19 สิงหาคม 2549 18:09 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3700.html
(ม่านไทรย้อย)
หฤทัย..ตื่นขึ้นมาด้วยความอิ่มเอม
กับอรุณรุ่งที่แสนงามในยามเช้าวันหยุดนี้
ที่ยังมี..เสียงนกเขาไพรเจ้าเก่าตัวเดิม
มาร้องขันคู..จู้ฮุกกรู จู้ฮุกกรู ปลอบประโลม
หฤทัย...เริ่มเช้าวันใหม่ ด้วยใจดวงเอิบงาม
เริ่มขยันจัดโน่นนี่ ไม่มีหยุดและแสนสุขใจจัง
ที่วันนี้ได้จัดสวนรายรอบบ้าน*วิมานไพรวิมานดิน*
หฤทัย..ตัดกิ่งจำปีที่พันพ้อล้อเลื้อยมาจนถึงเรือนจำปีให้ดูโปร่งตา
ด้วยกลัวงู ที่ไม่ได้รับเชิญจะเลื้อยเพลินตามมากอดรัด
และ..
ในปรารถนาอารมณ์หฤทัยช่างแสนเงียบสงบงาม
ในยามที่ได้นอนนิ่งนิ่ง เอนอิงหมอนขวานหลังเสร็จงานแล้ว
ทิ้งทอดตาใจสัมผัสเขียวไพลเขียวพร่าง
ในท่ามความกระจ่างของท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม
กล้วยไม้ไพรหลากสี ลีลาวดีกำลังผลิพราวตระการ
ตัดฉับกับนภาภิรมย์ ที่ดูอ่อนหวานเสียจนกลายสีตามกลีบดวงดอกไม้
หฤทัย..ได้ยินเสียงบทเพลงหวานแว่วแผ่วมากับฟากฟ้ากว้าง
ราวใครบางคนกำลังครางครวญหวนหานางใจนางแก้วนางในฝัน
ที่สวรรค์เมตตาสรรส่งลงมาให้...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song211.html
นางแก้ว ทูล ทองใจ
นางแก้ว นางแก้ว
สวรรค์ สร้าง นางแก้ว
สมใจของพี่ แล้ว แก้ว พี่ เอ๋ย
เทวีของพี่ได้ชื่นเชย
พี่จะขอเอื้อนเอ่ย
แต่ คำ ว่ารักจนตาย
สวรรค์ สร้าง ให้ พี่
สมใจในชาติ นี้ ที่ มั่น หมาย
วัน คืน ขอชื่น มาแนบกาย
พี่จะรักไม่หน่าย สุข ใจ พี่ จริง
เหลือบ ไร ยุงริ้น
นิดเดียวมิให้ราคิน
จะสิ้นหมองทุกสิ่ง
อ้อมอกพี่นี้จะปกป้องให้น้องอิง
อุ่น นอน ไอ ผิง
ให้เป็นมิ่งขวัญนางแก้ว
สวรรค์สร้างนางให้
ขอรักจนสุดดวงใจ
ไม่ คลาด แคล้ว
ยามประคอง
จะร้องเพลงเพียง แผ่ว
โอ้นางเอ๋ยนางแก้ว
ผ่อง แผ้ว คู่ชีวี...
....................
หฤทัย..นอนฟังเสียงลม เสียงนก
หลบมุมโลกย์แสนวายวุ่นภายนอก
แล้ว...
เปิดบานประตูหัวใจ*บ้านภายใน*
รับธรรมชาติสวยใสด้วยใจแสนสุข..สุขสุขอย่างเรียบง่ายที่สุด
จิตดวงงามกระจ่างว่างพร่างพราย
คล้ายทุกข์ทุกสิ่งละลายมลายลาเลือน
เหลือ..
