28 กันยายน 2549 22:24 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song72.html
(หนึ่งในร้อย)
กิ่งบุญ...
กำลังนอนนิ่งๆ
มองโคมไฟแก้ว
ที่แซมช่อละออดวงดอกไม้สยายกลีบแลดูแสนอ่อนหวาน
พลันกลีบดอกไม้ในดวงใจ
ก็คลี่ไหวบานอย่างอ่อนหวานอ่อนโยนเฉกเช่นกัน
เสมือน...เสมอ...เธอกึ่งเคลิ้มฝันไป.....
มาตรแม้น..
หัวใจดวงนวลอรชร เพิ่งผ่านพ้นเรื่องรอนรานร้าว
ที่พาให้เศร้าแสนเศร้า..แสนโศกสะเทือนใจ
จนน้ำตาไหลที่ยากยิ่งนัก..จักพรรณนา
เมื่อ..
มองเห็นภาพจากทีวีที่นักเรียนกำแพงเพชรกำลังร่ำไห้เหว่ว้า
เมื่อมาเห็นโรงเรียน..ที่เคยให้ความรู้ ร่มเย็นเป็นสุข
ต้องกลายมาเป็นจุลไปชั่วพริบตา
กับน้ำมือคนเลวคนชั่วช้า ที่ไม่เคยกลัวบาปกรรม
เพราะ..
ไปทำกับเด็กผู้บริสุทธิ์อย่างไม่ยุติธรรม..
กิ่งบุญ...ได้แต่นอนนิ่งงันไปกับภาพฝันร้ายนั้น
ที่นับวันจักโหดเหี้ยมขึ้นทุกที
และ
ลามไล้ไหม้โหมไปทุกหย่อมหญ้า
หากเราไม่ร่วมมือกันหันมาสมานฉันท์สามัคคี
และใช้ความดีดับร้อนให้ผ่อนคลาย
และ..
นี่คือโลกย์อันแสนวายวุ่น....
ตราบใด...ที่ยังหมุนวน
ไปกับคน คน คน ที่มากล้น และทุกข์ทนวนว่าย
มากมายกันไปในบ่วงกรรม
และ..
มิได้น้อมนำกุศลจิต
ใช้น้ำอมฤตธรรมมาคิดมีเมตตา
เรียนรู้ค่าแห่งความรัก ที่ไร้ขีดจำกัด
ใช่...เพียง
แบ่งแยกพวกพ้องกัน
คอยโหดร้าย ห้ำหั่น ประหัตประหาร
และ
จนโลกรานโศก สุดวิโยคจนยากเยียวยา
และ
ตราบถึงกาลเวลา ที่มวลมนุษย์มากหน้า
จัก...
ต้องพากันร่ำไห้..จน..หัวใจแทบแหลกสลาย...
ไปกับความสูญเสีย...
ยาม....ได้รับบทเรียน...ที่...สายเกิน...!
....................
และ..กับค่ำคืนนี้ นาทีนี้
หวัง..วอน...ทุกคนดี.ทุกดวงใจ
ก่อนนอน..ก่อนนิทราฝัน
จง..พลีดวงจิตสร้างทิพยนิรมิต
เด็ดดวงดอกไม้ไทย หรือมะลิหอมงาม
หรือ
วางมาลัยร้อยด้วยดวงใจใสสวยละมุน
น้อมนำหนุนผลบุญ ให้งามดวงใจ
แม้นมิมีใครเลยจะล่วงรู้..
และ..
แม้นจะปิดประตูลั่นดาลใจในวันนี้..
ขอแค่..
มีบ้านภายในเงียบ สะอาด สว่างสงบ
ก็...จะพบแต่ฝันดี
คนดี..ขอแค่
ก่อนนอน..กราบพระรัตนตรัย
กราบเทพไทเทวดา กราบฟ้าดินลมไฟ ก่อเกื้อชีวี
กราบบรรพบุรุษชาติไทยคนดีที่พลีเลือดเนื้อเพื่อแผ่นดิน
กราบผืนถิ่นทุกพสุธา ที่ให้เราหยัดยืน
กราบพระบรมมหากษัตริย์ผู้เลิศหล้าเหนือฟ้าไทยคุ้มชีวี
กราบแม่พ่อ เพื่อนพ้องน้องพี่ผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตาย
ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น..ให้ดวงใจได้ถวิลและพบแต่สิ่งดีงาม
รวมร่าง รวมรักสามัคคี เพื่อน้อมนำสิ่งแสนดีคืนกลับโลกดับร้อน..
