกครามารดาจะเล่า
ถึงความเป็นมาของชื่อ ศศิมาฆะ
แล้วก็จะ..
ไม่ลืม..
แถมเรื่องราวในวันก่อนหน้าในยามพุทธกาล
วันที่..
แสนสำคัญของชาวพุทธศาสนิกชน
ที่แสนยิ่งใหญ่.
.*มาฆบูชา*ที่มาแห่งชื่อ *ศศิมาฆะ..*
สิริมงคลแห่งนามเธอ
ให้เธอประดับจิตใสแน่นผนึกเมื่อนึกย้อน..
................
*ประเพณีไทย ประเพณีงาม
ในยามค่ำ
วันแสนดีของพุทธศาสนิกชน
วันเพ็ญเดือนสาม
ที่..
พระอรหันต์เอหิภิกขุ
จำนวนหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบรูป
มารวมกันที่เวฬุวนาราม
อย่างพร้อมเพรียงกัน
โดยมิได้นัดหนมายกันมาก่อน
และ..
พระพุทธองค์
ได้ทรงแสดงธรรมโอวาทปาฎิโมกข์
เรียกว่าจาตุรงคสันนิบาต
ให้พุทธศาสนิกชน
ได้หลุดพ้นจากการเวียนว่าย
ในวัฏสงสาร ยาวนาน มิรู้สิ้น
เช้า..ตักบาตร ฟังธรรม
น้อมนำใจ ให้ใสเย็น
ตั้งจิตอธิษฐาน กราบกราน
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ให้ได้พบแสงธรรมนำทางทุกๆชาติไป
ถ้ายังไม่หลุดพ้น ต้องเวียนวนมาเกิดชดใช้กรรม *
............
ใน..
กมลเธอจึงหอมกรุ่น
ราวมีดอกบัวบุญบานณ..กลางใจเสมอมา
เมื่อรำลึกนึกถึง..
ถ้อยวาจาจากจิตอันแสนสวยใสไสวพร่าง
สว่างงามของมารดา
และ..
คงตราบชั่วดินฟ้าสลาย..
เธอ..
ได้ยินเสียง..
*ระฆังทำวัตร*หวานแว่วแผ่วมากับฟ้ากว้าง
ใจดวงอ้างว้างหากว่างเปล่า
ราวแก้วสุกใสดั่งดาวประกายพฤกษ์
จึง..
หวนรำลึกได้ว่า ใกล้ถึงเวลาอาหารค่ำแล้ว
..............
เธอ..อาบน้ำในถังไม้
ที่ดีไซน์ใช้แทนอ่างอาบน้ำแสนหรู
หาก..
ถังไม้ดูจะแสนดิบเดิมดูดีกว่าเสียอีก
อย่างไม่รีบร้อน
เธอ..
นอนหลับตาในผ้าถุงงามแนบร่าง
ร่างงามสล้างยิ่งแสนงามเมื่อเธอทัดดอกชบาแดง
และ
นอนแฝงตัวใต้สายน้ำ
ราวดอกไม้เผยอแย้มรอมวลหมู่ภมรมาบินตอม
หากไกลเกิน..
นานนาทีที่พาให้ร่างใจแสนสดชื่น
ให้ใจดวงนวลยิ่งหวานชื่นหวานฉ่ำ
เธอ..มิอบร่ำร่างด้วยน้ำหอมกลิ่นใด
นอกจากทัดดอกไม้ไทยลั่นทม
ที่เรือนผมเพียงให้หอมหอมธรรมชาติ
...............
ณ..เรือนไม้เหนือเนินผา
บัดนี้ ...
แสงเทียนถูกจุดพร่างประดับประดาไปทั่ว
ท่ามความสลัวเลือนลาง
หากพร่างพรายไปด้วยสายแสงสีทอง
ส่องไล้โลมให้ทุกดวงใจแสนอบอุ่น
อาหารธรรมดานานา
เน้นผักปลาผลไม้มากมายรอให้ลองลิ้ม
เธอ...
แย้มยิ้มกับ*เขาคนดี*ที่ชายตาชำเลือง
มาจากเคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่มบ่อยครั้ง
แล้ว...
ไม่นานช้า*เขา*
ก็ค่อยๆก้าวเดินมา
ขออนุญาติทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าเป็นเพื่อนเธอ
อย่างผู้มีมารยาทดี....
แสงเทียนพลิ้วไหว
ใจสองดวงเงียบงาม ในท่ามบรรยากาศเป็นใจ
หากทำไม...
เขา..
จึงสัมผัสได้เพียงความเย็นใส
หาใช่..
ความเสน่หาวูบไหววาบหวาม
ในแววตาของหญิงสาวก็หาไม่
แม้น..
บรรยากาศจะเป็นใจสักเท่าไรก็ตามที
เขา..เอื้อนคำ..ถาม
*หลับสบายดีไหมครับ เหงาไหม
ที่นี่จะเหมาะกับคนรักพงไพร
แบบป่าร้อนชื้นดิบเดิมนะครับ
เห็นผลไม้นั่นมั้ยครับ....
ที่จัดไว้
ในตะกร้าสานแบบกระเฌอฝีมือละเมียดตามภูมิวิถีถิ่น
ที่..
แสนน่ากิน ไร้สารพิษครับ
เพราะผมให้คนงานเพียรปลูกแบบธรรมชาติ
ไร้สารเคมี ...
รวมทั้งพืชผัก ที่ใช้ปรุงอาหาร
ไม่ว่าจะสมุนไพรเคียงบ้านคู่ครัว ชนิดไหน
ผมก็มีหมดครับ
ผมเน้น การต้อนรับแบบธรรมชาติ
และ..
อยากให้ไอเดียแขก
ได้รับรู้ในวิถีการกิน ที่จักสะท้อนถึงวิธิอันชาญฉลาด
ในการเลือกบริโภค
ที่จักเป็นประโยชน์ช่วยรักษาชีวิตให้ยืนยาว*
เธอ..นิ่งฟังเรื่องราว
ที่ผู้ชายนัยน์ตาโศกตรงหน้าพลีถ่ายทอด
ก่อน..
ที่เขาจะนำหน้าออกเดินไปยังโต๊ะอาหารค่ำ
และ
คอยแนะนำให้เธอลองลิ้ม
อาหารพิ้นถิ่นที่รสไม่แรงร้อน
หาก..
บ่งบอกถึงความอร่อยแบบพอเหมาะพอดี
เธอ..
เลือกชิมลางสาดหวานหอมจากสวน
ริมเทือกเขาที่เพิ่งผ่านมา
ที่..
เห็นกำลังผลิพวงก่ายกอดกันแน่นจนเต็มราวกิ่ง
แล้วไหน..
จะยังเงาะพันธุ์นาสารดกแดงพราวพรายสลับเขียว
ที่กำลัง..
ค้อมน้อมพวงไสวลงมาแทบเคลียดิน
ไหนจะ...
ละมุดถิ่นหวานหอม
ขนุนเนื้อหนานวลนุ่ม
กระทั่ง..
