29 มิถุนายน 2549 10:19 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4407.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song389.html
ไฟรัก..พิษรัก
นี่หรือนี่หรือความรัก
มาทายทักแค่ริมใจเพียงในฝัน
ให้หลงรอหลงพ้อเพ้อทุกวัน
แล้วก็ผันแล้วก็พรากจากไปไกล
นี่หรือนี่หรือความรัก
น้ำผึ้งภักดิ์น้ำผึ้งพิษฤาไฉน
มารินรดมาหยาดหวานผลาญพล่าใจ
แล้วดั่งไฟโหมไหม้คล้ายธุลี
นี่หรือนี่หรือความรัก
เจ็บตรมนักเหลือเพียงฝันในวันนี้
ทั้งหยามเหยียดเหยียบย่ำร้าวฤดี
ทั้งทั้งที่รู้ว่าข้าเคยราน
นี่หรือนี่หรือความรัก
พอซึ้งประจักษ์ดั่งไฟผลาญ
ร้อนรนเกินทนทาน
ประหัตประหารทาเกลือเชือดเนื้อใจ
นี่หรือนี่หรือความรัก
เจ็บระทมนักเกินขานไข
ใจเอ๋ยวิ่นทั้งใจ
แผลเก่าใหม่..ยอมรับตรอม..พร้อมใช้กรรม...
...............................
คืนนี้รอบข้างเงียบมาก...
ฉันไม่ได้แหงนมองจันทร์เช่นทุกคืน..
ท้องฟ้าดูเงียบเหงา เทาทึมตั้งแต่เย็นแล้ว
ฉันตาฝาดไปรึเปล่าหนอ..
ที่วันนี้..ดูโลกรอบข้างและท้องฟ้าราวทาบทาด้วยสีน้ำเงิน..
อีกคราครั้ง..ในรอบสิบปี..
เย็นมาก ใกล้ค่ำ ได้ยินเสียงจิ้งหรีดกรีดร้องระงม..
ฉันจุดเทียนอาบน้ำ..
ปล่อยให้สายน้ำจากฝักบัวกระหน่ำหนัก..รินรด..
มืดทั้งบ้าน...ฉันพยายาม...เช็ดผมให้แห้ง...
ทั้งๆที่มือและใจทำไมอ่อนแรงไร้พลัง...
ทรุดตัวลงนั่งนิ่งๆ ทิ้งใจและตัวในความความมืดมิด..ดิ่งจม..ในห้องนอน
ริมหน้าต่าง มีใบจำปีซัดส่าย ไหวไกวกล่อมเป็นเพื่อน...
ในภวังค์ ฉันง่วงงุน...งีบหลับไป..
ฉันฝันร้าย น่ากลัว..
ฝันว่าตัวเอง วิ่งหนีอีกแล้ว วิ่ง..วิ่ง..วิ่ง..หนีจากผู้ชายคนเดิม..
ที่เคยฝันเห็นหลายครา.....
ฝันนี้..ฉันไม่โชคดีเหมือนคราวก่อน..
เขาไม่ได้ปรานี..ปล่อยฉันไป..
แต่..
กลับจ้วงแทงตรงกลางใจฉัน..หนักหน่วง..รุนแรง..อย่างสาสะใจ..!
ในฝัน..ฉันมิได้กรีดร้อง..
เพียง..แค่..
แหงนเงยมองเขาด้วยสายตาที่เป็นคำถามและหยาดน้ำตา.. !.
......................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song389.html
ไฟรัก
ความ รัก เปรียบเหมือนดั่งไฟ
ถ้าแม้ว่าใคร เผลอเป็นไหม้ทุกที
ร้อน รน ทนเศร้าฤดี
โอ้ไฟรักนี้ เผาชีวีระทม
นี่ หรือ นี่หรือความรัก
พอฉันประจักษ์ หนักจนร้อนชีวี
รัก เอย ไม่เคยปราณี
ช้ำจนเหลือที่ แทบชีวีวาย
นี่ หรือ นี่หรือความรัก
พอฉันประจักษ์ แบกความรักเจียนตาย
ผลาญ ใจ แทบไหม้มลาย
รักเดียวมาหน่าย พ่ายเกมชีวี
ความ รัก เปรียบเหมือนดั่งไฟ
ถ้าแม้ว่าใคร เผลอเป็นไหม้ทุกที
ร้อน รน ทนเศร้าฤดี
โอ้ไฟรักนี้ เผาชีวีระทม
นี่ หรือ นี่หรือความรัก
พอฉันประจักษ์ หนักจนร้าวอารมณ์
รัก เอย ก่อนเคยชื่นชม
ช้ำใจเหลือข่ม แทบตรมใจตาย
ความ รัก เปรียบเหมือนดั่งไฟ
ถ้าแม้ว่าใคร เผลอเป็นไหม้ทุกที
ร้อน รน ทนเศร้าฤดี
โอ้ไฟรักนี้ เผาชีวีระทม
นี่ หรือ นี่หรือความรัก
พอฉันประจักษ์ หนักจนร้าวอารมณ์
รัก เอย ก่อนเคยชื่นชม
ช้ำใจเหลือข่ม แทบตรมใจตาย...
..............
