9 กรกฎาคม 2552 23:15 น.
พุด
เอนหลังนิทราวันฟ้าหม่น
หนาวเสียจนน้ำตาพรายพร่าไหล
กับลำพังเจ็บรานในดวงใจ
ไม่เป็นไรใจดวงนี้ที่ชาชิน
รักแค่มายาพาลวงหลง
สู่บ่วงกรงวิบากมิรู้สิ้น
วันนี้ภักดิ์พรุ่งนี้ชังน้ำตาริน
ตราบฟ้าดินตราบนี้จนสิ้นใจ
จึ่งตัดรักหักอาลัยไม่หวนไห้
กับเปล่าดายคืนฝันวันหวามไหว
รู้เมตตากลืนกล้ำให้อภัย
อดีตใครฝากแผลไว้มิหมายจำ
ยิ้มกับสายลมพรมพัดชื่น
ยามตื่นขอบคุณโลกได้อิ่มหนำ
มีดวงตาภายในพบพระธรรม
ได้ชื่นฉ่ำกับชีพนี้ที่แสนงาม....!
..................................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4.html
จงรัก
โปรด อย่าถาม ว่าฉันเป็นใคร
เมื่อในอดีตและโปรด อย่าถาม
ว่าอดีต ฉันเคย รักใคร
รู้ไว้อย่างเดียว เดี๋ยวนี้รักเธอ
และรักตลอดไป รักมากเพียงไหน
กำหนดวัดได้ เท่าดวงใจฉัน
อย่า เพียรถาม ว่าฉันจะรัก
เธอนานเท่าใดฉันตอบไม่ได้
ว่าฉันจะรัก ชั่วกาล นิรันดร์
เพราะชี วิตฉัน คงไม่ยืนยาว
ไปถึงปานนั้นรู้แต่เพียงฉัน
หมดสิ้นรักเธอเมื่อ ฉันหมดลม
อย่า เพียรถาม ว่าฉันจะรัก
เธอนานเท่าใดฉันตอบไม่ได้
ว่าฉันจะรัก ชั่วกาล นิรันดร์
เพราะชี วิตฉัน คงไม่ยืนยาว
ไปถึงปานนั้นรู้แต่เพียงฉัน
หมดสิ้นรักเธอเมื่อ ฉันหมดลม...
9 กรกฎาคม 2552 10:54 น.
พุด
นิ่งนิ่งในรู้สึกอันลึกล้ำ
ดื่มด่ำดวงชีวีปรารถนา
งามเงาฝันในม่านจันทร์ดารา
ลบเหว่ว้าแม้นพบโลกวนโศกลวง
เดียวดายไร้ผู้ใดในถวิล
ครองจินต์เงียบสงบรอพบสรวง
ดั่งดาวรายหมายมองประดับทรวง
ใช่รอร่วงไขว่คว้ามายาลม
สายรุ้งเสน่หาร้อยรัดรึง
ติดตรึงดั่งพิษน้ำผึ้งขม
จารจิบเพียงนิดตรอมตรม
ระทมทุกข์ท้อกัปป์กาล
ช่อมณีในนามแห่งความรัก
ทายทักแลโลกแสนหวาน
แค่นั้นแค่นี้มิร้าวราน
ก้าวผ่านสู่แดนฝันมหัศจรรย์ภักดิ์...!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3738.html
ตลอดกาล
รัก แรก
แทรกความหวานฉ่ำล้ำ ทั้งมวล
เหมือน ชวน ให้ใจต้องเสน่หา
เหมือน ดั่ง สายน้ำชื่นฉ่ำเย็น
ไหลผ่านมา
สองอุรา พาให้ฝันใฝ่
รัก นั่น
ไม่มีวันเปลี่ยนผัน หัวใจ
ให้ ใคร มีใจเพียงเพื่อเธอ
แม้ โลก
หยุดหมุนรักก็ยัง มั่นเสมอ
ฟ้า มีดาว ฉัน มีเธอ
ตลอดกาล
ขอให้ รักเรา เคียงอยู่คู่ฟ้า
ไม่มีวัน ร้างรา
พลัดพรากจากไกล
ให้ฉัน ให้เธอ รักมั่นจริงใจ
ตลอดไป นานเท่านาน
ตลอดกาล
ขอให้ รักเรา
เคียงอยู่คู่ฟ้า
ไม่มีวัน ร้างรา
พลัดพรากจากไกล
ให้ฉัน ให้เธอ รักมั่นจริงใจ
ตลอดไป นานเท่านาน
ตลอดกาล...