ก่อนลับลาตามดวงสุริยาแห่งชีวีที่มีแค่หนเดียวนะดวงใจนะคนดี
มาตั้งจิตสิ..อธิษฐาน สวดมนต์ภาวนา ทำสมาธิ
ค้นหาแสงสว่างแห่งปัญญานี้ด้วยตัวเองเป็นที่ตั้ง..
มิใช่แค่ฟังตามคำเขาว่าหรือเรียนรู้แล้วผ่านเลย
ใจเอ๋ย..อย่าละเพียรพยายาม..คอยตามดูใจ..นะคนดีที่แสนรัก
...........................
เราพบกันวันที่ฟ้าสีโศก
แล้วโลกแสนหวานก็เริ่มต้น
ลืมคืนฝันวันเก่าเหงาทุกข์ทน
ในกมลเรามีกันและกัน
ฉันวางมือในอุ้งมืออันอบอุ่น
แววละมุนนัยน์ตาเฝ้าปลอบขวัญ
กระชับแน่นสู่เส้นทางรักนิรันดร์
คือสวรรค์แสนงามนิยามภักดิ์
ดอกไม้รักของเราก็ผลิช่อ
แตกจากกอความเข้าใจอันแน่นหนัก
หลอมรวมใจจากบทเรียนแห่งความรัก
ซึ้งสุขนักมหัศจรรย์นี้ที่เฝ้ารอ
เธอคนดีเฝ้ากระซิบสัจจะใจ
ร้อยพันไมล์ไกลห่างอย่าได้ท้อ
ณ..กลางใจใครหนอใครเฝ้ารักรอ
สวดมนต์ขอหน้าพระพุทธพิสุทธิ์พร
ให้เราสองครองคู่ทำสิ่งดี
น้อมใจพลีคืนสู่โลกธรรมสอน
สบตากันกุมมือมั่นเอื้ออาทร
จบละคอนบทโศกพบโลกทิพย์...นิจนิรันดร์...!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song72.html
หนึ่งในร้อย
พราว แพรว อันดวงแก้วแวว-วาว
สด สี งาม หลายหลากมากนาม นิยม
นิล-กาฬ มุกดา บุษรา คัมคม
น่า ชม ว่างาม เหมาะสม ดี
เพชรน้ำหนึ่ง งามซึ้ง จึงเป็น ยอดมณี
ผ่อง แผ้วสดสีเพชรดี มีหนึ่งในร้อยดวง
ความ ดี คนเรานี่ ดีใด
ดี น้ำ ใจที่ให้แก่คน ทั้งปวง
อภัย รู้แต่ให้ไปไม่หวง
เจ็บ ทรวง หน่วงใจให้รู้ ทัน
รู้ กลืน กล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน
ชื่น ชอบตอบ ผล ร้อยคน มีหนึ่งเท่านั้นเอย
รู้ กลืนกล้ำ เลิศล้ำ ความเป็น ยอดคน
ชื่น ชอบตอบผล ร้อยคน มีหนึ่ง เท่านั้นเอง...
26 กันยายน 2549 19:36 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song99.html
(เพื่อน้อง)
นอกชายคากระท่อมหอมแฝก หอมฝน... ให้ฝัน
ฝนกำลังปันสายปรายโปรยโรยละอองทองทิพย์
ไปทั่วทุกทิศถิ่นแนว
ดวง...นอนดายเดียว หลับตา...คล้ายภาวนาสมาธิ
และ...