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4407.html
พิษรัก ...ฮอทเปเปอร์
อยากจะถอนพิษที่คั่งฝังใจ
พิษรักที่คุณฝากไว้
ช่างแสนร้ายกาจ
ถึงเป็นไข้ กินยาก็ยังหายขาด
แต่พิศวาสตัดไม่ขาดอนาจใจ
ไม่ควรริรักที่เกิดระทม
พิษรักนี่มันขื่นขม
ตรอมตรมหมองไหม้
เหมือนในอก
หมกเพลิงราวภูเขาไฟ
ตัดรอนถอนพิษไม่หาย
ก็เปรียบดังตายไปแล้วทั้งเป็น
อยู่ตรงไหน
เปรียบเหมือนอยู่ในป่าช้า
อยู่กลางแสงจ้า
เหมือนคนในตาไม่เห็น
เบิ่งตาลอย คอยรักทั้งเช้าทั้งเย็น
พิษรักมันบีบมันเค้น
ไม่เป็นอันกินอันนอน
อยากจะถอนพิษที่คั่งฝังทรวง
พิษรักที่คุณหลอกลวง
ทำฉันร้าวรอน
ฝังในเลือด
เชือดกายต้องตายแน่นอน
โอ้ความรักทำเดือดร้อน
ถ้ารู้มาก่อนไม่ริรักเลย
อยู่ตรงไหน
เปรียบเหมือนอยู่ในป่าช้า
อยู่กลางแสงจ้า
เหมือนคนในตาไม่เห็น
เบิ่งตาลอย คอยรักทั้งเช้าทั้งเย็น
พิษรักมันบีบมันเค้น
ไม่เป็นอันกินอันนอน
อยากจะถอนพิษที่คั่งฝังทรวง
พิษรักที่คุณหลอกลวง
ทำฉันร้าวรอน
ฝังในเลือด
เชือดกายต้องตายแน่นอน
โอ้ความรักทำเดือดร้อน
ถ้ารู้มาก่อนไม่ริรักเลย...
28 มิถุนายน 2549 21:01 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song222.html
(ฉันรักเธอเสมอ)
ฝนเทสายลงมาราวฟ้ารั่ว
ดั่งม่านหมอกสลัวเลือนลางกลางใจขวัญ
น้ำตาเอ๋ยไยพร่างเฉยอย่างเงียบงัน
โลกโศกศัลย์เกินกล่าวบอกเล่าใคร
นันย์ตาพร่ามองเห็นโลกโศกสิ้นสุข
มากล้นทุกข์ในดวงใจแสนหวั่นไหว
เมื่อที่รักมาเจ็บร้าวหนาวเหน็บใจ
อ้อมกอดใดไหนเทียมเท่าเฝ้าเพียงภักดิ์
ควะคว้างดั่งอยู่ปลายโลกร้างนาทีนี้
รอสายนทีรี่ไหลเย็นเป็นนิรันดร์รัก
จุดเทียนทองอธิษฐานพระพุทธพักตร์
จงประจักษ์จิตเราสองปองทำดี
สวดมนต์สมาธิพลีน้ำตาให้ฟ้าดินจงรับรู้
เมตตาเราทั้งคู่เคียงกันในชาตินี้
เป็นคู่ทองครองกุศลธรรมงามชีวี
จงปรานีคืนดวงใจลูกมาเถอะฟ้าดิน....
.....................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3056.html
(ตราบใด)
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song222.html
(ฉันรักเธอเสมอ)
*****************
ฟ้าโพล้เพล้ สนธยาใกล้ลาลับ
ทั่วนภางค์พร่างรัศมีสีส้มเจือชมพู
ใกล้ค่ำแล้ว...
ไพลนอนสยายผมในวิมานดินบนเตียงโบราณ
จุดเทียนงามอ่านหนังสือ*โรดันเต้รำลึก*
ในลึกซึ้งแสนคิดถึงสงสารพระเอกที่เป็นหมอ
ที่ยอมตายแทนลูกชายสุดที่รัก
และยิ่งเศร้าล้ำนัก
เมื่ออ่านแกล้มกลิ่นหอมเศร้าของเจ้าดวงดอกการะเวก
เต็มตะกร้าที่เพิ่งเด็ดมาให้หอมอวลให้ห้องหับโบราณ
ด้วยม่านมุ้งสีขาว
หมู่นกกา ร้องระงม ราวฝันไป
ว่าอยู่ในกระท่อมไพรริมทะเลสาบสีเงิน
พระพิรุณโปรยสายพรายพลิ้ว
ได้ยินเสียงดนตรีแก้วดนตรีฝนดนตรีฝัน
ช่างพริ้งพราวหนาวใจเป็นยิ่งนัก
เสียงหยาดฝนสัมผัสเผาะ เผาะ
จับหลังคาบ้านวิมานดิน วิมานใบไม้
ยอดไม้ใบหญ้า ..ระรินๆ
รอเวลารับขวัญจันทร์เสี้ยว ดวงเดียวดวงเดิม ดายเดียว
ที่กำลังค่อยๆเริ่มเลี้ยวลดปรากฎออกมาจากขอบฟ้า
ค่อยๆเผยเสี้ยวหน้าเกลียวทองมาผ่องผุดหยุดคลี่ยิ้มหวานๆ
ราวรอรับเราไปเที่ยวกับเรือจันทร์เสี้ยวสีทอง
ลอยล่องไปในกลางทะเลเมฆสู่ความวิเวก
สู่แดนหิมพานต์วิมานแมนวิมานเมือง
หอมกลิ่นกรุ่นของลั่นทม..
ผสานผสมมากับสายลมเย็นในยามค่ำ
เจ้าทิ้งเศร้าร้าวราโรยหล่นเกลื่อนพื้น..ให้หอมเต็มตื้นใจ
จำปี..สลัดกลีบเรียวยาวใบเหลือง ราวไร้ไยดี..
มิจำเดือนมิจำปีที่ผันผ่าน
แก้วตระการบานชู่ชอสะพรั่ง
ราวหวังรอ..ใครกันนะ..มาดอมดมพรมจูบ
ให้กลับมาเป็นแก้วตาขวัญใจ
ในยามนี้ที่เงียบงาม..อย่างเหลือเกิน..