เพียงเพื่อนไพร เพื่อนใจ
ดวงตา ดวงใจหฤทัย
เห็นสีไสวในโลกนี้ที่ธรรมชาติพลีกำนัลมอบให้มา
สีอันเฉิดฉันท์ของท้องฟ้า มวลเมฆ ต้นไม้
พรายกลีบละมุนของดวงดอกไม้นานา
สีผีเสื้อ สีป่า สีท้องนายามข้าวกล้าสุกปลั่ง
สีแห่งความหวัง ชมพูพิไล สีแห่งกระแสธารใจที่ใสเย็น
สีแห่งรัก ด้วยหัวใจเต้น
ดั่งกลีบกุหลาบแดงแฝงฝังพลังรักที่แสนหวาน
สีสราญอันเอื้ออุ่นด้วยอวลอากาศสดชื่นสว่างกระจ่างแจ่ม
สีแฉล้มของดินนวลประดับด้วยไคลหญ้า
สีนานาแห่งทุกสรรพสิ่ง ที่เป็นพลังสดฉ่ำพิสุทธิ์ที่ได้โอบเอื้อ
เผื่อแผ่แด่ทุกดวงใจผู้ซึ้งค่าธรรม ธรรมชาติชิดใกล้
และ..
หมายสอนให้ผสานผสมลมหายใจแสนสั้นเป็นหนึ่งเดียว...!!!
.......................
เสียงกระซิบจากดวงดอกไม้..
ดึกดื่นคืนนี้ดอกไม้หวานบานรับฝน
ท่ามลมบนพัดหวนทวนรอยหวาน
ดอกรักร้อยสร้อยเสน่หาผลิกลีบบาน
ผ่านกัปป์กาลเวลามาเนานัก..
*จำปี*ปิติพลีกระซิบกับ*ดอกโมก*
เจ้าของสวนโศกแย้มยิ้มมาทายทัก
นานเท่าไร*ผกาแก้ว*พ้อ*กอดอกรัก*
*กุหลาบ*ภักดิ์จึงผลิบานตระการใจ...
*มหาหงส์*คงศักดิ์ยิ่งชีวิต
ไม่อยากชิดดั่งดอกไม้ริมทางแม้นหวามไหว
กลัว*สายหยุด* มิหยุดหอมเสน่หากลางดวงใจ
ให้หวั่นไหวไม่สราญดั่ง*บานบุรี..*
*กล้วยไม้ไพร*ไหวพรายร่ายมนต์รับ
ใช่..ติดกับพันธนารู้หลีกลี้
ใช่ไหมแม่*ดอกพะยอม*หอมทั้งปี
รักศักดิ์ศรีดั่ง*พุทธรักษา*วอนฟ้ารู้
หาก*ดอกวาสนา*เกิดมาใช่คู่ทาษ
พิสวาทไม่ร้างราชาติหน้าคู่
ถึงพระพรหมกั้นสวรรค์เมินมิเอ็นดู
ยอมระทมอยู่คู่*ลั่นทม*ตรมเพียงใด..
แล้ว..
เหตุใดไยคืนนี้คนดีจึงยิ้มหวาน
ยอมรับรานได้แล้วฤาไฉน
ดวงดอกไม้รายรอบวิมานไพรไม่เข้าใจ
ด้วยเหตุใดจึงเลิกเศร้าหนาวกมล
ราวรับรู้เสียงกระซิบห่วงปวงดอกไม้
เธอยิ้มพรายท่ามละอองดวงดอกฝน
ดอกไม้ใดไหนเล่าจักหวานเท่าดอกกมล
รู้อดทนรู้ภักดิ์รู้รักแท้....!