สัปรดรสดีพันธุ์ฮาวายที่ลูกเล็กหากกรอบมาก
ไหนจะ..
แตงไทย
ที่ผ่าไว้ให้เห็นหอมนำมากินแกล้มน้ำกะทิสดใหม่
ที่ใส่น้ำตาลมะพร้าวให้ยิ่งหวานมันส์..กลมกล่อม
และ
ทุกสิ่งอัน..
สารพันไม้ผลผักปลาล้วนนำมาจากพื้นบ้าน
ไร้สารตกค้างใด ....
อันคนเมืองศิวิไลซ์คงพากันอิจฉา
คนไกลปีนเที่ยง
เพราะว่า..
กำลังพากันชวนบริโภคอาหารขยะ
แบบ..
เร่งรีบไปตามวิถีชีวีที่รีบเร่งพอกัน
และมากมีอาหารพืชผักผลไม้
ที่ผลิตมาจากความรีบร้อน
ราวค่อยมาผ่อนตายกันทีหลัง
เน้นใส่ปุ๋ยเป็นการใหญ่
ให้ได้ผลทันใจ..นำออกขาย
ใครจะตายจะเป็นก็ช่างมัน ฉันไม่แคร์
ขอ..
แค่ได้รับเงินงาม
เพื่อไปสนองความสะดวกสบายด้านอื่น..
..........
เธอ...
จึงรู้สึกชื่นชม
*เขาคนดี*ที่ยังมีความรับผิดชอบ
ประกอบอาชีพบริการหากแต่ไม่เอาเปรียบ
เมื่อเทียบกับรีสอร์ทอื่นๆที่แสนแพง..
............
หลังอาหารผ่านไป
เขา...ชี้ชวนให้เธอชมจันทร์
วันใกล้เต็มดวงบนราวฟ้า
ราว..
กับเรือทองรอท่ารับทุกดวงใจ
ให้ท่องไปสู่แดนฝัน
อันมี..
วิมานเมฆเป็นดั่งสายธารรักนิรันดร์
ให้เรือทองนั้น..
ได้ลอยล่องไปในท่ามความสงบสงัด...
เสียงบทเพลงแห่งความรักความฝัน
*เนรัญชรา*
หวานแว่วแผ่วพลิ้วไหวมากับฟากฟ้ากว้าง
กับ...
เดือนดาวระดะดวงอันแสนเวิ้งว้างในห้วงอนันตกาล
ให้..
หัวใจเธอ..รับเพียงอิ่มงาม ..หากเงียบงัน...!
............
ติดตามตอนต่อไป...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song290.html
รักเอย
รัก เอย จริงหรือที่ว่าหวาน
หรือทรมานใจคน
ความ รักร้อยเล่ห์ กล
รักเอยลวงล่อใจคน
หลอกจนตายใจ
รัก นี่ มีสุขทุกข์เคล้าไป
ใครหยั่งถึงเจ้าได้ คงไม่ช้ำ ฤดี
รัก เอย รักที่ปรารถนา
รักมาประดับชีวี
หวั่น ในฤทัยเหลือที่
เกรงรักลวงฤดี รักแล้ว ขยี้ใจ
หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ
หื่อหื่อฮือฮือ ฮือฮื้อหื่อฮือฮื้อ
ขืน ห้าม ความรักคงไม่ได้
กลัว หมอง ไหม้ ใจ สิ้นสุขเอย
หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ
หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ
หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ
หื่อหื่อฮือฮือ ฮือฮื้อหื่อฮือฮื้อ
ขืน ห้าม ความรักคงไม่ได้
กลัว หมอง ไหม้ ใจ สิ้นสุขเอย
หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ
หื่อหื่อฮือฮือ ฮื้อฮือฮือหื่อ ฮือ...
9 กุมภาพันธ์ 2549 16:29 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song369.html
(ในโลกแห่งความฝัน)
วันที่...
ฟ้าสีฟ้า...แจ่มกระจ่าง
ดวงดอกไม้หลากสีสันต่างพันธุ์นานา
พากัน...
ผลิแย้มบานอวดหวานงามไปทั่วทั้งเกาะ
จน..
ดูราวกับได้ยินเสียงบทเพลงไพเราะ
*เพลงรักดอกไม้บาน*
หวานแว่วแผ่วมามากับฟ้ากว้าง
กับสายลมระริกระรี้
ที่..
กำลังฝากระรินมากับอวลกลิ่น
*วันแห่งความรัก*
...........
ทันที่ที่..
นกเหล็กยักษ์สีเงินจอดสนิท
รถประจำสนามบิน
ก็จอดเทียบรอให้ผู้โดยสารก้าวย่าง
ลงมารับการทายทักของสายลมร้อนผ่าว
ที่..
แม้นจะแสนอบอ้าวสักเพียงใด
ก็มิทำให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยเทศระย่อใจ
ที่..
จะแสวงหาสิ่งแปลกใหม่
มาเติมเต็มให้แสนอิ่มเอมใจ
ในวันหยุดในวันแห่งการพักผ่อน...
ทุกสายตาสะดุดหยุดอยู่ที่ร่างบอบบาง
ที่..
กำลังค่อยๆก้าวย่างลงมา
จากรถประจำสนามบิน
เธอ..ผู้หญิงในชุดกางเกงผ้าไหมสีดำ
กับเสื้อเปิดไหล่ล้ำสีเดียวกัน
เผยให้..
เห็นผิวเนียนแน่นราวสีงาช้าง
เกล้าผมพันพลางทบเป็นวงพันซ้อน
แล้ว..
เสียบด้วยดวงดอกพุดซ้อนอรชรงามเรียบง่าย
ตรงท้ายทอย..เคลียไคล้นวลคอระหง
ที่ณ..บัดนี้..
มีไรผมรุ่ยร่ายพรายซึมไปด้วยรอยชื้นเหงื่อ
วงหน้านวล..ดูเปล่งปลั่งขึ้น
ด้วยดวงดอกแดดที่แผดไล้ลาม
ให้แก้มงามเริ่มมีสีสันระเรื่อระเรื่อ..
เธอ..
ยืนนิ่ง..ทิ้งตาสงบเฝ้ารอกระเป๋า
ที่..
กำลังวิ่งมาตามสายพาน
นัยน์ตางามถูกปิดบัง
ด้วยแว่นกันแดดสีดำอันแสนบางเฉียบเรียบเก๋
เสียงเรียกชื่อเธอ เบาๆ
*คุณศศิมาฆะ*ใช่ไหมครับ
เธอ..หันไปคลี่ยิ้มนิดๆ
พร้อมพยักหน้ารับ
กับ..ชายหนุ่มผิวคล้ามแดด
นัยน์ตาสีสนิมเหล็ก
ที่..
กำลังแบกป้ายชื่อเธอหรา
คนที่มารอรับจากรีสอร์ท
ที่เธอแจ้งไว้ล่วงหน้าก่อนมาพัก
*ค่ะ..
แต่รอแป๊บนะคะ กระเป๋าฉันยังไม่มาค่ะ*
เธอ..หันหน้าไปบอก
พร้อม..