ในมโนนัยน์ จิตดวงไสว
กำลังสัมผัสเห็นเจดีย์สีทองเปล่งประกายจรัสจ้า
ในท่ามตระหง่านแห่งเทือกผาหิมาลายัน
จากที่นั่นบ้านเรือนที่ดูลดหลั่นเรียบง่าย
ด้วยสีอิฐดิบแดงแฝงฝังตัวเงียบสงบ
ในท่ามหุบเขาเงาฝัน
ในท่ามม่านหมอกใยยวงรวงเมฆ
ที่โอบกอดตระกองยอดภู
อย่างเล้าโลม อ่อนหวานปานสายไหม..
ดวง..
หลับตาเห็นภาพอีกภาพ
ที่เปรียบประดุจดั่งเป็นฉากชีวิต
ดั่งทิพย์นิรมิต
ที่จิตดวงนี้เลือกจับเลือกเก็บเกี่ยว เอาไว้
ยาม...
เหลียวไปไม่พานพบผู้ใดในโลกแล้งไร้ใบนี้
ที่..
กำลังมากมีโพยภัยผองพิษมาประดัง
ทั้งจากผู้คน...แลธรรมชาติ..
ที่...
กำลังกราดเกรี้ยวรอบันดาลพิโรธ
ลงโทษสอนสั่งมวลมนุษย์ทั้งปวงอย่างสาสม
มาทวงคำกตเวทิตา..
และมิอภัยให้คนผู้ไม่รู้คุณค่าแห่ง
*ฟ้าดินน้ำลมไฟ*
ได้ผุดได้เกิด..มาล้างผลาญอีกต่อไป
อย่างไร้เยื่อใยดีมิยอมปรานีปราศรัย...
และ..
อย่างไม่ยอมให้อภัย..
ไม่..!
แม้นให้โอกาสแก้ตัว
แม้จักร้องครางครวญหวนไห้แสนจะสิ้นไร้ขาดใจ
ก็ตามที...!
และ..
นั่นกระไร..
ดวง...เห็นตัวเองตื่นขึ้นมาในท่าม*ยานบุญ*
เหนือนภากาศระดับความสูง38000ฟุต
เพื่อ..
พบความพิสุทธิ์แห่งหอมห้วงงามตราตรึงหนึ่งในทรวง
ในดวงใจดวงให้ประดับ
ประทับ...
ภาพดวงสุริยาระยับแวววะวับแสง
พร้อยพรายพราวคล้ายดั่งสายแสงสีแห่งเรียวรุ้งรำไร
เป็น...
ยวงใยไหมเพชรผ่อง
แตะต้องแต้มสายร่ายมนต์สวยไสว
ทายทัก*ทะเลเมฆ*เสกงามจนจรัสรัศมี
คลี่คลุมห่มเป็นช่อชั้นราวกับพบเมืองสวรรค์เข้าให้แล้ว
ในแพร้วเพริศพริ้งฝัน อันแสนงามบรรเจิดจิตนั้น
จิตดวงก็พลัน.....
ลอยเหนือโลกย์ พ้นโศก พบสุขอิสรานิรันดร์
ไปกับแดนฟ้าแดนฝัน
แดนสวรรค์ ที่ได้พบ จบด้วยจิตแสนปิติเกษม...
.............
และ...
กับมหัศจรรย์วันนี้
วันที่...พี่คนดี จากเกาะสวาทหาดสวรรค์โทรมา
พี่คนที่..
เคยบวชชีและศึกษาพระอภิธรรมมาอย่างแตกฉาน
จนจิตเธอดั่งบัวดอกบานเหนือน้ำในโลกหล้า
ราว..
นางฟ้าในโลกมนุษย์
พี่สาว..
ผู้มีจิตพิสุทธิ์ดวงผ่องแผ้ว
ผู้ที่มีใจดั่งดวงแก้วมณีประภัสสร
ผู้ที่พรหมผู้ครองชะตาได้บันดาลชักพา
ให้..
*เราสอง*
ได้มาหลอมรวมจิตสร้างทานบารมีร่วมกัน
สละทางทองทางธรรมให้กับผองชนจากทั่วทุกมุมโลก
ได้
เพียรค้นพ้นโศกพบสุขนิรันดร์
ผู้เฝ้าฝ่าฟันทะเลโลกย์ ทะเลน้ำตา
มาพบ...