......................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3700.html
ม่านไทรย้อย ....อรวรรณ เย็นพูนสุข
ลืม ลืมหมดแล้วหรือไร
แม้จันทร์ ที่เคยเป็นใจ
หลบบัง ร่มไทรย้อยกิ่ง
กระซิบรำพัน
แฝงจันทร์ เคยแอบเอนอิง
หนาวลม แนบอกเธอผิง
สุขซึ้งใจจริง หาใดปาน
ลืม ลืมหมดแล้วน้ำคำ
ซึ้งจำ ติดรอยใจพิมพ์
เคยชิม ว่าเป็นน้ำตาล
ยังหวานตรึงใจ
รสใด จะเปรียบประมาณ
แท้จริง ลมปากเธอหวาน
หลอกฉันมานาน ร้อยหมื่นอย่าง
กิ่งไทร ย้อยร้อยรักไว้
ลมไหวไทรเอน ใจเต้นคล้ายลาง
แอบออดชู้ ชูกิ่งพลาง
ไทรเจ้ากางใบบัง
งามเหมือนดัง ม่านทอง
ลืม ลืมหมดแล้วสายลม
แม้ไทรที่เคยชื่นชม
รื่นรมย์ แทนเรือนหอห้อง
ไทรเอ๋ยเคยเอน
พักเป็น แดนสุขเคียงครอง
เย้ายวน กันอยู่เพียงสอง
ขาดรักไทรมอง หมองวิญญา
กิ่งไทร
ย้อยร้อยรักไว้
ลมไหวไทรเอน ใจเต้นคล้ายลาง
แอบออดชู้ ชูกิ่งพลาง
ไทรเจ้ากางใบบัง
งามเหมือนดัง ม่านทอง
ลืม ลืมหมดแล้วสายลม
แม้ไทรที่เคยชื่นชม
รื่นรมย์ แทนเรือนหอห้อง
ไทรเอ๋ยเคยเอน
พักเป็น แดนสุขเคียงครอง
เย้ายวน กันอยู่เพียงสอง
ขาดรักไทรมอง หมองวิญญา
18 สิงหาคม 2549 00:11 น.
พุด
ไขว่คว้าอ้อมอกอุ่น
ละมุนละเมอเพ้อไข้
หนาวเหน็บเหน็บหนาวเดียวดาย
ร้างไร้ผู้ใดไหนกัน
ละเมอเพ้อหาใครหนอ
เพียงขอแนบชิดสนิทฝัน
เมตตาโอบกอดให้รำพัน
ในฝันในใจแม้นไม่จริง
ฟ้าดินสิ้นแล้วรับรู้
วสันต์พร่างพรูหนาวยิ่ง
ดั่งนกน้อยเจ็บหนักไร้รักอิง
นอนนิ่งทิ้งเลือดใจสังเวย...!
.....................
กับ
คืนที่ฟ้าหมอง ดาวร้องไห้
เดือนคล้ายแรมลา พรากจากฝากเพียงหยาดละอองน้ำตา
นอนนิ่งๆซุกร่างในโซฟาสีขาวนวลนุ่ม
พร้อม...
ฟังเพลง*รังรักในจินตนาการ
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song193.html
รังรักในจินตนาการ
พี่ฝันจะสร้าง รังรัก สักหนึ่งหลัง
ณ ริมฝั่ง เจ้าพระยา อยู่อาศัย
แม้ฝันของพี่ ไม่เกิดมี อันเป็นไป
สองชีวี เราคงได้ ร่วมเสน่หา
รังรักในจินตนาการ
วิ มาน รักอันบรรเจิดจ้า
ริม หน้าต่างปลูกซุ้มลัดดา
ห้องนอนสีฟ้า ติดม่านชมพู
ความ รัก เป็นมนต์ดลใจ
ฝัน ไป พลังใจ ต่อสู้
คอย พี่หน่อยเถิดนะโฉมตรู
มินาน จะรู้ รังรักอยู่แห่งใด
รังรักริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา
สุขตราฝังตรึงซึ้งอยู่ในใจ
แม้ความฝันพี่เป็นจริงได้
พี่จะให้ชื่อว่า รังรักอนุสรณ์
ความ ฝันเป็นจริงวันใด
หัวใจพี่จะบินว่อน คอย พี่ก่อนไม่ช้าบังอร
แม้ใจไม่ร้อน แน่นอนเราได้สุขสันต์
...........