ใบพลูด่างยักษ์เหมือนในป่าใหญ่ไพรกว้างโตรกธารรก
ป่าอเมซอนอ้อนอ้อยสร้อยพันร้อยรัดต้นมะม่วง
แผ่ยวงใบราวพัดลายพรายพร้อย
เขียวแซมสร้อยเหลืองพรายสลับลายสลับสี
เห็นกล้วยกอใหญ่ห้อยหวีไหว
หอมกลิ่นใบตองนวลนวล
อวลอบตระลบมากับสายลมเย็นในยามค่ำ
ทั้งกล้วยเล็บมือนางและกล้วยน้ำว้า
คงมิต้องรอท่านานจะได้กินหวานๆธรรมชาติๆ
หลายวันก่อน
เพิ่งปีนไปตัดใบตองอรชรออกมากองใหญ่เพราะแน่นไป
จนมิอาจเห็นแดดละออทอทอดสอดแสงผสานผสม
ให้เกิดงามระยิบ
ระยับรับนวลเรียวเขียวไพลเขียวพร่างกระจ่างจิตกระจ่างใจ
ในยามอรุณรุ่งกับแสงสีรุ้งระยับทองพร่าง
คิดๆไปกล้วยก็สอนใจให้กระจ่าง
ราวธรรมชาติใจธรรมดาใบตอง
ของต้นกล้วยกำลังบอกใบ้ให้ใช้ชีวิตไปวันๆแบบกล้วยๆ
ให้คิดถึงคำม้วยมรณา ไม่ช้านานทุกท่านทุกคนทุกดวงใจ
อย่ารีบใส่ความเครียดเกลียดโกรธโลภหลงพะวงหาใครๆ
ที่ไม่รักเราที่หัวใจใครหัวใจเขาคงมิได้มาแบบกล้วยๆ
ใกล้ค่ำแสนดี ......ที่แสนสุขใจ
เปิดเพลง บรรเลง.......ไพเราะ..คลอ ยามค่ำ*ตราบใด.*
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3056.html
ตราบใด
ตราบใดเธอแหละฉันยังมี
หัวใจเดียวกัน
จะไม่ลืมสัญญา ฮื้ม
จะไม่มีอะไรมาเปลี่ยน รักเราจนกว่า
ดวงตะวันทอแสงสุดท้าย
ตราบใดบนฟากฟ้ายังมี
แสงดาวพร่างพราย
จะไม่ลืมสายตาซึ้งใจ
จะมั่นคงในความรู้สึกที่เธอมีให้
ขอให้ฟ้าและดาวช่วยเป็นพยาน
ตราบใดฟ้า
ยังมีแสงดาวข้างเคียงคู่ใจ
นานสักเพียงไหนไม่เคยห่างกัน
ดั่งความรัก
ที่เราสองคนรวมใจผูกพันธ์
เราจะมีกันไม่เคยห่างไกล
เราสองสัญญา จะอยู่เคียงนิรันดร์
จดจำแม้วันสุดท้าย
ตราบใดเธอแหละฉันยังมี
หัวใจเดียวกัน
จะให้เธอพักพิงด้วยใจ
หลับตาลงยังคงรู้สึกว่าเธออยู่ใกล้
เหมือนว่าฉันอิงกายข้างเธอนิรันดร์
ตราบใดฟ้า
ยังมีแสงดาวข้างเคียงคู่ใจ
นานสักเพียงไหนไม่เคยห่างกัน
ดั่งความรัก
ที่เราสองคนรวมใจผูกพันธ์
เราจะมีกันแม้วันสุดท้าย
ตราบใดฟ้า
ยังมีแสงดาวข้างเคียงคู่ใจ
นานสักเพียงไหนไม่เคยห่างกัน
ดั่งความรัก
ที่เราสองคนรวมใจผูกพันธ์
เราจะมีกันแม้วันสุดท้าย
ตราบใดฟ้า
ยังมีแสงดาวข้างเคียงคู่ใจ
นานสักเพียงไหนไม่เคยห่างกัน
ดั่งความรัก
ที่เราสองคนรวมใจผูกพันธ์
เราจะมีกันแม้วันสุดท้าย
แม้วันสุดท้าย...
**************
ตอกสลักตรึงดอกดวงใจ
ให้จิตภายในไร้ผู้ใดก้าวมาล้วงล้ำก้ำเกิน
เพียงพาใจเพลินเสียงเพลงหวานเศร้า
ให้ดำดิ่งลึกล้ำ
หลับตาแล้วใช้จิตพาตัวเองไปนอนริมหาดทราย
ให้ร่างมลังเมลืองรับสายแสงสีทอง
ยามตะวันตกต้องผืนน้ำ..แผ่นฟ้ามหาสมุทร
และส่งสายใจสายใยรัก
ไปหยุดที่..เวิ้งฝันในจินตนาการ
ที่งามพราวราววิมานทอดสถิต
เป็นงามว่างงามจิตกระจ่างไปตราบชั่วนิจนิรันดร
****************************
มหัศจรรย์แห่งรักสิบห้าปีที่รอคอย
ผมกำลังขับรถ กลับกระท่อมน้อย ในไพรกว้าง
ที่ไร้ร่างรักของผู้ใดรอคอย...
นอกจากเจ้าสุนัขน้อยนามลิเดย์ เพื่อนผู้รู้ใจมานานปี..
เพลงรัก กำลังครวญคร่ำ POWER OF LOVE
ที่เต็มไปด้วยพลังรัก พลังฝัน หวานหวังสร้างพลังใจ
ผมตัดสินใจ เปลี่ยนเส้นทาง อย่างกะทันหัน
เลี้ยวซ้าย ลงสู่เส้นทางเลียบทะเลสาบสีเงิน
สนธยาทายทักลมร้อน รอนแสงแดดอ่อนอุ่น กับไรฟ้าขลิบทอง
หางนกยูงกำลังรำฟ้อนอ้อนแสงสุดท้าย ยามสายันณ์ตะวันรอน
ผมเปลี่ยนเพลงใหม่
ในไหวหวามของหัวใจ
ในไหวงามของธรรมชาติ
ให้ปลอบประโลมใจที่กำลังครวญคร่ำ..ร่ำไห้ มิอายฟ้าดิน ลำพัง
เสียงคุณ คนดีที่ผมแสนรัก เศร้าซึ้งสะเทือนใจ
กับบทเพลงนี้ ที่คุณฝากมาให้ผมฟัง
ในยามที่เราสิ้นหวังจะได้พบพาน ในวันพรากจาก
ยอดรัก..
จงมองที่ขอบฟ้า..