กับแอบสังเกตเขาในชั่วแวบ
ผู้ชายในกางเกงสุภาพเสื้อสีขาวผมตัดสั้นเกรียน
แลดูเงียบนิ่งเฉย..
ในแววตางามราวสีอำพัน
อันแสนล้ำลึกราวท้องทะเลที่นี่
ในยามที่...
เธอมองลงมาจากหน้าต่างเครื่องบิน...
เขา..
รีบช่วยหิ้วกระเป๋าและก้าวท้าวยาวๆ
นำตรงไปยังรถแลนด์โรเวอร์ที่รอ
อยู่ ณ..ลานหญ้า
ใต้ร่มมะพร้าวใบดก
ที่กำลังโบกโบยระบัดรับสายลมร้อน
อ้อนอาบไปทั่ว
เขาชวนเธอสนทนา..
และพบกับคำตอบว่า..
*ฉันวางแผน
มาพักที่รีสอร์ทคุณแค่สองสามวันค่ะ
ตั้งใจจะเช่ารถขับเที่ยวให้ทั่วเกาะเลาะลัดไปให้ทั่ว
หากไม่อันตราย*
*ต่อจากนั้น
ในวันมาฆบูชา
ฉันจะข้ามไปพะงันค่ะ
ไม่ได้ไปเต้นบูชายัญ
วันพระจันทร์พูนดวงดอกนะคะ
หาก..
ฉันจะไปถือศีลสมาธินั่งวิปัสสนากับแม่ชีที่นั่นค่ะ*
เขายิ้มขำ ทันทีที่เธอกล่าวจบ
ผู้หญิงที่ชื่อแสนแปลก
ที่..
เขาเพิ่งพบหน้าไม่กี่นาทีแถมยังมี
ความคิดแปลกแสน
ก่อนเมินหน้าหลบ
ตั้งใจขับรถไปในเส้นทาง
ที่..
กำลังปีนไหล่ผา
จนมองเห็นน้ำทะเลเบื้องล่างแลโล่งละลิบ
กำลังส่งแสงระยิบระยับ
ราวอาบจับด้วยเกร็ดเพชรแวววามวาววับ
ขอโทษครับ..ผมไม่เจตนา
คือ..
ตั้งแต่ผมมีรีสอร์ที่นี่มานานหลายปี
ไม่เคยต้อนรับแขกคนไทยที่แสนงามอย่างคุณ
และ...
แสนใจบุญครับ..
มี..
แต่ผมได้ยินมากับหู คอยถามถึงว่า
วันปาร์ตี้จะมีไหม สนุกแค่ไหน ไปอย่างไร
ไม่เคยเลยครับ
ที่พบคนพิเศษอย่างคุณ
จนดู..
ราวกับโลกตรงหน้าผมจะหมุนย้อนกลับ
ว่าแล้วเขาก็ยิ้มเบิกบานอย่างขออภัย...
เธอ...ไม่แปลกใจ
ใช่ทำไม
ผู้คน..
ที่หลั่งล้นมาจากทั่วทุกแดนแคว้นถิ่นทั้งไทยเทศ
หากมาแสวงเพียงเสพสุขเพียงชั่วขณะกับ
ฟ้ากว้าง หาดขาวดาวสวย สายลมระรวยระริน
กับ..
กลิ่นไอชายทะเล กับคลื่นกล่อมเห่
กับดาวสุกใสแสนใกล้
ไม่นับเดือนฉายแสนงาม
ที่ลือลั่นจนสนั่นไปทั่วโลก
โบกพัด..
ให้ผู้คนพากันมาเยือนแย้มยลจนเต็มไปทั้งเกาะ
*ฉัน..
คงเกิดมา
กับใจดวงโบราณจากกาลสมัยอยุธยามังคะ*
ว่าแล้วเธอก็คลี่ยิ้ม
*ใจฉันจึงเกิดเบื่อหน่าย
ในทางสายโลกวัตถุ
ที่บุกโรมโหมไปทุกครัวเรือนแล้วค่ะ
รวมเกาะคุณด้วยนะ
ที่..
ฉันเห็นความวายวุ่น อลวนไปทั่วทุกหัวระแหง
เห็นผู้คนแก่งแย่งกันรับแขกต่างบ้านต่างเมือง
เพื่อ..
เงินงามที่แสนประเทืองประทับไปทุกหน*
*ฉันเสียดายทุกที่ในแผ่นดินนี้ค่ะ
ที่..
กำลังถูกบุกรานรุกด้วยอารยะ
ที่..
นับวันจะบ่าโหมมาให้คนไทยใจไม่รักนารักดิน
ไม่ถวิลคิดสืบทอดวิถีไทวิถีทองวิถีทุ่งค่ะ..*
*และ..
อยากถามคุณ
เกาะนี่มีนามั้ยคะ
ก่อนมาฉันฝันเห็นเกาะในฝันค่ะ
ที่มีนาขั้นบันได
และ..
มีกระท่อมสีปูนงามไสวริมเชิงผา
มอง..
เห็นเวิ้งนา เห็นข้าวกล้าเขียวชะอุ่มเลยค่ะ
เห็น..
กลุ่มควันไฟ ลอยระเรี่ยราวเป็นหุบผาแห่งความฝันค่ะ
ฉัน...
จึงดั้นด้นมาที่นี่ ก่อนที่จะค้นหาข้อมูล..ประกอบค่ะ
เลย..พบรีสอร์ตคุณ ที่แฝงฝังตัวในหุบเขา
ที่ดีไซน์แสนดิบเดิมแปลกดี
ที่ยังมี..
มุ้งม่านสีขาวให้น่านอนเป็นที่สุด
แถม..ในเวบคุณ
ยังมีเส้นทางสายธรรมชาติงาม
ราวในความฝันของฉันเลยค่ะ*
*ผม...ดีใจครับ
ที่คุณเลือกใช้บริการรีสอร์ทผม..
วันนี้..
คนของผมไม่ว่าง
เลยต้องมาทำหน้าที่รับคุณด้วยตัวเองครับ
รีสอร์ทไพรบุรี
สร้างด้วยแรงฝันบันดาลใจของผมครับ
เพราะ..
ผมเคยไปพักที่บาหลี
และเห็นทัศนียภาพที่นั่น
ภาพสายหมอกหยอกล้อรวงเรียว
ไปตามนาขั้นบันได
งามพราวราวภาพเขียนเลยครับ
ทันทีนั้น..
ผมก็ฝันเรื่อยมาและ
เมื่อโชคดี มีเงินเก็บพอ
ผมก็เรียนขอที่ทางของคุณพ่อผม
ผมตั้งใจจะเนรมิตรสร้างฝันให้พลันเป็นจริงเสียที...*
*คุณทราบไหม..
ผมคิดรายละเอียดด้วยดวงใจผมคนเดียว
ค่อยๆ..
เก็บเกี่ยวประสบการณ์
ลากความฝันลงมาเป็นแบบร่าง
และ..