แล้วน้ำตาพาลจะไหลร่วง
เมื่อนึกทบทวนบทสนทนา ระหว่างเรา
คนดี...รังรักที่แสนงดงาม..คงงามงดหมดจดแจ่มกระจ่าง
คล้ายสร้างแล้วเสร็จ ณ..บ้านภายใน ดวงใจแห่งรักเราสอง
ที่เคล้าคู่ครองกันทุกค่ำคืน ชื่นฉ่ำล้ำล้น จนเกินใครจะรับรู้
วิมาน เรียบง่าย ที่มีเพียงรัก ไร้วัตถุใด มีเพียงใจหลอมใจ
มีเพียง ความใสสว่างสะอาดสงบ พบเพียงความร่มเย็นเป็นสุข
ในทุกทิวาราตรีที่เรามีกันและกัน ได้ปันพลี ปันดี
วิมานฝันที่แสนบรรเจิดจิต ด้วยฤทธิ์แรงแห่งรักภักดี
จากดวงฤดีของคนที่รู้ค่าลมหายใจแห่งดวงชีวีนี้ที่ช่างแสนสั้น
รู้ว่าคืนวันช่างผ่านเร็วราวติดปีก
รู้ว่าช่างแสนยากยิ่งนัก กว่าจะพบคำว่า *เรารักกัน*
รู้ว่าความผิดพลาดนั้น คือบทเรียน ให้เราเพียรถ้อยทีถ้อยอาศัย
รู้ทะนุถนอมใจไม่ให้ช้ำชอก ไม่หลอกลวง คอยห่วงใย
คอยเป็นพลังใจเคียงข้าง ให้คอยสร้างสิ่งที่ควร
ชวนกันเดินเคียงไปในเส้นทางทองทางธรรม สู่ร่มรัตน์อันแสนร่มเย็น
สู่ครรลองกระแสอันเป็นสุขว่าง นิรันดร์
วิมาน...ที่คือสรวงสวรรค์บนดิน
วิมาน...ที่..*เทพถวิล*ฝากรอยรักอันแสนยิ่งใหญ่ประทับในดวงใจ..
*นางฟ้านางในฝันในจินตนาการ*
ตราบชั่วกาลกัปป์กัลป์..ชั่วนิจนิรันดร...!!
..................
14 สิงหาคม 2549 21:49 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song129.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song481.html
จันทร์กระจ่าง ฟ้า
นภา ประดับ ด้วยดาว
โลก สวย ราว
เนรมิต ประมวล เมืองแมน
ลม โชย กลิ่น
มาลา กระจาย ดินแดน
เปรืยบ มี แสง
คนึง ถึง น้อง นวลจันทร์
งาม ใด หนอ
จะพอ ทัดเทียบ เปรียบน้อง
เจ้า งาม ต้อง
ตาพี่ ไม่มี ใครเหมือน
ถ้า หาก น้อง
อยู่ด้วย และช่วย ชมเดือน
โลก จะ เหมือน
เมืองแมน แม่นแล้ว
นวลเอย...
..............
ฟัง*คิดถึง*
ด้วยใจดวงดายเดียวเดียวดายบนเตียงโบราณ
ด้วยหัวใจดวงเงียบงามแสนสงบสุข...
ได้ยินเสียงโทรศัพท์เตือนให้รับข้อความ
จากแดนดินฟ้าจรดทราย
ที่ใครบางคนส่งข่าวเล่ามาว่า
ได้ย้ายไปอยู่อพาร์ตเมนท์ใหญ่โตแล้ว
และรอเวลาให้ดวงไปเยือน กลางเดือนหน้าที่จะถึงนี้
อย่างใจจดใจจ่อ
และ..มีนักบินรูปหล่ออาสาจะพาไปท่องทัศนาเมือง
ให้แสนประเทืองประทับใจ
และ..