*สำนักวิปัสสนา *
ที่เรียกกันว่า..*แดนสวรรค์หล้า*
ที่..
เปิดแง้มบานประตูรอท่า
ทุกมวลหมู่มนุษย์ผู้ไม่พ่ายเพียร...
ให้..
พบความสว่างสะอาดสงบ
จบด้วย...
ไม่ต้องกลับมาวนเวียน ชดใช้วิบากกรรมย้ำวนอีกต่อไป...
และ..
ที่ว่าเป็น*ความมหัศจรรย์จิต*
เพราะ...
เธอบอกว่าเธอนิมิต
เห็นดวง...ไปต่างประเทศที่ไหนสักแห่ง
และ..
แสนแปลกดี..
ที่เธอคนดีสัมผัสเห็นดวงอยู่ในท่ามบ่อเพชรทอง
ที่ผ่องพรายฉายฉานโชติช่วง
ในรวงรองเรืองรัศมีพราวรายรอบร่าง...พร่างจรัสไสว...
และ...
นี่คือ...สิ่งที่ยากจะค้นหาคำตอบ
หาก...
เพียงนำมาคิดชอบคิดน้อมนำ
มาสร้างสรรปันดี คิดพลีคิดให้
คิดให้จิตมีเพียงกุศลธรรม
หวัง...
มารินร่ำย้ำกระซิบบอก ทุกดวงใจ
ให้เพียรสร้างเมตตาใส สร้างงาม
สร้างเสบียงบุญ
รู้สะสมทุนธรรมทาน
แล้ว..
รู้หว่านโปรยอย่างไม่เสียดาย
เพื่อ...
พัฒนาจิตให้..ถึงพร้อม..การสละออก ก่อนสายเกิน....
อย่าหลงเพลินสะสมเพียงกิเลสโลกย์วัตถุ
ให้รู้หยุดอยาก...
หวังฝากเพียง..*ความดีพลีให้*
ก่อน..
ชีพชนม์ที่แสนสั้นนี้..
จักมลายหายวับไป...เป็นนิรันดร์
กับ....
สายลมในยามค่ำ ...ดั่งดวงตะวันลา...นะดวงใจ...!
........................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song99.html
เพื่อน้อง
เพื่อ น้อง พี่ปอง หมายพยายาม
เพ้อพะวง เพียงนงราม
คอยติดตามเหมือนเงาตามตัว
เพื่อ น้อง พี่ปองรักมาพันพัว
เพ้อรำพันจึงเมามัว
ยังหวั่นกลัวหลวมตัวลืมตาย
มอบ รัก ฝากใจไว้เป็นประกัน
ขายชีวิตเป็นเดิมพัน ใจประกันมิมีวันกลาย
อย่า ทำ ให้พี่ช้ำเพียงเดียวดาย
แม้ชวดชมตรมใจตาย คงจะอายทั่วทั้งโลกา
อย่า ทำ ให้พี่ ข้องจิต พี่นั่งและนอน ยัง คิด
อยู่ตั้งหลาย เว ลา
ตรม อยู่ในทะเลน้ำตา
ไม่รักพี่ก็บอกมา ไม่ปรารถนา มากวนเจ้า
อยาก รู้ ก็จงคิดดูเป็นไร
ทั้งโลกนี้มีใครใคร
คอยใส่ใจเหมือนดังเป็นเงา
อยาก รู้ ว่าใครภักดีนงเยาว์
น้องคิดดูเพียงเลาเลา
ใครจะเท่าพี่รักเจ้าเอย
อย่าทำ ให้พี่ ข้องจิตพี่นั่งและนอนยัง คิด
อยู่ตั้งหลาย เว ลา
ตรม อยู่ในทะเลน้ำตา
ไม่รักพี่ก็บอกมา ไม่ปรารถนา มากวนเจ้า
อยากรู้ ก็จงคิดดูเป็นไร
ทั้งโลกนี้มีใครใคร
คอยใส่ใจเหมือนดังเป็นเงา
อยาก รู้ ว่าใครภักดีนงเยาว์
น้องคิดดูเพียงเลาเลา
ใครจะเท่าพี่รักเจ้าเอย...