ฝันนั้นก็เป็นรูปร่าง
อย่างที่กำลังจะปรากฎแก่ตาคุณแล้วละครับ*
เขา...ค่อยๆขับรถอย่างแช่มช้า
ไล่เลียบเนินผา
ลงมากลางหุบเขาไพร
ที่..
ตามเส้นทางมีพันธุ์ไม้เมืองร้อนชื้นราวป่าดงดิบ
มี..
ต้นยางสูงใหญ่
ที่ลูกกำลังฟ้อนสายลม
ปลิวไสวลอยละลิ่วลงมาราวเครื่องบิน
มี..
จันทน์ผาเหนือเนินหิน มีกลิ่นดอกสักไพรหอมกรุ่น
มีละมุนด้วยต้นไม้ผลมากมาย
ทั้งเงาะกระท้อน ทุเรียนพันธุ์พื้นถิ่น
ที่..
กำลังออกลูกเล็กๆห้อยย้อยน่ารักนัก
มี..
ลางสาดแสนหวานผลใหญ่กว่าลองกอง
มีมังคุด
และ..
นับไม่ถ้วนไม่สิ้นไปด้วยพันธุ์ไม้ไพรนานา
ที่..
คะเนด้วยสายตาแล้วคงหลายร้อยหลายพันธุ์ชนิด
ในเนื้อที่ดินในหุบไพรไล่ละไปถึงเนินไหล่
ที่..
ทำนาขั้นบันไดทอดยาวไป
ทั้งเทือกเขาในอาณาจักร อันแสนสงบร่มเย็น..
...........
กระท่อม
ที่พักของเธอ..ตั้งชะโงกง้ำริมผางาม
หาก...
เดินไต่ตามลงมาจะพาพบโตรกธาร
มีสายธารน้ำตกไหลระริน
ที่..
เธอไม่อยากเชื่อเลยว่ายังมีถิ่นไพรกลางเกาะ
ยังมีที่ลับเฉพาะสำหรับผู้ที่รักความงามเงียบ
เขา..สัญญา
จะพาเธอไปเดินสำรวจแผ่นดินทอง
ที่เขาครอบครองรายรอบ
และ...
ในยามราตรี
ที่ดาวระดะดวง
จะมีอาหารค่ำรับรองในเรือนทาร์ซาน
ที่..
สร้างไว้เหนือเนินผาหิน
ที่แลไปจะเห็นโล่งสิ้นไปทั่วทั้งหุบไพร
อันแสนเวิ้งว้างกว้างไกล
ราวร่างลอยท่ามเหนือโลก
ได้ยินเสียงสายน้ำกระซิกๆระริกๆรี่ไหล
ไปตามโพรงไพร
ได้ยินเสียงกระรอก
สรรพสัตว์ร้องร่ำระงมพรมพรำ
แล้ว
ไหนจะยังหอมอวลจากพวงพะยอม
บานฉ่ำรับละอองหยาดน้ำค้าง
เขาบอกว่าให้เธอ พักให้สบาย
วันที่...จะข้ามไปบำเพ็ญบุญ
เขา...
จะขับเรือเร็วที่จอดไว้ในท่าทะเลไปส่งเธอเอง
เพราะใช้เวลาระหว่างเกาะกับเกาะแค่ยี่สิบนาทีเอง
อย่าเกรงใจ...
นี่คือ..ความมีน้ำใจอัธยาศัยแสนงาม
ของเจ้าบ้านที่แสนดีพลีให้
ที่เธอ..
คิดว่าตัดสินใจไม่ผิด
ที่จะมาใช้ชีวิต..หนีความวายวุ่นมาพักถึงที่นี่
แถม..
ยังได้สงบรำงับใจ
ได้ไปปฏิบัติธรรม
อันคือความงามล้ำในดวงใจ
ให้แสนสวยใสสว่างพร่างพราย
ก่อน..
กลายกลับไปใช้ลมหายใจทำหน้าที่ในทางโลก
รับโศกสุขคลุกเคล้า อย่างมิหนาวเหน็บจนเกินไป..
.................
เธอ..นอนนิ่ง
สยายผมพัดแผ่ราวแพไหมดำขลับ
บนเตียงนวลนุ่มที่แสนอวลอุ่นในท่ามตะวันลา
ฟ้ากำลังแปรสี
ทอทอดลอดไล้ลงมาโลมร่างงาม
ราวนางไม้นางไพร
ที่ล้าใจหนีทุกข์พันธนา
ดวงตาสวรรค์ แทบหลั่งน้ำตาด้วยเวทนาในรู้สึก
เมื่อสัมผัสจิตลึก อันแสนงามล้ำค่าของเธอ
ที่..
มิได้ละเมอไปตามกระแสกิเลสโลก
เธอ..
หวังเพียงเพียรพาร่าง
มาลบโศกสร้างรอยบุญหนุนนำ
ให้ได้...
ก้าวล่วงล้ำเข้าไปสู่ประตูอันแสนว่างงาม
ที่..
แย้มบานรอรับผู้มีบุญทุกชีวิต
ที่..
*คิดดีพูดดีทำดีพลีแด่เพื่อนแลผองชน*
คนร่วมทาง เพียงแค่นั้น
มิ..
หวังฝันใด นอกจากกุศลอันแสนอิ่มใจ
ที่จักพราวไสว
เป็นดั่งอัญมณีใจไปตราบชั่วกาล.นานนิรันดร์..
.............................
ติดตามตอนต่อไปค่ะ
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song369.html
ในโลกแห่งความฝัน
ในโลกแห่งความเป็นจริง
เธออาจเป็นหญิง ของใครก็ได้
และค่าแห่งความสนใจ
ย่อมน้อยลงไปจากเขา
ในโลกแห่งความเป็นจริง
เธออาจเป็นหญิง หัวใจแสนเศร้า
ฝืนทนชื่นบานหวานเอา
เพื่อข่มความเศร้าในใจ
มาพบกับฉัน มาพบกับฉัน
ในฝันดีกว่า ในฝันดีกว่า
ฝันนั้น จะพาให้จิตสดใส
ลืมชีวิต เมื่อตื่นชื่นใจ
มาพบคนเก่ากันใหม่ในฝัน
ในโลกแห่งความเป็นจริง
เธออาจเป็นหญิง ของใครไม่หวั่น
แต่ในโลกแห่งความฝัน
เธอเป็นของฉันเสมอ
มาพบกับฉัน มาพบกับฉัน
ในฝันดีกว่า ในฝันดีกว่า
ฝันนั้น จะพาให้จิตสดใส
ลืมชีวิตเมื่อตื่นชื่นใจ
มาพบคนเก่ากันใหม่ในฝัน
ในโลกแห่งความเป็นจริง
เธออาจเป็นหญิง ของใครไม่หวั่น
แต่ในโลกแห่งความฝัน
เธอเป็นของฉันเสมอ...
9 กุมภาพันธ์ 2549 08:45 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song14.html
(คนเดียวในดวงใจ)
....................