หลังจากนั้น อาจจะวางแผนไปหลายประเทศ
ตามใจปรารถนา หลังอุดอู้ดั่งปลาผิดน้ำในท่ามเมือง
กรุงกรง มิหลงแสงสี มาแสนนาน
ก่อนจะตามมาด้วยเสียงใครบางคนแสนหวาน
โทรมารายงานอย่างเอาอกเอาใจ ว่า
กำลังรับรองเพื่อนจากฝรั่งเศส
ที่โรงแรมหรูอยู่ย่านดาวน์ทาวน์..ให้เรารู้สึก
หนาวใจ ด้วยไม่ค่อยเคยชินกับชีวินคนกลางคืนสุดหรู
ดูไฮโซ..เสียไม่มี
ได้ยินเสียงฝนเปาะแปะ
และเลยได้อารมณ์
หลัง...
ลมรำเพยพรายพร่างพรมแผ่วผิวปลิวมากระซิกกระซี้
ระริกระรี้รำพึงรำพัน...
ปลุกปลอบมอบฝันหวานหวานให้..
หาก..
ไยเล่าดวงใจเจ้ากรรมจึงย้ำรอยราน..
รายรอบบ้านเงียบ...จน..ได้ยินเสียงใบไม้หล่น
เทียน..กำลังวะวับแวม..แข่งกับแสงดาวรำไรรำไร
ที่..
เริ่มจะพร่าเลือนไปกับหมองมวลเมฆฝน
เสียงพายุหวีดหวิว...
ใบไม้ปลิดปลิวละลิ่วลอยควะคว้าง
อย่างอ้างว้างในคืนแรม..ไร้เดือน
ฟ้าครางครืน...
หัวใจตื่นเพรียกหาลมหายใจแห่งนิรันดร์รัก
ใกล้..แค่ริมหู ...
เสียงมาสิงสู่ราวมายาฝันมิใช่ความจริง
หากเป็นเพียงมั่นภักดิ์นิรันดร...
หัวใจดวงอรชร ...
หลับตาช้าช้า..อย่าง
ล้าอ่อน..
และ..
น้ำตาแห่งความคิดถึงคะนึงหา
ก็...พร่างริน..อย่างมิสิ้นสาย
ในคืนนี้..คืนที่ฟ้าสิ้นไร้ดาว
และกับคนใน..อารมณ์อาวรณ์ถวิล
จำพรากลาไกล..ไปสุดหล้า..ฟ้าดิน..อีกคราคราว..แล้ว...
ดวงดอกแก้ว ยัง...หวานหอมหากไยอวลเศร้า
สายลมหนาว...หลังฝน..ยิ่งหนาวเหน็บกว่าเคย
ดวงดอกเล็บมือนาง...หยุดเฉยมิกางฟ้อนอ้อนหาใคร
การะเวกมิไหวกิ่งพราวราวดายเดียวเต็มประดา
มะลิลา ลาระรินระริน กลิ่นระรวยระรวย...ระทม..
กล้วยเลิกสบัดไกว..
ไม่อยากโบกพัดพลิ้วไหวรับลม อีกเลยแล้ว
ทิวจำปีรายรอบเรือนหยุดเริงร่าย
ฟ้าคล้ายมืดมนอนธกาลกว่าเคย
ใจดวงนิ่งเฉย ยิ่งเงียบงัน..
ฟ้าร่ำไห้..
ราวหลั่งพลีเพื่อใจดวงนี้ที่จำพรากขวัญ
จันทร์เจ้าหลบหลังม่านเมฆ
วิเวกทับไปทั่วในวิมานดิน
พุดซ้อนหุบกลีบ...