8 กรกฎาคม 2552 10:32 น.
พุด
แด่จันทราดวงงามในร่มรัก
พลีภักดิ์เพียงเธอละเมอหมาย
สูงสุดสอยลอยดวงพรรณราย
งามพรายมิ่งมิตรอัลมิตรา
วันมงคลโฉมตรูสู่ขวัญโลก
ลบรอยโศกดั่งแสงรุ้งในอุษา
เป็นเทวีแห่งฝันจันทร์ดารา
ประดับฟ้าประดับใจไปตราบกาล
ให้มีรักในอ้อมภักดิ์เป็นรักแท้
รักแน่วแน่หนึ่งเดียวหวานแสนหวาน
ในอ้อมอกเสน่หาตราบเนานาน
อธิษฐานให้น้องน้อยเจ้ากลอยใจ
สานสายรุ้งสุนทรีย์แด่ชีวิต
นิรมิตดาวดวงช่วงไสว
ในโลกฝันนิรันดรเสมอไป
ร้อยมาลัยอักษรามาแทนพร....!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song973.html
ดวงใจในฝัน
รำพึงรำพันฝันรัก
รักเอยใฝ่หา
ยังจำติดตาชวนปลื้ม ฉันลืมไม่ลง
เป็นรองพิศวาส ปักใจมั่นคง
ฝังใจพะวง หลงรอคอย
อาวรณ์ใจครวญ หวนคิด
คิดจนพร่ำเพ้อ
พาใจละเมอ หมองหม่น
คิดจนเลื่อนลอย
ยามนอนถอนสะอื้น ตื่นตาแลคอย
คิดจนดาวลอย คล้อยเมฆา
ฝัน กอดเชยชม
ภิรมย์รื่น ฉ่ำชื่นตื่นผวา
จนใจ ไม่มีใครเมตตา
เพียงนิทรา นิจจานึกว่าสุขเอ๋ย
บางคืนมองจันทร์หรรษา
นิจจาอกฉัน
บางคืนขาดจันทร์ เยือนหล้า
น้ำตาหลั่งเคย
ลมเอยพริ้วยังแผ่ว ไม่มีแววเลย
เหงาใจจริงเอย หลงเชยแต่เรา
ฝัน กอดเชยชม
ภิรมย์รื่น ฉ่ำชื่นตื่นผวา
จนใจ ไม่มีใครเมตตา
เพียงนิทรา นิจจานึกว่าสุขเอ๋ย
บางคืนมองจันทร์หรรษา
นิจจาอกฉัน
บางคืนขาดจันทร์ เยือนหล้า
น้ำตาหลั่งเคย
ลมเอยพริ้วยังแผ่ว ไม่มีแววเลย
เหงาใจจริงเอย หลงเชยแต่เรา
รำพึงรำพันฝันรัก
รำพึงรำพันฝันรัก
รำพึงรำพันฝันรัก
รำพึงรำพันฝันรัก...
6 กรกฎาคม 2552 18:33 น.