อุษาฟ้าสาง
ลีลาวดี..โมก..พร่างดอกหอมอวลมาปลุกถึงที่นอน
คลี่ยิ้มอ่อนหวาน...
รับอรุณสราญกับผ้าช้างสีทองผืนงาม
ที่พาดผ่านริมปลายเตียงโบราณ
ราวม่านแห่งรักนิรันดร์..
โลกหอมหวาน
กับจันทร์ลอยดวงคืนฟ้าใหม่
ในราตรีที่ผ่านมา
ในดวงวิญญาญ์แสนสงบนัก
ไฟฝันที่จักใกล้มอดดับ
ด้วย..
เบื่อโลกโศกสะเทือนมากเรื่องราว
หนาวร้อนมาให้หัวใจดวงอรชรแสนวิปโยค
โศกไปกับผู้คนผองชน บนผืนดินเดียว
ที่ต่างข้องเกี่ยว
ร่วมเกิดแก่เจ็บตาย..ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น..
หาก..
หลากหลายชีวิต กำลังหลงเลือกผิดทาง
ที่จะสร้างปัญหาทับถมลงมาบนแผ่นดิน
อย่าง..
น่าเศร้าใจอย่างน่ากังวลใจ...
ในความแตกแยก ไร้รักสามัคคี
ไร้ปรองดอง ไม่สมานฉันท์
ทั้งๆ*พระจอมขวัญจอมใจ*
ได้ทรงให้สติตักเตือน
ยังคงแชเชือนไม่หันหน้ามาทำความเข้าใจกัน
ไม่...จับมือหันมาช่วยทะนุบำรุงบ้านเมือง
กี่ครั้งครา...บทเรียนในอดีต
แม้น..
บรรพชนในอยุธยาลุกฟื้นคืนชีพมาสอนได้
คงให้กลับไปอ่านประวัติศาสตร์เสียใหม่
และ..
ให้นำมาสอนสัจจะใจแด่คนไทยทุกคน
อย่าหลงวน ทำลายคล้ายยุยงแตกแยก..
ให้..
บ้านเมือง ยิ่งแบกทุกข์โทมนัสอันแสนสาหัสสากรรจ์
และ...
ก่อนวันที่จะสายเกิน...
............
.
ใจดวงน้อยดั่งธุลีหล้า
จึ่ง..
ได้แต่สวดมนต์ภาวนา
กราบไหว้พระสยามเทวาธิราช
สิ้น..
ทั้งฟ้าดินอินทร์พรหมยมพญา
ให้ทรงมีพระเมตตาช่วยปัดเป่าผองภยันตราย
ที่..
จักมากรายกล้ำแผ่นดินอันแสนงามสงบล้ำค่า
แผ่นดิน..
ที่ยังมากมีทรัพย์ในดิน..เรือกสวนไร่นา
ปลาในหนอง ทองรอขุดไถ
แปรไปเป็นรวงเรียวระย้าย้อย
ห้อยระยับลงเคลียดิน
คอย..
หล่อเลี้ยงคนไทแลมวลมนุษย์ในโลก ลบโศกลืมหิว...
มิรู้สิ้นไปตราบกาล..
............
ดวงใจ....
ชีวิตคืออะไรกันเล่า
ที่ดวงชีวาเจ้าเฝ้าเวียนวนค้นหา
มิใช่...
พสุธาใต้ร่มรัตน์ ร่มฉัตรเพชรพราว
ดับร้อนหนาวไปทุกธุลีหล้า
มาอย่างยาวนาน..
อันแสนสงบงาม..แสนร่มเย็น..ดอกละหรือ..
หรือ..
รอเพียงกระพือโหมให้ไฟไหม้โลมแล้ง
ไปทั่วทั้งทุกหย่อมหญ้าได้เดือดแดงด้วยแรงไร้รักสามัคคี
ไหน
จะภัยใต้รบรา... สึนามิ เพิ่งมาเพิ่งไป
ไหนอิสานภัยแล้ง
ไหนเชียงใหม่ราวธรรมชาติซ้ำแกล้งอุทกภัย
ไหน...
กลางกรุงรุงรังด้วยพลังผู้คน
ที่คาดหวังจะเปลี่ยนแปลง
เสมือนยิ่งแกล้งซ้ำเติมความสงบสุข
ให้แผ่นดินลุกเป็นไฟ..โอ้ช่างกระไรเลย....
ดวงใจ....
มองลงมาจากฟ้าเบื้องบน
นั่น..
ลำน้ำเจ้าพระยาทอดสายงาม
นั่น..
นาข้าวเขียวขจี
นั่น..
ดูซีฝูงวัวควายในท่ามนาไร่ควันไฟลอยกรุ่น
มาจากทุกกระท่อมครัวเรือนอันแสนสงบในยามพลบค่ำ
นั่น..
ดาวเดือนผ่องเพ็ญทอแสงสวยเหนือโบสถ์คร่ำ
นั่นฟังสิ..
เสียงสงฆ์สวดมนต์ก้องกังวานหวานแว่วแผ่วมาในท่ามฟ้ากว้าง
ทางช้างเผือก
เลือกปลอบประโลมดั่งสายธรรมธารา
ให้เพลาเข็ญ เย็นยิ่งกว่าเย็น
ให้..
รู้เห็นงามในท่ามแล้งไร้
แห่งมวลมนุษย์มากมายมากมี
ที่..
เราแสนโชคดี
ได้เกิดมาพบ*พุทธภูมิแห่งศาสนา*อันแสนประเสริฐ
เลิศด้วยเหตุผล ได้นำมาเกื้อกมลให้หอมกรุ่น
ดั่ง..
เทียนทองทอแสงละมุน
ส่องนำทางใจให้แสนสวยใสสมถะสงบงาม
คนดี...
มาสิมามานอนหนุนตักอันหวานนวลนุ่ม
แสนอวลอุ่นด้วยรักภักดี นอกชานเรือน
มา...
นับดาวเดือน..ดวงแสนหวานนับร้อยพัน
*ในวันแห่งความรัก*มาฆบูชาปุณมี
มา..
ปันพลีหอมหวานดวงดอกไม้ไทย
มา..
ฟังเสียงสายน้ำไหลกระทบริมชายชล..
มา..
ปันปรน..
ด้วยกลิ่นกรุ่นกลางกลีบเกสรงาม
จากบัวสล้างกลางสาคร
ให้..
หัวใจดวงอรชร
ได้มีพลังหวังหวานโชติชัชขึ้นมาใหม่
และ..
ค้นพบสัจจะใจพบบางสิ่ง..
ว่า..
แท้ที่จริงแล้วไซร้
ในโลกฝันโลกจริงนั้น
หาก..
มาตรแม้นพบคนดีมีค่าสักคน
ที่คู่ควรกับค่ารักนิรันดร์
ที่..
จักปันพลีเคียงคู่กันไป..ก็แสนสุขใจเกินพอแล้ว...
นะ...เจ้าแก้วหอมหอม..ณ..กลางใจ...!