มิยอมแย้มเผยอกลิ่น
ราวสิ้นแล้ว..ทุกรสชื่น..สุคนธา...!!!!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song129.html
หยาดน้ำฝน หยดน้ำตา
หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
หลั่งความขื่นขมที่ถมอยู่ใน ใจตน
หยาดย้อยจากปรางสวรรค์เบื้องบน
สู่กลางแก้มดินในฐานถิ่นคน
นั้นคือหยาดฝน ฉ่ำใจ
สาดสายพร่างพรายพรมผืนไร่นา แนวเนิน
ป่าดอนโขดเขินคลองขลุงทุ่งหนอง นองไป
หล่อเลี้ยงพืชพันธ์ มีผลดอกใบ
โลกเคยหลับไหล พลันฝืนตื่นใจ
สวยงามสดใส จริงเอย
ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา
พลันน้ำตานางฟ้าระเหย
เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย
ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน
หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน
แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล
ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน
ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ
ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา
พลันน้ำตานางฟ้าระเหย
เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย
ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน
หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน
แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล
ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน
ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ...
14 สิงหาคม 2549 19:26 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song388.html
อุษาวดีคลี่แย้มฟ้าอีกคราแล้ว...
และ..
เฉกเช่นเคย..เหมือนทุกทิวาวัน
ที่..
ผม...ค่อยๆลืมตาตื่นอย่างช้าช้า..ช้าช้า
และ...
นาทีแรก..ในความคิดที่แสนหวานหอมหอมหวาน
ก็คือ..เธอ..เธอ..และเธอ
ผู้หญิง..
ที่ผมมิได้เผลอ หาก..รักรักรักเธอเข้าให้แล้ว
ผู้หญิง..
ที่ผมขอเรียกเธอว่านางแก้วนางใจนางในฝัน
ผู้หญิง..
ที่ปันแบ่งน้ำคำ น้ำใจ
เติมรักแสนใสสะอาดให้ชีวิตชีวาผมอิ่มเต็มยิ่งกว่าเต็ม
ให้...
ทุกนาทีหัวใจเต้นของผมแสนมีพลังหวังหวาน
และ...
ผู้หญิงที่..ณ..นาที นี้*เปรียบประดุจดั่งทุกสิ่งในชีวิตผม*
เป็น..ลมหายใจ
เป็นนางไพร เป็นนางไม้ เป็นมนต์ร่ายเสน่หา
เป็นนางพญา และแน่นอนเป็น...
*ราชินีในเรือนใจ*
ให้..
ชายชาติอาชาไนย อย่างผม
ยอมพลีใจร่างวางแทบเท้าเธออย่างดุษณี..
ผู้หญิงที่..ผมละเมอหาแม้นในยามหลับยามตื่น
ผู้หญิงที่..ทำให้โลกผมแสนสดชื่นหวานฉ่ำ
ผู้หญิงที่..ทำให้โลกดายเดียวเหว่ว้าอันแสนเหน็บหนาวของผม
พลัน..กลับอุ่นไอ
เสมอเสมือน*ดวงใจเราสองหลอมรวมเป็นดวงเดียวกัน*
ผม...เพียงรอ รอ และ..รอ
ขออธิษฐานจิต
แด่ปวงเทพเทวาแลฟ้าดิน
หวัง..
ไม่นานวันที่เราสองจะได้ครองรักนิรันดร์
เป็นคู่ธรรมคู่ทอง
คู่ที่ทุกคนจะหันมามอง
ด้วยซึ้งใจประทับใจ
ด้วย..
ทราบในตำนานรักอันแสนยิ่งใหญ่
แห่ง*ปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์รอ*นี้
ที่..
มิเคยท้อแท้ยอมแพ้พ่าย..ตราบจนวันตาย..