โอบโอบโค้งลงมา นั่นคืออ้อมกอดจากฉัน
ยามเมื่อเราไกลกัน ใจฉันดังอยู่เคลียเคล้า...
ยอดรัก...
สายลมอ่อนละมุน
นั่นคือสามลมอุ่น
ฉันพรมและจูบลูบไล้
เธอรู้บ้างหรือไม่
รักใครไม่เทียบเทียมฉัน.
คืนวันจะผันเปลี่ยนไป..
แต่ใจฉันไม่อาจเปลี่ยนเวียนผัน
ซื่อตรงคงรักนิรันดร์..
หากลืมฉัน ฉันคงต้องกลั้นใจตาย..
ยอดรัก..
การจากทั้งผูกพัน
ย่อมจะคิดถึงกัน เร่งวันคืนกลับเคียงกาย..(ฮัมๆๆๆ)
ยังรักเธอไม่หน่าย วันตาย นั่นแหละวันลืม......
...............................
น้ำตาผมร่วงริน..น้ำตาลูกผู้ชายคนนี้
ที่ยินดีหลั่งรินไห้ ผู้หญิงในสายถวิลในดวงใจ..
ใช่เลย..กับวันนี้..
กับสิบห้าปีที่รอคอย..กับเสียงกระซิบสั่ง
ถึงความหลัง จากโพ้นฟ้าไกล..
ในวันเกิดนี้ที่คุณขอให้ผมโชคดี มีความสุข
เสมอมา ยาวนาน..มิเลือนลืม..
ผม..เก็บน้ำคำ เก็บน้ำใจ
ที่อยากฝากหวังฝากใจ
ไว้ในหัวอกหัวใจลูกผู้ชายอกสามศอกนี้
มิอยากให้คนดี ช้ำตรม
ผมเก็บแม้กระทั่งผ้าห่ม ผืนเก่าเนานาน
ที่คุณเคยส่งมาให้ยามผมนอนหนาวดายเดียว
ในไพรกว้างอย่างผู้พิทักษ์ไพร
ทุกคืนค่ำ ผมกลายเป็นหนุ่มน้อยผู้หลงทาง
อ้างว้างใจยามสิ้นไร้คุณ
จนต้องอาศัยผ้าห่มผืนนุ่ม
แทนนุ่มเนียนเนื้อที่เฝ้าฝันใฝ่หา ในทุกราตรี
คุณ..คือผู้หญิงคนพิเศษเสมอมา .....
ในดวงตา ดวงใจลูกผู้ชายดิบเดิมคนนี้
ที่หนักแน่นมั่นคงดั่งแผ่นผา
ที่ต้องใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตทำงานติดดินถวิลไพร...
ใช่เลย ..ผมกำลังร้องไห้
กับดวงใจเราสองที่พิสุทธิ์ใส
ที่ไม่เคยมีใครเข้าใจและล่วงรู้
กับมหัศจรรย์แห่งรักนี้ที่แสนหอมหวาน
ในใจมานานเนิ่น และจะเป็นมหัศจรรย์รักชั่วนิจนิรันดร...
ในความรักนั้น..
อย่าได้พิพากษาใคร หากหัวใจคุณมิเคยพบกับคำๆนี้
คำแสนดี แสนยิ่งใหญ่ แสนเสียสละ รู้คุณค่า รู้หน้าที่
รักอย่างมีเหตุผล รู้ดีชอบ
ที่มนุษย์ผู้ที่มีใจละเอียดอ่อนเพียงนั้น
พึงได้มาครอบครองเป็นเจ้าของ
มิสร้างรอยร้าว คิดร้ายมุ่งทำลาย
ให้หัวใจดวงบอบบางบอบช้ำ ซ้ำเติมใจกันและกัน
..........
เกลียวคลื่น กำลังครวญคร่ำ ทะเลกำลังร่ำไห้
กับนวลแพรดาวกับพราวน้ำตาเทียนวะวับวาวกลางกระท่อมไพร
และผมกำลังซบหน้ากับฝ่ามือสะอื้น
อย่างไม่อาย
อย่างลูกผู้ชายที่รักเป็นที่ร้องไห้เป็นในรอบสิบห้าปีที่รอคอย...
.......................
ขุมปัญญาในอณูของดอกไม้
เป็นมนต์ร่ายระบำรอผีเสื้อ
ขุมปัญญาที่ธรรมชาติโอบเอื้อเฟื้อ
คือเหลือเชื่อมหัศจรรย์รักผลักดันมา..
โลกหมุนไปมีธรรมชาติมีทุกสิ่ง
จักรวาลมีสิ่งลี้ลับให้ค้นหา
ไยดวงจันทร์ถึงโคจรรอบโลกทุกวันมา
ไยมนุษย์ต้องเหว่ว้าอาวรณ์ออดอ้อนใจ
เพราะคือมหัศจรรย์รักในโลกนี้
ให้มีดีมีร้ายหรือไฉน
ให้เผ่าพันธุ์มนุษย์สืบทอดไป
เป็นบ่วงใจบ่วงกรรมย้ำโลกเรา
ตัดบ่วงใจตัดเยื่อใยสิ้นสวาท
หมดสิ้นชาติหมดสิ้นกรรมใจเลิกเขลา
ไม่หมุนวนหมุนเวียนใช้กรรมเก่า
ให้ใจเราว่างว่างวางเฉย..เลิกรักใคร!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song222.html
ฉันรักเธอเสมอ ทิพย์วรรณ ปิ่นภิบาล
หากตราบใด สายนที ยังรี่ไหล
สู่มหา ชลาลัย กระแสสินธุ์
เกลียวคลื่นยัง กระทบฝั่ง เป็นอาจินต์
เป็นนิจสิน ตราบนั้น ฉันรักเธอ
เช่นตะวัน นั้นยังคง ตรงต่อเวลา
แน่นอนนัก รักท้องฟ้า สม่ำเสมอ
เช่นกับฉัน มั่นคง ตรงต่อเธอ
ฉันรักเธอเสมอ ฉันรักเธอเสมอ
ชั่วนิจนิรันดร์
เช่นตะวัน นั้นยังคง ตรงต่อเวลา
แน่นอนนัก รักท้องฟ้า สม่ำเสมอ
เช่นกับฉัน มั่นคง ตรงต่อเธอ
ฉันรักเธอเสมอ ฉันรักเธอเสมอ
ชั่วนิจนิรันดร์...