............................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song14.html
คนเดียวในดวงใจ
เธอ มาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันไม่เคยคิด รู้ แต่บัดนี้ เธอมาสถิตย์
มาอยู่ใกล้ชิด ในดวงใจฉัน
เธอมาจากไหน จากดินผืนใด
หรือจากสวรรค์ ฉันก็จะรัก
รักเธอเท่ากัน ไม่เคยจะหวั่นแม้คำนินทา
คนเดียวเท่านั้น ในชีวิต
คนเดียวสนิท แนบ อุรา
คนเดียวที่ฉัน บูชา
ยอดปรารถนา คนเดียวในโลก
เธอ มาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันถือเป็นโชค แม้รักเธอแล้ว
ฉันต้องเศร้าโศก เป็นคนโชคร้าย
ในโลกก็ยอม
คนเดียวเท่านั้น ในชีวิต
คนเดียวสนิท แนบอุรา
คนเดียวที่ฉัน บูชา
ยอดปรารถนา คนเดียวในโลก
เธอมาจากไหน เธอจะเป็นใคร
ฉันถือเป็นโชค แม้รักเธอแล้ว
ฉันต้องเศร้าโศก เป็นคนโชคร้าย
ในโลกก็ยอม...
8 กุมภาพันธ์ 2549 11:44 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song975.html
(ไม่อยากให้โลกนี้มีความรัก)
ใกล้วันแห่งความรักแล้วสินะ
ดอกไม้...
ช๊อกโกแลต ของขวัญ คำหวาน
คงกำลังรอทายทักทุกดวงใจ
แต่..
สำหรับใครบางคน
คงไม่มี...
ทั้ง ดอกไม้ แลสิ่งใด
คน..
ที่ไม่มี...แม้นหัวใจตัวเอง
ที่จักยึดมั่นฝันหา
ไม่..
แม้ต้องการสิ่งใด..
ใครคน มาเติมเต็มอีกต่อไป..!
ขอเพียงแค่
ให้ยังมีลมหายใจ
ได้บรรเลงทำหน้าที่
ไปตามเพรงพรหม..เพรงกรรม
จนกว่า..
จะถึงวันตะวันลา..
ตราบจนกว่า...ชีวาชีวีจะสิ้น...
.............
คำความรัก...มากนักนิยามในนึก
มิถ้วนในรู้สึก หากให้ล้ำลึกแตกต่าง
สำหรับ...
ดวงยินดีพลีรักจากหนังสือในดวงใจเล่มล่า
*กระท่อมเปลือกไม้*ที่ดวงได้พบโดยบังเอิญ
หนังสือวรรณกรรม
ชนะเลิศรางวัลยอดเยี่ยม11รางวัลเกียรติยศแห่งปี
ของ
*LOUISE ERDRICH เขียน *
ฒามรา แปลและเรียบเรียง
เป็นหนังสือ...
ที่แสนงามจิตวิญญาณ
ที่น่าอ่านที่สุดเล่มหนึ่ง
...............
ความรัก ความผูกพัน เสียสละเอื้ออาทร
ที่มีต่อกันของสมาชิกในครอบครัว
และ
เพื่อนบ้านของชาวอินเดียนแดงเผ่าโอจิบวา
ที่ยังคงใช้ภาษาของตนเอง
และ..
มีถิ่นฐานอยู่ในอเมริกาเหนือ
บนเกาะเมดไลน์ ไอส์แลนด์
เรื่องราว ....
ความรักอันยิ่งใหญ่ได้ถูกถ่ายทอด
เพื่อคนทุกชนชาติทุกชนชั้นที่หัวใจ..ไม่ไร้รัก
..............................
ผู้แปลได้กล่าวคำจากใจเอาไว้ว่า
*กระท่อมเปลือกไม้*
ได้บอกเล่า..
เรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่
ของชาวอินเดียนแดงเผ่าโอจิบวา
ที่..
ตั้งถิ่นฐานอยู่ในอเมริกาเหนือ
อย่างมีชีวิตชีวา
ผู้อ่าน
จะได้ซึมซับทั้งความรู้ทางประวัติศาสตร์ภาษาศาตร์
และ
ความบันเทิงครบทุกรส
ไม่ว่าจะเป็นความสนุกสนาน
ความโศกเศร้า
จากการพลัดพรากของผู้เป็นที่รักและ
การรักษาเยียวยาของธรรมชาติบำบัด..
ความซาบซึ้งใจ
ในความรักความผูกพันของสมาชิกในครอบครัว
ของโอมาเกย่า
ที่...
แสดงออกเด่นชัด
ในตอนที่ฝีดาษระบาดขึ้นในเกาะที่เธออยู่
สมาชิกในครอบครัวเริ่มล้มป่วยลงทีละคนๆ
เริ่มจาก..พี่สาว ตามด้วยแม่
น้องชายคนรอง
จากนั้น..
พ่อและน้องชายคนสุดท้ายที่ยังเล็กมาก
ทั้งหมดแยกตัวออกไปอยู่ต่างหาก
โดยมียายเป็นคนดูแล
ทิ้งโอมาเกย่า ที่ไม่ได้ล้มป่วยไว้ตามลำพัง
เด็กหญิงแปดขวบมีโอกาสที่จะรอดตาย
แต่..
เธอตัดสินใจเข้าไปอยู่รวมกับทุกคน
หัวใจเล็กๆของเธอ
มุ่งมั่นที่จะช่วยยายพยาบาลดูแล
และ
ยื้อยุดชีวิตทุกคนที่เธอรักเอาไว้ให้ได้
ถ้าทุกคนมีอันเป็นไปถึงตาย
เธอ...ก็ยินดีจะตายไปพร้อมกับพวกเขา
ถ้า..
ต้องตายก็ตายพร้อมกันหมดทุกคนนี่แหละ
เธอไม่ขออยู่ข้างนอกตามลำพัง
เธอไม่ขออยู่ห่างจากคนที่เธอรัก
ไม่เด็ดขาด
แม้นั่นจะหมายถึงชีวิตของเธอก็ตาม
ผู้เขียนทำให้
สายใยผูกพันเข้มข้นประทับใจมากขึ้น
ด้วยการให้
*นก*
ที่ครอบครัวเลี้ยงไว้
ร้องเรียก*ฟินช์* น้องชายคนรองของโอมาเกย่าทุกครั้ง
ที่เขาทำท่าจะจากไป...
แม้แต่*แอนเด็ก*
ยังรู้เลยว่าฟินช์อาการหนัก
จนเจียนจะตายแหล่มิตายแหล่
ทุกครั้ง..ที่ฟินช์จากไปไกลเกิน
นกจะร้องแหบห้าวว่า..เกโกฟินช์ !
ซึ่งแปลว่าหยุดนะฟินช์! มีความหมายว่า
อย่าไปนะหรืออยู่ที่นี่แหละ..
หรือ....
แม้แต่ในตอนที่ฟินช์โดนน้ำเชื่อมร้อนลวกเท้า
โอมาเกย่าก็กุลีกุจอช่วยรักษาอย่างดี
แม้ปากจะบอกอยู่เสมอว่า
ไม่ชอบขี้หน้าน้องชายคนนี้ก็ตามที*
.......................