25 กันยายน 2549 16:53 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song354.html
เงาไม้
แสง จันทร์วันนี้นวล ใครชวนให้น้อง เที่ยว
จะให้ เหลียวไป แห่ง ไหน
ชล ใสดูในน้ำ เงาดำนั้นเงา ใด
อ๋อ ไม้ ริม ฝั่ง ชล
สวยแจ่ม แสง เดือน
หมู่ ปลา เกลื่อนดู เป็น ทิว
ฉันชม ลม ริ้ว
จอด เรือ อาศัย เงา ไม้ ฝั่ง ชล
สวย แจ่ม แสง เดือน
หมู่ ปลา เกลื่อนดู เป็น ทิว
ฉันชม ลม ริ้ว
จอด เรือ อาศัย เงา ไม้ ฝั่ง ชล...
...................
ดวงใจ....
คุณเปิดเพลงนี้ในรถ ระหว่างเส้นทางงามงด
ที่คุณกำลังขับพาฤดี ไปเยี่ยม
สายน้ำใจเจ้าพระยา..สายน้ำแห่งรักนิรันดร์
ที่..
คุณซึ้งทราบดีว่า ฤดีนั้นพันผูกเป็นที่ยิ่งนัก
ฤดีเอนไหล่
และ..
เฝ้าอิงแอบแนบชิดแก้มสากๆหอมๆ
คอย..ดอมๆ และดอม..หอมละเมียด
กลิ่นแก้มผู้ชายชาติไพรหัวใจทรนงของคุณ
ด้วยรักแสนรัก แสนภักดีและแสนขอบคุณ
คนดี...
นั่น..!...นาข้าวดงตาล
ที่กำลังยืนต้นหวานโศก
ปานจะเย้ยโลกย์ทั้งโลกในยามนี้
ยามที่...
เรามีกันและกัน
ด้วยมั่นรัก..ปัน .....
ปันดี..มิปันใจ เปิดใจให้ใครเคียงคลอครอง..อีกต่อไป
เสมือนคำสัจจะอธิษฐานใจ ที่คุณขานให้ฤดีน้ำตาหลั่ง
ณ..เบื้องหน้าองค์พระปฏิมา ในโบสถ์คร่ำ
ในยามตะวันชิงพลบ ..
ที่...
เราสองขอหลบฝนเข้าไปในชายคา
แห่งร่มรัตนาร่มพระศาสดาศาสนา
ร่มอันแสนใสฉ่ำเย็น
ที่..
มากเมตตา..กรุณา ปรานี ไทยทุกถ้วนหน้า
ทั่วหล้าใต้ฟ้า ปฐพีนี้
ราวกางกั้นทุกคนดีและ
เราสองให้พ้นจากผองภัยวิบากกรรมสิ้นทั้งมวล
เสียง..
บทเพลง*เงาไม้*กำลังหวนไห้แสนรัญจวน
ไปกับสายฝน
ที่กำลังพร่างสายปรายโปรยละออละออง
ราวทองทาทาบอาบ
ไปทั่วทั้งผืนนา พสุธาไท
คุณ..จอดรถสนิทลง
ค่อยๆ..
หันมาเกาะกุมมือฤดีไปหอมอย่างบรรจงบรรเจิด
และ...
นาทีนั้น...
โลก..ช่างเพริศพริ้งแพร้วแพรวพราย
คล้ายๆกับ..
เกิดพลังจำรัสจาก*รัศมีรักนิรันดร์*กำลังขับเคลื่อน
ให้ทุกสรรพสิ่ง..หยุดเฝ้านิ่งดู อย่างเงียบงัน เงียบงาม..
คุณ..หยิบผ้าคลุมไหล่ ไพลแพรไหมผืนงามมาห่มให้
ก่อนจะคว้าร่ม และอ้อมมาเปิดประตูรถให้ฤดี..