27 มิถุนายน 2549 01:02 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song387.html
(ไม่อยากให้โลกนี้มีความรัก)
เสียงกระซิบของดวงดอกไม้
ดึกดื่นคืนนี้ดอกไม้หวานบานรับฝน
ท่ามลมบนพัดหวนทวนรอยหวาน
ดอกรักร้อยสร้อยเสน่หาผลิกลีบบาน
ผ่านกัปป์กาลเวลามาเนานัก..
*จำปี*ปิติพลีกระซิบกับ*ดอกโมก*
เจ้าของสวนโศกแย้มยิ้มมาทายทัก
นานเท่าไร*ผกาแก้ว*พ้อ*กอดอกรัก*
*กุหลาบ*ภักดิ์จึงผลิบานตระการใจ...
*มหาหงส์*คงศักดิ์ยิ่งชีวิต
ไม่อยากชิดดั่งดอกไม้ริมทางแม้นหวามไหว
กลัว*สายหยุด* มิหยุดหอมเสน่หากลางดวงใจ
ให้หวั่นไหวไม่สราญดั่ง*บานบุรี..*
*กล้วยไม้ไพร*ไหวพรายร่ายมนต์รับ
ใช่..ติดกับพันธนารู้หลีกลี้
ใช่ไหมแม่*ดอกพะยอม*หอมทั้งปี
รักศักดิ์ศรีดั่ง*พุทธรักษา*วอนฟ้ารู้
หาก*ดอกวาสนา*เกิดมาใช่คู่ทาษ
พิสวาทไม่ร้างราชาติหน้าคู่
ถึงพระพรหมกั้นสวรรค์เมินมิเอ็นดู
ยอมระทมอยู่คู่*ลั่นทม*ตรมเพียงใด..
แล้ว..
เหตุใดไยคืนนี้คนดีจึงยิ้มหวาน
ยอมรับรานได้แล้วฤาไฉน
ดวงดอกไม้รายรอบวิมานไพรไม่เข้าใจ
ด้วยเหตุใดจึงเลิกเศร้าหนาวกมล
ราวรับรู้เสียงกระซิบห่วงปวงดอกไม้
เธอยิ้มพรายท่ามละอองดวงดอกฝน
ดอกไม้ใดไหนเล่าจักหวานเท่าดอกกมล
รู้อดทนรู้ภักดิ์รู้รักแท้....!
............................
ใครบางคน...
ที่แสนรักและห่วงใย ห่วงใจนางเอกของพุดพัดชา
แสนปรารถนาดี อย่างมิ่งมิตรที่เข้าใจถึงจิตวิญญาณ
ได้..
พลีภักดิ์กระซิบเตือนให้พุดพัดชา
เลิกมีเศร้าหมองครองเรือนใจเสียที
ด้วย..
อาจจะเห็นงานพุดแทบทุกเรื่องราวนับร้อยพันนี้
มีเพียงฉากจบที่แสน โศกเศร้าหนาวเหน็บสะเทือนใจ
มีเพียงใจดวงดายเดียวเปลี่ยวเหงา เหว่ว้า
ราวกับหลงรอท่าใครสักคนแบบรักไม่รู้จบ
มิมีวันได้พบกับความสุขนิรันดร์
เขาคนนั้น บอกพุดพัดชาว่า
ควรรจนาให้นางเอกลืมลาลืมเลือนเรื่องราวในอดีต
ที่อาจกรีดใจนางเอกจนเป็นแผลวิ่นมิสิ้นรอยจำในรอยใจ
เป็นแผลเก่าที่ยากหายาใดมาเยียวยาประสานให้เหมือนเดิม
นอกจากเพียงอย่าเพิ่มรอยช้ำให้ซ้ำรอย
และ..อย่าหันไปดูรอยแผล แล้วเศร้าสร้อยโศกา
จนลืมไปว่า ทุกลีลาชีวีชีวิตคนเรานั่น มันมิได้ขึ้นอยู่กับอดีต
หากคือลมหายใจปัจจุบัน กับวันเวลานาทีที่แสนดีแสนงามในชีวิต
ความฝังใจ ความกลัว ราวตกอยู่ในม่านหมอกสลัว
ช่างดูยิ่งทำให้หลงทางแสนอ้างว้างใจ
เสมือนเสมอ
เด็กน้อยผู้มีใจดวงพิสุทธิ์ใสหลงอยู่ในไพรพนา
เพียงลำพัง เหว่ว้า
สิ้นหวัง กลัวภัยภยันตราย
จากสิงห์สาราสัตว์สารพัด..ที่คอยขย้ำกัด....ให้ร่างใจฉีกขาด ไม่มีชิ้นดี
อย่างมิเคยมีความปรานีเมตตา
ดั่งพรานไพรที่เชือดฆ่ามฤคา
เพื่อหวังเพียงเลือดเนื้อบริสุทธิ์ใสไปประทังชีวิต
เป็น..
กฎอันคือ..
ความเป็นธรรมดาธรรมชาติชีวิตแห่งความอยู่รอดปลอดภัย
ดั่งลิขิตแห่งวงใจวงกรรม อันแสนหมุนวน
ให้ทุกสรรพสัตว์ต้องทนเวียนวนเวียนว่ายมาชดใช้กรรม
ตราบจนกว่า..
จะสิ้นสร้อยโซ่พันธนา
อันคือ...