*อำนาจของความรัก
พลานุภาพแห่งความผูกพัน
กระแสแห่งความห่วงใย
พลังอันยิ่งใหญ่ของความทุ่มเท
อัน..
เปรียบเสมือนการยื้อยุด ฉุดดึง วิงวอนและร้องขอ
เพื่อยืดต่อและทุกสิ่งอันเป็นที่รัก
คือพลังประหลาดและอำนาจพิเศษ
ที่..
ระหว่างจิตกับจิต
ชีวิตกับชีวิต หัวใจกับหัวใจเท่านั้น
ที่จะถ่ายทอด สื่อสารเชื่อมโยงถึงกันได้
ผู้..
ที่มีความรักอย่างถึงที่สุดเท่านั้น
ผู้ที่เคยผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันเท่านั้น
จึงจะซึมซับรับลึกและลึกซึ้งกับความจริงข้อนี้ได้
หัวใจทุกดวงของมนุษยชาติ
ไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
หาก..
แต่ในความเป็นมนุษย์
หัวใจทุกดวงของเราล้วนมีพลังและอำนาจพิเศษ
ทั้ง..
ต่อมนุษย์ด้วยกันและต่อทุกสิ่งบนผืนแผ่นดิน
ความรักของมนุษย์สรรค์สร้างและรังสรรค์ทุกสิ่ง
ให้บังเกิดขึ้นได้
ขณะเดียวกัน
ก็สามารถทำลายทุกสิ่งได้ในชั่วพริบลมหายใจ
หาก..
ความรักนั้น
เปลี่ยนบทบาทและสถานะของตนเองเป็นผู้ทำลาย
ด้วย..
แรงแห่งรัก ด้วยกระแสแห่งความผูกพัน
เพียงเสียงเดียว
เพียงหนึ่งประโยคจากจิตวิญญาณของการร้องขอ
เพื่อยืดต่อชะตากรรม
เพื่อนำทางไปสู่การดำรงอยู่ต่อไป
ช่างยิ่งใหญ่
และ
มีความหมายอย่างมิอาจประมาณค่าได้
หัวใจดวงน้อยของ*โอมาเกย่า*
เด็กหญิงที่มีอายุเพียง8ขวบ
เป็นหัวใจดวงยิ่งใหญ่
ที่พระผู้เป็นเจ้าประทานมาให้กับดวงชีวิตของเธอ
หัวใจ ความรัก
และชีวิตเป็นสิ่งเดียวกัน ยิ่งใหญ่
และ
เอื้ออำนวยต่อเลือดเนื้อและลมหายใจเสมอเหมือนกัน.....
...................
และ..
จากใจดวง
ถึง..
ทุกคนดี..ทุกดวงใจในร่มรัก
ที่ดวงยินดีพลีนำเสนอ
หนังสือ*ของขวัญ*จากจิตวิญญาณ*
ที่..
เพียงดวงหวังให้หามาอ่าน
มาทายทัก
มามอบให้กับตนเองในวันแห่งความรัก
ในอ้อมใจในอ้อมตักแม้นสิ้นไร้ใคร
ให้...ดวงใจ
ได้พบความละไมละมุน
ความหอมกรุ่นจากจิตใสใจเราเอง
จุดเทียนในยามตะวันโพล้เพล้
ถึงมาตรแม้นไม่มีรักมากล่อมเห่ดวงใจ
ให้หนาวคลาย...
ก็..
จงได้ใช้สายธารธาราเกษมแห่งรัก
พลังจิตจากเนื้อเรื่องแสนงามนี้
ได้จักสะท้อนสะเทือนจิตวิญญาณ..บ้านภายใน
ให้พบความสงบสวยใสแสนงามตามลำพัง..
อย่างมิสิ้นไฟฝันพลังรัก...
ตราบ...จนกว่า..
ชีพนี้...จะมอดดับ..ลาลับดวง...ไปตามกาล..
........................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song975.html
ไม่อยากให้โลกนี้มีความรัก อรวรรณ เย็นพูนสุข
อัน แสงสูรย์ ส่องสว่าง แต่กลางวัน
อัน แสงจันทร์ ส่องประจำ ยามราตรี
อัน ความรัก ร้อนเร่า เผา ฤดี
ส่อง ชีวี ทุกโมงยาม ประจำใจ
มีรักแล้ว ไม่คลาดแคล้ว ต้องตรมฤทัย
เหมือน แบกโลก ทั้งโลกไว้ ให้โศกหนัก
ไม่อยากให้ โลกนี้ มีความรัก
แต่ฉัน สมัคร แบกรักไว้ ไม่หนักเลย
มีรักแล้ว ไม่คลาดแคล้ว ต้องตรมฤทัย
เหมือน แบกโลก ทั้งโลกไว้ ให้โศกหนัก
ไม่อยากให้ โลกนี้ มีความรัก
แต่ฉัน สมัคร แบกรักไว้ ไม่หนักเลย
1 กุมภาพันธ์ 2549 09:32 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song193.html
รังรักในจินตนาการ
เธอมากับแดดเหลืองของเมืองหลวง
ดวงจิตนิรมิตความเศร้าหมอง
เธอเดินมาทุกข์ทนบนครรลอง
ชมทำนองเมืองร้อนร้ายวุ่ยวายนัก
ณ ใจกลางเมืองนั้นมีดอกไม้
ดอกข้าวใหม่หอมมิวายกลิ่นจำหลัก
แปลกสังเวชผู้คนทุกข์ทนนัก
ดอกข้าวใหม่มิเคยพักดวงวิญญาณ
เธอเข้าเมืองเดินเที่ยวประเดี่ยวใจ
ดอกข้าวใหม่อยู่ที่นี้น่าสงสาร
ดับกลิ่นดินกลิ่นฝันของวันวาน
เหี่ยวเฉาอยู่ ณ สุสานของเมืองรอน
เบื่อ เบื่อ เบื่อ แสนเบื่อหน่าย
รอจุดหมายคืนถิ่นรวงข้าวสลอน
ดอกข้าวใหม่น้ำนองหน้ามาวิงวอน
ตายลวกร้อนดับความฝันวันนี้แล้ว!!!
เมื่อไหร่หนอภาระกิจจักจบสิ้น
กลับไปยินลมพัดพลิ้วรวงทิวแถว
เดี่ยวดายในบึงบัวเรือพายแจว
คลาดแคล้วอายตะวัตถุนิยม!!
.........................................
ลมร้อน..กำลังอ้อนดงตาลและนาข้าวเขียวขจี
ในเส้นทางสายชนบท
ที่ดวงกำลังพารถลัดเลาะเลียบ
ไปสู่ฝั่งฝัน*เจ้าพระยา
มี..
ควายหลายสิบตัวที่มี..คนปล่อยปะปนมากับวัว
ให้มาละเล็มหญ้าอย่างแสนสราญใจ
นั่น..