สองร่าง..
พากันกอดเกาะเกี่ยวราวหลอมรวมเป็น*หนึ่งเดียว*
เกลียวกลม ในท่ามสายฝนลมแรง
และ..ราวพายุแกล้ง..แสร้งเป็นใจ..
ลีลาวดี พวงพร้อยห้อยระย้า
เหนือชายคาจากกระท่อมริมน้ำ...
งามฝันจนเกินพรรณนา ยามยิ่งมาพ้อล้อพร่าง
ในท่ามกลาง..มนตราแห่งสวาทหวาม
ในท่ามคนสองคน
ที่กมลกำลังหอมอวลอวลหอมไปด้วยกลิ่นกรุ่น
แห่งความรัก และความรัก..
ตาสบตา สู้ตา..ซึ้งซ่านเสน่หา..
ตราบจน..
หยาดสายน้ำผึ้งที่ว่าหวานกว่าหวาน...ยังยอมรานแพ้...
ในม่านฝน ...มนต์ฝัน..
พลัน..
คุณ..คนดี..ลุกขึ้น...
เอื้อมเด็ดดวงดอกลั่นทม
ที่ยังพรายพรมด้วยหยาดน้ำค้างฟ้า
ด้วย..
หยาดน้ำใจรักภักดิ์พลี
ก่อนที่จะ...
โอบเอื้อมมาทัดให้แม่ดวงดอกฤดี..แห่งดวงใจ
ที่กำลัง..
เอียงแก้มหอมหอมใสใสนี้
พลี..ขอบคุณ..และ...ขอบคุณ...
ด้วย...หยาดน้ำตา....!
24 กันยายน 2549 22:13 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song471.html
หนามชีวิต
..................
ดวง...
ค่อยๆวางเทียนแท่งใหญ่กลิ่นดวงดอกไม้ป่านานาพรรณ
ลงบนเชิงเทียนทรงสูงสไตล์ตะวันออกไกล..
ที่..
ดวงตัดสินใจซื้อมาจากแดนดินทะเลทราย
ที่ดวงเพิ่งไปเยือนมา
และ..
พาให้ดวง..*ผู้หญิงที่หลงมนต์เสน่หาแห่งสายฝนสายฝัน
สายสวรรค์หล้าที่แสนลึกล้ำในกมลถวิล...
ยามได้ยลยิน
และ..ช่าง
ซึ้งแสนซึ้งแสงเทียนเสียงธรรม...
เสียงระร่ำรินของสายน้ำนิรันดร์ในทะเลสาบสีเงิน
เสียเป็นที่ยิ่งนัก..
เกินจัก..
รำพึงรำพันกระซิบซบอกใคร..ออดอ้อนวอนเฝ้าบอก...
พลัน..จึง
ไปตกหลุมรัก..ตามประสานักรจนาเรื่องโรแมนติก
เลยต้อง เฝ้าลูบควำ พลิกคว่ำพลิกหงายดูราคา
แล้วใช้สมองส่วนหน้าที่เหลือน้อยนิด
ค่อยๆคิดคำนวณตัวเลข
แล้วก็..เลย..
เสกซื้อทั้งสี่เชิงเทียน ต่างรูปแบบ
ให้มาแอบมาอิง ให้มานิ่งมานวล
ให้มาให้ไออุ่นอวล..
ด้วย..นวลแสงเทียนพรรณราย..ระย้าระยับ
ที่..
กำลังพร่างพรายราวอัจกลับแก้ว
แววมณีโชติช่วงดั่งดวงมณีเพชรพ้อ..
ล้อสายลมพร้อยพลิ้วปลิวระบัดในยามค่ำนี้
ที่ราตรีใจ ช่างแสนมืดมิด...
ดวง...เงี่ยหูฟังเสียงกลีบกุหลาบหล่น
เสียงดวงดอกลั่นทมระทมท้อ..พ้อหาแสงดาวเดือน
กับคืนฟ้าหนาว ราวไร้สิ้น..*ทางสายรุ้ง ทางช้างเผือก...*
กระท่อมหอมฝน หอมแฝก..ให้ฝัน...