พุด
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song336.html
ปีศาจวสันต์
แสงเทียนวะวูบไหวท่ามเสียงฝน
ฟ้ามืดมนหม่นหมองราวร้องไห้
หยาดน้ำตานางฟ้าดับแล้งไร้
พลีฝากให้พสุธานี้รมณีย์วัน
กี่วสันต์ตกต้องครองดวงจิต
หนาวชีวิตหนาวชีวาล้าแรงขวัญ
ช่อไมตรีผลิบานรับแสงตะวัน
ต่อไฟฝันยอดสร้อยร้อยอักษรา
หวังดอกไม้แย้มช่อในกอใจ
สู่หวังใหม่สายรุ้งเสน่หา
ทิพย์เทวีสู่วิมานแห่งมนตรา
รอเวลาแสนดีเรามีกัน
วิมานดาวพราวพร่างในยามดึก
ณ ไพรพฤกษ์ดั่งแดนสวรรค์
พบเงียบงามนิยามปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์
เพื่อฝากฝันฝากใจไปตราบกาล......!
.........................
สายฝนสายฝันสวรรค์ลา!
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song336.html
ปีศาจวสันต์
ดวง..นั่งเดียวดายอยู่ในกระท่อมไม้สน
ในยามสนธยาพลบค่ำยามย่ำเย็น
สายฝนภายนอกยังกระหน่ำหนัก
ให้ต้นไม้ริมชายคาแห่งรัก
ที่ได้พักพิงอิงใจในทุกยามเย็น
ไหวเอนรับหยาดละอองฝนพรำ
ดวงดอกโมก สีขาวพร่างพราวพร้อย
ห้อยพลีดอกคว่ำหน้าลงสู่พื้นพสุธา
ราวสาวไพรผู้น่ารัก
รู้จักถ่อมตนถ่อมกมลฝันเสียนี่กระไร
เป็นดอกไม้ชนิดที่แผกพิศ
ที่แสนพิเศษพิสุทธิ์
ที่มิเคยแหงนเงย
เชยเชิดหน้าท้าทายสายฝนและแสงแดด
ก็น่าแปลกดี ที่จริงๆราวกุลสตรีชาวไพร
ผู้รักดิน มิถวิลจะทะเยอทะยาน
ปานประมาณนั้น
ดวงนั่งรอ..
ให้สายพระพิรุณหยุดพร่างสายพรายพลิ้ว
ตรงหน้ามีแก้วน้ำผลไม้
ที่ดวงสั่งมารินร่ำดื่มให้รื่นรส
ให้หัวใจสลดดายเดียว
ได้รับหยดหยาดหวานชุ่มฉ่ำ
ให้หัวใจดวงช่างฝันได้ตื่นเต้น..
เต้นถี่ถี่ ในยามเย็น
ดับโลกโศก
สลดไปกับหยดฝนและหยาดน้ำตา
แม้นจะไร้ใครมาสบตา พาให้หวามไหว
ในท่ามกลาง
แสงเทียนริบหรี่วูบไหววับแวมก็ตามที
หากทว่าใจดวงหอมงามนี้
ก็ตื่นพร่างก็สล้างราวดวงดอกไม้
ได้รับหยาดน้ำค้างอมฤต
เป็นความว่างร้างไร้ ที่งามเงียบใจ
ที่ได้ปลดปล่อยดวงใจพ้นภาระพันธนา
ได้นั่งทอดตาดูแม่ดวงดอกกล้วยไม้ไพร
ที่ชูช่องงามไสวงามสง่าเลื้อยพันไปกับลำต้น
ของพญาสัตตบรรณ
ที่คงมั่นยืนตรงเป็นช่อชั้นแผ่กางราวร่มยักษ์
ให้พันธุ์ไม้รักไม้เลื้อย
ได้พักอาศัยพันฝากใจเปลือยช่อดอก
นั่นกล้วยไม้หลากสีสัน
ม่วง เหลืองพรายพรรณราย
ขาวสะอ้านที่แสนงามสง่า
ที่ทำให้ทุกดวงตาดวงใจไหวพบ
กับพลังงามงดแห่งความสดชื่นนี้
ที่แสนรื่นรมย์ใจ
สำหรับดวงใจ..ดวงนี้
ที่นั่งๆนึกๆคิดๆลึกๆนึกซึ้งไกล..