*กระท่อมเรือนไทย*สำเร็จรูป
ที่มีคนปลูกไว้ขาย
หากบัดนี้...
ถูกจำหน่ายมาให้ผู้รักสุนทรีย์
ที่..
ยอมยินดีพลีแลกมาด้วยน้ำเงินงาม
มาวางไว้รึมบึงบัวที่กำลังแล้งน้ำ
กำลังเหี่ยวเฉาคาบึงแห้งผาก
หลังจากขาดหยาดน้ำฟ้ามาหลายเพลาแล้ว..
ดวง..
สั่งให้คนเตรียมปลาไว้
เพื่อมาปล่อยในเขตอภัยทานวัด
ที่..
ชื่อแสนน่าเกรงขาม
ให้คนขามเกรง ไม่มารังแกสัตว์
มาดักจับไปบำเรอลิ้น..อย่างมิสิ้นสุด..อย่างไร้เมตตา
วันก่อน...
ดวงได้มีโอกาสดูทีวี
*รายการสารคดีต่างประเทศ*
ที่มี..
คนจับ*ปลาฉลามวาฬ*
จากท้องทะเลกว้างเพื่อนำมาเลี้ยงไว้ในพิพิธภัณฑ์
ให้..คนดูแล้วแย้มยิ้มกัน
ในขณะ ที่
*ปลาฉลามวาฬ*คงแสนโศกาจาบัลย์
ที่จำพรากจากถิ่นกว้าง น้ำลึก
มาสถิตในดงตึกให้คนพากันชี้ชวนชม
และ..
นี่คือ
ละครฉากตรมฉากหนึ่งในดวงใจผู้รักธรรมชาติไพร
รักสัตว์นานา เพียง..ปรารถนาให้สัตว์นั้น
ได้มีชีวิตดำรงธำรงนาน
ในท่ามโลกอย่างมีความสุข
อย่างมิให้..
ทุกมนุษย์เบียดเบียนอย่างเพื่อนพึ่งพิงพึ่งพา..
ดวง..
ลงจากรถดายเดียวไปเดินในท่ามดงตาล
ให้สายลมพัดกระโปรงบานอย่างแสนอิสระเสรี
และ..
ด้วยดวงชีวี..
ที่อยากสัมผัสกลิ่นไอชนบท
ไกลแสงสี
มีเพียง..
ดอกหญ้าริมทางบานสล้างไสว...เป็นเพื่อนใจ
มี..
เพียงควายน้อยใหญ่น่ารักนัก
ที่กำลังกินหญ้าอย่าง
แสนมีความสุข ไร้ทุกข์ร้อนใด
ดวงใจ..ดวง...จึงนิ่งงันสงบงาม
ในท่ามทุกภาพฝัน
ที่ถูกบันทึกไว้ด้วยเลนซ์แห่งสำนึกรัก
จากความ..
ตระหนักชัด..*ถึงความจริงแท้แน่นอน*
ว่า...
หัวใจดวงอรชรของดวงนั้น
มักสุขดำดิ่ง
กับสิ่งที่แสนยิ่งใหญ่เสมอมาหากสิ่งนั้นคือความดิบเดิม
ที่มา..
เติมจิตวิญญาณดวงดายเดียวภายในให้เต็มได้..
นานนาที..
ที่ดวงแสนรู้สึกดี
ดีกว่า..
การไปดูชีวีผู้คนในท่ามมนต์ม่านเมืองเรืองรุ่ง
ในกรุงกรง ...
ที่จิตดวงยากจะหลงเวียนวน...ทุรนอยาก..
ไปตามกระแสกิเลสโลก
ที่..
ฝากโศกสร้างหนี้ให้แก่ผู้คนมากมาย
หาก..
มิเพียรรู้ใช้จ่าย อย่างระมัดระวัง
อยากได้เกินพอดี..
มิรู้รักความพอเพียงเพียงพอ
ขอแค่สมถะ..
และ..
มิรู้หักห้ามใจ...
ไปรูดบัตรเครดิต
ที่คิดดอกแพงแสนให้หน้าแห้งหน้าเหี่ยวไปตามๆกัน
ทั้งเมืองสวรรค์...
ที่พลัน..
จะกลายพาจิตราวตกนรก
ก็มิปาน..เมื่อกาลผ่านไป..ไม่ศิวิไลซ์ตามชื่อเมือง..
.............
ดวง...
ปล่อยปลาตัวใหญ่มากหลายสิบตัว
พร้อมกับ
*พระสงฆ์*ให้ศีลให้พรสอนใจ
ให้สร้างบุญบารมี ผ่านปรานีกรุณา
และ...
นาทีที่มากมีค่าก่อเกิดความเอิบอิ่มบุญคือ
นาทีที่..
ดวงเห็นฝูงปลาพากันแหวกว่ายในสายธารธารา
อย่างแสนเริงร่า แสนมีความสุข...
และ...
กลับมา
กับค่ำคืนนี้
ดวงเปิดตู้
ที่
*ดวงเก็บหนังสือทางจิตวิญาณ*
น้อมนำจิตใสใจดวงดีดวงงามของดวง
พร้อมพลี...
สวดมนต์และนั่งสมาธิอย่างยาวนาน..
ในท่ามแสงเทียนทองทอ
ในท่ามม่านละออจรัสแห่งพันธุ์ไม้ไทยนานา
ที่..
ราวพากันพร่างผลิพวงดวงดอกหอมหอมนอบน้อมกิ่ง
นิ่งงันถวาย*ปฎิบัติบูชา*
แด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปด้วยกัน
ให้...
ดวงตาสวรรค์..สิ้นอินทรพรหมยมพญาฟ้าดิน..ได้รับรู้...
ว่า..
ชีพลูกจักอยู่เพื่อสิ่งใด..
ไปตราบจนชั่วกว่าลมหายใจลูกจักขาดรอน...
.....................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song193.html
รังรักในจินตนาการ ทูล ทองใจ
พี่ฝันจะสร้าง รังรัก สักหนึ่งหลัง
ณ ริมฝั่ง เจ้าพระยา อยู่อาศัย
แม้ฝันของพี่ ไม่เกิดมี อันเป็นไป
สองชีวี เราคงได้ ร่วมเสน่หา
รังรักในจินตนาการ
วิ มาน รักอันบรรเจิดจ้า
ริม หน้าต่างปลูกซุ้มลัดดา
ห้องนอนสีฟ้า ติดม่านชมพู
ความ รัก เป็นมนต์ดลใจ
ฝัน ไป พลังใจ ต่อสู้
คอย พี่หน่อยเถิดนะโฉมตรู
มินาน จะรู้ รังรักอยู่แห่งใด
รังรักริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา
สุขตราฝังตรึงซึ้งอยู่ในใจ
แม้ความฝันพี่เป็นจริงได้
พี่จะให้ชื่อว่า รังรักอนุสรณ์
ความ ฝันเป็นจริงวันใด
หัวใจพี่จะบินว่อน คอย พี่ก่อนไม่ช้าบังอร
แม้ใจไม่ร้อน แน่นอนเราได้สุขสันต์