ต้องใช้ยอดพระรัตนตรัยน้ำอมฤตธรรม อันแสนใสฉ่ำเย็น
มาดับเข็ญขุกมาดับทุกข์ร้อนในดวงใจทั้งเราเขา*เพื่อนมนุษย์*
ให้รู้ผ่อนเพลามิหลงเขลา หลงเบียดเบียนทำร้ายซึ่งกันและกัน
ให้ปรากฏวงกรรม ดั่งกงเกวียนเวียนมามิสิ้น
เพียงทุกเพื่อนมนุษย์รู้อภัยมีเมตตาธรรม
มีสายน้ำใจงามล้ำมารินร่ำดั่งธารธาราใสให้ใจแสนสุขเกษม
เปรมปรีย์ ไปทั่วหน้าอย่างไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
ดั่งเพื่อนผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
นั่นแล้วถึงจะสิ้นกรรม ทั้งเขาเรา
นาทีที่เราโชคดี
พบรักอันคือรักเหนือรักอันคือภักดี
พลีพร้อมให้อย่างไร้ร้องขอ อย่างมิท้อแท้
ที่...
จักเพียงขอแค่เคียงไหล่
พร้อมเป็นพลังใจ กำลังใจ ให้ก้าวไปสู่*ความฝันอันสูงสุด*
ให้สมค่ากับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในฟ้าพุทธชมพูทวีป
ได้พบพระพุทธศาสนา..พระมหากษัตริย์ไท
ผืนแผ่นดินทอง แผ่นดินธรรม แผ่นดินไท
อันแสนยิ่งใหญ่ แสนอุดม
ให้เราทุกคน ผู้ร่วมแผ่นดินเดียวกัน
ได้ปันพลีลมหายใจอย่างไม่เสียชาติเกิด
ได้สร้างดวงชีวาชีวีให้มีค่าคน
สมคำว่า*ประเสริฐแสนประเสริฐแสนโชคดี*
ที่เรานี้ได้มาพานพบกัน
คนดี....
ขอพลีอธิษฐานจิต
ตั้งทิพยนิรมิตใหม่ หากใครยังมีใจดวงหมองไหม้
ให้ได้มีใจดวงทอง
ที่ผ่องพรายเกษมเอมอิ่มด้วยบุญ
ให้ลบลาเลือนรอยกรรม
ที่ตามย้ำหลอกหลอนให้แปรกลาย...หายวับไป
ในดวงใจมีเพียงความพร่างสว่างไสว
ใสดั่งมีอัญมณีจิต
ที่แพรวพราย..ฉายฉายโชติช่วง ชัชวาลย์
ปานประหนึ่งเพชรรุ้ง..นะทุกคนดี ในดวงใจ
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song387.html
ไม่อยากให้โลกนี้มีความรัก...ศรีไสล สุชาติวุฒิ
อัน แสงสูรย์ ส่องสว่าง แต่กลางวัน
อัน แสงจันทร์ ส่องประจำ ยามราตรี
อัน ความรัก ร้อนเร่า เผา ฤดี
ส่อง ชีวี ทุกโมงยาม ประจำใจ
มีรักแล้ว ไม่คลาดแคล้ว ต้องตรมฤทัย
เหมือน แบกโลก ทั้งโลกไว้ ให้โศกหนัก
ไม่อยากให้ โลกนี้ มีความรัก
แต่ฉัน สมัคร แบกรักไว้ ไม่หนักเลย
มีรักแล้ว ไม่คลาดแคล้ว ต้องตรมฤทัย
เหมือน แบกโลก ทั้งโลกไว้ ให้โศกหนัก
ไม่อยากให้ โลกนี้ มีความรัก
แต่ฉัน สมัคร แบกรักไว้ ไม่หนักเลย...
26 มิถุนายน 2549 21:05 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4689.html
ร้อยบุปผา
บรรจงใจร้อยมาลัยกลอนอย่างอ่อนหวาน
ศรัทธาธารแทนด้ายรักอักษรขวัญ
คารวะบรมครูกวีศรีชาติดั่งตะวัน
คุณอนันต์ต่อฝันไทยใจทุกดวง..
ดั่งสร้อยเพชรนามบทกลอนงามอ่อนไหว
ดั่งสร้อยใจมิ่งมงคลงามใหญ่หลวง
ดั่งสร้อยรักภักดิ์ภาษางามเรียงรวง
ดั่งดาวดวงจรัสแสงจากแรงใจ..
พลีดอกไม้ฟ้าบูชากวีแก้ว
งามเพริศแพร้วพิลาสล้ำคำไหนไหน
สุภาษิตสอนหญิงมิ่งกมลงามดวงใจ
อันหวานใดไม่เทียบเท่าเจ้าจอมภักดิ์
พุดเพียงหิ่งห้อยน้อยแสงแฝงเรือนไม้
ใช่ดาวพรายฉายแสงหรูอยู่ด้วยรัก
เป็นนักฝันรักคำงามตามพ้อภักดิ์
ดวงใจรักหอมละมุนกรุ่นกลิ่นไพร
เป็นนักกลอนอ่อนไหวใจอ่อนหวาน
กลอนชาวบ้านสาวชาวนาพิสุทธิ์ใส
กลอนธรรมดากลอนตลาดหญิงชาวไพร
ฝากหอมใจฝากหอมงามตามเห่กล่อม.
จุดเทียนทองส่องบูชานาทีนี้
กราบบรมกวีแก้วกลางใจพร่างพรมหอม
หวังกมลพุดคนดีที่ตรมตรอม
ปลูกพะยอมงามกลางใจ..ไทยทุกดวง..