ที่เราจะ*ไม่มีวันพรากจากกัน*
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song388.html
*ไม่มีวันที่เราจะพรากจากกัน*
ไม่ มี วัน ที่ เรา จะพราก จาก กัน
ไม่ มี วัน ที่ เรา จะพราก จาก กัน
ไม่ มี วัน ที่ ฉัน จะขาดเธอ
รัก เธอเสมอ จิตใจ
ตัดน้ำ ไม่ขาด ฉันท์ใด
เยื่อใย ความรัก ไม่ขาดกัน
อยู่ แดน ดิน ถิ่นไหน ไม่เปลี่ยนแปลง
รัก เธอไม่แล้ง จากฉัน
ชุ่ม รัก ชื่นฉ่ำ ทุกวัน มั่นรัก เธอนั้น ตลอดมา
ภมร ไม่ เคย พราก ดอก ไม้บาน
สาย ธาร ไม่เคย พรากเหล่า มัจฉา
สายลม แทรก รัก ฉันปลิว ไปมา
ฝากไว้ ทั่วหล้า ตามติดเธอ ทุกแห่งไป
ไม่ มี วัน ที่ เรา จะพราก จาก กัน
ไม่ มี วัน ที่ เรา จะพราก จาก กัน
ไม่ มี วัน ที่ฉัน จะจืดจาง
รัก เธอไม่ร้าง จากใจ
อยู่หรือ ตายดับ ลับไป
รักยิ่งใหญ่ ซอนไซร้ ซึมใจเธอ
ไม่ มี วัน ที่ เรา จะพราก จาก กัน
ไม่ มี วัน ที่ เรา จะพราก จาก กัน
ไม่ มี วัน ที่ เรา จะพราก จาก กัน...
12 สิงหาคม 2549 23:20 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2951.html
(ลำนำรัก)
ราตรีที่ฟ้ายังระดะเต็มไปด้วยดาว
ผมกำลังขับรถออกนอกเมือง
สู่จังหวัดชายทะเลตะวันออก..ระยอง
เพราะ..
นัดผองเพื่อนก๊วนกอล์ฟจะออกรอบกันอีกสักครั้ง
หลัง..
ผมมีภารกิจวายวุ่นมานานเดือน
และ...
จุดหมายปลายทาง
คือ*สนามกอล์ฟเกรซเลค คันทรี่คลับ*
บทเพลงในรถกำลังบรรเลง....อย่างละมุนใจ
ให้ผมคิดคิดถึง คืนค่ำอันแสนหวาน..ระหว่างเรา..
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song2951.html
ลำนำรัก ดิอิมพอสซิเบิ้ล
ความรัก เหมือนกับบทเพลง
ที่บรรเลง กันอยู่เรื่อยมา
อีกทั้งความหวาน ชื่นระรื่นอุรา
และเศร้าหนักหนา ซึ้งสะเทือนใจ
ความรัก คือเพลงธรรมชาติ
พิไลพิลาส อานุภาพยิ่งใหญ่
ปลุกหนุ่ม ปลุกสาว ให้มีพลังใจ
เพื่อทำให้โลก มีชีวิตชีวา
ความรัก คือเพลงธรรมชาติ
พิไลพิลาสอานุภาพยิ่งใหญ่
ปลุกหนุ่มปลุกสาว ให้มีพลังใจ
เพื่อทำให้โลกมีชีวิตชีวา
ลำนำเพลงคือลำนำเพลงรัก...
.................
ผมมีความสุข มากเหลือเกินกับนาทีนี้
เมื่อคิดถึงคนดีที่รักของผม
ผู้หญิงที่แสนหวานบานฉ่ำ
ผู้หญิงที่ทำให้ผมอยากกกกอดเธอแนบอกไว้ทั้งคืน
ผู้หญิงที่ทำให้โลกผมแสนสดชื่นตื่นเต้น เร้าใจและ
พาให้ผมค้นพบพลังรักอันแสนมหัศจรรย์ยิ่งใหญ่
ในทุกลีลาอารมณ์..
และ..
น่าแปลกใจในทุกยามที่ผมได้ยินเสียงออดอ้อนวอนเว้า
ดวงใจแลร่างผมราวถูกหลอมละลายกลายเป็นหนึ่งเดียว
อยากเฝ้าวนภักดิ์ เฝ้ารักเสน่หาเธออย่างมิรู้คลาย
อย่างอยากชิดใกล้
ได้พร่ำพรอดเพลงรักรักรักกันและกันตลอดไป
ผม...ฮัมเพลงที่เธอสอนให้ผมร้อง
และ..