ดูโดดเดี่ยวเดียวดาย!
ในความมืดและในม่านหมอกเมฆ...หมองหม่น...
ดวง..ปล่อยให้กมลดวงทองดวงธรรม
ลืมระกำ ลอยละล่อง
ท่องไปในลำธารสายสีเงินยวงแห่งรักนิรันดร์
และ..
เฝ้ารอวงจันทร์หยาดสายน้ำผึ้งแสนหวาน
รอเวลา...
ให้ดาวเดือนดวงดาริกาและมวลดวงดอกไม้ป่า
พากันมาจูงมือไปสู่...เส้นทาง...ทอง...!
...........................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song471.html
หนามชีวิต
เกิดมาขื่นขม ระทม อุรา
ตรมน้ำตา ตรมน้ำตา
ตรมน้ำตา โศกาทุกวัน
จะสุขอย่างไร กันนั่น
สุขเพียง ใฝ่ฝัน หรือไร
เปรียบดังชีวิต นั้นมีขวากหนาม
ทรมาน ทรกรรม
ทรกรรม ฉันจนช้ำใจ
กว่าเราจะตาย
มิรู้เมื่อไหร่ โอ้ไฉน
ชีวิตคอยเป็นนายเรา
มีแต่น้ำตา มาปลอบหัวใจ
ให้คลาย ความช้ำทุก ค่ำ เช้า
เหมือนหนามชีวิต กรีดใจ
เป็นเป้า ให้เราอับเฉา ระทม
หวั่นไหวว่าขวากหนาม
ชีวิตเอย ควรพิเปรย
ความรักเอย ความรักเอย
มิเคยภิรมย์ สุขเพียง
ชั่วคืน ชื่นเพียง
ชั่วคราว ร้าว ราน
เหลือข่ม โศรกตรม
แทบล้ม ประดาตายเอย
มีแต่น้ำตา มาปลอบหัวใจ
ให้คลาย ความช้ำทุก ค่ำ เช้า
เหมือนหนามชีวิต กรีดใจ
เป็นเป้า ให้เราอับเฉา ระทม
เปรียบดังชีวิต นั้นมีขวากหนาม
ทรมาน ทรกรรม
ทรกรรมฉันจนช้ำใจ
กว่าเราจะตาย
กว่าเราจะตาย มิรู้เมื่อไหร่
โอ้ไฉน ชีวิต
คอยเป็นนายเรา...
21 กันยายน 2549 22:45 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6370.html
(ปลายฟ้า)
สวรรค์ส่งเธอมาวันฟ้าหมอง
ดาวยังพลีร้องไห้แทนคนสิ้นหวัง
ดินเฝ้าครวญพายุโหมโถมประดัง
ลมเพ้อคลั่งรับเพียงโศกโลกทุกข์ทน
หากเพราะใจเพชรภายในไม่เคยท้อ
ไม่คอยพ้อถามฟ้าให้สับสน
ติดปีกใจเหิรบินไปท้าลมบน
ฝ่าพายุฝนลมแรงสู่แสงฟ้า
สร้างพลังจิตนิมิตหมายมิยอมแพ้
หาสัจจะแท้สัจจธรรมอย่างผู้กล้า
บินเหนือโลกย์ลบรอยโศกลิขิตชะตา
เพียรไขว่คว้าแสงธรรมทองส่องนำใจ
ณ..ปลายฟ้าทางช้างเผือกทอดพาดผ่าน
มีวิมานลอยในสายรุ้งงามไสว
เทพแห่งพรหมรอรับขวัญยอดดวงใจ
หลอมฤทัยรวมหนึ่งเดียวเกี่ยวก้อยสู่แดนฝัน..นิรันดร...
....................
หลายวันมานี้ ฟังเพียงบทเพลงบรรเลงแสนงามสงบสงัดจิต
บทเพลงสะท้อนชีวิตจากธิเบตและเนปาล
"The Secret of Himalaya"
1. The peeping Sun
2.Rage of Thunder
3.Changing Mood of himalayas
4.message of Himalayas
5.Romantic Mood
6.Good Bye The day
7.Shadow of Moon Light.