ไปกว่าใครใคร
ว่าโลกแสนยิ่งใหญ่นี้
ได้กำนัลฝันฟรีดั่งพลีของขวัญล้ำค่าที่สุด
ให้มวลมนุษย์เรา
ได้เชยชิดสนิทเนา
ในเงาเงื้อมงามธรรมชาติ
ที่ช่างอ่อนหวานอย่างที่สุดแล้วในโลกนี้
ที่ไม่ว่าดวงใจแสนดีจะหันไปในทิศทางไหน
ก็มีพลังงามแฝงยิ่งใหญ่
โอบเอื้อให้หัวใจไหวหวามละมุนรายรอบ
อย่างไม่เลือกถิ่นที่
บนภูไพร ป่าใหญ่รกร้าง
ท่ามโตรกธารธาราระรินหลั่งสะพรั่งสายระริกระริน
กลางห้วงหอมมิรู้สิ้นในกระท่อมใบไม้กระท่อมดง
ในดงดวงดอกไม้ป่า
ในดงดอกหญ้าพัดสะบัดไหว
รับพรายแสงตะวันอ่อนอุ่นยามอาทิตย์อุทัย
หรือยามทิวาหวาม
ยามตะวันดวงเศร้าดวงสวย
กำลังจะลาล่วงลาลับฟ้า
หรือกับเหว่ว้าริมทะเลที่เกลียวคลื่น
กำลังซัดสาดหาดทรายกระซิกระริกระรี้
ราวร้องร่ำพร่ำพ้อเพ้อฝากรัก
ว่ายังคงหนักแน่นมั่นคงตรงมั่นมิผันแปร
หรือยามที่...
สายแสงพระจันทร์หวาน ทอ ดวงสวยทุกผืนฟ้า
ไม่ว่าจะเป็นคืนจันทร์เสี้ยวเหว่ว้า
หรือ
คืนที่จันทร์เพ็ญเด่นดวงแจ่มจรัส
ที่หยาดสายหวานสะพัดพร่าง
ให้ห่มหอมงามทุกดวงใจ
ในผืนโลก ลบโศกสร้างสุขสร้างฝัน
ไปกับจันทร์ดวงแอร่มแต้มฟ้าหวานหวาน
หรือ
ยามที่อุทัยโลกหมุนหมุนตะวัน
คืนกลับมาคลี่ยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนสาดส่องผืนฟ้า
ให้มวลหมู่นกกาได้เริงร่าผกโผผิน
ให้วัฎฎจักรแห่งทุกชีวิน
ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างเริงร่า
ให้สายธาราระรินไหล
พร้อมดวงดอกไม้ไพรแสนหวานหล่นละลาน
หว่านพรายแตะแต้มเต็มท้องน้ำ
งามจนยากบรรยาย
หรือ
ในท่ามกลางผาหิน
ที่นอนเคียงคู่ขวัญอ้อนจันทร์อ้อนใจ
นอนนับดาวพราวไสวสุกเต็มอ้อมฟ้า
ราวทะเลดาวพราวพร่าง
ให้ได้อ้อนสุดที่รัก
ให้เด็ดดาวมาแตะแต้มประดับผม
ให้วะวิบวาวราวมงกุฎเพชร
ราวเพชรจากมือนางฟ้าโปรยปรายให้ชื่นให้ฉ่ำ
ให้สร้างฝันหวามไหว
ไปตามจินตนาการหวานหอมมิรู้สิ้นรู้จบ
หรือ
ในกระท่อมริมทะเลฝัน ในเกาะห่างไกลผู้คน
มีเพียงสองกมลขวัญ
นอนห่มผ้าผืนเดียวกันซุกอกอุ่นไอ
ดูสายฝนพรำ ฟ้าฉ่ำริน
ดูดวงดอกฝนที่แตกดอกพร่าง
กลางเวิ้งน้ำทะเลเขียวมรกต
ที่แสนงดงามราวดวงดอกไม้เล็กๆ
เต็มแต้มแย้มงามพราวไปทั่ว..ผืน
ราวฝืมือจิตรกรเอกมาเสกสรร..วาด
หรือ
กับแสงเทียนวะวูบไหว
ระบัดพลิ้วไหวไปตามแรงลม
กับโนมเนื้อละมุนอุ่นอิ่ม
กับหอมกลิ่นกรุ่นกาแฟ
กับหนังสือดีดีในมือสักเล่ม
ให้....