กล่อมเธอให้นอนนิทราฝันดีในทุกค่ำคืน
ทั้งเพลงชื่นเพลงช้ำ
แล้ว..
แต่เธอจะอยากได้ยินได้ฟัง
ในอารมณ์ไหน
ขอเพียง..ให้นางใจบัญชามา
และ...
ก็ทำให้ทุกราตรีเหว่ว้าของเรา
พลันแสนสุขล้นท้นฉ่ำเสียเหลือเกินแล้ว..
ผมแลลอดออกไปในเวิ้งฟ้ากว้าง ..
ดาวพระศุกร์..สว่างไสว
พอกันกับใจของผมในยามนี้
ที่ราวรออรุณรุ่ง..หวัง..หวานกำลังมาเยือน
หัวใจผมดั่งเสมือน
มีอัญมณีขวัญอันแสนงามฉายฉาน
โชติช่วงคอยให้พลังใจไฟฝัน
ดั่ง ดาวไสว ประดับใจ นำทางใจ
ไปตราบชั่วกาล
สำหรับผม..
รักนั้นไม่ว่าเก่าหรือใหม่...
ดังเปลวไฟแผดเผาถ้าหากเราใช้มันไม่เป็น.........
และ
รักนั้นเปรียบดั่งน้ำอมฤต..
ที่จะหยาดหยดลงมา
ให้...
ใจดวงงามสวยใสสดชื่นตราบวันตาย
ถ้าเรารู้ค่าคำว่ารัก คำว่าปรับตัว
และ..
การให้เวลา การให้เกียรติกันและกัน
การแบ่งปัน
แบบต่างคนต่างเติมเต็ม........
สำหรับผม...รักเธอคนดีของผม คงมั่น
และจักเป็นเช่นนี้ตลอดไป
เพราะ
ผมพบว่า..เธอคือคนที่ฟ้าดิน
แลพระเจ้าเบื้องบนปรานีประทานมาให้กับผม.
คนที่รู้ค่า..ซึ้งค่า..ในรักพอกัน...
และ
เธอ..
ของผมนั้น เปรียบดั่งดอกรัก ดอกบานไม่รู้โรย
ที่จะบานไสวอยู่ในดวงใจของผมตราบกัลปาวสานต์
ตราบนานเท่านาน
เท่าที่โลกนี้ยังมีคำว่ารักคู่โลกและคู่ใจ.
และ..
ผม..ขอให้คำมั่นสัญญา ....
อธิษฐานจิต ...
รักษาสัจจะยิ่งชีวิต
ที่จะพลีพร้อม..
*ให้ *...ความรัก..แด่เธอ คนดี คนเดียว
ไปตราบชั่วกาล...นานเนานิรันดร์...
...........................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html
คำมั่นสัญญา
ถึง ม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร
ไม่ สิ้นสุด ความรัก สมัครสมาน
แม้ อยู่ใน ใต้หล้า สุธาธาร
ขอ พบพาน พิศวาส ไม่คลาดครา
แม้น เนื้อเย็น เป็นห้วง
มหรรณพ
พี่ ขอพบ ศรีสวัสดิ์ เป็นมัจฉา
แม้ เป็นบัว ตัวพี่ เป็นภุมรา
เชย ผกา โกสุม ปทุมทอง
แม้ เป็นถ้ำ อำไพ
ใคร่เป็นหงษ์
จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง
ขอ ติดตาม ทรามสงวน
นวลละออง
เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป
แม้ เป็นถ้ำ อำไพ
ใคร่เป็นหงษ์
จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง
ขอ ติดตาม ทรามสงวน
นวลละออง
เป็น คู่ครอง พิศวาส
ทุกชาติไป...