กวีแก้ว รจนาโดย*อนาคตว่าที่นายแพทย์*หมึกมรกต*
ประกายเกล็ดเพชรรัตน์จำรัสเลิศ
งามชูเชิดโชติชื่อบรรลือสยาม
ศักดิ์ไทยเพิ่มเสริมยศปรากฏตาม
เหมือนสูรย์ยามเยือนส่องอัมพร
เริงระบำรำเต้นเล่นทีท่า
เป็นลีลาเอกลักษณ์เอกอักษร
เหมือนเกิดแก้วแพ้วพร่างกลางนคร
เสริมสุนทรวรรณกรรมให้กำจาย
เมื่อกล่าวเกริ่นกาพย์กลอนสุนทรถ้อย
เป็นรุ้งร้อยรอยงานประมาณหมาย
คำแปดคำเรียงคำจำเรียงราย
งามเฉิดฉายยงอยู่คู่ขวัญกัลป์
หวนสะท้อนให้สะท้านธารความคิด
ปลุกชีวิตด้วยคุณค่าภาษาสวรรค์
คำกวีไหววิเวกเศกวงวรรณ
เพื่อรังสรรค์วรรณศิลป์ถิ่นแหลมทอง
ทุกคำคมคมคำยังย้ำผ่าน
ทุกผลงานบทกวีไม่มีสอง
นามท่านภู่พริ้งสะพรั่งยังเรืองรอง
ยังคงครองความวิจิตรนิจนิรันดร์
.................
กับจันทร์เสี้ยวดวงเศร้า
นะนาทีนี้
พุดจะออกไปจุดเทียนทอง
ให้ส่องสว่างกระจ่างใจ
พร่างไสวหวาม
ใต้แก้วต้นงาม
ที่กำลังพร่างดวงดอกนวลพราวหอมๆนะคะ
เป็นดั่งพลีคารวะด้วยศรัทธารัก
ในบรมกวีแก้วของเราค่ะ
ด้วยคารวะด้วยสำนึกในความเป็นไทย
ด้วยใจแสนรักสร้อยอักษราภาษาไทยค่ะ
มาสิคะ
มารวมดวงใจภักดิ์พลีพร้อมกันนะคะ
ทุกดวงใจในร่มรักเรือนไทยเรือนใจ
เรือนสามัคคี.มานาน..วัน
และจะเป็นดั่งนิรันดร์รักนิรันดร์ขวัญ..ฝัน
นิรันดร์จำ..ฝังใจจำค่ะชั่วนิจนิรันดรเลยค่ะ
ด้วยรักล้นใจ..
ในทุกอณูหอมงามแห่งความทรงจำแสนดี
และนะนาทีนี้
มองจากกระจกบานกว้างตรงหน้าพุด..
แสงเทียนทองกำลังพร่างพราย
สายแสงงาม...
วะวูบไหววะวับวาวเคล้าดวงดงดอกแก้วนวลนวลพราวค่ะ
และ
ในท่ามกลางดวงดงดอกไม้ไทยหอมๆ
รายรอบบ้านที่ราวกำลังค่อยค่อยคลี่กลีบ
บานหวานน้อมคารวะ..กวีแก้ว..
แห่งดวงใจไทยทุกดวง..
*ท่านบรมครูสุนทรภู่ครูกวีแก้วแห่งเราค่ะ*
................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4689.html
ร้อยบุปผา
ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก
ร้อยสำนัก ประชันแข่งใจ
มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน
ร้อยดอกงาม เด่นตระการ
แย้มบานในดวง ใจ
ชู่ ช่อ ธรรม สง่า งาม ในนาม ศิลปิน
มาสร้าง งาน ศิลป์ ชุบชีวิน มนุษย์ชาติ
สะอาดสดสวย ด้วยบทเพลง แห่งสวรรค์
ให้มาลัย ฝากรัก มอบใจภักดิ์ ร่วมกัน
จุดไฟ ความฝัน พร่างพลัน ประกาย เพลิง
มาเถิด พี่น้อง ร่วม ร้อง เพลงเพื่อ
กลั่นจาก เลือด เนื้อ หยาดเหงื่อ เร่าร้อน
เราจะเร่ง แนวรบ ไม่สยบ อ้อนวอน
เริงระบำ รำฟ้อน ร้อยกรอง กวี กานต์
มาร่วม ใจรัก พร้อม พรักพลีชีวาตม์
ผงาด อาจ หาญ สร้างตำนานตระการฟ้า
แต่งเติม โลกศิลป์ ให้ผ่องพิณ โสภา
ด้วยวิญ ญานท้า ทรนงเทิดคง ธรรม
ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก
ร้อยสำนักประชันแข่งใจ
มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน
ร้อยดอกงาม เด่นตระการ
แย้มบานในดวง ใจ
ชู่ ช่อ ธรรม สง่างาม ในนาม ศิลปิน
25 มิถุนายน 2549 09:06 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1873.html
โลกแห่งความฝัน
ในราตรี..มืดหม่น
ฤดี..นอนซุกตัวในเตียงโบราณ
ฟัง...
เสียงพายุฝนนอกหน้าต่างกำลังขับขานบทเพลงฝัน....
ในท่ามราตรี...
ที่ไร้สิ้นแสงจันทร์แลแสงดาวรำไรรำไร
มีเพียงบทเพลงฝน..หล่น..กราว..กราว
ให้หนาวใจ....
พร้อมเสียง..พราวพร่างเริงร่ายระบำ
ของมวลดวงดอกไม้ใบรับละออละอองหยาดฝนพรำ
เสียง..ที่กมลนวลนวลของฤดีรักที่จะฟัง
ทุกลีลาปีศาจวสันต์มาเยี่ยมกราย..มาทายทัก..
จน..
นับนึกไม่ถ้วนว่ากี่วันเดือนปีเข้าไปแล้ว
ดวงดอกแก้วผลิช่อดอกในปุ่มปมเขียวไพล
เขียวใบตองอ่อนยังระบัดโบกพัดโยกไกวสะบัดสะบิ้ง
ราวสไบนางฟ้าไปตามแรงลม..
การะเวกยังให้หอมห่มใจละไมละมุน
กรุ่นกลิ่นอวลตรลบมา
จำปี..ยังบานทายท้าสายลมแรงแสงแดดกล้า
ท้าให้คนอยากดอมดม..ดมดมหอมหอม..หวาน
พุดซ้อนอรชร
ยังค่อยค่อยคลี่กลีบเผยอแย้มบาน
อวดกลิ่นเกสรแสนหวานซ่อนสวาทหวามเสน่หา
มนตราลีลาวดี ยังมิมีวันเสื่อมคลาย
ยังทายทักใจคนเศร้าทุกเช้าค่ำ
ระร่ำรินโมกกอ..