กระท่อมฝันกลายเป็นกระท่อมสวรรค์หวาน
ในชั่วพริบตา ก็มิปาน
และแปลกดีนะ
ที่หัวใจ คนเรานี้ต่างมีคนละดวง
ต่างเก็บไว้คนละทรวง
และต่างจิตต่างใจต่างลิขิตคิดฝันไป
ได้หลายร้อยพันรูปแบบ
ในทิศทางธรรมทางใด
แต่ทว่า
หากสองดวงใจมิสิ้นสายใยสายใจรักถักทอ
ใจดวงแยกนั้น
พลันจะพร้อมพลี
หันกลับมาหลอมละลายรวมกันได้เป็นหนึ่งเดียว
จะเกี่ยวเกาะไว้อย่างแนบแน่น
ไม่ว่าจะห่างกันแค่ไหน
จะไกลสักครึ่งฟ้า
หรือว่าจะว้าเหว่เดียวดาย
พลัดพรายอยู่ไกลกันคนละซีกโลก
ก็จะมาบินมาสอดผสานผสม
ห่มหอมหวานในห้วงใจ
ราวเป็นหนึ่งเดียวมิเกี่ยวกับไกลกับกาลเวลา
ใจทุกดวง
เพียงเปิดใจรับสรรพสิ่งแสนงามไม่ว่ายามไหน
กับทุกสิ่งที่แสนยิ่งใหญ่
ที่ธรรมชาติหยิบยื่นให้มา
เพื่อให้มวลมนุษย์
ได้พาพบมาหลอมละลายสงบงามในนวลเนื้อใจ
ให้รู้รักกันแบ่งปันฝันพลีฝันฟรีนี้
ราวกับจะมาสอนบทเรียนแสนดี
ให้มวลมนุษย์ได้หยุดคิดทำลายกันและกัน
รวมทั้งธรรมชาติ
ที่มีแต่ฝากความงามความดี
ให้ดวงใจเรานี้เปิดรับพลังภายใน
เปิดบ้านแห่งจิตวิญญาณ
รับดวงดอกไม้บานรับสายฝน สายฝัน
รับสายแสงทอง
หยาดละอองน้ำค้างในยามเช้า
เฝ้ารอสายน้ำผึ้งหวาน
จากพรายพระจันทร์ในยามค่ำ
รับหยาดน้ำค้างใสในยามดึก
มาดื่มรินราวดวงดอกไม้
ให้คลี่เพียงหัวใจถวิล
รับเพียงงามง่ายใกล้ตัว
และ
ให้ดวงใจมิหมองมัวมืดดำ
รู้คิดคืนงาม
ในนิยาม*ให้*แด่เพื่อนมนุษย์
ร่วมโลกโศกสุขทุกข์ร้อนเดียวกันนี้
ที่จำต้องหันมาพึ่งพาพึ่งพิง..
ไม่ใช่ทิ้งธรรมชาติงาม
แล้วมีแต่ตาต่อตารบราฆ่าฟัน
ให้..