..................
และนี่คือชื่อเพลงแสนงามของ Nawang ค่ะ
1. MOVEMENT(HEART)
2 WANTING PEACE)
3. KINDESS AS THE KEY
4. START A KINDNESS COURSE
5. YEAR OF TIBET
6. THE FLIGHT OF SHAPHERD BOY
7. A SAD RETURN TO MYBIRTPLACE
8. KARUNA
9. PEACE THROUGH KINDNESS
10. NOBLE PEACE LAVREATE
11. WORKING FOR WORLD PEACE
และฟัง..
เสียง flute ของ Nawang Khechog ที่เขากล่าวถึงบทเพลงเอาไว้
อย่างน่าฟังว่า...
"This release is dedicated to the preservation of Tibetan culture and civilisation.
I appeal of my listeners to do something before one of the most unique and beautiful
cultures of the world disappears.
If you would like to learn how you can aid the situation of the Tibetan people
Please contact the Department of Information and International Relations.."
ประวัติ พระเอกนักเป่าfluteในดวงใจพุดไพรค่ะ
Born in Tibet.
Nawang Khechog spent his earliest years as the child of nomads.
In his boyhood he first learned to play the bamboo flute,
an ancient instrument popular in rural village throughout Tibet.,
After the brutal subjugation of Tibet by Chinese Communist in 1940.
Nawang and his family escapted to india.
There he studied meditation and Budhist philosophy, a path hefollowed
as monk for eleven years-four of them as hermit.
In 1986 , he emigrated to Australia where he first perfomed,
and his recordings achieved bestseller status.
Nawang is best known for his collborations with Kitaro,
inclouding a world tour and performances as Kitaro's Grammy
nominated Enchanted Evening and Mandala albums.
His live perfomances with philip Glass.Paul winter, Laurie Anderson,
Paul Simon, Natalie,Merchant and Baba Olatunji have received
international acclaim.
In 1996 Nawang also worked as Tibetan assistant directer and
actor For the Seven years in Tibet, directed by Jean-Jacques Annaud.
.....................
Up above the thunderclouds and beyond the wildflowers,
up where the air is thin,
Nawang sat silently in a cave for seven years occasionally
playing his flute at sunset.
Before the notes evaporated and were transformed
into an evening mist, they were heard by the mountain goats,
which stopped chewing and turned their heads to listen because
the god-like melodies filled them
with wonderment and made them want to dance...
..............................
"The key point is Kindness, with Kindess one will have inner peace.
Through inner peace, world peace can one day be a reality"
H.H. the Dalai lama
................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6370.html
(ปลายฟ้า)
ปลายฟ้าปลายฟ้า
แค่หลับตาลง คงพบกัน
โอบกอดดวงใจ สายสัมพันธ์
ท่ามกลางความฝัน ของเรา
ดาวน้อยดาวน้อย
โปรดลอยมาลง ตรงหัวใจ
เก็บเกี่ยวความคิด ถึงฉันไป
ให้เธอที่ปลายฟ้าไกล
คิดถึงเพียงเธอ
ในใจฉัน คิดถึง เพียงเธอ
ไม่มีคำใด จะแทน จิตใจ
มากมาย เท่าคำ นี้เลย
ดาวน้อยดาวน้อย
โปรดลอยมาลง ตรงหัวใจ
เก็บเกี่ยวความคิด ถึงฉันไป
ให้เธอที่ปลายฟ้าไกล
คิดถึงเพียงเธอ
ในใจฉัน คิดถึง เพียงเธอ
ไม่มีคำใด จะแทน จิตใจ
มากมาย เท่าคำ นี้เลย
ดาวน้อยดาวน้อย
โปรดลอยมาลง ตรงหัวใจ
เก็บเกี่ยวความคิด ถึงฉันไป
ให้เธอที่ปลายฟ้าไกล
ปลายฟ้า...