ค้อมดวงดอกพราวพ้อ..ดินเดิม
ให้เพิ่มเติมต่อรักสักวันละนิดละน้อย
ห้อยย้อยพวงดวงดอกขาวพร่างพราว
เต็มไปทั้งราวกิ่งนวล
เข็มขาว ยังแทงยอด
ราวอยากกระซิบบอก
ถึงความรักอันแสนสัตย์ซื่อถือตรงคงมั่น
มิมีวันแปรเปลี่ยน
กล้วยไม้ไพร
ยังวนเวียนอวดดวงดอกหลากสีสวยสง่า
ราวนางพญาผู้เลอโฉม..
ดงดอกรัก
ที่เจ้าของหลงภักดิ์ไปขุดหน่อมาจากข้างทาง
บัดนี้พร่างตูมตั้งเต่งตึงรอผลิผลึงอวดรักแท้
มิท้อแท้แม้จักพบเพียงระทม...ตรมตรอม...
มากมวลพะยอมกำลังเห่กล่อมให้หอมหอมหอม
แด่เจ้าของวิมานดิน....
แล้ว..
ราวพลันได้ยินบทเพลงแสนงามลอยลมมาในท่าม
ความงามเงียบ..เยียบเย็นหลังฝนหยุดพรำสาย
..............
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1873.html
โลกแห่งความฝัน ใหม่เจริญปุระ
เมื่อชีวิต ยังรักที่จะฝัน
และบอกกับใจ ทุกวันที่ผ่านมา
ด้วยปีกแห่งฝัน จะโบยบินไปถึงฟ้า
หวังจะไปให้ถึงในซักวัน
กว่าชีวิต จะพ้นไปอีกวัน
อีกกี่ความฝัน ที่ฉันจะไขว่คว้า
อีกกี่คำถาม ที่รอคอย การค้นหา
แล้วถึงรู้ว่ามัน ไม่มีจริง
โลกแห่งความจริง
ฉันเป็นเหมือนคนตาบอด
โลกแห่งความฝัน
ฉันมองเห็นวันสดใส
แต่ในวันนี้ โลกแห่งความฝัน
ทอดทิ้งฉัน ไปไหน
โลกไม่สดใส เหมือนวันก่อน
กว่าจะรู้ ชีวิตคืออะไร
กว่าจะรู้ หัวใจคงอ่อนล้า
เฝ้ารอความฝัน
ให้ตกตะกอนช้า ช้า
เพื่อให้ฝันชัดเจน และเป็นจริง
โลกแห่งความจริง
ฉันเป็นเหมือนคนตาบอด
โลกแห่งความฝัน
ฉันมองเห็นวันสดใส
แต่ในวันนี้ โลกแห่งความฝัน
ทอดทิ้งฉัน ไปไหน
โลกไม่สดใส เหมือนวันก่อน
กว่าจะรู้ ชีวิตคืออะไร
กว่าจะรู้ หัวใจคงอ่อนล้า
เฝ้ารอความฝัน
ให้ตกตะกอนช้า ช้า
เพื่อให้ฝันชัดเจน และเป็นจริง...
..............
ใจดวงงามลอยล่องท่องไปยังดินแดนแห่งความฝัน
ที่ดวงใจกำลังรอวันจะติดปีกโบยบินไป*กรีซ*
ไปสัมผัสศรีวิไลของอาณาจักรบนเกาะครีต
ไปยืนดูพระราชวังเก่าแก่ที่สุดในยุโรป คโนโซส (Knosos)
ของกษัตริย์ มิโนส (Minos)
ผู้ครองอาณาจักร มิโนน (Minoan)
ไปที่ฮานย่า (Hania)ที่ เป็นเมืองหน้าด่านของเกาะ
ที่มีประวัติศาสตร์การสู้รบยาวนาน
ไปทอดทัศนาดู เมืองเก่าเมืองแก่
ตั้งอยู่ในกำแพงเมืองแบบโบราณ
ที่มีเทือกเขาที่มีหิมะปกคลุมตลอดปี
ไปเดินเท้าในเขตกำแพงเมือง
ที่เป็นตึกสองชั้นหลังเล็กๆแคบๆ
มีถนนแคบๆลัดเลี้ยวขึ้นลง
ดูสถาปัตยกรรมบ้านเรือน
ที่เป็นแบบเวนิเชียน (Venetian)
ไปดูตัวตึกเป็นปูนตกแต่งแบบโบราณ
ที่เป็นตลาดสด
ตลาดที่คงสะท้อนถึงวิถีชีวีชีวิตของผู้คน
ที่เป็นดินแดนอุดมสมบูรณ์
เหมาะสำหรับการเกษตร
และภูมิประเทศที่แสนงดงาม
ไปนั่งเหว่ว้าทอดตาเดียวดาย
ชมวิวนอกเมือง
เห็น..
สวนมะกอกใบระยิบระยับงามจับตาเต็มทิวทุ่ง
เห็นโบสถ์ไบแซนทีนสมัยเก่า
ตั้งสงบเสงี่ยมกลางสวนส้ม
และ...
ไปนอนฝันหวานเศร้า
ที่เกาะสวาทหาดสวรรค์ Myconos
ทอดใจ...ดูวิวสวยราวสรวงสวรรค์
ดู น้ำทะเลสีฟ้าใส
บ้านในดวงใจที่เป็นสี่เหลี่ยมสีขาวประตูฟ้า
ที่สร้างลดหลั่นตามเชิงเขาเป็นชั้นๆๆ
และ..
................
.........................
ในภวังค์...
อันแสนโอบเอื้อ อ่อนหวาน
ค่อยๆ..ผ่อนลมหายใจรานร้าวเศร้าครอง
ลงอย่างช้าช้า..
แล้ว..
หลับตา....ฝัน..ฝัน ..ฝัน
ให้ในสนิทนิทรานั้น...
พลัน..ดวงใจ
พร้อมขยับปีก..อิสรา..โบยบิน...โบยบิน...
..............