เลือดหลั่งรินให้ใจโศกเศร้า
ราวอมนุษย์ก็มิปาน
ไยกันเล่าถึงต้องประหัตประหารเข่นฆ่ากัน
เจ้ามนุษย์ผู้โง่เขลาเบาปัญญา
สำหรับดวง..
มีความสุขเหลือล้ำ
เสมือนหัวใจมีรากแก้วรากขวัญ
ที่ฝังลึกผนึกเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสรรพสิ่ง
ที่สอนให้รู้นิ่งมองงามในทุกยามเหงาว้าเหว่
เหมือนสายฝนสายฝัน
ที่ช่างแยกกันมิออกเลยนะ
เพราะฝนคือพลังมหัศจรรย์
ให้ทุกดวงใจได้พบหวานหวัง
พบพลังสร้างฝันแสนงาม
บางครั้งฟังเสียงสายฝนมาตอกย้ำ
ให้ชื่นฉ่ำชีวาชีวิต
และ
มาตรแม้นบางคราฟังราวปีศาจวสันต์
มากระหน่ำซ้ำเติมใจให้ยิ่งเจ็บช้ำ
ย้ำยิ่งตรมระทมทุกข์
มาร้องคร่ำครางครวญหวนไห้โหยหา
ยามดวงใจอ่อนล้า
สิ้นไร้รักร้างไร้ร่างใครมาเคียงข้างกาย
ที่ทำให้ยิ่งกระหาย
อยากผวาหาอ้อมอกอุ่นมาซุกซบ
ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน
แล้วสบตาหวานฉ่ำ
กระซิบพร่ำคำรัก
แลกรสรักหวานหวานระร่ำระริน
มิสิ้นสายสวาทเสน่หา
โอ้..กระไรเลย..ใจดวงงาม
แค่นั่งมองสายฝน
ไยต่อสายฝันให้พลันลอยละลิ่วปลิดปลิวไปไกล
ได้ถึงเพียงนี้ละหนอละนี่
มองอีกที..เอ๊ะ!
หรือเพราะว่า
น้ำผลไม้สีเลือดรักสีทับทิมพลันพร่องแก้ว
แววหวานเลยวะวับจับจิตจับใจ
ให้ฝันไกลไปได้ถึงไหนไหนนะนี่นะ
จนต้องหันกลับมาหยุดฝัน
ก่อนที่น้ำตาขวัญฝันจะพลันพร่างร่วงริน
เมื่อตระหนักว่า....
ไม่ว่าจะวันนี้วันไหน
หัวใจดวงนี้ก็ยังดายเดียวเดียวดาย
ราวอยู่....
ท่ามกลางปลายโลกร้าง
ลำพังและลำพังนิรันดร..!
............................................
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song336.html
ปีศาจวสันต์
เรา จากกันวันนั้นยังจำ
จากกันวันนั้นฝนพรำ
พรางม่านกรรม คล้ำครึ้มคลุมเวร
ลมครางฝนครวญ ไพรสั่นชวน รวนระเนน
ความกดดัน ขั้นเดน เหมือนจะเค้น ฆ่า กัน
เรา จากกันวันนั้นนานมา
แต่เมื่อวสันต์ลีลา ฤาสร่างซาฝนฟ้าฟูมฟาย
ฤดู ฤดี มันไม่มี วันคืนวาย
มันสาปใจ สาปกาย คล้ายมนต์ร้าย พรายผี
ผี วสันต์ มันหลอก มันหลอน
ปีศาจวสันต์วันก่อน ยังสังวรณ์ เวรนี้
ฟัง โถฟัง ฟังฝนตกซี เหมือนนรกตกตี
ย้ำ ขยี้ ใจ ตรม
ไป จากไป ไปแล้วไปเลย
อย่ามาชวนชิดชวนเชย
ปีศาจเอย ร้างเลยอารมณ์
ลมมา ฝนมา จงอย่ามา พาระทม
เพียงโศกทราม เศร้าซม ฉันจะล้ม ตายแล้ว...
.....................